“เส้นทางที่เลือกเอง มิว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมันให้ได้”ชายหนุ่มคว้าจับแส้บนพื้นขึ้นมากอีกครั้ง เพื่อเข้าช่วยเหลือเงาปีศาจ ที่บาดเจ็บซึ่งอยู่ไม่ห่างกับเขาเท่าใดนัก ฉึก! หยางเจี่ยนหันกลับไปมองด้านหลัง สิ่งที่เห็นคือร่างของนักฆ่า ทรุดลงแน่นิ่งอยู่กับพื้น โดยมีอาวุธของน้องชายปักคาอยู่ ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับน้องชาย หยางไท้ดึงอาวุธที่ปักอยู่บนหลังศัตรู กลับไปไว้ในมือ ข้อดีของอาวุธที่พี่ชายมอบให้ มากด้วยกลไกสะดวกต่อการใช้ยิ่งนัก การต่อสู้ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด เพราะศัตรูมีมากกว่าเท่าตัว สองแฝดและเงา พยายามที่จะคุ้มกันหยางไท้ให้มากที่สุด ตัวเด็กหนุ่มเองก็รับรู้เรื่องนี้ดี จึงเพิ่มความระวังและมิออกห่างจากผู้คุ้มกันมากนัก เพื่อไม่ให้ทุกคนเสียสมาธิฉับ! หยางเจี่ยนขบกรามแน่น เพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวด ร่างกายของเขาในตอนนี้ เริ่มจะเรียกได้ว่าเกินขีดจำกัดแล้ว ภายในของเขาบอบช้ำอย่างหนัก แต่เขาจะล้มลงตอนนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ชายหนุ่มไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามได้เห็น“คุณชาย!”ฉั๊วะ! หลงได้รอยแผลขนาดใหญ่บนหลัง เมื่อเขาพุ่งเข้าผลักผู้เป็นนายให้พ้นทางอาวุธ ชายหนุ่มไม่คิดใส่
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ หยางเจี่ยนขยับตัวเล็กน้อยด้วยความปวดเมื่อย ก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆ ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ ๆ อีกครั้ง เมื่อเห็นเพดานห้องที่ตกแต่งด้วยลวดลายที่เขาโปรดปราณ มือหนาค่อย ๆ ลูบไปบนที่นอนสัมผัสนุ่มลื่นที่คุ้นเคยซึ่งมันแตกต่างจากที่นอนหยาบกระด้าง ที่เขานอนมาหลายปีในร่างนี้ หยางเจี่ยนหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับสูดลมใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ เผื่อว่าสิ่งที่เขาเห็นและสัมผัสอยู่นี้ จะเป็นเพียงความฝันเท่านั้น แต่ทว่า…หยางเจี่ยนดีดตัวลุกขึ้นนั่งในทันที เขามองสำรวจไปรอบ ๆ ใบหน้าคมเข้มก้มมองมือและแขนที่ไร้ร่องรอยบาดเจ็บ ก่อนจะไล่ดูตามเสื้อผ้าที่สวมอยู่ในตอนนี้ นี่มันชุดนอนตัวโปรดที่เฉินหลิงซื้อให้เขาตอนวันเกิดนี่! มือหนายกขึ้นลูบตามใบหน้า หนวดเคราที่ยาว บอกได้เป็นอย่างดีว่านี่คือใบหน้าของเขาเฉินหมิง“ฉันฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนั้นเลยเหรอ สรุปแล้ว! ยังอยู่หรือตายแล้ว รึนี่เป็นแค่ความฝัน”ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ไม่ว่าจะห้องนอนที่เป็นของเขา กลิ่นที่คุ้นเคย เสื้อผ้าที่สวมใส่ ทุกอย่างมันคือเขาที่เป็นเฉินหมิง ไม่ใช่หยางเจี่ยนที่เติบโตในอีกโลก ซึ่งเขาบอกไม่ได้ว่ามันคือ
“ทำไมสวรรค์ท่านโหดร้ายกับข้าถึงเพียงนี้”เฉินหมิงกดมูกลงกับกลุ่มผมนุ่มสลวยของน้องสาว ก่อนจะเพิ่มแรงกอดให้กระชับแน่นขึ้นอีก เมื่อรับรู้ถึงอาการกระตุกถี่ ๆ ของเฉินหลิง เพียงแค่ครู่เดียวร่างที่เคยอุ่นเริ่มอุณหภูมิลดลงชายหนุ่มขบกรามแน่น เพราะเขาไม่อาจทำอะไรได้มากกว่ากอดน้องสาวเอาไว้ให้นานที่สุด แม้ว่านี้จะเป็นความฝันหรือต่อให้เป้นความจริง เขาก็ไม่พร้อมที่จะปล่อยให้คนในอ้อมแขนจากไปเฉินหมิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบางอย่างที่ข้อมือของน้องสาว เขาจำได้ว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน จากสีจาง ๆ เริ่มเด่นชัดขึ้นในสายตา ดอกเหมยสีแดงสามดอกเรียงกันบนข้อมือของเฉินหลิง มันเหมือนสิ่งนี้ต้องการบอกบางอย่างแก่เขา“น้องจะหาพี่ ๆ ให้พบ”เสียงหวานที่ดังอยู่รอบตัว ทำให้ตลอดร่างของชายหนุ่มรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพยายามไขว่คว้าร่างของน้องสาว ที่เริ่มจะเลือนหายไปจากจากอย่างช้า ๆ“พี่จะต้องหาเธอให้พบ หลิงหลิง!”เฉินหมิงพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่มือหนาของเขาจะถูกน้องสาวฝาแฝด คว้าจับเอาไว้แน่น พร้อมมองเขาด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด“เราจะผ่านมันไปให้ได้หนิง”รอยยิ้มเศร้าสร้อยของคู่แฝดปรากฏขึ้นบนใบหน
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”“พี่เองก็นอนพักต่ออีกสักหน่อยเถิด อย่าได้ฝืนจนเกินไปนัก ปีกของข้ายังต้องการพี่ ๆ ทุกคนคอยพยุงอยู่รู้หรือไม่”หยางเจี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว จนแทบจะไม่ได้ยินเลยทีเดียว ซึ่งในตอนนี้ดวงตาของชายหนุ่มเอง ก็ได้ปิดลงแล้วเช่นกัน หลงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกายให้แก่ผู้เป็นนาย ก่อนจะนำผ้าที่บิดจนหมาด วางไว้บนหน้าผากของคุณชายเมื่อเห็นว่าคนบนเตียงหายใจสม่ำเสมอแล้ว หลงจึงได้เดินออกจากห้องไป เพื่อจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่ผู้เป็นนายทั้งสามจะตื่น รวมถึงสหายอีกสามคนที่บาดเจ็บหนักด้วยหลงเดินไปยังห้องโถง ก่อนจะหยุดมองนักฆ่าที่ถูกมัดไว้กับเสากลางห้อง ชายหนุ่มก้าวไปหยุดตรงหน้าของคนผู้นั้น ก่อนจะย่อลงนั่งอย่างใจเย็น มือหนาเอื้อมไปดึงถุงเท้าออกจากปากของนักฆ่า"ถุย!"คนที่ตกเป็นเชลย ได้ถ่มน้ำลายลงพื้น ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งมีอายุน้อยกว่าตัวเขาอยู่มากทีเดียว แต่ทว่ากลับสามารถสังหารพวกเขาได้จนหมดในค่ำคืนเดียว นับว่าสกุลจางมียอดฝีมือไว้ในครอบครองไม่น้อยเลยทีเดียว สมกับเป็นสายเลือดพยัคฆ์ไร้พ่ายเขารู้สึกสงสารศัตรูของเด็กทั้งสามคนยิ่งนัก เพราะนอกจากทั้งสามพี่น้อ
หนึ่งชั่วยามต่อมา หลงได้เดินไปยังห้องของผู้เป็นนาย เพื่อทำตามคำสั่ง แม้ว่าใจของเขานั้นจะคัดค้าน แต่นี่คือหน้าที่จึงไม่อาจเลี่ยงได้ เพราะตราบใดที่คุณชายยังไหว เขาจะไม่ขัดคำสั่งแม้เพียงครึ่งคำเว้นเสียแต่เขาเห็นแล้วว่ามันเกินขีดจำกัดของผู้เป็นนาย เมื่อนั้นเขาจำต้องยึดคำสั่งของท่านหย่งสือไว้เป็นที่ตั้ง นายท่านใหญ่สั่งย้ำนักย้ำหนา ว่าถ้าไม่ถึงกับใกล้สิ้นลม ก็ทำหน้าที่ของผู้ติดตามที่ภักดี อย่าได้ขัดคำสั่งของคุณชายกับคุณหนูแม้จะดูโหดร้ายไปอยู่บ้าง ทว่านายท่านใหญ่กล่าวเสมอ หากคนเราไม่เจียนตายจะไม่รู้หนทางชีวิต เพราะคนส่วนมากยึดแค่มีอำนาจของพ่อแม่เป็นฐาน มิรู้จักสักนิดว่าขาสองข้างของตนเองแกร่งมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นนายท่านทั้งสอง จึงทำได้เพียงเฝ้ามองคุณชายทั้งสองกับคุณหนู กางปีกต้านลมอยู่ห่าง ๆ โดยมีพวกเขาคอยเฝ้าติดตามใกล้ชิดแทน “คุณชายขอรับ” หลงเรียกคนบนเตียงเบา ๆ เขาในตอนนี้ อยากที่จะให้ผู้นายไม่ได้ยินเหลือเกิน อย่างน้อยก็จะได้พักต่ออีกสักหน่อย จากสิ่งที่เขาเห็นเมื่อก่อนรุ่งสางนั้น คุณชายจำต้องพักมากกว่าหนึ่งชั่วยาม “ช่วยเตรียมชุดให้ข้าที พี่หลง”
“ข้าเดาว่าไม่เกินสองวัน พวกเราทุกคนต้องได้ห้อยเครื่องนี้อวดผู้คนเป็นแน่นอน” หยางเจี่ยนพูดกับคนสนิท ที่ได้แต่ยืนยิ้มเจื่อน ๆ อยู่ข้าง ๆ หลงไม่กล้าที่จะออกความคิดเห็น เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในมือของคุณชายใหญ่ เพราะหากเป็นของที่ขายตามตลาด คงไม่มีผู้ใดเหลียวมอง แต่นี่คือฝีมือของคุณหนูใหญ่ ใครจะหาญกล้าพูดความจริงออกไป “มันดูสวยแปลกตาดีออกขอรับคุณชาย” “อย่าฝืนชมนางเลย ข้ารู้สึกเหนื่อยใจแทนว่าที่สามีของนางในอนาคตยิ่งนัก แล้วนี่ดูเจ้าตัวเล็กทำสิ เข้าข้างพี่สาวโดยไม่สนถึงความเป็นจริง ข้าเหนื่อยใจแทนคู่ครองของพวกเขายิ่งนัก” “วันนี้อาจยังไม่ดีพอ แต่ภายหน้าอาจเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดินก็ได้นะขอรับ” “อันดับหนึ่งด้านทำลายล้าง มากกว่าสร้างกระมัง หึ ๆ เอาเถอะความลำบากในอนาคตเป็นของผู้อื่นมิใช่เรา” หยางเจี่ยนยังคงค้านกับความคิดของคนสนิทอยู่ดี เขาเป็นพี่ชายของนางมานานแค่ไหน พวกเขาไม่มีทางรู้หรอก ขนาดชีวิตเดิมทำแค่ไข่ดาวยังไหม้ มาชีวิตใหม่นี่อย่าได้วาดฝันเกินไข่ต้มเลยสองนายบ่าวเดินไปยังห้องโถง และทั้งคู่ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็นภาพข
แต่ในชีวิตที่ผ่านมา ทำให้เขาไม่อาจวางใจใครได้ เพราะทุกคนย่อมต้องการผลโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จึงมอบสิ่งตอบแทนให้อีกฝ่าย คุณชายสกุลหรงผู้นี้ก็เช่นกัน “หากพี่ชายสามารถกลายเป็นคนใหม่ได้ ท่านจะเลือกเปลี่ยนตนเองได้หรือไม่” หยางเจี่ยนเอ่ยขึ้นหลังจากมื้ออาหารจบลง ชายหนุ่มคลี่ยิ้มจริงใจให้กับเชลย การเลี้ยงลูกเสือนั้นนับว่าอันตราย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะฝึกมันให้เชื่อง เพราะสำหรับเขาที่เคยเป็นครูฝึกทหารมาก่อน ย่อมต้องมองหาจุดอ่อนจุดแข็งของลูกศิษย์ เพื่อปรับให้อยู่ในกรอบที่เขาต้องการ “เจ้าต้องการสิ่งใดจากข้ากันแน่” “ไม่มีหรืออาจจะยังไม่มีในตอนนี้ และนี้ไม่ใช่การทดสอบความภักดีอะไรนั่นด้วย เพราะเท่าที่ข้าเข้าใจมาไม่ผิด นักฆ่าแทบทุกสำนัก คือเด็กกำพร้าหรือถูกลักพาตัวมา เพื่อฝึกฝนให้กลายเป็นมือสังหารชั้นยอด หากทำได้ไม่ดีพอระหว่างการฝึกฝน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความตาย ดังนั้นนักฆ่าส่วนมาก จะต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากสำนักของตนเอง และจากเป้าหมายที่อาจแข็งแกร่งกว่าตนเอง ไม่ว่าเส้นทางไหนสำหรับนักฆ่า ก็คือความตายมิใช่หรือ ส่วนข้าแค่คิดต่างเท่านั้นเอง ไม่มีเห
บ้านพักตากอากาศสกุลหรงหยางเจี่ยนหยุดยืนยังหน้าประตูใหญ่ รอยยิ้มร้ายค่อย ๆ ปรากฏขึ้น การเริ่มต้นของเขาในครั้งนี้ มิใช่การทวงสิทธิ์อันใดจากสกุลบิดา แต่มันคือการหักหารความเป็นสายเลือดแค่เพียงบิดาและภรรยาน้อยไม่ก้าวล้ำเขาและมารดา มีหรือเขาจะใช้การตอบโต้ที่รุนแรง คราแรกคิดแค่จะบีบบังคับทางการค้า แต่เมื่อหมายลงมือต่อกันให้ถึงตาย นั่นถือว่าเขาไม่ผิด หากจะตอบโต้ด้วยกำลังเช่นกัน“พวกท่านล้ำเส้นข้าก่อนนะ จากนี้เกิดสิ่งใดขึ้นมันคือผลของการกระทำ ที่เกิดจากมือของพวกท่านเองบิดาข้า”หยางเจี่ยนพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหันไปยังลุงสือ ที่ยืนรอคำสั่งอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเล็กน้อย เป็นสัญญาณที่บอกให้ลุงสือเรียกคนด้านในปัง ๆ ลุงสือกระแทกห่วงเหล็กหน้าประตูแรง ๆ หลายครั้ง ก่อนจะขยับถอยออกมายืนรออยู่ไม่ห่างเท่าใดนัก“พี่ใหญ่ขอรับ วันนี้ยามชำระโทษบ่าวต่ำช้าพวกนี้ มิต้องกลัวว่าข้าจะรู้สึกไม่ดีนะขอรับ พี่ใหญ่ทำได้เต็มที่เลยขอรับ”หยางไท้บอกกับพี่ชาย พร้อมคลี่ยิ้มกว้าง หลังจากผ่านเมื่อคืนมาได้ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวการลงมือต่อศัตรู เพราะอีกฝ่ายยังไม่เห็นใจพวกเขาแม้เพียงเสี้ยว“พี่จะถนอมทุกการกระทำ เพื่อให้เจ
สามพี่น้องคลี่ยิ้มกับแขกในงานตามมารยาท หลายสกุลเริ่มค้นหาตัวตนของทั้งสาม เพราะข่าวที่ได้ยินมานั้นคุณชายใหญ่ในท่านเสนาบดี ทำตัวราวอันธพาล น้องสาวฝาแฝดมากด้วยตัณหาทำตัวเหลวแหลกกับบุรุษมากหน้า บุตรชายคนเล็กในฮูหยินใหญ่สติปัญญามิเต็มเท่าใดนักทว่าในเวลานี้สามพี่น้องไร้ซึ่งลักษณ์ที่ถูกกล่าวอ้าง ทั้งยังไร้วี่แววของสติปัญญาอันอ่อนด้อยอย่างที่เป็นข่าวแผ่กระจาย ตรงกันข้ามทั้งสามดูสูงค่าสมสายเลือดของบิดามารดายิ่งนัก“ยินดีกับท่านราชครูขอรับ ที่คุณชายคุณหนูทั้งสามกลับสู่เมืองหลวงแล้ว ช่างเป็นนิมิตรหมายอันดียิ่งนักขอรับ”หนึ่งในขุนนางอาวุโสได้ลุกขึ้นเอ่ยขึ้นเสียงดัง คล้ายดังหมัดมือชกสามพี่น้องอยู่ในที ซึ่งทั้งสามยังคงความสงบนิ่งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี“ย่อมต้องเป็นวันดีสิท่านเจ้ากรม หลาน ๆ ของข้าที่ติดตามสะใภ้ข้าไปรักษาตัวนานหลายปีกลับมาทั้งที คืนนี้เรามาร่วมฉลองกันเต็มที่ เชิญทุกท่านดื่ม”สาวใช้ได้ยกถาดใส่จอกสุรายื่นส่งให้สามพี่น้อง เพื่อร่วมดื่มอวยพร ตามคำเชื้อเชิญของเจ้าบ้าน หยางเจี่ยนรับมาอย่างว่าง่าย ก่อนจะช้อนสายตามองน้องสาวและน้องชายกลิ่นที่เจือจางอาจไม่สร้างความแคลงใจต่อผู้อื่น แต่มิใช่เขาส
เมื่อหนุ่มสาวอีกสามคน ได้ก้าวมายืนอยู่สองข้างชายหญิงผู้มาเยือน โดยเฉพาะเจ้าของงานและบุตรชาย ที่แทบเหมือนถูกฟ้าฝ่าลงมากลางแสกหน้าทำได้เพียงยิ้มแกน ๆ ก้าวออกไปต้อนรับแขกใบหน้าที่แทบจะเหมือนกับท่านเสนาบดีหรงจิ่ง ไม่ต้องให้ผู้ใดมาบอกว่าทั้งสามคนคือใคร สกุลหรงทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งสามคือทายาทสายตรง ที่พวกเขาคิดว่าตายไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเจียงชูเหนียงถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อเห็นชัดตาว่าใครที่ติดตามจางหย่งสือมาร่วมงาน ทุกปีสกุลจางเพียงแค่ส่งตัวแทนมาเท่านั้นทว่าปีนี้คุณชายใหญ่สกุลจางมาด้วยตนเอง ไม่ต้องคาดเดาถึงเหตุผลของการมาร่วมอวยพรในครานี้เลย หากไม่เพราะสามพี่น้องที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วจะมีสิ่งใดจูงใจคนหยิ่งผยองเช่นจางหย่งสือให้มาเหยียบสกุลหรงได้เล่า“คุณชายจาง เอ่อ...”ท่านราชครูหรงแสร้งไม่รู้ว่าหนุ่มสาวด้านข้างของจางหย่งสือคือผู้ใด แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ตามที รอยยิ้มที่คล้ายจริงใจของเจ้าบ้าน ทำให้สามพี่น้องแอบแอบเยาะหยันเจ้าของงานอยู่ภายในใจ“นี่คือคุณหนูฟางจื่อเยว่ คู่หมั้นของข้า”“จื่อเยว่ข้าคารวะท่านราชครู”จื่อเยว่ย่อกายงดงามราวสตรีในรั้ววัง ทำให้บุรุษหลาย
“อื้อ!” จางหย่งสือกดจูบหนัก ๆ ลงไปอีกครั้ง ก่อนจะถอนใบหน้าออกอย่างรวดเร็ว“ข้ามัดจำเอาไว้ก่อน หลังแต่งงานข้าจะไม่ปล่อยเจ้าให้รอดไปเป็นครั้งที่สอง”จื่อเว่ยทำได้เพียงก้มหน้างุด นางช่างไร้ยางอายนัก กล้าทำเรื่องบัดสีนี้ได้อย่างไรกัน“อย่าได้แม้แต่จะคิดหนีข้าไปอีกเข้าใจหรือไม่ เพราะสิ่งที่เจ้าทำข้าเสียหาย ช่วยรับผิดต่อข้าด้วย”“บ้าไปแล้ว!”จื่อเว่ยไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดได้มากกว่านี้ เพราะรอยยิ้มและแววตาหวานเชื่อมของจางหย่งสือ ทำให้นางแทบละลายกองอยู่เสียตรงนี้เลยทีเดียว“ไปกันได้แล้ว มัวเล่นอันใดกันอยู่”เอ่ยจบมือหนาได้กระชากเอวขอดให้ชิดกาย ก่อนจะพาหญิงสาวเดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปขึ้นรถม้า แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าหลาน ๆ และผู้ติดตามล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หยางเจี่ยนหันกลับไปยิ้มให้กับทุกคน เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นลุง แม้ว่าในชีวิตเก่าเขาจะผ่านอะไรมาไม่น้อย แต่เรื่องความรักประสบการณ์ของเขานับว่าเป็นศูนย์ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นอกจากจะเหนือความคาดหมาย ยังเป็นการบอกรักที่หลายคนคงลุ้นจนตัวโก่งมิแพ้คู่รักหมาด ๆ อย่างแน่นอน ว่าจะมีสิ่งใดพลิกผันอีกหรือไม่หยางเจี่ยนพยักหน้าน้อย ๆ พร้
ค่ำคืนในวันถัดมา ณ จวนสกุลหรง คืนนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของท่านราชครูหรงอู่ฉี เหล่าขุนนางต่างก็ต้องประชันอวดความมั่งคั่งของตน เพื่อข่มกันในงานอยู่เนือง ๆ แน่นอนว่าหลานสาวคนโปรดเช่นหรงเหมยเหนียงย่อมต้องทำทุกวิถีทางให้ตนเองโดดเด่น และเหนือกว่าบุตรสาวสกุลอื่น หรงเหมยเหนียงกำลังพิศมองตนเองในคันช่องบนโต๊ะ ชุดสีหวานพลิ้วไหวดั่งต้องมนต์ของนาง งดงามสมกับเป็นช่างมือดีจากร้านผ้าสกุลเฉิน ใบหน้าในวัยแรกแย้มเติมแต่งได้อย่าลงตัวที่สำคัญไปกว่านั้น คืนนี้มารดาของนางจะขยับฐานะจากภรรยารอง ก้าวสู่การเป็นภรรยาเอก นางจะไม่ต้องทนกล้ำให้ใครมองว่าเป็นรองพี่สาวต่างมารดาอีกต่อไป“เรียนคุณหนู นายท่านกับฮูหยินพร้อมคุณชาย ได้รออยู่หน้าจวนแล้วเจ้าค่ะ”“อืม! ไปสิ!”ร่างงามก้าวออกจากเรือนด้วยท่วงท่าราวนางหงส์ คำตราหน้าที่นางแบกรับมาทั้งชีวิต กำลังจะได้รับการปลดปล่อยแล้วในวันนี้ บางครั้งความรักหาใช่สิ่งที่คู่ควรต่ออนาคตเบื้องหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องหัวใจ ใบหน้าของใครบางคนได้ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวราวกลองศึก เมื่อรอยยิ้มของชายหนุ่มผู้อยู่บนหลังอาชาสีดำทมิฬเมื่อหลายวันก่อน ได้ทำให้เรีย
ถนนห่างจากจวนแม่ทัพ คนชุดดำทั้งหกยืนหอบหายใจแรง ๆ ทุกคนล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะพากันหลบหนีออกมา หลังจากฉินชี ซึ่งได้เป็นคนเข้าไปช่วยคุณหนูให้พ้นมือของท่านแม่ทัพจ้าวหมิงเยี่ย“เกือบไปแล้วไหมเล่า ฮ่า ๆ”ตัวตนเหตุยังมีหน้ามาหัวเราะร่า เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นเรื่องธรรมดาเสียอย่างนั้น“พี่รองมิกลัวท่านแม่ทัพจะติดตามมาหรือขอรับ”หยางไท้ยังคงหันกลับไปมองทิศทางที่เพิ่งจากมา เขาเองก็ตกใจไม่น้อยในตอนที่เห็นพี่สาวถูกจับได้...ข้างกำแพงจวนแม่ทัพก่อนหน้า หมับ! ติ้งรีบคว้าร่างของคุณชายน้อยเอาไว้ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะพุ่งลงจากกำแพง เพื่อที่จะไปช่วยคุณหนูใหญ่ ซึ่งกำลังต่อสู้โรมรันอยู่กับคนในจวนแม่ทัพ“มิได้ขอรับ หากคุณชายเข้าไปอาจเกิดอันตรายนะขอรับ”“แต่พี่สาวของข้าเล่า”“เป็นหน้าที่ขอข้าน้อยเองขอรับ”ติ้งเป็นคนเสนอตัวไปแทนคุณชายน้อย เพราะหากบุกกันเข้าไปหมด จากเรื่องเล็กน้อยจะกลายเป็นใหญ่โตขึ้นมาทันทีอย่างแน่นอนกึก! ติ้งจำต้องหยุดกายในทันที เมื่อมีเงาร่างของใครอีกคนพุ่งออกจากความมืด ตรงไปยังผู้เป็นนายและคนในจวนแม่ทัพ เมื่อเห็นว่าคุณหนูได้ถูกพาตัวออกจากการการต่อสู้ เขาจึงได้พ
‘คงมีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะ ที่จะออกไปให้เจ้าบั่นคอ’ เหลียนฮวาเริ่มมองหาทางหนี ขืนนางยังรั้งอยู่ต่อมีหวังคงไม่พ้นต้องปะทะกันเป็นแน่ ต่อให้นางมากด้วยฝีมือ แต่หากเทียบกับจ้าวหมิงเยี่ยนางยังอ่อนหัดนัก หมับ! ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะหนีไป มือหนาคว้าไหล่ผู้บุกรุกเอาไว้ได้ทัน เหลียนฮวารีบหมุนตัวพร้อมคว้าจับข้อมือแกร่งเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกข้อมือของแม่ทัพหนุ่มในทันที เพื่อมิให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวทันปึก! หญิงสาวกระแทกกำปั้นเข้าท้องแขนของแม่ทัพหนุ่ม เพื่อผลักอีกฝ่ายให้ออกห่าง พอที่จะทำให้นางหาจังหวะหลบหนี อ๊ะ! แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อมือหยาบของแม่ทัพหนุ่ม กลายเป็นตีนตุ๊กแกไปเสียอย่างนั้น ยิ่งพยายามผลักอีกฝ่ายยิ่งติดหนึบราวกาวดักหนูหญิงสาวได้แต่ด่าทอตนเองอยู่ภายในใจ สลับกับการสรรหาคำมาเปรียบเทียบจ้าวหมิงเยี่ยกับสิ่งต่าง ๆ ยิ่งเสียงหัวเราะในลำคอของเขาเล็ดลอดออกมาให้นางได้ยิน มันเสมือนเขากำลังลงมือกลั่นแกล้งเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพหนุ่มได้นึกสนุก ลงมือเย้าแขกที่เขามิได้เชิญสักหน่อย เหลียนฮวาเม้มริมฝีปากแน่น นางรู้ได้ไม่ยากว่าเขาไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้ คน
“ขอรับท่านป้า ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ฉินชีจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะแต่ละคนใช่ธรรมดาที่ไหนกัน” หยางเจี่ยนตอบรับคำของผู้เป็นป้า“คนเราต้องรู้จักโลกภายนอก”จางหย่งสือรีบออกตัวแทนสองหลานรัก มีหรือเขาจะไม่รู้วีรกรรมของหลานชายหญิงที่กำลังออกท่องราตรี ใช่เขารักหลานลำเอียง แต่เพราะเขารู้ดีว่าภายหน้าหยางเจี่ยนต้องยืนในจุดใดและนี่คือความภูมิใจอีกหนึ่งอย่างของเขา ที่หลานชายคนโตสุขุมรอบคอบ สมกับตำแหน่งที่เขาจะส่งมอบให้ในอนาคต ส่วนสองแสบนั้นเขาให้สิทธิ์ในการเลือกทางเดินตามใจชอบ แต่ต้องอยู่ในสายตาของเขามิห่างไปไหนหยางเจี่ยนหันไปส่งยิ้มอย่างรู้กันกับผู้เป็นป้า ชายหนุ่มไม่เคยที่จะต้องเสียเวลาคาดเดา กับคำพูดของผู้เป็นลุงเกี่ยวกับน้อง ๆ เขาไม่เคยริษยาที่ทั้งคู่ได้อิสระในการเที่ยวเล่นในโลกใบเดิมนั้น น้องสาวของเขาแทบไม่มีช่วงเวลาของวัยหนุ่มสาว ส่วนหยางไท้ยังเด็กนักหากเทียบกับเด็กหนุ่มในโลกเก่า ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ที่ทั้งคู่สรรหาพาผู้ติดตามไปเที่ยวเล่นขอแค่ไม่มีใครเดือดร้อนและตนเองไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย จะเที่ยวเล่นแค่ไหนเขาก็ไม่ติดขัดอันใด เพราะอีกไม่นานความเป็นเด็กของพวกเขาก็จะสิ้
“เวลาคนเรามีไม่เท่ากันนะขอรับ เมื่อรู้สึกตรงกันก็อย่าได้ปิดโอกาสเสียล่ะขอรับ”หยางเจี่ยนเอ่ยขึ้นในขณะที่ฉินชีก้าวห่างออกไปไม่มากนัก ชายหนุ่มอาจเป็นเพียงหนุ่มน้อยในโลกนี้ แต่ชีวิตเก่านั้นเขามีวัยใกล้เคียงกับฉินชี มีหรือจะมองไม่ออกถึงสายตาแบบชายหญิงเพราะเขาไม่มีโอกาสได้รักใครในชีวิตเก่า เขาเลยไม่อยากให้ใครต้องพลาดการมีความรักสักครั้งในชีวิต มีโอกาสก็ควรรีบคว้าไว้ เพราะคนเราบอกไม่ได้จะอยู่หรือตายตอนไหนฉินชีไม่คิดว่านี้คือการล้อเลียน แต่มันคือความหวังดีของผู้เป็นนาย ซึ่งเขาเองใช่ว่าไม่อยากให้โอกาสตนเอง แต่เพราะชีวิตที่อยู่กับความเสี่ยง เขาจึงไม่อยากดึงใครสักคนมาอยู่ในวงล้อมของอันตรายด้วยก็เท่านั้น เช่นเดียวกับที่ท่านหย่งสือเลือกมองท่านจื่อเว่ยอยู่ห่าง ๆ แทนการเดินเคียงข้างนาง“ไม่ตามไปดูว่าที่น้องเขยสักหน่อยหรือเจี่ยนเอ๋อร์”จางหย่งสือก้าวมายืนเคียงข้างหลานชาย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ เขากับหยางเจี่ยนรู้เป้าหมายของสองแสบโดยบังเอิญ และแน่นอนว่างานหนักย่อมตกเป็นของฉินชี“เรายังมีเรื่องต้องทำอีกมิใช่หรือขอรับ อย่าได้ห่วงเจ้าสองแสบเลยขอรับ มีทั้งพี่หลงพี่ฉินชีติดตามไป คนที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นเป
และทุกหน้าที่ผู้ชายคนนี้ทำได้ดีไม่มีที่ติ ขอแค่นายเอ่ยปากเขาจะไม่มีคำว่าไม่สำเร็จ ไม่แปลกที่ท่านลุงวางใจให้เขาเคียงข้างนางสามพี่น้อง ฉินชีเหมือนพี่ชายใหญ่ที่คอยดูแลพวกนางที่เสมือนปูไม่อยู่นิ่งฉินชีแสร้งไม่รับรู้ถึงสายตาจากคนเบื้องหลัง ทั้งยังคำพดที่ดูจะตดขัดของผู้เป็นนาย เขาเป็นบุรุษผู้หนึ่งย่อมต้องมีหวั่นไหวบ้า ในยามที่มีใครสักคนกล้าที่จะเผยความในใจ จะต่อหน้าหรือลับหลัง หากรู้ขนาดนี้แล้วเขาก็ต้องรู้สึกบ้างปึก! เจินจูกระพริบตาปริบ ๆ เมื่ออยู่ ๆ คนด้านหน้าหยุดลงกะทันหัน จนทำให้นางชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็มแรง ฉินชีสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะหันกลับไปหาผู้เป็นนายกับเงาสาว“เชิญด้านในขอรับคุณหนู”ฉินชีผายมือให้แก่ผู้เป็นนายสาว ก่อนที่ตัวเขาจะขยับหลีกทางให้ เหลียนฮวาคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการขอบคุณก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังศาลาพักผ่อน ซึ่งครอบครัวของนางนั่งอยู่ส่วนสองหนุ่มสาวที่ต้องรั้งรออยู่ด้านนอก ต่างพากันเบนใบหน้าไปคนละทิศทาง มิใช่รังเกียจแต่มันคือความเก้อเขิน เจินจูถึงกับมือชื้นเหงื่อ เมื่อได้ลมหายใจที่ชายหนุ่มพยายามควบคุมให้มันสงบนิ่ง ดังชัดอยู่ข้างกาย“ท่านลุง ท่านป้า