“ข้าจะตัดเงินเดือนเจ้า โทษฐานไม่ฉลาด ปลาน่ะรู้จักกินเข้าไปเยอะ ๆ หน่อยจะได้คิดเรื่องซับซ้อนได้ทันคนอื่นเขา” “ข้าน้อยผิดหรือขอรับ” “ใช่เจ้าผิด! ผิดที่ไม่รู้จักเสแสร้งเพื่อข้า” “เจ้าด้วยฟง” ฟงได้แต่อ้าปากค้าง เขาเพิ่งเดินมาถึง ยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ พี่ชายบุญธรรมก็ทำเสียงฮึดฮัดใส่ แล้วรีบจ้ำอ้าวจากไปทันที นี่หากเขาเดาไม่ผิด คงหนีไม่พ้นเรื่องศิษย์พี่ของเขาอย่างแน่นอน ไม่มีใครในโลกจะทำให้พี่ชายของเขา เสียอาการได้มากถึงขนาดนี้ นอกจากศิษย์พี่จื่อเว่ยเท่านั้น จะว่าไปแล้วสองคนนี่! ก็ปากแข็งด้วยกันทั้งคู่ “เรื่องศิษย์พี่อีกแล้วใช่ไหม” “ขอรับ ข้าน้อยผิดเองที่ไม่ได้ถามนาง” “ฮ่า ๆ เจ้านี่น่า ข้าบอกแล้ว ว่าบางครั้งให้รู้จักหน้าด้านหน้าทนแบบข้าบ้าง ต่อให้ศิษย์ด่ามายาวดั่งสายน้ำ สำหรับท่านพี่หย่งสือแล้วนั่นคือคำบอกคิดถึงจากนางรู้ไหม” “ก็ท่านฟงเป็นศิษย์น้องนางเพียงแค่ด่า แต่ข้าเล่านางอาจฝากรอยแผลมาบอกคิดถึงท่านหย่งสือแทนก็เป็นได้นี่ขอรับ แถมข้ามิอาจตอบโต้นางได้ด้วยนะขอรับ” “ต่อไปเจ้า
ส่วนเงาอีกสามคนที่ต้องติดตามฟง เพื่อเดินทางไปส่งนายหญิงน้อย ต่างพากันพ่นลมหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอก พวกเขาโชคดีที่จะได้ลิ้มรสอาหารฝีมือของนายหญิงน้อย แม้จะในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็นับว่ามีบุญยิ่งนัก“อะ…แฮ่ม!”ฟงกระแอมไอเตือนทุกคน ต่อให้เป็นหยางเจี่ยน เขาคิดว่าพี่ชายบุญธรรมคงไม่ละเว้นเป็นแน่ ที่อาจหาญแตะต้องหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนของผู้เป็นพี่ชาย“ไม่มีปัญหาใช่ไหมทุกคน แน่นอนว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลตน น้องรองมีหรือจะฝีมือแตกต่างจากท่านแม่ จริงไหม!”“ขอรับ/เจ้าค่ะ”เงาทุกคนจำต้องรับคำของคุณชายใหญ่ แม้จะรู้สึกขนลุกไปทั้งกายอยู่ก็ตามที หยางเจี่ยนรู้สึกว่าเขาเดินกลับมาผิดจังหวะ เขาตั้งใจเอายามาให้มารดา แต่ทว่าเป็นจังหวะที่น้องสาวตัวดี เสนอจะทำขนมให้ทุกคนกิน เขาเลยพลั้งปากออกไป“พี่ใหญ่แถจนสีข้างถลอกหมดแล้วนะเจ้าคะ หากข้าจะทำมีใครกล้าที่จะไม่กินบ้าง”“ไม่มีขอรับพี่รอง ข้ารู้ว่าพี่รองเก่งที่สุดขอรับ”“ใช่จะน้องรัก ต่อไปพี่จะซื้อของกินที่อร่อยที่สุดในเมืองหลวงให้เจ้ากินทุกวันเลย”“จริงหรือขอรับ”“สายมากแล้ว”หยางเจี่ยนเอ่ยแทรกขึ้น ทว่าสองแสบกลับหาได้สนใจคำของเขาไม่ ทั้งคู่เดินหอบห่อผ้าที่เต็มไปด้วยขอ
“หากเราช้าลงอีกสักหน่อย จะทันวันงานหรือไม่ขอรับ” “น่าจะถึงก่อนวันงานสักสองสามวันขอรับ” “เช่นนั้นเราช้าลงอีกนิดก็ได้ขอรับ เท่าที่ข้าจำไม่ผิด พี่ฉินชีบอกเองมิใช่หรือขอรับ ถนนเส้นข้างหน้านี่ มีโจรป่าหลายกลุ่ม เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เราไม่ควรเร่งรีบจนเกินไป” “ใช่ขอรับ นับจากนี้อีกไม่กี่ลี้ จะมีโจรป่าออกมาคอยดักปล้นอยู่บ่อยครั้ง ตามจริงพวกเราอาจไม่เป็นที่สนใจ แต่เพราะเรามีผู้หญิงมาด้วยหลายคน ย่อมยากที่จะรอดสายตาโจรพวกนั้นไปได้” “พี่คิดว่าเราพอจะรับมือ โจรพวกนั้นได้หรือไม่ขอรับ” “ข้าน้อยมิอาจบอกได้ขอรับ เกรงแต่พวกมันจะพุ่งเป้ามาที่คุณหนูใหญ่กับเจินจู ชิงหลิงเท่านั้นขอรับ” “พี่อย่าได้ห่วงพวกนางเลย ถึงพวกนางจะมิได้เก่งกาจเท่าพี่หรือท่านลุง แต่ข้ามั่นใจว่าพวกนาง จะไม่ปล่อยให้ตนเองตกเป็นเป้านิ่งอย่างแน่นอนขอรับ” “ข้าน้อยจะมิให้ผู้ใด ได้แตะต้องคุณชายกับคุณหนูขอรับ” ทั้งคู่เริ่มชะลอม้าให้ช้าลง เมื่อพ้นเขตป่าไผ่ออกมาได้พอสมควร จางหย่งสือสั่งให้เงาทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม เขารู้จักเส้นทางนี้ดี เพราะเลี
“ระวังหน่อย!” หยางเจี่ยนคว้าร่างน้องสาวให้เบี่ยงหลบอาวุธของศัตรูได้ทัน พร้อมเอ่ยเตือนอย่างไม่จริงจังนัก เพราะเขารู้ดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ ยากนักจะดูแลตนเองให้ปลอดภัยได้เต็มที่ สองพี่น้องหันหลังชนกัน พร้อมกวัดแกว่งอาวุธในมือรุกรับศัตรูอย่างหนักหน่วง แม้จะสิ้นหัวหน้าโจร ทว่ารองหัวหน้าหรือคนอื่นที่อยากแทนที่ ย่อมต้องพยายามสร้างผลงาน เพื่อขยับฐานะของตนเองในชุมโจรอยู่แล้ว เหลียนฮวาได้แยกจากพี่ชาย เมื่อเห็นเงาสาวทั้งสองกำลังตกอยู่กลางวงล้อมของศัตรู ร่างงามฝ่าเข้าสู่กลางวงล้อมเพื่อปกป้องคนสนิททั้งสอง“คุณหนู!”ชิงหลิงกับเจินจูเข้าประชิดร่างของผู้เป็นนายเพื่อคุ้มกัน หากเป็นนายบ้านอื่นคงยากที่จะเห็นภาพเช่นนี้ หญิงสาวทั้งสามขยับเท้าเดินเป็นวงกลม อย่างช้า ๆ เพื่อหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ “น่าเสียดายนะขอรับ ที่ต้องสังหารพวกนาง” หนึ่งในกลุ่มโจรเอ่ยขึ้น พร้อมใช้สายตาโลมเลียหญิงสาวทั้งสาม ด้วยความหื่นกระหาย “พวกนางจะอยู่บำเรอเราไปอีกนาน ฮ่า ๆ” รองหัวหน้าโจรหัวเราะก้องด้วยความหยามใจ เมื่อนึกถึงความพยศของพวกนางยามอยู่ใต้ร่างขอ
“หลานสาวข้ารู้จักการใช้เงิน พวกเจ้าไปสำรวจพวกที่เหลือซิ! ลงแรงก็ต้องได้รับผลกำไร” “ขะ...ขอรับ” เงาทั้งหมดรับคำผู้เป็นนาย ก่อนจะพยายามตั้งสติว่าพวกเขาได้ยินคำสั่งไม่ผิด “เสื้อผ้าเสียหาย ร่างกายมีบาดแผล ทุกอย่างย่อมต้องใช้เงินในการรักษาและซ่อมแซม พวกเจ้าคิดว่าข้าพูดผิดหรือไม่” “ไม่ผิดขอรับ นายท่านรอสักครู่ ประเดี๋ยวพวกข้าจะรีบกลับมาขอรับ”ไม่มีใครแปลกใจความเหมือน ทางสายเลือดของคุณหนูใหญ่กับนายท่านหย่งสือเลยสักนิด หากคนภายนอกไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นลุงหลาน คงคิดว่าเป็นพ่อลูกกันมากกว่าหลังจากสั่งการผู้ติดตามทั้งสองเสร็จสิ้น ร่างสูงได้เดินสำรวจร่างกายของโจรป่าที่สิ้นใจไปแล้ว พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเช่นเดียวกับหลานชายหญิงในตอนที่ได้พบกับเศษเงินหรือของมีค่าบนกายของคนตาย แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นความสุขของหลานรัก ที่ลุงอย่างเขายินดีทำตามเรื่องเช่นนี้ถือว่าไม่ผิด เพราะถ้าคนที่นอนสิ้นใจอยู่เป็นพวกเขา โจรกลุ่มนี้ก็ต้องทำเช่นเดียวกันอยู่ดี ในเมื่อโชคหมุนมาลงที่พวกเขาให้รอดชีวิต ผลกำไรก็ควรตกเป็นของพวกเขาเช่นกันทำให้สายตาอี
“หึ ๆ ข้าละสงสารท่านแม่ทัพจ้าวผู้นั้นยิ่งนัก” “สงสารที่เขามีคู่หมั้นหน้าตางดงามเยี่ยงข้าใช่หรือไม่ ของแบบนี้มันอยู่ที่วาสนาล้วน ๆ เจ้าค่ะ” “หึ ๆ คงเป็นอย่างนั้น” คำพูดของหยางเจี่ยน เรียกเสียงหัวเราะของทุกคนให้ดังขึ้นอย่างครื้นเครง กลบบรรยากาศอันหนักอึ้งไปได้ในพริบตา หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย ขบวนรถม้าอันโอ่อ่าของทายาทสกุลเฉิน ได้เคลื่อนออกจากหน้าโรงเตี๊ยม เพื่อเข้าสู่เมืองหลวงเมืองหลวงอู๋เป่ยเพียงขบวนรถม้าก้าวพ้นประตูเมืองเข้ามา ทุกสายตาของชาวเมือง ต่างจับจ้องไปยังขบวนรถม้าเป็นจุดเดียว โดยเฉพาะชายหนุ่มในอาภรณ์สีดำปักลวดลายด้วยดิ้นทอง บอกได้ถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของชายหนุ่มทุกการขยับกายตามการก้าวเดินของอาชาตัวใหญ่ ทำให้หญิงสาวหลายคนเผลอกลืนน้ำลาย ด้วยรูปร่างที่องอาจไม่ต่างจากนักรบ เรียกได้ว่าสะกดทุกความเคลื่อนไหวของหญิงงามทั้งหลายได้ชะงัดนักหยางเจี่ยนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ชายหนุ่มรู้ดีว่าสิ่งนี้จะทำให้สตรีมากมายสิโรราบต่อเขา แม้ว่านี้มิใช่ความตั้งใจ แต่มันคืออีกตัวตนที่แตกต่างจากคุณชายใหญ่สกุลหรง หากเหมือนกันจนเกินไป ไม่ช้าตัวตนของเขาก็ถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน
ภายในรถม้า “ดูคึกคักดีนี่! ภายนอกสงบเงียบไยภายในระอุร้อนนักเล่า”มือบางเปิดม่านหน้าต่างออกเพียงครึ่ง พอให้ได้เห็นบรรยากาศภายนอก ผู้คนและร้านรวงต่าง ๆ เรียกได้ว่าแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน“มิสู่เสิ่นโจวเราหรอกเจ้าค่ะ แม้จะเป็นเมืองหน้าด่านทว่าคึกคักกว่านี้หลายเท่าเจ้าค่ะ” เจินจูเอ่ยกับผู้เป็นนาย“เสร็จเรื่องทางนี้เราก็ได้กลับกันแล้วเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นข้าจะได้ขี่ม้าท่องไปกับขบวนสินค้าของเรา”สามนายบ่าวมองไปด้านนอกอย่างมีความหวัง เพราะดูแล้วเมืองหลวงหาได้เหมาะกับพวกนางเลยแม้แต่น้อย“แต่ดูเหมือนผู้คนจะให้ความสนใจสกุลเฉินไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ”ชิงหลิงเอ่ยขึ้นบ้าง หลังจากที่นางสังเกตสายตาของชาวเมือง ที่จับจ้องมายังคณะเดินทางมากเป็นพิเศษ หากจะว่าเพราะความโอ่อ่าของรถม้าก็ไม่น่าจะใช่ ด้วยคนมีฐานะร่ำรวยในแผ่นดิน ล้วนใช้รถม้าหรูหรากันแทบทุกสกุล “แบบนี้ดีแล้ว เวลานี้สกุลจางจะได้ไม่ถูกจับจ้องจนเกินไป”หรงเหลียนฮวาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบช้า นับว่าพี่ชายของนางอ่านหมากกระดานนี้ได้ดีพอสมควร อย่างน้อยการเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู จะทำให้การปรากฏตัวของพวกนางสามพี่น้อง ตื่นตาตื่นใจสำหรับครอบครัวบิด
“งดงามอ่อนหวานเช่นมารดานั่นดีแล้วฮวาเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้เอาเยี่ยงอย่างของใครบางคนมาใช้เด็ดขาดรู้หรือไม่” จื่อเว่ยยังมิวายจิกกัดจางหย่งสือ“เจ้าหมายถึงผู้ใด!”“มีมารยาทหน่อยคุณชายจาง ข้ากำลังพูดอยู่กับหลานสาว อย่าได้สอดแทรกนักเลย”“เจ้า...”จางหย่งสือใบหน้าร้อนวูบไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกเหลียนฮวาว่าหลานสาว แววตาพึงพอใจพาดผ่านไปชั่วขณะ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว"หยางเจี่ยนคารวะท่านลุง ท่านป้าจื่อเว่ยขอรับ"หยางเจี่ยนช่างใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเข้าไปภายในห้อง ชายหนุ่มเริ่มพอจะมองความรู้สึกของทั้งคู่ออกบ้างแล้ว"หยางไท้คารวะท่านลุง ท่านป้าจื่อเว่ยขอรับ"หยางไท้รีบกล่าวตามพี่ชายทันที ก่อนจะมีสงครามสายตาหรือน้ำลายเกิดขึ้นอีก"ไยจึงชักช้ามิรีบเข้ามาเล่าเจี่ยนเอ๋อร์ ไท้เอ๋อร์ รึเจ้ารู้สึกว่าในห้องนี้มันเต็มไปด้วยความอึดอัด"จื่อเว่ยทำเพียงนั่งลงเงียบ ๆ โดยไม่คิดสนใจคำเหน็บแนมของศิษย์ผู้พี่ หญิงสาวกำลังประเมินสามพี่น้องสกุลหรงอย่างตั้งใจ ก่อนจะยกชาขึ้นจิบด้วยความสงบสามพี่น้องมีทั้งความเหมือนและแตกต่าง แม้ว่าสองคนแรกจะเป็นฝาแฝด แต่เพราะเป็นชายหญิงจึงมีความต่างอยู่ค้อนข้างมาก ส่วนคนเล็ก
สามพี่น้องคลี่ยิ้มกับแขกในงานตามมารยาท หลายสกุลเริ่มค้นหาตัวตนของทั้งสาม เพราะข่าวที่ได้ยินมานั้นคุณชายใหญ่ในท่านเสนาบดี ทำตัวราวอันธพาล น้องสาวฝาแฝดมากด้วยตัณหาทำตัวเหลวแหลกกับบุรุษมากหน้า บุตรชายคนเล็กในฮูหยินใหญ่สติปัญญามิเต็มเท่าใดนักทว่าในเวลานี้สามพี่น้องไร้ซึ่งลักษณ์ที่ถูกกล่าวอ้าง ทั้งยังไร้วี่แววของสติปัญญาอันอ่อนด้อยอย่างที่เป็นข่าวแผ่กระจาย ตรงกันข้ามทั้งสามดูสูงค่าสมสายเลือดของบิดามารดายิ่งนัก“ยินดีกับท่านราชครูขอรับ ที่คุณชายคุณหนูทั้งสามกลับสู่เมืองหลวงแล้ว ช่างเป็นนิมิตรหมายอันดียิ่งนักขอรับ”หนึ่งในขุนนางอาวุโสได้ลุกขึ้นเอ่ยขึ้นเสียงดัง คล้ายดังหมัดมือชกสามพี่น้องอยู่ในที ซึ่งทั้งสามยังคงความสงบนิ่งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี“ย่อมต้องเป็นวันดีสิท่านเจ้ากรม หลาน ๆ ของข้าที่ติดตามสะใภ้ข้าไปรักษาตัวนานหลายปีกลับมาทั้งที คืนนี้เรามาร่วมฉลองกันเต็มที่ เชิญทุกท่านดื่ม”สาวใช้ได้ยกถาดใส่จอกสุรายื่นส่งให้สามพี่น้อง เพื่อร่วมดื่มอวยพร ตามคำเชื้อเชิญของเจ้าบ้าน หยางเจี่ยนรับมาอย่างว่าง่าย ก่อนจะช้อนสายตามองน้องสาวและน้องชายกลิ่นที่เจือจางอาจไม่สร้างความแคลงใจต่อผู้อื่น แต่มิใช่เขาส
เมื่อหนุ่มสาวอีกสามคน ได้ก้าวมายืนอยู่สองข้างชายหญิงผู้มาเยือน โดยเฉพาะเจ้าของงานและบุตรชาย ที่แทบเหมือนถูกฟ้าฝ่าลงมากลางแสกหน้าทำได้เพียงยิ้มแกน ๆ ก้าวออกไปต้อนรับแขกใบหน้าที่แทบจะเหมือนกับท่านเสนาบดีหรงจิ่ง ไม่ต้องให้ผู้ใดมาบอกว่าทั้งสามคนคือใคร สกุลหรงทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งสามคือทายาทสายตรง ที่พวกเขาคิดว่าตายไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเจียงชูเหนียงถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อเห็นชัดตาว่าใครที่ติดตามจางหย่งสือมาร่วมงาน ทุกปีสกุลจางเพียงแค่ส่งตัวแทนมาเท่านั้นทว่าปีนี้คุณชายใหญ่สกุลจางมาด้วยตนเอง ไม่ต้องคาดเดาถึงเหตุผลของการมาร่วมอวยพรในครานี้เลย หากไม่เพราะสามพี่น้องที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วจะมีสิ่งใดจูงใจคนหยิ่งผยองเช่นจางหย่งสือให้มาเหยียบสกุลหรงได้เล่า“คุณชายจาง เอ่อ...”ท่านราชครูหรงแสร้งไม่รู้ว่าหนุ่มสาวด้านข้างของจางหย่งสือคือผู้ใด แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ตามที รอยยิ้มที่คล้ายจริงใจของเจ้าบ้าน ทำให้สามพี่น้องแอบแอบเยาะหยันเจ้าของงานอยู่ภายในใจ“นี่คือคุณหนูฟางจื่อเยว่ คู่หมั้นของข้า”“จื่อเยว่ข้าคารวะท่านราชครู”จื่อเยว่ย่อกายงดงามราวสตรีในรั้ววัง ทำให้บุรุษหลาย
“อื้อ!” จางหย่งสือกดจูบหนัก ๆ ลงไปอีกครั้ง ก่อนจะถอนใบหน้าออกอย่างรวดเร็ว“ข้ามัดจำเอาไว้ก่อน หลังแต่งงานข้าจะไม่ปล่อยเจ้าให้รอดไปเป็นครั้งที่สอง”จื่อเว่ยทำได้เพียงก้มหน้างุด นางช่างไร้ยางอายนัก กล้าทำเรื่องบัดสีนี้ได้อย่างไรกัน“อย่าได้แม้แต่จะคิดหนีข้าไปอีกเข้าใจหรือไม่ เพราะสิ่งที่เจ้าทำข้าเสียหาย ช่วยรับผิดต่อข้าด้วย”“บ้าไปแล้ว!”จื่อเว่ยไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดได้มากกว่านี้ เพราะรอยยิ้มและแววตาหวานเชื่อมของจางหย่งสือ ทำให้นางแทบละลายกองอยู่เสียตรงนี้เลยทีเดียว“ไปกันได้แล้ว มัวเล่นอันใดกันอยู่”เอ่ยจบมือหนาได้กระชากเอวขอดให้ชิดกาย ก่อนจะพาหญิงสาวเดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปขึ้นรถม้า แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าหลาน ๆ และผู้ติดตามล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หยางเจี่ยนหันกลับไปยิ้มให้กับทุกคน เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นลุง แม้ว่าในชีวิตเก่าเขาจะผ่านอะไรมาไม่น้อย แต่เรื่องความรักประสบการณ์ของเขานับว่าเป็นศูนย์ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นอกจากจะเหนือความคาดหมาย ยังเป็นการบอกรักที่หลายคนคงลุ้นจนตัวโก่งมิแพ้คู่รักหมาด ๆ อย่างแน่นอน ว่าจะมีสิ่งใดพลิกผันอีกหรือไม่หยางเจี่ยนพยักหน้าน้อย ๆ พร้
ค่ำคืนในวันถัดมา ณ จวนสกุลหรง คืนนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของท่านราชครูหรงอู่ฉี เหล่าขุนนางต่างก็ต้องประชันอวดความมั่งคั่งของตน เพื่อข่มกันในงานอยู่เนือง ๆ แน่นอนว่าหลานสาวคนโปรดเช่นหรงเหมยเหนียงย่อมต้องทำทุกวิถีทางให้ตนเองโดดเด่น และเหนือกว่าบุตรสาวสกุลอื่น หรงเหมยเหนียงกำลังพิศมองตนเองในคันช่องบนโต๊ะ ชุดสีหวานพลิ้วไหวดั่งต้องมนต์ของนาง งดงามสมกับเป็นช่างมือดีจากร้านผ้าสกุลเฉิน ใบหน้าในวัยแรกแย้มเติมแต่งได้อย่าลงตัวที่สำคัญไปกว่านั้น คืนนี้มารดาของนางจะขยับฐานะจากภรรยารอง ก้าวสู่การเป็นภรรยาเอก นางจะไม่ต้องทนกล้ำให้ใครมองว่าเป็นรองพี่สาวต่างมารดาอีกต่อไป“เรียนคุณหนู นายท่านกับฮูหยินพร้อมคุณชาย ได้รออยู่หน้าจวนแล้วเจ้าค่ะ”“อืม! ไปสิ!”ร่างงามก้าวออกจากเรือนด้วยท่วงท่าราวนางหงส์ คำตราหน้าที่นางแบกรับมาทั้งชีวิต กำลังจะได้รับการปลดปล่อยแล้วในวันนี้ บางครั้งความรักหาใช่สิ่งที่คู่ควรต่ออนาคตเบื้องหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องหัวใจ ใบหน้าของใครบางคนได้ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวราวกลองศึก เมื่อรอยยิ้มของชายหนุ่มผู้อยู่บนหลังอาชาสีดำทมิฬเมื่อหลายวันก่อน ได้ทำให้เรีย
ถนนห่างจากจวนแม่ทัพ คนชุดดำทั้งหกยืนหอบหายใจแรง ๆ ทุกคนล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะพากันหลบหนีออกมา หลังจากฉินชี ซึ่งได้เป็นคนเข้าไปช่วยคุณหนูให้พ้นมือของท่านแม่ทัพจ้าวหมิงเยี่ย“เกือบไปแล้วไหมเล่า ฮ่า ๆ”ตัวตนเหตุยังมีหน้ามาหัวเราะร่า เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นเรื่องธรรมดาเสียอย่างนั้น“พี่รองมิกลัวท่านแม่ทัพจะติดตามมาหรือขอรับ”หยางไท้ยังคงหันกลับไปมองทิศทางที่เพิ่งจากมา เขาเองก็ตกใจไม่น้อยในตอนที่เห็นพี่สาวถูกจับได้...ข้างกำแพงจวนแม่ทัพก่อนหน้า หมับ! ติ้งรีบคว้าร่างของคุณชายน้อยเอาไว้ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะพุ่งลงจากกำแพง เพื่อที่จะไปช่วยคุณหนูใหญ่ ซึ่งกำลังต่อสู้โรมรันอยู่กับคนในจวนแม่ทัพ“มิได้ขอรับ หากคุณชายเข้าไปอาจเกิดอันตรายนะขอรับ”“แต่พี่สาวของข้าเล่า”“เป็นหน้าที่ขอข้าน้อยเองขอรับ”ติ้งเป็นคนเสนอตัวไปแทนคุณชายน้อย เพราะหากบุกกันเข้าไปหมด จากเรื่องเล็กน้อยจะกลายเป็นใหญ่โตขึ้นมาทันทีอย่างแน่นอนกึก! ติ้งจำต้องหยุดกายในทันที เมื่อมีเงาร่างของใครอีกคนพุ่งออกจากความมืด ตรงไปยังผู้เป็นนายและคนในจวนแม่ทัพ เมื่อเห็นว่าคุณหนูได้ถูกพาตัวออกจากการการต่อสู้ เขาจึงได้พ
‘คงมีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะ ที่จะออกไปให้เจ้าบั่นคอ’ เหลียนฮวาเริ่มมองหาทางหนี ขืนนางยังรั้งอยู่ต่อมีหวังคงไม่พ้นต้องปะทะกันเป็นแน่ ต่อให้นางมากด้วยฝีมือ แต่หากเทียบกับจ้าวหมิงเยี่ยนางยังอ่อนหัดนัก หมับ! ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะหนีไป มือหนาคว้าไหล่ผู้บุกรุกเอาไว้ได้ทัน เหลียนฮวารีบหมุนตัวพร้อมคว้าจับข้อมือแกร่งเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกข้อมือของแม่ทัพหนุ่มในทันที เพื่อมิให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวทันปึก! หญิงสาวกระแทกกำปั้นเข้าท้องแขนของแม่ทัพหนุ่ม เพื่อผลักอีกฝ่ายให้ออกห่าง พอที่จะทำให้นางหาจังหวะหลบหนี อ๊ะ! แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อมือหยาบของแม่ทัพหนุ่ม กลายเป็นตีนตุ๊กแกไปเสียอย่างนั้น ยิ่งพยายามผลักอีกฝ่ายยิ่งติดหนึบราวกาวดักหนูหญิงสาวได้แต่ด่าทอตนเองอยู่ภายในใจ สลับกับการสรรหาคำมาเปรียบเทียบจ้าวหมิงเยี่ยกับสิ่งต่าง ๆ ยิ่งเสียงหัวเราะในลำคอของเขาเล็ดลอดออกมาให้นางได้ยิน มันเสมือนเขากำลังลงมือกลั่นแกล้งเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพหนุ่มได้นึกสนุก ลงมือเย้าแขกที่เขามิได้เชิญสักหน่อย เหลียนฮวาเม้มริมฝีปากแน่น นางรู้ได้ไม่ยากว่าเขาไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้ คน
“ขอรับท่านป้า ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ฉินชีจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะแต่ละคนใช่ธรรมดาที่ไหนกัน” หยางเจี่ยนตอบรับคำของผู้เป็นป้า“คนเราต้องรู้จักโลกภายนอก”จางหย่งสือรีบออกตัวแทนสองหลานรัก มีหรือเขาจะไม่รู้วีรกรรมของหลานชายหญิงที่กำลังออกท่องราตรี ใช่เขารักหลานลำเอียง แต่เพราะเขารู้ดีว่าภายหน้าหยางเจี่ยนต้องยืนในจุดใดและนี่คือความภูมิใจอีกหนึ่งอย่างของเขา ที่หลานชายคนโตสุขุมรอบคอบ สมกับตำแหน่งที่เขาจะส่งมอบให้ในอนาคต ส่วนสองแสบนั้นเขาให้สิทธิ์ในการเลือกทางเดินตามใจชอบ แต่ต้องอยู่ในสายตาของเขามิห่างไปไหนหยางเจี่ยนหันไปส่งยิ้มอย่างรู้กันกับผู้เป็นป้า ชายหนุ่มไม่เคยที่จะต้องเสียเวลาคาดเดา กับคำพูดของผู้เป็นลุงเกี่ยวกับน้อง ๆ เขาไม่เคยริษยาที่ทั้งคู่ได้อิสระในการเที่ยวเล่นในโลกใบเดิมนั้น น้องสาวของเขาแทบไม่มีช่วงเวลาของวัยหนุ่มสาว ส่วนหยางไท้ยังเด็กนักหากเทียบกับเด็กหนุ่มในโลกเก่า ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ที่ทั้งคู่สรรหาพาผู้ติดตามไปเที่ยวเล่นขอแค่ไม่มีใครเดือดร้อนและตนเองไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย จะเที่ยวเล่นแค่ไหนเขาก็ไม่ติดขัดอันใด เพราะอีกไม่นานความเป็นเด็กของพวกเขาก็จะสิ้
“เวลาคนเรามีไม่เท่ากันนะขอรับ เมื่อรู้สึกตรงกันก็อย่าได้ปิดโอกาสเสียล่ะขอรับ”หยางเจี่ยนเอ่ยขึ้นในขณะที่ฉินชีก้าวห่างออกไปไม่มากนัก ชายหนุ่มอาจเป็นเพียงหนุ่มน้อยในโลกนี้ แต่ชีวิตเก่านั้นเขามีวัยใกล้เคียงกับฉินชี มีหรือจะมองไม่ออกถึงสายตาแบบชายหญิงเพราะเขาไม่มีโอกาสได้รักใครในชีวิตเก่า เขาเลยไม่อยากให้ใครต้องพลาดการมีความรักสักครั้งในชีวิต มีโอกาสก็ควรรีบคว้าไว้ เพราะคนเราบอกไม่ได้จะอยู่หรือตายตอนไหนฉินชีไม่คิดว่านี้คือการล้อเลียน แต่มันคือความหวังดีของผู้เป็นนาย ซึ่งเขาเองใช่ว่าไม่อยากให้โอกาสตนเอง แต่เพราะชีวิตที่อยู่กับความเสี่ยง เขาจึงไม่อยากดึงใครสักคนมาอยู่ในวงล้อมของอันตรายด้วยก็เท่านั้น เช่นเดียวกับที่ท่านหย่งสือเลือกมองท่านจื่อเว่ยอยู่ห่าง ๆ แทนการเดินเคียงข้างนาง“ไม่ตามไปดูว่าที่น้องเขยสักหน่อยหรือเจี่ยนเอ๋อร์”จางหย่งสือก้าวมายืนเคียงข้างหลานชาย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ เขากับหยางเจี่ยนรู้เป้าหมายของสองแสบโดยบังเอิญ และแน่นอนว่างานหนักย่อมตกเป็นของฉินชี“เรายังมีเรื่องต้องทำอีกมิใช่หรือขอรับ อย่าได้ห่วงเจ้าสองแสบเลยขอรับ มีทั้งพี่หลงพี่ฉินชีติดตามไป คนที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นเป
และทุกหน้าที่ผู้ชายคนนี้ทำได้ดีไม่มีที่ติ ขอแค่นายเอ่ยปากเขาจะไม่มีคำว่าไม่สำเร็จ ไม่แปลกที่ท่านลุงวางใจให้เขาเคียงข้างนางสามพี่น้อง ฉินชีเหมือนพี่ชายใหญ่ที่คอยดูแลพวกนางที่เสมือนปูไม่อยู่นิ่งฉินชีแสร้งไม่รับรู้ถึงสายตาจากคนเบื้องหลัง ทั้งยังคำพดที่ดูจะตดขัดของผู้เป็นนาย เขาเป็นบุรุษผู้หนึ่งย่อมต้องมีหวั่นไหวบ้า ในยามที่มีใครสักคนกล้าที่จะเผยความในใจ จะต่อหน้าหรือลับหลัง หากรู้ขนาดนี้แล้วเขาก็ต้องรู้สึกบ้างปึก! เจินจูกระพริบตาปริบ ๆ เมื่ออยู่ ๆ คนด้านหน้าหยุดลงกะทันหัน จนทำให้นางชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็มแรง ฉินชีสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะหันกลับไปหาผู้เป็นนายกับเงาสาว“เชิญด้านในขอรับคุณหนู”ฉินชีผายมือให้แก่ผู้เป็นนายสาว ก่อนที่ตัวเขาจะขยับหลีกทางให้ เหลียนฮวาคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการขอบคุณก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังศาลาพักผ่อน ซึ่งครอบครัวของนางนั่งอยู่ส่วนสองหนุ่มสาวที่ต้องรั้งรออยู่ด้านนอก ต่างพากันเบนใบหน้าไปคนละทิศทาง มิใช่รังเกียจแต่มันคือความเก้อเขิน เจินจูถึงกับมือชื้นเหงื่อ เมื่อได้ลมหายใจที่ชายหนุ่มพยายามควบคุมให้มันสงบนิ่ง ดังชัดอยู่ข้างกาย“ท่านลุง ท่านป้า