บ้านพ่อค้าทาส
บริเวณรอบนอกของเมืองลั่วหยาง เป็นหมู่บ้านชนบทตั้งอยู่ประปรายกระจัดกระจายไปตามพื้นที่ก่อนจะเข้าเขตเมืองที่เคยถูกสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงมาแล้วหลายราชวงศ์ในยุคก่อนหน้านั้น
และหนึ่งในจำนวนหมู่บ้านที่อยู่รอบนอกของเมืองลั่วหยางเป็นสถานที่พำนัก ของกลุ่มพ่อค้าทาสซึ่งมีอาชีพจับชาวบ้านทั่วไปนำไปขายที่ตลาดค้าทาสในเมืองฉางอานโดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่เต็มใจขายตัวเองแต่อย่างใด พวกมันไม่ใช้เงินซื้อตัว แต่กลับใช้กำลังของชายฉกรรจ์ที่มีมากกว่าจับคนทั่วไปที่มีชีวิตอิสระนำมากักขังจนไร้สิ้นอิสรภาพ จากคนธรรมดาทั่วไปต้องกลายเป็นทาสของผู้อื่นด้วยความจำยอม พวกพ่อค้าทาสโดยการนำของหยวนซือเปา ชายร่างยักษ์ที่มีความอ้วนและร่างสูงใหญ่เป็นเอกลักษณ์ กรอบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายาวรกรุงรังไร้สิ้นการตัดแต่งแต่อย่างใด เอกลักษณ์ของคนผู้นี้คือเคราที่ยาวเฟื้อยจะถักเปียแยกออกเป็นสามสาย มีเสียงใหญ่และโวยวายชอบใช้น้ำเสียงของตนข่มขวัญผู้อื่นให้กลัวเกรง แต่ในความเป็นจริงแล้วโดยเนื้อแท้หยวนซือเปาเต็มไปด้วยความขลาดและโง่เขลา ภายในบ้านพ่อค้าทาสมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง ใหญ่โตกว“นี่พวกเจ้าสองคนคิดว่าข้าจะหลงเชื่อแผนการตื้นๆ ที่แสร้งทำขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ! บอกเลยนะว่าพวกข้าล้วนเป็นคนฉลาดไม่มีทางหลงกลผู้ใดง่ายๆ หรอกนะ เถียงกันมากนักจับพวกมันกรอกยาสะจะได้เลิกบ้าเสียที!”เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนก้องแทรกขึ้นมา ร่างของลูกสมุนของเจ้าอ้วนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต่างพากันเดินออกมาข้างหน้าพร้อมถาดไม้ซึ่งมีชามสองใบ มีกลิ่นของตัวยาโชยออกมาลอยฟุ้งเป็นควันขาว จนจางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงได้กลิ่นยาดังกล่าวอย่างชัดเจน “นี่มันกลิ่นจี้หยี่หวัน ยาลบเลือนความทรงจำ”จางเย่วฉินรำพึงอยู่ภายในใจ ด้วยเพราะในสงครามจะใช้ตัวยาดังกล่าวนำมาลบเลือนความจำของศัตรูอีกฝ่าย เมื่อสามารถสอบเค้นความจริงออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะใช้ยาตัวดังกล่าวให้อีกฝ่ายดื่มเพื่อทำลายความทรงจำซึ่งเป็นตัวตนดั้งเดิมทั้งหมดเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายของตัวเอง ก่อนจะปล่อยตัวกลับไปเพื่อหาข่าวและรายงานให้กับต้าถัง “จัดการให้นางผู้หญิงกินยาก่อนแล้วค่อยไปจัดการผู้ชาย นางคนนี้พิษสงของมันไม่มีสมคำร่ำลือหรอก คนของพรรคมารโลหิตมันมีดีก็แค่เปลือกนอกที่แลดูน่ายำเกรงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วไม่ม
มหานครเซี่ยงไฮ้ อาคารสูงระฟ้ามากมายผุดพรายขึ้นภายในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีท่าเรือที่มีจำนวนเรือคับคั่งที่สุดในโลก และมีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมากที่สุดในจีน ที่ผสมผสานความเป็นเมืองเก่าและเมืองใหม่ได้อย่างลงตัว ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการพาณิชย์และการเงินที่สำคัญ เอกลักษณ์อันโดดเด่นของมหานครแห่งนี้นั่นก็คือหอไข่มุก (The Oriental Pearl Tower) หรือไข่มุกเอเชีย เป็นสัญลักษณ์ของนครเซี่ยงไฮ้ เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในเอเชียและสูงเป็นอันดับ 3 รองจากแคนนาดาและรัสเซีย สูง 468 เมตร ภายในหอไข่มุกเป็นปล่องลิฟท์ความเร็ว 7 เมตร/ 1 วินาที สาเหตุที่เรียกว่าหอไข่มุก เนื่องจากด้านบนหอสร้างเป็นรูปไข่มุก 3 เม็ด 3 ขนาดลดหลั่นกันไปกันในแนวตั้ง โดยไข่มุกเม็ดที่ 1 ที่แสดงถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของนครเซี่ยงไฮ้ เม็ดที่ 2 เป็นส่วนที่ใช้เป็นสถานีรับส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ของเซี่ยงไฮ้ และเม็ดที่ 3 เป็นส่วนของร้านอาหารและโรงแรม สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำหวงผู่ ซึ่งในเวลากลางคืนจะมีการเปิดไฟประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของนครเซี่ยงไฮ้อีกด้วย ค
ในขณะที่ผู้คนมากมายซึ่งเดินทางมาร่วมพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ต่างพากันทำหน้าเลิกลั่กกันทุกคนเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นของอีกฝ่าย ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าวในพิธีมงคลวันนี้“เหตุใดท่านแม่ทัพจึงพูดเช่นนั้น ก็ท่านนั้นแหละคือเจ้าบ่าวและนี่คือเจ้าสาวของท่าน ฮ่องเต้ประทานสมรสพระราชทานให้หลงลืมไปแล้วหรือไร อย่ามัวแต่ยืนตะลึงในความงามของเจ้าสาวอยู่เลยรีบนำเข้าไปทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเร็วเข้าเดี๋ยวจะเลยฤกษ์ยามอันเป็นมงคล”เสียงที่ตอบกลับมาราวกับว่าล่วงรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดีในขณะที่คนฟังถึงกับงงเป็นตาแตกครั้นได้ยินเช่นนั้น“เฮ้ย! จะบ้าเหรอนี่ฉันเป็นผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชายจะมาเป็นเจ้าบ่าวได้อย่างไงกัน! ไม่เอา!”มี่อิงโวยวายขึ้นมาทันทีพร้อมหันหลังกลับจะเดินเข้าไปภายในจวน “เดี๋ยวก่อน!”เสียงเรียกดังกระหึ่มรั้งร่างไว้ให้รอดังอยู่ทางด้านหลัง และเสียงนั้นทำให้มี่อิงต้องหันหลังกลับมามองทันใดครั้นได้ยินเสียงของบุรุษ ร่างสูงใหญ่มหึมาในชุดเจ้าสาวเดินตรงเข้าไปหามี่อิง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าความสูงโดดเด่นช่างแตกต่างกันอย่างลิบลับเมื่อแม่สาวน้อยมีความสูงอยู่แค่หน้าอกของเจ้าสาวร่างยักษ์เท่านั้น พร้อมร่างตรงหน
2 สัปดาห์ผ่านไปมณฑลส่านซี ณ.เมืองซีอานซีอาน เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน และเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของโลกเมืองหนึ่ง มีความหมายว่า ความสงบสุขทางตะวันตก เป็นเมืองหลวงของมณฑลส่านซี ในประเทศจีน และเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์จีน ในอดีตซีอานได้เป็นเมืองหลวงของ 13 ราชวงศ์รวมทั้ง โจว ชิน ฮั่น และ ถัง ซีอานยังเป็นเมืองปลายทางของเส้นทางสายไหม ซีอานมีประวัติอันยาวนานมากกว่า 3,100 ปี โดยชื่อเดิมว่า ฉางอาน ซึ่งมีความหมายว่า "ความสงบสุขชั่วนิรันดร์" ซีอานเป็นเป็นเมืองที่เจริญและใหญ่ที่สุดในส่วนตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน และเป็น 1 ใน 10 เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนภายในโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวงซีอาน ใกล้สนามบินนานาชาติซีอาน-เสียนหยาง ร่างของมี่อิงนอนหงายเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนของโรงแรม อากาศในเดือนสิงหาคมของเมืองซีอาน เป็นช่วงฤดูร้อนที่มีระยะเวลา 3.7 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ถึงวันที่ 9 กันยายน และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 26°C วันที่ที่มีอากาศร้อนที่สุดของปีคือเดือนกรกฎาคม โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยเท
ชายหนุ่มหยุดนิ่งไม่ขยับร่างกายที่เขาเพิ่งจะฝ่าผ่านคับแคบมาได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ริมฝีปากหนาจูบลงไปที่ขมับอีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยนก่อนจะไล้จูบไปตามแก้มนวลเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาวออกไป เมื่อดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสของเขาไปแล้ว สองมือแกร่งก็จับเรียวขาที่ข้างหนึ่งพาดบ่าอีกข้างเกี่ยวไว้ที่เอวสอบออกก่อนจะแยกให้อ้าออกกว้างยิ่งกว่าเดิม แล้วกดสะโพกหนาโถมกายบุกทะลวงผ่านม่านพรหมจรรย์ที่คับแน่นเข้าไปจนสุดเพียงชั่วอึดใจอ๊ะ!...กรี๊ด! หญิงสาวกรีดร้องออกมาเสียงดัง สองมือเรียวกำหมัดทุบลงที่ไหล่แกร่งเป็นพัลวันเพื่อระบายความเจ็บที่เกิดขึ้น หยาดน้ำตาเม็ดโตไหลรินออกมาทางหางตา ชายหนุ่มกอดรัดร่างงามเอาไว้แน่นจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เขารู้ว่าหญิงสาวเจ็บและตัวเขาเองก็ปวดหนึบไม่แพ้กันเมื่อช่องทางคับแคบของหญิงสาวบีบรัดแกนกายเขาเอาไว้จนแทบหายใจไม่ออกเช่นกัน สองร่างหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้นไปพักใหญ่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มขยับสะโพกค่อยๆ กระแซะๆ เข้าออกอย่างช้าๆ สัมผัสเนิบนาบเป็นไปอย่างช้าๆ และทะนุถนอมจนหญิงสาวเริ่มผ่อนคลายและโอนอ่อนผ่อนตามชายหนุ่มอย่างว่าง่าย เพียงไม่นานจังหวะ
“ใครโทรเข้ามาในห้อง! คนกำลังจะนอนขัดอยู่ได้”มี่อิงบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์จ้าวมี่อิงค่อยๆ หมุนตัวจากปลายเตียงคืบคลานไปทางหัวเตียงอย่างช้าๆ ด้วยเพราะเธอขึ้นชื่อในการนอนดิ้นชนิดที่ว่าตอนเข้านอนกับตอนตื่นนอนคนละเรื่องเลยทีเดียว มือเรียวสวยไขว้คว้าหาเครื่องรับโทรศัพท์ก่อนจะยกขึ้นจ่อเข้าที่ใบหู“ฮานโหลลลล”เสียงยานคางตอบปลายสายกลับไปพร้อมส่งเสียงหาวนอนตามติดมา“เสี่ยวอิงยังนอนอยู่อีกเหรอ ฉันโทรเข้ามือถือแต่เธอดันปิดเครื่องก็เลยกดโทรเข้าห้อง”เสียงปลายสายถามกลับมา“อือ...ยางนอนอยู่...มีอาราย”เธอยังตอบเสียงยานคางกลับไปด้วยยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ในขณะนั้น“อ่อ...ไม่มีอะไรหรอก วันนี้เป็นเทศกาลชีซีพี่ตงชวนฉันไปทานข้าวและบอกให้ชวนเธอไปด้วยกันนะจะได้มีเพื่อน ฉันก็ว่าดีนะได้มีเธอไปเป็นเพื่อนด้วยกัน ไปตามลำพังจะได้ไม่น่าเกลียด อีกอย่างพวกเราได้พักผ่อนตั้งสองวันมีเวลาว่างถือโอกาสไปเที่ยวซีอานด้วย”เสียงของเพื่อนร่วมงานอีกฝ่ายส่งเสียงปลายสายกลับมาและนั่นทำให้มี่อิงยกมือเกาศีรษะของเธอที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วยิ่งยุ่งเข้าไปอีก“เธอจะเอาฉันไปเป็นไม้กันหมาทำไม ไม่ดีเหรอที่พี่ตงรูปหล่อขวัญใจของเธอชวนไปกินข้าว
เทศกาลชีซีเทศกาล "ชีซี" ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ซึ่งจะตรงกับเดือนสิงหาคม ตามปฏิทินสากลในแต่ละปีวันจัดงานเทศกาลดังกล่าวจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าขึ้น 7 ค่ำตรงกับวันที่เท่าไรในเดือนสิงหาคมของแต่ละปีนั่นเอง ตามตำนานของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า ถือเป็น "วันวาเลนไทน์จีน" ยังมีชื่อเรียกอื่นเช่น "ชีเฉี่ยวเจี๋ย" เทศกาลขอให้ประสิทธิประสาทความประณีตละเอียดอ่อน "เซ่าหนี่ว์เจี๋ย" เทศกาลเด็กสาว หรือ "หนี่ว์เอ๋อร์เจี๋ย" หรือเทศกาลหญิงสาวพอถึงวันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน บรรดาหญิงสาวก็จะเตรียมด้ายหลายๆ สีและเข็ม 7 เล่ม หากใครสามารถร้อยด้ายเข้ารูเข็มทั้ง 7 เล่มได้ ก็จะเป็นผู้มีฝีมือในด้านการเย็บปักถักร้อยเหมือนสาวทอผ้าในนิทาน และจะมีการอวยพรให้มีความสุขร่างระหงของจ้าวมี่อิงเดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยๆ แถวหุยหมินเจีย ซึ่งเป็นถนนคนเดินดั้งเดิมของชาวจีนมุสลิม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซีอาน สองข้างทางบนถนนมีร้านรวงขายของทั้งอาหารพื้นเมืองอย่างของแห้งและขนมมากมาย มี่อิงทานอาหารเช้า กลางวันและเย็นรวดเดียวเสร็จสรรพในมื้อเดียว ภายในมือของหญิงสาวถือถ้วยไอศกรีมเดินตักกินไปด้วยตามท้องถนนที่ถูกประ
มี่อิงหยุดชะงักพลางหันกลับมามองด้านหลังของเธอและพบว่า มีหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบปลายๆ ยืนส่งยิ้มให้“พี่สาวเรียกหนูเหรอคะ”มี่อิงถามพร้อมยกนิ้วชี้หันเข้าหาตัวร่างอวบอิ่มเดินออกจากร้านดังกล่าวตรงเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว“เรียกน้องสาวนั่นแหละคะจะเรียกใครซะอีก”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปท่ามกลางความแปลกใจของอีกฝ่าย“มีอะไรหรือเปล่าคะถึงเรียก”มี่อิงถามกลับไปด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา“พี่สาวเห็นมายืนอยู่หน้าร้านก็เลยคิดว่าคงต้องการอยากได้ชุดโบราณเพื่อสวมเข้าไปชมงานเทศกาลชีซี แต่ก็แปลกใจที่ไม่เห็นเข้ามาภายในร้านจู่ๆ ก็เดินออกไปก็เลยรีบออกมาเรียกนะจ๊ะ”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปและนั่นทำให้คนงามพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น“อ่อ...อย่างนี้เองถึงได้ออกมาเรียก หนูอยากมาเดินชมเทศกาลชีซีจริงคะเพราะยังไม่เคยมาเที่ยวงานนี้สักครั้งเลย และไม่รู้ว่าธีมปีนี้ต้องแต่งชุดโบราณเข้าชมงาน บริเวณหน้างานมีบริการให้เช่าชุดก็จริงแต่คิวยาวมาก เห็นร้านพี่สาวไม่มีคนหนูก็เลยเดินเข้ามา แต่พออ่านเงื่อนไขก็เลยคิดว่ากลับไปนอนต่อดีกว่า”มี่อิงตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม ตามนิสัยที่เป็นค
“นี่พวกเจ้าสองคนคิดว่าข้าจะหลงเชื่อแผนการตื้นๆ ที่แสร้งทำขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ! บอกเลยนะว่าพวกข้าล้วนเป็นคนฉลาดไม่มีทางหลงกลผู้ใดง่ายๆ หรอกนะ เถียงกันมากนักจับพวกมันกรอกยาสะจะได้เลิกบ้าเสียที!”เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนก้องแทรกขึ้นมา ร่างของลูกสมุนของเจ้าอ้วนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต่างพากันเดินออกมาข้างหน้าพร้อมถาดไม้ซึ่งมีชามสองใบ มีกลิ่นของตัวยาโชยออกมาลอยฟุ้งเป็นควันขาว จนจางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงได้กลิ่นยาดังกล่าวอย่างชัดเจน “นี่มันกลิ่นจี้หยี่หวัน ยาลบเลือนความทรงจำ”จางเย่วฉินรำพึงอยู่ภายในใจ ด้วยเพราะในสงครามจะใช้ตัวยาดังกล่าวนำมาลบเลือนความจำของศัตรูอีกฝ่าย เมื่อสามารถสอบเค้นความจริงออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะใช้ยาตัวดังกล่าวให้อีกฝ่ายดื่มเพื่อทำลายความทรงจำซึ่งเป็นตัวตนดั้งเดิมทั้งหมดเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายของตัวเอง ก่อนจะปล่อยตัวกลับไปเพื่อหาข่าวและรายงานให้กับต้าถัง “จัดการให้นางผู้หญิงกินยาก่อนแล้วค่อยไปจัดการผู้ชาย นางคนนี้พิษสงของมันไม่มีสมคำร่ำลือหรอก คนของพรรคมารโลหิตมันมีดีก็แค่เปลือกนอกที่แลดูน่ายำเกรงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วไม่ม
บ้านพ่อค้าทาสบริเวณรอบนอกของเมืองลั่วหยาง เป็นหมู่บ้านชนบทตั้งอยู่ประปรายกระจัดกระจายไปตามพื้นที่ก่อนจะเข้าเขตเมืองที่เคยถูกสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงมาแล้วหลายราชวงศ์ในยุคก่อนหน้านั้น และหนึ่งในจำนวนหมู่บ้านที่อยู่รอบนอกของเมืองลั่วหยางเป็นสถานที่พำนัก ของกลุ่มพ่อค้าทาสซึ่งมีอาชีพจับชาวบ้านทั่วไปนำไปขายที่ตลาดค้าทาสในเมืองฉางอานโดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่เต็มใจขายตัวเองแต่อย่างใด พวกมันไม่ใช้เงินซื้อตัว แต่กลับใช้กำลังของชายฉกรรจ์ที่มีมากกว่าจับคนทั่วไปที่มีชีวิตอิสระนำมากักขังจนไร้สิ้นอิสรภาพ จากคนธรรมดาทั่วไปต้องกลายเป็นทาสของผู้อื่นด้วยความจำยอม พวกพ่อค้าทาสโดยการนำของหยวนซือเปา ชายร่างยักษ์ที่มีความอ้วนและร่างสูงใหญ่เป็นเอกลักษณ์ กรอบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายาวรกรุงรังไร้สิ้นการตัดแต่งแต่อย่างใด เอกลักษณ์ของคนผู้นี้คือเคราที่ยาวเฟื้อยจะถักเปียแยกออกเป็นสามสาย มีเสียงใหญ่และโวยวายชอบใช้น้ำเสียงของตนข่มขวัญผู้อื่นให้กลัวเกรง แต่ในความเป็นจริงแล้วโดยเนื้อแท้หยวนซือเปาเต็มไปด้วยความขลาดและโง่เขลา ภายในบ้านพ่อค้าทาสมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง ใหญ่โตกว
ดวงตาปูดโปนจ้องเขม็งไปที่ร่างของหญิงสาวชาวบ้านทั้งสามนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยวด มือใหญ่กำแส้ที่อยู่ในมือยกขึ้นชี้หน้าทันที “บังอาจมากนักนะ! ที่หนีจากการปกครองของข้าไป! เป็นทาสของข้าหาญกล้าหลบหนีเช่นนี้เห็นทีจะเลี้ยงต่อไปไม่ได้เสียแล้ว”เจ้าคนร่างยักษ์พูดโกหกหน้าตาเฉยในขณะที่หญิงชาวบ้านต่างพากันกลัวจนลนลานครั้นได้ยินเช่นนั้น “โกหก!”เสียงของสตรีดังแทรกขึ้นมาทันที ทุกสายตาหันกลับไปยังทิศทางของเสียงเป็นตาเดียวกัน และพบว่าร่างของสตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์ดำสลับแดงกำลังกระโดดข้ามหน้าแดงมาอย่างคล่องแคล่ว หลังจากซ่อนตัวอยู่ในถังไม้แต่แล้วก็ทนไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายหน้าด้านกลุ่มนั้นที่พยายามทำให้ทุกคนเชื่อว่า หญิงชาวบ้านทั้งสามเป็นทาสของตนที่หนีมา “โอโห่!”เสียงเอ็ดอึงดังขึ้นครั้นเห็นความงามของสตรีสาวชุดดำ แต่แล้วผู้คนภายในโรงเตี๊ยมกลับต้องเงียบงันเมื่อหลายอย่างเป็นตัวสตรีสาวตรงหน้าบ่งบอกว่าเป็นคนมาจากพรรคมารโลหิต โดยเฉพาะปานแดงรูปเปลวไฟตรงกลางหน้าผาก แต่ละคนพร้อมใจก้าวเดินถอยหลังไปยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเข้าให
โรงเตี๊ยมมือบุรุษทั้งใหญ่และหนาหากแต่มีนิ้วเรียวยาวสวย ทว่ากลับผ่านการทำศึกสงครามมาแล้วอย่างโชกโชน กำลังเอื้อมหยิบจับถ้วยชาตรงหน้าที่มีไอควันขาวลอยขึ้นสูง ก่อนจะยกขึ้นจิบทีละน้อยเพื่อบรรเทาความหนาวเย็น ผู้บัญชาการทหารแห่งต้าถังจางเย่วฉิน กำลังนั่งอยู่ภายในโรงเตี๊ยมซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเทือกเขาไถ่ซานไม่ถึง 100 ลี้ หากมองจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะเห็นเทือกเขาไถ่ซานสูงเสียดฟ้าอยู่ตรงหน้าไม่ไกลเท่าใดนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าควบม้าเร็วจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน หากเดินเท้าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน อีกทั้งบริเวณแถบนี้หิมะยังไม่ตกลงมามีเพียงความเย็นยะเยือกเท่านั้นที่แผ่ปกคลุมจนจับขั้วหัวใจ ภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวมีคนเข้าพักประปราย ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าเดินทางจากเมืองลั่วหยางไปนครฉางอาน เทือกเขาไถ่ซานอยู่นอกเมืองลั่วหยาง เป็นเส้นทางลัดที่จะผ่านไปเมืองหลวงฉางอาน จึงทำให้โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่เคยขาดไร้ผู้เข้าพักแรมค้างคืนแต่อย่างใด ทุกคนที่จะเดินทางไปฉางอานจะต้องแวะพักที่นี่กันแทบทั้งสิ้น และผู้คนจากนครอันมั่งคั่งจะเข้าเมืองลั่วหยางก็จะพากันแวะพักที่นี่เช่นเดียวกัน “อาหารที
ในขณะที่แส้ถูกเหวี่ยงตรงเข้าตวัดร่างของจ้าวมี่อิง แม่ทัพแห่งต้าถังซึ่งยืนสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้านหลังของจ้าวมี่อิงตลอดเวลา รีบเร้นกายกระโดดข้ามศีรษะของหญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างของตนเองตรงเข้าตวัดปลายแส้ก่อนจะถึงร่างมี่อิงเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด “นางมารน้อยหลบไป!!!”จางเย่วฉินตะโกนบอกมี่อิงเสียงดังก้อง จ้าวมี่อิงซึ่งยืนขาแข็งทำอะไรไม่ถูกอยู่ในขณะนั้น ได้ยินผู้ชายร่างใหญ่ที่กระโดดเข้ามาขวางตรงหน้าและจับสายแส้ที่กำลังจะตวัดร่างของเธอเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ครั้นได้ยินเสียงสั่งดังก้องออกมาเช่นนั้น หญิงสาวไม่รอช้ารีบหลบตามคำสั่งอย่างว่องไว “OK! OK! รีบหลบเดี๋ยวนี้เลย! วิ่งก่อนแล้วเว้ย!!!!”จ้าวมี่อิงพูดพร้อมรีบวิ่งหนีให้ตัวเองพ้นไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเจ้าอ้วนร่างยักษ์ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตกำลังจับจ้องมี่อิงตาไม่กระพริบ เมื่อมีคนออกหน้ากระโดดรับสายแส้แทนเหยื่อของมัน “แส้สามสายจัดการ!!!”เจ้าอ้วนตะโกนสั่งลูกสมุนของมันดังก้อง ทันทีที่เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนสั่งเช่นนั้น ลูกสมุนที่เหลือตวัดแส้ที่อยู่ในมือของทุกคนพุ่งตรงเข้าไปที่ร่างมี
“นึกเอาไว้แล้วว่าทำไมจึงมีรอยแปลกๆ ที่แท้ก็มีโพรงนี่เอง ลำต้นใหญ่ขนาดนี้ท่าทางข้างในคงจะมีพื้นที่พอจะเข้าไปหลบได้สามสี่คนเลยทีเดียว”เสียงของพ่อค้าทาสเอ่ยพร้อมล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบท่อนไม้ไผ่เล็กๆ เปิดจุกออกเป่าลมลงไปเพียงไม่กี่ครั้งเกิดประกายไฟขึ้นมาทันใด “หัวหน้าท่านระวังด้วยนะภายในโพรงมีอะไรบ้างก็ไม่รู้”เสียงลูกน้องร้องเตือนตามหลัง “ข้ารู้แล้วนะไม่งั้นจะเป็นเจ้านายพวกเจ้าได้อย่างไงในเมื่อข้าเฉลียวฉลาดกว่าอยู่แล้ว”พ่อค้าทาสตะโกนตอบกลับไป ก่อนจะมุดศีรษะเข้าไปในโพรงไม้ตรงหน้า ฟู้วววว!!! ทันทีที่ยื่นหน้าเข้าไปในโพรงมีบางอย่างพวยพุ่งเข้าใส่เต็มแรง อ๊าคคคค!!! เสียงโหยหวนดังกึกก้องด้วยบริเวณใบหน้าและดวงตาถูกสเปรย์พริกไทยของมี่อิงฉีดเข้าให้อย่างจัง เกิดอาการแสบร้อนไปทั่วผิวหน้า โดยเฉพาะดวงตา ร่างของพ่อค้าทาสนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น “ข้าถูกงูพ่นพิษ! ช่วยข้าด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงพ่อค้าทาสร้องคร่ำครวญให้ช่วยจนเสียงหลง ท่ามกลางอาการตื่นตระหนกของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ในขณะนั้น “ไอ้พวกโง่ไม่ได้ยินหรืออย่างไง! มาพยุงข้าออก
ยุคอดีต หยุนไถ่ซานในอดีตคือป่าดงดิบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงอายุนับพันปีสามารถพบเห็นได้ไม่ยาก สายลมพาดผ่านมาพร้อมกับความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกจับไปจนถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว ด้วยเพราะเวลานี้คือฤดูหนาวเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย จนใบไม้และยอดหญ้าเริ่มปกคลุมเต็มไปด้วยสีขาวโพลนทั่วบริเวณ ในขณะเดียวกันร่างระหงของจ้าวมี่อิงค่อยๆ ปรากฏอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งยืนต้นมานานหลายร้อยปีจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ถังและยังคงยืนสูงตระหง่านท่ามกลางกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปจวบจนถึงปัจจุบันมีอายุพันกว่าปีเลยทีเดียว ร่างระหงยังคงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องอยู่เช่นนั้น กล่องกระดาษที่มีข้าวของสำคัญต่างๆ ก็ปรากฏติดตามมาด้วยเช่นกัน เกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายหนักขึ้นอากาศเย็นยะเยือกเข้าไปทุกขณะ เปลือกตาที่ปิดสนิทเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะเกาะพราวตามขนตาและเริ่มกะพริบขึ้นลง พร้อมร่างแน่งน้อยเริ่มขดตัวงอเข้าหากันด้วยความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู ในขณะที่เธอสวมชุดโบราณในบทบาทนางมารเพื่อถ่ายทำซีรีสสั้นๆ เพียงแค่ห้าชั้นเท่านั้น จะสามารถป้องกันอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ได้อย่างไรกันเชียว “อือ! อือ! ทำไมหนาวจัง..หนา
หยุนไถ่ซานร่างแน่งน้อยนอนขดตัวอยู่ภายในโพรงต้นไม้ยักษ์ ไออุ่นจากกองไฟที่นำท่อนไม้ขนาดเท่าลำแขนมากมายกองสุมจุดเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดความอบอุ่นแผ่ไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนจวบจนกระทั่งรุ่งเช้า ฟ้าที่มืดครึ้มอยู่ตลอดเวลาเริ่มมีแสงแดดอ่อนๆรำไรสาดแสงไปทั่วทิวเขาอยู่ในขณะนั้น บริเวณพื้นเต็มไปด้วยของว่างและขนมขบเคี้ยวที่มี่อิงกินประทังชีวิตของเธอตลอดคืนที่ผ่านมา ของกินหมดไปแล้วเหลือเพียงน้ำเปล่าเพียงสองขวดเท่านั้นซึ่งเธอต้องประหยัดกินค่อยๆ จิบ ในขณะที่ร่างระหงของหญิงสาวใช้ห่อผ้าหนุนศีรษะ นอนหลับใหลหลังจากต้องต่อสู้กับความหนาวเหน็บมาตลอดทั้งคืนภายในโพรงของต้นไม้ยักษ์เพียงลำพัง เปลือกตาเริ่มกลอกกลิ้งไปมาด้วยสาวเจ้ากำลังรู้สึกตัว ขนตางอนยาวกำลังกระเพื่อมขึ้นลง ด้วยรู้สึกว่ามีแสงลอดผ่านมาจากทางด้านบนแยงตาเธอจนทำให้รู้สึกตัว พรึ่บ!! เปลือกตาเปิดขึ้นทันใดพร้อมดวงตาสีชากลอกกลิ้งไปมา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าครั้นเห็นแสงแดดรำไรส่องลงมาจากลำต้นของต้นไม้ยักษ์ “ฉันกลับมาแล้ว!”มี่อิงเอ่ยด้วยความดีใจอย่างที่สุด หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมคลาน
“หยุนไถซานมีแบบนั้นด้วยเหรอคะพี่ ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ข่าวมั่วหรือเปล่า”มี่อิงถามกลับไปด้วยไม่เชื่อในสิ่งที่กำลังได้ยิน “มั่วหรือเปล่าไม่รู้แต่มีคนหายไปหลายคนแล้วนะสิ จะเกี่ยวข้องที่ได้ยินมาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่เรื่องเกิดมานานแล้วตั้งห้าสิบปีก่อน ตอนนี้คงไม่มีแล้วกระมังถ้ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น หยุนไถซานไม่สามารถเปิดเป็นอุทยานได้หรอกจริงไหมละ แต่ถึงอย่างไงระวังตัวเอาไว้ก็เป็นการดีนะ”ทีมงานพูดกำชับพลางส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปที่กองถ่ายทำ ท่ามกลางสายตาของมี่อิงมองตามหลัง “หยุนไถซานนี่นะเหรอมีพื้นที่คล้ายสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า! ไม่ใช่มั้งจะเป็นไปได้อย่างไงเรื่องไร้สาระทั้งเพ”หญิงสาวพูดพลางส่ายหน้าก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นห่อผ้าของคุณหนูตระกูลเฉียนมอบให้เธอเมื่อคืนก่อนในเทศกาลชีซีที่พลัดหลงเข้าไปในห้วงอดีตด้วยความบังเอิญ “จริงสิฉันจะพูดว่าเป็นเรื่องไร้สาระได้อย่างไงในเมื่อเมื่อคืนก่อนก็เพิ่งจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ตอนนี้ก็กลับมาแล้วมันคงไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับเราอีกเป็นครั้งที่สองได้หรอก”มี่อิงพูดพึมพำพลางเหลือบสายตาไปทางห่อผ้าที่ทำมาจากผ้าแพรชั้นดีของสห