“เจ้า...แกไหวมั๊ย?...เจ็บมากป่ะวะ?”เจ้าของชื่อปรือตาขึ้นมามอง พร้อมกับเอาแขนขึ้นคล้องคอเจ้าของร่างใหญ่ หลังจากได้ยินประโยคคำถาม ก่อนจะตอบรับ พร้อมกับส่ายหน้าตามมาว่า“ฉันไหว!...ไม่เจ็บ!..”แต่น้ำเสียงสั่นๆ กับใบหน้าที่มีริ้วน้ำตาคลอออกมานั่น มันกลับดูตรงข้ามกันซะเหลือเกินคันศรยิ้มขำรับ กับท่าทางรวมไปถึงคำพูดของเจ้าจันทร์ ก่อนจะย้ำถามมันกลับไปอีกที“จริง?”“...ฮื่อ”“ไม่เจ็บแน่?”“ฮื่อ...”คันศรแกล้งถามเพื่อเบนความสนใจ ก่อนจะขยับมือตามเข้าไปในขณะที่เห็นว่าเธอกำลังเผลอตัวเฮือก!“อ๊ะ!...ลูกศร..เดี๋ยว!...ยะ...หยุดก่อน!”“หื้ม?”“เอาแบบ...ทีเดียวจบนะ..อ๊ะ!...อื้อ!~~”ร่างบางสะดุ้งเฮือกใหญ่ ก่อนจะคว้ากอดคออีกฝ่ายเอาไว้แทบไม่ทัน เพราะคันศรไม่ยอมรอฟังเธอพูดอะไรทั้งนั้นคนตรงหน้าพยายามทำทุกอย่างตามคำสั่งของเจ้าจันทร์นั่นแหละ เพียงแต่สมองของมันในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะประมวลผลอะไรทั้งนั้น เพราะมันต้องการจะส่งให้คนตรงหน้า ได้ขึ้นไปแตะขอบฟ้าไวๆ ก่อนที่ตัวเองจะไม่ไหวเอา“อื้อ~อ๊ะ!..อ๊า!..ลูกศร” เสียงครางของเจ้าจันทร์มันทำให้คันศรยิ่งเพิ่มน้ำหนักและขยับมือเร็วขึ้นอีก“ฮึก!...อื้อ~~” ยิ่งมันลงมือกับ
“ก็ใช่แหละ...แต่พอดีฉันมีนัดไง...”“กับใคร?”“......”นั่นละคือคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายไม่อยากจะตอบกลับไปสักเท่าไหร่ ทำได้แค่เงียบเสียงตัวเองลงไปในลักษณะตีเนียนคล้ายๆ กับไม่ได้ยิน“เจ้า?” คันศรเรียกเจ้าจันทร์เชิงย้ำถาม“ตั้ม..” เจ้าจันทร์ตอบตามมาก่อนจะละไว้ แล้วมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่ทำเหมือนไม่สนใจ เจ้าตัวจึงขยายความให้ต่อไปว่า “มันจะพาฉันไปซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดรูปก่อนเข้าเรียนช่วงบ่ายน่ะ”คิ้มเข้มกระตุกอย่างรู้สึกหงุดหงิดใจ ก่อนจะคลายวงแขนออกให้หลังจากที่ได้ยินคำว่าเพื่อนสนิทอย่างเขา มันมีสิทธิ์จะทำอะไรมากไปกว่านั้นอีกมั๊ยวะ!?ผ่าเหอะ!ได้แค่ครอบครอง แต่ยังไม่ทันได้เป็นเจ้าของมันสักหน่อย เขาควรปล่อยให้มันไปอยู่กับผู้ชายคนอื่นอย่างงั้นสิ?ไม่มีทาง!เขาไม่ยอมเป็นแมวที่นั่งเฝ้าแต่ปลาย่าง แล้วปล่อยให้หมาอย่างพวกมันมาคาบเจ้าจันทร์ไปแดกได้ง่ายๆ แน่แต่คนอย่างเจ้าจันทร์ยิ่งแรงใส่มันมากแค่ไหน มันก็ยิ่งต่อต้านกลับมาให้ทุกทีอย่างที่เห็นๆ กันนั่นไง...เป็นงั้น...เขาก็ควรจะใจเย็นเอาไว้ก่อน ทั้งๆ ที่กำลังหัวร้อนไปหมดแล้วในตอนนี้สำหรับคันศรทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ที่เจ้าตัวเป็นคนวางหมากเอาไว้
คันศรที่นอนอยู่บนเตียงกว้างปรายหางตาไปมองร่างบางที่กำลังปิดประตูห้อง ก่อนจะหันไปมองทางอื่น เพื่อซ่อนรอยยิ้มร้ายกาจให้กับความคิดอุบาทว์ของตัวเองหลังจากออกมาจากห้องของเจ้าจันทร์ คันศรก็ไปหาซื้อยาถ่ายชนิดเฉียบพลัน มากินในปริมาณที่มากกว่าตามข้างฉลากยาที่ได้เขียนบอกไว้ เพราะต้องการให้ยาถ่ายออกฤทธิ์ต่อร่างกายภายในสองชั่วโมง ขนาดยอมลงทุนเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน ไม่งั้นมันก็คงจะไม่เหมือนจริง และอาจทำให้หญิงสาวจับโป๊ะเขาได้ มันคือแผนการร้ายๆ ที่คันศรเป็นคนวางไว้ จากที่เขาคิดได้ว่าจะทำตามแผนต่อไปหรือจะล้มกระดานเลยดีนั่นแหละแต่เขาเลือกที่จะทำวิธีนี้ เพราะรู้ดีนะสิว่ายังไงซะเจ้าจันทร์ก็ต้องรีบมาหา เพราะไม่ว่าจะเป็นเพื่อนคนไหน หากเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็จะมีมันนี่แหละที่คอยมาช่วยดูแล ตั้งแต่ที่พวกเขาพากันเข้ามาเรียนที่มหาลัยในกรุงเทพนี่ด้วยกัน จวบจนกระทั่งปัจจุบัน...ซึ่งคันศรกำลังใช้จุดอ่อนนี้กับเจ้าของร่างบาง ที่กำลังเดินมานั่งอยู่ข้างเตียงด้านที่คันศรนอนอยู่ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีที่เห็นร่างใหญ่กำลังนอนหายใจรวยรินราวกับเสือสิ้นลาย เจ้าจันทร์แนบหลังมือไปบนหน้าผากกว้าง พลางเอ่ยถามร่างหนาที่นอนอยู่
“ลูกศร ในเมื่อแกดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวฉันจะกลับไปอาบน้ำที่ห้องของฉันก่อนนะ” เจ้าจันทร์บอกในขณะที่ยื่นมือออกไปรับชามเปล่าเพื่อเอาไปล้าง แต่กลับต้องถือค้างไว้ เพราะมือของอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมันให้เธอสักที“ใครว่าฉันดีขึ้น?” คันศรย้อนถามเสียงทื่อ ก่อนจะปล่อยมือจากชามเปล่าเพื่อให้เจ้าจันทร์เอาไปล้าง พลางบ่นตามหลังเพราะต้องการให้อีกคนสนใจ “ เนี่ย!ใจฉันยังหวิวๆ อยู่เลยนะ ”เจ้าจันทร์เอาแต่เงียบฟัง และยังไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่พอล้างทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอจึงค่อยเดินกลับมานั่งข้างเตียงคนละฝั่งกับร่างใหญ่“ฉันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็มา นี่ฉันยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลยนะ”“แกก็อาบน้ำในห้องของฉันสิวะ แล้วก็ใส่เสื้อผ้าของฉัน ทำยังกะไม่เคยไปได้”“ทำไมแกต้องงอแงด้วยวะลูกศร? ในเมื่อห้องของแกกับฉันก็อยู่ตรงข้ามกันแค่นี้เอง...”“ก็ฉัน....”Rrr!!ในขณะที่กำลังถกเถียงกัน ก็ดันมีเสียงโทรศัพท์ของคันศร ดังขึ้นมาขัดจังหวะเอาไว้ก่อน...และในตอนนี้สายตาของทั้งคู่ต่างหันไปดูหน้าจอมือถือที่ปรากฏชื่อว่า ‘กอหญ้า’ ขึ้นมาพร้อมกัน...มันคือจังหวะนรกดีๆ นี่เอง...คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแทบจะทันที เมื่อเห็นชื่อกอหญ้าผู้หญิงที่เขาเค
เจ้าจันทร์สะดุ้งกับสัมผัสจากริมฝีปากร้อนผ่าวของร่างใหญ่ที่ไล้ไปตามลำคอระหงลงมาบนเนินอกอวบ แล้วขบเม้มหยอกล้อมันเล่นตรงส่วนปลายทั้งสองข้างสลับกันไปมา และมือหนาก็ทำงานเข้าขากันเป็นอย่างดี ทำหน้าที่บีบเค้นคลึงเล่นกับมันไปพร้อมกันทั้งๆ สิ่งที่คันศรกระทำลงไปนั่น ยังมีเสื้อผ้ากั้นระหว่างกันอยู่แท้ๆ แต่กลับทำให้เจ้าจันทร์รู้สึกเสียวซ่านไปทั่วทั้งร่างกายนี่มันกะจะฆ่าเธอให้ตายไปกับการกระทำของมันเลยรึเปล่าวะ?ฆ่ากันด้วยการสัมผัสที่ชวนให้หัวใจเต้นรัวเร็วจนจับจังหวะไม่ได้ แล้วก็แทบจะวายตายได้อย่างงี้น่ะ...“ฮื้อ...ไอ้ลูกศรแกแกล้งฉัน!” เธอต่อว่า พร้อมกับดันร่างหนาออกไป แต่มันก็ไม่ยอมขยับสักนิดเลย เพียงแค่เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาตอบกลับ ด้วยน้ำเสียงหอบหนัก พร้อมกับลมหายใจที่ยังไม่เสถียรสักเท่าไหร่“ฉันไม่ได้แกล้งแก...ถ้าแกล้งแล้วของฉันมันจะแข็งขนาดนี้เหรอวะ...ดูดี้” ว่าแล้วก็จับมือบางสอดเข้าไปวางตรงหว่างขาของมันเพื่อใช้ยืนยันคำพูดเชี่ย!ไม่ต้องจับเธอก็พอจะรู้เองได้แล้วมั๊ย ในเมื่อความเป็นชายของมัน แข็งเป็นบ้องอยู่ตรงหน้าท้องของเธอพอดี แล้วก็รู้ด้วยว่าที่มันพูดแบบนี้เพราะต้องการจะให้เธอทำอะไรกับมัน!แ
คันศรลากริมฝีปากอุ่นร้อนไปทั่วเนื้อตัวของคนด้านใต้ ก่อนจะใช้มือใหญ่บีบเคล้นเนินเนื้อหน้าอกของเธอเล่นอย่างสนุกมือคันศรกำลังร้อน!ซึ่งเจ้าจันทร์ก็รู้ดี ว่าตนเองก็มีส่วนที่ทำให้อีกคนเป็นอย่างนั้น เลยไม่คิดจะหยุดมัน!แต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น...เพราะเจ้าจันทร์กำลังเมารูปร่างหน้าตาของคันศรในตอนนี้ ที่มันดูเซ็กซี่และเร้าอารมณ์เธอได้เป็นอย่างดี ยิ่งกว่าพระเอกหนังซีรี่เกาหลี ที่เคยเธอเคยดูผ่านตามาแล้วตั้งหลายเรื่องเลยนั่นละตื่นเต้นแค่ไหนไม่ต้องถามนะ...ถึงแม้จะไม่เคยแต่เธอก็ไม่ได้ใสๆ กับเรื่องอย่างว่าสักเท่าไหร่ แล้วความกลัวในใจ มันก็ยังมีเหมือนกับผู้หญิงทั่วไป แต่ในเมื่อเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว ว่าจะอุทิศร่างกายในครั้งแรกของตนให้กับคนที่เธอพึงพอใจ มันก็ไม่จำเป็นต้องไปอาลัยอาวรณ์เสียดายมันหรอกนะว่ามั้ย?ถึงจะไม่รู้อนาคตในวันข้างหน้า ว่ามันจะเป็นคนสุดท้ายของเธอด้วยรึเปล่านั่น ก็ช่างหัวมันปะไร!เพราะในตอนนี้เจ้าจันทร์ก็ไม่อยากจะคาดหวัง กับทุกอย่างที่มันยังมาไม่ถึง ซึ่งอาจจะมีบ้างที่ต้องเสียใจ แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับตายสักหน่อย...อย่างน้อยก็ถือว่านั่นคือประสบการณ์เจ้าจันทร์คิดแบบนั้นจริงๆ...เฮือก!“อ
“แกช่วยจับมันใส่เสื้อผ้าให้ฉันทีดิ”เจ้าจันทร์ทำหน้ายับยู่ยี่เชิงด่ากลับไปให้ทางสายตา แต่ทว่า...ร่างบางก็ยอมทำทุกอย่างตามที่อีกฝ่ายร้องขอหมับ!มือบางจับหมับไปที่ความเป็นชายของคนตรงหน้า พลางช้อนสายตาขึ้นไปมองหน้าของคันศร ตอนที่มันกำลังกัดริมฝีปากล่าง ก่อนจะอ้าปากงับซองถุงยาง จากนั้นจึงฉีกมันออกมา...กะอีแค่ฉีกซองถุงยางอนามัย...มันจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนั้นมั้ยวะ!?...เซ็กซี่จนเจ้าจันทร์ อยากจะเป็นฝ่ายจับมันแดกลงท้องของเธอซะเองเลย...ความเซ็กซี่ของคันศร กำลังทำให้อุณหภูมิความร้อนในร่างกายของคนตรงหน้าสูงขึ้นมาได้ พร้อมๆ กับจังหวะการเต้นของหัวใจ ที่ไม่รู้แล้วว่ามันกำลังเต้นอยู่ในจังหวะไหนกันแน่?“ซี๊ด...ไอ้เจ้าแกรีบใส่ให้มันไวๆ กว่านี้หน่อยดิวะ เดี๋ยวฉันก็เสร็จคามือของแกซะก่อนหรอก...อ่า...เสียวว้อย!”“แป๊บดิวะ..” เจ้าจันทร์ตอบกลับในทันที โดยที่ไม่ได้ละมือไปจากกิจกรรมตรงหน้าทั้งๆ ที่รู้ว่ามัน...“มันใส่ไม่ได้ว่ะลูกศร....อ๊ะ!“ถุงขาด! ”เสียงอุทานของหญิงสาว ทำให้เจ้าของใบหน้าคมต้องก้มต่ำลงไปมองจ้องลูกชาย ที่กำลังทำตัวตึงใส่มือของเจ้าจันทร์ อย่างที่ไม่รู้จักเกรงใจกันเสียบ้างเลยเชี่ยเอ้ย! ต
“อ๊ะ!อื้อ...ลูกศร!?”ร่างบางครางอือตอนที่อยู่ๆ ก็ถูกคนตัวใหญ่กว่า ดึงเธอขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวตน ในลักษณะที่ทั้งสองคนยังมีอะไรที่ค้างๆ คาๆ ในท่าบังคับที่ทำให้เจ้าจันทร์ ต้องหันหน้าเข้าหาอีกคนอย่างจงใจมือใหญ่ยกขึ้นประคองแผ่นหลังบอบบางเอาไว้ กันไม่ให้อีกฝ่ายผวาหงายหลัง กลับลงไปบนเตียงกว้างอย่างเดิมคิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นอย่างสงสัย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรก็มีเสียงของอีกฝ่าย ตอบกลับมาให้เดี๋ยวนั้นทันทีเลยว่า“แกมันโคตรจะเซ็กซี่ฉิบหายเลยว่ะไอ้เจ้า แกรู้ตัวมั้ยว่าแกกำลังทำให้ฉันเมา” เจ้าตัวว่าแล้วก็โน้มหน้าเข้ามากดจูบเจ้าจันทร์เบาๆ ก่อนจะผละออกมาพูดต่อจากนั้น “ฉันเมาเสียงครางหวานๆ เรียกชื่อฉันของแกว่ะ” คันศรละคำพูดไว้ ก่อนจะกดจูบริมฝีปากสีสดของเจ้าตัวอีกครั้ง ทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยคดี“แล้วฉันก็อยากจะดูเวลาที่แกเสร็จอยู่บนตัวฉัน...อ่า..ซี้ด...เจ้า!”คันศรครางเสียงกระเส่ายาวๆ แล้วมันก็ช่วยเร้าอารมณ์ของเจ้าจันทร์ได้เป็นอย่างดี เพราะรู้นะสิว่าคนด้านใต้ ต้องการให้เธอทำอะไร?มือหนาจับไปที่เอวบาง แล้วขยับไปตามจังหวะที่ตนเป็นคนนำ หลังจากที่พูดประโยคนั้นจบลงเจ้าของร่างบางขยับเคลื่อนไหวหนักขึ้นไปเ
แล้วตอนนี้เจ้าจันทร์ก็กำลังพยายามหาทางออก และบอกกับตัวเองไว้ว่า หากคนเป็นพี่ชายไม่ยอมให้อภัยเธอสักที เธอคงต้องใช้วิธีขอร้องมารดาให้เป็นตัวช่วยสุดท้ายเลยก็แล้วกันเมื่อคิดได้อย่างนั้น เจ้าจันทร์จึงโทรไปหาคนเป็นมารดา เพื่อสารภาพผิดทุกอย่างที่เจ้าตัวได้กระทำลงไป จากนั้นจึงขอร้องให้นางจันทราช่วยเป็นกาวใจประสานความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับพี่ชายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพิ่มอีกหน่อยตรงที่ขอให้ท่านช่วยบอกพี่ชายด้วยว่าไม่ต้องมารับ เพราะเจ้าจันทร์จะอยู่ที่นี่ เพื่อทำรายงานที่ค้างส่งให้กับอาจารย์ และจะกลับบ้านหลังจากนี้ไม่เกินสามวันนางจันทรารับปากลูกสาว แล้วบอกให้เจ้าจันทร์รอสายจากท่านอีกครั้งก่อนจะวางสายลง แล้วหลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง นางจันทราก็โทรกลับมาบอกกับลูกสาวว่า หากพี่จอมทัพลดระดับความโกรธลงมาได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเจ้าจันทร์ก็ค่อยกลับไปกราบขอโทษพี่ชายอีกทีเป็นลูกรักของแม่นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง...หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์กับมารดาจบลงไปแล้วนั่นแหละ เจ้าจันทร์ถึงได้พรูลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจ และขอสัญญากับตัวเองไว้ว่า ต่อไปนี้จะไม่ทำตัวงี่เง่าและเอาแต่ใจ จนทำให้คนเป็นมารดาและพี
หลังจากจอมทัพเข้าห้องฝ่ายปกครองไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีผู้ปกครองของข้าวปุ้นเดินสับเท้าตรงเข้ามาหากลุ่มของใต้ฝุ่นที่ยืนรอหญิงสาวอยู่หน้าห้อง ของฝ่ายปกครองพอดี ทุกคนจึงพากันยกมือไห้ว ในขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับพร้อมกับมีคำถามตามมาว่า“ใครมันกล้ารังแกน้องสาวของเจ้ เจ้จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด!...ไหนมันอยู่ไหนวะ!?”มาสไตล์นักเลงพอกันกับน้องชาย ราวกับถ่ายเอกสารกันมา...และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้มีสถานะเป็นพี่สาวแท้ๆ ของใต้ฝุ่น และข้าวปุ้นก็ยังมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของเธอนั่นด้วย อีกทั้งยังช่วยลงชื่อเป็นผู้ปกครองแทนคนเป็นแม่แท้ๆ ที่ทิ้งลูกสาวของตัวเองทันที หลังจากที่ได้รับเงินจากทางบ้านของใต้ฝุ่นเป็นค่าตอบแทนก้อนใหญ่ โดยแลกกับการที่ไม่ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่ดันไปพรากผู้เยาว์ลูกสาวเขามานั่นแหละ “เจ้หยก!หนูอยู่นี่ค่ะ...”ใต้ฝุ่นยังไม่ทันได้ตอบคำถามคนเป็นพี่ ก็มีเสียงใสของข้าวปุ้นเอ่ยแทรกขึ้นมาอยู่หน้าประตูห้อง สายตาของทุกคู่จึงไปกองรวมกันอยู่ที่เดียวทั้งๆ ที่บนข้างแก้มของเจ้าตัวก็มีรอยแดงของนิ้วมือทั้งสองข้าง แต่เจ้าของร่างบางก็ยังมีรอยยิ้มสดใสให้กับทุกคนได้ด
คันศร...ไม่ได้เป็นห่วงว่าเจ้าจันทร์จะถูกพวกของกอหญ้ารุมทำร้าย เพราะเขารู้ว่ามันเอาตัวรอดได้อยู่แล้วด้วยทักษะการต่อสู้อย่างที่รู้กันดี แต่เรื่องนี้ดันไปถึงห้องของฝ่ายปกครองนั่นต่างหาก ที่น่าเป็นห่วงมันมากที่สุดส่วนใต้ฝุ่น...รู้สึกเป็นห่วงข้าวปุ้นมาก เพราะนอกจากมันจะตัวเล็กยังกะลูกแมว แล้วใจมันยังกล้าบ้าบิ่นพอกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้คนทั้งคู่จะเป็นยังไงกันบ้าง?เหมือนโชกุนจะเดาทางได้ว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนกำลังคิดอะไร เจ้าตัวจึงไม่รอช้ารีบล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดข่าวที่ว่านั่น ให้พวกมันดูไปพร้อมๆ กันทั้งคู่พร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองเพื่อดูวีดีโอภาพ ที่ถูกพาดหัวขึ้นเป็นข่าวท็อปไลน์ในกลุ่มของมหาลัย โชกุนแค่รู้ว่าคนที่ถ่ายภาพนี้มาได้นั้น มันกำลังนั่งในรถที่จอดอยู่บริเวณใกล้ๆ กันกับจุดเกิดเหตุนั่นพอดี“สัดเอ้ย! ตบหน้าเมียกูตั้งสองที กูจะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด”ใต้ฝุ่นสบถด่าหยาบคายโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ ตอนที่เห็นกอหญ้ากล้าตบหน้ายายลูกแมวของเขา ที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งข้าวปุ้นได้กลายเป็นสาวเต็มตัว อีกทั้งคนเป็นผัวอย่างใต้ฝุ่น ก็เคยทำให้มันเจ็บตัวแค่เพียงครั้งเดียว จา
ถึงจะบอกข้าวปุ้นออกไปอย่างนั้นแต่เจ้าจันทร์ก็เตรียมตั้งรับกับสถานการณ์ต่างๆ ราวกับคนที่ถูกสอนมาอย่างดี“จับมันไว้!”นั่นไง!...“...ไอ้ปุ้นระวัง!”“เฮ้ย!”เจ้าจันทร์ผลักข้าวปุ้นออกห่างพลางเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางอย่างรู้จังหวะดี เมื่อมีนักศึกษาหญิงร่างใหญ่ทั้งสองนาง พุ่งตัวเข้ามาหาในเวลาอันรวดเร็ว แต่พวกมันก็ไม่สามารถคว้าจับร่างของเจ้าจันทร์เอาไว้ได้ ด้วยความไวที่เคยได้ฝึกมาจากคนเป็นพี่ชายที่ช่วยสอนให้มาตั้งแต่เธอยังจำความได้นั่นแหละแต่เมื่อเจ้าจันทร์หันไปมองรุ่นน้อง ก็เห็นว่ามันถูกคนของกอหญ้าจับยึดแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง อย่างที่มันต้องการแค่สองคน ในตอนนั้นเข้าพอดีแต่มันก็ยังแสดงความมีน้ำใจ ด้วยการตะโกนบอกเจ้ของมันออกทันที“เจ้ไม่ต้องห่วงเค้า...รีบหนีไปเร็วๆ เข้า!”เจ้าจันทร์กรอกตามองบน ก่อนจะมองคนที่เหลืออยู่ แล้วเห็นว่าพวกนั้นต่างก็พากันยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทางกล้าๆ กลัว เจ้าจันทร์จึงค่อนข้างจะมั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ“คุยดีๆ กันก่อนมั้ย?...กอหญ้า”เจ้าจันทร์เอ่ยถามเจ้าของใบหน้าสวยผุดผาดบาดใจแต่มีแววตาประสงค์ร้ายอยู่ในนั้นทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน เพียงแต่เจ้าจันทร์ไม่ต้อง
หลังเลิกคลาสเรียนในช่วงบ่ายข้าวปุ้นก็ได้โทรมาชวนเจ้าจันทร์ ให้ไปเป็นเพื่อนซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ของตัวเองด้วยกัน เพราะใต้ฝุ่นดันติดทำรายงานกลุ่มส่งอาจารย์ ซึ่งก็คล้ายๆ กับคันศรนั่นแหละเจ้าจันทร์กับข้าวปุ้นเพิ่งจะเข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่ง จึงพอจะมีเวลาว่างและมักจะชวนกันไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือถ้ามีเวลาเหลือก็พากันไปดูหนัง อีกทั้งยังชอบไปฟังเพลงในงานคอนเสิร์ตของนักร้องที่ตนคลั่งไคล้ เพราะทั้งสองคนชอบดนตรีสไตล์เดียวกัน และก่อนจะกดวางสาย ข้าวปุ้นมันก็ได้ทิ้งระเบิดไว้ให้กับเจ้าจันทร์ลูกหนึ่ง(“เจ้เจ้า หนูมีข่าวใหม่ล่าสุดจะมาอัพเดทให้เจ้ฟังด้วยนะ”)“เรื่องไรวะ?”(“เจอกันแล้วเราค่อยเมาส์มอยกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไม่มันส์...”) ภาษาไทยมันก็ดันเติมเอสมาได้นะ!“เออ...แกนี่มันขยันทิ้งระเบิดดีว่ะ”(“ระเบิดลูกเบ้งอ่ะ...เดี๋ยวจะเอามาฝากเพราะรักเจ้เท่านั้นค่ะ”)“???”ไอ้เด็กบ้านี่...แม่ง! โคตรปากเปราะ!...เพราะมันชอบบอกรักกันง่ายดายซะขนาดนี้ไง...ไอ้ฝุ่นมันถึงได้ไปไหนไม่รอด!เจ้าจันทร์กดสายทิ้ง ในขณะที่ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดูมันราวกับน้องสาวแท้ๆ ที่สนิทสนมกันมานานตั้งแต่เจ้าจันทร์ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็ดันเข้ามาแทรกอี้ก...นี่มันเป็นวันห่าอะไรกันวะเฮ้ย!และนี่...มันก็คือวันโลกาวินาศของจริง!อย่าว่าแต่กอดเลย...จูบสักนิดก็ยังไม่เคย...แล้วไหงกอหญ้าถึงได้ตื้อกันไม่เลิกลายังงี้วะ?ที่คันศรมักจะคบหากับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า สาเหตุหลักมันก็มาจากเจ้าจันทร์เองนั่นแหละ แค่เขาอยากจะรู้ใจตัวเองว่านอกจากใบหน้าของเจ้าจันทร์แล้ว มันจะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่พอจะทำให้ชายหนุ่ม ลบภาพของเพื่อนรักออกไปจากหัวใจได้สักที แล้วท้ายที่สุดมันก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้งกระทั่งที่ผ่านๆ มาเวลาคันศรจะเลิกกับใครก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จะมีก็แต่กอหญ้าที่กำลังทำตัวให้เป็นปัญหาเพียงคนเดียวเท่านั้น และคันศรก็ควรจะต้องสะสางมันอย่างจริงจังและได้แต่หวังว่าไอ้เจ้ามันคงจะเข้าใจ?รึเปล่าเหอะ!?“ใครโทรมา...แล้วทำไมแกถึงไม่กดรับสายวะ?”นั่นไงละ!คันศรสะดุ้งเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าจันทร์เอ่ยถาม พร้อมกับชะโงกหน้าตามเข้ามาดูหน้าจอ แล้วพอเห็นว่าเป็นชื่อกอหญ้าเท่านั้นละ...รู้มั้ยว่ามันอะไรเกิดขึ้น!?“สันดานผู้ชายยังไงก็คงจะเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ”เจ้าจันทร์ไม่โวยวายเลยสักหน่อย แต่ถอยห่างออกมาแล้วเอ่ยต่อจา
คันศรพูดไม่ออก บอกไม่ได้ และถึงกับไปไม่เป็น แต่ในระหว่างที่ยังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ เจ้าจันทร์ที่เพิ่งจะมายืนฟังอยู่ด้านหน้า ก็ดันประตูเข้ามาประจันหน้ากับทุกคน และยอมลงให้กับคนเป็นพี่ชายก่อนจะโพล่งออกไปในจังหวะนั้นทันที“หนูไม่ย้ายไปไหนนะคะพี่จอม...งื้อพี่ปิ่นช่วยหนูด้วยสิคะ”ประโยคหลังเจ้าจันทร์ได้หันไปบอกกับพี่สะใภ้ นั่นจึงทำให้จอมทัพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และหันมาสบตากับคนเป็นภรรยาอย่างรู้สึกอ่อนใจ ก่อนจะละสายตากลับไปที่อีกฝ่าย โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรกับน้องสาว เพียงแต่สบถออกมายาวๆ เท่านั้นว่า“โอ๊ย!เห็นหน้ามันแล้วพาลให้หงุดหงิดหัวใจกับโคตรจะรำคาญฉิบหายเลยว่ะ...ปิ่นเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”จอมทัพละคำพูดไว้ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบเบาๆ ตรงข้างกกหูของเมียรักต่อจากนั้นอีกว่า “เราจะได้รีบกลับไปต่อแขนต่อขาให้กับน้องของเจ้าอิคคิวมันด้วยไง...นะ”“แกมันบ้า!” ปิ่นปักว่า ก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้อง โดยที่ไม่สนใจคนเป็นน้องที่ยืนมองหน้ากันอย่างสงสัยสงสัยว่าพี่จอมทัพพูดอะไรกับพี่สะใภ้ ถึงได้ทำให้พี่ชายของเจ้าจันทร์ ดูอารมณ์ดีได้มากถึงขนาดนั้นเชียว...แล้วน้องสาวเพียงคนเดียวที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ก็
จอมทัพยังไม่ทันได้เปิดประตูห้องของเจ้าตัว แต่ถูกเปิดผัวะมาจากคนที่อยู่ด้านใน ที่เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าทั้งสองคนจะมาถึงที่นี่ในเวลาไม่กี่นาที“อ้าว! ไอ้เจ้าหรอกเหรอ...แล้วทำไมแกถึงทำให้หน้าน้องแหกงี้วะ!?เสียงหวานของปิ่นปักเอ่ยทักเจ้าจันทร์ ก่อนจะเลื่อนสายตาหันมาโวยวายใส่อีกคน โดยที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผลเลยสักหน่อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้หญิงสาวต้องเข้าใจอะไรเขาไปแบบนั้น“ทำแผลให้มันแล้วก็ถามกันเอาเองเหอะ ฉันขอตัวไปจัดการกับคดีอุกฉกรรจ์ที่รอฉันอยู่ก่อนนะปิ่น เดี๋ยวฉันกลับมาหา”ว่าแล้วจอมทัพก็เดินฉับๆ ออกไปจากห้อง โดยปล่อยให้น้องสาวที่นั่งทำหน้างอคอหักยังกับปลาทูแม่กลอง อยู่กับเมียสุดที่รักของเขาแค่เพียงสองคนและเมื่อได้เห็นใบหน้าของพี่สะใภ้ คนเป็นน้องสาวก็รู้สึกดีใจราวกับว่าได้เห็นนางฟ้า ลงมาโปรดกันในตอนนั้นเลยเจ้าจันทร์จึงยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นให้คนเป็นพี่สะใภ้ได้ฟัง อย่างที่ไม่คิดจะปิดบัง แม้กระทั่งเรื่องที่มีอะไรกันกับคันศรนั่นก็ด้วย จากนั้นเจ้าตัวจึงขอร้องให้ปิ่นปักช่วยพูดกับคนเป็นพี่ชาย ในเรื่องที่เจ้าจันทร์ต้องการให้ปล่อยตัวทั้งสองคนนั่นไป และมีก็เพียงแค่ปิ่นปักคนเดีย
“พวกมันกำลังใกล้จะจบถ้าเรื่องนี้รู้ถึงมหาลัยต้องถูกทำทัณฑ์บนแน่ๆ พี่ช่วยพวกมันสักครั้งนะพี่จอมนะ”“.......”น้องสาวพูดเสียงเครือสั่นขนาดนี้ยังไม่มีแม้กระทั่งปรายหางตามามอง“พี่จอม!”“.......”ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาจากร่างสูงกว่า ที่เอาแต่เดินจ้ำขาพาเธอเดินออกมาจนถึงหน้าร้านเมื่อพี่ชายไม่ยอมรับฟัง ในตอนนั้นเองที่ทำให้เจ้าจันทร์ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเจ้าของร่างบางสะบัดข้อมืออย่างแรงทีเผลอ จนมือของเธอหลุดออกมาจากอุ้งมือใหญ่ ก่อนจะพุ่งตัวออกไปบนถนน ที่มีรถยนต์กำลังแล่นไปมา ต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่มองตามด้วยความตกใจ“เฮ้ย!ไอ้เจ้า!/เจ้า!/เจ้เจ้า! กรี๊ด!”หมับ!ยังดีที่จอมทัพยังคว้าจับเจ้าตัวเอาไว้ได้ทัน ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจ โดยเฉพาะคันศรที่รู้สึกใจหายใจคว่ำกับการกระทำของมันเลยนั่นแหละ ถึงแม้อยากจะเข้าไปกอดปลอบใจ ที่ยอมลงทุนทำให้ขนาดนั้น...แต่มันก็ทำไม่ได้ไง...“โธ่โว๊ย!แกทำบ้าอะไรของแกฮะ! นี่ขนาดยอมออกไปให้รถชนตาย เพราะต้องการจะเอาชนะพี่ให้ได้เลยรึไงวะไอ้เจ้า!แม่งเอ้ย!”เจ้าจันทร์ก้มหน้าลงต่ำเพราะกำลังร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะยั้ง โดยไม่สนใจจะฟังคำพูดของพี่ชายที่ตะโกนใส่หูดังๆ