แชร์

บทที่ 267

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-13 18:46:40
ในตำหนักจื้อเฉิน พระราชวัง

เฉินจี๋เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว แสดงออกถึงความร้อนใจอย่างเห็นได้น้อยครั้ง

“ฝ่าบาท มีข่าวแจ้งมาว่า ฮองเฮาอยู่ชายแดนเหนือ!”

เวลาต่อมา มีคนหนึ่งเดินออกมาจากในม่านบัง รอบกายเต็มไปด้วยความโกรธที่รุนแรง ราวกับชูร่าในนรก ภายใต้เงาร่างสูง แสงแดดแลดูหม่นหมอง

แววตาเซียวอวี้กำลังก่อตัวพร้อมกับพายุฝนที่ใกล้เข้ามาในความมืด สีหน้าเยือกเย็นอย่างที่สุด

เขารู้อยู่แล้ว นางไม่มีทางตาย

หนีไปยังชายแดนเหนือหรือ

จักรพรรดิตรัสสั่งขึ้นมาพร้อมความขุ่นเคืองว่า “เจ้าพาคนจำนวนหนึ่ง ไปยังชายแดนเหนือ”

พูดถึงตรงนี้ เขาก็เปลี่ยนความคิด

ผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถอย่างยิ่ง รับมือได้หนึ่งต่อร้อย เฉินจี๋ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง

……

ในที่ว่าราชการ

นายท่านเฟิ่งเหม่อลอย เตรียมพร้อมกับการถูกประหารแล้ว

ใครใช้ให้เขามีลูกสาวอกตัญญูเล่า

นางสนใจแต่เพียงความอิสรเสรี ทำให้ทุกคนในตระกูลต้องตายเพื่อนาง

ไม่ง่ายกว่าจะรอจนถึงว่าราชการเสร็จสิ้น เดิมเขาคิดว่า ฝ่าบาทจะมีรับสั่งให้เขาอยู่ต่อ เพื่อทำการลงโทษเขา

สุดท้าย เหมือนฝ่าบาทจะจำที่นัดหมายไว้หนึ่งเดือนไม่ได้ จบการว่าราชการเสร็จก็ออกไปเลย

นายท่านเฟิ่ง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 268

    ผู้ชายที่อยู่ในห้องค่อยๆ หันมา จับจ้องมองดูเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างเยือกเย็นชาริมฝีปากของเขาแฝงไปด้วยความเลือดเย็น ส่วนที่กระตุกขึ้นมาเล็กน้อยแฝงไปด้วยความหนาวเหน็บ“ที่นี่สุขสบายกว่าพระราชวังหรือ”คำพูดประโยคนี้พูดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้สึกได้ถึง ความขุ่นเคืองจัดที่เขาอดกลั้นไว้ก็ถูกนางในฐานะที่เป็นฮองเฮาหนีไปแล้วถือเป็นการเหยียบย่ำเกียรติของเขาที่เป็นกษัตริย์กับสามีเซียวอวี้ก้าวเท้าเดินมา ค่อยๆ เข้าใกล้นางนางไม่ได้ก้าวถอยหลัง และก็ไม่มีความคิดที่จะหนีไปชายหนุ่มหยุดชะงักตอนอยู่ห่างจากนางหนึ่งก้าว รูปร่างสูงใหญ่ราวกับเมฆดำบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดเงาใหญ่โตบนใบหน้าของนางทันใดนั้น เขาเอื้อมมือดึงม่านคลุมหน้าของนางออกนิ้วเรียวยาวยังคงวางอยู่บนแก้มของนาง ลูบไล้ไปตามกรามของนาง ในที่สุดก็หยุดตรงใต้คางของนาง“ทำไมต้องหนี?”น้ำเสียงของเขาลาวยาวนุ่มนวล ราวกลับก่อนการฆาตกรรม ที่กำลังล้อเหยื่อเล่น กลั่นแกล้งอย่างโหดเหี้ยมเฟิ่งจิ่วเหยียนสบกับสายตาของเขาอย่างไม่หวาดกลัว“เพราะหวาดกลัว”ทันใดนั้น ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มบีบคอของนางไว้ มองดูนางอย่างเยือกเย็นชา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 269

    เฉียวม่อตรงไปยังกระโจมหลักของฮ่องเต้กับฮองเฮาแม่ทัพเมิ่งกำลังให้การต้อนรับด้วยตนเองเฉียวม่อกลับมองเห็น ศิษย์พี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างฝ่าบาท ริมฝีปากค่อนข้างแดง ยังมีรอยช้ำบนผิว เห็นได้ชัดว่า...เกิดจากการจูบอย่างรุนแรงและแววตาของฝ่าบาท เหลือบมองดูศิษย์พี่อยู่บ่อยครั้ง ราวกับให้ความสนใจนางเป็นอย่างยิ่งนี่ไม่ใช่ภาพที่เฉียวม่อคาดคิดไว้ฝ่าบาทจับตัวนางสนมที่หลบหนีได้ ควรลงโทษอย่างสาหัสถึงจะถูกและจากที่นางสังเกตเห็นได้จากเมื่อตอนที่ไปยังเมืองหลวงก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ชอบศิษย์พี่ส่วนศิษย์พี่...ศิษย์พี่ไม่อยากกลับพระราชวังไม่ใช่หรือ น่าจะต่อต้านถึงจะถูก!ระหว่างพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ากันได้ดีถึงขนาดนี้!เฉียวม่ออดกลั้นเก็บความสงสัยมากมายไว้ แล้วถวายบังคมอย่างฝืนยิ้ม“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา”“ไม่ต้องมากพิธี”สิ่งที่เซียวอวี้ป่าวประกาศต่อภายนอกก็คือ เดิมครั้งนี้ฮองเฮาก็เดินทางมาพร้อมกับเขา เดินทางมาให้กำลังใจพวกทหาร แต่เพราะทนการเดินทางไกลอย่างเหน็ดเหนื่อยไม่ไหว จึงพักอยู่ในที่พักแรมเป็นการชั่วคราวรถม้าของนางจึงมาถึงช้ากว่าเขาการอธิบายนี้มีพิรุธ แต่ก็ไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 270

    เรื่องที่ให้ย้ายเฉียวม่อกลับไปยังเมืองหลวง เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายว่า“ฝ่าบาท ท่านเป็นกังวลว่าพ่อลูกตระกูลเมิ่ง มีอำนาจทางทหารมากเกินไปมาตลอด”“เฉียวม่อเป็นลูกศิษย์ของเมิ่งฉวี หลายปีมานี้รักใคร่นางเหมือนลูก หากสามารถรั้งตัวเฉียวม่อไว้ในเมืองหลวง เมิ่งฉวีก็จะต้องมีความกังวล”เซียวอวี้ฉีกยิ้มหัวเราะเย้ย“ให้เมิ่งเฉียวม่อไปเป็นตัวประกันหรือ ฮองเฮา เจ้าทำกับคนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเจ้าแบบนี้หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มหน้าลงเล็กน้อย“เทียบกับความสัมพันธ์ส่วนตัว หม่อมฉันอยากที่จะแบ่งเบาภาระท่านมากกว่า”“ความน่าเชื่อถือของแม่ทัพน้อยเมิ่งในค่ายทหารเป่ยต้าตอนนี้ มากเกินกว่าจักรพรรดิแล้ว”“หม่อมฉันคิดว่า มีอำนาจเหนือนายไปแล้ว“ย้ายแม่ทัพน้อยไป ก็สามารถค่อยๆ ทำให้ค่ายทหารเป่ยต้า กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของท่าน”ดูเหมือนนางเสนอแนะอย่างจริงใจ ทำให้เซียวอวี้ค่อยๆ มองข้ามกฎที่ “วังหลังห้ามยุ่งเรื่องการเมือง”เขาก็คิดว่า สิ่งที่นางพูดมานี้ไม่ผิดพ่อลูกตระกูลเมิ่งมีคุณความดีทางทหารอันเลื่องลือ หากจะพูดว่าเขาไม่หวาดระแวงอะไรเลย นั่นคือความเท็จกษัตริย์มักชอบสงสัย เขาเองก็ไม่ยกเว้นยามทำศึกต่อสู

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 271

    ปฏิกิริยาของเฟิ่งจิ่วเหยียนในครั้งนี้รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง นางเอียงหน้าหลบจูบนั้นไปได้อย่างเฉียดฉิวริมฝีปากของบุรุษปัดผ่านใบหน้าของนางไปเจอกับความว่างเปล่าสายตาของนางมีรังสีสังหารเย็นเยียบวาบผ่านเซียวอวี้ไม่ได้ลงมือต่อ เขาหัวเราะแล้วกล่าวข้างหูนางว่า“เจ้ากล่าวว่าอันใดนะ ตอบแทนบุญคุณ ทำเพื่อเรา โกหกทั้งเพ“เจ้ารู้ว่าเมิ่งเฉียวม่อนั่นทรยศเจ้า จึงคิดจะเอานางมาไว้ข้างกาย จะได้ค่อย ๆ ทรมานนาง“เราเดาถูกใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยจากนั้นก็ได้ยินบุรุษผู้นั้นถามต่ออีกว่า“เจ้าคิดอยากจะกลับมาจริง ๆ หรือว่าถูกบังคับ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมตนเองให้สงบนิ่ง“ข้า...”“วันนี้ยามที่เจอเจ้าในกระท่อมไม้ เจ้าสะพายกระเป๋าเดินทางเอาไว้ เดิมเจ้าตัดสินใจจะหนีต่อไปใช่หรือไม่?”เซียวอวี้มีท่าทางราวกับว่าเขามองนางจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ทั้งยังทำราวกับกำลังเล่นกับเหยื่อที่อยู่ในกำมืออย่างไรอย่างนั้นเขาอยากเห็นนางหวาดกลัว หวาดผวา อยากได้ยินนางขอร้องให้เขายกโทษให้ทว่านางเพียงเงยหน้าขึ้นอย่างสงบนิ่งแล้วใช้ดวงตาที่ไร้ความเกรงกลัวคู่นั้นมองมาที่เขาทุ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 272

    ไปรับตำแหน่งขุนนางในเมืองหลวง เฉียวม่อไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย นางมองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้โดยสัญชาติญาณนี่เป็นความคิดของศิษย์พี่หรือ?ไม่ เป็นไปไม่ได้ฝ่าบาทคงไม่ถึงขนาดฟังคำพูดของสตรีผู้หนึ่งหรอก ทรงจะแต่งตั้งให้นางเป็นองครักษ์อารักขาประตูอะไรนั่นนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!เฉียวม่อกระวนกระวายใจยิ่งที่จริงแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันที่จู่ ๆ เซียวอวี้ตัดสินใจทำเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนวานเขายังซักถามวัตถุประสงค์ของนางด้วยความสงสัยอยู่เลยยามที่นางมองไปที่เขา เขาเองก็หันมามองนางเช่นกัน แววตาเฉยชานั้นกลับพูดสิ่งที่มีเพียงนางเท่านั้นที่เข้าใจ “เช่นนี้ เจ้าพอใจหรือไม่?”เมื่อฮ่องเต้ต้องการให้เจ้าทำอะไร เจ้าย่อมไร้หนทางในการปฏิเสธจากนั้นเซียวอวี้ก็ออกคำสั่งเฉียวม่อต่อทันที“การรับตำแหน่งเป็นเรื่องเร่งด่วน เจ้าต้องออกเดินทางภายในสามวัน”“ฝ่าบาท...” เฉียวม่อยังคงพยายามกอบกู้สถานการณ์แม่ทัพเมิ่งก้าวขึ้นมาด้านหน้า “กระหม่อมขอขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทแทนบุตรสาวพ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้นก็ส่งสายตาให้เฉียวม่อทูลขอบพระทัยเฉียวม่อที่ไม่ยินยอมพร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 273

    ไม่ว่าไทเฮาจะถามอะไร นางสนมเจียล้วนตอบทั้งหมด“หม่อมฉันให้คนไปสืบที่วิหารบรรพบุรุษมา กลับไม่พบแม้แต่เงาของฮองเฮา หม่อมฉันจึงได้ข้อสรุปว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฮองเฮาเพคะ”สีหน้าไทเฮาเคร่งขรึมขึ้น“นางสนมเจีย เจ้ารู้หรือไม่ว่าการพูดเหลวไหล แต่งเรื่องโกหก จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ากล้ารับประกันหรือไม่ว่าฮองเฮาไม่อยู่ที่วิหารบรรพบุรุษ?”นางสนมเจียพยักหน้า“เป็นเรื่องจริงเพคะไทเฮา! หม่อมฉันกล้าใช้ชีวิตรับประกันเพคะ”ไทเฮายังคงรู้สึกกังขาในเรื่องนี้นี่ช่างแปลกเสียจริงหากฮองเฮาไม่อยู่ที่วิหารบรรพบุรุษ เช่นนั้นช่วงที่ผ่านมานางไปที่ไหนกัน?เรื่องของฮ่องเต้ นางย่อมไม่อาจสืบเสาะได้ทว่านางไม่จำเป็นต้องหาเรื่องทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากนางสั่งนางสนมเจียว่า“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้าหรอกนะ“ทว่าเท่าที่ข้าสืบความมาได้ ฮองเฮาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไร นางใกล้จะกลับมาแล้ว หากเจ้าอยากไขข้อสงสัยให้กระจ่างก็ไปถามนางเป็นการส่วนตัวได้”นางสนมเจียแสดงสีหน้าดีอกดีใจ“จริงหรือเพคะ!”ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฮองเฮาก็ดีแล้ว!ไทเฮากำชับอย่างเป็นห่วง“หากครั้งต่อไปมีเรื่องอะไรก็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 274

    คนงานผู้นั้นยังอยากพูดอะไรอีกซักหน่อย ทว่าเมื่อเซียวอวี้ส่งสายตาดุดันมา เขาก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวและหุบปากอย่างว่าง่ายในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพียงคิดว่าเซียวอวี้มีความเคยชินที่แปลกดีถึงอย่างไรในค่ายทหารก็มีคนชอบว่ายน้ำในฤดูหนาว บอกว่าทำเช่นนี้จะทำให้ร่างกายแข็งแรงสามวันจากนั้นก็เดินทางถึงเมืองหลวง ก่อนที่จะเข้าไปในวัง เหลียนซวงถูกส่งมาอยู่ข้างกายนางเหลียนซวงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ฮองเฮา!”เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนถามถึงได้รู้ว่าหลังจากที่นาง ‘ตาย’ เซียวอวี้สร้างเรื่องโกหกว่านางอยู่ที่วิหารบรรพบุรุษมาโดยตลอด และเพื่อกลบเกลื่อนให้แนบเนียน ยังได้ส่งเหลียนซวงไปอยู่ที่นั่นหลังจากกลับวัง เซียวอวี้ก็เริ่มสะสางราชกิจเฟิ่งจิ่วเหยียนก็อาศัยอยู่ที่ตำหนักหย่งเหอ ดำรงตำแหน่งฮองเฮาของนางต่อไปทุกอย่างดูสงบสุขดี ทว่าความจริงแล้วคลื่นใต้น้ำกำลังเชี่ยวกรากเมื่อรอบด้านไม่มีใครอยู่ เหลียนซวงถึงกล้าเอ่ยปากถาม“ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาทหาตัวท่านเจอหรือเพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้า“ไม่ใช่”หากนางไม่ยินดีปรากฏตัว เซียวอวี้ย่อมหานางไม่เจอยามนี้กักเฉียวม่อไว้ในเมืองหล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 275

    เมื่อพูดถึงการปรนนิบัติ เซียวอวี้ถึงได้เห็นว่าสีหน้าของนางมีการเปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าความเปลี่ยนนั้นจะเล็กน้อยมาก ก็ยังไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาไปได้นั่นเป็นสีหน้าของความตื่นตระหนก ขัดแย้ง และต่อต้านขัดขืนเซียวอวี้โกรธจนหัวเราะ“ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดได้เพียง ‘เพคะ’ หรอกรึ”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูลำบากใจอยู่บ้างนางอ้าปาก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรยามนี้พูดให้น้อยจึงจะดีโชคดีที่เซียวอวี้ทนการปฏิบัติอย่างเย็นชาของนางไม่ไหว ไม่นานก็จากไปสองวันต่อมาเฉียวม่อก็มาถึงเมืองหลวงและรับตำแหน่งเป็นองครักษ์อารักขาประตูนางเข้าวังเพื่อแสดงความขอบคุณเป็นสิ่งแรกความรู้สึกที่เซียวอวี้มีต่อนางนั้นย้อนแย้งเป็นอย่างมากด้านหนึ่ง หากไม่ใช่นางเปิดเผยข้อมูลออกมา เขาไม่มีทางหาฮองเฮาพบได้เร็วขนาดนี้ทว่าอีกด้านหนึ่ง ผู้ที่หักหลังคนอื่นย่อมไม่ใช่คนดีเขาไม่เคยโอ้อวดว่าตนเป็นสุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรม ทว่าเขาดูถูกคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ก่อนที่เฉียวม่อจะออกจากวัง คนของตำหนักหย่งเหอก็ส่งคนมารับนางนางเดาไว้แต่แรกแล้วเมื่อเข้ามาในตำหนักหย่งเหอก็พบเพียงศิษย์พี่ผู้เดียวเท่านั้นนางยังคงถวายคำนับอย่างเคารพนบนอบ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 301

    ณ ตำหนักหย่งเหอ การที่จิ้งกุ้ยเหรินได้ร่วมบรรทม ฮองเฮาไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ กลับเป็นซุนหมัวมัวที่ร้อนใจจนอยู่ไม่เป็นสุข หากว่าจิ้งกุ้ยเหรินก็ตั้งครรภ์พระโอรสด้วย ฮองเฮาก็มิใช่ผู้เดียวที่ได้ครอบครองความโปรดปรานจากฝ่าบาท! ยิ่งไปกว่านั้นจิ้งกุ้ยเหรินกับหรงเฟยดูคล้ายกันราวกับแกะ บัดนี้ฝ่าบาทยังแสดงความปรารถนาต่อนาง เกรงว่าในวันข้างหน้าจะต้องเต็มไปด้วยความโปรดปรานนางอย่างแน่นอน เหตุใดฮองเฮายังมีอารมณ์ไปเยือนตำหนักฉือหนิง เพื่อร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฟยอีกเล่า! ตำหนักฉือหนิง ไทเฮา ฮองเฮาและเหล่านางสนมร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฟย ทว่าช่างไร้ความครื้นเครง เนื่องจากหัวใจของใครหลายคนลอยไปอยู่ที่ตำหนักฟางเฟยแล้ว สุราชั้นยอดที่ดื่มนี้ช่างไร้รสชาติ ไทเฮาเคยผ่านการเป็นนางสนมมาก่อน ย่อมทราบความคิดของพวกนาง นางเอ่ยอย่างมีความนัย “ในเมื่อได้เข้าวังกันแล้ว ทุกคนจึงเปรียบเสมือนเป็นพี่น้องกัน สมควรมีความปรารถนาดีต่อกัน จึงจะทำให้วังหลังแห่งนี้เกิดความสามัคคีได้ และเมื่อนั้นฝ่าบาทจึงสามารถทุ่มเทกับราชกิจในพระราชวังส่วนหน้าได้อย่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 300

    ตำหนักเซี่ยวเสียนหนิงเฟยที่กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่นั้น พลันทุบปิ่นปักผมในมือลง ทำเอานางกำนัลที่กำลังทำผมให้อยู่ถึงกับหวาดผวารีบคุกเข่าลงไปในทันที“พระสนมใจเย็น ๆ ก่อนนะเพคะ!”หนิงเฟยมองดูตัวเองในคันฉ่อง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบยี่สิบปีของนางหลังจากที่ใช้ชีวิตทุกข์ทรมานและเศร้าโศกมานานหลายปี ใบหน้านี้หาได้หลงเหลือความเป็นสตรีในวัยแรกแย้มเอาไว้ไม่ จำเป็นต้องใช้เครื่องประทินโฉมต่าง ๆ มากมาย ถึงได้มองดูมีความเปล่งประกายงดงามออกมานางที่มีตำแหน่งเป็นถึงนางสนม หากแต่หาได้เคยร่วมบรรทมกับฮ่องเต้ไม่ บอกไปผู้ใดจักไปเชื่อฮองเฮาที่มาทีหลังแต่มีสถานะที่มั่นคง นางก็หาได้อันใดไม่ ในยามนี้นางยังมาถูกสตรีเช่นมู่หรงฉานที่เพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่ครบหนึ่งปีแซงหน้าไปอีก!ทั้งยังเป็นในวันเกิดของนางอีก...หนิงเฟยยังคงเอ่ยถามด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อว่า“ฝ่าบาทเรียกตัวให้จิ้งกุ้ยเหรินมาร่วมบรรทมจริง ๆ หรือ?”สาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น รีบร้อนพยักหน้าลงในทันที“เพ...เพคะ”นางรู้ดีว่าพระสนมไม่พอใจ แต่ก็มิกล้าเอ่ยโป้ปดออกมาเรื่องที่จิ้งกุ้ยเหรินถูกเรียกให้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 299

    เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ดีกว่าผู้ใด ปืนหอกไฟแบบใหม่นั้นดูเหมือนว่าจะสามารถใช้การได้ดี แต่แท้จริงแล้ว หาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่สิ่งที่เฉียวม่อมองว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าจนนำไปเป็นของตัวเอง แท้จริงแล้วล้วนเป็นสิ่งไร้ค่าสำหรับนางในขณะเดียวกัน ผู้คนภายในกรมศัสตราวุธต่างก็พากันล้อมดูภาพพิมพ์เขียวแผ่นนั้นสายตาของพวกเขาพลันเปล่งประกายออกมา ทั้งยังเอ่ยชมเชยออกมาไม่ขาดปากว่า“เมิ่งเฉียวม่อผู้นี้นับว่าเป็นวีรสตรีจริง ๆ ! นางสามารถวาดพิมพ์เขียวออกมาได้งดงามจริง ๆ !”“กรมศัสตราวุธของพวกเรามิได้มีของดี ๆ แบบนี้มานานแล้ว! แจ้งข่าวแก่ช่างฝีมือทุกนายว่า เรื่องอื่นมิจำเป็นต้องสนใจ รีบสร้างปืนหอกไฟแบบใหม่ขึ้นมาเสียก่อนเถอะ!”“ข้าตั้งหน้าตั้งตารอคอยยิ่งนัก!”หลังจากที่ได้เห็นภาพพิมพ์เขียวนั้น คำชื่นชมสรรเสริญเยินยอที่มีต่อเฉียวม่อก็เพิ่มขึ้นมาในทันทีสตรีที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ใต้หล้านับว่าหาได้ยากยิ่งนักนับว่าโชคดีที่นางเกิดและเติบโตในหนานฉีปืนหอกไฟหรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปืนฉับพลัน ปืนลำสั้นจักยาวประมาณหนึ่งนิ้ว และปืนลำกล้องยาวจักยาวถึงเจ็ดนิ้วรูปร่างภายนอกดูเหมือนท่อยาว ๆ หลังจากที่มีการ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 298

    เมื่อเฉียวม่อเห็นฝ่าบาทเดินออกจากตำหนักหย่งเหอไปนั้น นางจึงรีบติดตามไปในทันทีนางที่เป็นเพียงองครักษ์อารักขาประตูนั้น โดยปกติแล้วหากมิได้มีพระราชโองการเรียกตัวย่อมมิอาจเข้ามาในวังได้ในฐานะที่นางเป็นสตรีนั้น เกรงว่าไม่ว่าจักมียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตเพียงใด ก็มิอาจเข้าร่วมการว่าความหรือการประชุมเพื่อพูดคุยเรื่องบ้านเมืองได้หากว่ากันแล้ว นางมีโอกาสน้อยมากนักที่จะได้พบฮ่องเต้ยามที่นางอยากจะเอ่ยเรื่องบางอย่างออกมานั้น กลับเห็นนัยน์ตาที่แดงก่ำทั้งสองข้างของฮ่องเต้เข้าเสียก่อน ราวกับอยากจะสังหารผู้ใดก็ไม่ปานนางพลันรู้สึกหวาดผวาไปในทันที ความประทับใจที่ฝ่าบาทมีให้แก่นางนั้น อย่างมากที่สุดคือท่าทีเข้มงวดหรือใบหน้าที่มีรอยยิ้ม หาได้น่ากลัวเท่ากับวันนี้ไม่“เรื่องใด?” กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทั่วร่างของเซียวอวี้ราวกับประติมากรรมน้ำแข็งก็ไม่ปาน สามารถแช่แข็งความอบอุ่นโดยรอบที่หลงเหลืออยู่เฉียวม่อที่ได้สติกลับมานั้น นางจึงรีบยกมือขึ้นคำนับในทันที“หม่อมฉันมีพิมพ์เขียวอาวุธที่หม่อมฉันอยากจะนำมาถวายแด่ฝ่าบาทเพคะ!”ลมหนาวที่พัดผ่านหน้าทำเอารู้สึกความเจ็บปวดขึ้นมาในฐานะฮ่องเต้ของแผ่นดินนั้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 297

    เซียวอวี้หยิบถุงหอมขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในทันทีเขาจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเพื่อมิให้นางคิดทำอะไรบุ่มบ่ามในขณะเดียวกัน ก็ส่งเสียงสั่งการไปยังด้านนอกตำหนักว่า“เชิญหมอหลวง!”ไม่นานนัก หมอหลวงชราที่เป็นผู้ดูแลเรื่องการตั้งครรภ์ของฮองเฮาก็รีบมาในทันทีเขารู้ดีว่าฮองเฮาหาได้ตั้งครรภ์ไม่หมอหลวงเพียงแค่ดมถุงหอมก็สามารถสรุปออกมาได้ว่า“ทูลฝ่าบาท สิ่งนี้คือกลิ่นหลิงหลิงพ่ะย่ะค่ะ มีส่วนช่วยในการส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้หาได้พบความผิดปกติไม่คำพูดของหมอหลวงหลังจากนั้นกลับขยายความออกมาในทันที“ทว่า ของสิ่งนี้มีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นชะมด หากสตรีมีครรภ์สัมผัสได้สูดกลิ่นเข้าไปเป็นเวลานานนั้น ย่อมส่งผลต่อทารกในครรภ์ จนนำไปสู่การตกเลือดหรืออาจทำให้ทารกในครรภ์ตายได้พ่ะย่ะค่ะ! มิต้องเอ่ยถึงสตรีตั้งครรภ์เลย แม้แต่สตรีปกติทั่วไปก็มิเหมาะที่จะพกถุงหอมนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียนลอบกำหมัดแน่นอยู่ในแขนเสื้อของตนเองเจอจนได้...ดวงตาของเซียวอวี้ค่อย ๆ มืดครึ้มลง ราวกับว่าแสงสว่างที่ค่อย ๆ มอดดับไป ทั้งยังเจือไปด้วยความหนาวเย็น ทำเอาผู้คนนึกหวาดกลัวจนตัวสั่นไปในทันทีทว่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 296

    เมื่อได้ยินว่าเฉียวม่อเป็นลม สายตาของเซียวอวี้พลันเปลี่ยนไปในทันทีพลางขมวดคิ้วเป็นปม เพื่ออดกลั้นน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความโมโหเอาไว้ พร้อมเอ่ยตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาว่า“เจ้าทำได้ ‘ดี’ ยิ่ง!”เซียวอวี้จึงสั่งให้คนไปอุ้มเฉียวม่อเข้าไปพักที่ตำหนักข้าง ทั้งยังเรียกตัวให้หมอหลวงเข้ามาตรวจดูอาการของนางในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่ง ห้ามคนภายในตำหนักหย่งเหอแพร่งพรายเรื่องราวในวันนี้ออกไปไม่นานนัก เฉียวม่อจึงตื่นขึ้นมาภายในตำหนักที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นมีนางกำนัลสาวใช้ที่รอปรนนิบัตินางอยู่ภายในตำหนักนั้น“ใต้เท้าเมิ่ง ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ?” นางกำนัลเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลเฉียวม่อหาได้เป็นลมจริง ๆ ไม่นางเพียงแค่อดทนรอไม่ไหวเท่านั้นในยามนี้นางกำลังนอนอยู่บนเตียง พลางแสดงท่าทีเหนื่อยอ่อนแรงออกมาให้เห็น“พยุงข้า...ขึ้นมา ข้ายังคุกเข่าไม่ครบหนึ่งชั่วยาม...”ตึก!นางทำเหมือนขาทั้งสองข้างได้ถูกแช่แข็งเอาไว้ แม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังไม่ไหว เมื่อนางลุกขึ้นมานั้นร่างกายจึงล้มลงไปบนพื้นในทันทีนางกำนัลจึงเข้ามาช่วยพยุงนางลุกขึ้นโดยไว“ใต้เท้าเมิ่ง ท่านมิต้องเป็นกังวลไปเจ้าค่ะ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 295

    เฉียวม่อคุกเข่าท่ามกลางลมหนาวที่พัดเข้ากระดูมานานกว่าครึ่‘ชั่วยาม เมื่อเห็นฝ่าบาทเสด็จมานั้น นางจึงรีบหันหน้าไปหาด้วยท่าทีไร้หนทางในทันทีมิคิดเลยว่า ฝ่าบาทหาได้หันมามองนางสักตาเดียวไม่ พลางเดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านในตำหนักแทนเฉียวม่อจ้องมองไปยังแผ่นหลังของฝ่าบาท พลางกำหมัดที่แดงก่ำจากความหนาวเย็นเอาไว้แน่นศิษย์พี่มิได้ชมชอบฝ่าบาท นางรู้ดีแล้วฝ่าบาทเล่า?ฝ่าบาทดูเหมือนจะ...ชอบศิษย์พี่มากทว่า ไม่ว่าจะชมชอบสตรีมากเพียงใดก็ตาม พระองค์ก็คงมิยอมให้สตรียื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องราวในราชสำนักอย่างแน่นอน ทั้งยังมิยินยอมให้นางมารังแกท่านแม่ทัพภายใต้การบังคับบัญชาของตนเองอีกด้วย!ภายในตำหนักในเมื่อเซียวอวี้เข้ามานั้น เขาก็ไล่คนอื่น ๆ ให้ออกไปในทันที ซันหมัวมัวหันกลับไปมองฮองเฮาด้วยท่าทีหมดหนทาง พลางใช้สายตาสื่อออกมาวว่า “ผู้ใดให้ท่านมิฟังคำข้า เกิดเรื่องแล้วใช่หรือไม่” เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ทว่า บนใบหน้าหาได้มีท่าทีตื่นตระหนกหรือรู้สึกผิดอันใดไม่“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”เซียวอวี้พลางถามด้วยท่าทีดุดัน“เหตุใดต้องลงโทษแม่ทัพเมิ่งให้นั่งคุกเข่าด้วย?”เซียวอวี้มิได้เอ่ยต่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 294

    เฉียวม่อที่ยืนมาโดยตลอดนั้น เมื่อได้ยินเฟิ่งจิ่วเหยียนออกคำสั่งให้ตนเองคุกเข่าลง นางถึงกับชะงักไปในทันทีแววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนฉายแววเย็นชา“ข้าสั่งให้เจ้าคุกเข่า เจ้าย่อมมิอาจยืนได้ ตนเองเป็นถึงขุนนางของราชสำนัก แม้แต่กฏเช่นนี้ยังมิรู้งั้นหรือ?”เฉียวม่อรู้สึกจุกอกขึ้นมาในทันทีไม่ว่านางจักเอ่ยเล่นลิ้นออกมาอย่างไร ย่อมมิอาจอยู่เหนืออำนาจของราชสำนักไปได้ ก่อนหน้านั้นเป็นเพราะศิษย์พี่เอ็นดูนาง อย่าว่าแต่ให้คุกเข่าเลย แม้แต่ให้ยืนนาน ๆ ศิษย์พี่ก็หาให้นางทำเช่นนั้นไม่ความห่างของระดับชั้นนี้ ทำเอาเฉียวม่อมิอาจรับได้ นางยืนนิ่งมิขยับเช่นนั้นอยู่นานเมื่อได้ยินคำสั่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น องครักษ์ของวังหลวงจึงได้เข้ามาในตำหนักเฉียวม่อที่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น พลันนึกไปถึงศิษย์พี่ยามที่อยู่ในค่ายทหาร เพียงแค่ร้องเรียกคำเดียว บรรดาเหล่าทหารก็จะก้าวออกมารับคำสั่งในทันทีนี่คืออำนาจเป็นแม่ทัพนั้นมีอำนาจ ฮองเฮาก็มีอำนาจเช่นกันเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีดุดันว่า“เมิ่งเฉียวม่อกระทำตัวต่อเราด้วยความหยาบคาย ลากออกไปคุกเข่าสักหนึ่งชั่วยามเสีย”ทหารองครักษ์รับคำสั่งพวกเขาหาได

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 293

    ไทฮองไทเฮาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง“เจ้าแต่งเข้าวังมาก็นานแล้ว หากยังมิได้เข้าร่วมบรรทมกับฝ่าบาทอีกใช้ได้ที่ใดกัน?”เดิมทีพระนางตั้งใจจะเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้ ทว่า ฝ่าบาทที่มิใส่ใจเรื่องนี้จึงได้แต่พยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดในเมื่อฝ่าบาทสามารถทำให้ฮองเฮาตั้งครรภ์ได้แล้วนั้น เช่นนี้พระองค์ย่อมมิอาจหาเรื่องปฏิเสธไปได้อีกอีกทั้ง เขาที่เคารพรักเสด็จย่าเช่นนางมาโดยตลอดในยามที่เพิ่งจัดพิธีมงคลสมรสไปได้ไม่นานนั้น ฮองเฮาก็ยังเป็นสตรีพรหมจรรย์อยู่ หากแต่เป็นพระนางที่ออกคำสั่ง จึงทำให้ฝ่าบาทและฮองเฮาได้เข้าหอเช่นนี้การถวายตัวของฉานเอ๋อร์นั้น ไทฮองไทเฮาจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งใบหน้าสวยงามของมู่หรงฉานพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงพลางตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า“หม่อมฉันน้อมรับฟังคำของท่านเพคะ”ถึงแม้ท่าทีของมู่หรงฉานจักดูอ่อนโยนเรียบร้อย ทว่า นัยน์ตากลับฉายแววความทะเยอทะยานออกมาแต่งเข้าวังมาในฐานะสนม ประสูติพระโอรส เดิมทีทั้งหมดล้วนแต่เป็นเป้าหมายของนางทว่านางถูกเรื่องราวของตระกูลมารดาฉุดรั้งเอาไว้เท่านั้นในยามนี้ก็ปล่อยให้ฮองเฮามีอำนาจเหนือกว

DMCA.com Protection Status