พูดจบเจ้าจันทร์ก็เดินผ่านร่างสูง ที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนบาง อีกทั้งทรงผมก็ยังดูยุ่งเหยิงไม่สร่าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดูหล่อมากอยู่ดี
“เดี๋ยว!..”
แต่หญิงสาวยังไม่ทันได้ก้าวพ้นขอบประตู จู่ๆ หูกระเป๋าเป้ที่ใส่อุปกรณ์ก็ถูกมือใหญ่ดึงเอาไว้ จนอีกฝ่ายเซถลาถอยกลับมาทันที
“อะไรอีกวะลูกศร!?
“.....สั้นไปมั๊ย!?”
!!!
นัยน์ตาคมกวาดมองคนตัวเล็กกว่าเร็วๆ ก่อนที่มันจะเลื่อนขึ้นมามองหน้าเจ้าของร่างบางนิ่งๆ
“คนกำลังมีความรักเขาต้องแต่งหน้า แต่งตา แล้วก็แต่งตัวกันขนาดนี้เลยเหรอวะ?” ริมฝีปากอิ่มบางขบเม้มเข้าหากันทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามนี้จากคนตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับไป “ กระโปรงที่แกใส่สั้นยังไม่พอ? แกยังจะผ่าขึ้นไปให้มันเห็นไปถึงไหนๆ อีกรึไงฮะ!...”
“แล้วมันไปหนักส่วนไหนของแกไม่ทราบ?” เจ้าจันทร์สวนกลับไปทันทีอย่างที่เห็น เพราะเธอไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของใครหน้าไหนทั้งนั้นแล้วในตอนนี้...
หญิงสาวรู้ดีและเข้าใจทุกอย่างที่คันศรว่ามานั่นแหละ แต่เจ้าจันทร์ก็แค่อยากจะเปลี่ยนลุคตัวเองให้มันดูน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น
จากที่เคยไว้ผมสั้น หญิงสาวก็ปล่อยให้มันยาวอย่างที่มันเคยบอกว่ามันชอบไง...
จากใบหน้าสดใสปราศจากเครื่องสำอางใดๆ เธอก็แต่งแต้มให้มันดูดี มีชีวิตชีวิตขึ้นมาบ้าง...
กระทั่งชุดที่เคยใส่แบบสบายๆ ไม่เคยให้ใครได้เห็นขาอ่อน แต่มาตอนนี้เจ้าของร่างบางก็อยากจะอวดให้ใครๆ ได้เห็นบ้างว่าเธอน่ะมีดีแค่ไหน?
สุดท้ายที่ทำไปทั้งหมดก็แค่อยากให้มันเห็นเธออยู่ในสายตา ไม่ใช่ชมแต่ผู้หญิงอื่นต่อหน้าให้เธอได้ยิน...
ไหนมึงบอกว่าต้องการจะถอยออกมาจากความรู้สึกเก่าๆ ไม่ใช่รึไง...?
ใช่...
ก็แค่ต้องการให้มันเสียดาย...
หรือไม่...
มันก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยจริงๆ...
“นั่นสินะ แกจะทำอะไรมันก็เป็นเรื่องของแก ตัวแกนี่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย...”
นี่ไง...คือคำตอบที่เธอได้มา....
“ในเมื่อไม่เกี่ยวกัน ต่อไปฉันจะได้ไม่ต้องอาศัยรถแกไปมหาลัยทุกวัน เริ่มจากวันนี้เลยก็แล้วกัน”
เอ่ยจบเจ้าจันทร์ก็เดินหายออกไปจากห้อง โดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรต่อจากนั้น
ไม่ยอมหันมามองคนข้างหลัง จึงไม่เห็นว่าตอนนี้คิ้วเข้มของร่างหนาขมวดเข้าหากันจนแทบจะรวมเป็นเส้นเดียว...
อะไรที่ทำให้เจ้าจันทร์เพื่อนของเขา เปลี่ยนไปได้ขนาดนั้นเชียว?
“ไอ้เหี้ยศร! มึงไปทำอะไรมันอีกแล้ววะถึงได้งอนแล้วพาลไม่รับโทรศัพท์ของพวกกูไปด้วยเนี่ย?”
โชกุนต่อว่าทันทีที่เห็นหน้าคันศรนั่งรอเขากับใต้ฝุ่น อยู่ในโรงอาหารของมหาลัยในช่วงเวลาพักกลางวัน
ทั้งสองคนรู้เพียงคร่าวๆ เท่าที่คันศรเล่าให้พวกเขาฟังทางโทรศัพท์ แต่เมื่อโทรไปหาเจ้าจันทร์ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมรับสายของพวกเขาเลย
ทะเลาะกันอีกตามเคยนะสิแบบนี้น่ะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามันจะรุนแรงมากแค่ไหน?
“เรียกร้องความสนใจไง ช่างแม่งเหอะ!” คันศรตอบเพื่อนกลับไปเสียงห้วนตึง
“กูก็เห็นมึงพูดแบบนี้ทุกที...แล้วอย่ามาโอดครวญให้พวกกูได้ยินละ” ใต้ฝุ่นว่า ในขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ โชกุน ที่อยู่ตรงข้ามกับคันศร ที่ตอนนี้มันกำลังทำหน้ายับย่นราวกับคนเพิ่งตื่นนอน
“มึงเล่าให้พวกกูฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่าพวกมึงทะเลาะห่าอะไรกันอีก” โชกุนพูดต่อ และรอให้อีกฝ่ายหนึ่งพูดออกมา แต่มันก็มักจะลีลา
แบบเนี่ย...
“กูขอกินข้าวก่อนแล้วค่อยเล่า...”
“มึงไม่ต้องแดกแล้วไอ้ศร!” ใต้ฝุ่นว่าพร้อมกับเลื่อนจานข้าวตรงหน้าของคันศรออกแล้วพูดต่อ “กูรู้ว่ามึงคงแดกไม่ลงหรอกมั้ง ทำหน้ายังกะคนแบกโลกไว้ซะขนาดนั้น”
“มึงดูกูออก?”
คันศรเอ่ยถาม พลางเสสายตาไปอีกทางอย่างรู้สึกเซ็งๆ สักพักถึงได้ชักสายตากลับมามองหน้าเพื่อนรักทั้งสองคนก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า ระหว่างเขากับเจ้าจันทร์ให้พวกนั้นฟัง
“ ไอ้เจ้ามันเป็นผู้หญิงก็ต้องรักสวยรักงามเป็นเรื่องธรรมดาป่ะ แล้วเรื่องที่มันกำลังมีความรัก ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ในเมื่อมันก็โตแล้วนี่หว่า”โชกุนออกความเห็นอย่างตรงประเด็น หลังจากที่เห็นว่าคันศรเล่าเรื่องราวระหว่างมันกับเจ้าจันทร์จบลง“แต่มันไม่บอกกู!”คันศรชิงแทรกพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด จากนั้นจึงรีบพูดต่อ เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิททั้งสองจ้องหน้ารอฟังเขาอยู่“กูก็แค่เป็นห่วงมัน พวกมึงก็รู้ว่าผู้ชายพวกนั้นมันมีแต่เสือสิงห์ แล้วผู้หญิงที่ไม่มีประสบการณ์อย่างมันจะไปทันใครเขาละ”“มึงคิดงั้น?” ใต้ฝุ่นเป็นคนตั้งคำถามนี้กับคันศร“อื้อ...” แต่ทว่าอีกฝ่ายตอบกลับมาแค่สั้นๆ“เดี๋ยวมันก็คงจะมีของมันเองนั่นละ...ไอ้ประสบการณ์ที่มึงว่ามาอ่ะ”คำพูดของโชกุนทำให้คันศรตวัดสายตาขึ้นมองหน้า ก่อนจะสบถด่าตามมาต่อจากนั้นอีกว่า“ไอ้เชี่ย!...พวกมึงสองคนไม่เป็นห่วงมันเลยรึไงวะ!? ”“ห่วงดิวะ...แต่มันก็ต้องมีพื้นที่ส่วนตัวของมันบ้างนะเว้ย”โชกุนแย้งกลับไปอย่างไม่เห็นด้วย พอมันหันไปหาใต้ฝุ่นเชิงถามความเห็น ฝ่ายนั้นก็พยักหน้ารับ ราวกับกำลังเข้าข้างกันนั่นอีกแล้วคิดเหรอว่าคนอย่างคันศรจะยอมแพ้ มันก็แถไปได้ตามนิสั
ทั้งสามคนพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองลง พร้อมกับใช้สายตาจ้องมองตรงไปที่เป้าหมาย ในขณะที่อีกฝ่ายก็หันมามองเพื่อนชายในจังหวะเดียวกัน จากนั้นจึงชักสายตากลับมาหาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันตามเดิมความจริงเจ้าจันทร์เห็นพวกมันตั้งแต่เดินเข้ามานั่นแล้ว เพียงแต่หญิงสาวยังไม่ได้เดินเข้าไปทักทายพวกมันเท่านั้นเองถึงแม้เจ้าจันทร์จะมีปากเสียงกับคันศรไปเมื่อตอนเช้า แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ...เพราะอะไรนะเหรอ?เพราะคันศรก็ทำแบบนี้กับเจ้าจันทร์มาตั้งแต่อยู่อนุบาล อีกทั้งสันดานของมันก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่เคยคิดอะไรทั้งนั้นก่อนจะพูดออกมา ราวกับว่าในปากของมัน มีหมาเข้าไปนอนตายรวมกันอยู่หลายตัวคันศรชอบพูดจาดูถูกเธอทุกอย่าง และหลายต่อหลายครั้งที่มันว่าเจ้าจันทร์เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ...เพราะตอนสอบเข้าหมอ หญิงสาวก็มาเปลี่ยนใจเอากลางคัน โดยอ้างกับพวกมันว่าเธอกลัวศพอาจารย์ใหญ่ เพราะต้องการจะให้ทุกอย่างจบๆ ไป จะได้ไม่มีใครมาถามเอาอะไรกับเธออีกพอตามมาเรียนวิศวะ คันศรก็หาว่าเจ้าจันทร์ไม่มีจุดยืน...แล้วมันก็ฝืนตัวเองไม่ไหว ตามที่อีกฝ่ายพูดจาดูถูกเธอเอาไว้จริงๆข้อนี้หญิงสาวไม่ขอเถ
“ไอ้ศร...พอเรากลับถึงคอนโด มึงรีบไปง้อมันก่อนเลยนะมึงอ่ะ เดี๋ยวเราแวะซื้อเกี๊ยวน้ำเจ้าประจำของโปรดไอ้เจ้าเอาไปฝากมันด้วย”โชกุนหันมาบอกกับคันศรตอนที่ออกมาจากห้องกิจกรรมในเวลาช่วงใกล้ค่ำ หลังจากเรียกรุ่นน้องเข้ามารวมกลุ่มกันในวันนี้เพราะพวกเขาเป็นรุ่นพี่ปีสี่จึงต้องมีการแนะนำตัว และต้องคอยให้คำปรึกษาน้องๆ พร้อมกับอธิบายถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องทำร่วมกันRrr! Rrr! Rrr!แต่ทว่า...คันศรยังไม่ทันได้ตอบรับ เมื่อมีเสียงโทรข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ของโชกุนซะก่อนและเสียงโทรศัพท์นั่นก็เรียกสายตา ของเพื่อนกันทั้งสองคนให้มองตามมือใหญ่ ที่ล้วงเข้าไปหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง“ไอ้เจ้า?...”เจ้าของมือถือเอ่ยชื่อคนโทรเข้า ก่อนจะรีบกดรับสายจากเจ้าจันทร์ จากนั้นจึงกรอกเสียงเข้าไปโดยไม่ลืมเปิดเสียงสนทนาของคนปลายสาย ให้เพื่อนทั้งสองคนได้ยินไปพร้อมๆ กัน“แกอยู่ไหนเจ้า...?”โชกุนเอ่ยถามกลับไป เพราะได้ยินเสียงเพลงผสานกันกับเสียงดนตรี อีกทั้งยังมีเสียงของผู้คนมากมายดังเข้ามาในโทรศัพท์ ถึงไม่ถามกลับ พวกเขาก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าจันทร์มันอยู่ที่...(“ร้านเหล้า!...ฉันอยู่ร้านเหล้ากับเพื่อนใหม่ในห้องน่ะ”)“ทำไมแกถึงไ
“ไอ้ศร...มึงใจเย็นๆ ก่อนอย่าเพิ่งหัวร้อน เดี๋ยวพวกกูจะโทรเช็คกับพวกๆ กันให้ ว่ามีใครเห็นไอ้เจ้ามันอยู่ในร้านเหล้าตรงไหนบ้าง”ใต้ฝุ่นที่เอาแต่เงียบฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง หลังจากที่เห็นสีหน้ารวมไปถึงอาการของคันศรที่ตอนนี้ไม่ได้ร้อนแค่หัว แต่มันร้อนไปทั้งตัวนั่นเลยต่างหากละ...ดูจะเก็บทรงไม่อยู่แล้วละมั้งเพื่อนกูเนี่ย... หลังจากที่วางสายลง เจ้าจันทร์ก็เดินตรงเข้าไปนั่งในร้านเพื่อจะฟังเพลงต่อ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มจึงคะยั้นคะยอให้เธอดื่มเหล้า แต่ถูกหญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธกลับไปให้แทนเสียง ก่อนจะเบี่ยงหน้าหันไปอีกทางอย่างรู้สึกเซ็งๆการมานั่งร้านเหล้ามันไม่ใช่ทางของเจ้าจันทร์จริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเข้ามาเที่ยวในสถานที่แบบนี้ซะทีเดียวเพราะบางครั้งบางคราว เจ้าจันทร์จะมาเที่ยวกับพวกมันบ้างหากมีเวลาว่างจริงๆ หรือบางสัปดาห์ที่เจ้าจันทร์ไม่ได้กลับไปบ้านที่อยู่ต่างจังหวัดเท่านั้นพอนึกถึงบ้าน...เจ้าจันทร์ก็ยิ้มออกมาได้เพราะใบหน้าน่ารักของหลานชาย มันลอยเข้ามาอยู่ในสมองของเธอพอดี....อิคคิว...ลูกชายจอมซนของพี่จอมทัพ กับพี่ปิ่นปัก...ทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกัน ตั้งแต่เจ้าจันทร์ยังไม่เกิดขึ
“จะปล่อยกูดี ๆ หรือมึงต้องการจะให้กระดูกของมึง ถูกหักออกเป็นสองท่อนซะก่อน...อย่างนั้น?” ใบหน้าหวานกดเสียงต่ำ นั่นทำให้เจ้าของร่างใหญ่ถึงกับกลั้วขำในลำคอ“ดุได้น่าจูบ..จะ....”หมับ!!!!ในขณะที่ร่างหนากำลังท้าทายเจ้าจันทร์กลับไป ก็มีมือใหญ่ของใครบางคนแทรกเข้ามาคว้าจับข้อมือของผู้ชายคนนั้น แล้วบิดมันอย่างแรงจนได้ยินเสียงกระดูกของมันลั่นดัง...กร๊อบ!...ถึงแม้เสียงดนตรีในร้านจะดังแค่ไหนก็ตาม แต่เจ้าจันทร์ก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน... “อ๊าก!...”จากนั้นเสียงร้องดังลั่นยาวๆ ของเจ้าของมือก็ดังขึ้นตามมา พร้อมกับมือของชายปริศนาที่สะบัดออก แล้วเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นมาคว้าคอเสื้อของอีกฝ่าย ก่อนจะกระชากร่างใหญ่เหวี่ยงออกไปอีกทาง ทำยังกับว่าอีกฝ่ายไม่มีน้ำหนักตัวใดๆ เลยโครม!ๆเสียงทะเลาะวิวาทดังขึ้น ส่งผลให้นักร้องและนักดนตรีที่กำลังเล่นอยู่บนเวทีหยุดลง เหลือเพียงเสียงกรีดร้องโวยวาย ของคนที่อยู่บริเวณรอบๆ กายของหญิงสาวเท่านั้นเองเจ้าจันทร์อาศัยช่วงชุลมุนลุกพรวดขึ้นยืน แต่ถูกฝ่ามือใหญ่จับไว้อีกครั้งจากคนที่แทรกเข้ามายืนอยู่ข้างหน้าพอเห็นว่าใครเป็นคนทำเท่านั้นละ เจ้าจันทร์ถึงกับเบิกตากว้างอย่าตกใจ ตอนท
“ทำไมวะ? แกกล้าตวาดใส่หน้าฉันเลยเหรอฮะไอ้ศร!?”เจ้าจันทร์ลั่นคำพูดออกไป พร้อมกับกำหมัดใส่อย่างที่เจ้าตัวไม่เคยทำ“เฮ้ย! ไอ้ศร...มึงก็ใจเย็นหน่อยดิวะ ไอ้เจ้าแกเบาลงนิดหนึ่งนะถือว่าฉันขอร้อง มีอะไรเราค่อยกลับไปคุยกันที่ห้อง”โชกุนที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งเข้ามาห้ามทัพ ก่อนจะจับทั้งสองคนแยกออกจากกัน แล้วหันมาเตือนสติเพื่อนทั้งสองคนสลับกันไปมาแต่ทว่า...เจ้าของร่างบางมันก็ยังไม่ยอมจบให้ง่ายๆ...แบบนี้ไง.. “ฉันเห็นแก่แกก็ได้โชกุน.....แต่ต้องให้ฉันกลับรถแกนะ”เจ้าจันทร์ว่า พลางเชิดหน้าใส่อีกฝ่ายที่ถอนหายใจทิ้งไปหนักๆ เชิงจะบอกใบ้ว่ายอมเป็นคนลงให้ก่อนนั่นแหละจะได้จบๆ กันไปเพราะรู้ว่าหากคันศรเผลอปากเสียใส่เจ้าจันทร์ตอนที่มันอารมณ์ไม่ดี มันก็จะสวนกลับมาทันทีแบบนี้ตลอดๆสุดท้ายก็กลายเป็นทะเลาะกันจนแทบจะไม่มองหน้า แล้วกว่ามันจะหายโกรธเขานะ ก็ต้องง้อมันด้วยการเอาของกินมาล่อจนพอใจแล้วนั่นละมันถึงจะหาย“ไม่ได้ว่ะเจ้า ฉันต้องรีบพามีนกลับต่างจังหวัดคืนนี้ เธอนั่งรอฉันอยู่ในรถนั่น แล้วมันก็คนละทางกัน แกกลับกับไอ้ศรมันนั่นแหละดีแล้ว”“งั้นฉันจะกลับแท็กซี่...”ก็ยังงี่เง่าไม่เลิกรา...ผ่าเหอะ!โชกุนเห็นคันศร
“พอๆ เถอะว่ะไอ้เจ้า” โชกุนเบี่ยงองศามาทางเจ้าจันทร์ ก่อนจะหันไปหาคันศร “ มึงก็เหมือนกันนะไอ้ศร ” แล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกมึงช่วยเลิกตั้งแง่ใส่กันน่าจะดีกว่ามั๊ย? ส่วนส้นตีนของพวกมึงก็เก็บเอาไว้ยืน ไม่ต้องยกขึ้นมาใส่หน้ากันนะ แล้วก็ดีกันซะทีเถ้อ กูเหนื่อยกับพวกมึงสองคนเต็มทีแล้วนะ” สีหน้าบวกกับน้ำเสียงเชิงร้องขอของเพื่อนชาย ทำให้ร่างบางเริ่มใจอ่อนก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ แล้วคว้าจับแขนมันไว้ จากนั้นจึงใช้น้ำเสียงออดอ้อนใส่อีกฝ่ายหนึ่งว่า...“งั้นแกก็ไปส่งฉันก่อนนะโชกุน แล้วแกค่อยย้อนพามีนกลับไปนครนายกนะๆๆ..”โชกุนหันมามองหน้าเจ้าจันทร์ ก่อนจะช้อนใบหน้าขึ้นสูงเชิงคิดตาม ใบหน้าคมคร้ามปรายหางตามองไปทางคันศร ก็เห็นมันจิกสายตามาที่เขาเชิงจะบอกใบ้ให้อย่างที่รู้ๆ กันอยู่นั่นแหละแต่ทว่า..โชกุนดันพยักหน้ารับ...พร้อมกับตอบออกไปว่า...“ก็ได้ ฉันจะไปส่งแกก่อน...”ซะงั้น!...แล้วคำตอบนั้น ก็ทำให้คันศรแทบอยากจะกระโดดเตะก้านคอของเพื่อนรัก ให้หักออกเป็นสองท่อนตอนได้ยิน!ส่วนเจ้าจันทร์ก็ยิ้มจนตาหยี แต่ต้องรีบเปลี่ยนสีหน้าตอนได้ยินคันศรพูดแทรกขึ้นมาว่า“มึงต้องรีบพามีนไปดูใจพ่
“.....เจ้า”คันศรเรียกเจ้าจันทร์เอาไว้ หลังจากที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเปิดประตูห้อง มือบางของหญิงสาวที่กำลังจับลูกบิดอยู่ชะงักค้าง พลางหันมาถามกลับสั้นๆ ในจังหวะนั้นว่า“มีไรวะ?” ถามแค่นั้นแล้วก็ดันประตูเข้าไปยืนอยู่ด้านในส่วนคันศรไม่ได้ตอบคำถามแต่เดินตามเจ้าจันทร์เข้าห้องไป แล้วใช้แผ่นหลังของมันดันประตูปิดลง “แกจะเดินตามฉันเข้ามาทำไมวะ? ถ้ามีอะไรเราก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้สิ ฉันจะอาบน้ำนอนละ....ง่วงว่ะ” เจ้าจันทร์ว่าก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากหาวราวกับเจ้าตัวนั้นง่วงนักหนาแต่ก็ใช่ว่าจะมีความรู้สึกตามที่บอกมันออกมา ความจริงที่ว่านั่นเป็นเพราะเจ้าจันทร์ยังไม่พร้อมจะตอบคำถามของมันต่างหากละ...“แกมีอะไรวะ? ทำไมถึงไม่พูดกับฉันออกมาตรงๆ เหมือนกับทุกๆ ที” คันศรต่อว่าในขณะที่เคลื่อนร่างหนาเข้ามาใกล้เจ้าจันทร์ในระยะประชิดจนแทบจะติดร่างบาง เพราะมันเว้นระยะห่างแค่ช่วงทางมดผ่าน”..แกอย่าทำแบบนี้ดิวะเจ้า?”คนตรงหน้าเอ่ยออกมาเสียงเบา แต่หญิงสาวก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจนกระทั่งกลิ่นลมหายใจร้อนผ่าวที่กำลังเป่ารดใบหน้า จนทำให้ไม่กล้าเงยองศาขึ้นไปสบตากับมัน“......”“.แกเปลี่ยนไปนะเจ้า...”‘เพราะแกไม่เคยเ
แล้วตอนนี้เจ้าจันทร์ก็กำลังพยายามหาทางออก และบอกกับตัวเองไว้ว่า หากคนเป็นพี่ชายไม่ยอมให้อภัยเธอสักที เธอคงต้องใช้วิธีขอร้องมารดาให้เป็นตัวช่วยสุดท้ายเลยก็แล้วกันเมื่อคิดได้อย่างนั้น เจ้าจันทร์จึงโทรไปหาคนเป็นมารดา เพื่อสารภาพผิดทุกอย่างที่เจ้าตัวได้กระทำลงไป จากนั้นจึงขอร้องให้นางจันทราช่วยเป็นกาวใจประสานความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับพี่ชายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพิ่มอีกหน่อยตรงที่ขอให้ท่านช่วยบอกพี่ชายด้วยว่าไม่ต้องมารับ เพราะเจ้าจันทร์จะอยู่ที่นี่ เพื่อทำรายงานที่ค้างส่งให้กับอาจารย์ และจะกลับบ้านหลังจากนี้ไม่เกินสามวันนางจันทรารับปากลูกสาว แล้วบอกให้เจ้าจันทร์รอสายจากท่านอีกครั้งก่อนจะวางสายลง แล้วหลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง นางจันทราก็โทรกลับมาบอกกับลูกสาวว่า หากพี่จอมทัพลดระดับความโกรธลงมาได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเจ้าจันทร์ก็ค่อยกลับไปกราบขอโทษพี่ชายอีกทีเป็นลูกรักของแม่นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง...หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์กับมารดาจบลงไปแล้วนั่นแหละ เจ้าจันทร์ถึงได้พรูลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจ และขอสัญญากับตัวเองไว้ว่า ต่อไปนี้จะไม่ทำตัวงี่เง่าและเอาแต่ใจ จนทำให้คนเป็นมารดาและพี
หลังจากจอมทัพเข้าห้องฝ่ายปกครองไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีผู้ปกครองของข้าวปุ้นเดินสับเท้าตรงเข้ามาหากลุ่มของใต้ฝุ่นที่ยืนรอหญิงสาวอยู่หน้าห้อง ของฝ่ายปกครองพอดี ทุกคนจึงพากันยกมือไห้ว ในขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับพร้อมกับมีคำถามตามมาว่า“ใครมันกล้ารังแกน้องสาวของเจ้ เจ้จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด!...ไหนมันอยู่ไหนวะ!?”มาสไตล์นักเลงพอกันกับน้องชาย ราวกับถ่ายเอกสารกันมา...และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้มีสถานะเป็นพี่สาวแท้ๆ ของใต้ฝุ่น และข้าวปุ้นก็ยังมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของเธอนั่นด้วย อีกทั้งยังช่วยลงชื่อเป็นผู้ปกครองแทนคนเป็นแม่แท้ๆ ที่ทิ้งลูกสาวของตัวเองทันที หลังจากที่ได้รับเงินจากทางบ้านของใต้ฝุ่นเป็นค่าตอบแทนก้อนใหญ่ โดยแลกกับการที่ไม่ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่ดันไปพรากผู้เยาว์ลูกสาวเขามานั่นแหละ “เจ้หยก!หนูอยู่นี่ค่ะ...”ใต้ฝุ่นยังไม่ทันได้ตอบคำถามคนเป็นพี่ ก็มีเสียงใสของข้าวปุ้นเอ่ยแทรกขึ้นมาอยู่หน้าประตูห้อง สายตาของทุกคู่จึงไปกองรวมกันอยู่ที่เดียวทั้งๆ ที่บนข้างแก้มของเจ้าตัวก็มีรอยแดงของนิ้วมือทั้งสองข้าง แต่เจ้าของร่างบางก็ยังมีรอยยิ้มสดใสให้กับทุกคนได้ด
คันศร...ไม่ได้เป็นห่วงว่าเจ้าจันทร์จะถูกพวกของกอหญ้ารุมทำร้าย เพราะเขารู้ว่ามันเอาตัวรอดได้อยู่แล้วด้วยทักษะการต่อสู้อย่างที่รู้กันดี แต่เรื่องนี้ดันไปถึงห้องของฝ่ายปกครองนั่นต่างหาก ที่น่าเป็นห่วงมันมากที่สุดส่วนใต้ฝุ่น...รู้สึกเป็นห่วงข้าวปุ้นมาก เพราะนอกจากมันจะตัวเล็กยังกะลูกแมว แล้วใจมันยังกล้าบ้าบิ่นพอกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้คนทั้งคู่จะเป็นยังไงกันบ้าง?เหมือนโชกุนจะเดาทางได้ว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนกำลังคิดอะไร เจ้าตัวจึงไม่รอช้ารีบล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดข่าวที่ว่านั่น ให้พวกมันดูไปพร้อมๆ กันทั้งคู่พร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองเพื่อดูวีดีโอภาพ ที่ถูกพาดหัวขึ้นเป็นข่าวท็อปไลน์ในกลุ่มของมหาลัย โชกุนแค่รู้ว่าคนที่ถ่ายภาพนี้มาได้นั้น มันกำลังนั่งในรถที่จอดอยู่บริเวณใกล้ๆ กันกับจุดเกิดเหตุนั่นพอดี“สัดเอ้ย! ตบหน้าเมียกูตั้งสองที กูจะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด”ใต้ฝุ่นสบถด่าหยาบคายโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ ตอนที่เห็นกอหญ้ากล้าตบหน้ายายลูกแมวของเขา ที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งข้าวปุ้นได้กลายเป็นสาวเต็มตัว อีกทั้งคนเป็นผัวอย่างใต้ฝุ่น ก็เคยทำให้มันเจ็บตัวแค่เพียงครั้งเดียว จา
ถึงจะบอกข้าวปุ้นออกไปอย่างนั้นแต่เจ้าจันทร์ก็เตรียมตั้งรับกับสถานการณ์ต่างๆ ราวกับคนที่ถูกสอนมาอย่างดี“จับมันไว้!”นั่นไง!...“...ไอ้ปุ้นระวัง!”“เฮ้ย!”เจ้าจันทร์ผลักข้าวปุ้นออกห่างพลางเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางอย่างรู้จังหวะดี เมื่อมีนักศึกษาหญิงร่างใหญ่ทั้งสองนาง พุ่งตัวเข้ามาหาในเวลาอันรวดเร็ว แต่พวกมันก็ไม่สามารถคว้าจับร่างของเจ้าจันทร์เอาไว้ได้ ด้วยความไวที่เคยได้ฝึกมาจากคนเป็นพี่ชายที่ช่วยสอนให้มาตั้งแต่เธอยังจำความได้นั่นแหละแต่เมื่อเจ้าจันทร์หันไปมองรุ่นน้อง ก็เห็นว่ามันถูกคนของกอหญ้าจับยึดแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง อย่างที่มันต้องการแค่สองคน ในตอนนั้นเข้าพอดีแต่มันก็ยังแสดงความมีน้ำใจ ด้วยการตะโกนบอกเจ้ของมันออกทันที“เจ้ไม่ต้องห่วงเค้า...รีบหนีไปเร็วๆ เข้า!”เจ้าจันทร์กรอกตามองบน ก่อนจะมองคนที่เหลืออยู่ แล้วเห็นว่าพวกนั้นต่างก็พากันยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทางกล้าๆ กลัว เจ้าจันทร์จึงค่อนข้างจะมั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ“คุยดีๆ กันก่อนมั้ย?...กอหญ้า”เจ้าจันทร์เอ่ยถามเจ้าของใบหน้าสวยผุดผาดบาดใจแต่มีแววตาประสงค์ร้ายอยู่ในนั้นทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน เพียงแต่เจ้าจันทร์ไม่ต้อง
หลังเลิกคลาสเรียนในช่วงบ่ายข้าวปุ้นก็ได้โทรมาชวนเจ้าจันทร์ ให้ไปเป็นเพื่อนซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ของตัวเองด้วยกัน เพราะใต้ฝุ่นดันติดทำรายงานกลุ่มส่งอาจารย์ ซึ่งก็คล้ายๆ กับคันศรนั่นแหละเจ้าจันทร์กับข้าวปุ้นเพิ่งจะเข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่ง จึงพอจะมีเวลาว่างและมักจะชวนกันไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือถ้ามีเวลาเหลือก็พากันไปดูหนัง อีกทั้งยังชอบไปฟังเพลงในงานคอนเสิร์ตของนักร้องที่ตนคลั่งไคล้ เพราะทั้งสองคนชอบดนตรีสไตล์เดียวกัน และก่อนจะกดวางสาย ข้าวปุ้นมันก็ได้ทิ้งระเบิดไว้ให้กับเจ้าจันทร์ลูกหนึ่ง(“เจ้เจ้า หนูมีข่าวใหม่ล่าสุดจะมาอัพเดทให้เจ้ฟังด้วยนะ”)“เรื่องไรวะ?”(“เจอกันแล้วเราค่อยเมาส์มอยกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไม่มันส์...”) ภาษาไทยมันก็ดันเติมเอสมาได้นะ!“เออ...แกนี่มันขยันทิ้งระเบิดดีว่ะ”(“ระเบิดลูกเบ้งอ่ะ...เดี๋ยวจะเอามาฝากเพราะรักเจ้เท่านั้นค่ะ”)“???”ไอ้เด็กบ้านี่...แม่ง! โคตรปากเปราะ!...เพราะมันชอบบอกรักกันง่ายดายซะขนาดนี้ไง...ไอ้ฝุ่นมันถึงได้ไปไหนไม่รอด!เจ้าจันทร์กดสายทิ้ง ในขณะที่ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดูมันราวกับน้องสาวแท้ๆ ที่สนิทสนมกันมานานตั้งแต่เจ้าจันทร์ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็ดันเข้ามาแทรกอี้ก...นี่มันเป็นวันห่าอะไรกันวะเฮ้ย!และนี่...มันก็คือวันโลกาวินาศของจริง!อย่าว่าแต่กอดเลย...จูบสักนิดก็ยังไม่เคย...แล้วไหงกอหญ้าถึงได้ตื้อกันไม่เลิกลายังงี้วะ?ที่คันศรมักจะคบหากับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า สาเหตุหลักมันก็มาจากเจ้าจันทร์เองนั่นแหละ แค่เขาอยากจะรู้ใจตัวเองว่านอกจากใบหน้าของเจ้าจันทร์แล้ว มันจะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่พอจะทำให้ชายหนุ่ม ลบภาพของเพื่อนรักออกไปจากหัวใจได้สักที แล้วท้ายที่สุดมันก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้งกระทั่งที่ผ่านๆ มาเวลาคันศรจะเลิกกับใครก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จะมีก็แต่กอหญ้าที่กำลังทำตัวให้เป็นปัญหาเพียงคนเดียวเท่านั้น และคันศรก็ควรจะต้องสะสางมันอย่างจริงจังและได้แต่หวังว่าไอ้เจ้ามันคงจะเข้าใจ?รึเปล่าเหอะ!?“ใครโทรมา...แล้วทำไมแกถึงไม่กดรับสายวะ?”นั่นไงละ!คันศรสะดุ้งเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าจันทร์เอ่ยถาม พร้อมกับชะโงกหน้าตามเข้ามาดูหน้าจอ แล้วพอเห็นว่าเป็นชื่อกอหญ้าเท่านั้นละ...รู้มั้ยว่ามันอะไรเกิดขึ้น!?“สันดานผู้ชายยังไงก็คงจะเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ”เจ้าจันทร์ไม่โวยวายเลยสักหน่อย แต่ถอยห่างออกมาแล้วเอ่ยต่อจา
คันศรพูดไม่ออก บอกไม่ได้ และถึงกับไปไม่เป็น แต่ในระหว่างที่ยังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ เจ้าจันทร์ที่เพิ่งจะมายืนฟังอยู่ด้านหน้า ก็ดันประตูเข้ามาประจันหน้ากับทุกคน และยอมลงให้กับคนเป็นพี่ชายก่อนจะโพล่งออกไปในจังหวะนั้นทันที“หนูไม่ย้ายไปไหนนะคะพี่จอม...งื้อพี่ปิ่นช่วยหนูด้วยสิคะ”ประโยคหลังเจ้าจันทร์ได้หันไปบอกกับพี่สะใภ้ นั่นจึงทำให้จอมทัพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และหันมาสบตากับคนเป็นภรรยาอย่างรู้สึกอ่อนใจ ก่อนจะละสายตากลับไปที่อีกฝ่าย โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรกับน้องสาว เพียงแต่สบถออกมายาวๆ เท่านั้นว่า“โอ๊ย!เห็นหน้ามันแล้วพาลให้หงุดหงิดหัวใจกับโคตรจะรำคาญฉิบหายเลยว่ะ...ปิ่นเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”จอมทัพละคำพูดไว้ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบเบาๆ ตรงข้างกกหูของเมียรักต่อจากนั้นอีกว่า “เราจะได้รีบกลับไปต่อแขนต่อขาให้กับน้องของเจ้าอิคคิวมันด้วยไง...นะ”“แกมันบ้า!” ปิ่นปักว่า ก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้อง โดยที่ไม่สนใจคนเป็นน้องที่ยืนมองหน้ากันอย่างสงสัยสงสัยว่าพี่จอมทัพพูดอะไรกับพี่สะใภ้ ถึงได้ทำให้พี่ชายของเจ้าจันทร์ ดูอารมณ์ดีได้มากถึงขนาดนั้นเชียว...แล้วน้องสาวเพียงคนเดียวที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ก็
จอมทัพยังไม่ทันได้เปิดประตูห้องของเจ้าตัว แต่ถูกเปิดผัวะมาจากคนที่อยู่ด้านใน ที่เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าทั้งสองคนจะมาถึงที่นี่ในเวลาไม่กี่นาที“อ้าว! ไอ้เจ้าหรอกเหรอ...แล้วทำไมแกถึงทำให้หน้าน้องแหกงี้วะ!?เสียงหวานของปิ่นปักเอ่ยทักเจ้าจันทร์ ก่อนจะเลื่อนสายตาหันมาโวยวายใส่อีกคน โดยที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผลเลยสักหน่อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้หญิงสาวต้องเข้าใจอะไรเขาไปแบบนั้น“ทำแผลให้มันแล้วก็ถามกันเอาเองเหอะ ฉันขอตัวไปจัดการกับคดีอุกฉกรรจ์ที่รอฉันอยู่ก่อนนะปิ่น เดี๋ยวฉันกลับมาหา”ว่าแล้วจอมทัพก็เดินฉับๆ ออกไปจากห้อง โดยปล่อยให้น้องสาวที่นั่งทำหน้างอคอหักยังกับปลาทูแม่กลอง อยู่กับเมียสุดที่รักของเขาแค่เพียงสองคนและเมื่อได้เห็นใบหน้าของพี่สะใภ้ คนเป็นน้องสาวก็รู้สึกดีใจราวกับว่าได้เห็นนางฟ้า ลงมาโปรดกันในตอนนั้นเลยเจ้าจันทร์จึงยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นให้คนเป็นพี่สะใภ้ได้ฟัง อย่างที่ไม่คิดจะปิดบัง แม้กระทั่งเรื่องที่มีอะไรกันกับคันศรนั่นก็ด้วย จากนั้นเจ้าตัวจึงขอร้องให้ปิ่นปักช่วยพูดกับคนเป็นพี่ชาย ในเรื่องที่เจ้าจันทร์ต้องการให้ปล่อยตัวทั้งสองคนนั่นไป และมีก็เพียงแค่ปิ่นปักคนเดีย
“พวกมันกำลังใกล้จะจบถ้าเรื่องนี้รู้ถึงมหาลัยต้องถูกทำทัณฑ์บนแน่ๆ พี่ช่วยพวกมันสักครั้งนะพี่จอมนะ”“.......”น้องสาวพูดเสียงเครือสั่นขนาดนี้ยังไม่มีแม้กระทั่งปรายหางตามามอง“พี่จอม!”“.......”ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาจากร่างสูงกว่า ที่เอาแต่เดินจ้ำขาพาเธอเดินออกมาจนถึงหน้าร้านเมื่อพี่ชายไม่ยอมรับฟัง ในตอนนั้นเองที่ทำให้เจ้าจันทร์ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเจ้าของร่างบางสะบัดข้อมืออย่างแรงทีเผลอ จนมือของเธอหลุดออกมาจากอุ้งมือใหญ่ ก่อนจะพุ่งตัวออกไปบนถนน ที่มีรถยนต์กำลังแล่นไปมา ต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่มองตามด้วยความตกใจ“เฮ้ย!ไอ้เจ้า!/เจ้า!/เจ้เจ้า! กรี๊ด!”หมับ!ยังดีที่จอมทัพยังคว้าจับเจ้าตัวเอาไว้ได้ทัน ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจ โดยเฉพาะคันศรที่รู้สึกใจหายใจคว่ำกับการกระทำของมันเลยนั่นแหละ ถึงแม้อยากจะเข้าไปกอดปลอบใจ ที่ยอมลงทุนทำให้ขนาดนั้น...แต่มันก็ทำไม่ได้ไง...“โธ่โว๊ย!แกทำบ้าอะไรของแกฮะ! นี่ขนาดยอมออกไปให้รถชนตาย เพราะต้องการจะเอาชนะพี่ให้ได้เลยรึไงวะไอ้เจ้า!แม่งเอ้ย!”เจ้าจันทร์ก้มหน้าลงต่ำเพราะกำลังร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะยั้ง โดยไม่สนใจจะฟังคำพูดของพี่ชายที่ตะโกนใส่หูดังๆ