“.....เจ้า”คันศรเรียกเจ้าจันทร์เอาไว้ หลังจากที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเปิดประตูห้อง มือบางของหญิงสาวที่กำลังจับลูกบิดอยู่ชะงักค้าง พลางหันมาถามกลับสั้นๆ ในจังหวะนั้นว่า“มีไรวะ?” ถามแค่นั้นแล้วก็ดันประตูเข้าไปยืนอยู่ด้านในส่วนคันศรไม่ได้ตอบคำถามแต่เดินตามเจ้าจันทร์เข้าห้องไป แล้วใช้แผ่นหลังของมันดันประตูปิดลง “แกจะเดินตามฉันเข้ามาทำไมวะ? ถ้ามีอะไรเราก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้สิ ฉันจะอาบน้ำนอนละ....ง่วงว่ะ” เจ้าจันทร์ว่าก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากหาวราวกับเจ้าตัวนั้นง่วงนักหนาแต่ก็ใช่ว่าจะมีความรู้สึกตามที่บอกมันออกมา ความจริงที่ว่านั่นเป็นเพราะเจ้าจันทร์ยังไม่พร้อมจะตอบคำถามของมันต่างหากละ...“แกมีอะไรวะ? ทำไมถึงไม่พูดกับฉันออกมาตรงๆ เหมือนกับทุกๆ ที” คันศรต่อว่าในขณะที่เคลื่อนร่างหนาเข้ามาใกล้เจ้าจันทร์ในระยะประชิดจนแทบจะติดร่างบาง เพราะมันเว้นระยะห่างแค่ช่วงทางมดผ่าน”..แกอย่าทำแบบนี้ดิวะเจ้า?”คนตรงหน้าเอ่ยออกมาเสียงเบา แต่หญิงสาวก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจนกระทั่งกลิ่นลมหายใจร้อนผ่าวที่กำลังเป่ารดใบหน้า จนทำให้ไม่กล้าเงยองศาขึ้นไปสบตากับมัน“......”“.แกเปลี่ยนไปนะเจ้า...”‘เพราะแกไม่เคยเ
แต่เพราะต้องการจะหลบสายตาของร่างใหญ่ ขาที่ทำท่าจะก้าวไปข้างหน้า ดันไปสะดุดกับกองผ้าที่อยู่บนพื้นห้อง ขาของเจ้าจันทร์จึงพันกันเอง จนหน้าเกือบจะทิ่มลงไปที่พื้น หากไม่มีมือของอีกฝ่ายยื่นมาคว้าเอวเธอไว้ได้ แล้วมันก็ทำให้ทั้งคู่ล้มลงไปกองรวมกันอยู่บนที่นอน โดยมีคันศรเป็นคนที่อยู่ด้านบน มือบางยันอกกว้างเอาไว้ ในขณะที่อีกฝ่ายก็ใช้แขนทั้งสองข้าง ยันตัวเองไว้กับที่นอน ก่อนจะกวาดสายตามองคนใต้ร่างอย่างต้องการสำรวจตรวจตราช่วงบนของอีกฝ่าย ที่เวลานี้ไม่มีอะไรปกปิดมันเอาไว้เลย...ส่วนผ้าขนหนูที่ใช้พันกาย ก็ไม่รู้ด้วยว่ามันหายไปอยู่ตรงไหน?มือบางที่ใช้ยันอกกว้าง เปลี่ยนตำแหน่งมาวางบนหน้าอกของตัวเองทันที...ตอนที่เห็นคันศรจ้องมองมันไม่วางตา ก่อนจะถามเจ้าจันทร์ออกมาตามตรงว่า“นมแกไปแอบโตมาตอนไหนวะเจ้า...?”!!!มันถาม!ราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาม้าก?...เมื่อได้ยินคำถามจากร่างหนา เจ้าจันทร์จึงใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งซึ่งรวมไปถึงท่อนแขนเรียวบาง เลื่อนมาวางปิดนมทั้งสองข้างเอาไว้ จากนั้นจึงใช้ฝ่ามืออีกข้าง ยกขึ้นไปปิดบังสายตาของอีกฝ่ายก่อนจะด่ามันกลับไปด้วยใบหน้ารื้นแดง“เชี่ย!...ถามมาได้ แล้วมันใช่เวลามั๊ยวะลูกศร
แม่ง! เซ็กซี่ฉิบหายเหอะ!อยากได้!...แต่ทว่าใบหน้าของพี่จอมทัพกับป้าจันทราก็ดันโผล่พรวดขึ้นมาเตือนสติของคันศรอีกที ก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้น เป็นงั้นหากว่าเขาจะขอชื่นใจกับเจ้าของร่างบางตรงหน้าสักนิด มันก็คงจะไม่ผิดมากเท่าไหร่หรอกละมั้งเนอะ? ยังไงซะคันศรก็ต้องคิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนอยู่ดี...“อ๊ะ!..”เจ้าจันทร์สะดุ้งเฮือก เมื่อปลายยอดอกถูกขบเม้มดูดดึงจากริมฝีปากหยักข้างหนึ่ง ซึ่งอีกข้างก็ถูกขยำบีบกำมันอย่างเต็มไม้เต็มมือ แบบรู้ตัวดีและมีสติครบถ้วนเพียงแต่มันหยุดตัวเองไม่ได้เท่านั้น ทั้งที่ไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บกายเลยสักนิดเดียว แต่มันก็อดมันเขี้ยวไม่ได้จริงๆเพราะสิ่งที่เจ้าจันทร์กำลังทำ มันเป็นการตอกย้ำให้สติของคนบนร่างนั้นแทบจะพังลง จนหลงลืมคำสั่งสอนเชิงย้ำของผู้ใหญ่ไปเสีย...แบบเนี่ย!...“อื้อ~~ลูกศร...”คนใต้ร่างร้องครางหนักขึ้น พร้อมกับบิดตัวไปมาตามอารมณ์ ผสมกับให้ความร่วมมือดีเกินความคาดหมาย ด้วยการแอ่นกายขึ้นรับกับสัมผัสทุกอย่างที่คนบนร่างต้องการนั่นก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายได้ใจและรุกเร้าเอากับเจ้าของร่างบางหนักขึ้น โดยลืมไปเลยว่าอยากจะเบามือกับมันให้มากกว่านี้ ทั้
“แกมองนมฉันเพราะต้องการจะปลงให้ได้เลยงั้นสิ?...รีบๆ กลับห้องแกไปดิวะฉันจะนอน!” ก็พูดออกไปอย่างงั้น...ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเจ้าจันทร์มันจงใจที่จะ...“ยั่ว!...แกตั้งใจจะยั่วฉัน!?..”ก็ดันรู้ทันกันอีกแน่ะ!“ฮื่อ..ฉันก็แค่...ซ้อมอ่อย!..”“....!!!.....”ฮึ่ม...กูยอมใจ!..นี่มันไม่เคยจริงๆ ใช่มั๊ย?ฟังคำพูดที่ออกมาจากปากของมันแต่ละคำ ทำเอาสติที่พอจะมีเหลืออยู่บ้าง แทบจะหลุดออกจากร่างไปเลยทันทีในเมื่อเจ้าของร่างใหญ่เป็นคนที่รู้ดีกว่าใครๆ ว่าเจ้าจันทร์มันยังไม่เคยผ่านมือผู้ชายคนไหนทั้งนั้น เพราะทั้งคู่อยู่ด้วยกันมา แทบจะตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนใจกล้า ก็เพราะมันมีไม้กันหมาอยู่ตรงหน้านี่ไง“แต่กับแก มันคงจะไม่ได้ผล...”นี่ก็ยังไม่ยอมหยุด!“ฉันซ้อมอ่อย...เผื่อเอาไว้ใช้กับคนอื่น...อุ๊บ!..อื้อ~~”เจ้าจันทร์ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี ก็ถูกร่างหนาคว้าคนตัวเล็กกว่าเข้ามาบดจูบอย่างหนักหน่วง ตักตวงความหวานนั้นจนเต็มอิ่มบนริมฝีปากบางอย่างไม่รู้จักพอเพราะมันก็น่าจะมีวิธีเดียวที่จะทำให้เจ้าจันทร์ หยุดพูดเรื่องที่ทำให้คันศรหัวร้อนขึ้นมาได้และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเขาสักอย่าง ใ
เแต่ทว่าครั้งนี้มันดูรุนแรงเร่าร้อนจนทำให้เจ้าจันทร์รู้สึกเสียววูบวาบไปทั่วร่าง เพราะถูกอีกฝ่ายกระทำทุกอย่างบนร่างกายที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของ เพียงแต่ยังไม่ได้ครอบครองมันเท่านั้นเองเจ้าจันทร์ทำได้แค่เพียงหลับตา ก่อนจะปล่อยให้ร่างหนาตักตวงเอาทุกอย่างบนร่างกายของเจ้าตัวโดยไม่ได้ขัดขืนอะไร หรือจนกว่ามันจะพอใจนั่นแหละแต่ถึงอย่างนั้นสัมผัสหนักหน่วงจากร่างใหญ่ ก็ทำเอาเธอแทบทนไม่ไหว กับความรู้สึกแปลกใหม่ที่แทรกเข้ามาเป็นระยะๆ จนกระทั่งต้องระบายมันออกมาด้วยการขยุ้มกลุ่มผมของคนตรงหน้า และจิกทึ้งไปบนบ่าหนาของร่างใหญ่ ก่อนจะตะกายไปทั่วแผ่นหลัง กระทั่งดึงทึ้งผ้าปูที่นอน หมอนทุกอย่างที่อยู่ใกล้เพื่อบรรเทาความหวามไหวที่ตัวเองได้รับ พร้อมกับร้องครางออกมาชนิดที่ว่าไม่ต้องรักษาหน้ากันเอาไว้เลยนั่นเป็นเพราะเจ้าจันทร์ยังไม่เคยผ่านมือชาย ไม่เคยมีใครสัมผัสเธอได้ลึกซึ้งขนาดนี้ นี่คือครั้งแรกกับผู้ชายที่เธอมีใจให้เจ้าจันทร์ไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดาย หากทุกอย่างบนร่างกายของเธอรวมไปถึงหัวใจ จะเป็นของผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียว... เฮือก!?เจ้าจันทร์สะดุ้งสุดตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนในส่วนอ่อนไหวที่ส
“เจ้า...แกไหวมั๊ย?...เจ็บมากป่ะวะ?”เจ้าของชื่อปรือตาขึ้นมามอง พร้อมกับเอาแขนขึ้นคล้องคอเจ้าของร่างใหญ่ หลังจากได้ยินประโยคคำถาม ก่อนจะตอบรับ พร้อมกับส่ายหน้าตามมาว่า“ฉันไหว!...ไม่เจ็บ!..”แต่น้ำเสียงสั่นๆ กับใบหน้าที่มีริ้วน้ำตาคลอออกมานั่น มันกลับดูตรงข้ามกันซะเหลือเกินคันศรยิ้มขำรับ กับท่าทางรวมไปถึงคำพูดของเจ้าจันทร์ ก่อนจะย้ำถามมันกลับไปอีกที“จริง?”“...ฮื่อ”“ไม่เจ็บแน่?”“ฮื่อ...”คันศรแกล้งถามเพื่อเบนความสนใจ ก่อนจะขยับมือตามเข้าไปในขณะที่เห็นว่าเธอกำลังเผลอตัวเฮือก!“อ๊ะ!...ลูกศร..เดี๋ยว!...ยะ...หยุดก่อน!”“หื้ม?”“เอาแบบ...ทีเดียวจบนะ..อ๊ะ!...อื้อ!~~”ร่างบางสะดุ้งเฮือกใหญ่ ก่อนจะคว้ากอดคออีกฝ่ายเอาไว้แทบไม่ทัน เพราะคันศรไม่ยอมรอฟังเธอพูดอะไรทั้งนั้นคนตรงหน้าพยายามทำทุกอย่างตามคำสั่งของเจ้าจันทร์นั่นแหละ เพียงแต่สมองของมันในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะประมวลผลอะไรทั้งนั้น เพราะมันต้องการจะส่งให้คนตรงหน้า ได้ขึ้นไปแตะขอบฟ้าไวๆ ก่อนที่ตัวเองจะไม่ไหวเอา“อื้อ~อ๊ะ!..อ๊า!..ลูกศร” เสียงครางของเจ้าจันทร์มันทำให้คันศรยิ่งเพิ่มน้ำหนักและขยับมือเร็วขึ้นอีก“ฮึก!...อื้อ~~” ยิ่งมันลงมือกับ
“ก็ใช่แหละ...แต่พอดีฉันมีนัดไง...”“กับใคร?”“......”นั่นละคือคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายไม่อยากจะตอบกลับไปสักเท่าไหร่ ทำได้แค่เงียบเสียงตัวเองลงไปในลักษณะตีเนียนคล้ายๆ กับไม่ได้ยิน“เจ้า?” คันศรเรียกเจ้าจันทร์เชิงย้ำถาม“ตั้ม..” เจ้าจันทร์ตอบตามมาก่อนจะละไว้ แล้วมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่ทำเหมือนไม่สนใจ เจ้าตัวจึงขยายความให้ต่อไปว่า “มันจะพาฉันไปซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดรูปก่อนเข้าเรียนช่วงบ่ายน่ะ”คิ้มเข้มกระตุกอย่างรู้สึกหงุดหงิดใจ ก่อนจะคลายวงแขนออกให้หลังจากที่ได้ยินคำว่าเพื่อนสนิทอย่างเขา มันมีสิทธิ์จะทำอะไรมากไปกว่านั้นอีกมั๊ยวะ!?ผ่าเหอะ!ได้แค่ครอบครอง แต่ยังไม่ทันได้เป็นเจ้าของมันสักหน่อย เขาควรปล่อยให้มันไปอยู่กับผู้ชายคนอื่นอย่างงั้นสิ?ไม่มีทาง!เขาไม่ยอมเป็นแมวที่นั่งเฝ้าแต่ปลาย่าง แล้วปล่อยให้หมาอย่างพวกมันมาคาบเจ้าจันทร์ไปแดกได้ง่ายๆ แน่แต่คนอย่างเจ้าจันทร์ยิ่งแรงใส่มันมากแค่ไหน มันก็ยิ่งต่อต้านกลับมาให้ทุกทีอย่างที่เห็นๆ กันนั่นไง...เป็นงั้น...เขาก็ควรจะใจเย็นเอาไว้ก่อน ทั้งๆ ที่กำลังหัวร้อนไปหมดแล้วในตอนนี้สำหรับคันศรทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ที่เจ้าตัวเป็นคนวางหมากเอาไว้
คันศรที่นอนอยู่บนเตียงกว้างปรายหางตาไปมองร่างบางที่กำลังปิดประตูห้อง ก่อนจะหันไปมองทางอื่น เพื่อซ่อนรอยยิ้มร้ายกาจให้กับความคิดอุบาทว์ของตัวเองหลังจากออกมาจากห้องของเจ้าจันทร์ คันศรก็ไปหาซื้อยาถ่ายชนิดเฉียบพลัน มากินในปริมาณที่มากกว่าตามข้างฉลากยาที่ได้เขียนบอกไว้ เพราะต้องการให้ยาถ่ายออกฤทธิ์ต่อร่างกายภายในสองชั่วโมง ขนาดยอมลงทุนเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน ไม่งั้นมันก็คงจะไม่เหมือนจริง และอาจทำให้หญิงสาวจับโป๊ะเขาได้ มันคือแผนการร้ายๆ ที่คันศรเป็นคนวางไว้ จากที่เขาคิดได้ว่าจะทำตามแผนต่อไปหรือจะล้มกระดานเลยดีนั่นแหละแต่เขาเลือกที่จะทำวิธีนี้ เพราะรู้ดีนะสิว่ายังไงซะเจ้าจันทร์ก็ต้องรีบมาหา เพราะไม่ว่าจะเป็นเพื่อนคนไหน หากเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็จะมีมันนี่แหละที่คอยมาช่วยดูแล ตั้งแต่ที่พวกเขาพากันเข้ามาเรียนที่มหาลัยในกรุงเทพนี่ด้วยกัน จวบจนกระทั่งปัจจุบัน...ซึ่งคันศรกำลังใช้จุดอ่อนนี้กับเจ้าของร่างบาง ที่กำลังเดินมานั่งอยู่ข้างเตียงด้านที่คันศรนอนอยู่ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีที่เห็นร่างใหญ่กำลังนอนหายใจรวยรินราวกับเสือสิ้นลาย เจ้าจันทร์แนบหลังมือไปบนหน้าผากกว้าง พลางเอ่ยถามร่างหนาที่นอนอยู่
แล้วตอนนี้เจ้าจันทร์ก็กำลังพยายามหาทางออก และบอกกับตัวเองไว้ว่า หากคนเป็นพี่ชายไม่ยอมให้อภัยเธอสักที เธอคงต้องใช้วิธีขอร้องมารดาให้เป็นตัวช่วยสุดท้ายเลยก็แล้วกันเมื่อคิดได้อย่างนั้น เจ้าจันทร์จึงโทรไปหาคนเป็นมารดา เพื่อสารภาพผิดทุกอย่างที่เจ้าตัวได้กระทำลงไป จากนั้นจึงขอร้องให้นางจันทราช่วยเป็นกาวใจประสานความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับพี่ชายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพิ่มอีกหน่อยตรงที่ขอให้ท่านช่วยบอกพี่ชายด้วยว่าไม่ต้องมารับ เพราะเจ้าจันทร์จะอยู่ที่นี่ เพื่อทำรายงานที่ค้างส่งให้กับอาจารย์ และจะกลับบ้านหลังจากนี้ไม่เกินสามวันนางจันทรารับปากลูกสาว แล้วบอกให้เจ้าจันทร์รอสายจากท่านอีกครั้งก่อนจะวางสายลง แล้วหลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง นางจันทราก็โทรกลับมาบอกกับลูกสาวว่า หากพี่จอมทัพลดระดับความโกรธลงมาได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเจ้าจันทร์ก็ค่อยกลับไปกราบขอโทษพี่ชายอีกทีเป็นลูกรักของแม่นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง...หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์กับมารดาจบลงไปแล้วนั่นแหละ เจ้าจันทร์ถึงได้พรูลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจ และขอสัญญากับตัวเองไว้ว่า ต่อไปนี้จะไม่ทำตัวงี่เง่าและเอาแต่ใจ จนทำให้คนเป็นมารดาและพี
หลังจากจอมทัพเข้าห้องฝ่ายปกครองไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีผู้ปกครองของข้าวปุ้นเดินสับเท้าตรงเข้ามาหากลุ่มของใต้ฝุ่นที่ยืนรอหญิงสาวอยู่หน้าห้อง ของฝ่ายปกครองพอดี ทุกคนจึงพากันยกมือไห้ว ในขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับพร้อมกับมีคำถามตามมาว่า“ใครมันกล้ารังแกน้องสาวของเจ้ เจ้จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด!...ไหนมันอยู่ไหนวะ!?”มาสไตล์นักเลงพอกันกับน้องชาย ราวกับถ่ายเอกสารกันมา...และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้มีสถานะเป็นพี่สาวแท้ๆ ของใต้ฝุ่น และข้าวปุ้นก็ยังมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของเธอนั่นด้วย อีกทั้งยังช่วยลงชื่อเป็นผู้ปกครองแทนคนเป็นแม่แท้ๆ ที่ทิ้งลูกสาวของตัวเองทันที หลังจากที่ได้รับเงินจากทางบ้านของใต้ฝุ่นเป็นค่าตอบแทนก้อนใหญ่ โดยแลกกับการที่ไม่ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่ดันไปพรากผู้เยาว์ลูกสาวเขามานั่นแหละ “เจ้หยก!หนูอยู่นี่ค่ะ...”ใต้ฝุ่นยังไม่ทันได้ตอบคำถามคนเป็นพี่ ก็มีเสียงใสของข้าวปุ้นเอ่ยแทรกขึ้นมาอยู่หน้าประตูห้อง สายตาของทุกคู่จึงไปกองรวมกันอยู่ที่เดียวทั้งๆ ที่บนข้างแก้มของเจ้าตัวก็มีรอยแดงของนิ้วมือทั้งสองข้าง แต่เจ้าของร่างบางก็ยังมีรอยยิ้มสดใสให้กับทุกคนได้ด
คันศร...ไม่ได้เป็นห่วงว่าเจ้าจันทร์จะถูกพวกของกอหญ้ารุมทำร้าย เพราะเขารู้ว่ามันเอาตัวรอดได้อยู่แล้วด้วยทักษะการต่อสู้อย่างที่รู้กันดี แต่เรื่องนี้ดันไปถึงห้องของฝ่ายปกครองนั่นต่างหาก ที่น่าเป็นห่วงมันมากที่สุดส่วนใต้ฝุ่น...รู้สึกเป็นห่วงข้าวปุ้นมาก เพราะนอกจากมันจะตัวเล็กยังกะลูกแมว แล้วใจมันยังกล้าบ้าบิ่นพอกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้คนทั้งคู่จะเป็นยังไงกันบ้าง?เหมือนโชกุนจะเดาทางได้ว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนกำลังคิดอะไร เจ้าตัวจึงไม่รอช้ารีบล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดข่าวที่ว่านั่น ให้พวกมันดูไปพร้อมๆ กันทั้งคู่พร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองเพื่อดูวีดีโอภาพ ที่ถูกพาดหัวขึ้นเป็นข่าวท็อปไลน์ในกลุ่มของมหาลัย โชกุนแค่รู้ว่าคนที่ถ่ายภาพนี้มาได้นั้น มันกำลังนั่งในรถที่จอดอยู่บริเวณใกล้ๆ กันกับจุดเกิดเหตุนั่นพอดี“สัดเอ้ย! ตบหน้าเมียกูตั้งสองที กูจะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด”ใต้ฝุ่นสบถด่าหยาบคายโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ ตอนที่เห็นกอหญ้ากล้าตบหน้ายายลูกแมวของเขา ที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งข้าวปุ้นได้กลายเป็นสาวเต็มตัว อีกทั้งคนเป็นผัวอย่างใต้ฝุ่น ก็เคยทำให้มันเจ็บตัวแค่เพียงครั้งเดียว จา
ถึงจะบอกข้าวปุ้นออกไปอย่างนั้นแต่เจ้าจันทร์ก็เตรียมตั้งรับกับสถานการณ์ต่างๆ ราวกับคนที่ถูกสอนมาอย่างดี“จับมันไว้!”นั่นไง!...“...ไอ้ปุ้นระวัง!”“เฮ้ย!”เจ้าจันทร์ผลักข้าวปุ้นออกห่างพลางเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางอย่างรู้จังหวะดี เมื่อมีนักศึกษาหญิงร่างใหญ่ทั้งสองนาง พุ่งตัวเข้ามาหาในเวลาอันรวดเร็ว แต่พวกมันก็ไม่สามารถคว้าจับร่างของเจ้าจันทร์เอาไว้ได้ ด้วยความไวที่เคยได้ฝึกมาจากคนเป็นพี่ชายที่ช่วยสอนให้มาตั้งแต่เธอยังจำความได้นั่นแหละแต่เมื่อเจ้าจันทร์หันไปมองรุ่นน้อง ก็เห็นว่ามันถูกคนของกอหญ้าจับยึดแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง อย่างที่มันต้องการแค่สองคน ในตอนนั้นเข้าพอดีแต่มันก็ยังแสดงความมีน้ำใจ ด้วยการตะโกนบอกเจ้ของมันออกทันที“เจ้ไม่ต้องห่วงเค้า...รีบหนีไปเร็วๆ เข้า!”เจ้าจันทร์กรอกตามองบน ก่อนจะมองคนที่เหลืออยู่ แล้วเห็นว่าพวกนั้นต่างก็พากันยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทางกล้าๆ กลัว เจ้าจันทร์จึงค่อนข้างจะมั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ“คุยดีๆ กันก่อนมั้ย?...กอหญ้า”เจ้าจันทร์เอ่ยถามเจ้าของใบหน้าสวยผุดผาดบาดใจแต่มีแววตาประสงค์ร้ายอยู่ในนั้นทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน เพียงแต่เจ้าจันทร์ไม่ต้อง
หลังเลิกคลาสเรียนในช่วงบ่ายข้าวปุ้นก็ได้โทรมาชวนเจ้าจันทร์ ให้ไปเป็นเพื่อนซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ของตัวเองด้วยกัน เพราะใต้ฝุ่นดันติดทำรายงานกลุ่มส่งอาจารย์ ซึ่งก็คล้ายๆ กับคันศรนั่นแหละเจ้าจันทร์กับข้าวปุ้นเพิ่งจะเข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่ง จึงพอจะมีเวลาว่างและมักจะชวนกันไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือถ้ามีเวลาเหลือก็พากันไปดูหนัง อีกทั้งยังชอบไปฟังเพลงในงานคอนเสิร์ตของนักร้องที่ตนคลั่งไคล้ เพราะทั้งสองคนชอบดนตรีสไตล์เดียวกัน และก่อนจะกดวางสาย ข้าวปุ้นมันก็ได้ทิ้งระเบิดไว้ให้กับเจ้าจันทร์ลูกหนึ่ง(“เจ้เจ้า หนูมีข่าวใหม่ล่าสุดจะมาอัพเดทให้เจ้ฟังด้วยนะ”)“เรื่องไรวะ?”(“เจอกันแล้วเราค่อยเมาส์มอยกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไม่มันส์...”) ภาษาไทยมันก็ดันเติมเอสมาได้นะ!“เออ...แกนี่มันขยันทิ้งระเบิดดีว่ะ”(“ระเบิดลูกเบ้งอ่ะ...เดี๋ยวจะเอามาฝากเพราะรักเจ้เท่านั้นค่ะ”)“???”ไอ้เด็กบ้านี่...แม่ง! โคตรปากเปราะ!...เพราะมันชอบบอกรักกันง่ายดายซะขนาดนี้ไง...ไอ้ฝุ่นมันถึงได้ไปไหนไม่รอด!เจ้าจันทร์กดสายทิ้ง ในขณะที่ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดูมันราวกับน้องสาวแท้ๆ ที่สนิทสนมกันมานานตั้งแต่เจ้าจันทร์ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็ดันเข้ามาแทรกอี้ก...นี่มันเป็นวันห่าอะไรกันวะเฮ้ย!และนี่...มันก็คือวันโลกาวินาศของจริง!อย่าว่าแต่กอดเลย...จูบสักนิดก็ยังไม่เคย...แล้วไหงกอหญ้าถึงได้ตื้อกันไม่เลิกลายังงี้วะ?ที่คันศรมักจะคบหากับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า สาเหตุหลักมันก็มาจากเจ้าจันทร์เองนั่นแหละ แค่เขาอยากจะรู้ใจตัวเองว่านอกจากใบหน้าของเจ้าจันทร์แล้ว มันจะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่พอจะทำให้ชายหนุ่ม ลบภาพของเพื่อนรักออกไปจากหัวใจได้สักที แล้วท้ายที่สุดมันก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้งกระทั่งที่ผ่านๆ มาเวลาคันศรจะเลิกกับใครก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จะมีก็แต่กอหญ้าที่กำลังทำตัวให้เป็นปัญหาเพียงคนเดียวเท่านั้น และคันศรก็ควรจะต้องสะสางมันอย่างจริงจังและได้แต่หวังว่าไอ้เจ้ามันคงจะเข้าใจ?รึเปล่าเหอะ!?“ใครโทรมา...แล้วทำไมแกถึงไม่กดรับสายวะ?”นั่นไงละ!คันศรสะดุ้งเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าจันทร์เอ่ยถาม พร้อมกับชะโงกหน้าตามเข้ามาดูหน้าจอ แล้วพอเห็นว่าเป็นชื่อกอหญ้าเท่านั้นละ...รู้มั้ยว่ามันอะไรเกิดขึ้น!?“สันดานผู้ชายยังไงก็คงจะเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ”เจ้าจันทร์ไม่โวยวายเลยสักหน่อย แต่ถอยห่างออกมาแล้วเอ่ยต่อจา
คันศรพูดไม่ออก บอกไม่ได้ และถึงกับไปไม่เป็น แต่ในระหว่างที่ยังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ เจ้าจันทร์ที่เพิ่งจะมายืนฟังอยู่ด้านหน้า ก็ดันประตูเข้ามาประจันหน้ากับทุกคน และยอมลงให้กับคนเป็นพี่ชายก่อนจะโพล่งออกไปในจังหวะนั้นทันที“หนูไม่ย้ายไปไหนนะคะพี่จอม...งื้อพี่ปิ่นช่วยหนูด้วยสิคะ”ประโยคหลังเจ้าจันทร์ได้หันไปบอกกับพี่สะใภ้ นั่นจึงทำให้จอมทัพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และหันมาสบตากับคนเป็นภรรยาอย่างรู้สึกอ่อนใจ ก่อนจะละสายตากลับไปที่อีกฝ่าย โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรกับน้องสาว เพียงแต่สบถออกมายาวๆ เท่านั้นว่า“โอ๊ย!เห็นหน้ามันแล้วพาลให้หงุดหงิดหัวใจกับโคตรจะรำคาญฉิบหายเลยว่ะ...ปิ่นเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”จอมทัพละคำพูดไว้ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบเบาๆ ตรงข้างกกหูของเมียรักต่อจากนั้นอีกว่า “เราจะได้รีบกลับไปต่อแขนต่อขาให้กับน้องของเจ้าอิคคิวมันด้วยไง...นะ”“แกมันบ้า!” ปิ่นปักว่า ก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้อง โดยที่ไม่สนใจคนเป็นน้องที่ยืนมองหน้ากันอย่างสงสัยสงสัยว่าพี่จอมทัพพูดอะไรกับพี่สะใภ้ ถึงได้ทำให้พี่ชายของเจ้าจันทร์ ดูอารมณ์ดีได้มากถึงขนาดนั้นเชียว...แล้วน้องสาวเพียงคนเดียวที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ก็
จอมทัพยังไม่ทันได้เปิดประตูห้องของเจ้าตัว แต่ถูกเปิดผัวะมาจากคนที่อยู่ด้านใน ที่เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าทั้งสองคนจะมาถึงที่นี่ในเวลาไม่กี่นาที“อ้าว! ไอ้เจ้าหรอกเหรอ...แล้วทำไมแกถึงทำให้หน้าน้องแหกงี้วะ!?เสียงหวานของปิ่นปักเอ่ยทักเจ้าจันทร์ ก่อนจะเลื่อนสายตาหันมาโวยวายใส่อีกคน โดยที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผลเลยสักหน่อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้หญิงสาวต้องเข้าใจอะไรเขาไปแบบนั้น“ทำแผลให้มันแล้วก็ถามกันเอาเองเหอะ ฉันขอตัวไปจัดการกับคดีอุกฉกรรจ์ที่รอฉันอยู่ก่อนนะปิ่น เดี๋ยวฉันกลับมาหา”ว่าแล้วจอมทัพก็เดินฉับๆ ออกไปจากห้อง โดยปล่อยให้น้องสาวที่นั่งทำหน้างอคอหักยังกับปลาทูแม่กลอง อยู่กับเมียสุดที่รักของเขาแค่เพียงสองคนและเมื่อได้เห็นใบหน้าของพี่สะใภ้ คนเป็นน้องสาวก็รู้สึกดีใจราวกับว่าได้เห็นนางฟ้า ลงมาโปรดกันในตอนนั้นเลยเจ้าจันทร์จึงยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นให้คนเป็นพี่สะใภ้ได้ฟัง อย่างที่ไม่คิดจะปิดบัง แม้กระทั่งเรื่องที่มีอะไรกันกับคันศรนั่นก็ด้วย จากนั้นเจ้าตัวจึงขอร้องให้ปิ่นปักช่วยพูดกับคนเป็นพี่ชาย ในเรื่องที่เจ้าจันทร์ต้องการให้ปล่อยตัวทั้งสองคนนั่นไป และมีก็เพียงแค่ปิ่นปักคนเดีย
“พวกมันกำลังใกล้จะจบถ้าเรื่องนี้รู้ถึงมหาลัยต้องถูกทำทัณฑ์บนแน่ๆ พี่ช่วยพวกมันสักครั้งนะพี่จอมนะ”“.......”น้องสาวพูดเสียงเครือสั่นขนาดนี้ยังไม่มีแม้กระทั่งปรายหางตามามอง“พี่จอม!”“.......”ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาจากร่างสูงกว่า ที่เอาแต่เดินจ้ำขาพาเธอเดินออกมาจนถึงหน้าร้านเมื่อพี่ชายไม่ยอมรับฟัง ในตอนนั้นเองที่ทำให้เจ้าจันทร์ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเจ้าของร่างบางสะบัดข้อมืออย่างแรงทีเผลอ จนมือของเธอหลุดออกมาจากอุ้งมือใหญ่ ก่อนจะพุ่งตัวออกไปบนถนน ที่มีรถยนต์กำลังแล่นไปมา ต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่มองตามด้วยความตกใจ“เฮ้ย!ไอ้เจ้า!/เจ้า!/เจ้เจ้า! กรี๊ด!”หมับ!ยังดีที่จอมทัพยังคว้าจับเจ้าตัวเอาไว้ได้ทัน ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจ โดยเฉพาะคันศรที่รู้สึกใจหายใจคว่ำกับการกระทำของมันเลยนั่นแหละ ถึงแม้อยากจะเข้าไปกอดปลอบใจ ที่ยอมลงทุนทำให้ขนาดนั้น...แต่มันก็ทำไม่ได้ไง...“โธ่โว๊ย!แกทำบ้าอะไรของแกฮะ! นี่ขนาดยอมออกไปให้รถชนตาย เพราะต้องการจะเอาชนะพี่ให้ได้เลยรึไงวะไอ้เจ้า!แม่งเอ้ย!”เจ้าจันทร์ก้มหน้าลงต่ำเพราะกำลังร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะยั้ง โดยไม่สนใจจะฟังคำพูดของพี่ชายที่ตะโกนใส่หูดังๆ