Share

บทที่ 58

Author: หอมดังเดิม
last update Last Updated: 2024-08-27 17:21:08
ขอบฟ้าส่องแสงสว่างจ้า

ในที่สุดถุงหอมก็ถูกปักจนเสร็จ ต้นไผ่เขียวชอุ่มดูมีชีวิตชีวาดุจของจริง

ซูชิงลั่วค่อยๆ พลิกด้านในของถุงหอมออกมาอย่างช้าๆ โครงร่างเดียวกัน แต่กลับเป็นดอกท้อสีชมพูบานสะพรั่งกิ่งหนึ่ง

ที่นางใช้เวลาในการปักหลายวันขนาดนี้ ก็เพราะนางแอบซ่อนความคิดนี้ไว้ภายใน

ดอกท้อบานสะพรั่ง แลเปล่งปลั่งสดใส

สาวเจ้าเข้าวิวาห์ สามีภรรยารักใคร่

ในใจรู้สึกถึงความขมขื่น นางสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะจัดถุงหอมให้เข้าที่เข้าทางใหม่อีกครั้ง แล้วใส่ลงในกล่องไม้

จื๋อหยวนหาวหวอดก่อนจะตื่นขึ้นมา

"คุณหนูไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ"

ซูชิงลั่วอมยิ้ม ตอบอย่างอ่อนโยน : "ถึงอย่างไรก็นอนไม่หลับ ไม่สู้หาอะไรทำดีกว่า"

แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จื๋อหยวนกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของซูชิงลั่วทำให้รู้สึกปวดใจไม่น้อย

นางลุกขึ้นไปตักน้ำในห้องครัว ทว่าทันทีที่ก้าวออกไป เสียงประตูเรือนก็ดังขึ้น

ป้าที่เข้างานกะดึกยังไม่ตื่น อีกทั้งฝนก็ตกหนักเช่นนี้ ใครกันที่มาเคาะประตูแต่เช้าตรู่

จื๋อหยวนวางอ่างทองแดงในมือลง แล้วกางร่มเดินไปเปิดประตู : "ใครกัน"

แต่กลับต้องชะงักงัน

ซ่งเหวินยืนกางร่มอยู่หน้าประตู แต่กลับเปียกโชกไปทั้งตัว
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (2)
goodnovel comment avatar
PIIMMIRE
นั่นไงๆเอาแล้ววววว
goodnovel comment avatar
thanphatsagorn dittsuroat
ขอแต่งงานไปเลยเขินแทน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 59

    เสียงฟ้าร้องคำรามดังขึ้นอย่างกะทันหันซูชิงลั่วตกใจจนเผลอทำร่มในมือเอียง สายฝนพลันรดลงมาบนศีรษะ ความหนาวเย็นแผ่ซ่านลู่เหิงจือเอื้อมมือออกไปจับร่มของนางไว้ ร่มกลับมาอยู่เหนือหัวกันลมและฝนที่สาดมาได้อีกครั้งซูชิงลั่วพยายามประครองสติ มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา : "ใต้ ใต้เท้าบอกว่าแต่งกับท่าน ?"ลู่เหิงจือเลิกคิ้ว : "ประโยคนี้ยังมีความหมายอื่นอีกหรือ"ซูชิงลั่วพูดเสียงอ่อย : "เปล่า ข้า ข้าเพียงแค่ถามยืนยันอีกครั้ง"ในใจของนางตื่นเต้นเหนือสิ่งอื่นใด ความคิดมากมายผุดเข้ามาในหัว แม้แต่นางเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้สติหลุดหลังจากได้ยินจากนั้นก็ได้ยินลู่เหิงจือพูดต่อ : "ไปคุยในห้องเจ้า"อยู่ในเรือน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกผู้อื่นได้ยินแต่เพราะสถานการณ์คับขัน จึงไม่มีเวลามาพะวงเรื่องชายหญิงอยู่ตามลำพังซูชิงลั่วพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับลู่เหิงจือ โดยมีซ่งเหวินและจื๋อหยวนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกเพราะลู่เหิงจือเข้าห้องนอนของนาง ทำให้ซูชิงลั่วทำตัวไม่ถูกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเอามือไปไว้ที่ใดทว่าลู่เหิงจือกลับนิ่งสงบ เขาไม่ได้นั่งลง เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วพูดอย่างใจเ

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 60

    "เช่นนั้นข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้"เขากลับหลังหันเตรียมจะเดินออกไป"ช้าก่อน"ซูชิงลั่วพูดด้วยความร้อนรน "แต่เมื่อวานท่านยายส่งจดหมายที่เขียนถึงตระกูลฉีไปที่ศาลาพักม้าแล้ว..."ลู่เหิงจือหันกลับมา สายตาหยุดอยู่บนตัวนาง : "ยกให้เป็นหน้าที่ข้า""อีกอย่าง" ภายในหัวของซูชิงลั่วสับสนวุ่นวาย ทำได้เพียงแค่คิดเช่นใดก็พูดเช่นนั้น "ก่อนหน้านี้ข้าเคยหมั้นกับลู่เหยียน พวกท่านเป็นพี่น้องกัน หากมีผู้ใดประณาม..."ลู่เหิงจือ : "พวกเจ้าเคยหมั้นกันหรือ ไม่ใช่เรื่องที่พูดเล่นกันตอนเด็กหรอกหรือ""อ่อ" ซูชิงลั่วค่อยๆ เบาใจลงมา "เช่นนั้นฝั่งท่านยาย อย่าบอกความจริงกับท่านได้หรือไม่ ท่านจะเป็นกังวลได้"ลู่เหิงจือ : "เรื่องนี้มีเพียงเจ้ากับข้าที่รู้"ซูชิงลั่วพยักหน้า เช่นนั้นก็ดีลู่เหิงจือไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนจะไปแล้ว แต่ยังคงยืนอยู่กับที่แล้วพูดอย่างใจเย็น : "เจ้ายังมีสิ่งใดเป็นกังวล พูดออกมาไม่ได้เลย""เวลานี้คิดไม่ออกแล้ว" ซูชิงลั่วตอบเสียงอ่อน "ไม่เช่นนั้นรอท่านกลับมาจากในวังก่อน แล้วพวกเราค่อยคุยกันโดยละเอียด"ลู่เหิงจือพยักหน้า "ได้ ข้าไม่มีเวลาไปพบท่านย่าแล้ว เรื่องนี้เจ้าไปบอกท่านเอง จะได้ให้ท่

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 61

    เสียงฝนตกพรำๆ นอกหน้าต่างหญิงชราเอ่ยด้วยความจริงจัง : "อันที่จริง ในความสัมพันธ์เครือญาติของเรา ลู่เหิงจือค่อนข้างห่างเหินกับเราอยู่บ้าง แม้จะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเหมือนกัน แต่กลับไปมาหาสู่กันไม่นับว่าบ่อยนัก ตอนลู่เหิงจืออายุได้สิบสอง พ่อของเขาลู่เหรินจากไปอย่างกะทันหันด้วยโรคประจำตัว ทำให้บ้านขาดเสาหลัก เขาเองก็เข้าเรียนที่เดิมไม่ได้อีก"แม่ของเขามาขอร้องข้า หวังว่าลู่เหิงจือจะได้เรียนหนังสือกับตระกูลลู่ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ข้าย่อมตอบตกลงเป็นธรรมดา"ยามนั้นทำไปก็ไม่ได้คิดสิ่งใดมาก แต่ใครจะคิดถึงว่าเขากลับได้เป็นจอหงวน ด้วยความขยันหมั่นเพียรทำให้เขาได้รับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี"สิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงไปกว่านั้นคือ สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากได้เป็นอัครมหาเสนาบดี คือสั่งประหารลู่จ้งอาแท้ๆ ของเขา โทษฐานปลอมเงิน"หัวใจของซูชิงลั่วรู้สึกราวกับถูกบีบคั้น เอ่ยถาม : "เช่นนั้นอาของเขาปลอมเงินจริงหรือไม่เจ้าคะ"หญิงชราตอบ : "อาของเขาเป็นช่างทำเครื่องเงิน แต่เขาเพียงแค่ผลิตเงินขึ้นมาเล่นๆ สองสามก้อนเท่านั้น โทษไม่ถึงตาย อาสะใภ้ของเขาบอกว่าลู่เหิงจือใช้อำนาจหลวงชำระแค้นส่วนตัว แต่เป็นเพราะเหต

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 62

    ประจวบเหมาะกับที่เพื่อนรักอย่างเฉิงไหวมาเยี่ยมพอดีเฉิงไหวเอ่ยถาม : "ข้าได้ยินน้องสาวบอกว่าวันนี้นางไปเดินตลาด เห็นเจ้าถูกลู่เหิงจือทำร้ายเข้าพอดี เจ็บหนักหรือไม่"เรื่องแพร่ออกไปไวเช่นนี้ หนิงไห่ลู่ได้แต่รู้สึกอับอาย : "โชคดีที่เป็นมือซ้าย หากเป็นมือขวา เหอะ ข้ากับลู่เหิงจือต้องตายกันไปข้างหนึ่ง น่าเสียดายที่ยามนี้เขามีอำนาจมากนัก ข้าไม่มีหนทางต่อกรกับเขา"เฉิงไหวหัวร่อ : "หญิงสาวผู้นั้นเป็นเพียงแค่บุตรสาวพ่อค้าที่จวนหย่งซุ่นป๋อรับอุปถัมภ์ไว้ ชื่อเสียงก็ไม่ได้ดีนัก เหตุใดไม่เข้าวังไปขอร้องกุ้ยเฟยให้ไปสู่ขอนางมาเล่า คงจะทำให้ทางนั้นได้ใจน่าดู"ถูกใจหนิงไห่ลู่ยิ่งนักลู่เหิงจือไม่ยอมให้เขาแตะต้องนางผู้นั้น เขาก็จะไปสู่ขอนางกลับมาอยู่ด้วยทุกวันให้ลู่เหิงจือดูหนิงไห่ลู่คิดภาพสีหน้าของลู่เหิงจือหลังจากที่ได้ยินว่าเขาจะสู่ขอนางผู้นั้น และท่าทางที่นางถูกเขาข่มเหงทรมานอยู่ใต้เรือนร่างเขาหลังจากสู่ขอนางมาแล้ว ในใจพลันเกิดความรู้สึกชอบอกชอบใจทันใดนั้นเองเขาก็นึกเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ : "จริงสิ นางผู้นั้นชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร น้องสาวเจ้ารู้หรือไม่""ซูชิงลั่ว"หนิงไห่ลู่ไม่รอช

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 63

    ซูชิงลั่วเองก็คิดไม่ถึงว่าลู่เหิงจือเพิ่งเข้าวังไปตอนเช้า ตกบ่ายฮ่องเต้ก็ทรงมีราชโองการพระราชทานพิธีแต่งงานให้เลยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความรีบร้อนแล้วไปยังโถงรับรองทันที ลู่เหิงจือเองก็กลับมาแล้วเขาไม่มีเวลาถอดชุดพิธีออก ยังคงสวมเสื้อคลุมพญางูสีน้ำเงินตัวนั้นอยู่ ราศีของความสูงสง่าเปล่งออกมาจากทั่วทั้งร่างของเขาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่ากงกงจากในวังที่กำลังแสดงความยินดีกับเขาราวกับดาวกำลังล้อมเดือนเมื่อเห็นนาง เขาก็หันมาพยักหน้าให้นางเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปพูดทางซ้ายทีทางขวาที ให้ความรู้สึกเพียบพร้อมเก่งกาจไปทุกเรื่องทว่าซูชิงลั่วกลับหน้าแดงก่ำเพียงเพราะเขามองเธอแค่ผาดเดียว เมื่อเห็นหญิงชราออกมาก็รีบเข้าไปรับทันทีจวนหย่งซุ่นป๋อไม่รู้ว่ามีหนุ่มสาวกี่คนที่ไม่เคยรับพระราชโองการ หญิงชราเองก็ตื่นเต้นไปไม่น้อยกว่ากันรอจนคนมาครบ จัดโต๊ะบูชาเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็คุกเข่าลงพร้อมกัน ฟังกงกงอ่านพระราชโองการ แน่นอนว่ามีลู่เหิงจือเป็นผู้นำหลังจากประกาศพระราชโองการจบ ความกังวลภายในจิตใจของซูชิงลั่วก็สงบลงได้สักที นางถอนหายใจเฮือกยาวด้วยความโล่งนางเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย มองตรงไปเห็นลู่

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 64

    "ก่อนหน้านี้ไม่นาน น้องสี่มีสัมพันธ์กับใครอีกคน ถอนหมั้นกับชิงลั่ว หลานคิดว่า ชิงลั่วเพิ่งจะถอนหมั้นแล้วจะหารือเรื่องงานแต่งเลย อาจจะรู้สึกไม่เหมาะสมอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลานจึงคิดว่าควรรออีกหน่อยแล้วค่อยพูดเรื่องนี้ แต่กลับไม่คิดว่าจะมีเรื่องชิงลั่วกับหนิงไห่ลู่อีก""หลานไม่อยากรอแล้ว หลังจากที่ถามความสมัครใจของชิงลั่ว ก็ตัดสินใจเข้าวังไปขอพระราชทานงานแต่งทันที""เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างฉุกลหุก ไม่ทันได้บอกท่านย่า หวังว่าท่านย่าจะไม่โกรธ"หลังจากพูดจบ ซูชิงลั่วเกือบจะเชื่อทุกอย่างแล้วจริงๆสมแล้วที่เป็นอัครมหาเสนาบดี สามารถคิดเหตุผลที่น่าเชื่อถือเช่นนี้ได้ภายในเวลาสั้นๆ ช่างน่ายกย่องเสียจริงหญิงชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม : "เช่นนี้ ที่เจ้าไม่ได้สู่ขอใครเลยในช่วงหลายปีมานี้ ก็เพื่อชิงลั่วหรอกหรือ"ลู่เหิงจือตอบ : "ขอรับ"ซูชิงลั่วหัวใจเต้นรัวอย่างห้ามไม่ได้เขากล้าพูดทุกอย่างเลยจริงๆ คิดว่าเขาเป็นคนเย็นชาพูดน้อยมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะมีวาทศิลป์ถึงเพียงนี้ในที่สุดหญิงชราก็เบาใจได้สักที น้ำเสียงก็พลอยอ่อนโยนตามไปด้วย : "เด็กดี รีบลุกขึ้นมานั่งเถอะ ข้าเองก็เป็นห่วงชิงลั

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 65

    หลังจากที่หารือจนได้เวลาพอสังเขปมาแล้ว หญิงชราก็ให้ทั้งสองคนออกไป นางต้องรีบเชิญนางเฉียนและนางเหอมาปรึกษาว่าจะจัดงานเช่นไรดี เนื่องจากเวลากระชั้นชิดมากเกินไปทั้งสองคนออกมาจากห้องของหญิงชราซูชิงลั่วเดินตามหลังลู่เหิงจือ ก้มลงมองปลายเสื้อคลุมพญางูที่สั่นไหวเบาๆ ของเขา ลายเส้นด้ายสีทองพริ้วไหว นึกถึงก่อนหน้านี้ นางก็เคยเดินตามหลังเขาเช่นนี้ ตอนนั้นเขายังเปิดม่านในห้องแทนนางด้วยเพียงแต่ตอนนั้นยังคงอยู่ในฤดูหนาวระหว่างที่กำลังคิดเช่นนี้ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา ม่านที่ร้อยด้วยมุกก็ถูกสองมือขาวสะอาดที่เห็นข้อต่อชัดเจนยกขึ้นอย่างช้าๆครั้งนี้ เขาไม่ได้เดินไปก่อน แต่กลับเบี่ยงตัวแล้วใช้สายตาส่งสัญญาณให้นางไปก่อนแสงแดดเจิดจ้าส่องทะลุม่านมุกเข้ามาดูเหมือนซูชิงลั่วจะถูกแดดส่องจนรู้สึกร้อนผ่าว ระหว่างที่เดินผ่านช่องว่างระหว่างแขนของเขาไป ลมหายใจเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ บนตัวเขา กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นอย่างหนึ่งนางไม่กล้ามองเขา หลังจากที่เดินออกมาแล้ว ได้ยินเสียงม่านมุกกระทบกันดังกังวาล ได้ยินเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นของเขา ก่อนจะได้ยินเสียงที่ใสสะอาดของเขา"ไปที่เรือนเจ้าหน่อย จะหารือเรื่องงา

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 66

    โชคดีที่ลู่เหิงจือไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆซูชิงลั่วไม่กล้ามองเขาเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ก้มหน้าลง กระทั่งเขาเข้ามาใกล้ นางถึงจะเห็นว่าเข็มขัดบนเสื้อคลุมพญางูสีน้ำเงินของเขามีถุงหอมสีเขียวเข้มของนางแขวนอยู่ หัวใจดวงนั้นของนางเต้นอย่างรุนแรงเขานั่งลง ขณะที่ซูชิงลั่วกำลังจะรินน้ำชาให้เขา มือของเขากลับจับกาน้ำชาอยู่ก่อนแล้ว"ข้าเอง"เขาถือแก้วน้ำชาไว้ในมือ น้ำชาไหลรินลงสู่ถ้วยชาลายครามเขียนสี ท่วงท่าของเขา มองแล้วชวนให้รู้สึกเพลินตาเพลินใจยิ่งนักเขารินน้ำชาหนึ่งแก้ว ก่อนจะใช้ปลายนิ้วค่อยๆ ดันถ้วยชามาตรงหน้านางเสียงก้นถ้วยน้ำชาเคลื่อนผ่านโต๊ะอย่างช้าๆ ฟังดูอื้ออึงและสากทันใดนั้นเองบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดทว่าลู่เหิงจือกลับดูนิ่งสงบ ไม่รีบร้อนใดๆ แต่บรรยากาศที่เงียบเกินเหตุเช่นนี้ทำให้ซูชิงลั่วเริ่มทำตัวไม่ถูกโชคดีที่ไม่นานนักลู่เหิงจือก็พูดขึ้นมา : "ยามนี้เราทั้งคู่ต่างก็อยู่ในจวนลู่ หากจะจัดพิธีแต่งงานที่จวนลู่ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม แต่จะให้เจ้าย้ายออกไปก็ไม่ได้ ที่ตรอกปาเถียว ข้ามีเรือนอาศัยที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้อยู่ ฉะนั้น ข้าคงทำพิธีร

    Last Updated : 2024-08-27

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status