Share

บทที่ 135

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ถึงแม้จะเคยมาแค่ครั้งเดียว แต่มองแค่แว่บเดียวเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำได้แล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่นางประมือกับเซียวอวี้เป็นครั้งที่สอง ห้องลับใต้ดินของตำหนักหวาชิง!

เตียงหยกหลังนั้นยังอยู่ที่นี่

ยามนั้นเซียวอวี้นั่งขับพิษอยู่บนเตียงหยกหลังนี้

แม้กระทั่งบนกำแพงยังมีร่องรอยจากตอนที่พวกเขาต่อสู้กันทิ้งเอาไว้

ดังนั้นไม่ผิดแน่

ที่นี่ก็คือตำหนักหวาชิง!

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น ทว่าเหตุใดตำหนักหลิงเซียวถึงได้มีทางเชื่อมทะลุถึงตำหนักหวาชิงได้?

ถึงแม้นางจะสงสัยเรื่องนี้ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการหาบันทึกของจ้าวเฉียนให้เจอ

ด้วยเหตุนี้นางจึงรีบออกจากที่นี่ โดยเดินย้อนกลับไปทางเดิม

ตำแหน่งที่จ้าวเฉียนซ่อนบันทึกอำพรางไว้ได้ดีมาก

จนถึงยามนี้ยังไม่เจอเบาะแสเลยแม้แต่น้อย ราวกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยทีเดียว

ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นใครกัน?

ไม่ว่าความหวังจะเลือนรางขนาดไหนก็ต้องค้นหาต่อไป ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ โดยเด็ดขาด

หลังจากผ่านไปสี่คืน ในที่สุดนางก็เจอบันทึกอยู่ใต้แผ่นอิฐแผ่นหนึ่งที่กองฟืนมุมหนึ่งในห้องครัวเล็ก

ในบันทึกฉบับนี้จดเรื่องที่จ้าวเฉียนทำงานให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตลอดหลายปีมานี
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter
Mga Comments (6)
goodnovel comment avatar
Benchawan
อ่านแล้วชวนติดตามว่าใครคือคนบงการทั้งห มด
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
รุ่ยอ๋องต้องเป็นคนวางพิษฮ่องเต้แน่ และคนที่อยู่เบื้องหลังกุ้ยเหรินก็คือ รุ่ยอ๋อง
goodnovel comment avatar
ณัฏฐ์ ณัฏฐ์กัณฐ์
แย่มากๆหักเงินแล้วแต่บอกว่าชำระเงินล้มเหลว
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 136

    เฟิ่งจิ่วเหยียนออกจากตำหนักชิงซวี ตรงไปที่กรมราชทัณฑ์ ห้องทรมานของกรมราชทัณฑ์ทั้งมืดและชื้น พวกหนูชื่นชอบนัก มวลอากาศอวลกลิ่นเหม็นเน่าและคาวโลหิต ชุนเหอและพวกข้าหลวงแม้ถูกจองจำ ทว่าไร้การถูกสอบสวนใด ๆ แม้วันนี้ถูกกุมตัวสู่ห้องทรมาน ใจนางก็มิสั่นสะท้าน เสมือนรู้ชัดว่าไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายตน เพียงได้เห็นหน้าของฮองเฮา สีหน้าของนางพลันแปรเปลี่ยน “บ่าวถวายบังคมฮองเฮา!” ชุนเหอโค้งคำนับ รักษากิริยาแบบสาวใช้ในตำหนักหลิงเซียว ไม่นอบน้อมหรือเย่อหยิ่ง ในห้องทรมานนี้มีเพียงนางสองคน เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนในเงามืด ใบหน้ามืดครึ้มยากประเมิน นางโยนสำเนาบันทึกของจ้าวเฉียนใส่ชุนเหอ “ดูเอง” ชุนเหอไม่ทราบเหตุผล แต่เปิดมันด้วยความระแวดระวัง หลังจากอ่านเนื้อหาของสำเนาบันทึกจบ สีหน้าของชุนเหอเปลี่ยนไปอีกครา จ้าวเฉียนบันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้ตั้งแต่เมื่อใด! เขาต้องการกระทำสิ่งใด! อีกทั้ง สิ่งนี้ไปอยู่ในมือฮองเฮาได้อย่างไร... ชุนเหอวางตัวอึดอัด เงยหน้าจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน “ฮองเฮา บ่าว บ่าวไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 137

    ห้องทรงพระอักษร เซียวอวี้กำลังหารือกับเหล่าเสนาบดีเรื่องการเจรจาสงบศึกระหว่างสองแคว้น “ฝ่าบาท รัฐเหลียงขอให้พวกเราจ่ายค่าชดเชยหนึ่งล้านตำลึงทอง นี่มันคือการเรียกร้องเกินเหตุ! พวกเราจะตกลงไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” “แม่ทัพเฉิน หากไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ พวกเราต้องทำตามอีกเงื่อนไขของพวกเขา คือให้เมิ่งสิงโจวแบกหนามเพื่อขอรับโทษที่เมืองหลวงของรัฐเหลียง” “ทำเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด! เมิ่งสิงโจวคือสุดยอดวีรบุรุษของหนานฉี จะให้เขาแบกรับความอับอายเช่นนี้ได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส!” เมื่อมีการเอ่ยถึงเมิ่งสิงโจว สีหน้าของรุ่ยอ๋องสะท้อนความจริงจัง เขายกมือคำนับและพูดอย่างจริงใจ “ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่ายอมจ่ายหนึ่งล้านตำลึงทอง แต่มิอาจสละแม่ทัพน้อยเมิ่งได้พ่ะย่ะค่ะ “จุดประสงค์ของรัฐเหลียงนั้นชัดเจนมาก หากแม่ทัพน้อยเมิ่งเหยียบเข้าเขตแดนรัฐเหลียงจริง ๆ เกรงว่าจะหนีไม่พ้นความตายพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดนี้ชักจูงเหล่าเสนาบดีให้คล้อยตาม “เงินทองเป็นของนอกกาย หากสูญเสียหนึ่งล้านตำลึงทอง ในไม่ช้าก็เร็วย่อมหาใหม่ได้ แต่ถ้าสูญเสียยอดอัจฉริยะเช่นแม่ทัพน้อย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 138

    องครักษ์รีบเข้ามาดู กลับเห็นเพียงว่า ในหอหลวงนั้นไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ มีเพียงชั้นวางตำราและตำราวางไว้เหมือนเดิม แต่หน้าต่างด้านข้างเปิดอยู่ สายลมจึงพัดภาพวาดบนผนัง ทำให้ม้วนภาพวาดด้านล่างกระแทกชนกับผนังเกิดเสียงดัง หารู้ไม่ว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนได้หนีไปแล้ว ตำหนักหย่งเหอ เฟิ่งจิ่วเหยียนถอดหน้ากากออก แววตาดูจริงจังส่วนหนึ่ง นางพอจะคาดเดาได้ว่าพิษวารีสวรรค์ในร่างกายของเซียวอวี้ ถูกควบคุมไว้ได้อย่างไร... ตำหนักชิงซวี แม้ว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกห้ามออกไปข้างนอก แต่ยังสามารถเดินเล่นในลานได้ นางเดินไปตามทางเดินทอดยาวสายหนึ่ง จึงได้ยินเสียงสนทนาของสาวใช้สองคนที่มุมถนน “กุ้ยเหรินไม่ได้รับความโปรดปรานแล้วจริงหรือ?” “เกรงว่าจะจริง ตำหนักชิงซวีเป็นสถานที่แบบใด? โดยพื้นฐานแล้วมันก็เป็นตำหนักเย็น นับแต่ฝ่าบาทลดตำแหน่งของนางและส่งมาที่นี่ ฝ่าบาทก็ไม่เคยเสด็จมาเยี่ยมเลย” “กุ้ยเหรินเสียโฉมแล้ว การหายจากความโปรดปรานนั้นย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้” นางข้าหลวงที่อยู่ด้านหลังของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์หน้าซีด รีบก้าวไปข้างหน้าและตำหนิพวกนางทันที “บังอาจเกินไปแล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 139

    แม้ว่าหงส์ที่ถูกถอนขนงามมิสู้ไก่[1] แต่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์เป็นสตรีที่ครองความโปรดปราดเหนือกว่าทั้งหกตำหนัก แม้ว่าใบหน้าจะเสียโฉม แต่ฝ่าบาทยังคงโปรดปรานนางอยู่หลายวัน แสดงให้เห็นว่านางมีความสามารถมาก เหลียนซวงภักดี ย่อมปฏิบัติตามคำสั่งของฮองเฮา แต่ซุนหมัวมัวกลับไม่กล้า ซุนหมัวมัวเกรงว่า หากหลิงกุ้ยเหรินกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง นางจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ เดิมนางคาดเดาไว้ว่า ฮองเฮาพานางออกมาคงไม่ใช่เรื่องดี แต่นางไม่คิดว่ามันจะเป็นงานที่น่าลำบากใจขนาดนี้! นางปักหลักยืนนิ่ง ไม่ไหวติง เหลียนซวงคนเดียวไม่อาจจับตรึงหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ไหว กลับถูกผลักออกมาแทน “เฟิ่งเวยเฉียง! หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้เพียงปลายเส้นผม ฝ่าบาทจะไม่มีวันละเว้นเจ้า!! ในวังแห่งนี้ นอกจากฝ่าบาทแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าถอดเสื้อผ้าของข้า! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร...” เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้สายตาเยือกเย็นมองไปยังซุนหมัวมัว “ลงมือ!” ซุนหมัวมัวตื่นตกใจกับดวงตาของนาง ไม่ว่าหัวใจคัดค้านแค่ไหน สุดท้ายยังต้องกัดฟันเดินหน้า “หลิงกุ้ยเหริน บ่าวขอล่วงเกินแล้ว!” เสียงกรีดร้องของหลิงเยี่ยนเอ๋อร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 140

    ทันทีที่ได้ยินว่าฮ่องเต้เสด็จมา หลิงเยี่ยนเอ๋อร์พลันเปลี่ยนสีหน้า รีบบีบน้ำตาออกมาเล็กน้อย ทำท่าคล้ายกำลังถูกกลั่นแกล้ง “ฝ่าบาท...” เซียวอวี้เพิ่งก้าวพ้นประตู หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยก็โผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ร้องไห้จนไหล่สั่นระริก “ฝ่าบาทเพคะ ฮองเฮาสั่งให้คนฉีกทึ้งเสื้อผ้าของหม่อมฉัน เพื่อหวังให้หม่อมฉันอับอาย โชคดีที่หม่อมฉันขัดขืนสุดแรง จึงรักษาศักดิ์ศรีเฮือกสุดท้ายไว้ได้ หากท่านมาไม่ทัน หม่อมฉันคงจะ....คงจะสู้ไม่ไหวแล้วเพคะ!” นางพูดสื่อความนัยสองประการ สิ่งที่ไม่สามารถรักษาไว้ได้นั้น ไม่เพียงแต่ศักดิ์ศรีของนางเท่านั้น ยังรวมถึงแผลเป็นตรงตำแหน่งหัวใจของนางด้วย——สื่อถึงความลับของพิษวารีสวรรค์ในร่างกายเขา เซียวอวี้วางแขนโอบไหล่ของนางแล้วตบเบา ๆ สองสามครั้งเพื่อปลอบโยนโดยไม่ต้องพูดอะไร ในจังหวะเดียวกัน เขาจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสายตาเยือกเย็น “ไสหัวกลับตำหนักหย่งเหอของเจ้าไปซะ! หากเราไม่อนุญาต ห้ามเจ้าเหยียบเข้าตำหนักชิงซวีอีก!” เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้พูดแก้ตัว เพียงโค้งคำนับเท่านั้น “เพคะ” หลิงเยี่ยนเอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 141

    ยังไม่ทันข้ามวัน ข่าวที่ฮ่องเต้เสด็จไปที่ตำหนักชิงซวี เพื่อออกหน้าแทนหลิงกุ้ยเหรินก็แพร่สะพัดไปทั่ววังหลวงไทเฮาทรงกังวลพระทัยอย่างมาก“ฝ่าบาทยังตัดใจจากหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ไม่ได้อีกรึ!”กุ้ยหมัวมัวพลันเอ่ยด้วยความกังวลใจเช่นกัน“ได้ยินว่าฝ่าบาทเสด็จไปที่ตำหนักชิงซวี เพราะฮองเฮาเสด็จไปหาเรื่องหลิงกุ้ยเหริน“ฝ่าบาททรงตวาดใส่ฮองเฮาต่อหน้าธารกำนัล และไม่อนุญาตให้ฮองเฮาเสด็จไปที่ตำหนักชิงซวีอีก“ไทเฮาเพคะ หลิงกุ้ยเหรินเคยชินกับการใช้เล่ห์เหลี่ยม กลัวว่าอีกไม่นานนางก็จะได้รับความโปรดปรานเหมือนเดิม”ไทเฮาทรงเอ่ยด้วยความโมโหว่า: “ฮองเฮาก็เช่นกัน เหตุใดถึงต้องไปหาเรื่องนาง นี่ไม่เท่ากับเปิดโอกาสให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์หรอกหรือ?”เหล่าสนมที่เดิมทีคิดจะซ้ำเติมหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ พอเห็นท่าทางของฮ่องเต้ พวกนางจึงได้แต่เก็บงำเอาไว้ทุกคนต่างก็คาดเดาเช่นเดียวกับกุ้ยหมัวมัว ในไม่ช้าหลิงกุ้ยเหรินก็จะได้รับความโปรดปรานเหมือนเดิม จึงไม่อาจเป็นศัตรูกับนางได้ตำหนักเสียนซิ่งสาวใช้ตงเซี่ยรู้สึกสงสัย“พระนาง หลิงกุ้ยเหรินวาสนาดีเสียจริง เห็นอยู่ว่านางร่วงลงไปยังก้นเหว แต่ก็ยังปีนขึ้นมาได้ กลัวว่านางจะเป็นส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 142

    เซียวอวี้ถอดอาภรณ์ออกมาได้ครึ่งตัวแล้ว แต่สตรีตรงหน้ากลับบอกให้เขารอก่อนรออะไรกัน?เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยต่อ“ต้องหาสถานที่ที่ไม่มีใครรบกวน เพราะข้าต้องใช้เวลาสองวันเต็ม ในการขับพิษของท่านให้หมดในคราวเดียว”นัยน์ตาของเซียวอวี้เปลี่ยนเป็นเย็นชา“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยบอกว่า การฝังเข็มขับพิษในคราวเดียว จะเป็นอันตรายต่อคนที่ถูกพิษ”เขาเกิดความสงสัย หรือว่านางอยากให้เขาตายเฟิ่งจิ่วเหยียนตอบอย่างใจเย็น“ข้าพบวิธีแล้ว“หากท่านไม่วางใจก็แค่หาคนมาจับตาเฝ้าดู”เซียวอวี้จ้องมองดวงตาทั้งคู่ของนางนัยน์ตาของนางลึกซึ้งและไร้ความรู้สึกราวกับน้ำนิ่งในก้นสมุทรทว่าเผยให้เห็นถึงความเที่ยงตรง ไม่มีแผนการเจ้าเล่ห์ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่พิษแดนฝันในตัวของนาง หากเขาตาย นางจะไม่ได้ยาถอนพิษและอาจจะต้องตายอีกอย่างเขาก็ต้องการขับพิษออกให้หมดโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นทุกครั้งที่พิษกำเริบ เขาจะต้องทนต่อความเจ็บปวดและทรมานจนไม่อาจบรรยายได้เขาไม่ใช่นักเดิมพัน แต่ก็มีนิสัยของนักเดิมพันหลังจากคิดทบทวน เซียวอวี้ก็ตอบตกลงสถานที่ที่นางจะไม่ถูกรบกวน และยังควบคุมนางได้ดีที่สุดก็คือ ห้องลับใต้ดินของตำหนักห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 143

    ปกติเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คับขัน เรื่องการขับถ่ายไม่ใช่ปัญหาสำหรับนางดื่มน้ำให้น้อยลง และกลั้นไว้ก็จะผ่านไปได้แต่นึกไม่ถึงว่าโอรสสวรรค์ที่มีชีวิตสูงส่งจะอดทนได้เช่นกันเมื่อนาฬิกาทรายเดินไปได้ครึ่งชั่วยาม บุรุษที่กำลังนั่งทำสมาธิบนเตียงหยกพลันลืมตา และสบตากับเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยแววตาคมปลาบ“เจ้ามองเราทำไม”เขารับรู้ได้ในขณะที่นางมองเขาเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงถามโดยไม่ปิดบังว่า“ท่านไม่มีความต้องการอะไรบ้างหรือ”ความต้องการ?นางสามารถถามให้ชัดเจนกว่านี้ได้!เซียวอวี้ไม่ตอบ สีหน้าของเขาเยือกเย็นราวกับเกล็ดน้ำค้าง ในดวงตาลึก ๆ เต็มไปด้วยความโกรธ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดว่าการที่ตัวเองถามเช่นนี้มีอะไรแปลกนัก นี่ยังถือเป็นการถามโดยอ้อมด้วยซ้ำแต่ปฏิกิริยาของเขากลับดูชอบกลการกินและการขับถ่ายเป็นความต้องการปกติของมนุษย์บางทีในฐานะจักรพรรดิ เขาอาจคิดว่าตนเองไม่เหมือนปุถุชนธรรมดาสายตาของนางเหลือบมองส่วนล่างของเขา“กลั้นไว้นานไม่ค่อยดีนัก”ไม่ใช่ว่านางใจดี แค่กลัวว่าเขาจะห่วงภาพลักษณ์จนยอมทรมานตัวเอง ถ้าเขากลั้นไม่อยู่ในขณะที่นางขับพิษอยู่ก็จะยิ่งลำบากอุณหภูมิ

Pinakabagong kabanata

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1186

    หนานฉีทำสงครามกับเป่ยเยี่ยน มิใช่การกระทำที่ชาญฉลาดสงครามที่แคว้นต่าง ๆ ล้อมโจมตีหนานฉี ต้องสูญเสียกำลังทหารจำนวนมาก ทั้งสองฝ่ายต่างจำเป็นต้องพักฟื้นและฟื้นฟูเป่ยเยี่ยนกล้าเคลื่อนทัพไปทางใต้ เป็นเพราะไม่มีอุปสรรค สามารถยึดครองแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้โดยไม่สูญเสียกำลังทหารแม้แต่นายเดียวแม้ว่าหนานฉีจะไม่พอใจเป่ยเยี่ยนมากเพียงใด ก็ไม่อาจประกาศสงครามโดยไม่ไตร่ตรองถึงแม้คืนที่ผ่านมารุ่ยอ๋องจะหลับไม่เต็มที่ สมองก็ยังคงตื่นอยู่เขาคัดค้านการส่งกองทัพออกไปทำสงครามกับเป่ยเยี่ยนอย่างเด็ดขาดแม่ทัพอาวุโสหลี่ไม่พอใจ“ท่านอ๋อง ขอบังอาจถามว่าตอนนี้ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่ที่ใด?”รุ่ยอ๋องมีท่าทีลังเล เรื่องเช่นนี้ คงต้องมอบให้ฮ่องเต้ตัดสินพระทัยในที่ประชุม รุ่ยอ๋องเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน“ท่านแม่ทัพอาวุโสหลี่ ข้ารู้ว่าท่านปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต่อต้านเป่ยเยี่ยน ทว่าเรื่องนี้สุดท้ายแล้วมิใช่หนานฉีควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว“การส่งกองทัพไปช่วยแคว้นซีหนี่ว์เพื่อขัดขวางแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง เป็นเพราะเรากับแคว้นซีหนี่ว์เป็นพันธมิตรกัน หากส่งกองทัพไปทำสงครามกับเป่ยเยี่ยน พวกเราจะใช้เหตุผลใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1185

    หร่วนฝูอวี้สวมอาภรณ์ผ้าโปร่งบางเบา เดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นทันทีรุ่ยอ๋องจ้องมองนางตาไม่กะพริบ เหงื่อในฝ่ามือก็ยิ่งออกมาก“ข้า ข้ายังมีเอกสารทางการ...”เขาไม่มีประสบการณ์เลย จำต้องดูจากสมุดภาพทว่าคำพูดนี้ เขาไม่อาจเอ่ยออกมาได้ดวงตาของหร่วนฝูอวี้หรี่ลงทันที สายตาราวกับสัตว์ป่าที่ออกล่าเหยื่อ“เอกสารทางการ? ข้าว่า เจ้าคงคิดจะหนีกระมัง!”นางก้าวเท้ายาวมาข้างหน้า พร้อมกับข่มขู่: “มาถึงสถานที่ของข้าแล้ว ก็อย่าคิดว่าจะออกไปได้!”พูดจบ นางก็ตรงไปแบกคนขึ้นมาทันทีรุ่ยอ๋องไม่คาดคิดเลยว่า จะเป็นเหตุการณ์เช่นนี้!ศีรษะของเขาคว่ำลง เมื่อเลือดสูบเข้า ก็มีแต่ความว่างเปล่าไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้?อย่างน้อยเขาก็เป็นบุรุษ!ตึง!หร่วนฝูอวี้โยนเขาลงบนเตียง ไม่ทะนุถนอมแม้แต่น้อยจากนั้นด้วยความรวดเร็วและง่ายดาย นางก็ถอดเข็มขัดบนตัวของรุ่ยอ๋องออกมาในที่สุดรุ่ยอ๋องก็ได้สติกลับมา รีบคว้าปกคอเสื้อของตนเองไว้“เจ้าช้าก่อน...”นางร้อนใจจนไม่อาจทนไหว!หร่วนฝูอวี้นั่งอยู่บนเอวของเขา กดมือทั้งสองข้างของเขาวางไว้ข้างศีรษะทั้งสองด้านมองเห็นบุรุษที่ยามปกติมีระเบียบแบบแผน เยือกเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1184

    “เจ้าคิดจะ...มีลูกกับข้า?” คิ้วของรุ่ยอ๋องขมวดปมแน่น จ้องมองหร่วนฝูอวี้ที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนจะทำตัวไม่ถูกเหตุใดจู่ ๆ นางถึงมีความคิดเช่นนี้ได้?เพียงเพื่อจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับฮองเฮาหรือ? หร่วนฝูอวี้ยังคงจับปกเสื้อของเขาอยู่ พร้อมกับมองสำรวจเขาด้วยท่าทางของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน มีลูกแล้วจะอย่างไร?“เจ้ายังจะเรื่องมากอีกรึ?”รุ่ยอ๋องส่ายศีรษะอย่างแข็งเกร็ง“ข้าเพียงรู้สึกว่า...”นี่ไม่ปกติเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีคนขัดขวางการกระทำที่ขาดสติของหร่วนฝูอวี้ได้นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่า การจะมีลูกนั้น มีความหมายอย่างไร“ข้าไม่ใช่คนใจง่ายเช่นนั้น” รุ่ยอ๋องผลักนางออกไปโดยแสร้งทำเป็นสุขุมเยือกเย็น พร้อมกับหันหลังให้นาง สายตามองไปยังที่ไกล ๆ“ใจง่ายรึ?” หร่วนฝูอวี้หัวเราะด้วยความโมโห เช่นนั้นก็เท่ากับว่านางเป็นคนใจง่ายรึ?บุรุษสุนัขผู้นี้ ปากช่างร้ายกาจนัก!“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไปหาคนอื่น!”หร่วนฝูอวี้พูดได้ทำได้ รุ่ยอ๋องจึงรีบคว้าแขนของนางไว้“เจ้าเสียสติไปแล้วรึ?!”นางเป็นพระชายาของเขา จะมีสัมพันธ์กับชายอื่นได้อย่างไร?หร่วนฝูอวี้เกลียดท่าทางลั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1183

    ด้านนอกห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้ยืนอยู่ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งได้ยินว่าเสนาบดีที่ช่วยปกครองเหล่านี้ต้องการทำตามโอวหยางเหลียน ใช้ความตายมาข่มขู่จิ่วเหยียนวิธีนี้ช่างชั่วร้ายยิ่งนักจนกระทั่งตอนที่เห็นพวกนางเดินออกมา และไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย เซียวอวี้ถึงค่อยโล่งใจเหล่าเสนาบดีทำเป็นมองไม่เห็นเขา มีเพียงหูย่วนเอ๋อร์ที่มองเขาด้วยแววตาที่แฝงความรู้สึกซับซ้อนฮ่องเต้ฉีเสด็จมาที่แคว้นซีหนี่ว์ด้วยพระองค์เอง คิดดูแล้วก็คงกังวลพระทัยว่าประมุขแคว้นจะทรงหวั่นไหว ไม่เสด็จกลับไปหนานฉีอีกเห็นได้ชัดว่า พวกเขาเป็นเช่นเดียวกัน ไม่อาจคาดเดาจิตใจของประมุขแคว้นได้ช่างน่าเศร้าจริง ๆเมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ หูย่วนเอ๋อร์ก็รู้สึกสบายใจโดยไม่รู้ตัวยิ่งไปกว่านั้นคำพูดแต่ละคำของประมุขแคว้นนั้นมีความหมายอันลึกซึ้ง สิ่งที่พวกนางพยายามจะรักษาไว้ อย่างมากเพียงชั่วชีวิตเดียวนี่เหมือนกับการที่หมอรักษาโรค รักษาที่ปลายเหตุมิได้รักษาที่ต้นเหตุเมื่อครู่ประมุขแคว้นเอ่ยกับพวกนางมากมาย ทำให้พวกนางเข้าใจว่า ต้นเหตุที่แคว้นซีหนี่ว์ไม่อาจสร้างความยิ่งใหญ่ได้ ก็คือ “บาดแผลภายใน”การกดขี่บุรุษภายในแคว้นมากเกินไป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1182

    เสนาบดีที่ช่วยปกครองต่างก็เป็นคนสนิทของอดีตประมุข แต่ละคนล้วนเป็นเสาหลักสำคัญของราชสำนักพวกนางยืนอยู่นอกห้องทรงพระอักษร ถึงอายุจะต่างกัน ทว่าล้วนมีความจงรักภักดีและกล้าหาญ“พวกหม่อมฉันขอเข้าเฝ้าประมุขแคว้น!”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรในห้องทรงพระอักษร ด้วยสายตาที่แน่วแน่นางจ้องมองเงาร่างของแต่ละคนที่อยู่ด้านนอกตำหนัก ความแน่วแน่ในดวงตาเจือความหม่นหมอง“ให้พวกนางเข้ามา”ไม่นาน เหล่าเสนาบดีก็ทยอยกันเข้ามาด้านใน หูย่วนเอ๋อร์ที่บาดเจ็บหนักนอนอยู่บนแคร่หามนั้นเห็นเด่นชัดที่สุดเฟิ่งจิ่วเหยียนวางฎีกาที่อยู่ในมือลง กวาดตามองพวกนางแวบหนึ่ง“ต้องการจะพูดสิ่งใด?”“ท่านประมุขแคว้น พวกหม่อมฉันทราบแล้ว เหตุใดใต้เท้าโอวหยางถึงสิ้นใจ” ลมหายใจของหูย่วนเอ๋อร์สงบนิ่ง ทว่ามองเห็นบาดแผลภายในไม่รุนแรงเสนาบดีคนอื่น ๆ จึงเอ่ยต่อ“ใต้เท้าโอวหยางทำเพื่อความมั่นคงของแผ่นดินแคว้นซีหนี่ว์ นางอาศัยความตาย ขอร้องให้ประมุขแคว้นทรงอยู่ที่แคว้นซีหนี่ว์ต่อไป!”สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูสงบนิ่ง มิได้เอ่ยขัดจังหวะคำพูดของพวกนางหูย่วนเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก หันไปโน้มศีรษะให้เฟิ่งจิ่วเห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1181

    การตายของโอวหยางเหลียน สำหรับหูย่วนเอ๋อแล้ว เป็นการสูญเสียที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง ในบรรดาขุนนางใหญ่ของราชสำนัก พวกนางทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันที่สุด ที่สำคัญกว่านั้น เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป หูย่วนเอ๋อร์มิได้เตรียมใจไว้เลย สาวใช้ตอบอย่างระมัดระวัง “บ่าวรู้เพียงว่า ใต้เท้าโอวหยางกินยาพิษฆ่าตัวตายเจ้าค่ะ” หูย่วนเอ๋อร์ไม่เชื่อ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ไฉนใต้เท้าโอวหยางกลับมาฆ่าตัวตาย? “ต้องมีคนวางแผนสังหารนางเป็นแน่! เรื่องนี้ ท่านประมุขแคว้นทราบหรือไม่!” สาวใช้ผงกศีรษะ “ตอนที่ใต้เท้าโอวหยางเกิดเรื่อง ท่านประมุขแคว้นก็อยู่ที่จวนโอวหยางเจ้าค่ะ” หูย่วนเอ๋อร์มีน้ำตาคลอหน่วย รู้สึกเสียใจที่ตนเองบาดเจ็บ จึงไม่สามารถออกไปสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง การตายของโอวหยางเหลียน มิใช่เพียงหูย่วนเอ๋อร์ที่ตกตะลึงสงสัย ยังสร้างความวุ่นวายในราชสำนักด้วย ในการประชุมราชสำนักวันรุ่งขึ้น หัวข้อที่เหล่าขุนนางเอ่ยถึง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของโอวหยางเหลียน เสนาบดีสามรัชสมัยผู้นี้ ไม่มีผลงานอะไรยิ่งใหญ่แต่ก็ทำงานอย่างหนักหน่วง ควรได้รับการเชิดชูหลังสิ้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1180

    เมื่อหมอหลวงมาถึง โอวหยางเหลียนก็เสียชีวิตจากพิษแล้ว เหล่าคนรับใช้ในจวนต่างคุกเข่าลงกับพื้น ส่งเสียงร้องไห้ดังระงมไม่ขาดสาย “ใต้เท้า——” สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนจดจ้องไปบนเตียง ที่มีโอวหยางเหลียนนอนอยู่บนนั้น ที่จากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ยอมตายเพื่อตักเตือน โอวหยางเหลียนทำเช่นนี้ ทำให้เฟิ่งจิ่วเหยียนต้องรับภาระที่หนักหน่วง “ฝังศพอย่างสมเกียรติ” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยสั้น ๆ จบ พลันลุกขึ้นและเดินออกไป เสียงร้องไห้ทางด้านหลังนั้น ราวกับลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของนาง เซียวอวี้ยืนอยู่ที่ข้างประตู ยื่นมือให้นางจับไว้อย่างมั่นคง การตายของโอวหยางเหลียน เปรียบเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกโยนลงทะเลสาบ สร้างแรงกระเพื่อม แต่ก็สงบลงในที่สุด เขาหาได้สนใจความเป็นหรือตายของโอวหยางเหลียนไม่ สนใจเพียงสุขภาพของจิ่วเหยียนเท่านั้น สีหน้าของนางดูมิสู้ดีเลย “กลับวังก่อนเถิด” เขาตัดสินใจแทนนาง ในรถม้า เฟิ่งจิ่วเหยียนเงียบจนน่าใจหาย เซียวอวี้ไม่ได้รบกวนนาง เพียงอยู่เคียงข้างนาง และคอยเป็นที่พึ่งพิงให้นางเสมอ หลังจากกลับมาถึงวัง คนทั้งสองนั่งอยู่ข้างเตียง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1179

    โอวหยางเหลียนมองเห็นความหวั่นไหวในใจของเฟิ่งจิ่วเหยียน นี่คือสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น “ตั้งแต่เยาว์วัยท่านก็แตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปในหนานฉี “ท่านกำเนิดมาเพื่อแคว้นซีหนี่ว์เพคะ “ท่านก็คงจะคิดด้วยว่า หนานฉีกดขี่สตรีที่มีความสามารถเกินไป “แต่ท่านมิอาจเปลี่ยนแปลงมันได้ “ท่านประมุขแคว้น ท่านเคยคิดหรือไม่ หากท่านให้กำเนิดองค์หญิงรัชทายาท ในแคว้นซีหนี่ว์แห่งนี้ นางจะกลายเป็นประมุขแคว้น ทว่าในหนานฉี นางจะเป็นเพียงองค์หญิง แม้จะได้รับความโปรดปราน แต่ไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมของการช่วยเหลือสามีและดูแลบุตรได้ “ในหนานฉี ผู้หญิงทุกคนไม่สามารถเป็นแม่ทัพหญิงเช่นท่านได้ ฮ่องเต้ฉีองค์ปัจจุบันหลักแหลมกว่าใครอย่างมิต้องสงสัย แต่ทายาทรุ่นหลังเล่า? ท่านประมุขแคว้น ท่านไม่คิดเพื่อตัวเอง ก็ต้องคิดถึงลูก ๆ ของท่านด้วยเพคะ!” เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้ตกอยู่ในกับดักชั่วร้ายที่โอวหยางเหลียนสร้างขึ้น ใบหน้าของนางแน่วแน่ “สิ่งที่เจ้าพูด ล้วนอ้างแต่มุมมองของผู้หญิง “ลองคิดอีกมุม หากเราให้กำเนิดองค์ชาย สถานการณ์ของเขาในแคว้นซีหนี่ว์ ก็ไม่ต่างกับสถานการณ์ขององค์หญิงในหนานฉี”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1178

    หูย่วนเอ๋อร์ถูกลอบสังหาร โอวหยางเหลียนจึงเสนอให้เซียวอวี้เป็นผู้นำทัพ นี่ยิ่งทำให้เฟิ่งจิ่วเหยียนเกิดความสงสัยอย่างเลี่ยงมิได้ นางหันกลับไปมองที่โอวหยางเหลียน “เราคิดว่า เจ้าเหมาะที่จะปกป้องเมืองมากกว่าพระสวามี” มีความแปลกประหลาดในแววตาของโอวหยางเหลียน “ท่านประมุขแคว้น หม่อมฉันยินดีจะไปเพคะ!” นางรับคำสั่งอย่างง่ายดาย หาได้มีพิรุธไม่ เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้ต้องการให้โอวหยางเหลียนเป็นผู้นำทัพจริง ๆ ดวงตาของนางมืดมน กล่าวอย่างสื่อความนัย “ท่านป้าอายุมากแล้ว จะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร “เมื่อผ่านพ้นวันเกิดปีที่แปดสิบแล้ว มิลองเกษียณแล้วกลับบ้านเกิด มีชีวิตบั้นปลายที่ดีเล่า” ตามกฎระเบียบของแคว้นซีหนี่ว์ เมื่อขุนนางมีอายุครบเจ็ดสิบห้าปี ก็สมควรเกษียณและกลับบ้านเกิด ม่านตาของโอวหยางเหลียนเบิกกว้าง “ท่านประมุขแคว้น หม่อมฉันยังทำได้...” เฟิ่งจิ่วเหยียนลดเสียงลง “นี่คือเกียรติยศสุดท้ายที่เราจะมอบให้ท่าน” ทั้งเรื่องซูถงและการลอบสังหารหูย่วนเอ๋อร์คืนนี้ หากจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับโอวหยางเหลียน นางหาได้เชื่อไม่ นางได้จัดสาย

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status