Share

บทที่ 335

Author: หอมดังเดิม
last update Last Updated: 2024-11-05 18:56:57
หลังจากการสอบขุนนางเสร็จสิ้น บ้านตระกูลลู่ดูวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง

ลู่หมิงซือและลู่เหยียนแต่งงานห่างกันเพียงสิบวัน

เนื่องด้วยทั้งสองเป็นบุตรธิดาของนางหลิ่ว แม้บ้านตระกูลลู่จะมีนางเฉียนคอยดูแล แต่นางหลิ่วยังคงยุ่งอยู่กับการเตรียมงานราวกับยังเป็นผู้ดูแลจวนอยู่

ซูชิงลั่วเมื่อเข้าไปคารวะท่านยาย นางหลิ่วก็หาเรื่องติเตียนไปเรื่อย

นางไม่กล้าเพ้อหวังในเงินของซูชิงลั่วอีกแล้ว คำพูดของนางยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องขอเงินจากหญิงชรา

หญิงชราจึงเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เหยียนเออร์เป็นลูกหลานบ้านตระกูลลู่ เมื่อเหิงจือแต่งงานก็มีตัวอย่างอยู่แล้ว บ้านจะออกเงินให้ตามนั้น ส่วนหมิงซือ เมื่อลั่วชิงออกเรือน ข้ามอบเงินให้เท่าใด ก็จะให้หมิงซือเท่ากัน”

นางหลิ่วแสดงสีหน้าไม่พอใจ “แต่หมิงซือเป็นหลานสาวแท้ๆ ของท่าน และกำลังจะแต่งเข้าวังบูรพา หากไม่มีเงินติดตัว จะถูกคนดูถูกได้”

หญิงชราเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ทางที่เลือกเอง ก็ต้องรับผิดชอบเอง อยากแต่งเข้าวังบูรพา ไม่รู้หรือว่าจะไม่มีเงินติดตัวไป”

นางหลิ่วจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ

นางเฉียนที่ถูกนางหลิ่วหาเรื่องใส่ร้ายมาหลายวัน เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรู้สึกโล่งอก

ซูชิงลั่
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 336

    หรือจะบอกว่าในเส้นทางการชิงบัลลังก์ของเขา เขาไม่เคยคิดจะพึ่งพาความฝันของนางเลยเช่นนั้นหรือภายใต้เปลวเทียนสีเหลืองสลัว สีหน้าของลู่เหิงจือดูนิ่งสงบกว่าที่เคย"นี่เป็นครั้งแรกที่ความฝันของเจ้าไม่แม่นยำเช่นนั้นหรือ"ซูชิงลั่วพยักหน้า : "เจ้าค่ะ"ก่อนหน้านี้ที่นางเคยฝัน แม้ตรงกลางหรือตอนท้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่เบาะแสต่างๆ ล้วนแต่แม่นยำนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นถ้าหากต่อไปความฝันของนางไม่แม่นยำแล้ว เช่นนั้นในเวลาสำคัญไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยลู่เหิงจือได้ กลับกัน อาจจะทำร้ายเขาได้เช่นนั้นหรือลู่เหิงจือเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ สายตาลึกล้ำ : "ชิงลั่ว เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าไม่ใช่ว่าความฝันของเจ้าไม่แม่นยำ เพียงแต่เวลานั้นยังไม่มาถึง"ซูชิงลั่วอึ้งไปเล็กน้อย : "ท่านหมายความว่า...ยังไม่ถึงเวลาเลือกจอหงวนเช่นนั้นหรือ"ลู่เหิงจือพยักหน้า"แต่จะเป็นไปได้อย่างไร" ซูชิงลั่วเอ่ย "ที่ผ่านมา จอหงวนล้วนแต่มาจากสามอันดับแรกในขั้นเอกที่หนึ่งทั้งสิ้น ต่อให้ลู่เหยียนพลั้งพลาดในการสอบหน้าพระที่นั่ง แต่ก็ยังมีอันดับที่สอง อันดับที่สามก็ยังตกไปถึงอวี๋ซื่อชิงไม่ใช่หรือ"น้ำเสียงขอ

    Last Updated : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 337

    ลู่เหยียนปลอบเฉิงซิ่วด้วยคำหวานอยู่ครึ่งค่อนวันบอกว่าก่อนหน้าเคยรับสาวใช้สองคนเข้ามาจริง แต่ได้สั่งให้ออกไปตั้งแต่ก่อนแต่งกับนางแล้ว ก็แค่เล่นสนุก ไม่ได้คิดอื่นใดแต่ไม่เอ่ยถึงเรื่องของหลิ่วเยียนหรานเลยสักคำถึงจะเป็นเรื่องปกติ ข้างกายพี่ชายนางก็มีสาวใช้ติดตาม แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองก็เกิดรับไม่ได้ขึ้นมายิ่งไปกว่านั้นต้องมาพ่ายแพ้ให้กับซูชิงลั่วด้วยเหุตนี้ ทำให้ไม่สบอารมณ์ยิ่งนักลู่เหยียนเช็ดน้ำตาให้นาง พลางพูดด้วยความอ่อนโยน : "พวกเราเพิ่งแต่งกันได้ไม่นาน อย่าให้ท่านย่าหัวเราะเยาะเอาได้"เฉิงซิ่วถึงจะยอมสงบไม่เอาความอีกทั้งสองคนเดินเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็พากันเย้าคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันคู่นี้นางเหอที่อยู่บ้านสามเอ่ย : "บรรยากาศของคู่ที่เพิ่งแต่งงานนี่ช่างต่างออกไปเสียจริง ท่าทางรักกันเช่นนี้ทำให้ข้าเองยังอิจฉา"นางเฉียนคิดในใจ มีสิ่งใดน่าอิจฉากัน ไม่เคยเห็นหรืออย่างไรลู่เหิงจือและซูชิงลั่วรักกันหวานชื่นกว่านี้เสียอีกนางหลิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม : "จากที่ข้าดู คุณหนูซิ่วจะต้องเป็นดาวนำโชคของตระกูลเราแน่ ทันทีที่นางแต่งเข้ามาเหยียนเออร์ก็สอบได้อันดับหนึ่ง รอแค่สอบหน้า

    Last Updated : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 338

    อวี๋ซื่อชิงเงียบไปครู่หนึ่ง เขากัดฟันกรอด : "ข้าจะเดิมพัน"*หลังจากที่ซูชิงลั่วตื่นขึ้นมาก็เห็นข้างกายตนว่างเปล่า ในใจรู้สึกอ้างว้างขึ้นมาไม่น้อยช่วงหลายวันนี้ลู่เหิงจือยุ่งมาก เมือคืนนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากลับมาเมื่อใด เช้าตรู่ขึ้นมา เขาก็ออกไปอีกแล้วเรื่องขององค์รัชทายาทเปรียบเสมือนดาบที่ลอยเคว้งอยู่ ตราบใดที่ยังไม่ตกลงมาก็จะยังวางใจไม่ได้หลังจากที่นางกินมื้อเช้าเสร็จก็ไปคาราวะหญิงชรา ได้พบกับลู่เหยียนและเฉิงซิ่วอีกครั้งลู่เหยียนได้เป็นจอหงวนเต็มตัวแล้ว แน่นอนว่าต้องมาโอ้อวดต่อหน้าซูชิงลั่วเสียหน่อยเขายังจงใจพูดขึ้นมาอีกว่า : "องค์รัชทายาทกลับมาเป็นที่รัก กลัวแต่ว่าใครบางคนจะไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขเท่าใด"ทันใดนั้น ทุกสายตาก็จับจ้องไปบนตัวซูชิงลั่วทุกคนต่างก็รู้ดีว่า เวลานี้ลู่เหิงจือเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับองค์รัชทายาทมุมปากลู่เหยียนเผยให้เห็นรอยยิ้ม...มีอำนาจค้ำราชสำนักแล้วเยี่ยงไร เปลี่ยนราชสมัย ก็เปลี่ยนขุนนางด้วย รอให้องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ จากเรื่องที่ลู่เหิงจือเคยทำก่อนหน้านี้ จะยังมีทางรอดอยู่ได้หรือนางเฉียนพลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีแม้นางจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ขอ

    Last Updated : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 339

    สภาขุนนางเงียบสงัดจนมีเพียงแค่เสียงถ่านที่กำลังมอดไหม้และเสียงพลิกกระดาษฝ่าบาททรงกริ้ว องค์รัชทายาทถูกลงโทษ ทุกคนต่างก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวังกรมราชทัณฑ์ สำนักตรวจการ ศาลต้าหลี่สอบปากคำทั้งคืนจนเสร็จสิ้น วันรุ่งขึ้นก็ส่งมาที่สภาขุนนางลู่เหิงจือเพียงแค่กวาดสายตามองดูปราดหนึ่งแล้ววางไว้ด้านข้าง ก่อนจะหันไปถามรองอัครมหาเสนาบดีฟ่านอันหมินที่นั่งอยู่ข้างๆ"องค์รัชทายาททรงเขียนฎีกามาแสดงตนหรือยัง"ฟ่านอันหมินใกล้จะหกสิบแล้ว มีเพียงแค่ดวงตาสองข้างที่พร่ามัว แต่สติยังคงชัดแจ้ง"ยังเลย"ลู่เหิงจือตอบนิ่งๆ : "ท่านไปเร่งด้วยตัวเองเถอะ"ฟ่านอันหมินรีบตอบรับหลังจากนั้นลู่เหิงจือถึงจะหันไปทางรองเสนาบดีกรมราชทัณฑ์เผยเจ๋อ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : "พิจารณาคดีเป็นเช่นไรบ้าง"เผยเจ๋อตอบอย่างระมัดระวัง : "ล้วนแต่บอกว่าถูกใส่ร้าย ไม่มีผู้ใดยอมรับ"ลู่เหิงจือเลิกคิ้วเล็กน้อย : "เปรียบเทียบบทความที่พวกเขาเขียนในยามปกติกับตอนสอบหรือยัง"เผยเจ๋อตะลึง : "ข้าจะไปเปรียบเทียบดูเดี๋ยวนี้"ลู่เหิงจือ : "หากหลิ่วเจิ้งเฉิงเปิดเผยข้อสอบจริง จะต้องมีเงินก้อนโตเข้าออก ไปตรวจสอบด้านนี้ดู"เผยเจ๋อ

    Last Updated : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 340

    ที่นางทำเช่นนี้กะทันหันจะต้องมีสาเหตุซูชิงลั่วเล่าความฝันเมื่อคืนให้เขาฟัง"เดิมทีข้าตั้งใจจะบอกท่านก่อน แต่คิดว่าท่านอยู่ในวัง เวลาไม่คอยท่า ข่าวลือที่ไม่เป็นผลดีต่อองค์รัชทายาทให้แพร่ออกไปเร็วที่สุดเป็นดี..."ลู่เหิงจือพยักหน้า พูดนิ่งๆ : "ข้าจะให้คนไปตรวจสอบ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว"ซูชิงลั่วถามด้วยความไม่เข้าใจ : "เพราะเหตุใด"ลู่เหิงจือเสียงนิ่งเรียบ : "เรื่องนี้อันตรายนัก เจ้าอย่าเข้ามาเอี่ยวเลย หาก..."ซูชิงลั่วจ้องมองเขา : "พี่สาม ท่านยังคิดอีกใช่หรือไม่ว่าหากวันใดท่านมีอันตราย ท่านจะส่งข้ากลับไปที่จินหลิงอีก"ลู่เหิงจือ : "ชิงลั่ว ข้าจำเป็นต้องปกป้องเจ้า""ท่านตั้งใจจะทำเช่นนี้จริงๆ" ซูชิงลั่วหัวเราะเบาๆ "พี่สาม ท่านฉลาดถึงเพียงนี้ ไม่เข้าใจคำว่าพวกเราสามีกันคือคนคนเดียวกันหรือ"ริมฝีปากเรียวบางของลู่เหิงจือเม้มเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรซูชิงลั่วเกี่ยวคอเขา เงยหน้าขึ้นไปมองเขา : "ในเมืองหลวง ทุกคนต่างก็รู้ว่าท่านเอ็นดูข้าเพียงใด หากท่านมีอันตรายจริง ท่านคิดหรือว่าข้าจะหนีพ้น หรือต่อให้ข้าหนีพ้นจริง ข้างกายข้าไม่มีท่าน ท่านคิดว่าข้าจะมีความสุขหรือ"ลู่เหิงจือน้ำเสียงเ

    Last Updated : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 341

    คดีนางหลิ่วยักยอกเงินสินเดิมของซูชิงลั่วเดิมทีเป็นคดีเล็กๆ คดีหนึ่งแต่ถึงอย่างไรเงินที่นางหลิ่วยักยอกไปก็มีจำนวนถึงแสนกว่าตำลึงเงิน อีกทั้งยังมีซูชิงลั่วผู้ซึ่งเป็นฮูหยินของอัครมหาเสนาบดีตีกลองฟ้องร้องด้วยตนเอง จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหมู่ชาวบ้านนางหลิ่วและองค์รัชทายาทนับว่ามีความสัมพันธ์เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทมากเท่าใดตั้งแต่แรกกระทั่งกรมราชทัณฑ์สืบเจอว่าหลิ่วเจิ้งเฉิงส่งธนบัตรจำนวนมากไปยังวังบูรพาที่องค์รัชทายาทอยู่ไม่รู้ว่าผู้ใดนึกขึ้นมาได้ก่อน พลันพูดออกมาประโยคหนึ่ง "ธนบัตรเหล่านี้คงไม่ใช่ที่นางหลิ่วยักยอกมาจากฮูหยินอัครมหาเสนาบดีหรอกกระมัง"หินก้อนเดียวทำให้เกิดคลื่นน้ำกระเพื่อมเป็นพันชั้นไม่กี่วันผ่านไปก็มีธนาคารมาฟ้องว่านางหลิ่วยืมเงินไปแล้วไม่คืน และยังมีคดีพระชายารองขององค์รัชทายาทลู่หมิงซือปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงจนมีผู้ถึงแก่ชีวิตในท้องตลาดพากันวิจารณ์ไปต่างๆ นานา"เกรงว่าคงจะไม่เพียงแค่เงินที่เอามาจากฮูหยินอัครมหาเสนาบดี ไม่แน่อาจยังมีเงินที่ได้จากการขายข้อสอบอีก""องค์รัชทายาทเป็นถึงผู้สืบทอดราชวงศ์ จ

    Last Updated : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 342

    คดีภาษีเจียงหนานต้องเป็นฝีมือของเขาแน่โจมตีองค์รัชทายาทเข้าตรงจุดอย่างจังในช่วงเวลาสำคัญเขาอยู่ฝั่งฉีอ๋องตั้งแต่เมื่อใดกันลู่เหิงจือมองเขากลับด้วยความสงบนิ่ง ไม่ได้หลบสายตาหลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆ เขาก็ก้าวมาข้างหน้ากะทันหัน คุกเข่าลงไปที่พื้น : "กระหม่อมเองก็ขอให้ถอดถอนองค์รัชทายาทเช่นกัน"น้ำเสียงเย็นเยียบ เด็ดขาดทรงพลังทุกคนตกตะลึงตลอดเวลาครึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา ในฐานะอัครมหาเสนาบดีผู้ซึ่งเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของฮ่องเต้ไม่เคยแสดงความเห็นเรื่ององค์รัชทายาทมาก่อนเลยสักครั้ง ทำให้ขุนนางไม่น้อยต่างก็ตั้งตารอยามนี้ ทันทีที่เข้าเอ่ยปากพูดดอกมา ขุนนางข้าราชบริพารทั้งหลายจึงเห็นตรงกันว่าเป็นความต้องการของฮ่องเต้ จึงพากันคุกเข่าลงไป ขอร้องให้ปลดองค์รัชทายาทฮ่องเต้กระแอมแรงๆ อยู่หลายครั้ง ก่อนจะทรงตรัส : "เรื่ององค์รัชทายาทเกี่ยวข้องกับรากฐานประเทศ วันพรุ่งค่อยหารืออีกครั้ง"เขาทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคนี้ แล้วกวาดสายตาไปมองลู่เหิงจือด้วยความเยือกเย็นอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังจากไปวังบูรพาตกอยู่ในความเสี่ยง ใครก็คิดไม่ถึงว่าเมิ่งจี้ ซิ่นกั๋วกงที่อาวุโสมากแล้วซึ่งไม่ได้เข้าวังมาเป็น

    Last Updated : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 343

    หลังจากที่องค์รัชทายาทกลับไปยังวังบูรพา ก่อนอื่นก็จัดการกับพี่สาวของเฉิงซิ่ว ลดนางเป็นสนมเหลียงหยวน และไม่อนุญาตให้ติดต่อกับเฉิงซิ่วอีกก่อนจะตบหน้าลู่หมิงซือไปหนึ่งที : "เจ้าช่างแพศยานัก เพิ่งจะแต่งเข้ามาไม่กี่วัน กล้าปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงจนบีบให้ชาวบ้านตาย บังอาจยิ่งนัก !"ลู่หมิงซือทั้งเสียใจทั้งอับอาย ร้องไห้ฟูมฟายไม่กล้าพูดสิ่งใดมาก ความเกลียดชังที่มีต่อซูชิงลั่วฝังลึกยิ่งกว่าเดิมเรื่องนี้ตั้งแต่ที่องค์รัชทายาทโดนลงโทษ ก็ดูเหมือนจะได้รับบทสรุปลู่เหยียนและนางหลิ่วต่างก็ถูกปล่อยออกมา ลู่เหยียนถูกยึดตำแหน่ง และไม่สามารถลงสอบได้อีกทั้งชั่วชีวิตนี้ ส่วนนางหลิ่วถูกบังคับให้เขียนสัญญาคืนเงินส่วนหลิ่วเจิ้งเฉิง ถูกบีบให้ลาออกจากราชการ แล้วไปจากเมืองหลวงอีกครั้งหลังจากที่นางหลิ่วกลับเข้าจวน ย่อมอดร้องคร่ำครวญกับหญิงชราไม่ได้ : "ไม่รู้ว่าท่านสามคิดสิ่งใดอยู่ ทำให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วอย่างเดียวไม่ว่า แม้แต่ตำแหน่งของเหยียนเออร์ก็..."หญิงชราเสียงกร้าว : "เจ้ายังไม่รู้จักพออีกใช่หรือไม่"นางหลิ่วจึงทำได้แค่ปิดปากเงียบหลังจากที่นางหลิ่วกลับไปที่เรือน ก็นำความโกรธไประบายบนตัวเฉิงซิ่ว

    Last Updated : 2024-11-06

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status