พิธีกร
" ใจเย็นๆนะคะทุกคน พี่เข้าใจว่านักแสดงเราหล่อมาก พี่ที่ยืนอยู่ข้างๆก็แทบจะเป็นลมในความหล่อ ฮ่าๆๆๆ " พี่พิธีกรหญิงพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มฉีกกว้างจนเห็นฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม " แต่ขอให้แฟนคลับแฟนครับทุกคนเงียบกันก่อนนะคะ " พี่พิธีกรพูดขึ้นอีกครั้ง พอสิ้นเสียงพี่พิธีกรพูดและเสียงกรี๊ดเงียบลง ฉันจึงเอามือที่ปิดหูออกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นบนเวที มีนักแสดงชายราวๆน่าจะไม่เกิน10คน นักแสดงหญิงประมาณ2-3คน ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆเวที ฉันสะดุดตากับคนตัวสูงๆขาวๆ มองเห็นแค่รองเท้ายังหล่อขนาดนี้ฉันคิดในใจ ฮ่าๆๆ ฉันก็บ้าผู้ชายพอๆกับยัยแตงโมนั่นแหล่ะ แต่แค่ไม่แสดงออกมากเกินงามเท่านั้นเอง พอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าเจ้าของรองเท้าที่ฉันพึ่งชมไปว่าน่าจะหล่อเอามากๆ เมื่อฉันได้เห็นใบหน้าที่อยู่บนเวที ฉันถึงร้องเสียงหลงออกมาอย่างตกใจ 0.0 " เอ๊ะ ฮะ อะ อะไรกัน เป็นไปไม่ได้ " ฉันตาโตแล้วจ้องมองคนบนเวทีอย่างตกใจ 0.0 " กะ แก เป็นไรเนี่ยย ตกใจอะไร แกตกใจในความหล่อพี่ม่อน น้องเร หรือไงย่ะ ฮ่าๆๆๆ " ยัยแตงโมพูดขึ้นแล้วหัวเราะอย่างพอใจ เหมือนกับว่าเธอดีใจมากๆที่ทำให้ฉันหลงผู้ชายได้ขนาดนี้ " ผะ ผู้ชายคนนั้น " ฉันชี้นิ้วไปทางเวทีที่ผู้ชายที่ดูเด่นกว่าคนอื่นๆยืนอยู่ " พี่ม่อนไง คณะนิเทศศาสตร์ ปี4 มหาวิทยาลัยเราไงแก แถมเป็นพระเอกในเรื่องนี้ด้วยนะ หล่อมากจนทำให้เพื่อนฉันตกใจอ้าปากเหวอกันเลยเหรอ ฮ่าๆๆ " ยัยแตงโมที่ไม่รู้ว่าฉันไปเจออะไรมาก็หัวเราะชอบใจเหมือนว่าตัวเองได้รับชัยชนะที่พาฉันมาดูผู้ชายได้อะไรอย่างนั้น " ส่วนนั่น น้องเร นิเทศศาสตร์ ปี2 มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเราเหมือนกัน " แตงโมพูดพร้อมชี้นิ้วให้ฉันดู ฉันยังไม่หายตกใจคนที่ฉันเจอบนเวทีเลยนะ คนบนดาดฟ้าที่ฉันเจอเมื่อครู่คือพี่ม่อนอย่างนั้นเหรอ แถมฉันไปว่าเขาว่าเป็นพนักงานที่นี่อีก ฉันพูดไปหน้าร้อนผ่าวไปจึงต้องเอามือปิดหน้าของตัวเองไว้ ฉันมองไปที่พี่ม่อนอีกครั้งฉันก็พบว่าเขากำลังจ้องมองมาที่ฉันอยู่เหมือนกัน พร้อมกับสายตาอาฆาต ฉันทำผิดขนาดนั้นเลยรึไงกันถึงจ้องฉันด้วยสายตาแบบนั้น ฮือออ ฉันแค่คิดว่าพี่เขาเป็นพนักงานของที่นี่เองนะ -/////- ม่อน พอผมขึ้นเวที ผมก็มองไปที่โซนที่นั่ง VIP เพื่อมองหาเด็กซื่อบื้อคนนั้นที่เจอบนดาดฟ้า ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าผมจะไปมองหาเธอทำไม ผมคงคิดว่าจะดูหน้าเธอว่า...เมื่อเธอรู้แล้วว่าผมเป็นใครเธอจะทำหน้าตายังไง คงตกใจอ้าปากค้างไปเลยสินะ ผมคิดในใจแล้วแอบยิ้มออกมา เฮ้ยยย เอาอีกแล้วนะไอ้ม่อน แกเผลอยิ้มให้กับเรื่องของเด็กนั่นได้ยังไงวะ สงสัยผมไม่ได้เจอเรื่องตลกๆอะไรแบบนี้มานานแหล่ะมั้ง " สวัสดีครับผมม่อน " " สวัสดีครับผมเร " " สวัสดีค่ะฉัน พีช นะคะ " นักแสดงเริ่มแนะนำตัวกันไปทีละคน แต่เธอที่อยู่ข้างล่างเวทีกลับก้มหน้าก้มตาเอามือปิดหูไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสักที เธอคงจะแสบหูมากที่ไปนั่งอยู่ตรงนั้น เป็นผมคงทนไม่ไหวลุกหนีจากตรงนั้นไปตั้งนานแล้ว พอสิ้นเสียงพิธีกรบอกให้แฟนคลับทุกคนเงียบ ผมสังเกตเห็นเธอมองขึ้นมาพร้อมกับที่เธอกวาดสายตามองไปรอบๆเวที ผมก็ลุ้นใจเต้น ตุ๊บๆ ว่าเธอจะเห็นผมหรือยัง พอเธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมเท่านั้นแหล่ะ ผมรีบหลบสายตาเธอทำท่าทางไปพูดคุยกับไอ้เรทันที แต่ผมแอบมองเธอด้วยหางตาเล็กน้อยผมก็เห็นเธอหน้าแดง ทำตาโต อ้าปากเหวอเหมือนที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด ฮ่าๆๆๆ ท่าทางของเธอตอนนี้น่ารักจนผมอดยิ้มไม่ได้เลย " ม่อนนน น้องม่อนนน เป็นอะไรครับ ยิ้มหน้าบานเชียว สงสัยมองหน้าน้องเรแล้วมีความสุขแน่ๆเลย " พิธีกรพูดชงผมกับเรยกใหญ่ จนคนด้านล่างเวที กรี๊ดดดร้องขึ้นมาอีกครั้ง ผมมองไปทางเธออีกครั้ง เธอยังทำท่าทางเดิมค้างไว้ ฮ่าๆๆ ยัยบ้านี่ตลกซะมัด ตกใจขนาดนั้นเชียวจนเพื่อนเธอที่อยู่ข้างๆสะกิดเธอ เธอจึงได้สติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง " ผมยิ้มให้แฟนคลับครับ ผมดีใจที่ได้เจอ...เจอแฟนคลับทุกคนครับ " เสียงแฟนคลับกรี๊ดดดสนั่นหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อพวกเธอได้ยินสิ่งที่ผมพูดออกไปเพื่อเอาใจ การแสดงของผมกับเร และนักแสดงเริ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมร้องเพลงคนแรก คนที่สองก็เป็นเร และรอบสุดท้ายนักแสดงทุกคนออกมาร้องเพลงพร้อมกัน พร้อมกับอำลาแฟนคลับ และถ่ายรูปรวมนักแสดงกับแฟนคลับทุกคน ผมเหลือบหางตาไปมองเห็นยัยส้มเน่า เธอทำหน้าตาเบื่อๆตลอดทั้งงาน จนถึงช่วงถ่ายรูปรวมผมจึงเห็นเธอยิ้มอีกครั้ง แต่เป็นการยิ้มใส่กล้องถ่ายรูปนะ สงสัยกลัวรูปจะออกมาไม่สวยสิท่า ยัยส้มเน่า ผมส่ายหัวอีกครั้ง จะไปคิดถึงยัยบ้านั่นตลอดได้ยังไงกันวะ ตั้งแต่ผมเจอเธอบนดาดฟ้า ผมก็คิดถึงแต่เรื่องเธอตลอด สงสัยผมเจอเรื่องตลกเรื่องแรกในชีวิตผมแหล่ะมั้ง " ขอให้แฟนคลับทุกคนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนะครับ/นะคะ " เสียงพิธีกรพูดขึ้นเพื่ออำลาแฟนคลับอย่างเป็นห่วงเป็นใยที่มหาวิทยาลัยตอนนี้ฉันรีบวิ่งอย่างเหนื่อยหอบมาจากหอ ก็เพราะฉันไปงานคอนเสิร์ตบ้าๆนั่นกับยัยแตงโมน่ะสิ กลับมาถึงหอก็ปาเข้าไปเกือบจะตี1 กว่าฉันจะอาบน้ำแต่งตัวกว่าจะได้เข้านอนก็ปาเข้าไปแล้วตี2 กว่าๆ ฉันตื่นขึ้นมาก็ปาเข้าไป 7.40 น. แถมวันนี้ต้องมีพรีเซ็นต์งานเกี่ยวกับคดีดังในปัจจุบันซึ่งอาจารย์ให้หัวข้อมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน อาจารย์สถาพรแกเป็นคนตรงต่อเวลาถ้า 8.30 น. นักศึกษายังไม่มาอาจารย์ก็จะปิดประตูทันทีไม่ให้นักศึกษาเข้ามาเรียน จะร้องไห้โอดครวญยังไงอาจารย์ก็ไม่มีความเมตตา เพราะอาจารย์ถือคติว่าคนอื่นมาทันเวลาได้ทำไมเธอมาไม่ได้ และไม่ฟังเหตุผลหรือข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น มันก็ถูกของอาจารย์แหล่ะฉันไม่เถียง แต่ตอนนี้ฉันจะต้องรีบหาพี่วินก่อน ฉันยืนรอได้ 2 นาทีแล้วก็ไม่มีวินคันไหนขับผ่านหน้าฉันสักคัน วันนี้จะเป็นวันซวยของฉันจริงๆเหรอเนี่ยยย ฮือออ ไม่นะ!!“ ส้มส้มขึ้นมาเร็ว ” จู่ๆยัยแตงโมโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เธอขับรถคันหรูสีเขียวมาจอดด้านหน้าของฉัน ฉันที่เห็นดังนั้นก็รีบกระโดดขึ้นรถทันที“ ฮืออ แตงโม ” ฉันหันหน้าไปทำหน้าออดอ้อนบีบน้ำตาใส่แตงโม แกคือความโชคดีของฉันในวันนี้เลยนะเพื่อนรัก“ ฉันคิดว่าว
บ้านฤกษ์รักษ์ม่อนวันนี้ผมมีเรียนทั้งคาบเช้าและคาบบ่ายผมแบกสังขารตัวเองที่ตอนนี้ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเนื่องจากงานคอนเสิร์ตเรม่อนเมื่อคืน ปกติผมก็ไม่ได้เข้าเรียนบ่อยๆอยู่แล้วเพราะว่าช่วงนี้ซีรี่ส์พึ่งออนแอร์ได้ไม่กี่ตอนและงานอีเว้นท์พบปะแฟนคลับงานเลยเยอะมากเป็นพิเศษ ทั้งงานโฆษณา งานถ่ายแบบเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แบรนด์ดังๆ แต่วันนี้ดันมีพรีเซ็นต์งานคาบเช้า เป็นการพรีเซ็นต์งานที่เก็บคะแนนด้วยผมจึงต้องจำใจแบกสังขารที่ไร้เรี่ยวแรงของผมไปเรียน ผมคิดไว้ว่าเรียนคาบเช้าแล้วผมจะซิ่งไม่เข้าคาบบ่ายไปนอนพักสักงีบที่คอนโดใกล้ๆมหาวิทยาลัยที่ผมได้ซื้อเอาไว้“ อ้าว คุณม่อนคะ ตื่นแล้วเหรอคะป้าทำแซนวิชใส่กล่องไว้ให้เอาไปกินลองท้องในรถนะคะ ” ป้านาเป็นป้าแม่บ้านที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กๆ เลี้ยงผมดีกว่าแม่แท้ๆผมซะอีก ผมรักป้านาเปรียบเสมือนกับครอบครัวคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ “ ขอบคุณครับป้านา ” ผมหอมแก้มป้านาแล้วยื่นมือไปเอาแซนวิชและรีบวิ่งไปขึ้นรถที่พี่เต้คนขับรถส่วนตัวของผมเตรียมไว้พอดี“ พี่เต้ครับรีบขับหน่อยนะครับผมสายแล้ว ” ผมบอกพี่เต้คนขับรถไปพร้อมกับเคี้ยวแซนวิชอยู่ที่ปาก ขับรถไปได้สักพักรถพี่เต้หยุดเพรา
" นี่แตงโม ฉันหิวข้าวแล้วอ่ะ " ฉันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะรู้สึกหงุดหงิด เพราะฉันไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้า ฉันมองไปโต๊ะข้างๆก็ไม่ได้มีใครสั่งอะไรมากินกัน ร้านอาหารแต่ละร้านแทบจะไม่มีคนไปยืนต่อคิวสั่งอาหารเลย คงไม่ได้พากันมากินข้าวจริงๆสินะ" งั้นแกก็ลุกไปซื้อสิ " แตงโมพูดขึ้น แต่สายตาทั้งแตงโม เจ้หอม และเพื่อนๆเดอะแก็งของแกเอาแต่จ้องมองไปทางบุคคลที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันตาไม่กระพริบ" ชิ " ฉันเลยลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมไปอีกทางหนึ่งเพราะไม่อยากเดินผ่านโต๊ะคนที่อยู่ตรงหน้าฉัน ก็เพราะร้านอาหารอยู่ด้านหลังของคนตรงหน้าฉันยังไงล่ะ " นี่แก จะไปไหน จะเดินอ้อมทำไมเนี่ย " แตงโมทักท้วงขึ้น" ฉันจะไปกินลูกชิ้นร้านนู้น ไม่ได้จะเดินอ้อม " ฉันแถไปเรื่อย พร้อมชี้นิ้วไปที่ร้านลูกชิ้นขวามือร้านริมสุด " อ่อ โอเคๆ ไปๆๆ " " แล้วแกไม่กินหรือไง "" ไม่อ่ะ ฉันมีอาหารตาละ " " เฮ้อ พวกเธอนี่จริงๆเลย " ฉันพูดขึ้นพร้อมกับหันหลังสะบัดตูดไปซื้อลูกชิ้น โชคดีอย่างหนึ่งที่ร้านไม่มีคนต่อคิวเลยไม่งั้นฉันคงหิวแย่ แต่ดีนะคาบบ่ายไม่มีเรียนต่อฉันค่อยกลับไปกินร้านอาหารตามสั่งแถวหอพักฉันก็ได้ตอนนี้ก็กินลูกชิ้นลองทองไปก่อนละกั
งานสัมภาษณ์เรม่อนนักข่าว: คุณม่อนคะ ตอนนี้แฮชแท็กขึ้นทวิตอันดับ1 ที่คุณม่อนกับแฟนคลับยืนคุยกันอย่างเป็นมิตรโดยไม่ถือตัวเลย แถมจับกล้องถ่ายรูปถ่ายให้แฟนคลับเลยน่ารักมากค่ะ คุณม่อนมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้างคะ ม่อน: ผมเหรอครับ ฮ่าๆ ก็ตามที่ลงเลยครับ ไม่มีอะไรมาก แต่ก็ขอขอบคุณ คุณป้าที่ขายลูกชิ้นนะครับเห็นท่านบอกว่าจะถ่ายไปอวดลูกสาวเพราะลูกสาวเป็นแฟนคลับผมด้วย ผมดีใจมากๆครับที่มีคนรักและคอยสนับสนุนผมแบบนี้นักข่าว: แล้วน้องแฟนคลับที่เป็นผู้หญิงล่ะคะ เห็นท่าทางสนิทสนมกันมากๆ ปกติไม่เคยเห็นคุณม่อนใกล้ชิดแฟนคลับแบบนี้เลยค่ะ สาว ๆอิจฉากันเพียบเลย ( นักข่าวคิดในใจ ฉันก็แอบอิจฉามากๆเหมือนกัน)ม่อน: อ่อ เด็กคนนั้นเหรอครับ ถ้าถามว่ารู้จักกันไหมก็คงแบบนั้นมั้งครับ กรี๊ดดดดดดดดดเสียงฮือฮาาากันยกใหญ่ที่ได้ยินคำตอบเช่นกันของม่อนนักข่าว: หมายความว่ายังไงคะคุณม่อนทุกคนในที่นี้พากันเงียบกันหมด พร้อมกับเรที่ยืนอยู่ข้างๆที่แอบตกใจไม่น้อย เพราะไม่เคยเห็นรุ่นพี่ของเขาใกล้ชิด สนิทสนมกับใครมาก่อนม่อน: ฮ่าๆ ใจเย็นๆ กันครับ ที่บอกว่ารู้จักก็รู้จักกันผ่านๆครับ ผมแค่บังเอิญเคยเจอเธอที่งานคอนเสิร์ตเ
ครืดดด ครืดดด เสียงโทรศัพท์ฉันดังขึ้นอีกรอบ แต่รอบนี้ไม่ใช่แตงโม เบอร์ที่โชว์ขึ้นมาเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก" สวัสดีค่ะ " ฉันรับสายเบอร์แปลกคนนั้น" สวัสดีครับ " เสียงจากปลายสายพูดขึ้นมา" คุณเป็นใครคะ " ฉันถามไปอย่างสงสัย เพราะปกติไม่เรยมีเบอร์ที่ฉันไม่ได้รู้จักโทรหา เพราะฉันไม่เคยให้เบอร์ใครมั่วๆ มีแค่เพื่อนสนิท และครอบครัวฉันเท่านั้น" พึ่งเจอกันไม่กี่วัน จำกันไม่ได้แล้วเหรอครับ " เสียงปลายสายพูดจายียวนกวนประสาท ซึ่งรู้ได้จากน้ำเสียงที่พูดมา" แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงคะ แต่ละวันฉันเจอคนเยอะแยะ " ฉันพูดไปอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่" แล้วเธอเป็นข่าวกับใครล่ะ " พอฉันได้ยินคำนี้ภาพในหัวฉันตั้งแต่วันงานคอน และที่โรงอาหารเมื่อ 3-4 วันก่อนผุดขึ้นมาในหัวเป็นเรื่องเป็นราว" คะ คุณ !! " " ใช่ ฉันเอง "" แล้วคุณมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ แล้วรู้จักเบอร์ฉันได้ยังไง แล้วทำไมตอนสัมภาษณ์คุณไม่ปฏิเสธไปเลยว่าไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วทำไมต้องไปพูดแบบนั้นด้วยคะ คุณไม่น่าพูดเลยว่าเคยเจอฉันมาก่อน ถ้าตอบไปว่าฉันเป็นแฟนคลับคนหนึ่งก็พอแล้วค่ะ เรื่องจะได้ไม่บานปลายไปมากกว่านี้ ตอนนี้ในโชเชียลพูดถึงเรากันมากกว่าเด
" ผมจะรับผิดชอบคุณเอง " ส้มส้มกับแตงโม และทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นตกใจกับคำพูดของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน 0.0" ระ รับผิดชอบอะไรคะ มะ ไม่ต้องหรอกค่ะ " ฉันรีบตอบกลับไปอย่างเร็ว พร้อมกับหัวใจฉันตอนนี้กำลังเต้นระรัวแทบจะทะลักออกมาจากอกของฉันอยู่แล้ว" ผมหมายถึงรับผิดชอบเรื่องข่าวน่ะ คุณคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ " เขาถามฉันพร้อมยักคิ้วหนึ่งข้างเหมือนจะกวนประสาทฉัน" ละ แล้วจะทำยังไงคะ " ฉันถามไปด้วยความสงสัย " เดี๋ยวคุณก็รู้ครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวผมมารับครับ " " มะ มารับฉัน มารับไปไหนคะ " 0.0 คำพูดเขาแต่ละคำทำเอาฉันตกใจกับคำพูดของเขาซ้ำๆ" งานแถลงข่าวครับ ไว้เจอกันนะครับ ผมมีธุระต่อ " เขาพูดจบพร้อมหันหลังจะกลับไป" อ่ะ ผมลืม อย่างลืมส่งโลเคชั่นที่อยู่ของคุณมาด้วยนะครับ ผมถึงจะได้ไปรับคุณถูก " เขาหันกลับมาพร้อมบอกฉัน" ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้ " " ไม่ได้ครับ ! " เขาตอบเสียงดุ" ได้ค่ะ ! " ฉันตอบกลับไปเสียงดุเหมือนกัน" อย่าดื้อสิครับ ถ้าคุณไปเองคุณแน่ใจเหรอครับว่าจะไปได้ ไม่กลัวสายตาคนอื่นมองตลอดทางเหรอครับ " เขาไม่ได้พูดเหมือนปกติที่เคยพูดกับฉัน แต่เขาก้มลงมากระซิบข้างหูฉันเบาๆ เป็นเชิงขู่ แต
ม่อนหลังจากที่ผมกลับจากมหาวิทยาลัย ตอนนี้กระแสโลกโชเชียลก็เริ่มมาเรื่อยๆ ทุกช่องทาง ทั้งเรื่องซีรี่ส์ที่ผมเล่น แต่ไม่เท่ากระแสที่คนพูดถึงผมเยอะตอนนี้คือ #แฟนคลับหรือแฟนครับ วันนี้ที่ผมได้ไปหาเธอมีทั้งภาพ วิดีโอ ที่ถ่ายจากแฟนคลับทั้งไม่ใช่แฟนคลับว่อนโชเชียล จากคนที่ไม่เคยรู้จักผมมาก่อนและไม่เคยดูซีรี่ส์ของผมก็มารู้จักผมกับเธอจากกระแสนี้ ไม่ใช่ว่ามีกระแสนี้จะไม่มีผลกระทบกับกระแสคู่จิ้นเรม่อนนะครับ มีผลกระทบแน่นอน และมากๆ ด้วย เพราะซีรี่ส์ออนแอร์ยังไม่จบก็มีกระแสผิดเพี้ยนไปจากที่ต้องสร้างกระแสคู่จิ้น #เรม่อน แต่กลับกลายเป็นกระแส #แฟนคลับหรือแฟนครับ แทน แต่นอนครับว่ามีทั้งกระแสด้านลบและด้านดี มีทั้งคนที่เชียร์ผมกับเธอให้คบกันจริงๆ และยังมีแฟนคลับที่อินกับซีรี่ส์อยู่ไม่พอใจทำให้แสดงความคิดเห็นกันในด้านลบ ซึ่งแน่นอนไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจ แต่ผมพยายามจะไม่ใส่ใจ เพราะเรื่องที่ผมทำมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมเท่านั้น ครืดดดด ครืดดดด เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น โชว์เบอร์ ผู้จัดการผู้จัดการ: ม่อน เธออยู่ไหน ! ( ผู้จัดการทำเสียงดุ เธอน่าจะเห็นข่าวของผมที่มหาวิทยาลัยวันนี้แล้ว )ม่อน: บนรถครับกำลังจะกลับคอ
ม่อนประวัติชื่อ ฐากูร ฤกษ์รักษ์ (ม่อน)อายุ 27 ปี จบบริหารธุรกิจที่ต่างประเทศ ตอนนี้ทำธุรกิจส่วนตัวหลายแหล่งที่ไม่ได้ทำร่วมกับพ่อ คือ หอพัก คอนโด แถวมหาวิทยาลัยในหลายๆ แห่ง และมีบ้านพักตากอากาศส่วนตัวในสถานที่ท่องเที่ยวมากมายพ่อของฐากูร คือ ฐานัท ฤกษ์รักษ์ ทำงานด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและนอกประเทศ และมีบ่อนคาสิโน ผับบาร์ คอนโด ห้างสรรพสินค้า ที่ดิน และมหาวิทยาลัยเอกชนมากมายหลายแหล่งทั้งในและนอกประเทศ มีทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย และแน่นอนว่ากฎหมายก็เอาผู้มีอำนาจแบบเขาไม่ได้ ไม่งั้นกิจการคงไม่รุ่งเรืองมาตลอดจนถึงวันนี้ ที่ๆ เขาเรียกกันติดปากก็คือมาเฟีย เลิกกับภรรยาตั้งแต่ที่ม่อนยังเด็ก ภรรยาฐานัทหรือแม่ของฐากูร คือ พรชิตา ฤกษ์รักษ์ (พิมพ์) เลิกกันด้วยเหตุผลใดๆ ไม่ได้นอกจากเรื่องผู้หญิง การทำงานด้านดีต้องพบปะผู้คนมากหน้าหลายตาจึงทำให้ได้เลิกลากับภรรยาก็เลยทำให้ม่อนกับพ่อไม่ค่อยถูกคอกันสักเท่าไหร่ ไม่อยากใช้เงินที่พ่อให้ แต่ม่อนก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่สืบทอดทายาทธุรกิจของครอบครัวเพราะพ่อกับแม่ของเขาสร้างมาด้วยตัวเองกับมือถึงจะมีม่อนในทุกวันนี้ได้ อย่างน้อยผมก็ไม่ใช่ลูกอกตัญญู แ
ฉันโดนร่างใหญ่อุ้มท่าเจ้าหญิงและตอนนี้ฉันกำลังคิดว่าแด๊ดดี้ของฉันกำลังอุ้มฉันเข้าห้องเพื่อไปนอน ฉันเอามือเรียวเล็กโอบคอเขาไว้และเอาหน้าซุกไปที่อกแกร่งพอผ่านไปแปปหนึ่งฉันก็คิดว่าผู้ชายตรงหน้าฉันเป็นใครกัน กล้ามาอุ้มฉันได้ยังไง!!พอตั้งสติได้ฉันก็ดิ้นพล่านอยู่ในอุ้งมือที่กำลังอุ้มฉันอยู่" คุณเป็นคายยยมาอุ้มส้มทำมายยย ปล่อยยนะ " ฉันดิ้นสุดแรงแต่ดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด คนอะไรถึกเป็นบ้าเลย" อ้าวสาวน้อย ไม่เรียกผมแด๊ดดี้แล้วเหรอ หื้มม " เขาพูดขึ้นพร้อมก้มลงมาจุ๊บหน้าผากฉันเบาๆ" อี๋ๆ คุณทามอารายหน้าผากน้อยๆ ของฉันหะ! คุณไม่ใช่แด๊ดดี้ฉาน ปล่อยฉานลงเดี๋ยวนี่เลย " ฉันที่ตอนนี้สั่งเขาแล้วกำลังพูดไม่หยุด แต่พูดยังไงคิดว่าเขาจะปล่อยเธอไปเหรอ ไม่มีทาง!" หน้าผากน้อยๆ ของเธอ กำลังจะเป็นของฉันยังไงล่ะ " ติ้งงงง เสียงลิฟต์โรงแรมเปิดออก พร้อมกับคนร่างใหญ่ที่กำลังใส่รหัสประตูแล้วเปิดประตูห้องเข้าไปทันที ฉันที่กำลังดิ้นพล่านอยู่ก็โดนปล่อยลงตรงโซฟาสีเทาขนาดใหญ่ ฉันที่ตอนนี้กำลังเริ่มมีสตินิดหน่อยมองไปที่ผู้ชายตรงหน้า ที่กำลังยืนจ้องมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า" คะ คุณฐากูร! " ฉันลุกพรวดขึ้นจากโซฟาทันที เม
ปังงงงง!!!!เสียงฐากูรลุกขึ้นตบโต๊ะอย่างแรงเมื่อได้ยินพี่เต้ปลายสายพูดว่ายัยตัวเล็กที่เขากำลังตามติดเธออยู่ตอนนี้กำลังเมามาย แถมยังใส่ชุดว่ายน้ำตัวสั้นจิ๋วอวดเรือนร่างขาวๆ ให้คนอื่นชายตามองกันเป็นร้อยๆ คน" คุณฐากูรเป็นอะไรหรือเปล่าคะ " ขณะที่ฐากูรลุกขึ้นตบโต๊ะอย่างแรง ลิลลี่ลูกสาวของบริษัทที่ผมเจรจาธุรกิจอยู่พูดขึ้น ลิลลี่ คือนักศึกษานิเทศศาสตร์ปี 4 ซึ่งเป็นลูกกับคุณวัลลพหุ้นส่วนของบริษัทผม 4% และนั่นก็คือเธอรู้ตัวตนของผมตั้งแต่ทีแรกว่าผมคือ ฐากูร ฤกษ์รักษ์ ไม่ใช่พี่ม่อนที่มหาวิทยาลัยเหมือนที่คนอื่นๆ รู้จัก ก่อนที่ผมจะมาเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่ ลูกสาวคุณวัลลพพึ่งจบม.6 และรู้ว่าผมจะเข้ามหาวิทยาลัยของพ่อผมเธอก็วิ่งแจ้นมาเข้าคณะเดียวกับผม และเกาะติดผมอยู่อย่างนั้นจนขึ้นปี 4 แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอมากนัก เธอสวยครับ เซ็กซี่มาก นมเป็นนม เอวเป็นเอว แต่ถึงจะสวยมากขนาดไหนผมก็ไม่เคยชายตามองเธอเลยสักครั้ง เธอเคยบอกชอบผมหลายต่อหลายครั้ง ผมก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง ถ้าไม่ติดว่าคุณวัลลพเป็นหุ้นส่วนบริษัทของผมอยู่ผมก็คงจัดการและเขี่ยผู้หญิงคนนี้ไปตั้งนานแล้ว รำคาญ!!" ผมมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ! " พูดจบผมก็ร
ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นข้อความที่คุณฐากูรส่งมาส้มส้ม: ได้รับแล้วค่ะฐากูร: ตอบช้าจังครับแล้วฉันก็ไม่ตอบข้อความอีกเลย ฉันเป่าผม ใส่เสื้อผ้า และก็นอนหลับด้วยความเพลีย -..-พัทยาฉันกับแตงโมพอถึงห้องพักก็แยกย้ายกันไปอยู่คนละห้องเพื่อเอาสัมภาระของตัวเองไปเก็บ" ส้มส้ม คืนนี้ 19.00 น. เจอกันนะจ๊ะ วันนี้จะมีปาร์ตี้ริมหาด เห็นว่าเจ้าของหาดและเจ้าของโรงแรมที่เราพักอยู่จะจัดปาร์ตี้ให้นั่งท่องเที่ยว เที่ยวฟรี! " แตงโมบอกฉันพร้อมกับเดินลากกระเป๋าเข้าห้องตัวเองไป Line ( แตงโม )แตงโม: ส้มส้มเสร็จยัง เดี๋ยวฉันเข้าไปหาแกที่ห้องนะ ส้มส้ม: โอเคก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น" นี่แกยังไม่ใส่ชุดว่ายน้ำที่ฉันซื้อให้แกอีกเหรอเนี่ยย " แตงโมถามฉันหน้ายู่ไปหมด" ฉันว่ามันโป๊ไปอ่ะ " ฉันจับชุดที่ไม่ใช่ชุดยกขึ้นมาดูต่อหน้าฉันกับแตงโม" ใส่เลยๆ มานี่ " แตงโมจับฉันแต่งตัว แต่งหน้า ทำผม เปลี่ยนลุคให้ฉันใหม่หมด" ว้าวววว เพื่อนฉันซ่อนรูปขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยยยย 0.0 " แตงโมพูดพลางจับตัวฉันหมุนไปรอบๆ" เลิศ! ปัง! คนทั้งหาดต้องมองมาที่ฉันกับแกแน่นอน! " พูดจบแตงโมก็จับฉันลากออกจากห้องทันทีพอถึงริมหาดมอง
หอพักคุณฐาพอฉันกลับถึงห้องก็รีบเปิดประมวลท่องมาตราต่อ ฉันก็พอจะจำได้แล้วแหล่ะ แต่ก็แค่เปิดอ่านทบทวนก็แค่นั้นLine เสียงไลน์ของฉันเด้งขึ้น ฐากูร: ตกลงจะให้ผมรับผิดชอบยังไงครับ ผมไม่ชอบติดค้างใครส้มส้ม: ไม่เป็นไรค่ะฐากูร: แต่ผมเป็นฐากูร: บอกมาเถอะครับส้มส้ม: ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ( ฉันไม่เป็นไรจริงๆ และฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบอะไรฉัน ฉันได้แต่คิดในใจ )ฐากูร: ผมไม่ชอบติดค้างใครครับ !ส้มส้ม: งั้น เอาอย่างนี้นะคะ...ฐากูร: ครับผมส้มส้ม: คุณกับฉันห้ามมาเจอกันอีกดีกว่านะคะ เพราะถ้ายิ่งเจอก็จะยิ่งเป็นข่าว เข้าใจนะคะฐากูร: เข้าใจครับพอฉันบอกเขาไปแบบนั้นและเขาตอบกลับฉันมาว่าเขาเข้าใจแล้ว ฉันก็โล่งใจทันที ฉันก็ปิดโทรศัพท์แล้ววางลงข้างๆตัวเอง และเปิดประมวลท่องมาตราต่อมหาวิทยาลัย" เย้! ในที่สุดก็สอบเสร็จแล้ว ป่ะไปฉลองกันส้มส้ม " แตงโมบอกเกาะแขนฉันเดินตั้งแต่ออกจากห้องสอบลงมาบันไดจนถึงล่างตึกนิติ" โอเคๆ " ฉันยิ้มตาหยีแก้มบาน เพราะดีใจสอบเสร็จสักที ท่องมาตราปวดหัวซะมัดเลย" ปิดเทอมตั้ง 3 สัปดาห์แกจะไปไหนอ่ะ " แตงโมถามฉัน" ฉันจองตั๋วเครื่องบินไว้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดน่ะ น่าจะอีก 1 ส
" นี่ค่ะเงินคุณ ต่อไปอย่าเอาเงินมากมายมาให้ฉันแบบนี้นะคะ " ฉันยื่นเงินให้เขาพร้อมพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก" ก็ผมบอกว่าค่าเสียหายไงครับ " เขาพูดพร้อมมองหน้าฉัน แต่ยังไม่หยิบซองเงินบนโต๊ะทานข้าวไป" มันเยอะเกินไปค่ะฉันรับไว้ไม่ได้หรอก ถ้าจะรับผิดชอบรับผิดชอบอย่างอื่นดีกว่านะคะ เช่น.. " ฉันยังพูดไม่จบเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาหาฉันที่นั่งอยู่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พร้อมก้มหน้าลงปะใบหน้าฉันใกล้มากจนจมูกของเราสองคนชนกัน ฉันสะดุ้งโหยงเพราะไม่เคยใกล้ผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน" คะ คุณจะทำอะไรคะ " ฉันพูดพร้อมผลักหน้าอกแกร่งเขาออกเบาๆ " รับผิดชอบคุณไง " เขาพูดพร้อมแสยะยิ้ม แล้วก้มใบหน้าลงมาที่ซอกคอของฉันจนรู้สึกถึงไอร้อนจากลมหายใจของเขามาลดที่ต้นคอ ฉันกำลังที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่เขาก็กดไหล่ฉันให้นั่งลงที่เดิม พร้อมเอาปากมาจูบลงตรงคอของฉัน ฉันสะดุ้งอีกครั้งพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ จนเก้าอี้ล้มลงดังเพล้งงงง" ฉะ ฉันกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้มีสอบเช้าค่ะ " ฉันรีบเดินไปเปิดประตูบานใหญ่สีทองออกไปจากห้องนั้นทันที พอออกมาก็เห็นมีพี่เต้ และพี่ต๋อง บอดี้การ์ดมือขวาและมือซ้ายของคุณฐากูรยืนอยู่หน
ฉันที่กำลังเดินออกจากลิฟต์เดินตามหลังพี่เต้ไปเรื่อยๆ จนถึงประตูบานใหญ่สีทอง " เชิญครับ " พี่เต้เปิดประตูให้ฉันเข้าไป ฉันที่กำลังจะเดินก้าวขาเข้าไปขาสั่นริกๆ ด้วยความ งงๆ และความกลัว มองไปรอบๆ จะเห็นประตูอีกบานหนึ่งน่าจะเป็นอีกห้องหนึ่งที่สามารถทะลุถึงกันได้ มีโซฟาสีแดงเลือดหมูขนาดใหญ่นั่งได้ราวๆ 10 คน มีหนังสือมากมายในชั้นหนังสือ และตรงหน้าฉันเป็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ และมองไปอีกด้านเป็นโต๊ะอาหารที่กำลังมีอาหารวางอยู่ราวๆ เกือบ 10 อย่างได้ แต่ยังไม่เห็นเจ้าของที่จะให้ฉันพบในห้องนี้เลยแกร๊กกก เสียงเปิดประตูอีกห้องที่ฉันพึ่งมองผ่านไปเปิดออก ฉันหันไปตามเสียงนั้น " คะ คุณ " ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉันที่ใส่เสื้อสีขาวแขนยาว ปลดกระดุมตรงหน้าออกราวๆ 3 เม็ดทำให้โชว์หน้าอกแกร่งจนเห็นซิกแพคเป็นมัดๆ พร้อมกับพาดเสื้อสูทสีดำและเนคไทสีดำไว้ที่แขนข้างขวา พร้อมกับโยนลงไว้บนโซฟา" มาแล้วเหรอ " เขาทักถามฉันด้วยหน้าตานิ่งๆ " คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ " ฉันเอ่ยถามไปอย่างโง่ๆ ทั้งๆ ที่ห้องที่ฉันเข้ามาก็เขียนป้ายติดหน้าห้องอยู่แล้วว่า ห้องประธาน (ฐากูร ฤกษ์รักษ์) " ตอนเข้ามาไม่เห็นป้ายหน้าประตูเหรอใหญ่ขนาดนั้น "
ฉันยืนอยู่ปากซอยเพื่อรอแท็กซี่ พอฉันขึ้นรถแล้วก็บอกคนขับไปว่าจะไปที่ไหน" บริษัท M ค่ะ " ฉันเอ่ยบอกลุงคนขับไป" บริษัท M ไปทำไมล่ะหนู ทำงานที่นั่นเหรอ " ลุงคนขับถามขึ้นพร้อมมองบนถนนขับรถไป " ไม่ค่ะ " " อ่อ ลุงคิดว่าทำงานที่นั่น เห็นเขาว่ากันว่าเป็นบริษัทของลูกชายมาเฟีย " ลูกชายมาเฟียงั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาหรอกมั้งฉันคิดในใจ เขาอาจจะทำงานที่นั่นก็ได้ เห็นแต่งตัวดีแบบนั้นอย่างน้อยก็น่าจะมีตำแหน่งสูงๆ " ลูกชายมาเฟียเหรอคะ " ฉันเอ่ยถามลุง" ใช่แล้วแม่หนู เห็นว่าพึ่งเรียนจบมาจากต่างประเทศได้ 3 ปี ก็ทำธุรกิจอสังหาหลายแหล่ง ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย " นั่นไง แสดงว่าฉันคิดถูก เขาพึ่งเรียนอยู่ปี 4 เอง แถมมหาลัยเดียวกับฉันด้วย อาจจะทำงานที่นั่น หรือกำลังฝึกงานอยู่ก็ได้ !" แล้วลุงเคยเห็นเขาไหมคะ " ฉันถามไปเพราะความอยากรู้จริงๆ ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ฉันรู้สึกชื่นชมเขามาก เก่งจริงๆ คงเหนื่อยไม่น้อยที่จะต้องดูแลธุรกิจใหญ่ขนาดนี้" ลุงไม่เคยหรอกหนู เห็นเขาว่ากันว่าเขาเป็นคนชอบเก็บตัว ไม่มีใครเจอหน้าตาเขาหรอก อีกอย่างเขาไปเรียนต่างประเทศมาหลายปี กลับมาไทยก็คงไม่มีใครรู้หน้าร
มหาวิทยาลัยวันนี้เป็นการสอบไฟนอลเทอมแรกของทุกๆ คณะ และตอนนี้ก็พากันสอบเสร็จหมดแล้ว ฉันกับแตงโมเลยนั่งเล่นกันก่อนที่ใต้ตึกนิติ" ข้อสอบอะไรยากซะมัด เนาะแก " แตงโมหันมาบ่นกับฉันพร้อมทำหน้ายู่ยี่" ก็แกไม่อ่านหนังสือไง " ฉันตอบกลับไปตรงๆ " ก็ฉันไม่ว่างนี่น๊าา " แตงโมตอบกลับมาเสียงอ่อนลง แต่ทำท่าทางน่ารักๆ ไม่ได้โกรธที่ฉันพูดไปตรงๆ " ไม่ว่าง หรือวิ่งตามน้องเร! " ทุกวันนี้หลังจากพี่ม่อนของมันออกจากวงการไม่กลับไปด้านวงการบันเทิงอีก ยัยเพื่อนตัวดีของฉันก็วิ่งตามน้องเรของมันทุกงาน ย้ำทุกงาน! กรี๊ดดดด กรี๊ดดดดด เรมาาาาา เสียงกรี๊ดของคนที่พึ่งทยอยลงออกจากห้องสอบกรี๊ดดดดขึ้นมา ฉันกับแตงโมหันไปตามเสียง ก็เห็นหนุ่มหล่อ น่ารัก ยิ้มทีโลกละลาย กำลังเดินมาทางคณะฉัน พร้อมโบกมือส่งยิ้มให้แฟนคลับของเขาอย่างเป็นมิตร" กรี๊ดดดดด น้องเร มาได้ยังไงเนี่ย! " แตงโมลุกพรวดขึ้นพร้อมกรี๊ดดดตามพวกแฟนคลับพวกนั้นแต่น้องเรอะไรของยัยแตงโมกำลังเดินมาทางฉันกับแตงโม ยิ่งทำให้เสียงกรี๊ดดังขึ้นมากกว่าเดิม และยัยแตงโมนกใจอ้าปากค้างและรีบนั่งลงทันที " ใช่ พี่ส้มส้มหรือเปล่าครับ " เรพูดขึ้นพร้อมมองมาทางฉันและยิ้มหวานให้
ฉันหันหน้ากลับไปตามเสียงทุ้มๆ ที่รู้สึกคุ้นหูของใครบางคน " คุณ! " พอฉันเห็นใบหน้าที่แทบจะคุ้นตาก็เลยอุทานออกมาอย่างตกใจ! พร้อมกับพี่เต้คนขับรถ หรือมือขวาคนสนิทของเขานั่นเอง" พึ่งเห็นฉันหรือไง! " เขาตะคอกฉันเสียงดัง จนคนแถวนั้นหันมามอง" คะ คุณ จะเสียงดังทำไมคะ คนอื่นเขามองกันหมดแล้ว " ไม่พูดเปล่าฉันรีบหันหน้ากลับไปและกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ" ไปไหน! " เขาถามฉันขึ้นมาอีกรอบ" ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ จะตามไปด้วยเลยไหมล่ะคะ -..-^ " ฉันพูดแกมประชดเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าตอบกลับฉันไปแบบนั้น" หึ! ได้เหรอ ไปสิ " ขะ เขาตอบกลับมาทำเอาหน้าฉันเปลี่ยนสี คิ้วทั้งสองข้างของฉันขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจนัก แต่กลับอีกคนที่มีสีหน้าท่าทางยิ้มแย้มต่างจากรอบที่แล้วอย่างสิ้นเชิงครืดดดด ครืดดดด เสียงโทรศัพท์ฉันดังขึ้น พร้อมโชว์เบอร์แตงโมอีกครั้ง " นี่แก! ฉันกินจนจะอิ่มอยู่แล้ว ทำไมไม่มาสักที " แตงโมพูดขึ้นพร้อมอารมณ์หงุดหงิดมากกว่ารอบที่แล้ว" ขอโทษๆ ฉันกำลังลงไปแล้ว พอดีเจอหมาบ้าน่ะ " ฉันพูดพลางหางตามองไปทางอีกคนที่ยืนอยู่อย่างไม่พอใจอีกครั้ง" มะ หมาบ้า หมาบ้าที่ไหนแก เข้ามาห้างได้ด้วยเหรอ " แตงโมพูดขึ้นอ