Share

บทที่ 265

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ตรงมุมหนึ่งของกำแพง มีร่องรอยเก่ากับใหม่ผสานกันอย่างไม่ถูกต้อง

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ทำอะไรในทันที แสร้งทำเป็นตรวจดูเสร็จ แล้วก็ขอตัวกลับ พูดเน้นย้ำอาสะใภ้หกว่า ห้ามเอาเรื่องของนางไปบอกใคร

หลังจากดึกดื่น นางแอบเข้ามาในห้องทางทิศตะวันตกอีกครั้ง

หลังจากดันสิ่งของที่วางกองรวมกันอยู่ออกไป ก็พบว่าบนพื้นหลวมๆ เมื่อจัดการกับดินบนนั้นแล้ว ก็พบไม้กระดานสี่เหลี่ยมชิ้นหนึ่ง

เมื่อดันไม้กระดานนั้นขึ้นมา ก็เป็นเส้นทางใต้ดิน

นางใช้เพียงพับไฟส่องสว่าง แล้วก็คิดเข้าใจทันที เฉียวม่อย้ายสิ่งของหลายหีบนั้นเข้าไปในจวนแม่ทัพได้อย่างไร

วันถัดมา

เฟิ่งจิ่วเหยียนมาหาฮูหยินเมิ่งอีกครั้ง

ไม่รอให้นางนำเรื่องที่พบเมื่อวานบอกกับอาจารย์หญิง ฮูหยินเมิ่งก็ชิงพูดเรื่องลับเรื่องหนึ่งขึ้นมาก่อน

“นี่เป็นจดหมายด่วนจากพ่อของเจ้า เดิมนั้นส่งให้อาจารย์ของเจ้า ฉันเอามาดูก่อน เจ้าเองก็ดูด้วย”

แววตาฮูหยินเมิ่ง เต็มไปด้วยความหนักใจ

เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที

เมื่อเปิดจดหมายดู ค่อยรู้ว่า ฮ่องเต้ทรราชคนนั้น ไม่เชื่อว่านางตายแล้ว บีบบังคับให้นายท่านเฟิ่งส่งคนมาให้

ฮูหยินเมิ่งจับมือข้างหนึ่งของนางไว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
คิดได้เมื่อตอนสายนะอีมู่หรงฉาน เฉียวม่อไม่หวังดี ที่ช่วยเพราะหวังผลตอบแทน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 266

    เฉียวม่อพบแหล่งที่มาสิ่งของที่เป็นของกลาง พิสูจน์ว่าเป็นของที่ได้มาจากกลุ่มโจรปล้นสุสานเพื่อซ่อนสิ่งที่ได้มาเป็นพิเศษพวกนี้ จึงขนส่งไปยังจวนแม่ทัพเดิมคิดว่าสถานที่อันตรายที่สุดก็คือสถานที่ปลอดภัยที่สุด คิดไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะกล้าค้นจวนแม่ทัพเมิ่งฉวีไร้ความผิดถูกปล่อยตัวออกมา ข้าหลวงผู้ตรวจการนำความจริงของคดีนี้ กราบทูลฝ่าบาทที่อยู่ห่างไกลถึงเมืองหลวงเรื่องนี้ ดูเหมือนจะผ่านไปเสียแบบนี้แล้วและเรื่องที่แม่ทัพน้อยเมิ่งช่วยพ่อของตนเองไว้ กลายเป็นเรื่องเล่าอย่างน่าชื่นชมภายในค่ายทหารจวนแม่ทัพถูกปลดปล่อยวันที่แม่ทัพเมิ่งกลับมา ฮูหยินเมิ่งกับเฉียวม่อรอรับอยู่ตรงหน้าประตูจวน“ท่านพ่อ!” เฉียวม่อร้องเรียกอย่างตื่นเต้น วิ่งเร็วยิ่งกว่าฮูหยินเมิ่งฮูหยินเมิ่งมองเงาแผ่นหลังของนางด้วยสายตาหม่นหมอง พร้อมเงียบไปอยู่นานตอนกลางคืนฮูหยินเมิ่งกับเฟิ่งจิ่วเหยียนนัดเจอกันนางค่อนข้างไม่เข้าใจ“เฉียวม่อคิดอยากทำอะไรกันแน่?”วางแผนใหญ่โตขนาดนี้ มีผลประโยชน์ต่อนางอย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาว่า“บางที นางรู้ว่าท่านกำลังสืบเรื่องกองทัพมังกรพยัคฆ์”ฮูหยินเมิ่งเข้าใจขึ้นมาทันท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 267

    ในตำหนักจื้อเฉิน พระราชวังเฉินจี๋เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว แสดงออกถึงความร้อนใจอย่างเห็นได้น้อยครั้ง“ฝ่าบาท มีข่าวแจ้งมาว่า ฮองเฮาอยู่ชายแดนเหนือ!”เวลาต่อมา มีคนหนึ่งเดินออกมาจากในม่านบัง รอบกายเต็มไปด้วยความโกรธที่รุนแรง ราวกับชูร่าในนรก ภายใต้เงาร่างสูง แสงแดดแลดูหม่นหมองแววตาเซียวอวี้กำลังก่อตัวพร้อมกับพายุฝนที่ใกล้เข้ามาในความมืด สีหน้าเยือกเย็นอย่างที่สุดเขารู้อยู่แล้ว นางไม่มีทางตายหนีไปยังชายแดนเหนือหรือจักรพรรดิตรัสสั่งขึ้นมาพร้อมความขุ่นเคืองว่า “เจ้าพาคนจำนวนหนึ่ง ไปยังชายแดนเหนือ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็เปลี่ยนความคิดผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถอย่างยิ่ง รับมือได้หนึ่งต่อร้อย เฉินจี๋ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง……ในที่ว่าราชการนายท่านเฟิ่งเหม่อลอย เตรียมพร้อมกับการถูกประหารแล้วใครใช้ให้เขามีลูกสาวอกตัญญูเล่านางสนใจแต่เพียงความอิสรเสรี ทำให้ทุกคนในตระกูลต้องตายเพื่อนางไม่ง่ายกว่าจะรอจนถึงว่าราชการเสร็จสิ้น เดิมเขาคิดว่า ฝ่าบาทจะมีรับสั่งให้เขาอยู่ต่อ เพื่อทำการลงโทษเขาสุดท้าย เหมือนฝ่าบาทจะจำที่นัดหมายไว้หนึ่งเดือนไม่ได้ จบการว่าราชการเสร็จก็ออกไปเลยนายท่านเฟิ่ง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 268

    ผู้ชายที่อยู่ในห้องค่อยๆ หันมา จับจ้องมองดูเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างเยือกเย็นชาริมฝีปากของเขาแฝงไปด้วยความเลือดเย็น ส่วนที่กระตุกขึ้นมาเล็กน้อยแฝงไปด้วยความหนาวเหน็บ“ที่นี่สุขสบายกว่าพระราชวังหรือ”คำพูดประโยคนี้พูดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้สึกได้ถึง ความขุ่นเคืองจัดที่เขาอดกลั้นไว้ก็ถูกนางในฐานะที่เป็นฮองเฮาหนีไปแล้วถือเป็นการเหยียบย่ำเกียรติของเขาที่เป็นกษัตริย์กับสามีเซียวอวี้ก้าวเท้าเดินมา ค่อยๆ เข้าใกล้นางนางไม่ได้ก้าวถอยหลัง และก็ไม่มีความคิดที่จะหนีไปชายหนุ่มหยุดชะงักตอนอยู่ห่างจากนางหนึ่งก้าว รูปร่างสูงใหญ่ราวกับเมฆดำบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดเงาใหญ่โตบนใบหน้าของนางทันใดนั้น เขาเอื้อมมือดึงม่านคลุมหน้าของนางออกนิ้วเรียวยาวยังคงวางอยู่บนแก้มของนาง ลูบไล้ไปตามกรามของนาง ในที่สุดก็หยุดตรงใต้คางของนาง“ทำไมต้องหนี?”น้ำเสียงของเขาลาวยาวนุ่มนวล ราวกลับก่อนการฆาตกรรม ที่กำลังล้อเหยื่อเล่น กลั่นแกล้งอย่างโหดเหี้ยมเฟิ่งจิ่วเหยียนสบกับสายตาของเขาอย่างไม่หวาดกลัว“เพราะหวาดกลัว”ทันใดนั้น ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มบีบคอของนางไว้ มองดูนางอย่างเยือกเย็นชา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 269

    เฉียวม่อตรงไปยังกระโจมหลักของฮ่องเต้กับฮองเฮาแม่ทัพเมิ่งกำลังให้การต้อนรับด้วยตนเองเฉียวม่อกลับมองเห็น ศิษย์พี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างฝ่าบาท ริมฝีปากค่อนข้างแดง ยังมีรอยช้ำบนผิว เห็นได้ชัดว่า...เกิดจากการจูบอย่างรุนแรงและแววตาของฝ่าบาท เหลือบมองดูศิษย์พี่อยู่บ่อยครั้ง ราวกับให้ความสนใจนางเป็นอย่างยิ่งนี่ไม่ใช่ภาพที่เฉียวม่อคาดคิดไว้ฝ่าบาทจับตัวนางสนมที่หลบหนีได้ ควรลงโทษอย่างสาหัสถึงจะถูกและจากที่นางสังเกตเห็นได้จากเมื่อตอนที่ไปยังเมืองหลวงก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ชอบศิษย์พี่ส่วนศิษย์พี่...ศิษย์พี่ไม่อยากกลับพระราชวังไม่ใช่หรือ น่าจะต่อต้านถึงจะถูก!ระหว่างพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ากันได้ดีถึงขนาดนี้!เฉียวม่ออดกลั้นเก็บความสงสัยมากมายไว้ แล้วถวายบังคมอย่างฝืนยิ้ม“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา”“ไม่ต้องมากพิธี”สิ่งที่เซียวอวี้ป่าวประกาศต่อภายนอกก็คือ เดิมครั้งนี้ฮองเฮาก็เดินทางมาพร้อมกับเขา เดินทางมาให้กำลังใจพวกทหาร แต่เพราะทนการเดินทางไกลอย่างเหน็ดเหนื่อยไม่ไหว จึงพักอยู่ในที่พักแรมเป็นการชั่วคราวรถม้าของนางจึงมาถึงช้ากว่าเขาการอธิบายนี้มีพิรุธ แต่ก็ไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 270

    เรื่องที่ให้ย้ายเฉียวม่อกลับไปยังเมืองหลวง เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายว่า“ฝ่าบาท ท่านเป็นกังวลว่าพ่อลูกตระกูลเมิ่ง มีอำนาจทางทหารมากเกินไปมาตลอด”“เฉียวม่อเป็นลูกศิษย์ของเมิ่งฉวี หลายปีมานี้รักใคร่นางเหมือนลูก หากสามารถรั้งตัวเฉียวม่อไว้ในเมืองหลวง เมิ่งฉวีก็จะต้องมีความกังวล”เซียวอวี้ฉีกยิ้มหัวเราะเย้ย“ให้เมิ่งเฉียวม่อไปเป็นตัวประกันหรือ ฮองเฮา เจ้าทำกับคนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเจ้าแบบนี้หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มหน้าลงเล็กน้อย“เทียบกับความสัมพันธ์ส่วนตัว หม่อมฉันอยากที่จะแบ่งเบาภาระท่านมากกว่า”“ความน่าเชื่อถือของแม่ทัพน้อยเมิ่งในค่ายทหารเป่ยต้าตอนนี้ มากเกินกว่าจักรพรรดิแล้ว”“หม่อมฉันคิดว่า มีอำนาจเหนือนายไปแล้ว“ย้ายแม่ทัพน้อยไป ก็สามารถค่อยๆ ทำให้ค่ายทหารเป่ยต้า กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของท่าน”ดูเหมือนนางเสนอแนะอย่างจริงใจ ทำให้เซียวอวี้ค่อยๆ มองข้ามกฎที่ “วังหลังห้ามยุ่งเรื่องการเมือง”เขาก็คิดว่า สิ่งที่นางพูดมานี้ไม่ผิดพ่อลูกตระกูลเมิ่งมีคุณความดีทางทหารอันเลื่องลือ หากจะพูดว่าเขาไม่หวาดระแวงอะไรเลย นั่นคือความเท็จกษัตริย์มักชอบสงสัย เขาเองก็ไม่ยกเว้นยามทำศึกต่อสู

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 271

    ปฏิกิริยาของเฟิ่งจิ่วเหยียนในครั้งนี้รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง นางเอียงหน้าหลบจูบนั้นไปได้อย่างเฉียดฉิวริมฝีปากของบุรุษปัดผ่านใบหน้าของนางไปเจอกับความว่างเปล่าสายตาของนางมีรังสีสังหารเย็นเยียบวาบผ่านเซียวอวี้ไม่ได้ลงมือต่อ เขาหัวเราะแล้วกล่าวข้างหูนางว่า“เจ้ากล่าวว่าอันใดนะ ตอบแทนบุญคุณ ทำเพื่อเรา โกหกทั้งเพ“เจ้ารู้ว่าเมิ่งเฉียวม่อนั่นทรยศเจ้า จึงคิดจะเอานางมาไว้ข้างกาย จะได้ค่อย ๆ ทรมานนาง“เราเดาถูกใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยจากนั้นก็ได้ยินบุรุษผู้นั้นถามต่ออีกว่า“เจ้าคิดอยากจะกลับมาจริง ๆ หรือว่าถูกบังคับ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมตนเองให้สงบนิ่ง“ข้า...”“วันนี้ยามที่เจอเจ้าในกระท่อมไม้ เจ้าสะพายกระเป๋าเดินทางเอาไว้ เดิมเจ้าตัดสินใจจะหนีต่อไปใช่หรือไม่?”เซียวอวี้มีท่าทางราวกับว่าเขามองนางจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ทั้งยังทำราวกับกำลังเล่นกับเหยื่อที่อยู่ในกำมืออย่างไรอย่างนั้นเขาอยากเห็นนางหวาดกลัว หวาดผวา อยากได้ยินนางขอร้องให้เขายกโทษให้ทว่านางเพียงเงยหน้าขึ้นอย่างสงบนิ่งแล้วใช้ดวงตาที่ไร้ความเกรงกลัวคู่นั้นมองมาที่เขาทุ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 272

    ไปรับตำแหน่งขุนนางในเมืองหลวง เฉียวม่อไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย นางมองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้โดยสัญชาติญาณนี่เป็นความคิดของศิษย์พี่หรือ?ไม่ เป็นไปไม่ได้ฝ่าบาทคงไม่ถึงขนาดฟังคำพูดของสตรีผู้หนึ่งหรอก ทรงจะแต่งตั้งให้นางเป็นองครักษ์อารักขาประตูอะไรนั่นนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!เฉียวม่อกระวนกระวายใจยิ่งที่จริงแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันที่จู่ ๆ เซียวอวี้ตัดสินใจทำเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนวานเขายังซักถามวัตถุประสงค์ของนางด้วยความสงสัยอยู่เลยยามที่นางมองไปที่เขา เขาเองก็หันมามองนางเช่นกัน แววตาเฉยชานั้นกลับพูดสิ่งที่มีเพียงนางเท่านั้นที่เข้าใจ “เช่นนี้ เจ้าพอใจหรือไม่?”เมื่อฮ่องเต้ต้องการให้เจ้าทำอะไร เจ้าย่อมไร้หนทางในการปฏิเสธจากนั้นเซียวอวี้ก็ออกคำสั่งเฉียวม่อต่อทันที“การรับตำแหน่งเป็นเรื่องเร่งด่วน เจ้าต้องออกเดินทางภายในสามวัน”“ฝ่าบาท...” เฉียวม่อยังคงพยายามกอบกู้สถานการณ์แม่ทัพเมิ่งก้าวขึ้นมาด้านหน้า “กระหม่อมขอขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทแทนบุตรสาวพ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้นก็ส่งสายตาให้เฉียวม่อทูลขอบพระทัยเฉียวม่อที่ไม่ยินยอมพร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 273

    ไม่ว่าไทเฮาจะถามอะไร นางสนมเจียล้วนตอบทั้งหมด“หม่อมฉันให้คนไปสืบที่วิหารบรรพบุรุษมา กลับไม่พบแม้แต่เงาของฮองเฮา หม่อมฉันจึงได้ข้อสรุปว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฮองเฮาเพคะ”สีหน้าไทเฮาเคร่งขรึมขึ้น“นางสนมเจีย เจ้ารู้หรือไม่ว่าการพูดเหลวไหล แต่งเรื่องโกหก จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ากล้ารับประกันหรือไม่ว่าฮองเฮาไม่อยู่ที่วิหารบรรพบุรุษ?”นางสนมเจียพยักหน้า“เป็นเรื่องจริงเพคะไทเฮา! หม่อมฉันกล้าใช้ชีวิตรับประกันเพคะ”ไทเฮายังคงรู้สึกกังขาในเรื่องนี้นี่ช่างแปลกเสียจริงหากฮองเฮาไม่อยู่ที่วิหารบรรพบุรุษ เช่นนั้นช่วงที่ผ่านมานางไปที่ไหนกัน?เรื่องของฮ่องเต้ นางย่อมไม่อาจสืบเสาะได้ทว่านางไม่จำเป็นต้องหาเรื่องทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากนางสั่งนางสนมเจียว่า“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้าหรอกนะ“ทว่าเท่าที่ข้าสืบความมาได้ ฮองเฮาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไร นางใกล้จะกลับมาแล้ว หากเจ้าอยากไขข้อสงสัยให้กระจ่างก็ไปถามนางเป็นการส่วนตัวได้”นางสนมเจียแสดงสีหน้าดีอกดีใจ“จริงหรือเพคะ!”ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฮองเฮาก็ดีแล้ว!ไทเฮากำชับอย่างเป็นห่วง“หากครั้งต่อไปมีเรื่องอะไรก็

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 950

    ราชทูตจากเป่ยเยี่ยนที่รักตัวกลัวตายนั้น เขาย่อมรู้ดีว่านิสัยของอดีตฮ่องเต้เป็นคนเช่นไร จึงมิคิดหาเรื่องเดือดร้อนให้กับตนเองเขารีบพาทหารทั้งหลายที่ถูกถอดชุดเกราะปลดอาวุธกลับเป่ยเยี่ยนไปในทันที มิคิดรั้งอยู่หนานฉีเลยแม้แต่วินาทีเดียวเมื่ออดีตฮ่องเต้เห็นทุกคนออกไปกันหมดแล้วนั้น เขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่า เขาถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่แล้วจริง ๆ วินาทีนั้น เขาโกรธโมโหยิ่งนัก พร้อมทั้งไอสังหารที่แผ่ไปทั่วทุกที่“อ๊าก! ตาเฒ่า! ข้าเป็นบุตรแท้ ๆ ของท่าน ท่านกล้าทำเช่นนี้กับข้าเลยหรือ!”เขาทั้งสองข้างพลันคุกลงบนพื้น ก่อนจะร้องคำรามไปมามิต่างอันใดกับสุนัขที่บ้าคลั่ง……แคว้นตงซานที่อยู่ห่างออกไปพันลี้นั้นหลังจากที่ราชทูตทั้งสองกลับมาแล้วนั้น พลางนำข่าวที่ตนเองถูกพวกหนานฉีบังคับให้ทำการค้าขายด้วยมารายงานในทันทีฮ่องเต้แคว้นตงซานที่ได้ยินเช่นนั้น พลันหัวเราะออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว“เรารู้ดีว่า หนานฉีจักไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้แน่!”ราชทูตหลี่หลิงที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นนั้น“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิอาจช่วยราชครูกลับมาได้ ทว่า พวกกระหม่อมได้ทิ้งสายลับเพื่อติดตามหาเบาะแสของตงฟางซื่อเอาไว้แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 949

    การที่พวกเขาขอเข้าพบยามมืดค่ำเช่นนี้ เกรงว่าราชทูตเป่ยเยี่ยนเองคงมีเรื่องร้อนใจมากกระมังจางฉี่หยางนำกองทัพที่แข็งแกร่งบุกเข้าโจมตีเป่ยเยี่ยนสงครามในครานี้จึงต้องรีบระงับโดยไว แว่นแคว้นภายในถึงจักสามารถฟื้นตัวได้เสียที……เมืองเซวียนภายในเรือนจำฮ่องเต้เยี่ยนและเหล่าทหารมากมายถูกคุมขังเอาไว้ที่นี่เขามิคิดเลยว่า ตนเองจักถูกพวกหนานฉีจับได้ ทั้งยังถูกคนของตนเองทรยศหักหลังอีก!เขาโกรธเกลียดยิ่งนักเมื่อฮ่องเต้ถูกจับตัวเอาไว้ได้เช่นนี้ กองทัพเยี่ยนที่เหลืออยู่บนภูเขาจิ่วเหลียนย่อมไร้ความสามารถเป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนหาได้แสดงออกท่าทีว่าตนเองพ่ายแพ้ไม่ หากแต่ยังคงทำตัวหยิ่งจองหอง ยโสโอหังไม่เลิก“เราจักไม่ตาย! พวกเจ้ามิกล้าสังหารเราหรอก!“กองทัพเยี่ยนที่มีทหารนับหมื่นนายนั้น พวกเขาจักยังคงทยอยโจมตีหนานฉีต่อไป จนกระทั่งหนานฉีพ่ายแพ้ราบคาบเป็นหน้ากอง!”นี่คือพระราชโองการที่เขาออกสั่งด้วยตนเอง ก่อนที่เขาจะทยานเข้าสู่ศึกสงครามไม่ว่าอย่างไร เป่ยเยี่ยนกับหนานฉีก็จักรบกันจนตัวตายไปข้างหนึ่ง!ทหารที่เฝ้าห้องขังนั้น ต่างพากันหัวเราะออกมาเสียฉากใหญ่“ทยอยโจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 948

    ในวังหลวงหลังจากรับสำรับมื้อค่ำแล้วนั้น เซียวอวี้ก็มอบของขวัญให้กับตระกูลเฟิ่งมากมาย ทุกคนต่างก็ได้รับกันถ้วนหน้า รวมไปถึงเด็กน้อยวัยสองขวบด้วยเฟิ่งเหยียนเฉินพลันลุกขึ้นยืน“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมนึกละอายใจยิ่งนัก!”โจวซื่ออุ้มบุตรสาวของตนเองขึ้นมา ก่อนจะโค้งกายคำนับตามสามีของตนเองเซียวอวี้ที่มีงานราชกิจมากมายรออยู่นั้น หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเสร็จเขาก็ต้องกลับไปที่ห้องทรงพระอักษร ก่อนจะสั่งการให้หลิวซื่อเหลียงส่งตระกูลเฟิ่งออกจากวังไปหลิวซื่อเหลียงที่เป็นข้ารับใช้คนสนิทของฮ่องเต้ การที่ได้เขาช่วยนำออกจากวังหลวงนั้น ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่า ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับตระกูลเฟิ่งมากเพียงใดเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองหลานสาวตัวน้อยของนาง ก่อนจะหันกลับไปมองแผ่นหลังของฮ่องเต้ที่เดินจากไปทันใดนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมายจึงฉายชัดขึ้นมาในทันทีตลอดการรับสำรับมื้อค่ำในครานี้ เซียวอวี้ลอบมองดูเด็กน้อยอยู่หลายครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ฉายขึ้นในดวงตาของเขาเสมอสายตานั้น มิต่างอันใดกับเฟิ่งเหยียนเฉินที่มอบให้กับบุตรสาวของตนเองเลยแม้แต่น้อยหากจะกล่าวว่าเฟิ่งจิ่วเหยียน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 947

    สีหน้าของนายท่านเฟิ่งเต็มไปด้วยการต่อต้านถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังมีบุปผางามสาวสะพรั่งอีกมากมายให้เลือกสรร อย่างน้อย เขาก็สามารถแต่งกับสตรีที่รู้ความแตกฉานด้านอักษร หรือมีภูมิหลังที่สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ผุดผ่องได้หลิวอิ๋งผู้นี้ หาได้มีคุณสมบัติที่จักมาเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิ่งไม่!หากแต่ สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาหาได้มีท่าทีล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ใบหน้าของเขาราวกับเต็มไปด้วยความรักใคร่“นายท่าน สามีของข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ข้ามิเคยลืมท่านเลยสักวันเดียว“ในเมื่อพี่สาวข้าหย่าขาดกับท่านเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันดีหรือไม่ ในครานี้ มิมีผู้ใดขัดขวางพวกเราได้อีกแล้ว”ทั่วร่างของนายท่านเฟิ่งพลันเหงื่อแตกไปในทันที ก่อนจะผลักนางออกไป“ใครเคยอยู่กับเจ้ากัน! เจ้าออกไปให้ห่างจากข้าเดี๋ยวนี้!”หลิวอิ๋งในยามนี้ จัดการยากกว่าในปีนั้นยิ่งนัก!เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ที่มารดาของเขามิยินยอมให้นางแต่งเข้าจวนมา!ดวงตาของหลิวอิ๋งพลันหรี่ลงเล็กน้อย คล้ายกับท่าทีที่พร้อมจะทุบหม้อข้าวหม้อแกงทุกอย่างทิ้งไป“ท่านไม่อยากแต่งกับข้างั้นหรือ?“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 946

    ด้านนอกประตูวังนั้นหลิวอิ๋งและบุตรสาวของนางถูกไล่ออกไปทันทีไม่ว่าพวกนางจะเอ่ยย้ำว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮามากเท่าไหร่เหล่าองครักษ์พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ฮองเฮามีรับสั่งว่า ไม่พบ!”สาวใช้ของพวกนางพลันก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะซักถามพวกเขาว่า“มีตาหามีแววไม่! พวกเจ้ามิได้ไปแจ้งให้ฮองเฮาทราบอย่างแน่นอนเลย!”องครักษ์ที่ทำหน้ารักษาประตูวังจึงชักอาวุธออกมา“หากกล้าก่อเรื่องที่หน้าประตูวัง คงมิอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”เมื่อหลิวอิ๋งและอีกสองคนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกนางจึงค่อย ๆ ล่าถอยออกไปแต่โดยดีทว่า พวกนางหาได้คิดยอมแพ้ไม่!เจิ้งจีบุตรสาวของนางพลันเป็นเดือดเป็นร้อนไปในทันที ก่อนจะจับแขนมารดาของตน พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ ฮองเฮามิให้พวกเราเข้าพบเช่นนี้ พวกเราจักทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ? แคว้นพันธมิตรต่างก็เปิดเส้นทางการค้าขายมากมาย โดยเฉพาะแคว้นตงซาน จำนวนพ่อค้าหลวงเองก็มีจำกัด พวกเรามิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้นะเจ้าคะ”สายตาอของหลิวอิ๋งพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทีสงบและฉลาดหลักแหลม“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อคนเป็นลูกมิยอมใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 945

    เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวของท่านน้าหญิงของตนเองเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบตัวตนของนางมาเสียก่อนการสืบหาในครานี้ กินเวลาไปเกือบทั้งวันด้านนอกประตูวัง ยังมีแม่ลูกคู่หนึ่งยืนอยู่ พร้อมด้วยสาวใช้ของนางเมื่อเหล่าองครักษ์เห็นว่านางเรียกตนเองว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮานั้น พวกเขาก็หาได้กล้าทำอะไรไม่ พลางพาพวกนางไปพักที่ศาลาเพื่อรอฮองเฮาเรียกตัวเข้าพบใกล้พลบค่ำหว่านชิวพลันเดินเข้ามาภายในตำหนักในขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังอ่านจดหมายจากท่านอาจารย์ของนาง เนื้อหาพลันระบุเอาไว้ ชายแดนเหนือได้ทำการวางแนวป้องกันแบบใหม่ลงไปแล้ว มิกลัวว่าฝั่งเป่ยเยี่ยนจะลอบเข้ามาโจมตีอีกต่อไปหว่านชิวพลางโค้งกายคำนับ“ฮองเฮาเพคะ สืบพบแล้วเพคะ สตรีผู้นี้มีนามว่า ‘หลิวอิ๋ง’ เป็นท่านน้าหญิงของพระองค์จริง ๆ เพคะ ทว่า...” หว่านชิวพลันเปลี่ยนหัวเรื่อง “องครักษ์ยังสืบพบอีกว่า มารดาของท่านได้ทำการตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเดิมไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ท่านน้าหญิงของฮองเฮาผู้นี้ มิทราบว่าสมควรจักให้พบหรือไม่ให้พบดีเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนวางจดหมายในมือของนางลง ก่อนจะสั่งการว่า“เจ้าไปที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 944

    เจียงหลินจึงเอ่ยอธิบายก่อน: “สำหรับเส้นทางการค้าลับนั้น ตระกูลเจียงเองก็เคยใช้งานเช่นเดียวกัน ทว่า เรื่องมนุษย์โอสถนั้น หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเจียงไม่”เรียวนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเขี่ยไปที่รอบปากจอกสุรา สายตาของนางหาได้สนใจสิ่งใดไม่“เล่าต่อเถิด ว่าเรื่องเป็นมาเช่นไร”เจียงหลินพลันกัดฟันเอ่ยออกมา“ข้ากลัวว่าท่านจักเป็นกังวล จึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาให้ท่านฟัง”“เส้นทางการค้าลับนั้นมีมานานนับหลายสิบปีแล้ว การค้าของตระกูลเจียงนั้นมีบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้งานพวกเขาบ้าง“สิ่งที่ข้าสืบพบก็คือ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นการค้าของพวกมนุษย์โอสถรุ่งเรืองยิ่งนัก ทว่า มิรู้เพราะเหตุใดช่วงนี้ราวกับพวกเขาได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่าง จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มานานแล้ว“ข้าเองก็ได้ส่งคนไปซุ่มรอตรวจสอบอยู่ หากพบว่ามีการค้าขายเกี่ยวกับมนุษย์โอสถเมื่อใดนั้น ย่อมต้องแจ้งให้ท่านทราบอย่างแน่นอน“ทว่า ในยามนี้หาได้พบสิ่งใดไม่”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ฟังจนจบแล้วนั้น อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่งว่า มนุษย์โอสถไปมาระหว่างแคว้นตงซานกับหนานฉีจริง ๆ ……ช่วงนี้ นับตั้งแต่ฮ่องเต้จนไปถึงขุนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 943

    ปั้ง!ถานไถเหยี่ยนยกมือขึ้นข้างหนึ่ง หยวนจั้นที่ตกใจจนมิทันได้ป้องกันตนเองนั้น ก็ถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกออกไปในทันทีหยวนจั้นที่ได้สติกลับมานั้น จึงปรับสมดุลกำลังภายในในร่างกายของตนเองให้มั่นคง ทว่า ก็ยังไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนักร่างกายของหยวนจั้นซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว พร้อมทั้งแผ่นหลังที่ไปกระแทกเข้ากับประตูห้องขังที่อยู่ด้านหลังเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น พลันเห็นว่าถานไถเหยี่ยนได้ทำลายกุญแจประตูห้องขัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา...หยวนจั้นเอามือกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง พร้อมด้วยเปลือกตาของเขาที่สั่นไหวไปเล็กน้อยคนผู้นี้ มีความสามารถล้ำลึกถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพียงไม่กี่อึดใจเดียว ถานไถเหยี่ยนก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา พลางยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ของหยวนจั้นหยวนจั้นที่คิดว่าถานไถเหยี่ยนจะลงมือกับตนเองนั้น กลับเห็นว่าเขาเพียงแค่ปัดฝุ่นออกจากหัวไหล่ให้ตนเองเท่านั้นเสมือนกับว่า เขายังคงเป็นอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำของเขาอยู่จากนั้น ถานไถเหยี่ยนพลันจัดแจงอาภรณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยับให้เรียบร้อย พวกเขาราวกับศิษย์อาจารย์ที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 942

    หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status