แชร์

บทที่ 50

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-08-27 17:21:08
หญิงชราพยักหน้าและพูดด้วยความเหนื่อยล้า "วันนี้พอแค่นี้ก่อน ข้าเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว"

นางตบไปที่มือของชิงลั่วเบาๆ "พรุ่งนี้ข้าค่อยคุยกับเจ้าอีกครั้ง"

ตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้ว หญิงชราไม่ได้ดื่มกินอะไรเลยตลอดทั้งบ่าย แถมยังเสียแรงใจไปมาก ร่างกายจึงเริ่มรับไม่ไหว

ทุกคนเอ่ยลาหญิงชราไปตามลำดับ

ซูชิงลั่วเดินออกมาจากในห้อง แสงจันทร์นวลเย็นสาดส่องลงในลานบ้าน จนพื้นดินราวกับถูกปกคลุมไปด้วยหยาดน้ำค้าง

แม้จะลงโทษนางหลิ่วซื่อไปแล้ว แต่นางก็ไม่อาจอธิบายความรู้สึกในใจของตนเองได้ ตอนที่ลู่โย่วจากไป เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยลานางเลยด้วยซ้ำ นางรู้สึกราวกับว่านางกำลังค่อยๆ ห่างเหินจากน้าชายคนนี้ไปเรื่อยๆ แล้ว

นางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะถือโคมไฟแล้วเดินต่อไป

เมื่อเดินพ้นเรือนของหญิงชรา นางก็เห็นลู่เหิงจือยืนอยู่ตรงทางเดินยาว เงาของเขายืดยาวออกไปภายใต้แสงจันทร์

ข้างๆ เขามีซ่งเหวินคอยติดตามอยู่ ซ่งเหวินถือกล่องอาหารไว้ในมือ

ซูชิงลั่วชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปทำความเคารพ "ใต้เท้า"

ลู่เหิงจือก้มลงมองนาง ถามว่า "วันนี้ตกใจหรือไม่?"

วันนี้หลังจากที่เขาบอกว่าจะตัดลิ้นและควักลูกตาของคนผู้นั้นต่อหน้านาง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Arbum Naca
ทำไมไม่ขายจบเรื่องเสียอรรถรสในการอ่าน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 51

    "เจ้าวางใจได้ ในตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดสามารถเล่นงานข้าได้หรอก"กระทั่งรุ่งเช้าวันถัดมา คำพูดของลู่เหิงจือก็ยังคงดังก้องวนอยู่ในหัวของซูชิงลั่วน้ำเสียงของเขาขณะพูดนั้นแผ่วเบา แต่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจว่าเขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้ จนทำให้ซูชิงลั่วลืมถามคำถามที่นางอยากรู้ไปเลย นั่นคือทำไมเขาถึงยอมช่วยนางครั้งแล้วครั้งเล่า?แล้วนางจะช่วยอะไรเขาได้?ตอนที่ไปคารวะหญิงชรา นางจึงจำเป็นต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่วัดเซิ่งอันอย่างละเอียดแต่เรื่องที่ถูกวางยาปลุกกำหนัดยังคงบอกไม่ได้ นางจึงอ้างว่า โชคดีที่มีหน้าต่างบานหนึ่งยังไม่ถูกปิดสนิท นางจึงรอดมาได้หญิงชราฟังแล้วใจหายใจคว่ำ รู้สึกสงสารจนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ "ไม่คิดเลยว่านางหลิ่วจะใจคอโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้"ครู่หนึ่งอารมณ์ของนางจึงได้สงบลง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ และเริ่มกังวลเรื่องการแต่งงานของซูชิงลั่วอีกครั้งหลังจากเรื่องวุ่นวายเมื่อวาน ต่อให้ซูชิงลั่วจะบริสุทธิ์ แต่เนื่องจากนางเป็นคนเกิดเรื่อง ในเวลาอันสั้นคงไม่มีใครมาสอบถามเรื่องการแต่งงานของซูชิงลั่วอีกแน่แต่ซูชิงลั่วกลับรู้สึกโล่งใจ เพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่รีบร้อนที่จะแต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 52

    ในร้านยังมีนายหญิงและคุณหนูอีกหลายคนที่กำลังซื้อของอยู่ ก่อนหน้านี้พวกนางต่างได้ยินคำพูดของเฉิงซิ่ว ตอนนี้เลยรู้สึกสะใจไม่น้อยนายหญิงคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า "พูดได้ดี หญิงสาวเช่นนี้ควรถูกสั่งสอนบ้าง พูดมาแต่ละคำนังจิ้งจอกๆ น่ารังเกียจจริงๆ"เฉิงซิ่วโกรธจนหน้าขาวซีด "เจ้า...ข้าเป็นถึงบุตรีของเสนาบดีกรมคลังเชียวนะ!"ซูชิงลั่วตอบกลับไปทีละคำอย่างหนักแน่น "ข้าเป็นถึงลูกพี่ลูกน้องของท่านอัครมหาเสนาบดีเชียวนะ"เฉิงซิ่วโกรธจนพูดไม่ออก...ใครในแผ่นดินนี้ไม่รู้จักลู่เหิงจือบ้าง แล้วมีใครกล้าไปหาเรื่องเขาบ้าง?ลู่หมิงซือที่ยืนอยู่ข้างๆ พยายามปลอบโดยการจับมือเฉิงซิ่วไว้ "พอเถอะเฉิงซิ่ว เราไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อน"ซูชิงลั่วกล่าวเสียงเย็น "ผู้จัดการร้าน เชิญคนพวกนี้ออกไป แล้วต่อไปนี้ร้านค้าของเราทำการค้ากับตระกูลเฉิงอีก"เส้นด้ายจากร้านนี้ทนทาน มีสีสันหลากหลายและไม่ซีดง่าย นางจึงมักชอบมาซื้อด้ายที่นี่ร้านนี้เป็นของซูชิงลั่วหรือ?เฉิงซิ่วโกรธจนตัวสั่น "ต่อไปถึงเจ้าจะเชิญข้ามา ข้าก็ไม่มาหรอก"ลู่หมิงซือพาเฉิงซิ่วเดินออกจากร้าน แต่ยังไม่ทันออกพ้นจากประตู ก็ได้ยินซูชิงลั่วสั่งผู้จัดการร้านว่า "

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 53

    ลู่เหิงจือสวมชุดยาวสีขาวนวล พลิกตัวลงจากม้าอย่างคล่องแคล่วราวกับน้ำไหล ดั่งกับเทพเซียนที่ลงมาจากสวรรค์ผู้คนรอบข้างต่างถูกท่วงท่าของเขาดึงดูดจนเผลออุทานออกมาอย่างตกใจ แต่หลังจากนั้นก็เงียบกริบอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยถูกบรรยากาศอันน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากตัวท่านอัครมหาเสนาบดีคนนี้กดดันบุรุษผู้ที่หล่อเหลาประดุจเทพเซียน ในเวลานี้ใบหน้ากลับดุดันราวกับพญามัจจุราชเขาเดินตรงไปหาหนิงไห่ลู่ที่นอนตัวงออยู่บนพื้น ส่งเสียง "โอ๊ย" อยู่ทีละกาว เขายื่นเท้าออกมาขยี้มือของหนิงไห่ลู่ที่วางอยู่บนพื้นอย่างแรงเสียงของเขาเย็นชาแต่กลับแฝงด้วยความน่าขนลุก"ดูเหมือนว่าครั้งก่อนจะยังสั่งสอนไม่หลาบจำสินะ""อ๊าก..."หนิงไห่ลู่ส่งเสียงร้องโหยหวนครั้งก่อน? ครั้งก่อนอะไร?"เจ้าคงจำคนผิดไปแน่ๆ? ข้าเพิ่งเคยพบกับนางเป็นครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆ!"ครั้งก่อนหนิงไห่ลู่ถูกลู่เหิงจือสั่งสอนในขณะที่เมามาย หลังจากสร่างเมาเขาก็จำเรื่องนี้ไม่ได้เลย และคนที่อยู่รอบข้างก็ไม่กล้าเอ่ยถึงลู่เหิงจือสีหน้าขรึมลง "ไม่เป็นไร ครั้งนี้จำให้แม่นล่ะ"เขาเงยหน้า มองไปที่ซูชิงลั่ว พร้อมชี้ปลายคางไปที่รถม้า พลางกล่าวเสียงเรียบ "ขึ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 54

    เมื่อเฉิงซิ่วได้ยินเช่นนั้น นางก็เผยรอยยิ้มที่เข้าใจในทันที "จริงด้วย พรุ่งนี้ข้าจะให้พี่ชายข้าไปเยี่ยมคุณชายหนิงสักหน่อย"*เมื่อมาถึงหน้าประตูจวนลู่ ลู่เหิงจือก็พลิกตัวลงจากหลังม้า แล้วส่งแส้ม้าให้ซ่งเหวิน ก่อนจะหันไปมองที่รถม้าจื๋อหยวนค่อยๆ ประคองซูชิงลั่วลงจากรถม้าอย่างช้าๆ เดินเข้ามาโดยไม่กล้าสบตากับเขาลู่เหิงจือรอจนนางเข้าประตูไป แล้วจึงเหลือบไปมองเหล่าคนรับใช้ที่ตามออกไปวันนี้ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "เจ้านายคนเดียวยังดูแลไม่ได้ เลี้ยงพวกเจ้าไว้จะมีประโยชน์อะไร? โบยคนละยี่สิบไม้ แล้วไล่ออกไปให้หมด"ซ่งเหวินรีบรับคำทันทีพวกคนรับใช้รีบคุกเข่าขอความเมตตาลงกับพื้น แต่ก็ถูกซ่งเหวินสั่งให้คนมาลากตัวออกไปทันทีซูชิงลั่วเดินตามลู่เหิงจือไปตามทางเดินเรื่อยๆ จนถึงมาถึงทางเดินยาว เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาขอเขา จึงอดพูดอธิบายไม่ได้"วันนี้ข้าออกไปตรวจร้านค้าในการดูแล แล้วด้ายปักก็บังเอิญหมดพอดี จึงตั้งใจไปเอาที่ร้าน แต่ไม่คิดว่าจะเจอ...""ไม่ใช่ความผิดของเจ้า" ลู่เหิงจือหยุดเดิน"แต่ว่า..." ซูชิงลั่วพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง "ท่านกำลังโกรธอยู่นี่นา"เขามองนางแวบหนึ่ง สีหน้าที่เย็นช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 55

    วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส่แต่เช้า คิดไม่ถึงว่าตกบ่ายจะมีลมกระโชกแรงอย่างกะทันหัน ก่อนจะตามมาด้วยฝนกระหน่ำนอกหน้าต่างมีสายฟ้าแลบ จากนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องลั่นตามมาซูชิงลั่วสะดุ้งตกใจ หลังจากตั้งสติได้ก็พบว่าเข็มเย็บผ้าทิ่มเข้าไปในนิ้วแล้วจื๋อหยวนรีบเอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดหยดเลือดที่ปลายนิ้งของนาง : "คุณหนู ระวังด้วย"ซูชิงลั่วกลับเหม่อลอย ภายในหัวกลับมีคำพูดประโยคนั้นของลู่เหิงจือดังวนอยู่ซ้ำๆ "ตระกูลฉีปกป้องเจ้าไม่ได้" นางถอนหายใจเบาๆลู่เหิงจือพูดถูก ฐานะตระกูลฉีธรรมดา สินเดิมของนางมีมากเกินไป หากแต่งเข้าไปจริงๆ แล้วมีผู้ใดคิดก่อกวน ไม่แน่อาจจะทำให้ตระกูลฉีพลอยเดือดร้อนไปด้วยไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาตระกูลที่ฐานะใกล้เคียงกับจวนหย่งซุ่นป๋อถึงจะได้ที่ลู่เหิงจือพูดประโยคนี้กับนางมีนัยยะอย่างอื่นหรือเพียงแค่เพื่อเตือนสตินางเท่านั้น..."คุณหนู" จื๋อหยวนขานเรียก ทำให้ซูชิงลั่วได้สติกลับมา"ฟ้ามืดแล้ว วันนี้เลิกปักก่อนเถอะ""ไม่ได้ จุดเทียนเถอะ"ซูชิงลั่วถือถุงหอมนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ติดค้างลู่เหิงจืออยู่มากมาย แล้วก็ไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อเขาเลย เขาต้องการเพียงแค่ถุงหอมเล็กๆ ถุงเดียว นางต้องรี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 56

    เมิ่งชิงไต้กล่าว : "ที่บ้านยังไม่รู้ว่าข้ามาที่จวนลู่ ข้าอยู่นานไม่ได้"ซูชิงลั่วพลันพูดโพล่งออกไป : "แต่ท่านพี่ยังไม่ได้ดื่มกระทั่งชาร้อนสักแก้ว..."เมิ่งชิงไต้จับมือของนางไว้ : "คราวหน้าเถอะ ทักทายท่านยายแท่ข้าด้วย"ซูชิงลั่วจึงทำได้เพียงแค่ส่งนางกลับไปลมแรงพัดพาฝนเม็ดใหญ่ซัดกระเซ็น หลังจากลับไปถึงห้อง ซูชิงลั่วรู้สึกเพียงแค่หนาวสั่นไปทั้งตัว ความหนาวแทรกซึมเข้าสู่ภายในใจราวกับมีแท่งน้ำแข็งทิ่มแทงหัวใจจื๋อหยวนเห็นนางใบหน้าซีดเซียว : "คุณหนู เกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่"ซูชิงลั่วเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงเปลวเทียนริบหรี่สั่นไหว ส่องให้เห็นถุงหอมอย่างสลัวๆสายตาของซูชิงลั่วหยุดอยู่บนถุงหอมระหว่างพูด : "เอากระดาษกับพู่กันมา"นางเขียนจดหมายฉบับหนึ่งด้วยความรวดเร็ว แล้วใส่เข้าไปในซอง ก่อนจะหันไปหยิบกล่องเครื่องประดับที่ทำจากไม้ดำดงออกมาจากหีบ นางเปิดกล่องออก ด้านในมีจี้หยกสีอ่อนชิ้นหนึ่งนางวางจี้หยกลงในมือของจื๋อหยวนด้วยท่าทางจริงจัง พลางพูดเสียงขรึม : "เจ้านำจี้หยกนี่ไปให้ผู้ใดก็ได้ในเรือนของใต้เท้าลู่ แล้วบอกให้เขาส่งจดหมายฉบับนี้ให้ถึงใต้เท้าลู่โดยเร็วที่สุด"จื๋อหยวนไม่เข้าใจ :

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 57

    ซูชิงลั่วชะงักงัน ภายในท่วมท้นไปด้วยความไม่พอใจโดยไม่รู้ตัวหญิงชราดูออก จึงพูดปลอบโยน : "ข้าส่งคนไปถามมาแล้ว ฉีเช่อท่าทางสุขุมรูปงาม มีความรู้ ตระกูลฉีก็มีศีลธรรมอันดีงาม ข้ากับนายหญิงฉีก็พอจะสนิทสนมกันอยู่บ้าง คิดว่านางคงยอมช่วยข้า อีกทั้งหากเจ้าแต่งเข้าไปก็ไม่มีทางหมางเมินเจ้า"ซูชิงลั่วหลุบตาลง ไม่ได้ตอบอะไร"ไม่มีเวลาแล้ว" หญิงชราพูดด้วยความร้อนรน "หากลู่เหิงจืออยู่ จะได้ปรึกษากับเขาว่ายังพอมีหนทางใดอีกหรือไม่ เวลานี้ แม้จะให้คนส่งจดหมายไปทงโจวพรุ่งนี้เช้า ไปกลับก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ไม่ทันกาลแล้ว"หญิงชรากุมมือชิงลั่วไว้แน่น "ชิงลั่ว เกรงว่านี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในยามนี้แล้ว"ความหวังอันริบหรี่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจของซูชิงลั่วพังลงในทันตานั่นสิ ฝนตกหนักเช่นนี้ เกรงว่าคนของลู่เหิงจือก็ไม่มีทางข้ามเขาไปส่งจดหมายถึงทงโจวในเวลาแบบนี้ได้ ครั้งนี้ เกรงว่าเขาคงอยู่ไกลเกินกว่าจะช่วยอะไรได้ฉุกลหุกเกินไป ฉุกลหุกจนนางไม่มีแม้แต่เวลาได้ไตร่ตรองอีกทั้ง นางพบว่าความไม่พอใจของนางไม่ได้มาจากการที่ต้องแต่งงานกับคนแปลกหน้าอย่างฉีเช่อ แต่เป็นเพราะนางไม่ได้อยากแต่งงานตั้งแต่แรก...

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 58

    ขอบฟ้าส่องแสงสว่างจ้าในที่สุดถุงหอมก็ถูกปักจนเสร็จ ต้นไผ่เขียวชอุ่มดูมีชีวิตชีวาดุจของจริงซูชิงลั่วค่อยๆ พลิกด้านในของถุงหอมออกมาอย่างช้าๆ โครงร่างเดียวกัน แต่กลับเป็นดอกท้อสีชมพูบานสะพรั่งกิ่งหนึ่งที่นางใช้เวลาในการปักหลายวันขนาดนี้ ก็เพราะนางแอบซ่อนความคิดนี้ไว้ภายในดอกท้อบานสะพรั่ง แลเปล่งปลั่งสดใสสาวเจ้าเข้าวิวาห์ สามีภรรยารักใคร่ในใจรู้สึกถึงความขมขื่น นางสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะจัดถุงหอมให้เข้าที่เข้าทางใหม่อีกครั้ง แล้วใส่ลงในกล่องไม้จื๋อหยวนหาวหวอดก่อนจะตื่นขึ้นมา"คุณหนูไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ"ซูชิงลั่วอมยิ้ม ตอบอย่างอ่อนโยน : "ถึงอย่างไรก็นอนไม่หลับ ไม่สู้หาอะไรทำดีกว่า"แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จื๋อหยวนกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของซูชิงลั่วทำให้รู้สึกปวดใจไม่น้อยนางลุกขึ้นไปตักน้ำในห้องครัว ทว่าทันทีที่ก้าวออกไป เสียงประตูเรือนก็ดังขึ้นป้าที่เข้างานกะดึกยังไม่ตื่น อีกทั้งฝนก็ตกหนักเช่นนี้ ใครกันที่มาเคาะประตูแต่เช้าตรู่จื๋อหยวนวางอ่างทองแดงในมือลง แล้วกางร่มเดินไปเปิดประตู : "ใครกัน"แต่กลับต้องชะงักงันซ่งเหวินยืนกางร่มอยู่หน้าประตู แต่กลับเปียกโชกไปทั้งตัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-27

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status