Share

บทที่ 71

Author: หอมดังเดิม
last update Last Updated: 2024-08-27 17:21:08
แม้น้ำเสียงของเขายังคงฟังดูเหมือนปกติ แต่สีหน้ากลับแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจให้เห็นอยู่ลางๆ

ซูชิงลั่วรีบตอบ : "แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าอยู่ต่อหน้าเพื่อนข้าราชการของใต้เท้าแล้วรู้สึกเขินอายเล็กน้อย อีกทั้งใต้เท้าก็กำลังว่าราชการ ข้าจะรบกวนก็ไม่ได้"

"เขินอายหรือ" คิ้วของลู่เหิงจือเลิกขึ้นเล็กน้อย "ก่อนหน้านี้ตอนเจ้าอยู่กับลู่เหยียนต่อหน้าผู้คนเยอะๆ ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันหรือ"

นั่นหมายความหมาย อยู่กับลู่เหยียนแล้วไม่น่าอาย แต่อยู่กับเขาแล้วน่าอายเช่นนั้นใช่หรือไม่

ซูชิงลั่วขมวดคิ้วพลางพูดเสียงเบา "ไม่ใช่ ลู่เหยียนจะไปเทียบกับใต้เท้าได้เช่นไร ข้า..."

เหตุใดถึงได้รู้สึกว่ายิ่งอธิบายเรื่องลู่เหยียนก็ยิ่งแย่กว่าเดิม นางรีบเปลี่ยนทิศทางทันทีทันใด "อาจเพราะข้าเพิ่งหมั้นหมายกับใต้เท้า ยังไม่ชินนัก รอจนข้าแต่งเข้าไปแล้วคงจะดีขึ้นเอง"

น้ำเสียงของนางฟังดูระแวง คอยมองไปที่เขาด้วยความระแวดระวังเป็นครั้งคราว ราวกับกลัวว่าทำจะให้เขาโกรธ

——ลืมเรื่องที่เขาจงใจชนนางไปเสียสนิท

ลู่เหิงจือเห็นว่าควรพอเท่านี้จึงขานตอบ "อืม" ขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหยิบธบัตรสองสามใบออกมาจากแขนเสื้อยื่นให้นาง

ธนบัตรมู
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Wj 'Ammie Ladiiz
เรื่องสนุกมาก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 72

    "ชิชะ อัครมหาเสนาบดีลู่ยังคงเหมือนเดิม——ไม่รู้จักทะนุถนอมหญิงงาม""แม่นางผู้นั้นไม่นับว่าเป็นหญิงงามอะไรเสียหน่อย ได้ข่าวว่ายโสโอหัง ก่อนหน้านี้ยังเคยหมั้นมาแล้วด้วย ทั้งยังเคยมีเรื่องฉาวกับพวกอันธพาล จนถูกดักรอถึงหน้าประตูด้วยซ้ำไป...""โธ่เอ้ย เวรกรรมของอัครมหาเสนาบดีลู่แท้ๆ..."ท่าทางเช่นนี้ ราวกับจะไว้อาลัยให้กับลู่เหิงจือเสียเดี๋ยวนั้นเลยจื๋อหยวนได้ยินแล้วก็อยากจะผลักประตูออกไปต่อว่าคนพวกนั้นให้รู้แล้วรู้รอด แต่ซูชิงลั่วกลับหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ แล้วห้ามนางเอาไว้พวกคำซุบซิบนินทาเหล่านั้น อีกไม่กี่วันก็จะมีเรื่องใหม่มาแทน*ณ ตำหนักองค์หญิง องค์หญิงอวี้หยางดื่มสุราหมดไปครึ่งเหยือก นึกถึงข่าวลือที่มาจากในวัง จู่ๆ ก็ยกแขนขึ้นมาแล้วเขวี้ยงแก้วเหล้าในมือออกไปรักแรกพบ เฝ้ารอมาหลายปีอะไรกัน นางแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เฉยชาเยือกเย็นอย่างลู่เหิงจือจะพูดอะไรเช่นนั้นออกมาได้ เป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินกว่าจะเข้าใจได้นางพูดด้วยความกริ้ว : "ลู่หมิงซือยังไม่มาอีกหรือ"นางจำเป็นต้องถามบุตรสาวตระกูลลู่ให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ข้าหลวงตอบ : "หม่อมฉันจะสั่งให้คนไปเร่งอีกครั้

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 73

    ซูชิงลั่วตกใจตื่นกลางดึกเพราะฝันร้าย พลันลุกพรวดขึ้นมาลำคอมีผมที่เปียกโชกติดอยู่ เหงื่อไหลซึมจนเปียกชุ่มไปถึงเสื้อซับชั้นในที่แท้ก็แค่ฝัน...นางถอนหายใจด้วยความโล่ง ทว่าตรงหน้ากลับมีภาพใบหน้าที่ดูมุ่งร้ายและหื่นกระหายของหนิงไห่ลู่ในฝันผุดขึ้นมากะทันหัน ทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวอีกครั้งช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน จริงเหมือนก่อนหน้าที่ตนฝันเห็นลู่เหยียนแอบซุกหญิงชู้ไว้ด้านนอกแล้วตนเสียชีวิตจากการคลอดบุตรยากครั้งนั้นนางติดอยู่ในห้องมืดๆ ที่มีผนังล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ขาและแขนถูกเชือกที่หนาเท่าลำตัวงูมัดเอาไว้ หนิงไห่ลู่ปลดเข็มขัดออก ในมือถือแส้เอาไว้ ดวงตาคู่นั้นแดงเดือดราวกับสัตว์ป่าที่เห็นอาหารอันโอชะเสียงของเขาก็ฟังดูหลอกหลอนจนน่ากลัว : "เล่นสนุกกับคู่หมั้นของอัครมหาเสนาบดีแล้วได้อารมณ์ยิ่งกว่า..."ปลายนิ้วของนางสั่นสะท้าน ลงจากเตียงเพื่อรินน้ำอุ่นมาดื่มช้าๆ จิตใจถึงจะค่อยๆ สงบลงมาได้เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ช่วงหลายวันนี้อย่าเพิ่งออกไปไหน อยู่ในบ้านอย่างสงบเสงี่ยมไปจะดีกว่า*องค์หญิงอวี้หยางเป็นธิดาพระองค์เดียวในอดีตฮองเฮา อดีตฮองเฮาทรงให้กำเนิดองค์หญิงอวี้หยางก่อน แล

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 74

    ตั้งแต่ทรงมีพระราชโองการลงมา เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด ลู่เหิงจือไม่เพียงแต่เตรียมเด็กรับใช้คอยติดตามซูชิงลั่วยามไปข้างนอก ทั้งยังยืมองครักษ์ลับจากเซี่ยถิงอวี่มาคอยดูอย่างลับๆ ด้วยแววตาของเขาเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย : "องครักษ์ลับของผู้ใดในวัง สืบมาให้ชัดเจน"ซ่งเหวินตอบ : "หลังจากที่ตามไปดูพบว่าเข้าไปในตำหนักขององค์หญิงอวี้หยางขอรับ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่คนขององค์หญิงอวี้หยางหรือไม่"ลู่เหิงจือมุ่นคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ : "หลักฐานที่องค์หญิงอวี้หยางทำเรื่องพวกนั้นเตรียมพร้อมหรือยัง รวมไปถึงหลักฐานของกุ้ยเฟยและตระกูลหนิง เตรียมไว้ล่วงหน้าให้พร้อม"หลายปีมานี้ เขาเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เตรียมความพร้อมไว้แม้ตอนฝนยังไม่ตกซ่งเหวินรีบขานรับความรู้สึกกังวลภายในใจของลู่เหิงจือเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน เขาออกคำสั่งต่อ : "ไปขอยืมตัวองครักษ์จากเซี่ยถิงอวี้มาอีกสองสามคน"*เพราะฝันที่ประหลาดแต่จริงฝันนั้น ทำให้ซูชิงลั่วปักชุดแต่งงานอยู่แต่ในจวนลู่มาสามเดือนติดกันแล้ว แต่ไม่ได้เกิดเรื่องที่นางกังวลใจขึ้น นางจึงค่อยๆ ลืมเรื่องนี้ไปแล้วปลายเดือนเก้า เริ่มเข้าฤดูใบไม้ร่วง

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 75

    ซูชิงลั่วหันมองซ้ายขวาโดยไม่รู้ตัว แก้มแดงก่ำขึ้นมากะทันหันเห็นนางไม่มีท่าทีว่าจะขยับ ลู่เหิงจือจึงยกแขนขึ้นเบาๆซูชิงลั่วมองเขาอยู่นาย สายตาเผยให้เห็นความเว้าวอนลู่เหิงจือกลับจ้องมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย แน่วแน่ไม่สั่นคลอนท่าทางเช่นนั้น ราวกับว่าวันนี้นางต้องเกาะแขนของเขาขึ้นม้าเท่านั้นสุดท้ายนางก็ยอมแพ้ เอื้อมมือออกไปแตะฝ่ามือของเขาเบาๆผิวหนังที่ปลายนิ้วสัมผัสแผ่ซ่านความอบอุ่นและเย็นชืด ราวกับก้อนหยกกลางน้ำแร่ในหน้าร้อนทันใดนั้นเองนิ้วมือก็ถูกกำไว้แน่นลู่เหิงจือออกแรงประคองนางขึ้นรถม้าหัวใจของซูชิงลั่วเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาหลังจากที่เข้าไปในตัวรถก็อดไม่ได้ที่จะใช้มืออีกข้างลูบปลายนิ้วที่เพิ่งสัมผัสกับเขาเบาๆทว่า กลับเห็นลู่เหิงจือเปิดม่านรถม้าออก แล้วเดินดุ่มเข้ามานั่งลงข้างนางด้วยความสงบนิ่งซูชิงลั่วพลันยืดตัวตรงในทันที : "จื๋อหยวนเล่า ?"ลู่เหิงจือตอบนิ่งๆ : "นางนั่งอีกคัน"ซูชิงลั่วกำผ้าเช็ดหน้าในมือ : "พวกเราจะนั่งรถม้าคันเดียวกันหรือ"ลู่เหิงจือ : "ไม่ได้หรือ"ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ เพียงแต่ทั้งสองคนถูกหนีบอยู่ระหว่างที่แคบๆ ทำให้นางมีอาการตื่นเต้นเล็กน้อย

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 76

    นี่ชักจะเป็นปัญหาขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว จะอธิบายกับว่าที่คุณหญิงในอนาคตของเขาเช่นไร——ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เฉยเมยกับสตรีขนาดนั้นช่างเถอะ แต่งงานกันไปแล้วค่อยๆ พูดไปแล้วกันแต่ตอนนี้ต้องรักษาภาพลักษณ์ของเขาที่เคยมีในสายตาของสาวน้อยก่อน จะได้ไม่ทำให้นางตกใจเขาตอบนิ่งๆ : "ไม่เป็นอันใด ข้ากับเจ้ากำลังจะเป็นคู่ครองกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนี้"ซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นไปมองเขาผาดหนึ่ง มั่นใจแล้วว่าเขาไม่ได้มีท่าทีถือสาเอาความนางจริงๆ ถึงจะโล่งใจไปเปราะหนึ่ง แล้วนั่งกลับลงไปใหม่จากนั้นก็ได้ยินเสียงใสกังวาลของเขาดังขึ้นข้างหู : "รอหลังแต่งงานแล้ว ค่อยปักถุงหอมไว้ใช้กับชุดยาวสีขาวนวลอีกสักใบจะเป็นไร"ซูชิงลั่วกำมือทั้งสองข้าง พลางพยักหน้าเบาๆ : "เจ้าค่ะ ใต้เท้าไม่ต้องกังวล หลังจากแต่งงานไปแล้ว ข้าจะพยายามทำหน้าที่ของภรรยาให้เต็มที่ ปักถุงหอมให้ใต้เท้าหลายๆ ใบ"คงไม่ถึงขนาดให้เขาไม่มีถุงหอมไว้พกติดตัวหรอกลู่เหิงจือเหร่มองนางปราดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรอีกในที่สุดก็มาถึงหน้าร้านเครื่องประดับจินจี้ ลู่เหิงจือลงรถไปก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นมือมาให้นางอย่างช้าๆรู้ว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้น ซูชิ

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 77

    ลู่เหิงจือเป็นคนสุขุมพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร แม่นางจินไม่เคยเห็นด้านที่อ่อนโยนมีความอดทนเช่นนี้ของเขามาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขายิ้มนางสติหลุดไปชั่วขณะ หลังจากที่รู้สึกตัวก็รีบวางกล่องไม้ในมือลง แล้วปักปิ่นทองประดับไข่มุกให้ซูชิงลั่ว"ใต้เท้าลู่สายตาเฉียบแหลม ไข่มุกหลายเม็ดนี้เป็นของหายากอายุสิบปีจากตงไห่ ทั้งกลมวาว ขนาดยังเท่ากันอีก หาไม่ง่ายเลย"หลังจากปักเสร็จแล้ว นางก็หยิบกระจกทองแดงมาวางตรงหน้าซูชิงลั่ว "แม่นางดูสิ งดงามเหลือเกิน"นางผิวขาวผ่อง ข่มความขาววาวของไข่มุกได้พอดี ทำให้ดูสว่างไสวชวนหลงใหลลู่เหิงจือยืนอยู่ข้างๆ สายตาหยุดอยู่บนตัวนางตลอดซูชิงลั่วถูกเขาจ้องจนทำตัวไม่ถูก คิดเพียงแค่อยากจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด พยักหน้าตอบ : "ได้ เอาอันนี้แหละ เท่าไหร่"นางยังไม่ทันพูดจบ สายตาก็เหลือบไปเห็นลู่เหิงจือหยิบธนบัตรออกมาจากแขนเสื้อยื่นให้กับแม่นางจินแล้วตั้งแต่มายังเมืองหลวง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนจ่ายเงินซื้อของให้นางหัวใจของนางพลันเต้นรัวใครๆ ต่างก็คิดว่านางมั่งมีเงินทองถึงเพียงนั้น เจียดออกมาให้คนรอบข้างบ้างเป็นเรื่องที่สวมควรแล้ว ไม่มีทางจ่ายให้นางแม่นา

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 78

    อ๋องตวนชี้บ่าวที่อยู่รอบ ๆ “มีคนมากมายเพียงนี้ ยังต้องใช้เจ้าอีกหรือ นาน ๆ ทีจะได้พบกัน ต้องดื่มสักหน่อย เจ้าจะไม่ให้หน้าข้าเลยรึ”เขาเอ่ยกับซูชิงลั่วอย่างคุ้นเคย “น้องสะใภ้ ข้าขอยืมตัวเหิงจือสักครู่ ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”ซูชิงลั่วรีบตอบว่า “แน่นอนว่าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นผู้คนโดยรอบมองมามากขึ้นเรื่อย ๆ นางจึงเอ่ยกับลู่เหิงจือว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านชายสามก็อยู่พูดคุยกับท่านอ๋องเถิด ข้ากลับเองได้”ลู่เหิงจือขมวดคิ้ว “ข้าบอกแล้วว่าวันนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า...”ซูชิงลั่วอดดึงแขนเขาไม่ได้ ท่าทางแสดงถึงความต้องการให้หยุดชัดเจนประการแรก นางไม่มีความกล้าขึ้นรถม้ากลับพร้อมลู่เหิงจือ ประการที่สองก็หวังว่าลู่เหิงจือจะไม่ล่วงเกินอ๋องตวนก็ไม่รู้ว่าอ๋องตวนโผล่มาจากที่ใด เดิมทีปฏิเสธก็ได้แล้ว แต่ซูชิงลั่วกลับรู้สึกเขินอายอย่างยิ่ง แทบอยากให้เขาจากไปโดยเร็วลู่เหิงจือเอ่ยอย่างจนใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ข้าให้ซ่งเหวินส่งเจ้ากลับ”ซูชิงลั่วพยักหน้า หันหลังขึ้นรถม้าแล้วก็เห็นมือของลู่เหิงจือยื่นออกมาอีกหน – ท่าทางเหมือนจะพยุงนางขึ้นรถม้าอีกหนอย่างไม่ยอมประนีประนอมต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ซ

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 79

    เสียง “โอ้ย” ดังขึ้นจากด้านนอก ซูชิงลั่วมองผ่านช่องว่างของม่านที่ถูกลมพัดปลิว เห็นซ่งเหวินร่วงลงจากรถม้าเสียงตะโกนของบ่าวทั้งหลายดังมาจากด้านหลัง แต่เสียงกลับห่างไกลมากขึ้นเรื่อย ๆม้าคลุ้มคลั่งวิ่งไปถึงนอกเมือง และในที่สุดก็ถูกหยุดด้วยพลังมหาศาลประตูรถเปิดออกกระทันหัน ซูชิงลั่วถูกกระแทกจนหน้ามืดตาลาย ไม่ทันได้มองดูคนตรงหน้า ก็พลันมืดลง ถูกปิดตาและถูกมัดมือมัดเท้าสายตาของนางมืดมิดไปหมด แล้วนางก็ถูกโยนขึ้นไปบนรถม้าอีกคัน คือหนิงไห่ลู่ หนิงไห่ลู่สั่งให้คนมาลักพาตัวนางอย่างแน่นอน ซูชิงลั่วขดตัวอยู่ในมุมของรถม้า ร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว หัวใจเต้นรัวด้วยความกลัวที่อธิบายไม่ถูกเสียงรถม้าเคลื่อนที่ไปอย่างช้า ๆ และดังก้องอยู่ในหูของนางราวกับยืดความกลัวของนางให้ยาวออกไปโดยไม่รู้จบ ไม่ได้การแล้ว จะนั่งรอความตายอยู่เช่นนี้ไม่ได้ ซูชิงลั่วพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่เชือกที่มัดมือนางไว้ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นการผูกปมแบบพิเศษ ทำให้นางไม่กล้าขยับอีกเลยเท้าของนางก็เช่นกันโชคดีที่ผ้าปิดตาหลุดออกเล็กน้อยเพราะนางใช้แขนขยับไปมา จนมองเห็นช่องว่างขนาดเล็ก ด้านหน้าเป

    Last Updated : 2024-08-27

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status