แชร์

บทที่ 275

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-13 18:46:45
เมื่อพูดถึงการปรนนิบัติ เซียวอวี้ถึงได้เห็นว่าสีหน้าของนางมีการเปลี่ยนแปลง

ถึงแม้ว่าความเปลี่ยนนั้นจะเล็กน้อยมาก ก็ยังไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาไปได้

นั่นเป็นสีหน้าของความตื่นตระหนก ขัดแย้ง และต่อต้านขัดขืน

เซียวอวี้โกรธจนหัวเราะ

“ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดได้เพียง ‘เพคะ’ หรอกรึ”

แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูลำบากใจอยู่บ้าง

นางอ้าปาก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร

ยามนี้พูดให้น้อยจึงจะดี

โชคดีที่เซียวอวี้ทนการปฏิบัติอย่างเย็นชาของนางไม่ไหว ไม่นานก็จากไป

สองวันต่อมา

เฉียวม่อก็มาถึงเมืองหลวงและรับตำแหน่งเป็นองครักษ์อารักขาประตู

นางเข้าวังเพื่อแสดงความขอบคุณเป็นสิ่งแรก

ความรู้สึกที่เซียวอวี้มีต่อนางนั้นย้อนแย้งเป็นอย่างมาก

ด้านหนึ่ง หากไม่ใช่นางเปิดเผยข้อมูลออกมา เขาไม่มีทางหาฮองเฮาพบได้เร็วขนาดนี้

ทว่าอีกด้านหนึ่ง ผู้ที่หักหลังคนอื่นย่อมไม่ใช่คนดี

เขาไม่เคยโอ้อวดว่าตนเป็นสุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรม ทว่าเขาดูถูกคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้

ก่อนที่เฉียวม่อจะออกจากวัง คนของตำหนักหย่งเหอก็ส่งคนมารับนาง

นางเดาไว้แต่แรกแล้ว

เมื่อเข้ามาในตำหนักหย่งเหอก็พบเพียงศิษย์พี่ผู้เดียวเท่านั้น

นางยังคงถวายคำนับอย่างเคารพนบนอบ

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Chatchanart Chanpaibool
รุ๋ยอ๋องก็อาจจะแค้นเพราะรักเหมือนกัน อาจจะหรงเฟยหรือฮองเฮาที่เคยช่วยไว้
goodnovel comment avatar
Chatchanart Chanpaibool
ทำลายจดหมาย พี่ใหญ่ต้วนนี่สินะแรงจูงใจบวกกับความรักของอาจารย์กับอาจารย์หญิงที่ให้กับศิษย์พี่ ตามแบบฉบับตัวอิจฉาเลยที่เหลือก็ดูว่าร่วมมือกับใครรุ๋ยอ๋องไหม
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 276

    “กุ้ยเหริน ท่านเป็นอะไรไปหรือเพคะ?” สาวใช้ชิวหงถามอย่างเป็นห่วงมู่หรงฉานรีบเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้ ใบหน้าโอบอ้อมอารีเหมือนปกติ ทว่าเลือดในกายกลับไหลเวียนเร็วขึ้น แอบให้กำลังใจตัวเองลับ ๆ “ไม่มีอะไร”สองวันต่อมาณ ตำหนักหวั่นโซ่วไทฮองไทเฮาฟังที่มู่หรงฉานพูดจบ พลันระเบิดอารมณ์ออกมาทันที“ได้เยี่ยงไรกัน! พวกตระกูลเฟิ่ง…พวกเขากล้าดีอย่างไร!”นางโกรธไม่เบา ความบริสุทธิ์ผุดผ่องจากการกินมังสวิรัติปฏิบัติธรรม พลันพังทลายลงในชั่ววินาทีนี้จากนั้นนางก็ถามมู่หรงฉานว่า“ฉานเอ๋อร์ เรื่องนี้ เจ้าตรวจสอบมาดีแล้วจริง ๆ หรือ?”มู่หรงฉานพูดความจริงกับนาง“ยามได้รับจดหมายลับนั้นครั้งแรก หม่อมฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันเพคะ“แต่เมื่อคิดว่าหากเรื่องนี้เป็นความจริง เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่สามารถทนมองท่านกับฝ่าบาทถูกหลอกได้“ด้วยเหตุนี้ หม่อมฉันจึงไหว้วานให้ท่านพ่อส่งคนไปที่วัดหลงหัว ทันทีที่สืบเจอว่าเป็นเรื่องจริง ถึงได้รีบมาทูลรายงานท่านในทันที”ไทฮองไทเฮามีความน่าเกรงขามล้นเหลือ แม้นดวงตาจะเริ่มฝ้าฟาง แต่ความคิดความอ่านมิได้มืดบอด“จะยังไม่กล่าวถึงผู้ส่งจดหมายลับให้เจ้า ในเมื่อเรื่องที่ตร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 277

    นายท่านเฟิ่งสารภาพออกมาโดยที่ไม่ต้องบังคับใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเซียวอวี้พลันปกคลุมไปด้วยไอทะมึนไทฮองไทเฮาพิโรธหนักกว่าเดิม“เจ้ามันเลวทราม! หลอกปั่นหัวฮ่องเต้องค์ก่อน ทำทุกวิถีทางให้บุตรสาวได้เป็นฮองเฮา เจ้า…เจ้าสมควรถูกประหาร!”ใบหน้าอ่อนโยนมีเมตตาของมู่หรงฉาน เผยรอยยิ้มออกมาอย่างรวดเร็วนายท่านเฟิ่งผู้นี้ช่างขี้ขลาดยิ่งนักในเมื่อกลัวตายถึงเพียงนี้ ก็ไม่ควรทำเรื่องหลอกลวงเช่นนั้นออกมาตั้งแต่แรกนายท่านเฟิ่งหมอบลงกับพื้น กล่าวอย่างสั่นเทิ้ม“ฝ่าบาท กระหม่อมทำแต่เพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ“นอกจากกระหม่อมแล้ว ก็มิมีผู้ใดรู้เรื่องนี้…โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮองเฮา ฮองเฮาไม่รู้อะไรด้วยเลยพ่ะย่ะค่ะ”ไทฮองไทเฮามิอาจปล่อยผ่านได้“ฝ่าบาท อย่าไปฟังเขาพูดมากความ! เรื่องนี้ ฮองเฮาต้องรู้ด้วยแน่ ๆ! ถึงจะไม่รู้จริง ๆ ก็สมควรรับโทษร่วมด้วย!”นายท่านเฟิ่งได้ยินประโยคนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างเดือดพล่าน“ไม่ใช่! ฮองเฮาไม่ผิด!“ตั้งแต่นางเป็นเด็ก กระหม่อมอบรมสั่งสอนนางด้วยชีวิตจิตใจ กระหม่อมเพียงอยากให้นางมีชีวิตแต่งงานที่ดีที่สุดในใต้หล้านี้!“ตอนนั้นสตรีจากตระกูลเหล่านั้น ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมบ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 278

    ฮองเฮาตั้งครรภ์แล้ว!คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นนายท่านเฟิ่งรอมาเนิ่นนาน คาดหวังมาโดยตลอด ในที่สุดฮองเฮาก็ตั้งครรภ์เสียที!เขาแทบลืมเลือนสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ในตอนนี้ไปหมดสิ้น ทั้งยังยิ้มอย่างซื่อบื้อ ปากแทบหุบเข้าหากันไม่ได้มู่หรงฉานยืนแข็งค้างอยู่กับที่ คำพูดที่ฝ่าบาททรงตรัสเมื่อครู่สะท้อนในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่หยุดนางไม่คาดคิดเลยว่า ฮองเฮาจะตั้งครรค์!ไทฮองไทเฮารับแรงกระตุ้นนี้ไม่ไหว พลันทรุดฮวบลงบนเก้าอี้บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบเข้ามาพยุงนาง“ไทฮองไทเฮาเพคะ!”ไทฮองไทเฮากลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โบกมือ บอกให้บ่าวรับใช้ถอยออกไปจากนั้น นางก็จี้ถามเซียวอวี้“เรื่องตั้งแต่ยามใดกัน  เจ้าอย่าคิดที่จะหลอกข้าเชียวนะ หลายวันที่ผ่านมา เจ้ามิเคยโปรดปรานฮองเฮา แล้วนางจะไปตั้งครรภ์ได้อย่างไร?”เซียวอวี้กล่าวอย่างไม่ร้อนตัว“ตั้งครรภ์ในวิหารบรรพบุรุษ ในบันทึกราชกิจและพระราชดำรัสไม่มีบันทึกไว้”“วิหารบรรพบุรษ?!” ไทฮองไทเฮาแน่นหน้าอกอย่างมาก แทบหายใจไม่ออกนางยกมือชี้หน้าเซียวอวี้“เจ้า…เจ้าเป็นกษัตริย์ของแคว้นนะ! เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นในวิหารบรรพบุรุษของ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 279

    ไทฮองไทเฮาถูกเซียวอวี้กระตุ้นต่อมโมโหจนพูดไม่ออกแก้ไขหนังสือแห่งโชคชะตาเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ฮ่องเต้ปล่อยผ่านไปได้หรือ?เขาไม่ใช่คนจิตใจดีถึงเพียงนั้นเสียหน่อย!เฟิ่งจิ่วเหยียนเม้มริมฝีปากนางเข้าใจ การที่เซียวอวี้ทำเช่นนี้ ก็เพื่อศักดิ์ศรีของเชื้อพระวงศ์ฮ่องเต้ถูกขุนนางผู้หนึ่งปั่นหัวอลหม่าน ซึ่งดูหมดรัศมีจริง ๆ เซียวอวี้กล่าวขึ้นมาอีก“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรากับฮ่องเต้องค์ก่อนไม่เหมือนกัน เราไม่เคยเชื่อหนังสือแห่งโชคชะตาสักครั้ง”ไทฮองไทเฮาเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจฝั่งเซียวอวี้พูดจบไม่ทันไร นางก็เป็นลมล้มพับไปถือคติไม่เห็นหน้าย่อมไม่เสียอารมณ์……จู่ ๆ ไทฮองไทเฮาก็สลบไป จึงถูกนำตัวไปตรวจอาการภายในตำหนักยังดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมากหมอหลวงกล่าวว่า แค่ได้รับผลกระทบทางจิตใจในชั่วขณะหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมา เซียวอวี้ก็ไปหาไทฮองไทเฮาในตอนนั้นเชื่องซึมผิดปกติ เพียงพูดว่า“เจ้าเป็นฮ่องเต้ อยากทำอะไร ก็ทำเถอะ”หลังจากที่เซียวอวี้ทูลลา มู่หรงฉานก็เข้ามาในตำหนักนางเฝ้าอยู่ข้างแท่นบรรทมของไทฮองไทเฮา ขอบตาแดงก่ำเล็กน้อยไทฮองไทเฮารู้ว่านางกตัญญูรู้คุณ และรู้ว่า นางต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 280

    ม่านไข่มุกกระทบกันจนเกิดเสียงเซียวอวี้โยนอีกฝ่ายลงบนเตียง โถมตัวเข้าใส่อย่างไม่ทะนุถนอม ทั้งยังจับแขนทั้งสองข้างของนาง กดไว้เหนือศีรษะทั้งสองด้านเขาขึ้นคร่อม มองทุกอย่างของนางราวกับว่าในสายตาของเขา นางเป็นเพียงเหยื่อที่เขาสามารถใช้มือจับมาได้ง่าย ๆ เห็นนางออกแรงดิ้น แต่กลับไม่กล้าเผยวรยุทธ์ออกมา เห็นสีหน้าของนางเดี๋ยวซีดเดี๋ยวคล้ำเขียว เห็นลมหายใจของนางแปรปรวน กลายเป็นถี่กระชั้น…เฟิ่งจิ่วเหยียนออกแรง แต่ไม่กล้าออกแรงทั้งหมดนางไม่เคยอับจนหนทางเท่านี้มาก่อนถูกบุรุษกดทับไว้ใต้ร่าง ขยับไปไหนไม่ได้มือทั้งสองข้างยังถูกกดเอาไว้ จนร่างกายท่อนบนออกแรงไม่ได้ไม่นานหลังจากนั้น หน้าผากของนางก็มีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาดวงตาของเซียวอวี้ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ รุกลามเป็นกองเพลิงในชั่ววินาที แล้วไปกระจุกรวมตัวอยู่บริเวณเอวสอบของเขาแววตาที่มองนาง เหมือนหมาป่านักล่าที่กำลังหิวโหยสุดขีดลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ลำคอแห้งผากขึ้นเรื่อย ๆ …เขาไม่ให้โอกาสคนใต้ร่างได้หายใจหายคอ ริมฝีปากบางเฉียบก็ประทับลงมาแรงนั้นทำให้ปากของนางแง้มเปิดออกหลังจากนั้นก็พุ่งจู่โจม ตรงดิ่งไปยังส่วนลึกดูดกล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 281

    ภายในตำหนักจื้อเฉิน ฉากบังตาอันสูงใหญ่แข็งแรง ถูกฮ่องเต้ทำลายด้วยมือในชั่วพริบตา จนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆหลิวซื่อเหลียงยืนอยู่ด้านนอกประตู เดิมทีแล้วเขาไม่กล้าเข้าไปและไม่รู้ว่าฮ่องเต้ทรงกริ้วเรื่องใดเขาได้ยินว่า ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีหรอกหรือ?ทว่าดูจากท่าทางของฮ่องเต้แล้ว เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่า---เด็กในท้องของฮองเฮา หรือว่าไม่ใช่ลูกของฮ่องเต้?มิเช่นนั้นแล้วเขาก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ฮ่องเต้ทรงมีเหตุผลใดถึงโมโหได้เพียงนี้ณ ตำหนักเซี่ยวเสียนสิ่งของในมือของหนิงเฟยพลันร่วงลงพื้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจและเสียใจ“ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์?”สาวใช้พยักหน้าอย่างลนลาน“เพคะพระนาง อีกสักพักในวังหลวงก็ต้องทราบเรื่องกันหมด”หนิงเฟยกัดริมฝีปากตนจนเกือบเป็นแผล“นึกไม่ถึงว่าจะเร็วเพียงนี้ เหตุใดถึงเร็วเพียงนี้! ฝ่าบาท...ทรงมิเคยโปรดปรานฮองเฮามิใช่หรือ!”“ไม่มีผู้ใดกล้าถกเถียงกันในเรื่องนี้ แต่บ่าวเดาว่า น่าจะตอนอยู่ที่วิหารบรรพบุรุษ...”“หุบปาก!” ความริษยาในดวงตาของหนิงเฟยร้อนแรงราวกับเปลวเพลิง ที่สามารถเผาไหม้กลืนกินทุกสิ่งวิหารบรรพบุรุษ จะเป็นไปได้อย่างไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 282

    เฉียวม่อนั่งอยู่ในห้อง ใบหน้าของนางที่ถูกแสงเทียนสาดส่อง เผยให้เห็นถึงความร้ายกาจศิษย์พี่กับฮ่องเต้มีความรักต่อกัน นางก็รู้สึกประหลาดใจแล้วนึกไม่ถึงว่าศิษย์พี่จะตั้งครรภ์อีก!มู่หรงฉานผู้นั้นก็เป็นคนไร้ประโยชน์!ตนอุตส่าห์นำจุดอ่อนที่สำคัญมอบให้มู่หรงฉาน เพื่อหวังจะใช้นางเล่นงานศิษย์พี่ เหตุใดนางถึงไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย?หรือยังสงสัยว่าเรื่องนั้นเป็นจริงหรือไม่?หารู้ไม่ว่า มู่หรงฉานทูลให้ไทฮองไทเฮาทราบแต่แรกแล้ว เหตุเพราะฮองเฮาทรงตั้งครรภ์ เรื่องทั้งหมดจึงจำเป็นต้องระงับไว้ก่อนณ ตำหนักฟางเฟยในขณะนี้มู่หรงฉานรู้สึกหม่นหมอง นางแน่นในอกความเชื่อมั่นก่อนจะเข้าวังถูกทำลายสิ้น เหลือเพียงความพ่ายแพ้อับจนหนทางชิวหงยืนหลบอยู่ด้านข้าง นางไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดทว่านางก็ไม่เข้าใจ ฮ่องเต้ทรงมิเคยลืมหรงเฟย แล้วเหตุใดถึงสนพระทัยฮองเฮา?ในยามราตรี เมฆหมอกเหนือตำหนักฟางเฟยยังไม่จางหาย ทว่ากลับยิ่งหนาขึ้นขันทีเข้ามาถ่ายทอดคำสั่ง“กุ้ยเหริน ฮองเฮาทรงรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้า”ชิวหงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที“กุ้ยเหริน หรือฮองเฮาจะทรงสืบรู้ว่า ท่านนำเรื่องนั้นไปกราบทูลไทฮองไทเฮา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 283

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมามู่หรงฉานมองตามจดหมายฉบับนั้นโดยไม่คลาดสายตา“เจ้าดูเองเถอะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชามู่หรงฉานค่อย ๆ ก้าวมาข้างหน้า นางเปิดจดหมายออกดู ในนั้นเป็นหลักฐานความผิดของบิดาจริง ๆ ในใจของนางรู้สึกว้าวุ่น แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่งนางรีบพับจดหมายฉบับนั้นเก็บ และวางกลับคืนที่เดิม พร้อมกลับมานั่งลงตามเดิมนางกระวนกระวายใจจดหมายฉบับนี้ บางทีอาจจะเป็นของปลอมก็ได้ทว่านางเคยทำผิดพลาดมาครั้งหนึ่ง ทำให้พี่ชายของนางต้องตาย นางจึงไม่อาจเห็นบิดาต้องมาเกิดเรื่องขึ้นอีก...มู่หรงฉานกำลังจะเอ่ยขึ้น ทว่ากลับเห็นฮองเฮานำจดหมายฉบับนั้นจ่อที่ตะเกียงน้ำมันทันทีที่มุมจดหมายข้างหนึ่งติดไฟ เปลวไฟก็ลุกลามอย่างเร็ว จดหมายทั้งฉบับถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านมู่หรงฉานตกใจอย่างมากนางลุกขึ้นพรวดพราดโดยไม่รู้ตัว“ฮองเฮา!”นางไม่เข้าใจว่า ฮองเฮาทำเช่นนี้มีจุดประสงค์ใด เฟิ่งจิ่วเหยียนเผาจดหมายฉบับนั้นเสร็จ นางเหลือบดูมู่หรงฉานอย่างใจเย็น“ข้าบอกเจ้าตามตรง ตอนแรกข้าจัดการกับหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ได้ ข้าก็ไหว้วานบุคคลลึกลับผู้นั้น“เขาเป็นคนนำหลักฐานความผิดทั้งหมด

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 301

    ณ ตำหนักหย่งเหอ การที่จิ้งกุ้ยเหรินได้ร่วมบรรทม ฮองเฮาไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ กลับเป็นซุนหมัวมัวที่ร้อนใจจนอยู่ไม่เป็นสุข หากว่าจิ้งกุ้ยเหรินก็ตั้งครรภ์พระโอรสด้วย ฮองเฮาก็มิใช่ผู้เดียวที่ได้ครอบครองความโปรดปรานจากฝ่าบาท! ยิ่งไปกว่านั้นจิ้งกุ้ยเหรินกับหรงเฟยดูคล้ายกันราวกับแกะ บัดนี้ฝ่าบาทยังแสดงความปรารถนาต่อนาง เกรงว่าในวันข้างหน้าจะต้องเต็มไปด้วยความโปรดปรานนางอย่างแน่นอน เหตุใดฮองเฮายังมีอารมณ์ไปเยือนตำหนักฉือหนิง เพื่อร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฟยอีกเล่า! ตำหนักฉือหนิง ไทเฮา ฮองเฮาและเหล่านางสนมร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฟย ทว่าช่างไร้ความครื้นเครง เนื่องจากหัวใจของใครหลายคนลอยไปอยู่ที่ตำหนักฟางเฟยแล้ว สุราชั้นยอดที่ดื่มนี้ช่างไร้รสชาติ ไทเฮาเคยผ่านการเป็นนางสนมมาก่อน ย่อมทราบความคิดของพวกนาง นางเอ่ยอย่างมีความนัย “ในเมื่อได้เข้าวังกันแล้ว ทุกคนจึงเปรียบเสมือนเป็นพี่น้องกัน สมควรมีความปรารถนาดีต่อกัน จึงจะทำให้วังหลังแห่งนี้เกิดความสามัคคีได้ และเมื่อนั้นฝ่าบาทจึงสามารถทุ่มเทกับราชกิจในพระราชวังส่วนหน้าได้อย่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 300

    ตำหนักเซี่ยวเสียนหนิงเฟยที่กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่นั้น พลันทุบปิ่นปักผมในมือลง ทำเอานางกำนัลที่กำลังทำผมให้อยู่ถึงกับหวาดผวารีบคุกเข่าลงไปในทันที“พระสนมใจเย็น ๆ ก่อนนะเพคะ!”หนิงเฟยมองดูตัวเองในคันฉ่อง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบยี่สิบปีของนางหลังจากที่ใช้ชีวิตทุกข์ทรมานและเศร้าโศกมานานหลายปี ใบหน้านี้หาได้หลงเหลือความเป็นสตรีในวัยแรกแย้มเอาไว้ไม่ จำเป็นต้องใช้เครื่องประทินโฉมต่าง ๆ มากมาย ถึงได้มองดูมีความเปล่งประกายงดงามออกมานางที่มีตำแหน่งเป็นถึงนางสนม หากแต่หาได้เคยร่วมบรรทมกับฮ่องเต้ไม่ บอกไปผู้ใดจักไปเชื่อฮองเฮาที่มาทีหลังแต่มีสถานะที่มั่นคง นางก็หาได้อันใดไม่ ในยามนี้นางยังมาถูกสตรีเช่นมู่หรงฉานที่เพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่ครบหนึ่งปีแซงหน้าไปอีก!ทั้งยังเป็นในวันเกิดของนางอีก...หนิงเฟยยังคงเอ่ยถามด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อว่า“ฝ่าบาทเรียกตัวให้จิ้งกุ้ยเหรินมาร่วมบรรทมจริง ๆ หรือ?”สาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น รีบร้อนพยักหน้าลงในทันที“เพ...เพคะ”นางรู้ดีว่าพระสนมไม่พอใจ แต่ก็มิกล้าเอ่ยโป้ปดออกมาเรื่องที่จิ้งกุ้ยเหรินถูกเรียกให้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 299

    เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ดีกว่าผู้ใด ปืนหอกไฟแบบใหม่นั้นดูเหมือนว่าจะสามารถใช้การได้ดี แต่แท้จริงแล้ว หาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่สิ่งที่เฉียวม่อมองว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าจนนำไปเป็นของตัวเอง แท้จริงแล้วล้วนเป็นสิ่งไร้ค่าสำหรับนางในขณะเดียวกัน ผู้คนภายในกรมศัสตราวุธต่างก็พากันล้อมดูภาพพิมพ์เขียวแผ่นนั้นสายตาของพวกเขาพลันเปล่งประกายออกมา ทั้งยังเอ่ยชมเชยออกมาไม่ขาดปากว่า“เมิ่งเฉียวม่อผู้นี้นับว่าเป็นวีรสตรีจริง ๆ ! นางสามารถวาดพิมพ์เขียวออกมาได้งดงามจริง ๆ !”“กรมศัสตราวุธของพวกเรามิได้มีของดี ๆ แบบนี้มานานแล้ว! แจ้งข่าวแก่ช่างฝีมือทุกนายว่า เรื่องอื่นมิจำเป็นต้องสนใจ รีบสร้างปืนหอกไฟแบบใหม่ขึ้นมาเสียก่อนเถอะ!”“ข้าตั้งหน้าตั้งตารอคอยยิ่งนัก!”หลังจากที่ได้เห็นภาพพิมพ์เขียวนั้น คำชื่นชมสรรเสริญเยินยอที่มีต่อเฉียวม่อก็เพิ่มขึ้นมาในทันทีสตรีที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ใต้หล้านับว่าหาได้ยากยิ่งนักนับว่าโชคดีที่นางเกิดและเติบโตในหนานฉีปืนหอกไฟหรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปืนฉับพลัน ปืนลำสั้นจักยาวประมาณหนึ่งนิ้ว และปืนลำกล้องยาวจักยาวถึงเจ็ดนิ้วรูปร่างภายนอกดูเหมือนท่อยาว ๆ หลังจากที่มีการ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 298

    เมื่อเฉียวม่อเห็นฝ่าบาทเดินออกจากตำหนักหย่งเหอไปนั้น นางจึงรีบติดตามไปในทันทีนางที่เป็นเพียงองครักษ์อารักขาประตูนั้น โดยปกติแล้วหากมิได้มีพระราชโองการเรียกตัวย่อมมิอาจเข้ามาในวังได้ในฐานะที่นางเป็นสตรีนั้น เกรงว่าไม่ว่าจักมียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตเพียงใด ก็มิอาจเข้าร่วมการว่าความหรือการประชุมเพื่อพูดคุยเรื่องบ้านเมืองได้หากว่ากันแล้ว นางมีโอกาสน้อยมากนักที่จะได้พบฮ่องเต้ยามที่นางอยากจะเอ่ยเรื่องบางอย่างออกมานั้น กลับเห็นนัยน์ตาที่แดงก่ำทั้งสองข้างของฮ่องเต้เข้าเสียก่อน ราวกับอยากจะสังหารผู้ใดก็ไม่ปานนางพลันรู้สึกหวาดผวาไปในทันที ความประทับใจที่ฝ่าบาทมีให้แก่นางนั้น อย่างมากที่สุดคือท่าทีเข้มงวดหรือใบหน้าที่มีรอยยิ้ม หาได้น่ากลัวเท่ากับวันนี้ไม่“เรื่องใด?” กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทั่วร่างของเซียวอวี้ราวกับประติมากรรมน้ำแข็งก็ไม่ปาน สามารถแช่แข็งความอบอุ่นโดยรอบที่หลงเหลืออยู่เฉียวม่อที่ได้สติกลับมานั้น นางจึงรีบยกมือขึ้นคำนับในทันที“หม่อมฉันมีพิมพ์เขียวอาวุธที่หม่อมฉันอยากจะนำมาถวายแด่ฝ่าบาทเพคะ!”ลมหนาวที่พัดผ่านหน้าทำเอารู้สึกความเจ็บปวดขึ้นมาในฐานะฮ่องเต้ของแผ่นดินนั้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 297

    เซียวอวี้หยิบถุงหอมขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในทันทีเขาจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเพื่อมิให้นางคิดทำอะไรบุ่มบ่ามในขณะเดียวกัน ก็ส่งเสียงสั่งการไปยังด้านนอกตำหนักว่า“เชิญหมอหลวง!”ไม่นานนัก หมอหลวงชราที่เป็นผู้ดูแลเรื่องการตั้งครรภ์ของฮองเฮาก็รีบมาในทันทีเขารู้ดีว่าฮองเฮาหาได้ตั้งครรภ์ไม่หมอหลวงเพียงแค่ดมถุงหอมก็สามารถสรุปออกมาได้ว่า“ทูลฝ่าบาท สิ่งนี้คือกลิ่นหลิงหลิงพ่ะย่ะค่ะ มีส่วนช่วยในการส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้หาได้พบความผิดปกติไม่คำพูดของหมอหลวงหลังจากนั้นกลับขยายความออกมาในทันที“ทว่า ของสิ่งนี้มีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นชะมด หากสตรีมีครรภ์สัมผัสได้สูดกลิ่นเข้าไปเป็นเวลานานนั้น ย่อมส่งผลต่อทารกในครรภ์ จนนำไปสู่การตกเลือดหรืออาจทำให้ทารกในครรภ์ตายได้พ่ะย่ะค่ะ! มิต้องเอ่ยถึงสตรีตั้งครรภ์เลย แม้แต่สตรีปกติทั่วไปก็มิเหมาะที่จะพกถุงหอมนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียนลอบกำหมัดแน่นอยู่ในแขนเสื้อของตนเองเจอจนได้...ดวงตาของเซียวอวี้ค่อย ๆ มืดครึ้มลง ราวกับว่าแสงสว่างที่ค่อย ๆ มอดดับไป ทั้งยังเจือไปด้วยความหนาวเย็น ทำเอาผู้คนนึกหวาดกลัวจนตัวสั่นไปในทันทีทว่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 296

    เมื่อได้ยินว่าเฉียวม่อเป็นลม สายตาของเซียวอวี้พลันเปลี่ยนไปในทันทีพลางขมวดคิ้วเป็นปม เพื่ออดกลั้นน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความโมโหเอาไว้ พร้อมเอ่ยตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาว่า“เจ้าทำได้ ‘ดี’ ยิ่ง!”เซียวอวี้จึงสั่งให้คนไปอุ้มเฉียวม่อเข้าไปพักที่ตำหนักข้าง ทั้งยังเรียกตัวให้หมอหลวงเข้ามาตรวจดูอาการของนางในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่ง ห้ามคนภายในตำหนักหย่งเหอแพร่งพรายเรื่องราวในวันนี้ออกไปไม่นานนัก เฉียวม่อจึงตื่นขึ้นมาภายในตำหนักที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นมีนางกำนัลสาวใช้ที่รอปรนนิบัตินางอยู่ภายในตำหนักนั้น“ใต้เท้าเมิ่ง ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ?” นางกำนัลเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลเฉียวม่อหาได้เป็นลมจริง ๆ ไม่นางเพียงแค่อดทนรอไม่ไหวเท่านั้นในยามนี้นางกำลังนอนอยู่บนเตียง พลางแสดงท่าทีเหนื่อยอ่อนแรงออกมาให้เห็น“พยุงข้า...ขึ้นมา ข้ายังคุกเข่าไม่ครบหนึ่งชั่วยาม...”ตึก!นางทำเหมือนขาทั้งสองข้างได้ถูกแช่แข็งเอาไว้ แม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังไม่ไหว เมื่อนางลุกขึ้นมานั้นร่างกายจึงล้มลงไปบนพื้นในทันทีนางกำนัลจึงเข้ามาช่วยพยุงนางลุกขึ้นโดยไว“ใต้เท้าเมิ่ง ท่านมิต้องเป็นกังวลไปเจ้าค่ะ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 295

    เฉียวม่อคุกเข่าท่ามกลางลมหนาวที่พัดเข้ากระดูมานานกว่าครึ่‘ชั่วยาม เมื่อเห็นฝ่าบาทเสด็จมานั้น นางจึงรีบหันหน้าไปหาด้วยท่าทีไร้หนทางในทันทีมิคิดเลยว่า ฝ่าบาทหาได้หันมามองนางสักตาเดียวไม่ พลางเดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านในตำหนักแทนเฉียวม่อจ้องมองไปยังแผ่นหลังของฝ่าบาท พลางกำหมัดที่แดงก่ำจากความหนาวเย็นเอาไว้แน่นศิษย์พี่มิได้ชมชอบฝ่าบาท นางรู้ดีแล้วฝ่าบาทเล่า?ฝ่าบาทดูเหมือนจะ...ชอบศิษย์พี่มากทว่า ไม่ว่าจะชมชอบสตรีมากเพียงใดก็ตาม พระองค์ก็คงมิยอมให้สตรียื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องราวในราชสำนักอย่างแน่นอน ทั้งยังมิยินยอมให้นางมารังแกท่านแม่ทัพภายใต้การบังคับบัญชาของตนเองอีกด้วย!ภายในตำหนักในเมื่อเซียวอวี้เข้ามานั้น เขาก็ไล่คนอื่น ๆ ให้ออกไปในทันที ซันหมัวมัวหันกลับไปมองฮองเฮาด้วยท่าทีหมดหนทาง พลางใช้สายตาสื่อออกมาวว่า “ผู้ใดให้ท่านมิฟังคำข้า เกิดเรื่องแล้วใช่หรือไม่” เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ทว่า บนใบหน้าหาได้มีท่าทีตื่นตระหนกหรือรู้สึกผิดอันใดไม่“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”เซียวอวี้พลางถามด้วยท่าทีดุดัน“เหตุใดต้องลงโทษแม่ทัพเมิ่งให้นั่งคุกเข่าด้วย?”เซียวอวี้มิได้เอ่ยต่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 294

    เฉียวม่อที่ยืนมาโดยตลอดนั้น เมื่อได้ยินเฟิ่งจิ่วเหยียนออกคำสั่งให้ตนเองคุกเข่าลง นางถึงกับชะงักไปในทันทีแววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนฉายแววเย็นชา“ข้าสั่งให้เจ้าคุกเข่า เจ้าย่อมมิอาจยืนได้ ตนเองเป็นถึงขุนนางของราชสำนัก แม้แต่กฏเช่นนี้ยังมิรู้งั้นหรือ?”เฉียวม่อรู้สึกจุกอกขึ้นมาในทันทีไม่ว่านางจักเอ่ยเล่นลิ้นออกมาอย่างไร ย่อมมิอาจอยู่เหนืออำนาจของราชสำนักไปได้ ก่อนหน้านั้นเป็นเพราะศิษย์พี่เอ็นดูนาง อย่าว่าแต่ให้คุกเข่าเลย แม้แต่ให้ยืนนาน ๆ ศิษย์พี่ก็หาให้นางทำเช่นนั้นไม่ความห่างของระดับชั้นนี้ ทำเอาเฉียวม่อมิอาจรับได้ นางยืนนิ่งมิขยับเช่นนั้นอยู่นานเมื่อได้ยินคำสั่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น องครักษ์ของวังหลวงจึงได้เข้ามาในตำหนักเฉียวม่อที่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น พลันนึกไปถึงศิษย์พี่ยามที่อยู่ในค่ายทหาร เพียงแค่ร้องเรียกคำเดียว บรรดาเหล่าทหารก็จะก้าวออกมารับคำสั่งในทันทีนี่คืออำนาจเป็นแม่ทัพนั้นมีอำนาจ ฮองเฮาก็มีอำนาจเช่นกันเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีดุดันว่า“เมิ่งเฉียวม่อกระทำตัวต่อเราด้วยความหยาบคาย ลากออกไปคุกเข่าสักหนึ่งชั่วยามเสีย”ทหารองครักษ์รับคำสั่งพวกเขาหาได

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 293

    ไทฮองไทเฮาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง“เจ้าแต่งเข้าวังมาก็นานแล้ว หากยังมิได้เข้าร่วมบรรทมกับฝ่าบาทอีกใช้ได้ที่ใดกัน?”เดิมทีพระนางตั้งใจจะเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้ ทว่า ฝ่าบาทที่มิใส่ใจเรื่องนี้จึงได้แต่พยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดในเมื่อฝ่าบาทสามารถทำให้ฮองเฮาตั้งครรภ์ได้แล้วนั้น เช่นนี้พระองค์ย่อมมิอาจหาเรื่องปฏิเสธไปได้อีกอีกทั้ง เขาที่เคารพรักเสด็จย่าเช่นนางมาโดยตลอดในยามที่เพิ่งจัดพิธีมงคลสมรสไปได้ไม่นานนั้น ฮองเฮาก็ยังเป็นสตรีพรหมจรรย์อยู่ หากแต่เป็นพระนางที่ออกคำสั่ง จึงทำให้ฝ่าบาทและฮองเฮาได้เข้าหอเช่นนี้การถวายตัวของฉานเอ๋อร์นั้น ไทฮองไทเฮาจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งใบหน้าสวยงามของมู่หรงฉานพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงพลางตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า“หม่อมฉันน้อมรับฟังคำของท่านเพคะ”ถึงแม้ท่าทีของมู่หรงฉานจักดูอ่อนโยนเรียบร้อย ทว่า นัยน์ตากลับฉายแววความทะเยอทะยานออกมาแต่งเข้าวังมาในฐานะสนม ประสูติพระโอรส เดิมทีทั้งหมดล้วนแต่เป็นเป้าหมายของนางทว่านางถูกเรื่องราวของตระกูลมารดาฉุดรั้งเอาไว้เท่านั้นในยามนี้ก็ปล่อยให้ฮองเฮามีอำนาจเหนือกว

DMCA.com Protection Status