Share

บทที่ 261

Penulis: อี้ซัวเยียนอวี่
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-13 18:46:40
ภายในเรือนของชาวนา ลมหายใจแห่งความตายพัดผ่านเข้ามาใกล้

เฉินจี๋รีบตอบว่า

“ฮองเฮาอยู่ในห้องด้านข้าง!”

ทว่ารอเมื่อเขาเข้าไปในห้องด้านข้างพร้อมกับฝ่าบาท ข้างในกลับไม่มีใครสักคน

เฉินจี๋อึ้งตะลึง

เขาเห็นอย่างชัดเจนว่า ฮองเฮาเข้ามาในนี้

สายตาของเซียวอวี้ มองไปยังหน้าต่างด้านหลัง

เขาที่ปกติสุขุมใจเย็น หลังจากรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนหนีไปแล้ว แววตาฉายแววดั่งคลื่นพายุโหมกระหน่ำ

อยากที่จะ ฆ่าคน

……

ผ่านไปสามวัน

ข้างนอกเมืองอวิ๋น

ในสถานที่พักแรมแห่งหนึ่ง

โต๊ะติดข้างหน้าต่าง มีคนสองคนนั่งอยู่

“ท่าน...นายท่าน พวกเราออกจากเมืองอวิ๋นแล้ว หลังจากนี้จะไปทางไหนต่อขอรับ?” อู๋ไป๋เกือบขานเรียกผิด

คนที่สวมหน้ากากตรงหน้าเขา แต่งตัวสวมชุดบุรุษ ก็คือเฟิ่งจิ่วเหยียน

นางดื่มน้ำไปหลายคำ แล้วก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำว่า

“ไปรับเวยเฉียง แอบส่งตัวไปยังชายแดนเหนือ”

“ขอรับ”

จากนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็วางถ้วยชา พร้อมถามขึ้นมาว่า “จัดการศพเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

อู๋ไป๋ผงกศีรษะ พูดตอบนางด้วยเสียงต่ำ

“ตามที่ท่านรับสั่ง ให้หาศพที่รูปร่างคล้ายกับท่าน สวมอาภรณ์ของท่าน โยนเข้าไปในป่า หลังจากพวกเขาเห็นศพที่หถูกหมาป่าก
Bab Terkunci
Membaca bab selanjutnya di APP

Bab terkait

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 262

    ฮูหยินเฟิ่งตกตะลึงจิ่วเหยียนหนีไปแล้วจริง ๆ หรือ นางไร้น้ำใจขนาดนี้จริงหรือ ทิ้งพ่อแม่แท้ๆ ของตนเอง...นายท่านเฟิ่ง พรวดลุกขึ้นมา เหมือนมีแผนการแล้ว“จะต้องเป็นเมิ่งฉวีตาเฒ่าคนนั้นแน่ ข้าจะไปเขียนจดหมาย ถามเขาดูว่า เขาอยากจะทำอะไรกันแน่!”จิ่วเหยียนเป็นลูกสาวของเขา ตอนนั้นเพียงแค่ฝากเลี้ยงไว้ในตระกูลเมิ่งตอนนี้นางเติบโตแล้ว แต่งงานแล้ว ตระกูลเมิ่งก็ควรที่จะตัดสัมพันธ์กับนางหลังจากนายท่านเฟิ่งออกไปแล้ว ดวงตาฮูหยินเฟิ่งเต็มไปด้วยน้ำตาเทียบกับความพร่ำบ่น มากยิ่งกว่านั้นคือนางเป็นกังวลยังไงก็เป็นลูกสาวของนาง นางเป็นกังวลว่า จิ่วเหยียนจะไปที่ใด สุขสบายดีไหมในห้องหนังสือนายท่านเฟิ่งกำลังจะหยิบพู่กันขึ้นมา พ่อบ้านบุกเข้ามาอย่างกะทันหัน สีหน้าเหมือนไว้ทุกข์ให้ทายาท“นายท่าน เกิดเรื่องแล้ว”ความวัวยังไม่หาย ความควายเข้ามาแทรกแต่สำหรับนายท่านเฟิ่งแล้ว ต่อให้มีเรื่องใหญ่แค่ไหน ก็ไม่หนักหนาสาหัสเท่าฮองเฮาหนีไปแล้วพ่อบ้านปิดประตูอย่างระแวดระวัง จากนั้นก็รายงานด้วยเสียงเบาว่า“นายท่าน คุณหนูเวยเฉียงหายไปแล้ว แม้แต่สาวใช้ไฉ่เยว่ก็ไม่เห็นแล้ว!”นายท่านเฟิ่งโกรธจนคิ้วขมวดเป็นเส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 263

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหันตัว โยนคนที่อยู่ใกล้นางที่สุดผ่านบนไหล่ตูม!คนนั้นกระแทกบนโต๊ะ ถล่มตกลงพื้นพร้อมกับโต๊ะที่แตกหัก เสียงกรีดร้องดังไม่หยุด“อ้าก...”คนอื่นเห็นดังนี้แล้วก็รวมตัวต่อสู้พร้อมกันแต่ไม่นาน พวกเขาทั้งหมดล้มกองลงบนพื้นอย่างระเกะระกะ ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบาย ข้างหลังหน้ากาก ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นอาฆาตทหารกลุ่มนั้นพูดเตือนนางว่า“เจ้า เจ้ากล้าทำร้ายพวกเรา? พวกเราเป็นคนของค่ายทหารเป่ยต้า แม่ทัพน้อยเมิ่งเคยได้ยินไหม พวกเราล้วนเป็นทหารของนาง! ค่ายทหารเป่ยต้า เจ้ากล้ามีเรื่องด้วยหรือ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา“กฎค่ายทหารเป่ยต้านั้นเข้มงวด ปล่อยให้พวกเจ้ารังแกเอาเปรียบผู้หญิงบริสุทธิ์ได้อย่างไร”ทหารกลุ่มนั้นส่งเสียงหัวเราะเย้ย“พวกเราปกป้องดินแดน มีคุณงามความดี! นี่ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเราควรได้!”“ใช่! หากไม่มีพวกเรา คนรัฐเหลียงคงโจมตีมาตั้งแต่แรกแล้ว! ยังจะมีชีวิตที่สงบเหมือนอย่างตอนนี้ได้อย่างไร!”เฟิ่งจิ่วเหยียนหิ้วคนหนึ่งขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว จับปกเสื้อของเขาไว้ด้วยสายตากดดัน“งั้นก็ตามข้าไปยังค่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 264

    “ทำไมเจ้าก็สงสัยนาง?” ฮูหยินเมิ่งค่อนข้างแปลกประหลาดใจคนที่เฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ใจที่สุด ก็มีแต่อาจารย์หญิงนางเล่าเรื่องเกี่ยวกับเวยเฉียงให้ฟังทุกอย่าง และอธิบาย เหตุผลที่นางสงสัยเฉียวม่อฮูหยินเมิ่งฟังแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะผงกหัว“เจ้าคิดแบบนี้ ก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล”“หากเฉียวม่อ หมายปองตำแหน่งแม่ทัพน้อยเมิ่งตั้งแต่แรก งั้นนางก็ต้องกันเจ้าออกไป ลงมือทำร้ายเวยเฉียง บีบบังคับให้เจ้ากลับไป”“หากเป็นฝีมือของนางจริงๆ ถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างที่สุด!”ฮูหยินเมิ่งอย่างไรก็คาดคิดไม่ถึง เรื่องของเวยเฉียง ก็เป็นฝีมือของเฉียวม่อยัยเด็กคนนี้ นับตั้งแต่เมื่อไหร่ กลายเปลี่ยนเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้!อารมณ์จิตใจเฟิ่งจิ่วเหยียนซับซ้อน“ข้าก็ไม่อยากสงสัยนาง แต่เรื่องทุกสิ่งอย่าง ล้วนพุ่งความน่าสงสัยไปที่นาง”ฮูหยินเมิ่งเห็นด้วย“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เดิมข้าคิดว่ารอตรวจสอบได้ผลชัดเจนแล้ว ค่อยบอกกับเจ้า“ตอนนี้ สู้บอกกับเจ้าเสียเลย“ข้าสงสัยว่า เรื่องที่กองทัพมังกรพยัคฆ์ถูกทำลายล้าง เฉียวม่อต้องมีส่วนร่วมทำอะไรสักอย่างแน่ ช่วงหลายวันก่อน ข้าได้แอบสืบเรื่องนี้มาตลอด น่าเสียดายที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 265

    ตรงมุมหนึ่งของกำแพง มีร่องรอยเก่ากับใหม่ผสานกันอย่างไม่ถูกต้องเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ทำอะไรในทันที แสร้งทำเป็นตรวจดูเสร็จ แล้วก็ขอตัวกลับ พูดเน้นย้ำอาสะใภ้หกว่า ห้ามเอาเรื่องของนางไปบอกใครหลังจากดึกดื่น นางแอบเข้ามาในห้องทางทิศตะวันตกอีกครั้งหลังจากดันสิ่งของที่วางกองรวมกันอยู่ออกไป ก็พบว่าบนพื้นหลวมๆ เมื่อจัดการกับดินบนนั้นแล้ว ก็พบไม้กระดานสี่เหลี่ยมชิ้นหนึ่งเมื่อดันไม้กระดานนั้นขึ้นมา ก็เป็นเส้นทางใต้ดินนางใช้เพียงพับไฟส่องสว่าง แล้วก็คิดเข้าใจทันที เฉียวม่อย้ายสิ่งของหลายหีบนั้นเข้าไปในจวนแม่ทัพได้อย่างไรวันถัดมาเฟิ่งจิ่วเหยียนมาหาฮูหยินเมิ่งอีกครั้งไม่รอให้นางนำเรื่องที่พบเมื่อวานบอกกับอาจารย์หญิง ฮูหยินเมิ่งก็ชิงพูดเรื่องลับเรื่องหนึ่งขึ้นมาก่อน“นี่เป็นจดหมายด่วนจากพ่อของเจ้า เดิมนั้นส่งให้อาจารย์ของเจ้า ฉันเอามาดูก่อน เจ้าเองก็ดูด้วย”แววตาฮูหยินเมิ่ง เต็มไปด้วยความหนักใจเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันทีเมื่อเปิดจดหมายดู ค่อยรู้ว่า ฮ่องเต้ทรราชคนนั้น ไม่เชื่อว่านางตายแล้ว บีบบังคับให้นายท่านเฟิ่งส่งคนมาให้ฮูหยินเมิ่งจับมือข้างหนึ่งของนางไว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 266

    เฉียวม่อพบแหล่งที่มาสิ่งของที่เป็นของกลาง พิสูจน์ว่าเป็นของที่ได้มาจากกลุ่มโจรปล้นสุสานเพื่อซ่อนสิ่งที่ได้มาเป็นพิเศษพวกนี้ จึงขนส่งไปยังจวนแม่ทัพเดิมคิดว่าสถานที่อันตรายที่สุดก็คือสถานที่ปลอดภัยที่สุด คิดไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะกล้าค้นจวนแม่ทัพเมิ่งฉวีไร้ความผิดถูกปล่อยตัวออกมา ข้าหลวงผู้ตรวจการนำความจริงของคดีนี้ กราบทูลฝ่าบาทที่อยู่ห่างไกลถึงเมืองหลวงเรื่องนี้ ดูเหมือนจะผ่านไปเสียแบบนี้แล้วและเรื่องที่แม่ทัพน้อยเมิ่งช่วยพ่อของตนเองไว้ กลายเป็นเรื่องเล่าอย่างน่าชื่นชมภายในค่ายทหารจวนแม่ทัพถูกปลดปล่อยวันที่แม่ทัพเมิ่งกลับมา ฮูหยินเมิ่งกับเฉียวม่อรอรับอยู่ตรงหน้าประตูจวน“ท่านพ่อ!” เฉียวม่อร้องเรียกอย่างตื่นเต้น วิ่งเร็วยิ่งกว่าฮูหยินเมิ่งฮูหยินเมิ่งมองเงาแผ่นหลังของนางด้วยสายตาหม่นหมอง พร้อมเงียบไปอยู่นานตอนกลางคืนฮูหยินเมิ่งกับเฟิ่งจิ่วเหยียนนัดเจอกันนางค่อนข้างไม่เข้าใจ“เฉียวม่อคิดอยากทำอะไรกันแน่?”วางแผนใหญ่โตขนาดนี้ มีผลประโยชน์ต่อนางอย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาว่า“บางที นางรู้ว่าท่านกำลังสืบเรื่องกองทัพมังกรพยัคฆ์”ฮูหยินเมิ่งเข้าใจขึ้นมาทันท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 267

    ในตำหนักจื้อเฉิน พระราชวังเฉินจี๋เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว แสดงออกถึงความร้อนใจอย่างเห็นได้น้อยครั้ง“ฝ่าบาท มีข่าวแจ้งมาว่า ฮองเฮาอยู่ชายแดนเหนือ!”เวลาต่อมา มีคนหนึ่งเดินออกมาจากในม่านบัง รอบกายเต็มไปด้วยความโกรธที่รุนแรง ราวกับชูร่าในนรก ภายใต้เงาร่างสูง แสงแดดแลดูหม่นหมองแววตาเซียวอวี้กำลังก่อตัวพร้อมกับพายุฝนที่ใกล้เข้ามาในความมืด สีหน้าเยือกเย็นอย่างที่สุดเขารู้อยู่แล้ว นางไม่มีทางตายหนีไปยังชายแดนเหนือหรือจักรพรรดิตรัสสั่งขึ้นมาพร้อมความขุ่นเคืองว่า “เจ้าพาคนจำนวนหนึ่ง ไปยังชายแดนเหนือ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็เปลี่ยนความคิดผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถอย่างยิ่ง รับมือได้หนึ่งต่อร้อย เฉินจี๋ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง……ในที่ว่าราชการนายท่านเฟิ่งเหม่อลอย เตรียมพร้อมกับการถูกประหารแล้วใครใช้ให้เขามีลูกสาวอกตัญญูเล่านางสนใจแต่เพียงความอิสรเสรี ทำให้ทุกคนในตระกูลต้องตายเพื่อนางไม่ง่ายกว่าจะรอจนถึงว่าราชการเสร็จสิ้น เดิมเขาคิดว่า ฝ่าบาทจะมีรับสั่งให้เขาอยู่ต่อ เพื่อทำการลงโทษเขาสุดท้าย เหมือนฝ่าบาทจะจำที่นัดหมายไว้หนึ่งเดือนไม่ได้ จบการว่าราชการเสร็จก็ออกไปเลยนายท่านเฟิ่ง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 268

    ผู้ชายที่อยู่ในห้องค่อยๆ หันมา จับจ้องมองดูเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างเยือกเย็นชาริมฝีปากของเขาแฝงไปด้วยความเลือดเย็น ส่วนที่กระตุกขึ้นมาเล็กน้อยแฝงไปด้วยความหนาวเหน็บ“ที่นี่สุขสบายกว่าพระราชวังหรือ”คำพูดประโยคนี้พูดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้สึกได้ถึง ความขุ่นเคืองจัดที่เขาอดกลั้นไว้ก็ถูกนางในฐานะที่เป็นฮองเฮาหนีไปแล้วถือเป็นการเหยียบย่ำเกียรติของเขาที่เป็นกษัตริย์กับสามีเซียวอวี้ก้าวเท้าเดินมา ค่อยๆ เข้าใกล้นางนางไม่ได้ก้าวถอยหลัง และก็ไม่มีความคิดที่จะหนีไปชายหนุ่มหยุดชะงักตอนอยู่ห่างจากนางหนึ่งก้าว รูปร่างสูงใหญ่ราวกับเมฆดำบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดเงาใหญ่โตบนใบหน้าของนางทันใดนั้น เขาเอื้อมมือดึงม่านคลุมหน้าของนางออกนิ้วเรียวยาวยังคงวางอยู่บนแก้มของนาง ลูบไล้ไปตามกรามของนาง ในที่สุดก็หยุดตรงใต้คางของนาง“ทำไมต้องหนี?”น้ำเสียงของเขาลาวยาวนุ่มนวล ราวกลับก่อนการฆาตกรรม ที่กำลังล้อเหยื่อเล่น กลั่นแกล้งอย่างโหดเหี้ยมเฟิ่งจิ่วเหยียนสบกับสายตาของเขาอย่างไม่หวาดกลัว“เพราะหวาดกลัว”ทันใดนั้น ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มบีบคอของนางไว้ มองดูนางอย่างเยือกเย็นชา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 269

    เฉียวม่อตรงไปยังกระโจมหลักของฮ่องเต้กับฮองเฮาแม่ทัพเมิ่งกำลังให้การต้อนรับด้วยตนเองเฉียวม่อกลับมองเห็น ศิษย์พี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างฝ่าบาท ริมฝีปากค่อนข้างแดง ยังมีรอยช้ำบนผิว เห็นได้ชัดว่า...เกิดจากการจูบอย่างรุนแรงและแววตาของฝ่าบาท เหลือบมองดูศิษย์พี่อยู่บ่อยครั้ง ราวกับให้ความสนใจนางเป็นอย่างยิ่งนี่ไม่ใช่ภาพที่เฉียวม่อคาดคิดไว้ฝ่าบาทจับตัวนางสนมที่หลบหนีได้ ควรลงโทษอย่างสาหัสถึงจะถูกและจากที่นางสังเกตเห็นได้จากเมื่อตอนที่ไปยังเมืองหลวงก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ชอบศิษย์พี่ส่วนศิษย์พี่...ศิษย์พี่ไม่อยากกลับพระราชวังไม่ใช่หรือ น่าจะต่อต้านถึงจะถูก!ระหว่างพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ากันได้ดีถึงขนาดนี้!เฉียวม่ออดกลั้นเก็บความสงสัยมากมายไว้ แล้วถวายบังคมอย่างฝืนยิ้ม“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา”“ไม่ต้องมากพิธี”สิ่งที่เซียวอวี้ป่าวประกาศต่อภายนอกก็คือ เดิมครั้งนี้ฮองเฮาก็เดินทางมาพร้อมกับเขา เดินทางมาให้กำลังใจพวกทหาร แต่เพราะทนการเดินทางไกลอย่างเหน็ดเหนื่อยไม่ไหว จึงพักอยู่ในที่พักแรมเป็นการชั่วคราวรถม้าของนางจึงมาถึงช้ากว่าเขาการอธิบายนี้มีพิรุธ แต่ก็ไ

Bab terbaru

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 300

    ตำหนักเซี่ยวเสียนหนิงเฟยที่กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่นั้น พลันทุบปิ่นปักผมในมือลง ทำเอานางกำนัลที่กำลังทำผมให้อยู่ถึงกับหวาดผวารีบคุกเข่าลงไปในทันที“พระสนมใจเย็น ๆ ก่อนนะเพคะ!”หนิงเฟยมองดูตัวเองในคันฉ่อง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบยี่สิบปีของนางหลังจากที่ใช้ชีวิตทุกข์ทรมานและเศร้าโศกมานานหลายปี ใบหน้านี้หาได้หลงเหลือความเป็นสตรีในวัยแรกแย้มเอาไว้ไม่ จำเป็นต้องใช้เครื่องประทินโฉมต่าง ๆ มากมาย ถึงได้มองดูมีความเปล่งประกายงดงามออกมานางที่มีตำแหน่งเป็นถึงนางสนม หากแต่หาได้เคยร่วมบรรทมกับฮ่องเต้ไม่ บอกไปผู้ใดจักไปเชื่อฮองเฮาที่มาทีหลังแต่มีสถานะที่มั่นคง นางก็หาได้อันใดไม่ ในยามนี้นางยังมาถูกสตรีเช่นมู่หรงฉานที่เพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่ครบหนึ่งปีแซงหน้าไปอีก!ทั้งยังเป็นในวันเกิดของนางอีก...หนิงเฟยยังคงเอ่ยถามด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อว่า“ฝ่าบาทเรียกตัวให้จิ้งกุ้ยเหรินมาร่วมบรรทมจริง ๆ หรือ?”สาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น รีบร้อนพยักหน้าลงในทันที“เพ...เพคะ”นางรู้ดีว่าพระสนมไม่พอใจ แต่ก็มิกล้าเอ่ยโป้ปดออกมาเรื่องที่จิ้งกุ้ยเหรินถูกเรียกให้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 299

    เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ดีกว่าผู้ใด ปืนหอกไฟแบบใหม่นั้นดูเหมือนว่าจะสามารถใช้การได้ดี แต่แท้จริงแล้ว หาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่สิ่งที่เฉียวม่อมองว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าจนนำไปเป็นของตัวเอง แท้จริงแล้วล้วนเป็นสิ่งไร้ค่าสำหรับนางในขณะเดียวกัน ผู้คนภายในกรมศัสตราวุธต่างก็พากันล้อมดูภาพพิมพ์เขียวแผ่นนั้นสายตาของพวกเขาพลันเปล่งประกายออกมา ทั้งยังเอ่ยชมเชยออกมาไม่ขาดปากว่า“เมิ่งเฉียวม่อผู้นี้นับว่าเป็นวีรสตรีจริง ๆ ! นางสามารถวาดพิมพ์เขียวออกมาได้งดงามจริง ๆ !”“กรมศัสตราวุธของพวกเรามิได้มีของดี ๆ แบบนี้มานานแล้ว! แจ้งข่าวแก่ช่างฝีมือทุกนายว่า เรื่องอื่นมิจำเป็นต้องสนใจ รีบสร้างปืนหอกไฟแบบใหม่ขึ้นมาเสียก่อนเถอะ!”“ข้าตั้งหน้าตั้งตารอคอยยิ่งนัก!”หลังจากที่ได้เห็นภาพพิมพ์เขียวนั้น คำชื่นชมสรรเสริญเยินยอที่มีต่อเฉียวม่อก็เพิ่มขึ้นมาในทันทีสตรีที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ใต้หล้านับว่าหาได้ยากยิ่งนักนับว่าโชคดีที่นางเกิดและเติบโตในหนานฉีปืนหอกไฟหรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปืนฉับพลัน ปืนลำสั้นจักยาวประมาณหนึ่งนิ้ว และปืนลำกล้องยาวจักยาวถึงเจ็ดนิ้วรูปร่างภายนอกดูเหมือนท่อยาว ๆ หลังจากที่มีการ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 298

    เมื่อเฉียวม่อเห็นฝ่าบาทเดินออกจากตำหนักหย่งเหอไปนั้น นางจึงรีบติดตามไปในทันทีนางที่เป็นเพียงองครักษ์อารักขาประตูนั้น โดยปกติแล้วหากมิได้มีพระราชโองการเรียกตัวย่อมมิอาจเข้ามาในวังได้ในฐานะที่นางเป็นสตรีนั้น เกรงว่าไม่ว่าจักมียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตเพียงใด ก็มิอาจเข้าร่วมการว่าความหรือการประชุมเพื่อพูดคุยเรื่องบ้านเมืองได้หากว่ากันแล้ว นางมีโอกาสน้อยมากนักที่จะได้พบฮ่องเต้ยามที่นางอยากจะเอ่ยเรื่องบางอย่างออกมานั้น กลับเห็นนัยน์ตาที่แดงก่ำทั้งสองข้างของฮ่องเต้เข้าเสียก่อน ราวกับอยากจะสังหารผู้ใดก็ไม่ปานนางพลันรู้สึกหวาดผวาไปในทันที ความประทับใจที่ฝ่าบาทมีให้แก่นางนั้น อย่างมากที่สุดคือท่าทีเข้มงวดหรือใบหน้าที่มีรอยยิ้ม หาได้น่ากลัวเท่ากับวันนี้ไม่“เรื่องใด?” กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทั่วร่างของเซียวอวี้ราวกับประติมากรรมน้ำแข็งก็ไม่ปาน สามารถแช่แข็งความอบอุ่นโดยรอบที่หลงเหลืออยู่เฉียวม่อที่ได้สติกลับมานั้น นางจึงรีบยกมือขึ้นคำนับในทันที“หม่อมฉันมีพิมพ์เขียวอาวุธที่หม่อมฉันอยากจะนำมาถวายแด่ฝ่าบาทเพคะ!”ลมหนาวที่พัดผ่านหน้าทำเอารู้สึกความเจ็บปวดขึ้นมาในฐานะฮ่องเต้ของแผ่นดินนั้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 297

    เซียวอวี้หยิบถุงหอมขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในทันทีเขาจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเพื่อมิให้นางคิดทำอะไรบุ่มบ่ามในขณะเดียวกัน ก็ส่งเสียงสั่งการไปยังด้านนอกตำหนักว่า“เชิญหมอหลวง!”ไม่นานนัก หมอหลวงชราที่เป็นผู้ดูแลเรื่องการตั้งครรภ์ของฮองเฮาก็รีบมาในทันทีเขารู้ดีว่าฮองเฮาหาได้ตั้งครรภ์ไม่หมอหลวงเพียงแค่ดมถุงหอมก็สามารถสรุปออกมาได้ว่า“ทูลฝ่าบาท สิ่งนี้คือกลิ่นหลิงหลิงพ่ะย่ะค่ะ มีส่วนช่วยในการส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้หาได้พบความผิดปกติไม่คำพูดของหมอหลวงหลังจากนั้นกลับขยายความออกมาในทันที“ทว่า ของสิ่งนี้มีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นชะมด หากสตรีมีครรภ์สัมผัสได้สูดกลิ่นเข้าไปเป็นเวลานานนั้น ย่อมส่งผลต่อทารกในครรภ์ จนนำไปสู่การตกเลือดหรืออาจทำให้ทารกในครรภ์ตายได้พ่ะย่ะค่ะ! มิต้องเอ่ยถึงสตรีตั้งครรภ์เลย แม้แต่สตรีปกติทั่วไปก็มิเหมาะที่จะพกถุงหอมนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียนลอบกำหมัดแน่นอยู่ในแขนเสื้อของตนเองเจอจนได้...ดวงตาของเซียวอวี้ค่อย ๆ มืดครึ้มลง ราวกับว่าแสงสว่างที่ค่อย ๆ มอดดับไป ทั้งยังเจือไปด้วยความหนาวเย็น ทำเอาผู้คนนึกหวาดกลัวจนตัวสั่นไปในทันทีทว่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 296

    เมื่อได้ยินว่าเฉียวม่อเป็นลม สายตาของเซียวอวี้พลันเปลี่ยนไปในทันทีพลางขมวดคิ้วเป็นปม เพื่ออดกลั้นน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความโมโหเอาไว้ พร้อมเอ่ยตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาว่า“เจ้าทำได้ ‘ดี’ ยิ่ง!”เซียวอวี้จึงสั่งให้คนไปอุ้มเฉียวม่อเข้าไปพักที่ตำหนักข้าง ทั้งยังเรียกตัวให้หมอหลวงเข้ามาตรวจดูอาการของนางในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่ง ห้ามคนภายในตำหนักหย่งเหอแพร่งพรายเรื่องราวในวันนี้ออกไปไม่นานนัก เฉียวม่อจึงตื่นขึ้นมาภายในตำหนักที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นมีนางกำนัลสาวใช้ที่รอปรนนิบัตินางอยู่ภายในตำหนักนั้น“ใต้เท้าเมิ่ง ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ?” นางกำนัลเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลเฉียวม่อหาได้เป็นลมจริง ๆ ไม่นางเพียงแค่อดทนรอไม่ไหวเท่านั้นในยามนี้นางกำลังนอนอยู่บนเตียง พลางแสดงท่าทีเหนื่อยอ่อนแรงออกมาให้เห็น“พยุงข้า...ขึ้นมา ข้ายังคุกเข่าไม่ครบหนึ่งชั่วยาม...”ตึก!นางทำเหมือนขาทั้งสองข้างได้ถูกแช่แข็งเอาไว้ แม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังไม่ไหว เมื่อนางลุกขึ้นมานั้นร่างกายจึงล้มลงไปบนพื้นในทันทีนางกำนัลจึงเข้ามาช่วยพยุงนางลุกขึ้นโดยไว“ใต้เท้าเมิ่ง ท่านมิต้องเป็นกังวลไปเจ้าค่ะ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 295

    เฉียวม่อคุกเข่าท่ามกลางลมหนาวที่พัดเข้ากระดูมานานกว่าครึ่‘ชั่วยาม เมื่อเห็นฝ่าบาทเสด็จมานั้น นางจึงรีบหันหน้าไปหาด้วยท่าทีไร้หนทางในทันทีมิคิดเลยว่า ฝ่าบาทหาได้หันมามองนางสักตาเดียวไม่ พลางเดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านในตำหนักแทนเฉียวม่อจ้องมองไปยังแผ่นหลังของฝ่าบาท พลางกำหมัดที่แดงก่ำจากความหนาวเย็นเอาไว้แน่นศิษย์พี่มิได้ชมชอบฝ่าบาท นางรู้ดีแล้วฝ่าบาทเล่า?ฝ่าบาทดูเหมือนจะ...ชอบศิษย์พี่มากทว่า ไม่ว่าจะชมชอบสตรีมากเพียงใดก็ตาม พระองค์ก็คงมิยอมให้สตรียื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องราวในราชสำนักอย่างแน่นอน ทั้งยังมิยินยอมให้นางมารังแกท่านแม่ทัพภายใต้การบังคับบัญชาของตนเองอีกด้วย!ภายในตำหนักในเมื่อเซียวอวี้เข้ามานั้น เขาก็ไล่คนอื่น ๆ ให้ออกไปในทันที ซันหมัวมัวหันกลับไปมองฮองเฮาด้วยท่าทีหมดหนทาง พลางใช้สายตาสื่อออกมาวว่า “ผู้ใดให้ท่านมิฟังคำข้า เกิดเรื่องแล้วใช่หรือไม่” เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ทว่า บนใบหน้าหาได้มีท่าทีตื่นตระหนกหรือรู้สึกผิดอันใดไม่“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”เซียวอวี้พลางถามด้วยท่าทีดุดัน“เหตุใดต้องลงโทษแม่ทัพเมิ่งให้นั่งคุกเข่าด้วย?”เซียวอวี้มิได้เอ่ยต่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 294

    เฉียวม่อที่ยืนมาโดยตลอดนั้น เมื่อได้ยินเฟิ่งจิ่วเหยียนออกคำสั่งให้ตนเองคุกเข่าลง นางถึงกับชะงักไปในทันทีแววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนฉายแววเย็นชา“ข้าสั่งให้เจ้าคุกเข่า เจ้าย่อมมิอาจยืนได้ ตนเองเป็นถึงขุนนางของราชสำนัก แม้แต่กฏเช่นนี้ยังมิรู้งั้นหรือ?”เฉียวม่อรู้สึกจุกอกขึ้นมาในทันทีไม่ว่านางจักเอ่ยเล่นลิ้นออกมาอย่างไร ย่อมมิอาจอยู่เหนืออำนาจของราชสำนักไปได้ ก่อนหน้านั้นเป็นเพราะศิษย์พี่เอ็นดูนาง อย่าว่าแต่ให้คุกเข่าเลย แม้แต่ให้ยืนนาน ๆ ศิษย์พี่ก็หาให้นางทำเช่นนั้นไม่ความห่างของระดับชั้นนี้ ทำเอาเฉียวม่อมิอาจรับได้ นางยืนนิ่งมิขยับเช่นนั้นอยู่นานเมื่อได้ยินคำสั่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น องครักษ์ของวังหลวงจึงได้เข้ามาในตำหนักเฉียวม่อที่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น พลันนึกไปถึงศิษย์พี่ยามที่อยู่ในค่ายทหาร เพียงแค่ร้องเรียกคำเดียว บรรดาเหล่าทหารก็จะก้าวออกมารับคำสั่งในทันทีนี่คืออำนาจเป็นแม่ทัพนั้นมีอำนาจ ฮองเฮาก็มีอำนาจเช่นกันเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีดุดันว่า“เมิ่งเฉียวม่อกระทำตัวต่อเราด้วยความหยาบคาย ลากออกไปคุกเข่าสักหนึ่งชั่วยามเสีย”ทหารองครักษ์รับคำสั่งพวกเขาหาได

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 293

    ไทฮองไทเฮาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง“เจ้าแต่งเข้าวังมาก็นานแล้ว หากยังมิได้เข้าร่วมบรรทมกับฝ่าบาทอีกใช้ได้ที่ใดกัน?”เดิมทีพระนางตั้งใจจะเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้ ทว่า ฝ่าบาทที่มิใส่ใจเรื่องนี้จึงได้แต่พยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดในเมื่อฝ่าบาทสามารถทำให้ฮองเฮาตั้งครรภ์ได้แล้วนั้น เช่นนี้พระองค์ย่อมมิอาจหาเรื่องปฏิเสธไปได้อีกอีกทั้ง เขาที่เคารพรักเสด็จย่าเช่นนางมาโดยตลอดในยามที่เพิ่งจัดพิธีมงคลสมรสไปได้ไม่นานนั้น ฮองเฮาก็ยังเป็นสตรีพรหมจรรย์อยู่ หากแต่เป็นพระนางที่ออกคำสั่ง จึงทำให้ฝ่าบาทและฮองเฮาได้เข้าหอเช่นนี้การถวายตัวของฉานเอ๋อร์นั้น ไทฮองไทเฮาจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งใบหน้าสวยงามของมู่หรงฉานพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงพลางตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า“หม่อมฉันน้อมรับฟังคำของท่านเพคะ”ถึงแม้ท่าทีของมู่หรงฉานจักดูอ่อนโยนเรียบร้อย ทว่า นัยน์ตากลับฉายแววความทะเยอทะยานออกมาแต่งเข้าวังมาในฐานะสนม ประสูติพระโอรส เดิมทีทั้งหมดล้วนแต่เป็นเป้าหมายของนางทว่านางถูกเรื่องราวของตระกูลมารดาฉุดรั้งเอาไว้เท่านั้นในยามนี้ก็ปล่อยให้ฮองเฮามีอำนาจเหนือกว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 292

    ซุนหมัวมัวที่มิอาจควบคุมความอยากรู้อยากเห็นของตนเองได้นั้น จึงแกะจดหมายประจำตระกูลของฮองเฮาออกมาน่าแปลก เนื้อหาด้านในจดหมายเป็นเพียงเนื้อหาปกติทั่วไปที่สื่อถึงความเป็นห่วงเป็นใยเท่านั้นจดหมายเช่นนี้เหตุใดจึงต้องลอบส่งออกจากวังไปด้วยเล่า?หาได้เป็นเรื่องที่จำเป็นไม่เมื่อกลับมาคิด ๆ ดูแล้วนั้น บางทีอาจจะเป็นแผนการที่ฮองเฮาลอบทดสอบความสามารถของนางดูก็เป็นได้ ว่านางจักสามารถใช้การได้หรือไม่ซุนหมัวมัวจึงรีบทำตามรับสั่ง พลางนำจดหมายลอบส่งไปที่ประตูทิศตะวันออกในทันทีทางด้านประตูทิศตะวันออกนั้นมีคนรอรับจดหมายอยู่แล้วไม่นานนัก อู๋ไป๋จึงได้รับจดหมายในทันทีเนื้อความในจดหมายแม้จักดูธรรมดาไปนัก แต่แท้จริงแล้วเป็นการจัดเรียงข้อความลับท่านแม่ทัพน้อยมักจะชอบใช้ “สามสี่หนึ่งห้า”นั่นก็คือ วงคำที่เกี่ยวข้องในแต่ละประโยคออกมา เมื่อนำความหมายมาเชื่อมโยงกันนั้น ก็จักแปรเปลี่ยนเป็นความหมายแท้จริงที่ต้องการจะสื่อ——[เฉียวม่อมีคนให้ความช่วยเหลือ สืบหา]เมื่ออู๋ไป๋อ่านจบแล้วนั้น เขาก็จัดการเผาจดหมายทิ้งในทันที……ภายในตำหนักหย่งเหอวันแรกของปีเช่นนี้ เหล่าบรรดานางสนมทั้งหลายย่อมมาแสดงควา

DMCA.com Protection Status