“ไอ้ลูกศร!....เมื่อไหร่แกจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จซะทีวะ ฉันจะสายแล้วนะเนี่ย”
เสียงของเจ้าจันทร์ตะโกนทะลุผ่านประตูห้องน้ำเข้าไปถาม เมื่อเปิดประตูเข้ามาตามแล้วไม่เห็นว่าอีกฝ่ายแต่งตัวไว้รอ กับพอดีที่ได้ยินเสียงของน้ำไหล คล้ายมีคนกำลังอาบน้ำอยู่ด้านใน
“แกจะเร่งเพื่อ?...ในเมื่อเวลาเข้าเรียนเหลืออีกตั้งสองชั่วโมงกว่าๆ..อย่ามาเห่อได้ป่ะ?.”
เจ้าจันทร์กำลังเห่อจริงๆ อย่างที่มันว่ามานั่นละ..เพราะหญิงได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัดมากกว่าอย่างอื่น ไม่ต้องฝืนความรู้สึกอีกต่อไป ถึงแม้จะต้องกลับไปเรียนปีหนึ่งใหม่ แต่มันก็ไม่มีผลกับอะไรทั้งนั้น
ก็แค่เปลี่ยนคณะที่เรียน แต่ก็ยังเป็นมหาลัยเดียวกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมตรงที่เจ้าจันทร์ จะได้เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ กับหัวใจที่พร้อมและยอมเปิดรับผู้ชายคนอื่น ให้เข้ามายืนแทนที่มันเท่านั้นเอง...
“แล้วแกก็อย่ามาเรียกชื่อฉันแบบนั้น ให้คนอื่นได้ยินเข้านะโว๊ย!” คันศรตะโกนพูดออกมาอีกครั้ง คล้ายจะต่อว่าแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
“เออๆ โทษทีวะ ฉันลืมตัวไปหน่อย...งั้นฉันขอเปลี่ยนมาเรียกแกว่า แอร์โร่ แทน ดีกว่ามั๊ย?....”
แอร์โร่ คือชื่อที่เหล่าบรรดาสาวๆ ตั้งให้กับคันศรนั่นละ
เพื่อนชายทั้งสามคนของเจ้าจันทร์นั้นฮ็อตมาก ขนาดสาวๆ ในมหาลัยต่างพากันกรี๊ดใส่ อย่างหลงไหลในความหล่อเหลาของพวกมัน
แม้แต่เจ้าจันทร์ ยังถูกรุ่นน้องหน้าตาน่ารักเข้ามาขอเบอร์ เพราะพวกนั้นคิดว่าเธอเป็นทอมบอย สาเหตุมันมาจากที่เธอชอบไว้ผมซอยสั้นมันก็เลยเข้าทางพอดี
แต่หลังจากที่เจ้าจันทร์ตัดสินใจเลิกเรียนวิศวะ เธอก็ปล่อยผมให้ยาวละไปถึงกลางหลังตามธรรมชาตินั่นละ
ถึงแม้บางทีอาจจะรู้สึกแกะกะไปบ้างเพราะยังไม่ค่อยชิน
ตั้งแต่จำความได้หญิงสาวก็ไม่เคยไว้ผมยาวเลยสักที
“ไม่เอ๊า!..ชื่อนั้นเอาไว้ให้พวกน้องๆ มันเรียกกันไปเหอะ แกก็เรียกฉันเหมือนเดิมดิวะ”
“เรียกว่าศรน่ะเหรอ...”
“เออดิ...ชื่อลูกศรฉันยอมให้แกเรียกฉันได้แค่คนเดียวนะ แต่เฉพาะตอนที่เราอยู่ด้วยกันแค่สองคน...แล้วแกก็เรียกชื่อฉันตามแม่มาตั้งแต่จำความได้แล้วนี่หว่า จะมาถามทำไมวะ?”
“...!!...”
เจ้าจันทร์เงียบเสียงของตัวเองลงทันที พร้อมกับหัวใจที่มันกำลังเต้นแรงจนผิดจังหวะไป เมื่อได้ยินคันศรพูดออกมาคล้ายกับเธอคือคนสำคัญกับมันที่สุด
คิดไปเองคนเดียวอีกแล้วมั๊ย!?
“ทำไมแกถึงเงียบไป แกยังอยู่รึเปล่าฮะเจ้า...?” คันศรตะโกนถาม ก่อนจะเงียบเสียงของตัวเองลงตาม เพื่อรอฟังคำตอบจากคนที่กำลังรอเขาอยู่ด้านนอกนั่น
“.....เจ้า!”
“......”
“ไอ้เจ้า!...”
เฮือก!
เสียงห้าวทุ้มตะโกนอยู่ใกล้ใบหู ตามมาพร้อมกับหยดน้ำบนหนังศีรษะที่เพิ่งจะผ่านการสระมาใหม่ๆ กระะเด็นเข้ามาใสใบหน้าของเจ้าจันทร์ มันก็เลยทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว
ร่างบางรีบสลัดความคิดในหัวทิ้งไป แล้วเรียกสติตัวเองกลับมาอยู่กับร่างหนา ที่กำลังโน้มหน้าลงมาในจังหวะที่เจ้าจันทร์กำลังช้อนสายตาขึ้นไปมองมันพอดี
สบตากันชั่วอึดใจ เจ้าจันทร์ถึงได้ลดระดับสายตาลงมองแผงอกกว้าง ที่ยังมีหยดน้ำเกาะแพรวพราวอยู่อย่างนั้น มันเป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้หลงไหลไปกับความเซ็กซี่ของมันเลยจริงๆ นะ
แต่มันดันเป็นจังหวะนรกดีๆ นี่เอง...
“ไง!?...แกกำลังคิดอะไรอยู่วะ? คุยกันอยู่ดีๆ ก็เงียบหาย นึกว่านั่งหลับตายไปแล้วซะอีก” คันศรเอ่ยถาม พลางบ่นตามมาในขณะที่มืออีกข้างยังกำผ้าขนหนูเช็ดอยู่บนหัวตัวเองลวกๆ
“นั่งทำตาลอยยังกับคนที่กำลังมีความรัก...”คันศรยังพูดต่อ ในขณะที่เจ้าจันทร์ก็สวนกลับมาทันทีเมื่อได้ยิน
“ก็ทำนองนั้น....”
ในเมื่อมันก้าวเดินไปข้างหน้า เป็นงั้นเจ้าจันทร์ก็ควรถอยออกมาจากความรู้สึกเก่าๆ ได้สักที
แว้ปหนึ่งที่เจ้าจันทร์มองเห็นนัยน์ตาคมไหววูบลง แต่มันก็คงเป็นแค่ชั่วขณะ ก่อนที่มันจะกลับมาว่างเปล่าดังเดิม
คำตอบของเจ้าจันทร์ทำให้ร่างใหญ่ ที่เพิ่งจะหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้อง ต้องหันขวับกลับมาถาม
“โครวะ!?...มันเป็นใคร? แล้วทำไมฉันไม่รู้?”
“แกเป็นพ่อฉันรึไงวะ ถึงต้องคอยรายงานแกทุกเรื่องน่ะ”
“.......”
นอกจากจะไม่ตอบร่างใหญ่ เจ้าจันทร์ยังใช้คำถามกวนตีนกลับไปให้อย่างไม่พอใจ อีกฝ่ายจึงได้แต่เงียบฟัง
เมื่อเห็นอย่างนั้นเจ้าจันทร์จึงลุกขึ้นแล้วพูดกับร่างหนา ด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้มันกลับมาเป็นปกติได้ดั่งเดิม
“แกแต่งตัวเถอะ ฉันจะลงไปรอแกที่ลานจอดรถข้างล่าง”
พูดจบเจ้าจันทร์ก็เดินผ่านร่างสูง ที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนบาง อีกทั้งทรงผมก็ยังดูยุ่งเหยิงไม่สร่าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดูหล่อมากอยู่ดี“เดี๋ยว!..”แต่หญิงสาวยังไม่ทันได้ก้าวพ้นขอบประตู จู่ๆ หูกระเป๋าเป้ที่ใส่อุปกรณ์ก็ถูกมือใหญ่ดึงเอาไว้ จนอีกฝ่ายเซถลาถอยกลับมาทันที“อะไรอีกวะลูกศร!?“.....สั้นไปมั๊ย!?”!!!นัยน์ตาคมกวาดมองคนตัวเล็กกว่าเร็วๆ ก่อนที่มันจะเลื่อนขึ้นมามองหน้าเจ้าของร่างบางนิ่งๆ“คนกำลังมีความรักเขาต้องแต่งหน้า แต่งตา แล้วก็แต่งตัวกันขนาดนี้เลยเหรอวะ?” ริมฝีปากอิ่มบางขบเม้มเข้าหากันทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามนี้จากคนตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับไป “ กระโปรงที่แกใส่สั้นยังไม่พอ? แกยังจะผ่าขึ้นไปให้มันเห็นไปถึงไหนๆ อีกรึไงฮะ!...”“แล้วมันไปหนักส่วนไหนของแกไม่ทราบ?” เจ้าจันทร์สวนกลับไปทันทีอย่างที่เห็น เพราะเธอไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของใครหน้าไหนทั้งนั้นแล้วในตอนนี้...หญิงสาวรู้ดีและเข้าใจทุกอย่างที่คันศรว่ามานั่นแหละ แต่เจ้าจันทร์ก็แค่อยากจะเปลี่ยนลุคตัวเองให้มันดูน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้นจากที่เคยไว้ผมสั้น หญิงสาวก็ปล่อยให้มันยาวอย่างที่มันเคยบอกว่ามันชอบไง...จากใบหน้าส
“ ไอ้เจ้ามันเป็นผู้หญิงก็ต้องรักสวยรักงามเป็นเรื่องธรรมดาป่ะ แล้วเรื่องที่มันกำลังมีความรัก ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ในเมื่อมันก็โตแล้วนี่หว่า”โชกุนออกความเห็นอย่างตรงประเด็น หลังจากที่เห็นว่าคันศรเล่าเรื่องราวระหว่างมันกับเจ้าจันทร์จบลง“แต่มันไม่บอกกู!”คันศรชิงแทรกพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด จากนั้นจึงรีบพูดต่อ เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิททั้งสองจ้องหน้ารอฟังเขาอยู่“กูก็แค่เป็นห่วงมัน พวกมึงก็รู้ว่าผู้ชายพวกนั้นมันมีแต่เสือสิงห์ แล้วผู้หญิงที่ไม่มีประสบการณ์อย่างมันจะไปทันใครเขาละ”“มึงคิดงั้น?” ใต้ฝุ่นเป็นคนตั้งคำถามนี้กับคันศร“อื้อ...” แต่ทว่าอีกฝ่ายตอบกลับมาแค่สั้นๆ“เดี๋ยวมันก็คงจะมีของมันเองนั่นละ...ไอ้ประสบการณ์ที่มึงว่ามาอ่ะ”คำพูดของโชกุนทำให้คันศรตวัดสายตาขึ้นมองหน้า ก่อนจะสบถด่าตามมาต่อจากนั้นอีกว่า“ไอ้เชี่ย!...พวกมึงสองคนไม่เป็นห่วงมันเลยรึไงวะ!? ”“ห่วงดิวะ...แต่มันก็ต้องมีพื้นที่ส่วนตัวของมันบ้างนะเว้ย”โชกุนแย้งกลับไปอย่างไม่เห็นด้วย พอมันหันไปหาใต้ฝุ่นเชิงถามความเห็น ฝ่ายนั้นก็พยักหน้ารับ ราวกับกำลังเข้าข้างกันนั่นอีกแล้วคิดเหรอว่าคนอย่างคันศรจะยอมแพ้ มันก็แถไปได้ตามนิสั
ทั้งสามคนพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองลง พร้อมกับใช้สายตาจ้องมองตรงไปที่เป้าหมาย ในขณะที่อีกฝ่ายก็หันมามองเพื่อนชายในจังหวะเดียวกัน จากนั้นจึงชักสายตากลับมาหาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันตามเดิมความจริงเจ้าจันทร์เห็นพวกมันตั้งแต่เดินเข้ามานั่นแล้ว เพียงแต่หญิงสาวยังไม่ได้เดินเข้าไปทักทายพวกมันเท่านั้นเองถึงแม้เจ้าจันทร์จะมีปากเสียงกับคันศรไปเมื่อตอนเช้า แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ...เพราะอะไรนะเหรอ?เพราะคันศรก็ทำแบบนี้กับเจ้าจันทร์มาตั้งแต่อยู่อนุบาล อีกทั้งสันดานของมันก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่เคยคิดอะไรทั้งนั้นก่อนจะพูดออกมา ราวกับว่าในปากของมัน มีหมาเข้าไปนอนตายรวมกันอยู่หลายตัวคันศรชอบพูดจาดูถูกเธอทุกอย่าง และหลายต่อหลายครั้งที่มันว่าเจ้าจันทร์เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ...เพราะตอนสอบเข้าหมอ หญิงสาวก็มาเปลี่ยนใจเอากลางคัน โดยอ้างกับพวกมันว่าเธอกลัวศพอาจารย์ใหญ่ เพราะต้องการจะให้ทุกอย่างจบๆ ไป จะได้ไม่มีใครมาถามเอาอะไรกับเธออีกพอตามมาเรียนวิศวะ คันศรก็หาว่าเจ้าจันทร์ไม่มีจุดยืน...แล้วมันก็ฝืนตัวเองไม่ไหว ตามที่อีกฝ่ายพูดจาดูถูกเธอเอาไว้จริงๆข้อนี้หญิงสาวไม่ขอเถ
“ไอ้ศร...พอเรากลับถึงคอนโด มึงรีบไปง้อมันก่อนเลยนะมึงอ่ะ เดี๋ยวเราแวะซื้อเกี๊ยวน้ำเจ้าประจำของโปรดไอ้เจ้าเอาไปฝากมันด้วย”โชกุนหันมาบอกกับคันศรตอนที่ออกมาจากห้องกิจกรรมในเวลาช่วงใกล้ค่ำ หลังจากเรียกรุ่นน้องเข้ามารวมกลุ่มกันในวันนี้เพราะพวกเขาเป็นรุ่นพี่ปีสี่จึงต้องมีการแนะนำตัว และต้องคอยให้คำปรึกษาน้องๆ พร้อมกับอธิบายถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องทำร่วมกันRrr! Rrr! Rrr!แต่ทว่า...คันศรยังไม่ทันได้ตอบรับ เมื่อมีเสียงโทรข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ของโชกุนซะก่อนและเสียงโทรศัพท์นั่นก็เรียกสายตา ของเพื่อนกันทั้งสองคนให้มองตามมือใหญ่ ที่ล้วงเข้าไปหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง“ไอ้เจ้า?...”เจ้าของมือถือเอ่ยชื่อคนโทรเข้า ก่อนจะรีบกดรับสายจากเจ้าจันทร์ จากนั้นจึงกรอกเสียงเข้าไปโดยไม่ลืมเปิดเสียงสนทนาของคนปลายสาย ให้เพื่อนทั้งสองคนได้ยินไปพร้อมๆ กัน“แกอยู่ไหนเจ้า...?”โชกุนเอ่ยถามกลับไป เพราะได้ยินเสียงเพลงผสานกันกับเสียงดนตรี อีกทั้งยังมีเสียงของผู้คนมากมายดังเข้ามาในโทรศัพท์ ถึงไม่ถามกลับ พวกเขาก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าจันทร์มันอยู่ที่...(“ร้านเหล้า!...ฉันอยู่ร้านเหล้ากับเพื่อนใหม่ในห้องน่ะ”)“ทำไมแกถึงไ
“ไอ้ศร...มึงใจเย็นๆ ก่อนอย่าเพิ่งหัวร้อน เดี๋ยวพวกกูจะโทรเช็คกับพวกๆ กันให้ ว่ามีใครเห็นไอ้เจ้ามันอยู่ในร้านเหล้าตรงไหนบ้าง”ใต้ฝุ่นที่เอาแต่เงียบฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง หลังจากที่เห็นสีหน้ารวมไปถึงอาการของคันศรที่ตอนนี้ไม่ได้ร้อนแค่หัว แต่มันร้อนไปทั้งตัวนั่นเลยต่างหากละ...ดูจะเก็บทรงไม่อยู่แล้วละมั้งเพื่อนกูเนี่ย... หลังจากที่วางสายลง เจ้าจันทร์ก็เดินตรงเข้าไปนั่งในร้านเพื่อจะฟังเพลงต่อ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มจึงคะยั้นคะยอให้เธอดื่มเหล้า แต่ถูกหญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธกลับไปให้แทนเสียง ก่อนจะเบี่ยงหน้าหันไปอีกทางอย่างรู้สึกเซ็งๆการมานั่งร้านเหล้ามันไม่ใช่ทางของเจ้าจันทร์จริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเข้ามาเที่ยวในสถานที่แบบนี้ซะทีเดียวเพราะบางครั้งบางคราว เจ้าจันทร์จะมาเที่ยวกับพวกมันบ้างหากมีเวลาว่างจริงๆ หรือบางสัปดาห์ที่เจ้าจันทร์ไม่ได้กลับไปบ้านที่อยู่ต่างจังหวัดเท่านั้นพอนึกถึงบ้าน...เจ้าจันทร์ก็ยิ้มออกมาได้เพราะใบหน้าน่ารักของหลานชาย มันลอยเข้ามาอยู่ในสมองของเธอพอดี....อิคคิว...ลูกชายจอมซนของพี่จอมทัพ กับพี่ปิ่นปัก...ทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกัน ตั้งแต่เจ้าจันทร์ยังไม่เกิดขึ
“จะปล่อยกูดี ๆ หรือมึงต้องการจะให้กระดูกของมึง ถูกหักออกเป็นสองท่อนซะก่อน...อย่างนั้น?” ใบหน้าหวานกดเสียงต่ำ นั่นทำให้เจ้าของร่างใหญ่ถึงกับกลั้วขำในลำคอ“ดุได้น่าจูบ..จะ....”หมับ!!!!ในขณะที่ร่างหนากำลังท้าทายเจ้าจันทร์กลับไป ก็มีมือใหญ่ของใครบางคนแทรกเข้ามาคว้าจับข้อมือของผู้ชายคนนั้น แล้วบิดมันอย่างแรงจนได้ยินเสียงกระดูกของมันลั่นดัง...กร๊อบ!...ถึงแม้เสียงดนตรีในร้านจะดังแค่ไหนก็ตาม แต่เจ้าจันทร์ก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน... “อ๊าก!...”จากนั้นเสียงร้องดังลั่นยาวๆ ของเจ้าของมือก็ดังขึ้นตามมา พร้อมกับมือของชายปริศนาที่สะบัดออก แล้วเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นมาคว้าคอเสื้อของอีกฝ่าย ก่อนจะกระชากร่างใหญ่เหวี่ยงออกไปอีกทาง ทำยังกับว่าอีกฝ่ายไม่มีน้ำหนักตัวใดๆ เลยโครม!ๆเสียงทะเลาะวิวาทดังขึ้น ส่งผลให้นักร้องและนักดนตรีที่กำลังเล่นอยู่บนเวทีหยุดลง เหลือเพียงเสียงกรีดร้องโวยวาย ของคนที่อยู่บริเวณรอบๆ กายของหญิงสาวเท่านั้นเองเจ้าจันทร์อาศัยช่วงชุลมุนลุกพรวดขึ้นยืน แต่ถูกฝ่ามือใหญ่จับไว้อีกครั้งจากคนที่แทรกเข้ามายืนอยู่ข้างหน้าพอเห็นว่าใครเป็นคนทำเท่านั้นละ เจ้าจันทร์ถึงกับเบิกตากว้างอย่าตกใจ ตอนท
“ทำไมวะ? แกกล้าตวาดใส่หน้าฉันเลยเหรอฮะไอ้ศร!?”เจ้าจันทร์ลั่นคำพูดออกไป พร้อมกับกำหมัดใส่อย่างที่เจ้าตัวไม่เคยทำ“เฮ้ย! ไอ้ศร...มึงก็ใจเย็นหน่อยดิวะ ไอ้เจ้าแกเบาลงนิดหนึ่งนะถือว่าฉันขอร้อง มีอะไรเราค่อยกลับไปคุยกันที่ห้อง”โชกุนที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งเข้ามาห้ามทัพ ก่อนจะจับทั้งสองคนแยกออกจากกัน แล้วหันมาเตือนสติเพื่อนทั้งสองคนสลับกันไปมาแต่ทว่า...เจ้าของร่างบางมันก็ยังไม่ยอมจบให้ง่ายๆ...แบบนี้ไง.. “ฉันเห็นแก่แกก็ได้โชกุน.....แต่ต้องให้ฉันกลับรถแกนะ”เจ้าจันทร์ว่า พลางเชิดหน้าใส่อีกฝ่ายที่ถอนหายใจทิ้งไปหนักๆ เชิงจะบอกใบ้ว่ายอมเป็นคนลงให้ก่อนนั่นแหละจะได้จบๆ กันไปเพราะรู้ว่าหากคันศรเผลอปากเสียใส่เจ้าจันทร์ตอนที่มันอารมณ์ไม่ดี มันก็จะสวนกลับมาทันทีแบบนี้ตลอดๆสุดท้ายก็กลายเป็นทะเลาะกันจนแทบจะไม่มองหน้า แล้วกว่ามันจะหายโกรธเขานะ ก็ต้องง้อมันด้วยการเอาของกินมาล่อจนพอใจแล้วนั่นละมันถึงจะหาย“ไม่ได้ว่ะเจ้า ฉันต้องรีบพามีนกลับต่างจังหวัดคืนนี้ เธอนั่งรอฉันอยู่ในรถนั่น แล้วมันก็คนละทางกัน แกกลับกับไอ้ศรมันนั่นแหละดีแล้ว”“งั้นฉันจะกลับแท็กซี่...”ก็ยังงี่เง่าไม่เลิกรา...ผ่าเหอะ!โชกุนเห็นคันศร
“พอๆ เถอะว่ะไอ้เจ้า” โชกุนเบี่ยงองศามาทางเจ้าจันทร์ ก่อนจะหันไปหาคันศร “ มึงก็เหมือนกันนะไอ้ศร ” แล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกมึงช่วยเลิกตั้งแง่ใส่กันน่าจะดีกว่ามั๊ย? ส่วนส้นตีนของพวกมึงก็เก็บเอาไว้ยืน ไม่ต้องยกขึ้นมาใส่หน้ากันนะ แล้วก็ดีกันซะทีเถ้อ กูเหนื่อยกับพวกมึงสองคนเต็มทีแล้วนะ” สีหน้าบวกกับน้ำเสียงเชิงร้องขอของเพื่อนชาย ทำให้ร่างบางเริ่มใจอ่อนก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ แล้วคว้าจับแขนมันไว้ จากนั้นจึงใช้น้ำเสียงออดอ้อนใส่อีกฝ่ายหนึ่งว่า...“งั้นแกก็ไปส่งฉันก่อนนะโชกุน แล้วแกค่อยย้อนพามีนกลับไปนครนายกนะๆๆ..”โชกุนหันมามองหน้าเจ้าจันทร์ ก่อนจะช้อนใบหน้าขึ้นสูงเชิงคิดตาม ใบหน้าคมคร้ามปรายหางตามองไปทางคันศร ก็เห็นมันจิกสายตามาที่เขาเชิงจะบอกใบ้ให้อย่างที่รู้ๆ กันอยู่นั่นแหละแต่ทว่า..โชกุนดันพยักหน้ารับ...พร้อมกับตอบออกไปว่า...“ก็ได้ ฉันจะไปส่งแกก่อน...”ซะงั้น!...แล้วคำตอบนั้น ก็ทำให้คันศรแทบอยากจะกระโดดเตะก้านคอของเพื่อนรัก ให้หักออกเป็นสองท่อนตอนได้ยิน!ส่วนเจ้าจันทร์ก็ยิ้มจนตาหยี แต่ต้องรีบเปลี่ยนสีหน้าตอนได้ยินคันศรพูดแทรกขึ้นมาว่า“มึงต้องรีบพามีนไปดูใจพ่
แล้วตอนนี้เจ้าจันทร์ก็กำลังพยายามหาทางออก และบอกกับตัวเองไว้ว่า หากคนเป็นพี่ชายไม่ยอมให้อภัยเธอสักที เธอคงต้องใช้วิธีขอร้องมารดาให้เป็นตัวช่วยสุดท้ายเลยก็แล้วกันเมื่อคิดได้อย่างนั้น เจ้าจันทร์จึงโทรไปหาคนเป็นมารดา เพื่อสารภาพผิดทุกอย่างที่เจ้าตัวได้กระทำลงไป จากนั้นจึงขอร้องให้นางจันทราช่วยเป็นกาวใจประสานความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับพี่ชายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพิ่มอีกหน่อยตรงที่ขอให้ท่านช่วยบอกพี่ชายด้วยว่าไม่ต้องมารับ เพราะเจ้าจันทร์จะอยู่ที่นี่ เพื่อทำรายงานที่ค้างส่งให้กับอาจารย์ และจะกลับบ้านหลังจากนี้ไม่เกินสามวันนางจันทรารับปากลูกสาว แล้วบอกให้เจ้าจันทร์รอสายจากท่านอีกครั้งก่อนจะวางสายลง แล้วหลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง นางจันทราก็โทรกลับมาบอกกับลูกสาวว่า หากพี่จอมทัพลดระดับความโกรธลงมาได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเจ้าจันทร์ก็ค่อยกลับไปกราบขอโทษพี่ชายอีกทีเป็นลูกรักของแม่นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง...หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์กับมารดาจบลงไปแล้วนั่นแหละ เจ้าจันทร์ถึงได้พรูลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจ และขอสัญญากับตัวเองไว้ว่า ต่อไปนี้จะไม่ทำตัวงี่เง่าและเอาแต่ใจ จนทำให้คนเป็นมารดาและพี
หลังจากจอมทัพเข้าห้องฝ่ายปกครองไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีผู้ปกครองของข้าวปุ้นเดินสับเท้าตรงเข้ามาหากลุ่มของใต้ฝุ่นที่ยืนรอหญิงสาวอยู่หน้าห้อง ของฝ่ายปกครองพอดี ทุกคนจึงพากันยกมือไห้ว ในขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับพร้อมกับมีคำถามตามมาว่า“ใครมันกล้ารังแกน้องสาวของเจ้ เจ้จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด!...ไหนมันอยู่ไหนวะ!?”มาสไตล์นักเลงพอกันกับน้องชาย ราวกับถ่ายเอกสารกันมา...และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้มีสถานะเป็นพี่สาวแท้ๆ ของใต้ฝุ่น และข้าวปุ้นก็ยังมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของเธอนั่นด้วย อีกทั้งยังช่วยลงชื่อเป็นผู้ปกครองแทนคนเป็นแม่แท้ๆ ที่ทิ้งลูกสาวของตัวเองทันที หลังจากที่ได้รับเงินจากทางบ้านของใต้ฝุ่นเป็นค่าตอบแทนก้อนใหญ่ โดยแลกกับการที่ไม่ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่ดันไปพรากผู้เยาว์ลูกสาวเขามานั่นแหละ “เจ้หยก!หนูอยู่นี่ค่ะ...”ใต้ฝุ่นยังไม่ทันได้ตอบคำถามคนเป็นพี่ ก็มีเสียงใสของข้าวปุ้นเอ่ยแทรกขึ้นมาอยู่หน้าประตูห้อง สายตาของทุกคู่จึงไปกองรวมกันอยู่ที่เดียวทั้งๆ ที่บนข้างแก้มของเจ้าตัวก็มีรอยแดงของนิ้วมือทั้งสองข้าง แต่เจ้าของร่างบางก็ยังมีรอยยิ้มสดใสให้กับทุกคนได้ด
คันศร...ไม่ได้เป็นห่วงว่าเจ้าจันทร์จะถูกพวกของกอหญ้ารุมทำร้าย เพราะเขารู้ว่ามันเอาตัวรอดได้อยู่แล้วด้วยทักษะการต่อสู้อย่างที่รู้กันดี แต่เรื่องนี้ดันไปถึงห้องของฝ่ายปกครองนั่นต่างหาก ที่น่าเป็นห่วงมันมากที่สุดส่วนใต้ฝุ่น...รู้สึกเป็นห่วงข้าวปุ้นมาก เพราะนอกจากมันจะตัวเล็กยังกะลูกแมว แล้วใจมันยังกล้าบ้าบิ่นพอกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้คนทั้งคู่จะเป็นยังไงกันบ้าง?เหมือนโชกุนจะเดาทางได้ว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนกำลังคิดอะไร เจ้าตัวจึงไม่รอช้ารีบล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดข่าวที่ว่านั่น ให้พวกมันดูไปพร้อมๆ กันทั้งคู่พร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองเพื่อดูวีดีโอภาพ ที่ถูกพาดหัวขึ้นเป็นข่าวท็อปไลน์ในกลุ่มของมหาลัย โชกุนแค่รู้ว่าคนที่ถ่ายภาพนี้มาได้นั้น มันกำลังนั่งในรถที่จอดอยู่บริเวณใกล้ๆ กันกับจุดเกิดเหตุนั่นพอดี“สัดเอ้ย! ตบหน้าเมียกูตั้งสองที กูจะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด”ใต้ฝุ่นสบถด่าหยาบคายโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ ตอนที่เห็นกอหญ้ากล้าตบหน้ายายลูกแมวของเขา ที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งข้าวปุ้นได้กลายเป็นสาวเต็มตัว อีกทั้งคนเป็นผัวอย่างใต้ฝุ่น ก็เคยทำให้มันเจ็บตัวแค่เพียงครั้งเดียว จา
ถึงจะบอกข้าวปุ้นออกไปอย่างนั้นแต่เจ้าจันทร์ก็เตรียมตั้งรับกับสถานการณ์ต่างๆ ราวกับคนที่ถูกสอนมาอย่างดี“จับมันไว้!”นั่นไง!...“...ไอ้ปุ้นระวัง!”“เฮ้ย!”เจ้าจันทร์ผลักข้าวปุ้นออกห่างพลางเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางอย่างรู้จังหวะดี เมื่อมีนักศึกษาหญิงร่างใหญ่ทั้งสองนาง พุ่งตัวเข้ามาหาในเวลาอันรวดเร็ว แต่พวกมันก็ไม่สามารถคว้าจับร่างของเจ้าจันทร์เอาไว้ได้ ด้วยความไวที่เคยได้ฝึกมาจากคนเป็นพี่ชายที่ช่วยสอนให้มาตั้งแต่เธอยังจำความได้นั่นแหละแต่เมื่อเจ้าจันทร์หันไปมองรุ่นน้อง ก็เห็นว่ามันถูกคนของกอหญ้าจับยึดแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง อย่างที่มันต้องการแค่สองคน ในตอนนั้นเข้าพอดีแต่มันก็ยังแสดงความมีน้ำใจ ด้วยการตะโกนบอกเจ้ของมันออกทันที“เจ้ไม่ต้องห่วงเค้า...รีบหนีไปเร็วๆ เข้า!”เจ้าจันทร์กรอกตามองบน ก่อนจะมองคนที่เหลืออยู่ แล้วเห็นว่าพวกนั้นต่างก็พากันยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทางกล้าๆ กลัว เจ้าจันทร์จึงค่อนข้างจะมั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ“คุยดีๆ กันก่อนมั้ย?...กอหญ้า”เจ้าจันทร์เอ่ยถามเจ้าของใบหน้าสวยผุดผาดบาดใจแต่มีแววตาประสงค์ร้ายอยู่ในนั้นทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน เพียงแต่เจ้าจันทร์ไม่ต้อง
หลังเลิกคลาสเรียนในช่วงบ่ายข้าวปุ้นก็ได้โทรมาชวนเจ้าจันทร์ ให้ไปเป็นเพื่อนซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ของตัวเองด้วยกัน เพราะใต้ฝุ่นดันติดทำรายงานกลุ่มส่งอาจารย์ ซึ่งก็คล้ายๆ กับคันศรนั่นแหละเจ้าจันทร์กับข้าวปุ้นเพิ่งจะเข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่ง จึงพอจะมีเวลาว่างและมักจะชวนกันไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือถ้ามีเวลาเหลือก็พากันไปดูหนัง อีกทั้งยังชอบไปฟังเพลงในงานคอนเสิร์ตของนักร้องที่ตนคลั่งไคล้ เพราะทั้งสองคนชอบดนตรีสไตล์เดียวกัน และก่อนจะกดวางสาย ข้าวปุ้นมันก็ได้ทิ้งระเบิดไว้ให้กับเจ้าจันทร์ลูกหนึ่ง(“เจ้เจ้า หนูมีข่าวใหม่ล่าสุดจะมาอัพเดทให้เจ้ฟังด้วยนะ”)“เรื่องไรวะ?”(“เจอกันแล้วเราค่อยเมาส์มอยกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไม่มันส์...”) ภาษาไทยมันก็ดันเติมเอสมาได้นะ!“เออ...แกนี่มันขยันทิ้งระเบิดดีว่ะ”(“ระเบิดลูกเบ้งอ่ะ...เดี๋ยวจะเอามาฝากเพราะรักเจ้เท่านั้นค่ะ”)“???”ไอ้เด็กบ้านี่...แม่ง! โคตรปากเปราะ!...เพราะมันชอบบอกรักกันง่ายดายซะขนาดนี้ไง...ไอ้ฝุ่นมันถึงได้ไปไหนไม่รอด!เจ้าจันทร์กดสายทิ้ง ในขณะที่ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดูมันราวกับน้องสาวแท้ๆ ที่สนิทสนมกันมานานตั้งแต่เจ้าจันทร์ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็ดันเข้ามาแทรกอี้ก...นี่มันเป็นวันห่าอะไรกันวะเฮ้ย!และนี่...มันก็คือวันโลกาวินาศของจริง!อย่าว่าแต่กอดเลย...จูบสักนิดก็ยังไม่เคย...แล้วไหงกอหญ้าถึงได้ตื้อกันไม่เลิกลายังงี้วะ?ที่คันศรมักจะคบหากับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า สาเหตุหลักมันก็มาจากเจ้าจันทร์เองนั่นแหละ แค่เขาอยากจะรู้ใจตัวเองว่านอกจากใบหน้าของเจ้าจันทร์แล้ว มันจะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่พอจะทำให้ชายหนุ่ม ลบภาพของเพื่อนรักออกไปจากหัวใจได้สักที แล้วท้ายที่สุดมันก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้งกระทั่งที่ผ่านๆ มาเวลาคันศรจะเลิกกับใครก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จะมีก็แต่กอหญ้าที่กำลังทำตัวให้เป็นปัญหาเพียงคนเดียวเท่านั้น และคันศรก็ควรจะต้องสะสางมันอย่างจริงจังและได้แต่หวังว่าไอ้เจ้ามันคงจะเข้าใจ?รึเปล่าเหอะ!?“ใครโทรมา...แล้วทำไมแกถึงไม่กดรับสายวะ?”นั่นไงละ!คันศรสะดุ้งเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าจันทร์เอ่ยถาม พร้อมกับชะโงกหน้าตามเข้ามาดูหน้าจอ แล้วพอเห็นว่าเป็นชื่อกอหญ้าเท่านั้นละ...รู้มั้ยว่ามันอะไรเกิดขึ้น!?“สันดานผู้ชายยังไงก็คงจะเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ”เจ้าจันทร์ไม่โวยวายเลยสักหน่อย แต่ถอยห่างออกมาแล้วเอ่ยต่อจา
คันศรพูดไม่ออก บอกไม่ได้ และถึงกับไปไม่เป็น แต่ในระหว่างที่ยังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ เจ้าจันทร์ที่เพิ่งจะมายืนฟังอยู่ด้านหน้า ก็ดันประตูเข้ามาประจันหน้ากับทุกคน และยอมลงให้กับคนเป็นพี่ชายก่อนจะโพล่งออกไปในจังหวะนั้นทันที“หนูไม่ย้ายไปไหนนะคะพี่จอม...งื้อพี่ปิ่นช่วยหนูด้วยสิคะ”ประโยคหลังเจ้าจันทร์ได้หันไปบอกกับพี่สะใภ้ นั่นจึงทำให้จอมทัพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และหันมาสบตากับคนเป็นภรรยาอย่างรู้สึกอ่อนใจ ก่อนจะละสายตากลับไปที่อีกฝ่าย โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรกับน้องสาว เพียงแต่สบถออกมายาวๆ เท่านั้นว่า“โอ๊ย!เห็นหน้ามันแล้วพาลให้หงุดหงิดหัวใจกับโคตรจะรำคาญฉิบหายเลยว่ะ...ปิ่นเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”จอมทัพละคำพูดไว้ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบเบาๆ ตรงข้างกกหูของเมียรักต่อจากนั้นอีกว่า “เราจะได้รีบกลับไปต่อแขนต่อขาให้กับน้องของเจ้าอิคคิวมันด้วยไง...นะ”“แกมันบ้า!” ปิ่นปักว่า ก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้อง โดยที่ไม่สนใจคนเป็นน้องที่ยืนมองหน้ากันอย่างสงสัยสงสัยว่าพี่จอมทัพพูดอะไรกับพี่สะใภ้ ถึงได้ทำให้พี่ชายของเจ้าจันทร์ ดูอารมณ์ดีได้มากถึงขนาดนั้นเชียว...แล้วน้องสาวเพียงคนเดียวที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ก็
จอมทัพยังไม่ทันได้เปิดประตูห้องของเจ้าตัว แต่ถูกเปิดผัวะมาจากคนที่อยู่ด้านใน ที่เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าทั้งสองคนจะมาถึงที่นี่ในเวลาไม่กี่นาที“อ้าว! ไอ้เจ้าหรอกเหรอ...แล้วทำไมแกถึงทำให้หน้าน้องแหกงี้วะ!?เสียงหวานของปิ่นปักเอ่ยทักเจ้าจันทร์ ก่อนจะเลื่อนสายตาหันมาโวยวายใส่อีกคน โดยที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผลเลยสักหน่อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้หญิงสาวต้องเข้าใจอะไรเขาไปแบบนั้น“ทำแผลให้มันแล้วก็ถามกันเอาเองเหอะ ฉันขอตัวไปจัดการกับคดีอุกฉกรรจ์ที่รอฉันอยู่ก่อนนะปิ่น เดี๋ยวฉันกลับมาหา”ว่าแล้วจอมทัพก็เดินฉับๆ ออกไปจากห้อง โดยปล่อยให้น้องสาวที่นั่งทำหน้างอคอหักยังกับปลาทูแม่กลอง อยู่กับเมียสุดที่รักของเขาแค่เพียงสองคนและเมื่อได้เห็นใบหน้าของพี่สะใภ้ คนเป็นน้องสาวก็รู้สึกดีใจราวกับว่าได้เห็นนางฟ้า ลงมาโปรดกันในตอนนั้นเลยเจ้าจันทร์จึงยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นให้คนเป็นพี่สะใภ้ได้ฟัง อย่างที่ไม่คิดจะปิดบัง แม้กระทั่งเรื่องที่มีอะไรกันกับคันศรนั่นก็ด้วย จากนั้นเจ้าตัวจึงขอร้องให้ปิ่นปักช่วยพูดกับคนเป็นพี่ชาย ในเรื่องที่เจ้าจันทร์ต้องการให้ปล่อยตัวทั้งสองคนนั่นไป และมีก็เพียงแค่ปิ่นปักคนเดีย
“พวกมันกำลังใกล้จะจบถ้าเรื่องนี้รู้ถึงมหาลัยต้องถูกทำทัณฑ์บนแน่ๆ พี่ช่วยพวกมันสักครั้งนะพี่จอมนะ”“.......”น้องสาวพูดเสียงเครือสั่นขนาดนี้ยังไม่มีแม้กระทั่งปรายหางตามามอง“พี่จอม!”“.......”ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาจากร่างสูงกว่า ที่เอาแต่เดินจ้ำขาพาเธอเดินออกมาจนถึงหน้าร้านเมื่อพี่ชายไม่ยอมรับฟัง ในตอนนั้นเองที่ทำให้เจ้าจันทร์ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเจ้าของร่างบางสะบัดข้อมืออย่างแรงทีเผลอ จนมือของเธอหลุดออกมาจากอุ้งมือใหญ่ ก่อนจะพุ่งตัวออกไปบนถนน ที่มีรถยนต์กำลังแล่นไปมา ต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่มองตามด้วยความตกใจ“เฮ้ย!ไอ้เจ้า!/เจ้า!/เจ้เจ้า! กรี๊ด!”หมับ!ยังดีที่จอมทัพยังคว้าจับเจ้าตัวเอาไว้ได้ทัน ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจ โดยเฉพาะคันศรที่รู้สึกใจหายใจคว่ำกับการกระทำของมันเลยนั่นแหละ ถึงแม้อยากจะเข้าไปกอดปลอบใจ ที่ยอมลงทุนทำให้ขนาดนั้น...แต่มันก็ทำไม่ได้ไง...“โธ่โว๊ย!แกทำบ้าอะไรของแกฮะ! นี่ขนาดยอมออกไปให้รถชนตาย เพราะต้องการจะเอาชนะพี่ให้ได้เลยรึไงวะไอ้เจ้า!แม่งเอ้ย!”เจ้าจันทร์ก้มหน้าลงต่ำเพราะกำลังร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะยั้ง โดยไม่สนใจจะฟังคำพูดของพี่ชายที่ตะโกนใส่หูดังๆ