ปี้นนนน!!
ตุบ!
"........"
เอี๊ยดดดดด!
รถเก๋งคันหรูหักพวงมาลัยกะทันหัน ก่อนจะเบรคลากล้อก็ตอนที่เลยไปไกลแล้ว
ขิมนั่งจุกอยู่ข้างฟุตบาท มือข้างหนึ่งของเธอกุมท้องไว้ หน้ายับยู่ยี่เพราะความเจ็บปวดท่ามกลางผู้คนที่เริ่มจะหันมามอง
" หนูเป็นอะไรรึเปล่า "
เพียงรถเฉี่ยวเท่านั้น ทว่า ทำไมเจ็บจัง.. รึอาจจะเป็นเพราะว่าก้นจ้ำเบ้าเอาเต็มแรง เลยทำเธอให้ข้อศอกไปกระแทกถนน
" ไม่เท่าไหร่ค่ะ "
ยกแผลขึ้นมาดูก่อนจะซู้ดลมเข้าปาก เงยหน้าขึ้นไปมองรถคันต้นเหตุ พลางยันตัวเองลุกขึ้น
" นั่นไงเขามาแล้ว " ในขณะป้าคนเดิมชี้ไปทางนั้น " คงมาดูอาการ ไปหาหมอซะนะลูก "
ก่อนป้าแกจะเดินจากไป ปล่อยให้ขิมยืนงงอยู่คนเดียว จนกระทั่งคู่กรณีเดินมาถึง
" เป็นอะไรรึเปล่าครับ "
เสียงทุ่มนั้นดูมีเสน่ห์จนน่าแปลก บวกกับโคโลญจน์อ่อนๆ ที่โชยออกมาจากเสื้อของเขาให้ขิมได้กลิ่นเบาๆนั้น ...เชื่อไหมขิมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาเลย... ไม่ใช่เพราะความเขินหรอกนะ ตรงนี้เธอรู้ดี .. ถ้าให้หาเหตุผล เธอว่า..มันคงจะเป็นเพราะเขาสมาร์ทเกินไปมากกว่า
" ว่าไง เป็นอะไรเหรอเปล่า ผมต้องรีบไปประชุม"
" เอ่อ.."
ทว่า..ประโยคคำถามใหม่นี้ทำเธอเลี่ยงที่จะเงยหน้าขึ้นไม่ได้
" เจ็บค่ะ " เธอบอก ก่อนจะชะงักไป เมื่อประสบกับดวงตาคู่นี้ และทำเธอเปลี่ยนใจทันที " แต่นิดหน่อย ไม่เป็นไร" เพราะดูท่าเขาจะรีบจริงๆอย่างที่เขาว่า อีกอย่างเขาก้มลงมองนาฬิกาตลอด ทว่า เหมือนเขาจะใส่ใจเธอไม่ต่างกัน
" ไม่เป็นไรได้ไง ถลอกซะขนาดนั้น" ยื่นมือเข้ามาจับต้นแขนเธอ เล่นเอาขิมถึงกับสะดุ้ง " ถ้าไว้ใจกัน ก็ขึ้นรถ.."
" คะ?"
"ไปที่ทำงานกับผม เดี๋ยวจะให้ลูกน้องทำแผลให้ "
" เอ่อ.."
แล้วทำไมไม่เป็นที่โรงพยาบาล ทำไมต้องเป็นที่ทำงานละคะ ขิมอยากจะถาม.. แต่ว่า..
" เร็วๆสิครับ "
" ค่ะๆ ก็ได้ค่ะ "
ก็..ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน ที่อยู่ๆ ทำให้ขิม ไม่กล้าแข็งข้อใส่เขาแบบนี้ หรือ. อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ผิด เธอทะเล่อทะล่าเดินไม่มองรถเขาเองก็ได้มั้ง
..อืม เหตุผลเข้าท่า...
หลังจากขึ้นรถมาได้สักห้านาที ขิมรู้สึกถึงบรรยากาศอันกดดัน อึดอัด และ กลืนน้ำลายฝืดคอขึ้นมาทันที ซึ่งมันสามารถสั่งให้เธอบีบมือเข้าหากันจนเจ็บได้
ความเย็นชาของเขาที่แผ่ออกมาจากข้างใน ช่างทำให้เขาเป็นคนขับรถที่ไม่มีอัธยาศัยเอาซะเลย ถ้ารู้อย่างนี้แต่ทีแรกล่ะก็เธอจะไม่ปีนรถขึ้นมาเป็นแน่..เธอคิด ผู้ชายอะไร สามารถนั่งเงียบได้ตลอดทาง เป็นคนที่สมาธิดีสุดๆ คือ..ทำหน้าที่ขับรถยังไงก็ทำอยู่อย่างนั้น สายตาทอดมองแต่ท้องถนน คงลืมไปแล้วแหละว่าพาคนแปลกหน้าอย่างเธอมาด้วย
จนกระทั่ง...ถึง..
" เอิ่ม.."
ลงรถแบบทะมัดทะแมง และ...
" เดี๋ยวพาผู้หญิงคนนั้นไปทำแผลด้วยนะ "
สั่งลูกน้องมาประคองเธอ โดยตนเองนั้นเดินเข้าไปในตึกก่อนแล้ว แม่เจ้า...
"เชิญครับคุณผู้หญิง "
และปล่อยให้เธอยืนอยู่ลำพัง
" ค่ะ.."
ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองออกมาจากรถ แล้วเดินตะแผลกๆเข้าไปข้างใน
ก็ยังงงใจ..ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล
" ทางนี้ค่ะ "
สักพักก็มีนางพยาบาล เอ้ย! ไม่ใช่สิ . พนักงาน เดินมาพยุงต่อ พาเธอไปยังห้องใดห้องหนึ่ง
" เจ็บมากไหมคะ "
นั่งลงตรงโซฟาขาวหรูนั่น ก่อนเงยหน้าขึ้นไปตอบพนักงาน
" ตอนนี้ไม่เท่าไหร่แล้วค่ะ แค่แสบๆ "
" ใช่ค่ะ แผลสด แผลถลอก มันจะแสบหน่อย เดี๋ยวล้างเศษดินก่อนนะคะ ทายาทีหลัง "
เธอบอก พลางเดินไปหยิบกล่องยามานั่งลงตรงข้าม เปิดหยิบสิ่งที่ต้องการจะใช้ออกมาอย่างทะมักทะแมง
" ดูคุณเก่งจังค่ะ แต่ไม่ใช่พยาบาล "
ขิมถามด้วยความสงสัย ในขณะเจ้าตัวหัวเราะ
" ฮ่าๆ ต้องเก่งค่ะ ถึงจะเป็นพนักงานที่นี่ได้ "
" ทำไมเหรอคะ เจ้านายเคี่ยวมากเลยเหรอ "
" ป่าวหรอกจ้า คุณเคลน่ะเธอใจดี "
" คุณเคล.."
" คนเมื่อสักครู่นี้ไงคะ ที่พาคุณมา "
" อะ..อ่อ..."
เธอบอกยิ้มๆ ก่อนจะตัดบทมาใส่ใจการทำแผล
" เจ็บหน่อยนะคะ "
" อูย.."
" ^^ สักพักก็จะหายละค่ะ "
" ..."
ขณะพนักงานทำแผลปลอบเธอไปด้วยทายาให้เธอไปด้วย ต่างกับขิมที่ตอนนี้ปั้นหน้ายับยู่ยี่ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายจะหายสงสัย
" โอเค เรียบร้อยแล้วค่ะ "
" ขอบคุณนะคะ "
" ยินดีค่ะ "
" ว่าแต่ บริษัท เอ่อ.. C-Man นี่ เกี่ยวกับอะไรเหรอคะ "
และเธอถามจนได้
" อ่อ.. เวดดิ้งน่ะค่ะ รับจัดงานแต่งงาน งานต่างๆ ประมาณนี้ล่ะค่ะ "
" อ่า...ค่ะ.."
ได้รับคำตอบแบบนั้น ขิมถึงกับยิ้มแหย่ๆออกมาทันที
...คงต้องรวยมากสินะ ถึงสามารถทำธุรกิจเงินเย็นแบบนี้ได้...
" โอเคค่ะ คุณพักเถอะนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน"
" อ้อ เดี๋ยวก่อนค่ะ "
" คะ?"
"แล้ว..ถ้าจะกลับไปยังสุขุมวิทนี้ ต้องต่อรถสายไหนอะคะ ป้ายรถเมล์อยู่ไหนเหรอ "
ขิมถามอีกครั้ง ทว่า คนลุกไปอย่างพนักงานทำแผลหันมายิ้มกว้างให้พร้อมส่ายหน้า
" ไม่บอกค่ะ เพราะคุณเคลสั่งให้คุณรอเค้า "
"อ่าว.."
" เขาฝากให้ดิฉันดูแลคุณ จนกว่าเขาจะเลิกประชุมเสร็จ ตามสบายนะคะ ^^ "
พูดจบทำท่าจะหมุนตัวเดิน แต่เหมือนจะยังพูดไม่จบ
" อ้อ .. ไม่ต้องกลัวใครจะมารบกวนนะคะ ที่นี่เป็นห้องลำลองค่ะ เวลางานยุ่งไม่กลับบ้าน คุณเขาก็จะพักที่นี่"
" ห่ะ! อย่างนี้ก็ได้ด้วยเหรอคะ.."
สองชั่วโมงผ่านไป
นานถึงขนาดคนรออย่างขิมเผลอหลับ กว่าคนขับรถคนนั้นจะย้อนกลับมา อาจจะเพราะแอร์เย็นฉ่ำ หรือ เพราะเธอเจ็บบวกกับการตื่นเช้ารึเปล่าไม่รู้ ที่ทำให้คนไว้ใจใครยากอย่างขิมหลับง่ายขนาดนี้
ถือวิสาสะนอนราบบนโซฟา ไม่ตั้งการ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับตัวเองเลย ปล่อยให้ใครคนนึงยืนมองอยู่ได้ ในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกงทำหน้างง
" หลับเฉยเลย.."
คลึงลิ้นเล่นในปากไปมาเสมือนคิด ก่อนจะตัดสินใจถอดสูทนอกของตัวเอง
" ไหนก็ไหนๆละ เอ้า.."
ยกให้คนนอนหลับได้ห่มซะนี่ ก่อนตัวเองจะปลีกตัวออกจากตรงนั้น มานั่งเล่นโทรศัพท์ เพราะไม่กล้าปลุกให้เธอตื่น อันที่จริงเขาต้องการให้ขิมอยู่รอก็เพียงจะบอกขอโทษ และเลี้ยงอาหารเธอสักมื้อ เพื่อเป็นการปลอบขวัญที่ทำเธอเจ็บตัว ไม่ได้คิดว่าจะทำให้เธอรอนานซะจนหลับอย่างนี้
ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาไม่กล้าที่จะปลุก ก็คงต้องนั่งรออยู่แบบนี้ล่ะ รอจนกว่าเธอจะตื่นเอง
1 ชั่วโมงผ่านไป..
ร่างสวยบนโซฟาสะดุ้ง พลางซู้ดลมเข้าปาก ก็ตอนเผลอยกข้อศอกขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะมาเบิกตากว้างก็ตอนที่นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ " ตายแล้ว!!!" อุทานออกมาสุดเสียง แล้วมาเงียบกึกอีกทีก็ตอนที่มีเสียงของเคลแทรกเข้ามา
" ไม่ตายหรอกคุณ..คุณก็แค่หลับไปหนึ่งชั่วโมงเต็มเอง.."
พร้อมกับยกเท้าที่พาดอยู่บนโต๊ะลงพื้นพรม
" อ๊ะ..คุณ."
" เป็นไง หลับสบายมั้ย.."
กับคำถามนี้ ที่แทงใจขิมซะจนหน้าแดง
" เอ่อ.. คือ.. " ก้มหน้านิ่งด้วยความเขิน " หนู..ขอโทษค่ะ "
" หืม..หนู?? อายุเท่าไหร่กันเชียว "
ก่อนจะมาขมวดคิ้วเสริมอีกที ก็ตรงคำถามนี้
" สะ..สิบเก้าค่ะ "
พลางช้อนตาขึ้นมาตอบ แล้วหลบลงไปใหม่
" อะไรกัน ดูโตเป็นสาวขนาดนี้ เพิ่งสิบเก้าเองเรอะ เด็กสมัยนี้โตไวจริงๆ "
เพราะคำบ่นของเขานี้ที่ขิมฟังแล้วมันทะแม่งๆ ...ทำไมเขาพูดเหมือนเขาแก่เลยล่ะ ...
" เงยหน้า .."
" คะ?"
" เวลาคุยกับผู้ใหญ่ ต้องเงยหน้า ที่บ้านไม่สอนเหรอ .."
แต่แล้ว อยู่ๆก็มีคำนี้แหละ ที่ทุบกำแพงความเขินของเธอมลายหายไปได้
" เอ๋.. เกี่ยวอะไรกับที่บ้านหนูเหรอคะ?!"
ยอมเหลือบหน้าขึ้นมามองเคล
" ..."
ก่อนจะเค้นเสียงใส่
" อ่อ ถ้าหมายถึงมารยาท .. สอนค่ะ สอนบ่อยด้วย แต่หนูไม่จำเอง!"
" หืม..."
ซึ่งคราวนี้ ทำเอาเคลที่นั่งหน้านิ่งอยู่ในทีแรก ถึงกับขมวดคิ้วงง
ปลายจมูกที่เชิ่ดขึ้น บ่งบอกถึงความดื้อเป็นอย่างดี เคลถึงกับนั่งอมน้ำลาย พูดไม่ออก เมื่ออยู่ๆมาถูกเด็กเถียงแบบนี้ ได้แต่ขมวดคิ้วมองหน้าขิมไม่ละสายตา ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจนขิมสะดุ้งตกใจ
" อะไรคะ!"
" เอาเสื้อผมคืนมา.."
กลับมาหายใจโล่งอกก็เพราะประโยคนี้ ขิมกัดปากแน่น พลางยื่นมันไปให้
" ขอบคุณค่ะ"
เบือนหน้าไปมองทางอื่น เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
" ไปล้างหน้าล้างตาซะสิ "
ก่อนเหลือบตาใหม่อีกครั้ง ในขณะเคลพยายามกลั้นหัวเราะกับท่าทางของเธอ
" ทำไมหนูต้องทำตามที่คุณว่าด้วยล่ะคะ "
ที่ไม่วายจะตึงใส่ เคลอยากจะถาม เมื่อยไหมกับการนั่งตัวตรงซะเหมือนหุ่นขี้ผึ้งแบบนี้
" ก็ตามใจ ถ้าอยากจะเอาน้ำลายบูดติดปากไปให้ใครต่อใครเห็นตอนนี้ "
เคลยักไหล่บอก หมุนตัวกลับไปนั่งที่เดิม
" ห๊ะ!"
ได้ผล ขิมถึงกับยอมวางมือจากการนั่งตัวทื่อ มาถูปากตัวเองแทน
" จริงเหรอคะ! O.O"
เธอหันซ้ายหันขวามองหาห้องน้ำ ก่อนจะพุ่งเข้าไปหามันทันทีหลังพบ ปล่อยให้เคลนั่งส่ายหน้าขำเบาๆอยู่คนเดียว
" ฮ่ะๆๆ เด็กน้อยจริงๆ "
ดูแว้บเดียวเคลก็พอจะรู้แล้ว ขิมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เพิ่งจะเข้ามาเรียนที่นี่ และที่สำคัญเธอไร้เดียงสาซะจนน่ารังแก หลังจากหมดเรื่องตลกให้เขาขำ สายตาคมกริบก็ทอดยาวอย่างไร้จุดหมายออกไปทันที ก่อนหน้านี้ เขาเผลอก้มลงไปเห็นเศษกระดาษที่ขิมเขียนชื่อสถานที่ไว้ ทำให้เขารู้ว่าเด็กคนนี้กำลังจะหางานทำ ซึ่งเขากำลังคิด.. จะช่วยเธอยังไงดี..
10 นาทีผ่านไป..
แอด...
เสียงประตูห้องน้ำเปิด ทำเคลหลุดออกจากความคิด หันไปมอง ก็เห็นว่าสาวน้อยร่างบางกำลังเดินตะแผลกมาหา พลางเลิกคิ้ว
" หนูไปได้หรือยังคะ "
ก่อนจะยิ้มบางๆให้กับคำถามนี้ ลุกจากเก้าอี้ แล้วดึงสูทมาใส่
" ไปพร้อมผม.."
" ห๊ะ! "
" บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวไปส่ง "
" หนูยังไม่กลับบ้านหรอกค่ะ "
" ไม่กลับบ้านแล้วจะไปไหน"
" หางานทำ"
ในจังหวะจัดทรงเสื้อ เคลเกิดมาสะดุดเข้ากับคำนี้ ที่พาลทำให้เขาหัวเราะ
" สภาพแบบนี้เนี่ยนะ ใครเขาจะรับ รักษาตัวให้หายก่อนดีไหม "
" ก็เพราะคุณนั่นล่ะ "
" หืม.."
แล้วมาเลิกคิ้วต่อ
" เพราะผม? ผมทำไม.."
เดินเข้าไปหาคู่กรณี ถึงกับขิมทำตัวไม่ถูก
" กะ..ก็.. ขับรถมาเฉี่ยวหนู "
" ไม่ใช่ว่าหนูข้ามถนนตัดหน้าผมเรอะ!"
และก็ต้องปิดปากเงียบสนิทก็ตรงคำถามแทรกนี้แหละ
..หมอนี้ เวลาขมวดคิ้ว โคตรหลอนเลย...
เธอคิด ก่อนจะก้มหน้านิ่ง ทำเคลถอนหายใจยาว พลางยื่นมือมาจับ
" จะทำอะไรคะ "
" จะช่วยพยุงไง ถามได้ มีปัญญาเดินไปถึงรถไหมล่ะ"
" เอ่อ..."
"ไป...เดิน.."
" ไปไหนคะ "
ทำท่าจะถามต่อ แต่ทว่า..
" ถ้ายังไม่หยุดถาม ผมอุ้ม!"
" ฮ่ะ!"
ทำเอาขิมถึงกับอึ้ง ได้แต่ช้อนตามอง ทำอะไรไม่ถูก
ในขณะคิมเห็นว่าเธอไม่ก้าวเท้าสักที บวกกับเธอยังไม่เลิกสงสัย
" หนูก็แค่งงว่าคุณจะพา...ว้าย!!!"
เลยตัดสินใจอุ้มซะเลย ตัดความรำคาญ
" อยู่เฉยๆ "
" นี่ปล่อยหนูลงเดี๋ยวนี้นะ อายเค้า!"
" บอกให้อยู่เฉยๆไง "
ท่ามกลางพนักงานนับร้อยที่มองมาเป็นตาเดียวกัน หลังจากเคลเปิดประตูออกไป แล้วขิมส่งเสียงโวยวายพร้อมดิ้น แต่เขากลับไม่สนใจ แม้ว่าตอนนี้ พนักงานทั้งตึกจะลือว่าขิมคือแฟนของไปแล้ว หลังรอบสิบปีที่เขาไม่เคยพาใครมาเลยก็ตาม
นับตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ขิมยังไม่เคยโดนคนแปลกหน้าที่รู้จักกันไม่ถึงครึ่งวันกระเตงเธอขึ้นบ่าแบบนี้เลย ...หมอนี่คือคนแรก .. แถมยังอุ้มซะสำเร็จด้วย เพราะเธอดิ้นไม่ได้จนกระทั่งมาถึงที่หมาย ตุบ! คือรถคันเดิม ที่เธอปีนขึ้นมาเมื่อเช้า " โอ้ยเจ็บนะ " " กระแทกกับเบาะแค่ทำเป็นร้อง ถ้าร่วงหล่นพื้นเมื่อกี้จะหนาว หนักแทบตาย ดิ้นอยู่ได้ " เคลบ่นอุบ ก่อนจะปิดประตูใส่ ไม่ทันที่ขิมจะโวยคืน " แล้ว.." ปัง! " อ๊ะ " เล่นเอาร่างงามเจ้าของแผลถึงกับเงิบ มาต่ออีกทีก็ตอนที่เขาขึ้นมานั่งอีกฝั่งนึงข้ามแล้ว " แล้วใครสั่งให้คุณอุ้มเล่า!" " ไม่มี!" " ก็แล้ว..." เอิ่ม ดูคำตอบเขาสิ แบบนี้ขิมจะไปถูกได้ยังไง ทำเอาเจ้านางขากรรไกรค้าง เงียบกริบเป็นปลิดทิ้ง เปลี่ยนมานั่งกอดอกแทน แล้วมาอ้าปากค้างอีกที เพราะประโยคนี้ " รัดเข็มขัดด้วย" " ห๊ะ.." " ผมหิวข้าว เผื่อผมโมโหคันข้างหน้า เผลอเหยียบเบรคกะทันหันเข้า " ..หมอนี่นี่มัน...
10.00 น.กริ๊งงงง กริ๊งงงง~" ขิม.."กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง" โอ้ยขิม โทรศัพท์แก ! "เสียงพรีมโวยวาย ก่อนจะดึงหัวตัวเองผงกขึ้นมาจากหมอนนุ่ม หน้ายับยู่ยี่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดสุดขีด ในขณะเสียงเจ้าของดังออกมาจากห้องน้ำ" รับให้หน่อย ฉันอาบน้ำอยู่ ~"" โอย..ใครโทรมา..คนยิ่งหลับสบายอยู่ นี่ก็เหมือนกัน ตั้งเสียงเรียกเข้าซะแก้วหูแทบแตก "พรีมบ่นอุบปิดท้ายก่อนจะกดรับ แล้วมาชะงักตอนหลัง ด้วยน้ำเสียงนี้ ติ้ด!" ฮัลโหล.."( อรุณสวัสดิ์เด็กน้อย..)" อ๊ะ.." สะตั้นอยู่สองวิ ดึงโทรศัพท์จากการแนบหูมาดูจอ พลางพึมพำ " ผู้ชาย.."( ฮัลโหล ได้ยินมั้ย )" คะ..ค่ะ ค่ะฟังอยู่ค่ะ "และมาชะงักอีกทีก็ตอนเคลถาม( คุณไม่ใช่เจ้าของโทรศัพท์ใช่ไหมครับ )" อะ..อ่า..ใช่ค่ะ หนูเป็นเพื่อน ยัยขิมอาบน้ำอยู่ "( อ้อ..ชื่อขิมสินะ )น่าทึ่งมากที่เขาจำเสียงเธอได้ ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักชื่อ" ใช่..ค่ะ.. มีอะไรด่วนไหมคะ ฝากพรีมได้นะ เดี๋ยวพรีมจะบอกให้เองค่ะ "( ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ไม่ได้สำคัญอะไร เอาเป็นว่าอีกครึ่งชั่วโมงผมจะโทรไปใหม่ ถึงตอนนั้นเพื่อนคุณคงสะดวกคุยกับผมพอดี)" คะ?"แล้วเขาก็วาง**ติ้ด!**" อะไรว้า.."ทำเอาพรีมตาสว่
...หอพัก...ประตูถูกเปิด" คืนนี้เลยรึคะ ได้เลยค่ะพี่ ไม่มีปัญหา.."ในขณะเสียงหวานของพรีมบ่นใส่โทรศัพท์ ก่อนจะชำเลืองมองขิมที่เดินเข้ามา ทว่ายังคงพูดต่อ ถึงขิมจะเริ่มขมวดคิ้วแล้วก็ตาม " อาทิตย์หน้า มหาลัยถึงเปิด ใช่ค่ะยังมีเวลาอีกเยอะ ""...."" หืม..ตรีมสีแดงรึคะ จัดไปค่ะ ""..."" ค่ะพี่ แล้วเจอกัน "**ติ้ด.**ก่อนจะกดวางหลังจากคุยเสร็จ เลิกคิ้วเชิงถามขิมประมาณว่าไปไหนมา" แผลหายเจ็บแล้วเหรอ "พลิกตัวจากทางนั่งมานอนคว่ำ ขิมส่ายหน้า พลางปลดเป้ออกจากหัวไหล่" ยังเจ็บนิดๆ ว่าแต่..แกคุยกับใครน่ะ "" กับพี่กระเทยคนนั้นน่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไปทำงานกับพี่เขา "" ว่าไงนะ!"ขิมถึงกับบึ้งตึงหลังพรีมเอ่ยจบทันที" งานนั้นมัน.."" อย่าห้ามฉันเลยขิม ฉันต้องการเงิน "ในขณะที่พรีมแทรก ไม่เปิดโอกาสให้ขิมได้ขัดขวางเลย" แต่ที่บ้านแกเขาก็.."" ฉันอยากได้เงินมาซื้อของใช้ส่วนตัว รึของที่ฉันอยากจัได้น่ะ เงินที่พ่อให้ ..มันไม่พอ "ตอบหน้าตาเฉย ทำท่าทางเหมือนคนมีอีโก้ ไม่ใส่ใจอะไร ทั้งๆที่ขิมตอนนี้รู้สึกวิตกกังวลมาก ห่วงเพื่อนว่าอนาคตจะแย่ ถ้ายังไม่รู้จักแยกแยะแบบนี้" พรีม.. "" ไม่เอาน่าขิม "เจ้าของชื
วินาทีแรกที่รถมาจอด หลังจากพรีมนั่งเอามือจิกเข้าหากันจนเจ็บมาตลอดทางนั้น ความรู้สึกถัดมาต่อจากนั้นคือ .... หัวใจเธอเต้นแรงมาก... " ที่นี่..มันที่ไหนคะ.." ในขณะเสียงถามดังขึ้น คนถามยังก้มหน้าอยู่เลย เพราะภาพตรงหน้าที่เธอเห็นมันเป็นตึกคอนโดของคนพามาชัดๆ " ที่ๆเราจะดูดาวกันไงล่ะคะ " " ไม่ใช่ห้องพี่หรอกเหรอคะ " " หืม.." ก่อนคำถามนี้ของพรีมจะถูกขัดด้วยเสียงปิดเครื่องยนต์ และปลดเข็มขัดนิรภัย " ดูได้ค่ะ มองออกไปจากดาดฟ้าของตึกนี้ " " เหรอคะ.." ถึงแม้ว่าคำบอกเล่าของเขาจะน่านับถือ หรือมีเปอร์เซ็นเชื่อได้สักเท่าไหร่ เพราะรอยยิ้มเสมือนความจริงใจที่เขานั้นหยิบยื่นให้ทุกครั้งที่พูด ทว่า.. พรีมก็ยังคงถามใจตัวเองเหมือนเดิมอยู่ดี ...ทำไมแกไม่ทำตามหน้าที่ควรจะทำฮะ... แค่กินข้าวให้จบเมื่อครู่ ก็คงไม่ต้องมานั่งกดดันอยู่แบบนี้แล้ว ...นี่แกแพ้ความหล่อเขาจริงๆ อย่างที่ขิมเคยว่าไว้ใช่ไหม... " ครับผม.. โอเค ลงเลย " ก่อนจะรู้ตัวว่าความคิดตัวเองนั้น หมดความหมายไปก็ตอนที่รัลโ
" คุณ..เป็นใครน่ะ " เสียงอู้อี้ที่ผ่านการร้องไห้มานานถามขึ้น ในขณะเจ้าตัวใช้ผ้านวมพันร่างกาย ช้อนตาจากท่ากอดเข่าขึ้นมองเคลด้วยสภาพหัวยุ่ง "..." เคลถึงกับเงียบกริบไปไม่ถูก มองสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเขามีส่วนก่อตั้ง ไม่คิดว่ารัลโด้กับเพื่อนอีกสองคนจะทำถึงขนาดนี้ได้ สงสารจับใจ หดหู่จริงๆ " จะมาทำหนูอีกคน..." " เปล่าฮะ " รีบแทรกทันควัน ก่อนคนตรงหน้าจะเดาไปไกล " ผมมา... เอ่อ มาช่วยคุณ.." ถึงกับเสียงหาย เพราะอีกประโยคคำถามนี้ ที่พรีมเอ่ยมันออกมาพร้อมน้ำตา " ช่วย...ฮึก ช่วยทำไม " ก่อนร่างสูงในชุดลำลองดำทั้งชุดจะเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ พรีมทำท่าจะกระเถิบหนี ทว่า.. " ผมขอโทษ.." เคลกลับเอ่ยคำนี้ พร้อมอุ้งมือใหญ่ที่เข้าไปยื้อต้นแขน ทำเจ้าตัวชะงักกลางคันแล้วหันมามอง " ขะ ขอโทษทำไม.." " เอ่อ... คือ.." " คุณเป็นเพื่อนพวกนั้นเหรอ" พรีมชิงถา
เคลถึงกับเงียบกริบกับประโยคนี้ที่สาวเจ้าเน้นคำซะเขาเกือบหลุดขำ พลางเท้าสะเอวเตรียมทำศึกหนัก โดยการยียวนกวนประสาทกลับไป" ต่อยปากผมซะเลือดกลบ นี่ยังไม่สนิทกันอีกเรอะ! "เชยคางขึ้นท้าทายจะเอาเรื่อง ในขณะขิมเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน" แล้วใครใช้ให้คุณปากมอมก่อนล่ะคะ ช่วยไม่ได้ "ลอยหน้าหน้าลอยตาถาม ทำเอาเคลถึงกับอึ้ง" นี่คุณว่าผมเป็นหมาเหรอ "" คุณพูดเองนะ "" ขิม!"" บอกแล้วไงอย่าเรียกชื่อ! ถ้าไม่สนิทน่ะ..."" งั้นเดี๋ยวผมทำให้สนิทเอง "จบคำพูดของเคลแค่นั้น ข้อมือเล็กของขิมก็ถูกกระชากทันที ความแรงของมันทำคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับถลาเข้าไปชนแผงอก ก่อนจะ..." อ๊ะ.. อุ๊บ!! O.O "ค้างกลางอากาศ เพราะปากเธอถูกปิด"..."" อื้อออ! "กว่าจะตั้งสติได้ เวลาก็วิ่งไปมากกว่าสิบวิแล้ว มือเล็กๆคู่นั้นถึง จะรัวกำปั้นใส่ปึงๆๆ" อึก!!"ชนิดที่ว่า สุดแรงและไม่มีอั้น ทว่า ..กลับดิ้นไม่หลุด เพราะแรงชายมันมากกว่าเยอะ แถมตะปบหน้าเธอไว้อีกด้วย จนกระทั่งเคลดูดดื่มแบบสาแก่ใจ ถึงจะปล่อยเป็นอิสระ" แฮ่กๆๆ"ถึงขั้นสาวเจ้าถอยหลังมายืนหอบเหมือนวิ่งมาไกลเป็นร้อยเมตร ชี้หน้าคนตรงข้ามที่ยืนเลียปากตัวเอง ด้วยความโมโหสุดขีด"
โค้งสุดท้ายแล้วถึงห้อง ขิมเดินมาหยุดอยู่ตรงประตู ก่อนจะเคาะมันเบาๆก็อก ก็อก ก็อกไม่นานมันก็ถูกเปิดออก พร้อมกับหน้าพรีมที่โผล่ออกมา" เอ๋.." ก่อนหล่อนจะทำหน้างง " เพิ่งทำงานวันแรกไม่ใช่เหรอ ทำไมเลิกเร็วล่ะ แล้วนั่น..มือไปโดนอะไรมา "ถามขิมเสียงตื่น ทว่า เจ้าตัวกลับไม่ตอบ นอกจากเดินเฉียดบ่าเข้าไป ปล่อยพรีมยืนค้างอยู่คนเดียว ก่อนจะปิดประตูเดินตามมาเมื่อได้สติ" ขิม.."" ฉันหกล้มน่ะ ไปโรงพยาบาลมา พี่สปอร์ตเลยให้ฉันกลับก่อน "ขิมโกหก พลางก้มหน้านิ่ง อันที่จริงก่อนหน้านี้ ขิมเป็นคนเปิดเผย มีอะไรจะบอกพรีมเป็นคนแรก ทว่าตกมาวันนี้กลับไม่ใช่ ขิมรู้สึกละเหี่ยใจ เพราะคิดว่าบอกไปพรีมก็ไม่สนใจจะจำหรอก" อ่อ แต่ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม "ในขณะสาวหน้าตาจิ้มลิ้มไม่แพ้กันถามขึ้น เธอเลิกคิ้วให้เพื่อนทีนึง ก่อนจะทิ้งตัวอย่างหมดแรง เรื่องกระเป๋าสตังค์หาย กับถูกผู้ชายรังแก ขิมเปล่าเล่าหรอกนะ เพราะเธอไม่รู้จะเล่าไปทำไมเวลาผ่านไป 15 นาที ที่ทั้งห้องเงียบกริบหลังจากนั้น ในขณะขิมปริ่มๆ ทำท่าจะหลับ อยู่ๆพรีมเกิดโพล่งขึ้นมาทำเธอสะดุ้ง" วันนี้ฉันไม่ได้อยู่กินข้าวเย็นกับแกนะ "" หืม..."ปรือตาขึ้นมามอง ในขณะหัว
กิ๊งก๊อง กิ๊งก๊องเสียงกระดิ่งหน้าห้อง ทำคนนอนอยู่ยักยิ้ม ควานหารีโมทมาปิดทีวี ก่อนจะเดินไปเปิดประตูแอด..วินาทีแรกก่อนจะสบตากัน หลังประตูถูกเปิด“ ว้าย! “ขิมถึงกับยกมือบางปิดตาตัวเองแทบไม่ทัน“ ชู่วววว “ในขณะที่เคลหน้าตาตื่น ใช้นิ้วขึ้นมาแตะปาก ปรามคนมาใหม่ตรงหน้า“ อย่าเสียงดังสิ ตึกนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ““ ...”ทว่าสาวเจ้าร่างสูงระหง ไม่คุยด้วย เธอเอาแต่ยืนตัวตรงมือปิดอยู่แบบนั้น ทำเคลงง“ เป็นอะไร...”โน้มตัวลงไปถาม กลั้นหัวเราะ“ ก็.. ก็คุณแต่งตัวไม่เรียบร้อยอ่ะ ““ ตรงไหน “คำบอกเล่าทำเคลต้องก้มลงไปมองตัวเองใหม่ พร้อมคิ้วที่เลิกขึ้น เหมือนพอใจที่ทำขิมเขินได้“ ไม่เห็นมีอะไรเลย "“ คุณไม่ใส่เสื้อ ““ ก็แค่ไม่ใส่เสื้อ แต่ผมใส่กางเกงนะคุณ “ถึงจะเป็นกางเกงชุดนอนก็เถอะ เขาคิด ยื่นมือมาคว้าแขนขิมไว้ ทำเจ้าหล่อนยิ่งตกใจกว่าเดิม สะดุ้งโหยงเตรียมจะโวย“ อย่านะ ““ ไม่เอาน่า มาคุยกันข้างในจะดีกว่า เดี๋ยวเขาออกมาด่าเอาหรอก “เคลออกความเห็น ทว่าขิมไม่ยอม“ คุณก็เข้าไปให้มาให้หนูสิ ““ เอาอะไร “ “ กระเป๋าไง ““ ของๆ คุณ คุณก็เข้าไปเอาเองสิ หรือจะไปเอาด้วยกัน ““ จะบ้าเหรอ พูดอะไรน่ะ
วันแห่งความสุข เข้าสู่ประตูวิวาห์ช่วงเวลาเหมาะเจาะ ดั่งใจของคนตั้งและวางไว้ งานแต่งระหว่างคนทั้งคู่ ซึ่งอายุจะห่างกันเท่าไหร่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถูกจัดขึ้นในโบสถ์แบบฉบับของคริสเตียน ปัทมาในชุดเจ้าสาวขาวผ่อง ชายกระโปรงผ้าแก้วแฝงกำมะหยี่แวววับเม็ดเล็กๆ ถูกปล่อยลากพื้นยาวเป็นวา และอีกผืนนึงเอามาปิดเครื่องหน้าไว้เล็กน้อย ทำเจ้าสาวรายนี้ช่างหน้าค้นหายิ่งนัก เดินอวดร่างบางมาพร้อมกับวงแขนให้ยืมควงอย่างยศกร พ่อผู้ให้กำเนิดอาสาเดินมาส่ง ท่ามกลางพรมแดง และพยานผองเพื่อนมากกว่าร้อยคน....ทุกคนยิ้ม เธอเองก็ยิ้ม..." ตื่นเต้นจังค่ะพ่อ ..."เสียงหวานใส ทว่า เบาหวิว กระซิบกระซาบ ระหว่างทางเดิน ยศกรเลิกคิ้วให้ลูกสาว พร้อมรอยยิ้มแค่มุมปาก พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้น้ำตาหยดแห่งความรู้สึกหน่วงๆ ซึ่งไข่ในหินถูกขโมยไปหยดนี้ไหลลงมา เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาจะต้องยกลูกสาวให้กับผู้ชายคนอื่นไปครอบครองแล้ว" ใจเย็นๆลูกรัก.. มันคือเรื่องธรรมชาติมากสำหรับผู้หญิง "" แต่มันตื่นเต้นจริงๆนี่คะ ฟังเสียงหัวใจหนูสิ มันแทบจะระเบิด "" อื้ม...พ่อรู้ลูกพ่อรู้ เก็บความตื่นเต้นตรงนั้น ไว้ใช้ในยามเบ่งหลานของพ่อจะ
ค่ำคืนที่ขิมเหนื่อยมาก แต่คงไม่เท่ากับสาวใช้ในบ้านจรัญทิพย์ หลังเก็บแก้วเปล่ากับจานชามที่เขากินกันไม่หยุดไม่หย่อนไปเก็บหลายรอบ นับตั้งแต่เช้าจวบค่ำขิมเพิ่งจะได้พัก ใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานพอสมควรจนกระทั่งดึก คืนนี้เธอคงจะค้างที่คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ เนื่องจากว่าที่เจ้าบ่าวขอเมาไปส่งเธอไม่ได้ และจะไม่ให้ไปเองด้วย เพื่อนฝูงที่ไม่รู้มาจากทางไหนไหลกันเข้ามาจนงานไม่มีกร่อยทั้งๆที่เคลยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้เชิญจริงจัง เพียงแค่บอกต่อๆกันไปเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ขิมเลยขอตัวตั้งแต่ตอนนั้นเพราะไม่อยากจะไปยืนเก้ๆกังๆ เป็นผู้หญิงคนเดียว“ เฮ้อ..”ก็อกๆๆ“ เข้ามาได้เลยจ๊ะ “เสียงใสตะโกนออกไปทางประตู ยืนรอคอยจนกระทั่งมันเปิด“ คุณขิมคะ การ์ดอวยพรและของขวัญจากแขก พี่เจิมเก็บมาให้หมดแล้วนะคะ วางอยู่ในห้องคุณเคลค่ะ ““ ค่ะ ขอบคุณนะคะ “เธอสาวเท้าเดินตามหลัง ไม่รอช้าด้วยความตื่นเต้น“ โห้ เยอะไปหมดเลย จากใครบ้างคะเนี่ย “ห่อปากตาเป็นประกายด้วยความตื้นตันเมื่อมาถึง พลิกไปพลิกมามองดูชื่อ เธอไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรอย่างนี้มาก่อน“ หืม มีแต่ของพี่เคลทั้งนั้นเลยค่ะพี่เจิม “หันไปยิ้มกว้างกับสาว
กิจกรรมรับน้องบรรยากาศคึกครื้นสนุกสนานถูกจัดขึ้นด้วยรุ่นพี่มากฝีมือ ให้เข้ากับน้องๆวัยใสที่เพิ่งย่างก้าวผ่านมัธยมมาไม่กี่เดือน เครื่องหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยสีผสมอาหารชนิดล้างสามวันแทบจะไม่ออก หนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นขิม ด้วยสภาพดูไม่จืด อาจจะเพ่งไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หากไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนอย่างเช่นพรีม ที่ตอนนี้เธอยืนมองอยู่ไกลๆ รอจังหวะคนน้อยและความพร้อม คำขอโทษมันจะหลุดมาจากปากเธอตอนไหนนั้น ไม่มีใครรู้ ทว่า รับปากกับรัลโด้แล้ววันนี้เธอต้องทำ ไม่ใช่เพื่อกระเป๋าใบหรูราคาแสนแพง แต่เพื่อตัวเธอเองต่างหาก ที่แท้จริงก็ไม่อยากเป็นนักหรอกไอ้ศัตรูกับเพื่อนสมัยอนุบาล ความผูกพันธ์มันล้นเหลือมากกว่านั้นและที่สำคัญพ่อแม่ของทั้งคู่ต่างสนิทชิดเชื้อกันไม่ต่างกับญาติเพราะบ้านใกล้เรือนเคียง หนักใจแทนผู้ปกครองแน่นอน ถ้าพรีมยังคงทำตัวมีปัญหา นึกไปถึงรัลโด้ที่เคยขู่กันไว้ ตั้งแต่ต้นว่าจะทำให้เธอสิ้นอนาคตจนพ่อแม่อับอายแน่นอนถ้าหล่อนร้ายไม่เลิก ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่องสอนไม่จำ แถมนิสัยไม่เปลี่ยน ใครเล่าจะมายอมทน อย่างรัลโด้ยิ่งเสียเวลาเข้าไปใหญ่ การหักดิบเหล่านี้คงต้องเกิดขึ้นเข้าสักวันแน่ ขืนเธอคิดไม
ผ่านไปแล้วเรื่องดราม่า สิ่งที่ปัทมาหรือว่าขิม หญิงสาวจากชลบุรีที่บึ่งขึ้นมาเรียนกรุงเทพ เพราะเหตุผลน้ำเน่าแค่ว่า...หนีคนรัก.... วันนี้ถูกจับติด ติดกับด้วยมารดาของเธอเอง ที่มีความฉลาดไม่แพ้กัน สั่งขิมห่างกับเคลสักระยะหนึ่ง เพื่อดัดนิสัยผู้ชายใจรวนเรปากหนัก เพียงแค่สามวันเท่านั้น แต่เชื่อไหม เคลแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย“สามวันที่ห่างก็คือห่างจริงๆสิน่า ขิมไม่รับโทรศัพท์พี่เลย “หน้าเศร้าหงอยปนสลดเกาะกระจกรถ หลังจากเปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นมานั่ง“ ขิมเรียนหนัก พี่เคลก็รู้นี่คะ มีกิจกรรมรับน้องด้วย ““ ห้านาทีก็ไม่มีให้กันเลยเหรอ ““ แน่ะ อย่ามางอแงนะ ก็เราตกลงกันก่อนแล้ว สามวันพี่มารับ ก็นี่ไงคะสามวันแล้ว ไปค่ะ ไปกันได้หรือยัง ขิมอยากให้ปากคำจะแย่ละ ““ ทีอย่างนี้รีบนักนะ ““ อะอ้าววว ช่วยไม่ได้ ก็เพราะแฟนเก่าพี่ไม่ใช่รึไง ที่ทำเราสองคนต้องห่างกันอย่างนี้น่ะ พี่ต้องมีความแค้นฝังลึกบ้างนะ”เหลือบตามองร่างสูง ขณะเขาจ้องลงมาขมวดคิ้ว แค่ขิมเพ่งลึกเข้าไปนัยม่านตาก็อ่านใจได้แล้วล่ะ เลยชิงพูด“ ขิมไม่ยอมโทษตัวเองหรอก ที่ขิมวิ่งออกมา เพราะพี่นั่นแหละ ทำท่าเหมือนอาลัยอาวรณ์แฟนเก่าก่อนเอง ชิ “ทำเคลหล
บรรยากาศชักจะทะแม่ง เมื่อทุกคนพากันมานั่งมองหน้า ไม่มีใครเริ่มเปิดประเด็น อึดอัดมายังขิมตอนนี้ที่นั่งเอามือจิกกันจนเจ็บ ก้มหน้างุนไม่กล้าเผชิญหน้ากับใคร เธอยังไม่รู้ว่าคดีเอเดลตกบันไดนั้นได้คลี่คลายไปแล้ว ทว่า ยังคิดว่าตัวเองคือคนผิด ส่วนเรื่องหล่อนขโมยเพชรเก้ๆกังๆพร่ำจะบอก แต่ดูเหมือนจังหวะตรงนั้นยังไม่มาหาเธอสักที“เอ่อ...”ลำบากมายังคุณนายนภา ผู้กล้าแสดงออก หล่อนเห็นว่าทุกอย่างเริ่มตึงเครียด ขี้คล้านจะอยู่ตรงนี้นาน อีกทั้งต้องมาสบตากับสามีเก่าอยู่บ่อยๆ เลยต้องเป็นฝ่ายจำใจพูด แต่ทว่า กลับถูกทางฝั่งฝ่ายชาย แย่งชิงซะก่อน คุณนายอารีย์ไม่อยากถูกมองว่าหล่อนนั้นหยิ่ง เป็นเจ้าบ้านแต่กลับนั่งเงียบ ทั้งๆที่หล่อนนี้ ไม่เคยเจอะเจอเรื่องแบบนี้ ที่เป็นฝ่ายผิดแล้วต้องมารับผิดชอบใคร เลยไม่ค่อยคุ้นชิน กับคำว่าขอโทษ“ ดิฉันต้องขอโทษทุกๆเรื่อง แทนลูกชายด้วยนะคะ ที่ทำไม่ดีต่อหนูขิม ทั้งเรื่องพาเข้ามาอยู่ที่นี่ ซึ่งดูเหมือนไม่ให้เกียรติ และการคบหาดูใจกัน ดิฉันเองก็เพิ่งจะมาทราบเรื่องนี้ ก็ไม่กี่วันที่ผ่านมาเองค่ะ “สบตากันระหว่างผู้เป็นแม่ ในขณะทุกคนเอาแต่นั่งเงียบ เนื่องจากมีมารยาท“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
‘ เอ่อ..พาไปไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้หนูกะว่าจะเลิกกับเขา ‘‘ ห๊ะ!!’สองคนผสานเสียง หญิงสาวถึงทีสะดุ้งเฮือก ทบทวนประโยคใหม่ ตัวเองพูดอะไรผิดไป ปาดน้ำตาทิ้งยามที่สิงขรจ้องหน้า เค้นยิ้มเสมือนรู้สันดานน้องสาว“ เลิกเรอะ! โอเค งั้นกลับบ้าน แล้วไหนเสื้อผ้าล่ะ “แกล้งถาม ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ใช่เลย เสื้อผ้าเธอไม่มีติดตัวสักชิ้น รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่ก้าวออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น คนมันคิดจะเลิก มีโอกาสขนาดนั้น ทำไมยังคงทิ้งไว้อยู่“ เอ่อ...”“ แม่ ขิมมันได้กับเขาแล้ว”เงยหน้าเบิกตาโตเท่าที่เคยทำ ครั้นได้ยินประโยคที่พูด พร้อมฝ่ามือใหญ่อีกรอบ บินว่อนแล้วลงตรงกลางหัวผั๊ว!!!“ โอ้ยแม่! ““ รู้แล้ว!! แกจะย้ำให้ฉันอกแตกตายเลยรึไง แค่นี้เป็นลมมาสิบตลบ ยังไม่สาแก่ใจอีกรึ ““ ฮ่าๆๆๆ “ขณะคนเปิดประเด็นย้ำขำลั่น ต่างจากเจ้าตัวอย่างขิม คราวนี้ก้มหน้าสลดหนักกว่าเก่า ความกดดันทำเธอผสานมือเข้าหากัน หยดน้ำตาหล่นแมะลงพื้นกระเบื้อง“ ขอโทษจ๊ะแม่ “ยกมือไหว้ รู้สึกแย่สุดๆ“ เฮ้อ...ขิมเอ๊ย มาตายน้ำตื้นๆ แกห่างบ้านมาได้กี่วันทำไมแม่จะไม่รู้เล่า คบกันไม่พ้นเดือน ได้กันก็ว่าทำใจลำบากแล้ว นี่มาบอกว่าจะเลิก คิดดีแล้วหรือ...”
ระยะเวลาจากเย็นยาวมายันเที่ยงคืน จนป่านนี้เคลยังติดต่อขิมไม่ได้ ร่างสูงเริ่มหัวเสีย ใจไม่ดีขึ้นมาบ้างแล้ว ไปทั่วทุกที่ ที่คิดว่าเธอน่าจะไป รวมถึงร้านของสปอร์ตด้วย ก็ไร้วี่แวว เธอหายไปไหน คนตามหาห่วงเหลือเกิน ตัดสินใจจอดรถข้างทาง เพื่อจะพักสมองและสายตาก่อน บวกกับการดึงสติมาครุ่นคิด ทว่า..“ โธ่เว้ย!!! “ปั๊ก!! ปั๊ก!!กลับต้องระบายอารมณ์ลงบนพวงมาลัยแทน หลังจากนั้นใช้มันเป็นที่พึ่ง ฟุบหน้าลงด้วยความหมดแรงติ้ดๆ ติ้ดๆก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียงนี้ ดีใจแทบตายนึกว่าคนทีเขาตามหานั้นจะโทรมา“ ขิม!... เฮ้อ... “กลับไม่ใช่...ติ๊ด!“ ว่าไง รัลโด้ “( มึงอยู่ไหน )“ เออมีอะไร กูไม่ว่าง”( เครียดเลยสิวะ ขิมหายไป )“ มึงรู้ได้ไง “( อ้าว ก็มึงโทรมาหากู ให้กูถามพรีมว่าขิมมีเรียนช่วงไหนบ้าง ไม่ใช่เรอะ! )เจอประโยคสวนนี้มา เคลถึงขั้นลูบหน้าตัวเองทันที นี่เขาคงเบลอไปแล้วจริงๆ“ เออว่ะ กูลืมไป แล้วได้เรื่องยังไงบ้างวะ เมียมึงได้พูดอะไรออกมาอีกรึเปล่า รึต้องทำให้เจ็บที ถึงจะพูดครั้งนึง “( คงงั้นแหละ เห็นบอกว่า แม่ขิมเขาโทรมาหา เพราะติดต่อขิมไม่ได้ ในวันที่เกิดเรื่องน่ะแหละ )“ เออ แล้วไง “(
เช้าของวันถัดมา วันนี้ขิมตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เนื่องจากนอนบ้านใหญ่ ระยะทางห่างไกล หากตื่นปกติ การจราจรติดขัด เธอคิดว่าคงไม่ทัน และจะให้รอเคล ก็คงจะทำไม่ได้ รายนั้นมีเรื่องจะต้องเคลียร์ตอนเช้า และอีกอย่างมีเอกสารจะต้องอ่านก่อนเข้าประชุม เพื่อกันความยุ่งยาก ขิมเลยให้ชาญขับรถมาส่งแทน ส่วนขากลับค่อยว่ากันอีกที...มหาลัย...นับตั้งแต่มาถึง ขิมยังไม่ได้พักหายใจให้คล่องเลย งานท่วมหัวเอาตัวแทบไม่รอด ไหนจะกิจกรรมต่างๆนาๆที่เข้ามาแทรกอีก แถมมีข่าวดีว่าแม่จะมาเยี่ยมเธอด้วยนะ เพราะได้ข่าวว่าเธอนั้นคืนหอส่วนเหตุผลที่คืนหอ...เรื่องนี้ คุณนายนภายังไม่รู้ แล้วรู้มาจากไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ .. เฮอะ ก่อนเธอจะรู้ว่าสิงขรนั้นคือเพื่อนคิมหันต์ด้วยซ้ำ' แม่โทรหาพรีมเหรอ '' ก็ขิมไม่รับสาย โทรไปไม่รู้ตั้งกี่รอบต่อกี่รอบ '' โทรศัพท์ขิมพังค่ะ ตกน้ำ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้โทรไปบอก ทำให้แม่เป็นห่วง '' ฮึ แม่ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก ก่อนหน้านั้นก็แค่เป็นห่วงเห็นขิมเงียบไป แต่ที่โทรมาตอนนี้น่ะ แม่อยากรู้ เหตุผลที่เราทิ้งพรีมให้อยู่ลำพัง แล้วเราไปอยู่กับแฟน หมายความว่ายังไง ขิมเหลวไหลใหญ่แล้วนะลูก '' แม่!! พรีมบ
‘ ไม่ได้หรอกค่ะ เตียงเต็ม ‘อยู่ๆเสียงนี้ลอยมาแทรก ร่างสูงโปร่งในคราบแหม่มยุโรป อ้าปากเหวอทันที“ ใครคะ เคล?”เลิกคิ้วถามคนข้างๆ ก่อนหันมามองขิมใหม่ มองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วบี้ปาก...“ อ้อ! เด็กในสังกัด “นั่นถึงกับทำร่างบาง เดินลงมาเหยียบพื้นด้านล่างหมาดๆ มองขวับตาไม่กระพริบ ในขณะคนกลางอย่างเคลถึงกับยกมือกุมขมับ สบตาหญิงสาวแล้วเหมือนจะไข้ขึ้น รีบลุกขึ้นจากจุดนั้นมายืนเต็มความสูง“ แฮ่ม!! “ ตัดสินใจบอกความจริงไป เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องในบ้านตอนนี้ “ เอเดล..นี่ขิม แฟนผม “เล่นเอาแม่สาวแหม่มลุกพรวดเดียวส้นสูงแทบหัก เพราะรับน้ำหนักกะทันหันแทบไม่ไหว“ ว่าไงนะคะ! “เหลือบตามามองขิม ซึ่งจังหวะนี้เธอมองอยู่ก่อนไม่แพ้กัน ก่อนจะแสร้งขมวดคิ้วยุ่งเหยิงพัวพันกันไปหมด“ ชู่ว...อย่าเสียงดังค่ะป้า ข้างบนมีเด็ก เด็กกำลังหลับอยู่”พลางห่อปากกลั้นขำ เมื่อคนตรงหน้าหลังได้ยิน ขยี้เท้ากับพรมส้นเกือบสึก“ นี่!!! แกเรียกใครป้าฮะ ““ แก...เลยเหรอ? ““ เคลคะ เด็กนี้เป็นแฟนคุณแน่รึคะ ทำไมคุณถึงได้เอาสก๊อยแบบนี้มาเป็นแฟนคะเนี่ย “หันไปฟ้องเคลใหญ่ ในจังหวะที่เขาเองก็พยายามยึดคนข้างๆไว้เหมือนกัน เพราะสาวเจ้าเตร