Share

บทที่ 142

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เซียวอวี้ถอดอาภรณ์ออกมาได้ครึ่งตัวแล้ว แต่สตรีตรงหน้ากลับบอกให้เขารอก่อน

รออะไรกัน?

เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยต่อ

“ต้องหาสถานที่ที่ไม่มีใครรบกวน เพราะข้าต้องใช้เวลาสองวันเต็ม ในการขับพิษของท่านให้หมดในคราวเดียว”

นัยน์ตาของเซียวอวี้เปลี่ยนเป็นเย็นชา

“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยบอกว่า การฝังเข็มขับพิษในคราวเดียว จะเป็นอันตรายต่อคนที่ถูกพิษ”

เขาเกิดความสงสัย หรือว่านางอยากให้เขาตาย

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบอย่างใจเย็น

“ข้าพบวิธีแล้ว

“หากท่านไม่วางใจก็แค่หาคนมาจับตาเฝ้าดู”

เซียวอวี้จ้องมองดวงตาทั้งคู่ของนาง

นัยน์ตาของนางลึกซึ้งและไร้ความรู้สึกราวกับน้ำนิ่งในก้นสมุทร

ทว่าเผยให้เห็นถึงความเที่ยงตรง ไม่มีแผนการเจ้าเล่ห์

เพราะสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่พิษแดนฝันในตัวของนาง หากเขาตาย นางจะไม่ได้ยาถอนพิษและอาจจะต้องตาย

อีกอย่างเขาก็ต้องการขับพิษออกให้หมดโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นทุกครั้งที่พิษกำเริบ เขาจะต้องทนต่อความเจ็บปวดและทรมานจนไม่อาจบรรยายได้

เขาไม่ใช่นักเดิมพัน แต่ก็มีนิสัยของนักเดิมพัน

หลังจากคิดทบทวน เซียวอวี้ก็ตอบตกลง

สถานที่ที่นางจะไม่ถูกรบกวน และยังควบคุมนางได้ดีที่สุดก็คือ ห้องลับใต้ดินของตำหนักห
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Sujitra Phukthaisong
ยาวจังมีกี่ตอนค่ะ มีใครพอจะตอบได้บ้างค่ะ
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
พิษหมดมั่ย
goodnovel comment avatar
น้อย น้อย
อ่านมายืดยาวรู้สึกเบื่อพระเอก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 143

    ปกติเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คับขัน เรื่องการขับถ่ายไม่ใช่ปัญหาสำหรับนางดื่มน้ำให้น้อยลง และกลั้นไว้ก็จะผ่านไปได้แต่นึกไม่ถึงว่าโอรสสวรรค์ที่มีชีวิตสูงส่งจะอดทนได้เช่นกันเมื่อนาฬิกาทรายเดินไปได้ครึ่งชั่วยาม บุรุษที่กำลังนั่งทำสมาธิบนเตียงหยกพลันลืมตา และสบตากับเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยแววตาคมปลาบ“เจ้ามองเราทำไม”เขารับรู้ได้ในขณะที่นางมองเขาเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงถามโดยไม่ปิดบังว่า“ท่านไม่มีความต้องการอะไรบ้างหรือ”ความต้องการ?นางสามารถถามให้ชัดเจนกว่านี้ได้!เซียวอวี้ไม่ตอบ สีหน้าของเขาเยือกเย็นราวกับเกล็ดน้ำค้าง ในดวงตาลึก ๆ เต็มไปด้วยความโกรธ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดว่าการที่ตัวเองถามเช่นนี้มีอะไรแปลกนัก นี่ยังถือเป็นการถามโดยอ้อมด้วยซ้ำแต่ปฏิกิริยาของเขากลับดูชอบกลการกินและการขับถ่ายเป็นความต้องการปกติของมนุษย์บางทีในฐานะจักรพรรดิ เขาอาจคิดว่าตนเองไม่เหมือนปุถุชนธรรมดาสายตาของนางเหลือบมองส่วนล่างของเขา“กลั้นไว้นานไม่ค่อยดีนัก”ไม่ใช่ว่านางใจดี แค่กลัวว่าเขาจะห่วงภาพลักษณ์จนยอมทรมานตัวเอง ถ้าเขากลั้นไม่อยู่ในขณะที่นางขับพิษอยู่ก็จะยิ่งลำบากอุณหภูมิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 144

    เฟิ่งจิ่วเหยียนล้มลงบนเตียงหยก บุรุษที่เดิมทีนอนอยู่บนเตียง ในเวลานี้กลับพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนตัวนาง เขาใช้ฝ่ามืออันแข็งแกร่งกดไหล่ของนางไว้ และโน้มตัวลงมา ราวกับพยัคฆ์ร้าย สายตาดุดันกวาดมองไปทั่วร่าง หวังจะกลืนนางลงไปในท้องนางหรี่ตาลงและแทงเข็มสุดท้ายลงไปโดยไม่ลังเลนางรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาค้ำยันแผงอกของเขาที่ขยับใกล้เข้ามา และยังป้องกันไม่ให้สัมผัสกับเข็มเงินเหล่านั้นริมฝีปากบางของบุรุษเกือบจะแนบกับใบหน้าด้านข้างของนาง คลับคล้ายเหมือนจะถูกับใบหน้าและติ่งหูลมหายใจของเขาที่กำลังพ่นใส่ข้างลำคอของนาง ราวกับคลื่นความร้อนในคิมหันตฤดู“เราลืมบทสวดชำระล้างจิตใจไปแล้ว...”เฟิ่งจิ่วเหยียนเตือนเขาด้วยประกายตาเยือกเย็น“ข้าท่องให้ฟังแล้วท่านก็ท่องตาม”พอฝืนท่องไปได้สักพัก มันก็เริ่มเห็นผลแววตาอันร้อนรุ่มของเซียวอวี้ที่มองนางก็คลายลงอย่างมากจากนั้นเขาก็รู้ตัวว่าตนเองทำสิ่งใดลงไป จึงรีบลุกขึ้นนั่ง ทำสมาธิ และสงบจิตใจทันทีหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่สูญเสียการควบคุมอีกเลยครึ่งชั่วยามผ่านไปเฟิ่งจิ่วเหยียนก็ดึงเข็มขึ้นมาเซียวอวี้เหงื่อไหลออกมาก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปกคลุมด้วยชั้นเหงื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 145

    ขณะที่เซียวอวี้กำลังจะสัมผัสหน้ากากของนาง เข็มเงินเล่มหนึ่งก็แตะอยู่ที่อกของเขาแววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็น“ความสงสัยบางครั้งก็ทำร้ายคนได้”เซียวอวี้เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อยจากนั้น เขารีบชักมือกลับทันทีนางก็ชักเข็มเงินในมือกลับเช่นกันทั้งสองคนต่างอยู่ในอาการสงบหลังจากกลไกทางเข้าถูกเปิดออกเฉินจี๋เห็นว่าฮ่องเต้ยังทรงปลอดภัยดี ความกังวลใจจึงคลายลงแต่นักฆ่าหญิงผู้นั้น ถ้าจะให้มั่นใจแน่ ๆ ก็ต้องจับตัวไว้หรือฉวยโอกาสตอนที่นางกำลังอ่อนแอ สังหารนางซะ!เฉินจี๋ชักดาบของเขาออกมาทันทีแต่กลับได้ยินฮ่องเต้รับสั่งว่า“ปล่อยนางไป”......รัตติกาลมืดมิดตำหนักหย่งเหอสองวันมานี้เหลียนซวงจิตใจว้าวุ่น จนกระทั่งเห็นฮองเฮาเสด็จกลับมา จึงค่อยโล่งใจขึ้นมาแต่ทันใดนั้นก็พบว่าฮองเฮาเหมือนจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง!“ฮองเฮา ท่าน…”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยุงสังขารที่อ่อนแรง มือหนึ่งจับที่มุมโต๊ะ อีกมือหนึ่งกำคอเสื้อของตนเองไว้แน่น“ออกไปเฝ้าด้านนอกไว้”ลำคอของนางเหมือนถูกไฟเผา น้ำเสียงที่เอ่ยดูแหบพร่า“เพคะ!” เหลียนซวงไม่รู้ว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาฮองเฮาทรงพบเจอสิ่งใดมาบ้าง แต่ก็เข้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 146

    ในท้องพระโรง เสนาบดีของทั้งสองแคว้นกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดหูเอ่อร์ต๋าไม่ได้กล่าวอ้างลอย ๆ“กราบทูลฝ่าบาท เมิ่งสิงโจวสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ของรัฐเหลียง การจ่ายเบี้ยชดเชยนั้น ก็เพื่อปลอบขวัญให้กับพวกเขา ส่วนการให้เมิ่งสิงโจวยอมรับโทษนั้น ก็เพื่อบำรุงขวัญให้กับราษฎรในรัฐเหลียงทุกหมู่เหล่า ถือเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเจรจาสงบศึกและเป็นพันธมิตรกันระหว่างสองแคว้น“หากหนานฉีไม่มีการชดเชยใด ๆ ต่อให้ขุนนางกงสุลจะยินดีลงนามในหนังสือเจรจาสงบศึก เกรงว่าทหารหลายแสนนายของรัฐเหลียง ราษฎรทั่วหล้า และวิญญาณที่ตายไปแล้วอีกนับไม่ถ้วนก็จะไม่เห็นด้วย!”เสนาบดีของหนานฉีโต้แย้งทันที“เมื่อสองแคว้นทำสงครามกัน ย่อมต้องมีการบาดเจ็บล้มตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! อีกอย่างทหารของเราก็ไม่เคยสังหารชาวบ้านของรัฐเหลียงที่ไร้อาวุธ แล้วจะพูดถึงวิญญาณอะไร! บำรุงขวัญอะไร!”หูเอ่อร์ต๋าหรี่ตาหยีพร้อมกับลูบเครา และเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันว่า“ถ้าพูดเช่นนี้ หนานฉีก็ไม่มีความคิดที่จะเจรจาสงบศึกอย่างนั้นรึ?”ได้เลย!ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเปิดฉากทำสงคราม สู้รบกันต่อไป!ถึงอย่างไรเมิ่งสิงโจวก็ยังไม่หายป่วย คงจะออกรบไม่ได

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 147

    ณ ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้มองดูเฟิ่งจิ่วเหยียนในอาภรณ์ที่เรียบง่าย ดูลักษณะแตกต่างจากฮองเฮาโดยสิ้นเชิงนางคุกเข่าลงบนพื้น ในมือชูใบบันทึกคำให้การอยู่ปึกหนึ่ง“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะร้องทุกข์เพคะ!”ภายในห้องมีเพียงเฉินจี๋ที่อยู่รับใช้ เขารับใบบันทึกคำให้การเหล่านั้นมา แล้วถวายต่อฮ่องเต้เซียวอวี้พลิกดูทีละแผ่น แค่อ่านจบเพียงหน้าแรก สีหน้าของเขาราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำ เมฆดำปกคลุมเมือง“ฮองเฮา! เจ้าต้องรู้ว่าในนี้เขียนว่าอย่างไรบ้าง!”เฟิ่งจิ่วเหยียนลดสายตาลงอย่างนอบน้อม“รู้เพคะ สิ่งที่ท่านกำลังทอดพระเนตรคือ ใบบันทึกคำให้การครั้งแรกของกลุ่มโจรภูเขา เป็นความจริงที่ไม่มีการแก้ไขใด ๆ“ในนั้นถึงเป็นความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากที่หม่อมฉันถูกลักพาตัวไป”ม่านตาของเซียวอวี้พลันหดลง“หมัวมัวในวังก็เคยตรวจร่างกายของเจ้า”นางยืนยันแล้วว่าบริสุทธิ์ เหตุใดคำให้การถึงระบุว่า พอนางถูกจับตัวไปก็ถูกข่มเหงเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างเปิดเผยว่า“หม่อมฉันกินยาต้องห้ามจากต่างถิ่นให้ชั้นผิวหนังลอก รอยแผลเป็นตามตัวจึงหายไป รวมถึงใช้วิธีการบำรุงฟื้นฟูด้วย“ดังนั้นแม้แต่หมัวมัวในวังผู้มีประ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 148

    เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้บอกทันทีว่าพยานเป็นผู้ใด นางอธิบายที่มาที่ไปอย่างสงบนิ่งว่า“หลังจากแข่งขันขี่ม้าโปโล หวังเทียนไห่ถูกสืบพบว่าเป็นคนร้ายที่หมายจะสังหารสองพระสนม โดยทำให้พวกนางตกจากหลังม้า หากความจริงแล้ว หวังเทียนไห่ได้รับคำสั่งจากหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ ให้ทำร้ายนางสนมเจีย พอเขาถูกจับ หลิงเยี่ยนเอ๋อร์กลัวว่าเขาจะซัดทอดมาถึงตนเอง จึงรีบส่งนางกำนัลจูเอ๋อร์ไปปิดปากเขาเสียก่อน...”เซียวอวี้ขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทน พูดแทรกด้วยน้ำเสียงขรึมว่า“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่”เท่าที่เขารู้ หวังเทียนไห่รวมถึงนางกำนัลจูเอ๋อร์ผู้นั้น ทั้งคู่ต่างก็ตายไปแล้ว หรือว่าพวกเขาจะตายแล้วฟื้นมาเป็นพยานให้กับนางได้!เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบแบบไม่ช้าไม่เร็ว“กราบทูลฝ่าบาท ในคืนนั้นนางกำนัลจูเอ๋อร์ยังไม่ตาย หม่อมฉันแอบส่งนางออกไปรักษาตัวที่นอกวัง ตอนนี้นางสามารถมาเป็นพยาน และชี้ตัวหลิงเยี่ยนเอ๋อร์เพคะ”เซียวอวี้ดูเหมือนกำลังควบคุมความรู้สึกบางอย่าง สีหน้าของเขาดูเรียบเฉยผิดปกตินี่มัน “ตายแล้วฟื้น” จริง ๆ!เขาไม่ได้ขัดจังหวะสิ่งที่นางพูดเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยต่อ“จ้าวซีเป็นน้องชายของจ้าวเฉียน เขาเป็นผู้รอดชีวิตเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 149

    แม้ว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์จะคุกเข่าอยู่ แต่ก็ยังเงยหน้าและยืดอก ลักษณะไม่เหมือนคนที่กระทำความผิดเลยแม้แต่น้อยพยานจ้าวซีจ้องมองนางด้วยความโกรธแค้น“ฝ่าบาท เรื่องที่จ้าวเฉียนพี่ชายของข้าน้อยทำงานให้กับหวงกุ้ยเฟย เขาเขียนมันลงไปในบันทึกเล่มนั้น ก็เพื่อให้ตัวเองพอจะเหลือทางรอดบ้าง!“แต่คิดไม่ถึงว่าหวงกุ้ยเฟยจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ สังหารพวกเราทั้งครอบครัว เพื่อต้องการกำจัดให้สิ้นซาก ตอนนี้ก็เหลือข้าน้อยเพียงคนเดียว...โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากคนใจดี“คนพวกนั้นจุดไฟเผาบ้าน แต่ไม่ทันสังเกตว่าข้าน้อยแอบคลานหนีออกมา...”สาวใช้จูเอ๋อร์เอ่ยบ้าง“ฝ่าบาท หวงกุ้ยเฟยสั่งให้บ่าวลอบสังหารหวังเทียนไห่เพคะ!”ลำพังแค่อาศัยคำให้การของพวกเขาก็อาจยังมีข้อสงสัยอย่างเช่น จ้าวซีแน่ใจได้อย่างไรว่า กลุ่มคนที่สังหารครอบครัวของเขา เป็นหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ที่ส่งไป?ดังนั้นคำให้การของชุนเหอจึงมีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ“หวงกุ้ยเฟยกลัวว่าครอบครัวของจ้าวเฉียนจะล่วงรู้บางอย่าง จึงสั่งให้บ่าวไปกำจัดครอบครัวของจ้าวเฉียนไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว ส่วนเรื่องโจรภูเขา ที่โจรภูเขาลักพาตัวฮองเฮา นั่นก็เป็นฝีมือของหวงกุ้ยเฟย...”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 150

    เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบเซียวอวี้อย่างใจเย็น“ท่านให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของราชวงศ์ ส่วนหม่อมฉันก็ไม่อยากให้ผู้คนครหา ดังนั้นท่านประกาศเฉพาะความผิดที่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์กระทำ ส่วนตัวตนของเหยื่อ และรายละเอียดของเหตุการณ์ก็ละเว้นได้เพคะ”ทำเช่นนี้แล้วความผิดของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ก็จะเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนทั่วหล้าได้เช่นกันเซียวอวี้มองนางด้วยความเย็นชา“เจ้าช่างคิดมาอย่างถี่ถ้วน“หากเราไม่ทำเช่นนั้น เจ้าจะทำอย่างไร จะโปรยสำเนาใบบันทึกคำให้การไปทั่วเมืองอย่างนั้นรึ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนลดสายตาลง“หากไม่จำเป็นหม่อมฉันก็ไม่อยากทำเช่นนี้“หากท่านเป็นคนร่างข้อกล่าวหาของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ด้วยตนเอง อาจจะหลบเลี่ยงจากหนักเป็นเบาได้ แต่หากเป็นของหม่อมฉัน ทุกอย่างจะยังคงเดิม และจะสู้กันจนถึงที่สุด”ความรู้สึกของการถูกข่มขู่นั้นย่ำแย่โดยอย่างยิ่ง เซียวอวี้ถึงกับเป็นกษัตริย์แห่งแคว้นเขาเหยียดกายลุกขึ้น ความรู้สึกกดดันรอบกายพัดโหมกระหน่ำออกไป ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศอันเยือกเย็น บวกกับสีหน้าของเขาที่ดูน่ากลัวยิ่งนัก“เราตัดสินให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกเนรเทศแล้ว เจ้ายังมีสิ่งใดไม่พอใจอีก“เจ้าต้องการให้

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1026

    ความผูกพันที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมีต่อแคว้นซีหนี่ว์ ไม่ลึกซึ้งเท่าความผูกพันที่มีต่อแคว้นหนานฉีเนื่องจากนางเติบโตในแคว้นหนานฉีตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเคยเป็นทหารของแคว้นหนานฉีญาติสนิทมิตรสหายของนาง ล้วนอยู่ในแคว้นหนานฉีทั้งนั้นตอนนี้ นางยังเป็นฮองเฮาของแคว้นหนานฉีอีกด้วยหากนางตัวคนเดียว บางทีนางอาจจะสามารถอยู่ได้แบบไม่ต้องลังเล แต่ว่าตอนนี้ หากให้นางทิ้งทุกอย่างในแคว้นหนานฉี อยู่เป็นฮ่องเต้ที่แคว้นซีหนี่ว์ นางทำไม่ได้นางมีหลายเรื่องที่ปล่อยวางไม่ได้และยังอาลัยอาวรณ์อยู่สามีของนาง ท่านอาจารย์และอาจารย์หญิง แล้วไหนจะเวยเฉียง…ทว่า แคว้นซีหนี่ว์เองก็ต้องปกป้องในด้านส่วนตัว นี่คือสายเลือดตระกูลบรรพบุรุษของนางในด้านส่วนรวม จำเป็นต้องมีแคว้นเฉกเช่นแคว้นซีหนี่ว์ เพื่อสังคมโลกที่ไม่ยุติธรรมต่อสตรี อีกอย่าง แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งก็สนิทชิดเชื้อกับเป่ยเยี่ยน หากพวกเขาแบ่งแยกแคว้นซีหนี่ว์ ก็จะสร้างความกดดันต่อชายแดนทางตะวันตกของแคว้นหนานฉี หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ข้าจะช่วยแคว้นซีหนี่ว์ปราบปรามศัตรูให้ล่าถอย แต่ตำแหน่งฮ่องเต้ คงต้องให้ผู้ปรา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1025

    ณ แคว้นหนานฉีภายในพระราชวังความรู้สึกไม่สบายใจของเซียวอวี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆเขาฝืนอ่านฎีกาจนจบ แล้วขึ้นราชรถไปตำหนักหย่งเหอด้วยจิตใจที่ล่องลอยหลิวซื่อเหลียงรีบตามมาด้านหลัง เขามองออกว่าฝ่าบาทกำลังวิตกกังวล ก็นึกว่าฝ่าบาททรงกังวลเรื่องของแคว้น จึงให้ข้าหลวงถอยออกไปด้วยสายตาที่เฉียบแหลมเซียวอวี้นั่งเหม่อลอยอยู่ที่เก้าอี้ในตำหนักชั้นในเป็นเวลานานหากไม่ติดเรื่องฐานะฮ่องเต้ ยามนี้เขาอยากจะไปแคว้นซีหนี่ว์ ตามจิ่วเหยียนของเขากลับมาแล้วแคว้นซีหนี่ว์ในเวลาเดียวกันเฟิ่งจิ่วเหยียนตกอยู่ในสองสถานการณ์ที่ยากลำบากด้านหนึ่ง นางรู้ดีว่าด้วยฐานะฮองเฮาแคว้นหนานฉีของนาง ไม่อาจอยู่ที่แคว้นซีหนี่ว์ได้อีกด้านหนึ่ง แคว้นซีหนี่ว์ถูกคุกคามจากแคว้นศัตรู หากนางพาท่านแม่จากไปโดยไม่สนใจความอยู่รอดของแคว้นซีหนี่ว์ ย่อมทำใจได้ยากภายในตำหนัก โอวหยางเหลียนและหูย่วนเอ๋อร์ต่างคุกเข่าให้นางอยู่บนพื้น ขอร้องให้นางอยู่ต่อด้านนอกตำหนัก เหล่าขุนนางที่เดิมยังอยู่ที่ท้องพระโรงหน้า ไม่รู้ว่าได้ข่าวมาจากที่ใด ยามนี้ต่างก็มาคุกเข่าอยู่ด้านนอก ขอให้นางขึ้นครองราชย์แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนหนักอึ้ง“ลุกข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1024

    หลิวอิ๋งไม่สนใจว่าคนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง นางถามเจิ้งจีเป็นอย่างแรก“ท่านป้าของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!”“ท่านแม่ ท่านป้าสวรรคตแล้วเจ้าค่ะ...”ความทรงจำของเจิ้งจีเลือนราง จึงนึกว่าท่านแม่เองก็จำได้ไม่ชัดเจนเช่นกันหญิงผู้นั้นตายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่หรือยามนี้นางจึงรีบพูดเรื่องสำคัญ “ท่านแม่ มีคนบุกเข้าไปในตำหนักบรรทม พวกเขาตีข้าจนสลบ ท่านรีบส่งทหารรักษาพระองค์ไปจับพวกเขาเร็วเข้า!”หลังจากเจิ้งจีที่อยู่นอกตำหนักฟื้นขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมาก ยังมีเสียงเลือนรางที่ดังมาจากด้านในตำหนักอีก ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือหนีเพื่อไปขอความช่วยเหลือ ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนตีนางจนสลบ และไม่รู้ว่าในตำหนักเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลิวอิ๋งได้ยินคำพูดของลูกสาว ก็คิดว่าประมุขแคว้นตายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ได้มีเรื่องอย่างการฟื้นคืนชีพ ก็รู้สึกยินดียิ่งตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ที่ว่าประมุขแคว้นยังเหลือลมหายใจอยู่อะไรนั่น ที่แท้ก็เป็นการหลอกนาง!เฮ้อ! โชคดีที่นางไม่ติดกับ!พอซู่เฉียนเสวี่ยตายแล้ว ทีนี้นางอยากรู้นัก ใครจะพิสูจน์ได้เล่าว่านางไม่ใช่ซู่ยวน?......ตอนที่นายหญิงเฟิ่งมาถึงพระราชว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1023

    “ท่านประมุข แคว้นเสี่ยวโจวและแคว้นเจิ้งต่างจ้องแคว้นเราตาเป็นมัน ท่านทำใจทิ้งพวกเราลงได้หรือเพคะ!”“ท่านประมุข ท่านจะต้องอายุยืนเป็นร้อยปี! ได้โปรดทำใจให้ฮึกเหิมเพื่อแคว้นซีหนี่ว์ จะต้องทรงดีขึ้นนะเพคะ!”“ท่านประมุข หม่อมฉันไร้ความสามารถ หม่อมฉันมาช่วยพระองค์ช้าเกินไป! แท้ที่จริงแล้วหลิวอิ๋งผู้นั้น ใช่ใต้เท้าซู่ยวนหรือไม่เพคะ? ขอท่านเผยความจริงด้วยเถิด!”ประมุขแคว้นที่อยู่บนเตียง เบ้าตาจมลึก ริมฝีปากซีดขาว ผอมจนเห็นกระดูก อาภรณ์ขาวบนร่างดูราวกับผ้าห่อศพ แผ่กลิ่นอายความตายออกมาลมหายใจของนางแผ่วเบา ทว่าเสียงที่ออกมาจากปากกลับชัดเจนยิ่ง “หลิวอิ๋ง...ไม่ใช่ซู่ยวน จะให้นางทำให้แคว้นซีหนีว์วุ่นวายไม่ได้!”เมื่อซู่เฉียนเสวี่ยพูดคำสุดท้ายจบ ก็ราวกับว่านางได้ใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดแล้ว นางหายใจรุนแรงราวกับว่าวิญญาณในร่างกำลังล่องลอยออกไป นางเงยหน้าขึ้นด้วยความทรมานอย่างที่สุด เพื่อให้ลมหายใจเคลื่อนผ่านสะดวกเหล่าขุนนางคนสนิทต่างก่นด่าถึงความไม่เป็นธรรม“ท่านประมุข ท่านวางใจเถิดเพคะ! หม่อมฉันจะไม่ยอมให้ซู่ยวนตัวปลอมนั่นขึ้นครองราชย์เด็ดขาด!”“ใช่ ฆ่านางซะ! นางหลอกลวงเบื้องสูง ทั้งยังทำร้ายท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1022

    หลิวอิ๋งดิ้นรนเหมือนคนบ้า“ปล่อยข้า! ข้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของท่านประมุขนะ! ข้าจะไปพบท่านพี่! พวกเจ้าจะทำร้ายท่านพี่ของข้า!”“ขุนนางรัก รีบหยุดพวกเขาเร็ว!“พวกเขาต้องมีเจตนาร้ายแน่!”ยามนี้เหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ต่อให้พวกนางอยากจะช่วย ก็ยังต้องดูด้วยว่าตนมีความสามารถที่จะช่วยหรือไม่แม่ทัพใหญ่ทั้งสี่มีอำนาจคุมกองทัพ รวมกับฮองเฮาแคว้นหนานฉีเองก็อยู่ที่นี่ จะให้สู้อย่างไรเล่า?อีกทั้งประมุขคนใหม่นี้มีเหตุผลชอบธรรมจริงหรือไม่ ก็ยังต้องพิจารณากันอีกที!หากนางไม่ใช่ซู่ยวนจริง ๆ พวกนางจะไม่กลายเป็นประสงค์ดีแต่ดันทำเรื่องไม่ดีลงไป แล้วช่วยคนชั่วทำความผิดหรอกหรือ?เสียงโวยวายของหลิวอิ๋ง เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่นางสั่งทุกคนอย่างหนักแน่น“แม่ทัพหู ท่านดูแลท้องพระโรงให้ดี“แม่ทัพอีกสามท่านแยกกันเฝ้าประตูวัง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกทั้งสิ้น ป้องกันไม่ให้สายลับของแคว้นอื่นฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย“มั่วซินหมัวมัว พาขุนนางคนสนิทสองสามคนตามข้าไปพบท่านประมุข”“เพคะ!” หูย่วนเอ๋อร์และมั่วซินหมัวมัวตอบรับคำสั่งขุนนางบุ๋นบู๊ที่เหลือเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1021

    บนบัลลังก์มังกร หลิวอิ๋งมองเฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังได้เปรียบแล้วฝืนยิ้ม“ที่แท้ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดนี่เอง ถึงอย่างไรความจริงก็เป็นเรื่องภายในของแคว้นซีหนี่ว์ แคว้นหนานฉี...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะหลิวอิ๋งที่กำลังพูดด้วยแววตาเย็นชา“ข้าจะพบประมุขแคว้น”หลิวอิ๋งซ่อนเจตนาไม่ดีไว้ในรอยยิ้ม“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ประมุขแคว้นทรงสวรรคตแล้ว ยามนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป เพราะกลัวว่าในแคว้นจะเกิดความวุ่นวาย หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็รีบไปที่ตำหนักบรรทมสิ ประมุขแคว้น...ทรงอยู่ในโลงแล้ว”“อะไรนะ!” ปฏิกิริยาของมั่วซินหมัวมัวรุนแรงมากหลิวอิ๋งแสร้งแสดงท่าทีเสียใจ ใช้มือหนึ่งปิดใบหน้า ไหล่สั่นสะท้าน ราวกับกำลังสะอึกสะอื้นด้วยความเศร้านางก้มศีรษะลงครึ่งนึง แล้วกล่าวเสริมว่า“เหล่าขุนนางรักเอ๋ย ไม่ใช่ว่าข้าต้องการปิดบังพวกท่าน ทว่านี่เป็นเรื่องกะทันหัน ภายในก็วุ่นวาย ภายนอกศัตรูรุกราน ข้าไม่กล้าพูดออกมา“วันนี้ กบฏมั่วซินกลับเดินเข้ามาติดกับดักด้วยตนเอง ในที่สุดวิญญาณของท่านพี่ที่อยู่บนสวรรค์ ก็ได้ตายตาหลับเสียที“ท่านพี่...”นางร้องไห้เสียใจ ทำให้เหล่าขุนนางร้องตามไปด้วย“ท่านประมุข!”มั่วซินห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1020

    เหล่าขุนนางของแคว้นซีหนี่ว์ล้วนรู้ดี มั่วซินหมัวมัวเป็นคนเก่าแก่ข้างกายประมุข ได้รับความไว้วางใจจากประมุขเป็นอย่างมากคำพูดของนาง น่าจะไม่ผิดทว่า ใต้เท้าซู่ยวนคนนี้ เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของประมุข...ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครมั่วซินกล่าวหาว่าสถานะซู่ยวนเป็นตัวปลอม ซู่ยวนก็กล่าวหาว่ามั่วซินกบฏ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นของตนเองจนเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาพูด“เหตุใดไม่ให้ประมุขทรงตรัสด้วยตนเอง?”เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สายตาหลิวอิ๋งฉายแววความโหดร้าย“ข้าไม่มีทางให้พวกเจ้าทำร้ายพี่สาว! พวกเจ้าเป็นโจรกบฏ อย่าคิดที่จะได้พบประมุข! ทหาร จัดการพวกนาง!”“ข้าจะดูว่าใครกล้าลงมือ!” แม่ทัพใหญ่หูย่วนเอ๋อร์ออกมายืนด้านหน้า ปกป้องเฟิ่งจิ่วเหยียนกับมั่วซินหมัวมัวหลิวอิ๋งตำหนิหูย่วนเอ๋อร์“แม่ทัพหู เจ้าก็คิดจะกบฏหรือ! เห็นแก่ที่พวกเจ้าไม่รู้ความจริง ถูกคนหลอกลวง ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย รีบมายืนฝั่งข้า! จับกุมตัวโจรกบฏ!”หูย่วนเอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม“ต่อให้จะลงโทษใคร ก็ควรให้ประมุขตัดสิน! ใต้เท้าซู่ยวน ประมุขอยู่ที่ใด!”หลิวอิ๋งเห็นว่าคนพวกนี้ไม่ฟังคำพูดตนเอง บีบ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1019

    ในพระราชวัง แคว้นซีหนี่ว์หลิวอิ๋งพาประมุขกลับวังอย่างเปิดเผย เหล่าข้าหลวงล้วนเคารพนาง ไม่สงสัยในตัวนางเพื่อไม่ให้ประมุขเปิดปากขอความช่วยเหลือ หลิวอิ๋งให้นางทานยาสลบ ทำให้นางตกอยู่ในสภาวะหมดสติเทียบกับความใจเย็นของหลิวอิ๋ง เจิ้งจีรู้สึกตื่นเต้น ไม่กล้ามองผู้ใดจนกระทั่งพาประมุขส่งมาถึงตำหนักบรรทม หลังจากสั่งให้ข้าหลวงทั้งหมดออกไปแล้ว เจิ้งจีค่อยถามด้วยเสียงเบา“ท่านแม่ เราทำเช่นนี้ จะไม่มีใครรู้จริง ๆ หรือ?”หลิวอิ๋งมองประมุขบนเตียง ด้วยแววตาโหดเหี้ยม“นางใกล้จะตายแล้ว ตำแหน่งประมุข ไม่ช้าก็จะเป็นของข้า ขอเพียงข้าควบคุมทั่วทั้งแคว้นซีหนี่ว์ ก็จะไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับข้า!”เจิ้งจียังคงรู้สึกหวาดกลัวหวนคิดถึงเมื่อไม่นาน นักฆ่าพวกนั้นบุกเข้ามาในจวนชานเมือง สังหารองครักษ์ข้างกายประมุข แล้วก็ปลอมเป็นองครักษ์ ร่วมมือกับพวกนาง พาประมุขกลับวังตอนนี้ นักฆ่าพวกนั้นก็อยู่ในวัง กระทั่ง คอยจับตามองอยู่ข้างกายพวกเขาต่อให้ท่านแม่เป็นประมุข ก็จะสามารถสบายใจไม่ทุกข์ไม่ร้อนจริงหรือ?“ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ข้ากลัว”น้ำเสียงเจิ้งจีสั่นเทาหลิวอิ๋งลูบใบหน้านาง พูดเตือนนาง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1018

    ในพระราชโองการที่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น เขียนบันทึกไว้อย่างชัดเจน ขอเพียงนางยินยอม ก็สามารถเป็นประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้ทุกเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนถือพระราชโองการไว้ ในใจรู้สึกว้าวุ่นตลอดเวลาที่ผ่านมา นางคิดเพียงว่าตนเองคือคนของแคว้นหนานฉี เพื่อปกป้องแผ่นดิน ตายอยู่บนสนามรบ ก็ไม่ตำหนิเสียใจทว่าตอนนี้...ประมุขแคว้นซีหนี่ว์รู้นิสัยของนางเป็นอย่างดี รู้ว่านางไม่มีทางรับอำนาจปกครองแคว้นซีหนี่ว์“เด็กดี พระราชโองการฉบับนี้ เป็นสิ่งรับประกันที่ป้าให้กับเจ้า ให้อนาคตเจ้ามีทางถอย”บนโลกนี้ การมีชีวิตอยู่ของสตรีนั้นยากลำบากมีเพียงแคว้นซีหนี่ว์ เป็นผืนแผ่นดินของสตรีในความรู้สึกส่วนตัว นางยังคงคาดหวังให้จิ่วเหยียน สามารถกลับมาสู่ตระกูลทว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงความหวังจิ่วเหยียนกับฮ่องเต้ฉีเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กัน กำลังเป็นช่วงเวลาที่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ แยกจากกันไม่ได้นายหญิงเฟิ่งคาดเดาได้ว่าในพระราชโองการมีอะไร สีหน้าแสดงออกถึงตกตะลึง“พี่สาว ท่านคิดอยากที่จะ...”ประมุขพูดขัดนาง“ซู่ยวน ให้เด็กตัดสินใจเองเถอะ”จากนั้นก็หันไปสั่งมั่วซิน“เราเหนื่อยแล้ว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status