แชร์

บทที่ 328

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-05 18:00:00
เจียงหมัวมัวมองนางครู่หนึ่งพลางถอนหายใจ “ข้าเป็นผู้หญิงก็เข้าใจดีว่าฮูหยินไม่เต็มใจ แต่สามีมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติ ยิ่งฮูหยินมีบุตรยากยิ่งต้องรีบหาคนมาให้เหิงจือ”

ซูชิงลั่วค่อยๆ คนใบชา แล้วรอให้เจียงหมัวมัวพูดจบ

เจียงหมัวมัวเอ่ยต่อ “ลี่ว์เหมยที่อยู่ข้างกายข้าก็ดีมาก ข้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ นิสัยอ่อนโยน รู้กาลเทศะ ลองให้นางไปอยู่ข้างกายเหิงจือดูหรือไม่”

ไม่แปลกใจเลยที่ลี่ว์เหมยจะปล่อยใบสั่งยาของนางออกไป คงเป็นเพราะเจียงหมัวมัวได้พูดเรื่องนี้กับนางมาก่อนแล้ว

ซูชิงลั่วฝืนยิ้มและมองเจียงหมัวมัว โดยไม่พูดอะไร

เจียงหมัวมัวพูดพร่ำยาวมาก ซูชิงลั่วไม่ได้โต้ตอบ เจียงหมัวมัวยังคิดว่าซูชิงลั่วเป็นคนว่านอนสอนง่าย จึงถือโอกาสที่ตนอาวุโสกว่า เอ่ยต่อว่า “หากฮูหยินเห็นด้วย ข้าจะไปเตรียมการเอง ไม่ต้องลำบากฮูหยิน”

ซูชิงลั่ววางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง และเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ได้”

เจียงหมัวมัวไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธตรงๆ จึงชักสีหน้าทันที

ซูชิงลั่วเอ่ยเสียงราบเรียบ “อ่อนโยน รู้กาลเทศะ? คงไม่ใช่แน่ หากนางนิสัยดีจริง นางจะเอาใบสั่งยาที่ข้าใช้ทุกวันไปให้คนของฮองเฮาทำไม? แล้วข้าจะถูกฮองเฮาหาเรื่อง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 329

    ซูชิงลั่วลืมตาขึ้น มองไปยังเจียงหมัวมัวด้วยสีหน้าสงบนิ่งเจียงหมัวมัวพูดเสียงทุ้มต่ำว่า "รอให้เหิงจือกลับมาก่อน ข้าจะไปบอกเขาเอง"เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นมาในขณะนั้น"จะพูดอะไร?" ลู่เหิงจือเดินเข้ามาในห้องเขาไม่เห็นซูชิงลั่วอยู่ในห้องหลังจากกลับมา เมื่อถามจึงรู้ว่านางมาที่เรือนของเจียงหมัวมัว เมื่อครุ่นคิดเล็กน้อยก็คาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ตรวจสอบใบสั่งยา จึงรีบมาด้วยตัวเองเมื่อเข้ามาในลานกว้าง ก็พบว่าลี่ว์เหมยคุกเข่าอยู่ตรงบริเวณลานกว้าง ซูชิงลั่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ สีหน้าเรียบเฉย แต่เจียงหมัวมัวกลับปรากฏสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นเขาเข้ามา ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาต้อนรับ แค่เหลือบมองเขาอย่างเงียบๆรู้สึกราวกับมหัตภัยโจมตีโดยไม่รู้ตัวลู่เหิงจือเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่าตนเองโดนโกรธโดยไม่รู้ตัว ก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่เขาเดินไปหานาง แล้วพูดเสียงอ่อนโยนว่า "เกิดอะไรขึ้น ทำไมฮูหยินโกรธถึงเพียงนี้?"ซูชิงลั่วหันเหลือบมองจื๋อหยวน จื๋อหยวนจึงรีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังลู่เหิงจือหันมองเจียงหมัวมัว แล้วเอ่ยเสียงเรียบเฉยว่า “หมัวมัวอยู่ข้างกายข้ามาตลอดหลายปี เจ้ารู้ดีว่าข้าจัดก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 330

    ความหึงหวงเป็นเหตุผลอันดับหนึ่งในการหย่าร้างแน่นอนว่าลู่เหิงจือย่อมไม่หย่ากับนาง แต่หากข่าวแพร่สะพัดออกไปชื่อเสียงของนางก็คงไม่ดีนักแต่แม้จะถูกกล่าวหาว่าหึงหวง แล้วจะอย่างไรซูชิงลั่วกำลังจะเอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของลู่เหิงจือ "ชิงลั่วเคยเกลี่ยกล่อมให้ข้ามีอนุอยู่หลายหนแต่เป็นข้าเองที่ไม่ยอม""หากข้ายอม ข้ารอแต่งงานจนอายุปูนนี้ทำไม หมัวมัวอยู่กับข้ามาหลายปี ไม่รู้เลยหรือ"ขณะลู่เหิงจือพูด เขาจับมือของนางไว้ และใช้นิ้วหัวแม่มือถูเบาๆ ที่หลังมือของนางราวกับเป็นการปลอบโยนสมกับเป็นอัครมหาเสนาบดีจริงๆ ถึงพูดจาไพเราะเช่นนี้ซูชิงลั่ว รู้สึกสบายใจขึ้นทันทีและได้ยินลู่เหิงจือเอ่ยอย่างมีเหตุผลต่อว่า "ดูเหมือนว่าหมัวมัวจะว่างเกินไปเสียแล้ว สู้กลับไปดูแลเรือนที่ตรอกปาเถียวดีหรือไม่"เจียงหมัวมัวใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจนี่แทบจะเหมือนถูกไล่กลับเลยนะนางจ้องมองลู่เหิงจืออย่างงงงวย แต่ลู่เหิงจือไม่ได้หันมามองนาง และคอยดูแลซูชิงลั่วก้าวเดินจากไป*เมื่อกลับถึงห้อง ทันทีที่ปิดประตู ซูชิงลั่วก็รีบเอื้อมมือมากอดลู่เหิงจือ ก้มศีรษะแนบแก้มบนซอกคอของเขาอย่างเชื่อฟัง“ท่านสามีดีม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 331

    ลู่เหิงจือไม่ได้พูดเล่น เขาดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องบุตรจริงๆซูชิงลั่วนึกถึงความฝัน ในอดีตชาติเขาไม่ได้แต่งงานและไม่มีบุตรใช้ชีวิตอย่างขมขื่นนางรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าใจอย่างอธิบายไม่ถูกเพื่อที่จะไล่ความรู้สึกหดหู่ใจที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางจึงคิดเย้าแหย่ลู่เหิงจือ"ไม่รีบจริงๆ หรือ? อายุท่านก็ไม่น้อยแล้วนะ......"เสียงลากยาวอย่างตั้งใจลู่เหิงจือหรี่ตาลงเล็กน้อย "ใช่หรือ"“……”ทำไมนางถึงรู้สึกอันตรายเล่าลู่เหิงจือใช้ปลายนิ้วกดที่คางของนาง "ดูเหมือนเมื่อครู่ข้าเรียกฮูหยิน จึงไม่ค่อยพอใจใช่หรือไม่? มิเช่นนั้นฮูหยินจะรังเกียจที่ข้าแก่ได้อย่างไร""ไม่ ไม่ ไม่เลย" ซูชิงลั่วรีบยืนยันอย่างมั่นใจลู่เหิงจือยิ้มและโอบกอดซูชิงลั่วไว้ในอ้อมแขน ชั่วครู่เขาก็เรียกชื่อนางออกมา "ชิงลั่ว""ห้ะ?"ลู่เหิงจือหลับตาลงเบาๆ “ไม่มีอะไร”ซูชิงลั่วเงยหน้ามองเขา “พี่สาม ทำไมหลายวันมานี้พี่แปลกๆ ไป หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ลู่เหิงจือเอื้อมมือลูบผมของนางเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้ากำลังเตรียมการจะลงมือกับองค์รัชทายาท”ซูชิงลั่วรู้สึกเนื้อตัวสั่นสะท้านทันทีลู่เหิงจือโอบกอดนางไว้ “น่าจะไม่กระทบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 332

    ซ่างไฉขานตอบวันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ ลู่เหยียนก็ได้นัดเจอกับเฉิงซิ่วที่ห้องแยกในโรงเตี๊ยมแห่งเดิมเฉิงซิ่วมองเขาด้วยสีหน้าเขินอาย “พี่เหยียน พี่ไม่ตอบจดหมายข้าเลย ข้าคิดว่าพี่เกลียดข้าเสียแล้ว”"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร" ลู่เหยียนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมดึงเฉิงซิ่วเข้ามากอด “เจ้าก็รู้ว่าข้ากำลังเตรียมสอบ ไม่มีเวลาให้เรื่องอื่น”เขากักใจตัวเองมาหลายวันแล้ว คราวนี้คงได้ผ่อนคลายบ้างแล้วเฉิงซิ่วเองก็ยินดีมากลู่เหยียนเอามือลูบไล้ร่างกายของนาง พลางถามว่า “คิดถึงข้าหรือไม่”เฉิงซิ่วหลับตาลงเล็กน้อย ส่งเสียงครางเบาๆ แล้วเอนตัวแนบอกเขาลู่เหยียนยิ้มและเลื่อนมือเปิดเสื้อผ้าของนาง แล้วกระซิบข้างหูนางว่า “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่จริงหรือ? เรื่องข้อสอบนั้น…...”เฉิงซิ่วหายใจไม่ทั่วท้อง กระซิบตอบเสียงเบาว่า “จริง ข้าได้ยินกับหูตัวเอง…...”ลู่เหยียนจูบที่ใบหูของนางและถามเสียงแหบพร่าว่า “ข้อสอบคืออะไรหรือ”เฉิงซิ่วตอบว่า “คือ…...อ้าก อย่า...…”ลู่เหยียนเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า "กลัวอะไรหรือ อีกเดือนกว่าก็จะแต่งงานกันแล้ว ถึงเจ้าจะตั้งครรภ์ก็ไม่เห็นเป็นไร"เฉิงซิ่วใบหน้าแดงก่ำ ก้มศีรษะลง ไม่พูดไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 333

    เดือนสิบสองต้นเดือน การสอบระดับราชสำนักที่จัดขึ้นสามปีครั้งได้เริ่มขึ้นที่เมืองหลวงแล้วเรื่องสำคัญจำนวนมากต้องหลีกทางให้กับการสอบนี้แม้แต่หญิงชราจะก็มาส่งลู่เหยียนถึงประตู และมองดูเขาขึ้นรถม้าไปซูชิงลั่วกลับหลบเลี่ยงเพื่อไม่ให้เป็นที่ข้อครหาลู่เหิงจือกลับมาจากราชสำนักก่อนเที่ยงเนื่องด้วยช่วงนี้ว่างจากงานราชการ เขาจึงมีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนซูชิงลั่ว และไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอันใด เขาจึงเล่าเรื่องสำคัญในราชสำนักให้นางฟังด้วยครั้งนี้ฝ่าบาททรงแต่งตั้งหลิ่วเจิ้งเฉิงรองเสนาบดีกรมธรรมการ ซึ่งก็คือบิดาของนางหลิ่วเป็นประธานการจัดสอบและทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาทเป็นผู้ตรวจสอบเป็นการเฉพาะการสอบขุนนางเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกของราชวงศ์ ผู้สอบที่ได้รับคัดเลือกจะเป็นลูกศิษย์ของประธานการสอบ ซึ่งแทบจะเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าองค์รัชทายาทสามารถใช้โอกาสนี้ในการรวบรวมลูกศิษย์ได้แม้หลังจากหวังเหลียงฮั่นถูกเนรเทศ องค์รัชทายาทจะมีอำนาจในราชสำนักน้อยลง แต่จากเรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นว่าฝ่าบาทยังคงคาดหวังในตัวองค์รัชทายาทอยู่“แล้วหลังจากการสอบขุนนาง องค์รัชทายาทจะกลับมาผงาดอีกครั้งหรือไม่” ซูชิงลั่ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 334

    เขาราวกับถูกผีเข้าสิง พลันความกล้าหาญก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที อยากจะถามเรื่องราวในอดีตให้กระจ่างเขาช่างกล้าฝันกลางวันจริงๆซูชิงลั่วไม่รู้ว่าความมั่นใจของลู่เหยียนมาจากที่ใดนางขมวดคิ้วเล็กน้อย “จอหงวนแล้วอย่างไร สามีเป็นจอหงวนนานแล้ว”เสียงของนางแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน “เสียดายที่ไม่ได้แต่งงานกับเจ้า? เจ้าสมองมีปัญหาหรือ? ข้าน่ะเสียใจที่ในวัยเด็ก ถูกบังคับให้ตอบตกลงหมั้นหมายกับเจ้า ทำให้ข้าเสียเวลากับพี่สามไปหลายปี”ลู่เหยียนกำพัดในมือแน่นขึ้นทันทีซูชิงลั่วไม่ได้หันกลับมามองเขาอีกเลย แต่หันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็วจื๋อหยวนปรบมือให้กับนายหญิงของตนในใจ คิดว่าเมื่อซ่งเหวินกลับมา นางจะรีบเล่าซ่งเหวินให้ฟังทันที ไม่รู้ว่าใต้เท้าจะดีใจแค่ไหนเมื่อการสอบขุนนางสิ้นสุดลง ลู่เหิงจือก็ยุ่งมากนอกจากงานราชการประจำวันแล้ว เขายังหาเวลาในยามค่ำคืนมาพบกับเซี่ยถิงอวี่ที่ปลอมตัวมายังห้องหนังสือของตนเรื่องสำคัญพูดคุยกันพอสมควรแล้ว เซี่ยถิงอวี่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า “ยังมีบทบรรยายที่ท่านเขียนไว้อยู่อีกหรือไม่”ลู่เหิงจือ "?"เซี่ยถิงอวี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใช้ได้ดีทีเดียว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 335

    หลังจากการสอบขุนนางเสร็จสิ้น บ้านตระกูลลู่ดูวุ่นวายเป็นอย่างยิ่งลู่หมิงซือและลู่เหยียนแต่งงานห่างกันเพียงสิบวันเนื่องด้วยทั้งสองเป็นบุตรธิดาของนางหลิ่ว แม้บ้านตระกูลลู่จะมีนางเฉียนคอยดูแล แต่นางหลิ่วยังคงยุ่งอยู่กับการเตรียมงานราวกับยังเป็นผู้ดูแลจวนอยู่ซูชิงลั่วเมื่อเข้าไปคารวะท่านยาย นางหลิ่วก็หาเรื่องติเตียนไปเรื่อยนางไม่กล้าเพ้อหวังในเงินของซูชิงลั่วอีกแล้ว คำพูดของนางยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องขอเงินจากหญิงชราหญิงชราจึงเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เหยียนเออร์เป็นลูกหลานบ้านตระกูลลู่ เมื่อเหิงจือแต่งงานก็มีตัวอย่างอยู่แล้ว บ้านจะออกเงินให้ตามนั้น ส่วนหมิงซือ เมื่อลั่วชิงออกเรือน ข้ามอบเงินให้เท่าใด ก็จะให้หมิงซือเท่ากัน”นางหลิ่วแสดงสีหน้าไม่พอใจ “แต่หมิงซือเป็นหลานสาวแท้ๆ ของท่าน และกำลังจะแต่งเข้าวังบูรพา หากไม่มีเงินติดตัว จะถูกคนดูถูกได้”หญิงชราเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ทางที่เลือกเอง ก็ต้องรับผิดชอบเอง อยากแต่งเข้าวังบูรพา ไม่รู้หรือว่าจะไม่มีเงินติดตัวไป”นางหลิ่วจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อนางเฉียนที่ถูกนางหลิ่วหาเรื่องใส่ร้ายมาหลายวัน เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรู้สึกโล่งอกซูชิงลั่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 336

    หรือจะบอกว่าในเส้นทางการชิงบัลลังก์ของเขา เขาไม่เคยคิดจะพึ่งพาความฝันของนางเลยเช่นนั้นหรือภายใต้เปลวเทียนสีเหลืองสลัว สีหน้าของลู่เหิงจือดูนิ่งสงบกว่าที่เคย"นี่เป็นครั้งแรกที่ความฝันของเจ้าไม่แม่นยำเช่นนั้นหรือ"ซูชิงลั่วพยักหน้า : "เจ้าค่ะ"ก่อนหน้านี้ที่นางเคยฝัน แม้ตรงกลางหรือตอนท้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่เบาะแสต่างๆ ล้วนแต่แม่นยำนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นถ้าหากต่อไปความฝันของนางไม่แม่นยำแล้ว เช่นนั้นในเวลาสำคัญไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยลู่เหิงจือได้ กลับกัน อาจจะทำร้ายเขาได้เช่นนั้นหรือลู่เหิงจือเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ สายตาลึกล้ำ : "ชิงลั่ว เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าไม่ใช่ว่าความฝันของเจ้าไม่แม่นยำ เพียงแต่เวลานั้นยังไม่มาถึง"ซูชิงลั่วอึ้งไปเล็กน้อย : "ท่านหมายความว่า...ยังไม่ถึงเวลาเลือกจอหงวนเช่นนั้นหรือ"ลู่เหิงจือพยักหน้า"แต่จะเป็นไปได้อย่างไร" ซูชิงลั่วเอ่ย "ที่ผ่านมา จอหงวนล้วนแต่มาจากสามอันดับแรกในขั้นเอกที่หนึ่งทั้งสิ้น ต่อให้ลู่เหยียนพลั้งพลาดในการสอบหน้าพระที่นั่ง แต่ก็ยังมีอันดับที่สอง อันดับที่สามก็ยังตกไปถึงอวี๋ซื่อชิงไม่ใช่หรือ"น้ำเสียงขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status