หมับ! ฟงวางมือทาบทับมือบางของหญิงสาว ก่อนจะปลดเอากระบี่ของตนมาถือไว้ ชายหนุ่มดันร่างงามให้ไปอยู่กับลุงสือ ส่วนตัวเขาก้าวตรงไปยังการต่อสู้ ที่ยังคงดุเดือดอยู่ไม่ไกลนักอัก! หญิงสาวทั้งสองกระเด็นไปคนละทิศทาง เมื่อถูกฝ่ามือของนักฆ่าที่ยังเหลืออยู่“หึ ๆ เจ้าคิดดีแล้วหรือ ที่จะฝืนใช้พลัง พิษในกายเจ้าจะแล่นทั่วร่างจนไม่อาจสั่งเสียต่อผู้ใดได้อีกเลยนะ”นักฆ่าหนุ่มหัวเราะในลำคอ พร้อมกับพูดจาเย้ยหยันชายหนุ่มที่ยืนแทบจะไม่อยู่แล้ว หากเขาไม่ใช้อาวุธลับอาบยาพิษ ให้ตัวเขาสู้ซึ่งหน้ากับคนผู้นี้ ย่อมยากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้“อย่าพูดให้มากความ หากอยากได้สิ่งที่เจ้าหวัง ก็ต้องข้ามศพข้าไปให้ได้เสียก่อน”สิ้นคำพูดของฟง ชายชุดดำได้พุ่งเข้าหาเขา ด้วยหวังปลิดชีพชายหนุ่มในดาบเดียว ทว่า...นักฆ่าหนุ่มถึงกับมีสีหน้าตะลึงตะลาน เพราะสิ่งที่ดาบในมือของเขาวาดผ่าน มีเพียงความว่างเปล่า ผั๊วะ! ชายชุดดำถึงกับหน้าคะมำ เมื่อถูกฝ่ามือกระแทกเข้าที่กลางหลัง ด้วยพลังที่เขาไม่เคยรู้จัก หรือว่า...“ผู้มีพลังแฝงเช่นนั้นรึ”ผู้มีพลังแฝงนอกเหนือจากพลังห้าระดับ เรียกว่าหายากทีเดียว แต่หากใช้พลังแฝงมากเกินไปก็อาจบาดเจ็บสาหัส หรื
“ฮูหยินขอรับ ยาแก้ช้ำในขอรับ”“ขอใจท่านมากลุงสือ ว่าแต่มีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือไม่”“ข้าน้อยรู้ดีขอรับ ว่าฮูหยินคงอยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ข้าน้อยมิอาจบอกได้ขอรับ ฮูหยินอดใจรอสักหน่อยนะขอรับ เรื่องทั้งหมดขอให้คุณชายใหญ่มาอธิบายเองจะดีกว่าขอรับ”ลุงสือบอกผู้เป็นนายไปตามความเป็นจริง เรื่องนี้แม้เขาจะรู้ดี แต่ก็ควรให้แม่ลูกได้ถามไถ่กันเองจะเป็นการดีที่สุด“เช่นนั้นก็ได้ อ่อ...มีอีกเรื่อง ไยป้าโจวกับเสี่ยวเตี๋ยถึงได้หลับมิรู้เรื่องอย่างนั้นเล่า คงมิใช่ถูกวางยาหรอกนะ”“มิผิดขอรับ”“ท่านเองก็งีบสักหน่อยเถิด พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า จะได้มิเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป”“ข้าน้อยขอไปจัดการด้านนอกสักครู่ ฮูหยินอย่าได้ออกไปไหนอีกนะขอรับ ปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนาเลยนะขอรับ”“ได้”จางฮุ้ยเหมยรับคำของชายชรา ก่อนจะลุกเดินตามลุงสือไปปิดประตู แม้ตอนนี้นางอยากที่จะรู้เรื่องราวทั้งหมด แม้จะพอคาดเดาได้อยู่บ้าง ทว่าสู้นางรอฟังจากปากของคนที่นอนอยู่และลูก ๆ จะเป็นการดีที่สุด จางฮุ้ยเหมยนั่งลงด้านข้างเตียง ก่อนกระชับห่มผ้าให้ฟงอย่างเบามือ จางฮุ้นเหมยทำได้เพียง ทอดสายตามองร่างที่อ่อนแรง ด้วยความห่วงใยเป็นที่ส
“ใช่แล้ว! ท่านไม่ควรถือสาเด็ก ต่อให้ต้องมอบศีรษะให้เด็กเช่นข้าก็ไม่ควรถือโทษ”“สามหาว”นักฆ่าที่ถูกยอกย้อน พุ่งเข้าหาหยางเจี่ยนด้วยโทสะ ตั้งแต่เกิดมาเขามิเคยถูกหยามหยัน จากลูกนกมิทันผลัดขนเช่นนี้มาก่อน เคร้ง! ฟึ่บ! นักฆ่าจำต้องเบี่ยงกายหลบ เมื่อพัดในมือของเด็กสาว กลายเป็นอาวุธสังหาร ที่ได้ชิมเลือดของเขาโดยที่มิทันได้โต้ตอบใด ๆ“คิดจะทำร้ายพี่ชายข้า ควรถามข้าก่อนว่าอนุญาตหรือไม่”ใบหน้างามของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นดุดัน แตกต่างจากเมื่อครู่ เสมือนคนละคนเลยก็ว่าได้“พวกเจ้า! คิดว่ามีฝีมือแค่นี้จะทำอะไรข้าได้เช่นนั้นรึ”“ไม่มีคำตอบ”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เมื่ออีกฝ่ายเปิดศึกอย่างเป็นทางการแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องปิดซ่อนสิ่งใดอีกต่อไป เหลียนฮวาหันไปสบตากับพี่ชาย ก่อนจะพุ่งเข้าหาชายคนเมื่อครู่“กำจัดพวกเขาซะ!”เอ่ยจบหัวหน้านักฆ่าและคนที่เหลือ ได้พุ่งเข้าหาสองแฝด มีเพียงหนึ่งที่ตรงขึ้นไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ในห้วงการหลับใหล วื๊ด! นักฆ่าหนุ่มถึงกับดวงตาเบิกกว้าง เมื่อร่างของคนที่นอนอยู่ หายไปอย่างรวดเร็ว ปึก! ตุบ!ร่างสูงได้กระเด็นลงจากระเบียงกระท่อม สายตาคมมองกลับขึ้นไปด้านบน เด็กหนุ่มยืนถ
“เส้นทางที่เลือกเอง มิว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมันให้ได้”ชายหนุ่มคว้าจับแส้บนพื้นขึ้นมากอีกครั้ง เพื่อเข้าช่วยเหลือเงาปีศาจ ที่บาดเจ็บซึ่งอยู่ไม่ห่างกับเขาเท่าใดนัก ฉึก! หยางเจี่ยนหันกลับไปมองด้านหลัง สิ่งที่เห็นคือร่างของนักฆ่า ทรุดลงแน่นิ่งอยู่กับพื้น โดยมีอาวุธของน้องชายปักคาอยู่ ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับน้องชาย หยางไท้ดึงอาวุธที่ปักอยู่บนหลังศัตรู กลับไปไว้ในมือ ข้อดีของอาวุธที่พี่ชายมอบให้ มากด้วยกลไกสะดวกต่อการใช้ยิ่งนัก การต่อสู้ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด เพราะศัตรูมีมากกว่าเท่าตัว สองแฝดและเงา พยายามที่จะคุ้มกันหยางไท้ให้มากที่สุด ตัวเด็กหนุ่มเองก็รับรู้เรื่องนี้ดี จึงเพิ่มความระวังและมิออกห่างจากผู้คุ้มกันมากนัก เพื่อไม่ให้ทุกคนเสียสมาธิฉับ! หยางเจี่ยนขบกรามแน่น เพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวด ร่างกายของเขาในตอนนี้ เริ่มจะเรียกได้ว่าเกินขีดจำกัดแล้ว ภายในของเขาบอบช้ำอย่างหนัก แต่เขาจะล้มลงตอนนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ชายหนุ่มไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามได้เห็น“คุณชาย!”ฉั๊วะ! หลงได้รอยแผลขนาดใหญ่บนหลัง เมื่อเขาพุ่งเข้าผลักผู้เป็นนายให้พ้นทางอาวุธ ชายหนุ่มไม่คิดใส่
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ หยางเจี่ยนขยับตัวเล็กน้อยด้วยความปวดเมื่อย ก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆ ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ ๆ อีกครั้ง เมื่อเห็นเพดานห้องที่ตกแต่งด้วยลวดลายที่เขาโปรดปราณ มือหนาค่อย ๆ ลูบไปบนที่นอนสัมผัสนุ่มลื่นที่คุ้นเคยซึ่งมันแตกต่างจากที่นอนหยาบกระด้าง ที่เขานอนมาหลายปีในร่างนี้ หยางเจี่ยนหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับสูดลมใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ เผื่อว่าสิ่งที่เขาเห็นและสัมผัสอยู่นี้ จะเป็นเพียงความฝันเท่านั้น แต่ทว่า…หยางเจี่ยนดีดตัวลุกขึ้นนั่งในทันที เขามองสำรวจไปรอบ ๆ ใบหน้าคมเข้มก้มมองมือและแขนที่ไร้ร่องรอยบาดเจ็บ ก่อนจะไล่ดูตามเสื้อผ้าที่สวมอยู่ในตอนนี้ นี่มันชุดนอนตัวโปรดที่เฉินหลิงซื้อให้เขาตอนวันเกิดนี่! มือหนายกขึ้นลูบตามใบหน้า หนวดเคราที่ยาว บอกได้เป็นอย่างดีว่านี่คือใบหน้าของเขาเฉินหมิง“ฉันฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนั้นเลยเหรอ สรุปแล้ว! ยังอยู่หรือตายแล้ว รึนี่เป็นแค่ความฝัน”ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ไม่ว่าจะห้องนอนที่เป็นของเขา กลิ่นที่คุ้นเคย เสื้อผ้าที่สวมใส่ ทุกอย่างมันคือเขาที่เป็นเฉินหมิง ไม่ใช่หยางเจี่ยนที่เติบโตในอีกโลก ซึ่งเขาบอกไม่ได้ว่ามันคือ
“ทำไมสวรรค์ท่านโหดร้ายกับข้าถึงเพียงนี้”เฉินหมิงกดมูกลงกับกลุ่มผมนุ่มสลวยของน้องสาว ก่อนจะเพิ่มแรงกอดให้กระชับแน่นขึ้นอีก เมื่อรับรู้ถึงอาการกระตุกถี่ ๆ ของเฉินหลิง เพียงแค่ครู่เดียวร่างที่เคยอุ่นเริ่มอุณหภูมิลดลงชายหนุ่มขบกรามแน่น เพราะเขาไม่อาจทำอะไรได้มากกว่ากอดน้องสาวเอาไว้ให้นานที่สุด แม้ว่านี้จะเป็นความฝันหรือต่อให้เป้นความจริง เขาก็ไม่พร้อมที่จะปล่อยให้คนในอ้อมแขนจากไปเฉินหมิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบางอย่างที่ข้อมือของน้องสาว เขาจำได้ว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน จากสีจาง ๆ เริ่มเด่นชัดขึ้นในสายตา ดอกเหมยสีแดงสามดอกเรียงกันบนข้อมือของเฉินหลิง มันเหมือนสิ่งนี้ต้องการบอกบางอย่างแก่เขา“น้องจะหาพี่ ๆ ให้พบ”เสียงหวานที่ดังอยู่รอบตัว ทำให้ตลอดร่างของชายหนุ่มรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพยายามไขว่คว้าร่างของน้องสาว ที่เริ่มจะเลือนหายไปจากจากอย่างช้า ๆ“พี่จะต้องหาเธอให้พบ หลิงหลิง!”เฉินหมิงพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่มือหนาของเขาจะถูกน้องสาวฝาแฝด คว้าจับเอาไว้แน่น พร้อมมองเขาด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด“เราจะผ่านมันไปให้ได้หนิง”รอยยิ้มเศร้าสร้อยของคู่แฝดปรากฏขึ้นบนใบหน
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”“พี่เองก็นอนพักต่ออีกสักหน่อยเถิด อย่าได้ฝืนจนเกินไปนัก ปีกของข้ายังต้องการพี่ ๆ ทุกคนคอยพยุงอยู่รู้หรือไม่”หยางเจี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว จนแทบจะไม่ได้ยินเลยทีเดียว ซึ่งในตอนนี้ดวงตาของชายหนุ่มเอง ก็ได้ปิดลงแล้วเช่นกัน หลงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกายให้แก่ผู้เป็นนาย ก่อนจะนำผ้าที่บิดจนหมาด วางไว้บนหน้าผากของคุณชายเมื่อเห็นว่าคนบนเตียงหายใจสม่ำเสมอแล้ว หลงจึงได้เดินออกจากห้องไป เพื่อจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่ผู้เป็นนายทั้งสามจะตื่น รวมถึงสหายอีกสามคนที่บาดเจ็บหนักด้วยหลงเดินไปยังห้องโถง ก่อนจะหยุดมองนักฆ่าที่ถูกมัดไว้กับเสากลางห้อง ชายหนุ่มก้าวไปหยุดตรงหน้าของคนผู้นั้น ก่อนจะย่อลงนั่งอย่างใจเย็น มือหนาเอื้อมไปดึงถุงเท้าออกจากปากของนักฆ่า"ถุย!"คนที่ตกเป็นเชลย ได้ถ่มน้ำลายลงพื้น ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งมีอายุน้อยกว่าตัวเขาอยู่มากทีเดียว แต่ทว่ากลับสามารถสังหารพวกเขาได้จนหมดในค่ำคืนเดียว นับว่าสกุลจางมียอดฝีมือไว้ในครอบครองไม่น้อยเลยทีเดียว สมกับเป็นสายเลือดพยัคฆ์ไร้พ่ายเขารู้สึกสงสารศัตรูของเด็กทั้งสามคนยิ่งนัก เพราะนอกจากทั้งสามพี่น้อ
หนึ่งชั่วยามต่อมา หลงได้เดินไปยังห้องของผู้เป็นนาย เพื่อทำตามคำสั่ง แม้ว่าใจของเขานั้นจะคัดค้าน แต่นี่คือหน้าที่จึงไม่อาจเลี่ยงได้ เพราะตราบใดที่คุณชายยังไหว เขาจะไม่ขัดคำสั่งแม้เพียงครึ่งคำเว้นเสียแต่เขาเห็นแล้วว่ามันเกินขีดจำกัดของผู้เป็นนาย เมื่อนั้นเขาจำต้องยึดคำสั่งของท่านหย่งสือไว้เป็นที่ตั้ง นายท่านใหญ่สั่งย้ำนักย้ำหนา ว่าถ้าไม่ถึงกับใกล้สิ้นลม ก็ทำหน้าที่ของผู้ติดตามที่ภักดี อย่าได้ขัดคำสั่งของคุณชายกับคุณหนูแม้จะดูโหดร้ายไปอยู่บ้าง ทว่านายท่านใหญ่กล่าวเสมอ หากคนเราไม่เจียนตายจะไม่รู้หนทางชีวิต เพราะคนส่วนมากยึดแค่มีอำนาจของพ่อแม่เป็นฐาน มิรู้จักสักนิดว่าขาสองข้างของตนเองแกร่งมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นนายท่านทั้งสอง จึงทำได้เพียงเฝ้ามองคุณชายทั้งสองกับคุณหนู กางปีกต้านลมอยู่ห่าง ๆ โดยมีพวกเขาคอยเฝ้าติดตามใกล้ชิดแทน “คุณชายขอรับ” หลงเรียกคนบนเตียงเบา ๆ เขาในตอนนี้ อยากที่จะให้ผู้นายไม่ได้ยินเหลือเกิน อย่างน้อยก็จะได้พักต่ออีกสักหน่อย จากสิ่งที่เขาเห็นเมื่อก่อนรุ่งสางนั้น คุณชายจำต้องพักมากกว่าหนึ่งชั่วยาม “ช่วยเตรียมชุดให้ข้าที พี่หลง”
สามพี่น้องคลี่ยิ้มกับแขกในงานตามมารยาท หลายสกุลเริ่มค้นหาตัวตนของทั้งสาม เพราะข่าวที่ได้ยินมานั้นคุณชายใหญ่ในท่านเสนาบดี ทำตัวราวอันธพาล น้องสาวฝาแฝดมากด้วยตัณหาทำตัวเหลวแหลกกับบุรุษมากหน้า บุตรชายคนเล็กในฮูหยินใหญ่สติปัญญามิเต็มเท่าใดนักทว่าในเวลานี้สามพี่น้องไร้ซึ่งลักษณ์ที่ถูกกล่าวอ้าง ทั้งยังไร้วี่แววของสติปัญญาอันอ่อนด้อยอย่างที่เป็นข่าวแผ่กระจาย ตรงกันข้ามทั้งสามดูสูงค่าสมสายเลือดของบิดามารดายิ่งนัก“ยินดีกับท่านราชครูขอรับ ที่คุณชายคุณหนูทั้งสามกลับสู่เมืองหลวงแล้ว ช่างเป็นนิมิตรหมายอันดียิ่งนักขอรับ”หนึ่งในขุนนางอาวุโสได้ลุกขึ้นเอ่ยขึ้นเสียงดัง คล้ายดังหมัดมือชกสามพี่น้องอยู่ในที ซึ่งทั้งสามยังคงความสงบนิ่งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี“ย่อมต้องเป็นวันดีสิท่านเจ้ากรม หลาน ๆ ของข้าที่ติดตามสะใภ้ข้าไปรักษาตัวนานหลายปีกลับมาทั้งที คืนนี้เรามาร่วมฉลองกันเต็มที่ เชิญทุกท่านดื่ม”สาวใช้ได้ยกถาดใส่จอกสุรายื่นส่งให้สามพี่น้อง เพื่อร่วมดื่มอวยพร ตามคำเชื้อเชิญของเจ้าบ้าน หยางเจี่ยนรับมาอย่างว่าง่าย ก่อนจะช้อนสายตามองน้องสาวและน้องชายกลิ่นที่เจือจางอาจไม่สร้างความแคลงใจต่อผู้อื่น แต่มิใช่เขาส
เมื่อหนุ่มสาวอีกสามคน ได้ก้าวมายืนอยู่สองข้างชายหญิงผู้มาเยือน โดยเฉพาะเจ้าของงานและบุตรชาย ที่แทบเหมือนถูกฟ้าฝ่าลงมากลางแสกหน้าทำได้เพียงยิ้มแกน ๆ ก้าวออกไปต้อนรับแขกใบหน้าที่แทบจะเหมือนกับท่านเสนาบดีหรงจิ่ง ไม่ต้องให้ผู้ใดมาบอกว่าทั้งสามคนคือใคร สกุลหรงทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งสามคือทายาทสายตรง ที่พวกเขาคิดว่าตายไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเจียงชูเหนียงถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อเห็นชัดตาว่าใครที่ติดตามจางหย่งสือมาร่วมงาน ทุกปีสกุลจางเพียงแค่ส่งตัวแทนมาเท่านั้นทว่าปีนี้คุณชายใหญ่สกุลจางมาด้วยตนเอง ไม่ต้องคาดเดาถึงเหตุผลของการมาร่วมอวยพรในครานี้เลย หากไม่เพราะสามพี่น้องที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วจะมีสิ่งใดจูงใจคนหยิ่งผยองเช่นจางหย่งสือให้มาเหยียบสกุลหรงได้เล่า“คุณชายจาง เอ่อ...”ท่านราชครูหรงแสร้งไม่รู้ว่าหนุ่มสาวด้านข้างของจางหย่งสือคือผู้ใด แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ตามที รอยยิ้มที่คล้ายจริงใจของเจ้าบ้าน ทำให้สามพี่น้องแอบแอบเยาะหยันเจ้าของงานอยู่ภายในใจ“นี่คือคุณหนูฟางจื่อเยว่ คู่หมั้นของข้า”“จื่อเยว่ข้าคารวะท่านราชครู”จื่อเยว่ย่อกายงดงามราวสตรีในรั้ววัง ทำให้บุรุษหลาย
“อื้อ!” จางหย่งสือกดจูบหนัก ๆ ลงไปอีกครั้ง ก่อนจะถอนใบหน้าออกอย่างรวดเร็ว“ข้ามัดจำเอาไว้ก่อน หลังแต่งงานข้าจะไม่ปล่อยเจ้าให้รอดไปเป็นครั้งที่สอง”จื่อเว่ยทำได้เพียงก้มหน้างุด นางช่างไร้ยางอายนัก กล้าทำเรื่องบัดสีนี้ได้อย่างไรกัน“อย่าได้แม้แต่จะคิดหนีข้าไปอีกเข้าใจหรือไม่ เพราะสิ่งที่เจ้าทำข้าเสียหาย ช่วยรับผิดต่อข้าด้วย”“บ้าไปแล้ว!”จื่อเว่ยไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดได้มากกว่านี้ เพราะรอยยิ้มและแววตาหวานเชื่อมของจางหย่งสือ ทำให้นางแทบละลายกองอยู่เสียตรงนี้เลยทีเดียว“ไปกันได้แล้ว มัวเล่นอันใดกันอยู่”เอ่ยจบมือหนาได้กระชากเอวขอดให้ชิดกาย ก่อนจะพาหญิงสาวเดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปขึ้นรถม้า แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าหลาน ๆ และผู้ติดตามล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หยางเจี่ยนหันกลับไปยิ้มให้กับทุกคน เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นลุง แม้ว่าในชีวิตเก่าเขาจะผ่านอะไรมาไม่น้อย แต่เรื่องความรักประสบการณ์ของเขานับว่าเป็นศูนย์ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นอกจากจะเหนือความคาดหมาย ยังเป็นการบอกรักที่หลายคนคงลุ้นจนตัวโก่งมิแพ้คู่รักหมาด ๆ อย่างแน่นอน ว่าจะมีสิ่งใดพลิกผันอีกหรือไม่หยางเจี่ยนพยักหน้าน้อย ๆ พร้
ค่ำคืนในวันถัดมา ณ จวนสกุลหรง คืนนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของท่านราชครูหรงอู่ฉี เหล่าขุนนางต่างก็ต้องประชันอวดความมั่งคั่งของตน เพื่อข่มกันในงานอยู่เนือง ๆ แน่นอนว่าหลานสาวคนโปรดเช่นหรงเหมยเหนียงย่อมต้องทำทุกวิถีทางให้ตนเองโดดเด่น และเหนือกว่าบุตรสาวสกุลอื่น หรงเหมยเหนียงกำลังพิศมองตนเองในคันช่องบนโต๊ะ ชุดสีหวานพลิ้วไหวดั่งต้องมนต์ของนาง งดงามสมกับเป็นช่างมือดีจากร้านผ้าสกุลเฉิน ใบหน้าในวัยแรกแย้มเติมแต่งได้อย่าลงตัวที่สำคัญไปกว่านั้น คืนนี้มารดาของนางจะขยับฐานะจากภรรยารอง ก้าวสู่การเป็นภรรยาเอก นางจะไม่ต้องทนกล้ำให้ใครมองว่าเป็นรองพี่สาวต่างมารดาอีกต่อไป“เรียนคุณหนู นายท่านกับฮูหยินพร้อมคุณชาย ได้รออยู่หน้าจวนแล้วเจ้าค่ะ”“อืม! ไปสิ!”ร่างงามก้าวออกจากเรือนด้วยท่วงท่าราวนางหงส์ คำตราหน้าที่นางแบกรับมาทั้งชีวิต กำลังจะได้รับการปลดปล่อยแล้วในวันนี้ บางครั้งความรักหาใช่สิ่งที่คู่ควรต่ออนาคตเบื้องหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องหัวใจ ใบหน้าของใครบางคนได้ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวราวกลองศึก เมื่อรอยยิ้มของชายหนุ่มผู้อยู่บนหลังอาชาสีดำทมิฬเมื่อหลายวันก่อน ได้ทำให้เรีย
ถนนห่างจากจวนแม่ทัพ คนชุดดำทั้งหกยืนหอบหายใจแรง ๆ ทุกคนล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะพากันหลบหนีออกมา หลังจากฉินชี ซึ่งได้เป็นคนเข้าไปช่วยคุณหนูให้พ้นมือของท่านแม่ทัพจ้าวหมิงเยี่ย“เกือบไปแล้วไหมเล่า ฮ่า ๆ”ตัวตนเหตุยังมีหน้ามาหัวเราะร่า เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นเรื่องธรรมดาเสียอย่างนั้น“พี่รองมิกลัวท่านแม่ทัพจะติดตามมาหรือขอรับ”หยางไท้ยังคงหันกลับไปมองทิศทางที่เพิ่งจากมา เขาเองก็ตกใจไม่น้อยในตอนที่เห็นพี่สาวถูกจับได้...ข้างกำแพงจวนแม่ทัพก่อนหน้า หมับ! ติ้งรีบคว้าร่างของคุณชายน้อยเอาไว้ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะพุ่งลงจากกำแพง เพื่อที่จะไปช่วยคุณหนูใหญ่ ซึ่งกำลังต่อสู้โรมรันอยู่กับคนในจวนแม่ทัพ“มิได้ขอรับ หากคุณชายเข้าไปอาจเกิดอันตรายนะขอรับ”“แต่พี่สาวของข้าเล่า”“เป็นหน้าที่ขอข้าน้อยเองขอรับ”ติ้งเป็นคนเสนอตัวไปแทนคุณชายน้อย เพราะหากบุกกันเข้าไปหมด จากเรื่องเล็กน้อยจะกลายเป็นใหญ่โตขึ้นมาทันทีอย่างแน่นอนกึก! ติ้งจำต้องหยุดกายในทันที เมื่อมีเงาร่างของใครอีกคนพุ่งออกจากความมืด ตรงไปยังผู้เป็นนายและคนในจวนแม่ทัพ เมื่อเห็นว่าคุณหนูได้ถูกพาตัวออกจากการการต่อสู้ เขาจึงได้พ
‘คงมีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะ ที่จะออกไปให้เจ้าบั่นคอ’ เหลียนฮวาเริ่มมองหาทางหนี ขืนนางยังรั้งอยู่ต่อมีหวังคงไม่พ้นต้องปะทะกันเป็นแน่ ต่อให้นางมากด้วยฝีมือ แต่หากเทียบกับจ้าวหมิงเยี่ยนางยังอ่อนหัดนัก หมับ! ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะหนีไป มือหนาคว้าไหล่ผู้บุกรุกเอาไว้ได้ทัน เหลียนฮวารีบหมุนตัวพร้อมคว้าจับข้อมือแกร่งเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกข้อมือของแม่ทัพหนุ่มในทันที เพื่อมิให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวทันปึก! หญิงสาวกระแทกกำปั้นเข้าท้องแขนของแม่ทัพหนุ่ม เพื่อผลักอีกฝ่ายให้ออกห่าง พอที่จะทำให้นางหาจังหวะหลบหนี อ๊ะ! แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อมือหยาบของแม่ทัพหนุ่ม กลายเป็นตีนตุ๊กแกไปเสียอย่างนั้น ยิ่งพยายามผลักอีกฝ่ายยิ่งติดหนึบราวกาวดักหนูหญิงสาวได้แต่ด่าทอตนเองอยู่ภายในใจ สลับกับการสรรหาคำมาเปรียบเทียบจ้าวหมิงเยี่ยกับสิ่งต่าง ๆ ยิ่งเสียงหัวเราะในลำคอของเขาเล็ดลอดออกมาให้นางได้ยิน มันเสมือนเขากำลังลงมือกลั่นแกล้งเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพหนุ่มได้นึกสนุก ลงมือเย้าแขกที่เขามิได้เชิญสักหน่อย เหลียนฮวาเม้มริมฝีปากแน่น นางรู้ได้ไม่ยากว่าเขาไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้ คน
“ขอรับท่านป้า ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ฉินชีจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะแต่ละคนใช่ธรรมดาที่ไหนกัน” หยางเจี่ยนตอบรับคำของผู้เป็นป้า“คนเราต้องรู้จักโลกภายนอก”จางหย่งสือรีบออกตัวแทนสองหลานรัก มีหรือเขาจะไม่รู้วีรกรรมของหลานชายหญิงที่กำลังออกท่องราตรี ใช่เขารักหลานลำเอียง แต่เพราะเขารู้ดีว่าภายหน้าหยางเจี่ยนต้องยืนในจุดใดและนี่คือความภูมิใจอีกหนึ่งอย่างของเขา ที่หลานชายคนโตสุขุมรอบคอบ สมกับตำแหน่งที่เขาจะส่งมอบให้ในอนาคต ส่วนสองแสบนั้นเขาให้สิทธิ์ในการเลือกทางเดินตามใจชอบ แต่ต้องอยู่ในสายตาของเขามิห่างไปไหนหยางเจี่ยนหันไปส่งยิ้มอย่างรู้กันกับผู้เป็นป้า ชายหนุ่มไม่เคยที่จะต้องเสียเวลาคาดเดา กับคำพูดของผู้เป็นลุงเกี่ยวกับน้อง ๆ เขาไม่เคยริษยาที่ทั้งคู่ได้อิสระในการเที่ยวเล่นในโลกใบเดิมนั้น น้องสาวของเขาแทบไม่มีช่วงเวลาของวัยหนุ่มสาว ส่วนหยางไท้ยังเด็กนักหากเทียบกับเด็กหนุ่มในโลกเก่า ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ที่ทั้งคู่สรรหาพาผู้ติดตามไปเที่ยวเล่นขอแค่ไม่มีใครเดือดร้อนและตนเองไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย จะเที่ยวเล่นแค่ไหนเขาก็ไม่ติดขัดอันใด เพราะอีกไม่นานความเป็นเด็กของพวกเขาก็จะสิ้
“เวลาคนเรามีไม่เท่ากันนะขอรับ เมื่อรู้สึกตรงกันก็อย่าได้ปิดโอกาสเสียล่ะขอรับ”หยางเจี่ยนเอ่ยขึ้นในขณะที่ฉินชีก้าวห่างออกไปไม่มากนัก ชายหนุ่มอาจเป็นเพียงหนุ่มน้อยในโลกนี้ แต่ชีวิตเก่านั้นเขามีวัยใกล้เคียงกับฉินชี มีหรือจะมองไม่ออกถึงสายตาแบบชายหญิงเพราะเขาไม่มีโอกาสได้รักใครในชีวิตเก่า เขาเลยไม่อยากให้ใครต้องพลาดการมีความรักสักครั้งในชีวิต มีโอกาสก็ควรรีบคว้าไว้ เพราะคนเราบอกไม่ได้จะอยู่หรือตายตอนไหนฉินชีไม่คิดว่านี้คือการล้อเลียน แต่มันคือความหวังดีของผู้เป็นนาย ซึ่งเขาเองใช่ว่าไม่อยากให้โอกาสตนเอง แต่เพราะชีวิตที่อยู่กับความเสี่ยง เขาจึงไม่อยากดึงใครสักคนมาอยู่ในวงล้อมของอันตรายด้วยก็เท่านั้น เช่นเดียวกับที่ท่านหย่งสือเลือกมองท่านจื่อเว่ยอยู่ห่าง ๆ แทนการเดินเคียงข้างนาง“ไม่ตามไปดูว่าที่น้องเขยสักหน่อยหรือเจี่ยนเอ๋อร์”จางหย่งสือก้าวมายืนเคียงข้างหลานชาย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ เขากับหยางเจี่ยนรู้เป้าหมายของสองแสบโดยบังเอิญ และแน่นอนว่างานหนักย่อมตกเป็นของฉินชี“เรายังมีเรื่องต้องทำอีกมิใช่หรือขอรับ อย่าได้ห่วงเจ้าสองแสบเลยขอรับ มีทั้งพี่หลงพี่ฉินชีติดตามไป คนที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นเป
และทุกหน้าที่ผู้ชายคนนี้ทำได้ดีไม่มีที่ติ ขอแค่นายเอ่ยปากเขาจะไม่มีคำว่าไม่สำเร็จ ไม่แปลกที่ท่านลุงวางใจให้เขาเคียงข้างนางสามพี่น้อง ฉินชีเหมือนพี่ชายใหญ่ที่คอยดูแลพวกนางที่เสมือนปูไม่อยู่นิ่งฉินชีแสร้งไม่รับรู้ถึงสายตาจากคนเบื้องหลัง ทั้งยังคำพดที่ดูจะตดขัดของผู้เป็นนาย เขาเป็นบุรุษผู้หนึ่งย่อมต้องมีหวั่นไหวบ้า ในยามที่มีใครสักคนกล้าที่จะเผยความในใจ จะต่อหน้าหรือลับหลัง หากรู้ขนาดนี้แล้วเขาก็ต้องรู้สึกบ้างปึก! เจินจูกระพริบตาปริบ ๆ เมื่ออยู่ ๆ คนด้านหน้าหยุดลงกะทันหัน จนทำให้นางชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็มแรง ฉินชีสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะหันกลับไปหาผู้เป็นนายกับเงาสาว“เชิญด้านในขอรับคุณหนู”ฉินชีผายมือให้แก่ผู้เป็นนายสาว ก่อนที่ตัวเขาจะขยับหลีกทางให้ เหลียนฮวาคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการขอบคุณก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังศาลาพักผ่อน ซึ่งครอบครัวของนางนั่งอยู่ส่วนสองหนุ่มสาวที่ต้องรั้งรออยู่ด้านนอก ต่างพากันเบนใบหน้าไปคนละทิศทาง มิใช่รังเกียจแต่มันคือความเก้อเขิน เจินจูถึงกับมือชื้นเหงื่อ เมื่อได้ลมหายใจที่ชายหนุ่มพยายามควบคุมให้มันสงบนิ่ง ดังชัดอยู่ข้างกาย“ท่านลุง ท่านป้า