Share

บทที่ 292

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ซุนหมัวมัวที่มิอาจควบคุมความอยากรู้อยากเห็นของตนเองได้นั้น จึงแกะจดหมายประจำตระกูลของฮองเฮาออกมา

น่าแปลก เนื้อหาด้านในจดหมายเป็นเพียงเนื้อหาปกติทั่วไปที่สื่อถึงความเป็นห่วงเป็นใยเท่านั้น

จดหมายเช่นนี้เหตุใดจึงต้องลอบส่งออกจากวังไปด้วยเล่า?

หาได้เป็นเรื่องที่จำเป็นไม่

เมื่อกลับมาคิด ๆ ดูแล้วนั้น บางทีอาจจะเป็นแผนการที่ฮองเฮาลอบทดสอบความสามารถของนางดูก็เป็นได้ ว่านางจักสามารถใช้การได้หรือไม่

ซุนหมัวมัวจึงรีบทำตามรับสั่ง พลางนำจดหมายลอบส่งไปที่ประตูทิศตะวันออกในทันที

ทางด้านประตูทิศตะวันออกนั้นมีคนรอรับจดหมายอยู่แล้ว

ไม่นานนัก อู๋ไป๋จึงได้รับจดหมายในทันที

เนื้อความในจดหมายแม้จักดูธรรมดาไปนัก แต่แท้จริงแล้วเป็นการจัดเรียงข้อความลับ

ท่านแม่ทัพน้อยมักจะชอบใช้ “สามสี่หนึ่งห้า”

นั่นก็คือ วงคำที่เกี่ยวข้องในแต่ละประโยคออกมา เมื่อนำความหมายมาเชื่อมโยงกันนั้น ก็จักแปรเปลี่ยนเป็นความหมายแท้จริงที่ต้องการจะสื่อ

——[เฉียวม่อมีคนให้ความช่วยเหลือ สืบหา]

เมื่ออู๋ไป๋อ่านจบแล้วนั้น เขาก็จัดการเผาจดหมายทิ้งในทันที

……

ภายในตำหนักหย่งเหอ

วันแรกของปีเช่นนี้ เหล่าบรรดานางสนมทั้งหลายย่อมมาแสดงควา
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (13)
goodnovel comment avatar
Notto Art
ค้างอีกแล้ว
goodnovel comment avatar
Naramol Olsson
เซ็งเลยเนอะคะ...
goodnovel comment avatar
Notto Art
สนุกสนุก เรื่อง ดำเนินเร็วดี ไม่ยืดเยื้อ เหลืออีกกี่ตอนจะจบค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 293

    ไทฮองไทเฮาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง“เจ้าแต่งเข้าวังมาก็นานแล้ว หากยังมิได้เข้าร่วมบรรทมกับฝ่าบาทอีกใช้ได้ที่ใดกัน?”เดิมทีพระนางตั้งใจจะเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้ ทว่า ฝ่าบาทที่มิใส่ใจเรื่องนี้จึงได้แต่พยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดในเมื่อฝ่าบาทสามารถทำให้ฮองเฮาตั้งครรภ์ได้แล้วนั้น เช่นนี้พระองค์ย่อมมิอาจหาเรื่องปฏิเสธไปได้อีกอีกทั้ง เขาที่เคารพรักเสด็จย่าเช่นนางมาโดยตลอดในยามที่เพิ่งจัดพิธีมงคลสมรสไปได้ไม่นานนั้น ฮองเฮาก็ยังเป็นสตรีพรหมจรรย์อยู่ หากแต่เป็นพระนางที่ออกคำสั่ง จึงทำให้ฝ่าบาทและฮองเฮาได้เข้าหอเช่นนี้การถวายตัวของฉานเอ๋อร์นั้น ไทฮองไทเฮาจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งใบหน้าสวยงามของมู่หรงฉานพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงพลางตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า“หม่อมฉันน้อมรับฟังคำของท่านเพคะ”ถึงแม้ท่าทีของมู่หรงฉานจักดูอ่อนโยนเรียบร้อย ทว่า นัยน์ตากลับฉายแววความทะเยอทะยานออกมาแต่งเข้าวังมาในฐานะสนม ประสูติพระโอรส เดิมทีทั้งหมดล้วนแต่เป็นเป้าหมายของนางทว่านางถูกเรื่องราวของตระกูลมารดาฉุดรั้งเอาไว้เท่านั้นในยามนี้ก็ปล่อยให้ฮองเฮามีอำนาจเหนือกว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 294

    เฉียวม่อที่ยืนมาโดยตลอดนั้น เมื่อได้ยินเฟิ่งจิ่วเหยียนออกคำสั่งให้ตนเองคุกเข่าลง นางถึงกับชะงักไปในทันทีแววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนฉายแววเย็นชา“ข้าสั่งให้เจ้าคุกเข่า เจ้าย่อมมิอาจยืนได้ ตนเองเป็นถึงขุนนางของราชสำนัก แม้แต่กฏเช่นนี้ยังมิรู้งั้นหรือ?”เฉียวม่อรู้สึกจุกอกขึ้นมาในทันทีไม่ว่านางจักเอ่ยเล่นลิ้นออกมาอย่างไร ย่อมมิอาจอยู่เหนืออำนาจของราชสำนักไปได้ ก่อนหน้านั้นเป็นเพราะศิษย์พี่เอ็นดูนาง อย่าว่าแต่ให้คุกเข่าเลย แม้แต่ให้ยืนนาน ๆ ศิษย์พี่ก็หาให้นางทำเช่นนั้นไม่ความห่างของระดับชั้นนี้ ทำเอาเฉียวม่อมิอาจรับได้ นางยืนนิ่งมิขยับเช่นนั้นอยู่นานเมื่อได้ยินคำสั่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น องครักษ์ของวังหลวงจึงได้เข้ามาในตำหนักเฉียวม่อที่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น พลันนึกไปถึงศิษย์พี่ยามที่อยู่ในค่ายทหาร เพียงแค่ร้องเรียกคำเดียว บรรดาเหล่าทหารก็จะก้าวออกมารับคำสั่งในทันทีนี่คืออำนาจเป็นแม่ทัพนั้นมีอำนาจ ฮองเฮาก็มีอำนาจเช่นกันเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีดุดันว่า“เมิ่งเฉียวม่อกระทำตัวต่อเราด้วยความหยาบคาย ลากออกไปคุกเข่าสักหนึ่งชั่วยามเสีย”ทหารองครักษ์รับคำสั่งพวกเขาหาได

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 295

    เฉียวม่อคุกเข่าท่ามกลางลมหนาวที่พัดเข้ากระดูมานานกว่าครึ่‘ชั่วยาม เมื่อเห็นฝ่าบาทเสด็จมานั้น นางจึงรีบหันหน้าไปหาด้วยท่าทีไร้หนทางในทันทีมิคิดเลยว่า ฝ่าบาทหาได้หันมามองนางสักตาเดียวไม่ พลางเดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านในตำหนักแทนเฉียวม่อจ้องมองไปยังแผ่นหลังของฝ่าบาท พลางกำหมัดที่แดงก่ำจากความหนาวเย็นเอาไว้แน่นศิษย์พี่มิได้ชมชอบฝ่าบาท นางรู้ดีแล้วฝ่าบาทเล่า?ฝ่าบาทดูเหมือนจะ...ชอบศิษย์พี่มากทว่า ไม่ว่าจะชมชอบสตรีมากเพียงใดก็ตาม พระองค์ก็คงมิยอมให้สตรียื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องราวในราชสำนักอย่างแน่นอน ทั้งยังมิยินยอมให้นางมารังแกท่านแม่ทัพภายใต้การบังคับบัญชาของตนเองอีกด้วย!ภายในตำหนักในเมื่อเซียวอวี้เข้ามานั้น เขาก็ไล่คนอื่น ๆ ให้ออกไปในทันที ซันหมัวมัวหันกลับไปมองฮองเฮาด้วยท่าทีหมดหนทาง พลางใช้สายตาสื่อออกมาวว่า “ผู้ใดให้ท่านมิฟังคำข้า เกิดเรื่องแล้วใช่หรือไม่” เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ทว่า บนใบหน้าหาได้มีท่าทีตื่นตระหนกหรือรู้สึกผิดอันใดไม่“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”เซียวอวี้พลางถามด้วยท่าทีดุดัน“เหตุใดต้องลงโทษแม่ทัพเมิ่งให้นั่งคุกเข่าด้วย?”เซียวอวี้มิได้เอ่ยต่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 296

    เมื่อได้ยินว่าเฉียวม่อเป็นลม สายตาของเซียวอวี้พลันเปลี่ยนไปในทันทีพลางขมวดคิ้วเป็นปม เพื่ออดกลั้นน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความโมโหเอาไว้ พร้อมเอ่ยตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาว่า“เจ้าทำได้ ‘ดี’ ยิ่ง!”เซียวอวี้จึงสั่งให้คนไปอุ้มเฉียวม่อเข้าไปพักที่ตำหนักข้าง ทั้งยังเรียกตัวให้หมอหลวงเข้ามาตรวจดูอาการของนางในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่ง ห้ามคนภายในตำหนักหย่งเหอแพร่งพรายเรื่องราวในวันนี้ออกไปไม่นานนัก เฉียวม่อจึงตื่นขึ้นมาภายในตำหนักที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นมีนางกำนัลสาวใช้ที่รอปรนนิบัตินางอยู่ภายในตำหนักนั้น“ใต้เท้าเมิ่ง ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ?” นางกำนัลเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลเฉียวม่อหาได้เป็นลมจริง ๆ ไม่นางเพียงแค่อดทนรอไม่ไหวเท่านั้นในยามนี้นางกำลังนอนอยู่บนเตียง พลางแสดงท่าทีเหนื่อยอ่อนแรงออกมาให้เห็น“พยุงข้า...ขึ้นมา ข้ายังคุกเข่าไม่ครบหนึ่งชั่วยาม...”ตึก!นางทำเหมือนขาทั้งสองข้างได้ถูกแช่แข็งเอาไว้ แม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังไม่ไหว เมื่อนางลุกขึ้นมานั้นร่างกายจึงล้มลงไปบนพื้นในทันทีนางกำนัลจึงเข้ามาช่วยพยุงนางลุกขึ้นโดยไว“ใต้เท้าเมิ่ง ท่านมิต้องเป็นกังวลไปเจ้าค่ะ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 297

    เซียวอวี้หยิบถุงหอมขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในทันทีเขาจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเพื่อมิให้นางคิดทำอะไรบุ่มบ่ามในขณะเดียวกัน ก็ส่งเสียงสั่งการไปยังด้านนอกตำหนักว่า“เชิญหมอหลวง!”ไม่นานนัก หมอหลวงชราที่เป็นผู้ดูแลเรื่องการตั้งครรภ์ของฮองเฮาก็รีบมาในทันทีเขารู้ดีว่าฮองเฮาหาได้ตั้งครรภ์ไม่หมอหลวงเพียงแค่ดมถุงหอมก็สามารถสรุปออกมาได้ว่า“ทูลฝ่าบาท สิ่งนี้คือกลิ่นหลิงหลิงพ่ะย่ะค่ะ มีส่วนช่วยในการส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้หาได้พบความผิดปกติไม่คำพูดของหมอหลวงหลังจากนั้นกลับขยายความออกมาในทันที“ทว่า ของสิ่งนี้มีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นชะมด หากสตรีมีครรภ์สัมผัสได้สูดกลิ่นเข้าไปเป็นเวลานานนั้น ย่อมส่งผลต่อทารกในครรภ์ จนนำไปสู่การตกเลือดหรืออาจทำให้ทารกในครรภ์ตายได้พ่ะย่ะค่ะ! มิต้องเอ่ยถึงสตรีตั้งครรภ์เลย แม้แต่สตรีปกติทั่วไปก็มิเหมาะที่จะพกถุงหอมนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียนลอบกำหมัดแน่นอยู่ในแขนเสื้อของตนเองเจอจนได้...ดวงตาของเซียวอวี้ค่อย ๆ มืดครึ้มลง ราวกับว่าแสงสว่างที่ค่อย ๆ มอดดับไป ทั้งยังเจือไปด้วยความหนาวเย็น ทำเอาผู้คนนึกหวาดกลัวจนตัวสั่นไปในทันทีทว่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 298

    เมื่อเฉียวม่อเห็นฝ่าบาทเดินออกจากตำหนักหย่งเหอไปนั้น นางจึงรีบติดตามไปในทันทีนางที่เป็นเพียงองครักษ์อารักขาประตูนั้น โดยปกติแล้วหากมิได้มีพระราชโองการเรียกตัวย่อมมิอาจเข้ามาในวังได้ในฐานะที่นางเป็นสตรีนั้น เกรงว่าไม่ว่าจักมียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตเพียงใด ก็มิอาจเข้าร่วมการว่าความหรือการประชุมเพื่อพูดคุยเรื่องบ้านเมืองได้หากว่ากันแล้ว นางมีโอกาสน้อยมากนักที่จะได้พบฮ่องเต้ยามที่นางอยากจะเอ่ยเรื่องบางอย่างออกมานั้น กลับเห็นนัยน์ตาที่แดงก่ำทั้งสองข้างของฮ่องเต้เข้าเสียก่อน ราวกับอยากจะสังหารผู้ใดก็ไม่ปานนางพลันรู้สึกหวาดผวาไปในทันที ความประทับใจที่ฝ่าบาทมีให้แก่นางนั้น อย่างมากที่สุดคือท่าทีเข้มงวดหรือใบหน้าที่มีรอยยิ้ม หาได้น่ากลัวเท่ากับวันนี้ไม่“เรื่องใด?” กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทั่วร่างของเซียวอวี้ราวกับประติมากรรมน้ำแข็งก็ไม่ปาน สามารถแช่แข็งความอบอุ่นโดยรอบที่หลงเหลืออยู่เฉียวม่อที่ได้สติกลับมานั้น นางจึงรีบยกมือขึ้นคำนับในทันที“หม่อมฉันมีพิมพ์เขียวอาวุธที่หม่อมฉันอยากจะนำมาถวายแด่ฝ่าบาทเพคะ!”ลมหนาวที่พัดผ่านหน้าทำเอารู้สึกความเจ็บปวดขึ้นมาในฐานะฮ่องเต้ของแผ่นดินนั้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 299

    เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ดีกว่าผู้ใด ปืนหอกไฟแบบใหม่นั้นดูเหมือนว่าจะสามารถใช้การได้ดี แต่แท้จริงแล้ว หาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่สิ่งที่เฉียวม่อมองว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าจนนำไปเป็นของตัวเอง แท้จริงแล้วล้วนเป็นสิ่งไร้ค่าสำหรับนางในขณะเดียวกัน ผู้คนภายในกรมศัสตราวุธต่างก็พากันล้อมดูภาพพิมพ์เขียวแผ่นนั้นสายตาของพวกเขาพลันเปล่งประกายออกมา ทั้งยังเอ่ยชมเชยออกมาไม่ขาดปากว่า“เมิ่งเฉียวม่อผู้นี้นับว่าเป็นวีรสตรีจริง ๆ ! นางสามารถวาดพิมพ์เขียวออกมาได้งดงามจริง ๆ !”“กรมศัสตราวุธของพวกเรามิได้มีของดี ๆ แบบนี้มานานแล้ว! แจ้งข่าวแก่ช่างฝีมือทุกนายว่า เรื่องอื่นมิจำเป็นต้องสนใจ รีบสร้างปืนหอกไฟแบบใหม่ขึ้นมาเสียก่อนเถอะ!”“ข้าตั้งหน้าตั้งตารอคอยยิ่งนัก!”หลังจากที่ได้เห็นภาพพิมพ์เขียวนั้น คำชื่นชมสรรเสริญเยินยอที่มีต่อเฉียวม่อก็เพิ่มขึ้นมาในทันทีสตรีที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ใต้หล้านับว่าหาได้ยากยิ่งนักนับว่าโชคดีที่นางเกิดและเติบโตในหนานฉีปืนหอกไฟหรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปืนฉับพลัน ปืนลำสั้นจักยาวประมาณหนึ่งนิ้ว และปืนลำกล้องยาวจักยาวถึงเจ็ดนิ้วรูปร่างภายนอกดูเหมือนท่อยาว ๆ หลังจากที่มีการ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 300

    ตำหนักเซี่ยวเสียนหนิงเฟยที่กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่นั้น พลันทุบปิ่นปักผมในมือลง ทำเอานางกำนัลที่กำลังทำผมให้อยู่ถึงกับหวาดผวารีบคุกเข่าลงไปในทันที“พระสนมใจเย็น ๆ ก่อนนะเพคะ!”หนิงเฟยมองดูตัวเองในคันฉ่อง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบยี่สิบปีของนางหลังจากที่ใช้ชีวิตทุกข์ทรมานและเศร้าโศกมานานหลายปี ใบหน้านี้หาได้หลงเหลือความเป็นสตรีในวัยแรกแย้มเอาไว้ไม่ จำเป็นต้องใช้เครื่องประทินโฉมต่าง ๆ มากมาย ถึงได้มองดูมีความเปล่งประกายงดงามออกมานางที่มีตำแหน่งเป็นถึงนางสนม หากแต่หาได้เคยร่วมบรรทมกับฮ่องเต้ไม่ บอกไปผู้ใดจักไปเชื่อฮองเฮาที่มาทีหลังแต่มีสถานะที่มั่นคง นางก็หาได้อันใดไม่ ในยามนี้นางยังมาถูกสตรีเช่นมู่หรงฉานที่เพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่ครบหนึ่งปีแซงหน้าไปอีก!ทั้งยังเป็นในวันเกิดของนางอีก...หนิงเฟยยังคงเอ่ยถามด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อว่า“ฝ่าบาทเรียกตัวให้จิ้งกุ้ยเหรินมาร่วมบรรทมจริง ๆ หรือ?”สาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น รีบร้อนพยักหน้าลงในทันที“เพ...เพคะ”นางรู้ดีว่าพระสนมไม่พอใจ แต่ก็มิกล้าเอ่ยโป้ปดออกมาเรื่องที่จิ้งกุ้ยเหรินถูกเรียกให้

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 770

    เซียวอวี้รู้สึกมุทะลุน่าขันถึงว่านาง “สูญหาย” ไปหลายวัน ยังทำให้ตนเองกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ที่แท้ก็ไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของคนอื่น !เขาเดินมาตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน ยกมือเช็ดฝุ่นบนใบหน้าให้นางด้วยตนเอง“เรื่องอันตรายเช่นนี้ ทำไมเจ้าจะต้องไปทำด้วยตนเอง ?“เจ้ารออภิเษกอยู่อย่างสงบ ไม่ได้หรือ ? ”ตอนนี้ก็เหลือเพียงชุดแต่งงานยังปักไม่เสร็จ ไม่อย่างนั้นเขาสู่ขอนางเข้าวังมาตั้งแต่แรกแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนทุกวี่วันทว่าครั้งนี้ถือว่าเข้าใจหัวอก ความรู้สึกของสองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งในตอนนั้นตอนที่นางยังเป็นเด็ก ก็คง “อยู่ไม่เป็นสุข” เช่นนี้ วันทั้งวันวิ่งไปโน่นวิ่งไปนี่เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง“หลุมฝังศพมีกลไกมาก ข้าก็อยากไปเรียนรู้”มองท่าทีแสวงหาความรู้ด้วยความตั้งใจจริงของนาง ในใจเซียวอวี้อ่อนไหวทันที ประคองใบหน้าของนางไว้ พร้อมจูบบนริมฝีปากของนางสองทีชื่นชอบนางอย่างมากจริง ๆ จนไม่รู้จะพรรณนายังไงเฟิ่งจิ่วเหยียนถูกเขาจูบอย่างแรงจนเซถอยหลัง “พูดเรื่องจริงจัง สิ่งของที่ถูกฝังกับศพ ไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด...”เซียวอวี้ใช้มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยของนางไว้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 769

    หร่านชิวตายไปแล้ว พรรคเทียนหลง สำนักจินเหลียนล้มล้างอย่างสิ้นเชิง หยางเหลียนซั่วเป็นมนุษย์หมูได้ไม่กี่วัน ก็เสียชีวิตใต้ก้อนหินที่ถูกคนขว้างปานับจากนั้น ยุทธภพไม่มีพรรคเทียนหลงอีก ทายาทราชวงศ์แคว้นเฉินขาดสิ้นวันเกิดวันที่สองของเซียวอวี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนพาคนมาถึงป่าทุรกันดาร ตามหาหลุมฝังศพของฮ่องเต้ไท่จงแคว้นเฉินเพื่องานนี้ นางนำตัวโจรปล้นสุสานหลายคนออกมาจากคุกหลวงคนชำนาญทำงานเฉพาะทางโจรปล้นสุสานพวกนี้ใช้ความเชี่ยวชาญที่มี เพียงไม่กี่วัน สามารถกำหนดตำแหน่งหลุมศพได้โดยประมาณจากการขุดอยู่อย่างต่อเนื่อง มีโลงศพปรากฏขึ้นมาที่แปลกก็คือ โลงศพนี้วางเป็นแนวตั้งโจรปล้นสุสานพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ฝังศพแนวตั้ง คนในโลงศพมีสถานะสูงส่ง! ใช่! จะต้องเป็นโลงศพของฮ่องเต้ไท่จงแคว้นเฉินแน่ ! ”องครักษ์คนหนึ่งพบว่าดินร่วน “มีเหตุผิดปกติ ! ”หลังจากขุดดินร่วน ปรากฏประตูเตี้ยบานหนึ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนมองประตูเตี้ยนั้น แล้วก็รีบสั่งให้คนย้ายโลงศพออกมา เพื่อหาสถานที่ฝังใหม่อีกครั้งจากนั้นก็สั่งคนงัดประตูเตี้ยนั้นออก ดูว่าข้างหลังประตูมีอะไรไม่นาน ประตูถูกงัดเปิดออกเห็นเพียงข้างในเป็นรูแคบ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 768

    ได้ยินประโยคหลังของเซียวอวี้ ท่าทีเฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยลองเขา?เฟิ่งจิ่วเหยียนหันตัวไป ถามทั้งที่รู้“ลองอย่างไร? ”เซียวอวี้จับมือของนางไว้ ลูบจากหน้าอกของเขาเลื่อนไปถึงท้องน้อย ในเวลาเดียวกันสายตาก็จับจ้องนาง ดูการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของนางเฟิ่งจิ่วเหยียนหายใจกระสับกระส่าย ดวงตาหรี่ลง มองเห็นอารมณ์ในสายตาของนางไม่ชัดเจนเซียวอวี้ขยับเข้ามาใกล้ข้างหูของนาง ยิ้มหัวเราะด้วยเสียงแหบเบา ๆ“ล้อเจ้าเล่น”นางมักจะสุขุมเย็นชา อยากเห็นท่าทีเอียงอายของนางนั้น ยากมากจริง ๆพูดเสร็จ เขาก็ปล่อยมือของนาง แล้วก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง“เราอยากเก็บไว้ในคืนวันแต่งงาน”ก่อนวันแต่งงาน เขาต้องอดกลั้นไว้ยามที่เขากำลังถอยออก เฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวเข้ามาหา คว้าจับคอเสื้อของเขา แววตาเต็มไปด้วยความก้าวร้าว ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูในสนามรบ“หากข้าจะเอาล่ะ ? ”เซียวอวี้ก้าวถอยหลังหลังหนึ่งก้าว ใบหน้าสับสนเล็กน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ“จิ่วเหยียน เจ้าสงบหน่อย”เขาก็อยากพลอดรักกับนาง ทว่าก็อยากได้งานแต่งงานที่ครบสมบูรณ์เฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มไม่ชัดเจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 767

    หร่วนฝูอวี้อ้อมมาข้างหน้ารุ่ยอ๋อง สายตาเต็มไปด้วยความสนใจ“ข้าเดาว่า ตอนนี้เจ้าจะต้องแปลกใจอย่างมาก ว่าข้ารู้ได้อย่างไร“ความจริงนั้น ง่ายมาก“ผู้ชายที่ไม่ชอบข้า หากไม่ใช่มีคนรักแล้ว ก็เป็นคนที่ไม่ชอบผู้หญิง! ส่วนท่าน ก็คืออย่างหลัง”รุ่ยอ๋อง: นางช่างมั่นใจในตนเองหร่วนฝูอวี้พูดอีก“ท่านคงกำลังคิดว่า ทำไมข้าถึงได้มั่นใจในตนเองขนาดนี้“ฮ่าๆ ผู้หญิงที่งดงามอย่างข้า...”รุ่ยอ๋องแลดูอ่อนโยนราวกับหยก พูดขึ้นมาอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย“แม่นางหยวน เจ้าเดินไปข้างหน้า เลี้ยวขวาที่ตรงทางแยกที่สอง เจ้าจะเห็นร้านเกี๊ยวร้านหนึ่ง ทางด้านทิศตะวันออก ด้านหน้าห้องที่สอง เจ้าเดินเข้าไป หมอที่นั่นจะตรวจอาการของเจ้าให้เป็นอย่างดี”หร่วนฝูอวี้: ! !เขากำลังด่าว่านางป่วย?……ในรถม้าเฟิ่งจิ่วเหยียนงีบหลับครู่หนึ่งหลายวันมานี้นางยุ่งกับการตามจับโจรสลัด อดหลับอดนอนรอเมื่อนางตื่นขึ้นมา พบว่าทิศทางไม่ถูกต้องนางรีบเปิดม่านหน้าต่าง มองออกไปข้างนอก“นี่ไม่ใช่ทางไปโรงพักแรม”นางหันมามองเซียวอวี้ที่อยู่ด้านข้างเซียวอวี้เอื้อมมือโอบเอวของนางไว้ ในความมืดมิด แววตาเต็มไปด้วยความเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 766

    ดวงตาหร่วนฝูอวี้เต็มไปด้วยความรัก พูดกับเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างยิ้มหวาน“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเข้าวังกับเจ้า”จากนั้นก็เปลี่ยนน้ำเสียง หันไปพูดกับเซียวอวี้“ฮ่องเต้ฉี ท่านแต่งตั้งให้หม่อมฉันเป็นสนมอะไรก็ได้ หม่อมฉันก็ไม่ต้องการตำหนักใหญ่โต ได้อาศัยอยู่กับท่านพี่ของข้าก็พอ”ตาคิ้วเซียวอวี้เยือกเย็นอย่างที่สุด ฟันกรามหลังคันยิก ๆ ยัก ๆแต่งตั้งเป็นสนม?นางช่างวางแผนได้ดีสายตาที่เซียวอวี้มองนาง ราวกับมองคนตาย“เจ้าหรือ โกศกำลังดี”“ท่าน!” สายตาหร่วนฝูอวี้ปรากฏรัศมีสังหาร กลับไม่สามารถฆ่าเขาได้จริง ๆนางหันไปควงแขนเฟิ่งจิ่วเหยียน ท่าทีราวกับไม่มีใครแยกพวกเขาออกจากกันได้ พูดขึ้นมาอย่างออดอ้อน“ท่านพี่ เจ้ายังติดค้างข้าค่ำคืนแห่งวสันต์”เซียวอวี้โมโหมาก“เจ้าอยากตายหรือ!”หร่วนฝูอวี้ฟังคำพูดของเขาเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา พูดอย่างถูกต้องก็คือ ไม่สนใจกับการมีตัวตนอยู่ของเขาเลยนางพูดเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียน“เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ตอนที่เจ้าอยู่ชายแดนใต้ ยืมหมอผีของข้าไปคนหนึ่ง เจ้ารับปากข้า เราสองคน...อืม?”ในระหว่างที่พูด นิ้วมือหร่วนฝูอวี้เกาะบนไหล่เฟิ่งจิ่วเหยียน แสดงออกถึงความงดงามอ่อนโ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 765

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเช่าบ้านไว้หนึ่งหลัง ขังโจรสลัดพวกนั้นไว้ข้างในพวกเขาถูกทรมานจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลอู๋ไป๋ชี้ไปยังตรงมุมที่หายใจรวยรินคนนั้น แล้วก็พูดกับเฉินจี๋“คนนั้นแหละ ก่อนหน้านี้เกือบหนีไป นายท่านไล่ตามกลับมาด้วยตนเอง”พวกโจรสลัดเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียน ราวกับหนูเจอแมว ตัวสั่นเทาไม่หยุดพวกเขาเคยเป็นกองโจรสลัดที่เก่งกาจ ตอนนี้กลับถูกหนุ่มคนหนึ่ง ตบตีจนแม้แต่แม่ก็จำไม่ได้แล้ว“อย่าตี... อย่าตีข้า ที่ควรพูดข้าก็ล้วนพูดหมดแล้ว...”เฉินจี๋หิ้วคนหนึ่งขึ้นมา ลากไปตรงหน้าเซียวอวี้นิ้วมือทั้งสิบของคนนั้นเปื้อนไปด้วยเลือด ดูก็รู้ว่าถูกทรมานมาก่อนเขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “มีคนให้ทองพวกเราเป็นจำนวนมาก สั่งพวกเราลงมือทำเช่นนั้น “พวกเราทำงานรับค่าจ้าง รู้เพียงว่านั่นคือเรือของตระกูลมั่งคั่ง...ไม่เช่นนั้น ต่อให้พวกเรามีความกล้าหาญคับฟ้า ก็ไม่กล้าปล้นเรือของราชวงศ์“ตอนที่เรือคว่ำ คนอื่นหนีไปหมดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นกระโดดลงจากเรือ พวกเราเป็นคนช่วยนางขึ้นมา“นางเอาป้ายหยกของนางให้พวกเรา บอกว่ามีมูลค่ามาก ขอให้พวกเราปล่อยนางไป“นางสวยงดงามมาก เดิมพวกเราคิดอยากบังคับขืนใจ เมื่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 764

    เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่าในวังมีงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด จึงนัดไว้เป็นเวลายามไฮ่สุดท้าย ก่อนยามไฮ่หนึ่งชั่วยาม เซียวอวี้ก็มาแล้วเขาแต่งตัวสวมอาภรณ์สีแดง “งดงามฉูดฉาดหรูหรา” เฟิ่งจิ่วเหยียนมองข้างหลัง ยังนึกว่าเจียงหลินโผล่มาแขกรอบข้างต่างมองดูเขานางมาถึงหอสุราก่อนเวลาครึ่งชั่วยาม คิดไม่ถึงว่าเขามาเร็วกว่า“หม่อมฉันจองห้องส่วนตัว อยู่ชั้นสอง” เซียวอวี้คว้าจับมือของนางไว้ทันที กลับถูกนางสะบัดทิ้งด้วยสัญชาตญาณยังไง เวลานี้นางแต่งกายเป็นบุรุษผู้ชายสองคนเดินจุงมือกัน ดูได้ที่ไหนมือเซียวอวี้ค้างอยู่กลางอากาศ น้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกหรือนางโกรธที่ตนเองไม่ได้อยู่กับนางมาหลายวัน?เมื่อเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว เซียวอวี้รวบโอบกอดคนตรงหน้าทันทีข้างนอกประตู อู๋ไป๋ปิดประตูห้องอย่างรวดเร็วเขาเงยศีรษะขึ้นมา เห็นเฉินจี๋ไม่ขยับเขยื้อน ได้แต่ยืนตัวตรง ก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ“ข้าว่า เจ้าปิดประตูไม่เป็นหรือ?”เฉินจี๋ : ?ภายในห้อง เฟิ่งจิ่วเหยียนผลักเซียวอวี้ ขมวดคิ้วพูดขึ้นมา“เนื้อตัวหม่อมฉันสกปรก”เซียวอวี้เพิ่งค่อยสังเกตเห็น บนอาภรณ์ของนางเปื้อนไปด้วยฝุ่น ราวกับได้มุดผ่านตร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 763

    คำพูดที่มู่หรงหลันพูดก่อนตาย รุ่ยอ๋องเล่าให้เฟิ่งจิ่วเหยียนฟัง “น่าเสียดาย นางพูดเพียงมนุษย์โอสถ ไม่พูดอะไรต่อ” ระหว่างคิ้วรุ่ยอ๋องเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเฟิ่งจิ่วเหยียนครุ่นคิด“พรรคเทียนหลงเคยเลี้ยงมนุษย์โอสถ ควรที่จะสืบต่อไป ทว่าเรื่องนี้ควรให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัย”เมื่อพูดเสร็จ นางทำความเคารพกล่าวลารุ่ยอ๋องหันมามองเงาร่างของนางที่เดินจากไป ยังรู้สึกประหลาดใจ...แม่ทัพน้อยเมิ่งที่กล้าหาญสง่างามมีชีวิตชีวาในตอนนั้น กลับเป็นสตรี……ความผิดที่มู่หรงเหลียนรับสารภาพ พัวพันกับคดีที่ไม่เป็นธรรมมากมายเมื่อรวมกับคำสารภาพของหยางเหลียนซั่ว ดังนั้น คดีความอยุติธรรมของอดีตรัชทายาทกับตระกูลเฉินก็กระจ่างขึ้นวันรุ่งขึ้น อาชญากรรมของพรรคเทียนหลงถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้กระทำผิดหลัก หยางเหลียนซั่ว ถูกเปลี่ยนให้เป็น “มนุษย์สุกร” ลากตัวไปในตลาด ให้ผู้คนมุงดูหยางเหลียนซั่วยังสามารถได้ยิน เขาเสียใจอย่างมาก ไม่สามารถฆ่าตัวตายเพื่อรักษาศักดิ์ศรีเป็นถึงผู้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์แคว้นเฉิน ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากจัณฑาลเหล่านี้หยางเหลียนซั่วในยามนี้ ในทุกวันที่มีชีวิตอยู่ ล้วนเป็นการทรมานที่เจ็บปวด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 762

    เซียวอวี้ไม่เคยคิดมาก่อน ตนเองฟังคำสั่งเสียของอดีตฮ่องเต้ผิดไปเฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายอย่างใจเย็น“ในเมื่อพูดจาคลุมเครือไม่ชัดเจน ฉะนั้น ‘สื่อ’(ที่มีความหมายว่าตาย) กับ ‘ซื่อ’(ที่มีความหมายว่าสกุล) สับสนได้ง่าย”“ ‘หลิว’(ที่มีความหมายว่าเก็บไว้) เป็นพยางค์สุดท้ายที่อดีตฮ่องเต้ทรงตรัส ไม่สามารถออกเสียงชัดถ้อยเหมือนคนปกติ ด้วยการหายใจลากเสียงยาว คนอื่นได้ยิน หลิว ถูกแยกกลายเป็น ‘ลี่โฮ้ว’(ที่มีความหมายว่าตั้งเป็นฮองเฮา) ” เซียวอวี้ยังคงสงสัย“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่พูดให้กระจ่างโดยตรง? พูดว่าสังหารมู่หรง ไม่ชัดเจนยิ่งกว่าหรือ”ตาคิ้วเฟิ่งจิ่วเหยียน ปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น“อยู่ในชายแดนเหนือ ข้าเคยได้ยินคำสั่งเสียของคนนับไม่ถ้วน ในขณะที่คนใกล้สิ้นใจ รู้ตัวเองว่ามีเวลาคับขัน จึงคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน สำหรับอดีตฮ่องเต้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในประโยคสมบูรณ์ก็คือ มู่หรง”“หรือจะเป็นมู่หรงหลัน ตระกูลมู่หรง ทั้งเผ่าพันธุ์มู่หรง พระองค์อยากเตือนท่าน มู่หรงมีปัญหา”“ทว่าหลังจากพระองค์พูดมู่หรงสองพยางค์ ก็ยากลำบากมากแล้ว ซึ่งเห็นได้จากประโยคที่พระองค์พูดอย่างสั้น ๆ เขากังวลว่าพยางค

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status