แชร์

บทที่ 331

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-05 18:56:57
ลู่เหิงจือไม่ได้พูดเล่น เขาดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องบุตรจริงๆ

ซูชิงลั่วนึกถึงความฝัน ในอดีตชาติเขาไม่ได้แต่งงานและไม่มีบุตร

ใช้ชีวิตอย่างขมขื่น

นางรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าใจอย่างอธิบายไม่ถูก

เพื่อที่จะไล่ความรู้สึกหดหู่ใจที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางจึงคิดเย้าแหย่ลู่เหิงจือ

"ไม่รีบจริงๆ หรือ? อายุท่านก็ไม่น้อยแล้วนะ......"

เสียงลากยาวอย่างตั้งใจ

ลู่เหิงจือหรี่ตาลงเล็กน้อย "ใช่หรือ"

“……”

ทำไมนางถึงรู้สึกอันตรายเล่า

ลู่เหิงจือใช้ปลายนิ้วกดที่คางของนาง "ดูเหมือนเมื่อครู่ข้าเรียกฮูหยิน จึงไม่ค่อยพอใจใช่หรือไม่? มิเช่นนั้นฮูหยินจะรังเกียจที่ข้าแก่ได้อย่างไร"

"ไม่ ไม่ ไม่เลย" ซูชิงลั่วรีบยืนยันอย่างมั่นใจ

ลู่เหิงจือยิ้มและโอบกอดซูชิงลั่วไว้ในอ้อมแขน ชั่วครู่เขาก็เรียกชื่อนางออกมา "ชิงลั่ว"

"ห้ะ?"

ลู่เหิงจือหลับตาลงเบาๆ “ไม่มีอะไร”

ซูชิงลั่วเงยหน้ามองเขา “พี่สาม ทำไมหลายวันมานี้พี่แปลกๆ ไป หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ลู่เหิงจือเอื้อมมือลูบผมของนางเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้ากำลังเตรียมการจะลงมือกับองค์รัชทายาท”

ซูชิงลั่วรู้สึกเนื้อตัวสั่นสะท้านทันที

ลู่เหิงจือโอบกอดนางไว้ “น่าจะไม่กระทบ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 332

    ซ่างไฉขานตอบวันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ ลู่เหยียนก็ได้นัดเจอกับเฉิงซิ่วที่ห้องแยกในโรงเตี๊ยมแห่งเดิมเฉิงซิ่วมองเขาด้วยสีหน้าเขินอาย “พี่เหยียน พี่ไม่ตอบจดหมายข้าเลย ข้าคิดว่าพี่เกลียดข้าเสียแล้ว”"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร" ลู่เหยียนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมดึงเฉิงซิ่วเข้ามากอด “เจ้าก็รู้ว่าข้ากำลังเตรียมสอบ ไม่มีเวลาให้เรื่องอื่น”เขากักใจตัวเองมาหลายวันแล้ว คราวนี้คงได้ผ่อนคลายบ้างแล้วเฉิงซิ่วเองก็ยินดีมากลู่เหยียนเอามือลูบไล้ร่างกายของนาง พลางถามว่า “คิดถึงข้าหรือไม่”เฉิงซิ่วหลับตาลงเล็กน้อย ส่งเสียงครางเบาๆ แล้วเอนตัวแนบอกเขาลู่เหยียนยิ้มและเลื่อนมือเปิดเสื้อผ้าของนาง แล้วกระซิบข้างหูนางว่า “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่จริงหรือ? เรื่องข้อสอบนั้น…...”เฉิงซิ่วหายใจไม่ทั่วท้อง กระซิบตอบเสียงเบาว่า “จริง ข้าได้ยินกับหูตัวเอง…...”ลู่เหยียนจูบที่ใบหูของนางและถามเสียงแหบพร่าว่า “ข้อสอบคืออะไรหรือ”เฉิงซิ่วตอบว่า “คือ…...อ้าก อย่า...…”ลู่เหยียนเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า "กลัวอะไรหรือ อีกเดือนกว่าก็จะแต่งงานกันแล้ว ถึงเจ้าจะตั้งครรภ์ก็ไม่เห็นเป็นไร"เฉิงซิ่วใบหน้าแดงก่ำ ก้มศีรษะลง ไม่พูดไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 333

    เดือนสิบสองต้นเดือน การสอบระดับราชสำนักที่จัดขึ้นสามปีครั้งได้เริ่มขึ้นที่เมืองหลวงแล้วเรื่องสำคัญจำนวนมากต้องหลีกทางให้กับการสอบนี้แม้แต่หญิงชราจะก็มาส่งลู่เหยียนถึงประตู และมองดูเขาขึ้นรถม้าไปซูชิงลั่วกลับหลบเลี่ยงเพื่อไม่ให้เป็นที่ข้อครหาลู่เหิงจือกลับมาจากราชสำนักก่อนเที่ยงเนื่องด้วยช่วงนี้ว่างจากงานราชการ เขาจึงมีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนซูชิงลั่ว และไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอันใด เขาจึงเล่าเรื่องสำคัญในราชสำนักให้นางฟังด้วยครั้งนี้ฝ่าบาททรงแต่งตั้งหลิ่วเจิ้งเฉิงรองเสนาบดีกรมธรรมการ ซึ่งก็คือบิดาของนางหลิ่วเป็นประธานการจัดสอบและทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาทเป็นผู้ตรวจสอบเป็นการเฉพาะการสอบขุนนางเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกของราชวงศ์ ผู้สอบที่ได้รับคัดเลือกจะเป็นลูกศิษย์ของประธานการสอบ ซึ่งแทบจะเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าองค์รัชทายาทสามารถใช้โอกาสนี้ในการรวบรวมลูกศิษย์ได้แม้หลังจากหวังเหลียงฮั่นถูกเนรเทศ องค์รัชทายาทจะมีอำนาจในราชสำนักน้อยลง แต่จากเรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นว่าฝ่าบาทยังคงคาดหวังในตัวองค์รัชทายาทอยู่“แล้วหลังจากการสอบขุนนาง องค์รัชทายาทจะกลับมาผงาดอีกครั้งหรือไม่” ซูชิงลั่ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 334

    เขาราวกับถูกผีเข้าสิง พลันความกล้าหาญก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที อยากจะถามเรื่องราวในอดีตให้กระจ่างเขาช่างกล้าฝันกลางวันจริงๆซูชิงลั่วไม่รู้ว่าความมั่นใจของลู่เหยียนมาจากที่ใดนางขมวดคิ้วเล็กน้อย “จอหงวนแล้วอย่างไร สามีเป็นจอหงวนนานแล้ว”เสียงของนางแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน “เสียดายที่ไม่ได้แต่งงานกับเจ้า? เจ้าสมองมีปัญหาหรือ? ข้าน่ะเสียใจที่ในวัยเด็ก ถูกบังคับให้ตอบตกลงหมั้นหมายกับเจ้า ทำให้ข้าเสียเวลากับพี่สามไปหลายปี”ลู่เหยียนกำพัดในมือแน่นขึ้นทันทีซูชิงลั่วไม่ได้หันกลับมามองเขาอีกเลย แต่หันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็วจื๋อหยวนปรบมือให้กับนายหญิงของตนในใจ คิดว่าเมื่อซ่งเหวินกลับมา นางจะรีบเล่าซ่งเหวินให้ฟังทันที ไม่รู้ว่าใต้เท้าจะดีใจแค่ไหนเมื่อการสอบขุนนางสิ้นสุดลง ลู่เหิงจือก็ยุ่งมากนอกจากงานราชการประจำวันแล้ว เขายังหาเวลาในยามค่ำคืนมาพบกับเซี่ยถิงอวี่ที่ปลอมตัวมายังห้องหนังสือของตนเรื่องสำคัญพูดคุยกันพอสมควรแล้ว เซี่ยถิงอวี่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า “ยังมีบทบรรยายที่ท่านเขียนไว้อยู่อีกหรือไม่”ลู่เหิงจือ "?"เซี่ยถิงอวี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใช้ได้ดีทีเดียว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 335

    หลังจากการสอบขุนนางเสร็จสิ้น บ้านตระกูลลู่ดูวุ่นวายเป็นอย่างยิ่งลู่หมิงซือและลู่เหยียนแต่งงานห่างกันเพียงสิบวันเนื่องด้วยทั้งสองเป็นบุตรธิดาของนางหลิ่ว แม้บ้านตระกูลลู่จะมีนางเฉียนคอยดูแล แต่นางหลิ่วยังคงยุ่งอยู่กับการเตรียมงานราวกับยังเป็นผู้ดูแลจวนอยู่ซูชิงลั่วเมื่อเข้าไปคารวะท่านยาย นางหลิ่วก็หาเรื่องติเตียนไปเรื่อยนางไม่กล้าเพ้อหวังในเงินของซูชิงลั่วอีกแล้ว คำพูดของนางยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องขอเงินจากหญิงชราหญิงชราจึงเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เหยียนเออร์เป็นลูกหลานบ้านตระกูลลู่ เมื่อเหิงจือแต่งงานก็มีตัวอย่างอยู่แล้ว บ้านจะออกเงินให้ตามนั้น ส่วนหมิงซือ เมื่อลั่วชิงออกเรือน ข้ามอบเงินให้เท่าใด ก็จะให้หมิงซือเท่ากัน”นางหลิ่วแสดงสีหน้าไม่พอใจ “แต่หมิงซือเป็นหลานสาวแท้ๆ ของท่าน และกำลังจะแต่งเข้าวังบูรพา หากไม่มีเงินติดตัว จะถูกคนดูถูกได้”หญิงชราเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ทางที่เลือกเอง ก็ต้องรับผิดชอบเอง อยากแต่งเข้าวังบูรพา ไม่รู้หรือว่าจะไม่มีเงินติดตัวไป”นางหลิ่วจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อนางเฉียนที่ถูกนางหลิ่วหาเรื่องใส่ร้ายมาหลายวัน เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรู้สึกโล่งอกซูชิงลั่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 336

    หรือจะบอกว่าในเส้นทางการชิงบัลลังก์ของเขา เขาไม่เคยคิดจะพึ่งพาความฝันของนางเลยเช่นนั้นหรือภายใต้เปลวเทียนสีเหลืองสลัว สีหน้าของลู่เหิงจือดูนิ่งสงบกว่าที่เคย"นี่เป็นครั้งแรกที่ความฝันของเจ้าไม่แม่นยำเช่นนั้นหรือ"ซูชิงลั่วพยักหน้า : "เจ้าค่ะ"ก่อนหน้านี้ที่นางเคยฝัน แม้ตรงกลางหรือตอนท้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่เบาะแสต่างๆ ล้วนแต่แม่นยำนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นถ้าหากต่อไปความฝันของนางไม่แม่นยำแล้ว เช่นนั้นในเวลาสำคัญไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยลู่เหิงจือได้ กลับกัน อาจจะทำร้ายเขาได้เช่นนั้นหรือลู่เหิงจือเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ สายตาลึกล้ำ : "ชิงลั่ว เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าไม่ใช่ว่าความฝันของเจ้าไม่แม่นยำ เพียงแต่เวลานั้นยังไม่มาถึง"ซูชิงลั่วอึ้งไปเล็กน้อย : "ท่านหมายความว่า...ยังไม่ถึงเวลาเลือกจอหงวนเช่นนั้นหรือ"ลู่เหิงจือพยักหน้า"แต่จะเป็นไปได้อย่างไร" ซูชิงลั่วเอ่ย "ที่ผ่านมา จอหงวนล้วนแต่มาจากสามอันดับแรกในขั้นเอกที่หนึ่งทั้งสิ้น ต่อให้ลู่เหยียนพลั้งพลาดในการสอบหน้าพระที่นั่ง แต่ก็ยังมีอันดับที่สอง อันดับที่สามก็ยังตกไปถึงอวี๋ซื่อชิงไม่ใช่หรือ"น้ำเสียงขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 337

    ลู่เหยียนปลอบเฉิงซิ่วด้วยคำหวานอยู่ครึ่งค่อนวันบอกว่าก่อนหน้าเคยรับสาวใช้สองคนเข้ามาจริง แต่ได้สั่งให้ออกไปตั้งแต่ก่อนแต่งกับนางแล้ว ก็แค่เล่นสนุก ไม่ได้คิดอื่นใดแต่ไม่เอ่ยถึงเรื่องของหลิ่วเยียนหรานเลยสักคำถึงจะเป็นเรื่องปกติ ข้างกายพี่ชายนางก็มีสาวใช้ติดตาม แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองก็เกิดรับไม่ได้ขึ้นมายิ่งไปกว่านั้นต้องมาพ่ายแพ้ให้กับซูชิงลั่วด้วยเหุตนี้ ทำให้ไม่สบอารมณ์ยิ่งนักลู่เหยียนเช็ดน้ำตาให้นาง พลางพูดด้วยความอ่อนโยน : "พวกเราเพิ่งแต่งกันได้ไม่นาน อย่าให้ท่านย่าหัวเราะเยาะเอาได้"เฉิงซิ่วถึงจะยอมสงบไม่เอาความอีกทั้งสองคนเดินเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็พากันเย้าคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันคู่นี้นางเหอที่อยู่บ้านสามเอ่ย : "บรรยากาศของคู่ที่เพิ่งแต่งงานนี่ช่างต่างออกไปเสียจริง ท่าทางรักกันเช่นนี้ทำให้ข้าเองยังอิจฉา"นางเฉียนคิดในใจ มีสิ่งใดน่าอิจฉากัน ไม่เคยเห็นหรืออย่างไรลู่เหิงจือและซูชิงลั่วรักกันหวานชื่นกว่านี้เสียอีกนางหลิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม : "จากที่ข้าดู คุณหนูซิ่วจะต้องเป็นดาวนำโชคของตระกูลเราแน่ ทันทีที่นางแต่งเข้ามาเหยียนเออร์ก็สอบได้อันดับหนึ่ง รอแค่สอบหน้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 338

    อวี๋ซื่อชิงเงียบไปครู่หนึ่ง เขากัดฟันกรอด : "ข้าจะเดิมพัน"*หลังจากที่ซูชิงลั่วตื่นขึ้นมาก็เห็นข้างกายตนว่างเปล่า ในใจรู้สึกอ้างว้างขึ้นมาไม่น้อยช่วงหลายวันนี้ลู่เหิงจือยุ่งมาก เมือคืนนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากลับมาเมื่อใด เช้าตรู่ขึ้นมา เขาก็ออกไปอีกแล้วเรื่องขององค์รัชทายาทเปรียบเสมือนดาบที่ลอยเคว้งอยู่ ตราบใดที่ยังไม่ตกลงมาก็จะยังวางใจไม่ได้หลังจากที่นางกินมื้อเช้าเสร็จก็ไปคาราวะหญิงชรา ได้พบกับลู่เหยียนและเฉิงซิ่วอีกครั้งลู่เหยียนได้เป็นจอหงวนเต็มตัวแล้ว แน่นอนว่าต้องมาโอ้อวดต่อหน้าซูชิงลั่วเสียหน่อยเขายังจงใจพูดขึ้นมาอีกว่า : "องค์รัชทายาทกลับมาเป็นที่รัก กลัวแต่ว่าใครบางคนจะไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขเท่าใด"ทันใดนั้น ทุกสายตาก็จับจ้องไปบนตัวซูชิงลั่วทุกคนต่างก็รู้ดีว่า เวลานี้ลู่เหิงจือเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับองค์รัชทายาทมุมปากลู่เหยียนเผยให้เห็นรอยยิ้ม...มีอำนาจค้ำราชสำนักแล้วเยี่ยงไร เปลี่ยนราชสมัย ก็เปลี่ยนขุนนางด้วย รอให้องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ จากเรื่องที่ลู่เหิงจือเคยทำก่อนหน้านี้ จะยังมีทางรอดอยู่ได้หรือนางเฉียนพลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีแม้นางจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 339

    สภาขุนนางเงียบสงัดจนมีเพียงแค่เสียงถ่านที่กำลังมอดไหม้และเสียงพลิกกระดาษฝ่าบาททรงกริ้ว องค์รัชทายาทถูกลงโทษ ทุกคนต่างก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวังกรมราชทัณฑ์ สำนักตรวจการ ศาลต้าหลี่สอบปากคำทั้งคืนจนเสร็จสิ้น วันรุ่งขึ้นก็ส่งมาที่สภาขุนนางลู่เหิงจือเพียงแค่กวาดสายตามองดูปราดหนึ่งแล้ววางไว้ด้านข้าง ก่อนจะหันไปถามรองอัครมหาเสนาบดีฟ่านอันหมินที่นั่งอยู่ข้างๆ"องค์รัชทายาททรงเขียนฎีกามาแสดงตนหรือยัง"ฟ่านอันหมินใกล้จะหกสิบแล้ว มีเพียงแค่ดวงตาสองข้างที่พร่ามัว แต่สติยังคงชัดแจ้ง"ยังเลย"ลู่เหิงจือตอบนิ่งๆ : "ท่านไปเร่งด้วยตัวเองเถอะ"ฟ่านอันหมินรีบตอบรับหลังจากนั้นลู่เหิงจือถึงจะหันไปทางรองเสนาบดีกรมราชทัณฑ์เผยเจ๋อ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : "พิจารณาคดีเป็นเช่นไรบ้าง"เผยเจ๋อตอบอย่างระมัดระวัง : "ล้วนแต่บอกว่าถูกใส่ร้าย ไม่มีผู้ใดยอมรับ"ลู่เหิงจือเลิกคิ้วเล็กน้อย : "เปรียบเทียบบทความที่พวกเขาเขียนในยามปกติกับตอนสอบหรือยัง"เผยเจ๋อตะลึง : "ข้าจะไปเปรียบเทียบดูเดี๋ยวนี้"ลู่เหิงจือ : "หากหลิ่วเจิ้งเฉิงเปิดเผยข้อสอบจริง จะต้องมีเงินก้อนโตเข้าออก ไปตรวจสอบด้านนี้ดู"เผยเจ๋อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status