“ผลตรวจปกติทุกอย่างฉันว่าที่นายเป็นอยู่แบบนี้คงต้องไปปรึกษาจิตแพทย์แล้วล่ะ” อิศเรศคุณหมอหนุ่มตี๋วัย 33 บอกกับเพื่อน
“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะอิศ”
“อือ ฉันว่าที่นายเป็นแบบนี้มันน่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุนะ”
“อยากจะบ้าตาย นี่มันสามเดือนแล้วนะที่ฉันเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากล่าวอย่างหัวเสีย
หลังจากประสบอุบัติเหตุรถชนกับเสาไฟฟ้าเมื่อสามเดือนก่อน กวีวัธน์ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากเพราะถุงลมนิรภัยทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่หลังจากนั้นเขากลับรู้สึกว่าอวัยวะส่วนล่างของตนเองมันไม่ตื่นตัวเหมือนก่อน
จากคนที่ไม่เคยขาดเรื่องเซ็กซ์อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่านกเขาของตัวเองไม่ขัน มันทำให้ชายหนุ่มแทบจะบ้าตาย เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาระดับชาติสำหรับเขาเลยก็ว่าได้
เขาเริ่มคิดตามที่คุณหมอหนุ่มพูดเพราะก่อนหน้าที่จะขับรถชน กวีวัธน์ไปหาแฟนสาวที่คบกันมาหนึ่งปี กะว่าจะไปเซอร์ไพรส์เธอในวันครบรอบ 1 ปี แต่ไม่คิดว่าเธอจะเซอร์ไพรส์เขากลับด้วยการพาผู้ชายมานอนด้วยที่คอนโดซึ่งเขาเองเป็นคนซื้อให้เธอ
หลังจากเห็นภาพบาดตา ชายหนุ่มก็ขับรถออกมาด้วยอารมณ์โมโห รู้ตัวอีกที่ตัวเองก็ไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว
ครั้งนั้นเขาตัดสินใจเลิกกับพรลภัสอย่างเด็ดขาด แต่เพราะเป็นคนมักมากเรื่องบนเตียง ชายหนุ่มจึงเรียกใช้งานสาวไซด์ไลน์เพื่อจะได้ปลดปล่อยความต้องการของตนเอง
แต่ก็อายจนแทบอยากจะมุดหน้าหนีเพราะน้องชายของเขามันกลับไม่ยอมตื่น เธอใช้ทั้งมือ ทั้งปากปลุกเร้าแต่มันก็ยังคงแน่นิ่ง
ชายหนุ่มเอาเรื่องนี้มาปรึกษาหมออิศเรศซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินปัสสาวะ แต่ผลตรวจก็ปกติทุกอย่าง
“เอาน่าอย่าคิดมาก ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องรักษาด้วยยา”
“ยาอะไร” เขาหันมาถาม
“ก็พวกไวอะกร้าไง มันจะช่วยขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณนั้น”
“นี่ฉันอายุ 32 เองนะ ให้ตายซะยังดีกว่ามาให้ใช้ยาพวกนั้น ใครรู้มีหวังได้อายเขาตาย”
“ถ้ายังไม่อยากใช้ยาก็ต้องปรึกษาจิตแพทย์ดู บางทีเขาอาจช่วยได้”
“ขอเวลาอีกหน่อย ฉันยังทำใจไม่ได้เลย”
“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็นัดมานะ”
“อือ ขอบใจนะไปก่อนเย็นนี้เจอกันร้านเดิม”
บริเวณชั้นสองของบาร์หรูแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มสี่คนกำลังคุยกันอย่างออกรส โดยมีสาวๆ มาคอยบริการไม่ห่าง กวีวัธน์มองรูปร่างยั่วยวนของพวกเธอแล้วกลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
“ทำหน้าเบื่อโลกอีกแล้วนะคุณวัธน์” ภากรเห็นสีหน้าของกวีวัธน์แล้วก็อดจะเอ่ยแซวไม่ได้
“ก็โลกมันน่าเบื่อจริงๆ นี่”
“อย่าบอกนะ เรื่องนั้นยังไม่หาย”
“อือ”
“ฉิบหายเลยนะนั้น อายุเพิ่ง 32 เอง ยังใช้งานได้ไม่คุ้มเลยนะ” ฐากูรทั้งขำและเห็นใจเพื่อน
“เอาน่า อย่าเพิ่งทำหน้าเซ็งเดี๋ยวคืนนี้จัดไปเลยสองคนดูสิว่ามันจะไม่ขันจริงเหรอ”
“ไม่ดีกว่า แค่นี้ก็อายจะแย่อยู่แล้ว” ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนที่เขาพาไปนอนด้วยก็ไม่มีใครทำให้เจ้าน้องชายของเขาตื่นขึ้นมาได้เลยสักนิด
“อิศ นายแน่ใจนะว่าตรวจอาการมันดีแล้ว” ภากรหันมาถามคุณหมอคนเดียวในกลุ่ม
“ตรวจดีแล้ว ทุกอย่างไม่มีปัญหา” คุณหมอหนุ่มตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“บางที่น้องชายของนายคงอยากจะพัก” ฐากูรพูดเสริมขึ้นเพราะที่ผ่านมาเพื่อนของเขาไม่เคยขาดเรื่องบนเตียงเลย
“พักนานเกินไปไหม สามเดือนแล้วนะ” กวีวัธน์ถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์
“เอาน่า ช่วงนี้ก็หาอะไรทำฆ่าเวลาไปก่อน เรื่องนั้นอย่าเพิ่งคิด บางทียังไม่เจอคนที่ถูกใจก็ได้” ภากรให้กำลังใจ
กวีวัธน์นั่งดื่มกับเพื่อนต่อจนกระทั่งถึงเวลาปิดของทางร้าน เพื่อนของเขาพาน้องๆ ไปต่อกันที่อื่นส่วนตัวเขากลับมาที่บ้านของตนเองเพียงลำพัง
ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วชายหนุ่มก็ลงมาหาน้ำดื่ม ขณะกำลังจะกลับไปนอนตาก็สะดุดกับหนังสือนิยายเล่มหนึ่งที่วางคว่ำหน้าอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว
“สงสัยเป็นของป้าอุ่น”
กวีวัธน์ถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู ภาพหน้าปกเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายชายสวมเสื้อเชิ้ตติดกระดุมเพียงเม็ดล่างสองเม็ด เผยให้เห็นหน้าท้องเป็นลอนสวย ส่วนผู้หญิงสวมชุดนอนตัวบางนั่งอยู่บนตักของผู้ชาย มือของเธอวางอยู่บนกล้ามท้องเพียงแค่เห็นหน้าปกกวีวัธน์ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นทีละนิดในหัวของชายหนุ่มจินตนาการว่าผู้ชายคนนั้นคือตัวเอง
เขาถือหนังสือติดมือไปบนยังห้องนอนเปิดอ่านหน้าที่ถูกคว่ำไว้ด้วยความสนใจ
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับเขามาสามเดือนแล้ว อ่านไปไม่กี่หน้าน้องชายของเขาก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
คนตัวโตใบหน้าหล่อยิ้มกว้าง ในที่สุดเขาก็ได้ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง แม้จะด้วยมือของตัวเองก็ตาม
พอร่างกายได้ระบายออกก็รู้สึกสบายตัวขึ้น ชายหนุ่มอ่านนิยายต่อไปอีกจนจบเรื่องอยากจะขอบคุณนักเขียนคนนี้เหลือเกินที่ทำให้มังกรของเขากลับมาผงาดอีกครั้ง
“พริบพราว” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะหลับอย่างมีความสุขเป็นครั้งแรกหลังจากประสบอุบัติเหตุ
กวีวัธน์ตื่นนอนด้วยความสดชื่นแม้วันนี้จะเป็นวันหยุด ป้าอุ่นมาทำอาหารเช้าให้เหมือนกับทุกวัน
“คุณวัธน์เห็นหนังสือนิยายไหมคะ เมื่อวานป้าน่าจะลืมไว้ที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าเอาไปวางไว้ที่ห้องไหน”
“ผมเห็นวางอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกครับ”
“เฮ้อ โล่งอกไปทีป้านึกว่าจะหายไปซะแล้ว”
“ป้าอุ่นชอบอ่านนิยายเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ป้าชอบอ่านโดยเฉพาะของคุณพริบพราวยิ่งชอบอ่านมาก นี่ก็รอเล่มใหม่ของเธออยู่ไม่รู้จะออกมาเมื่อไหร่ป้าเก็บเงินแล้ว ออกช้าเหลือเกินป้าคงต้องไปทวงถามทางเพจแล้ว”
“ท่าทางจะชอบจริงๆ นะครับ ถึงขั้นตามไปทวงเลย”
“ก็คนมันชอบนี่คะคุณวัธน์ มีแค่ป้าคนเดียวที่ไหนล่ะที่ไปทวง แฟนๆ หลายคนก็ถามถึงกันบ่อย แต่บางครั้งป้าก็สงสารเธอ”
“ทำไมเหรอครับ” จู่ๆ เขาก็อยากรู้เรื่องของนักเขียนขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ก็มีบางคนไปวิจารณ์เธอว่างานเขียนเริ่มถอยหลังลงคลอง บทหวานๆ ก็เริ่มไม่ค่อยมี ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เธอเขียน อย่างเล่มที่ป้าลืมไว้เมื่อวานนั้นเป็นเรื่องแรกของเธอเลยนะคะ ป้าอ่านไม่รู้กี่รอบแล้วก็ยังชอบ ดีนะคะที่ไม่หายถ้าอย่างนั้นป้าคงเสียดายแย่เลยเพราะหาซื้อไม่ได้แล้ว”
กวีวัธน์แอบยิ้ม อย่าว่าแต่ป้าอ่านแล้วชอบเลย ขนาดเขาอ่านยังรู้สึกว่ามันลงตัวมาก แม้จะไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนแต่พอได้อ่านก็ถึงกับวางไม่ลง
หลังจากทานอาหารเช้าฝีมือป้าอุ่นแล้ว กวีวัธน์ก็มานั่งทำงานต่อในห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี เย็นนี้เขานัดผู้หญิงไว้ที่โรงแรมหรูย่านชานเมือง กะว่าคืนนี้จะจัดเต็มจนถึงเช้าเลยทีเดียว
ชายหนุ่มออกจากบ้านในเวลาหนึ่งทุ่ม กะเวลาให้ถึงโรงแรมสองทุ่มตามเวลาที่นัด
ผู้หญิงที่นัดมาวันนี้เขาเป็นคนเลือกจากรูปทั้งหมดที่โมเดลลิ่งแห่งหนึ่งส่งมาให้ เลือกคนที่มีรูปร่างและลักษณะใกล้เคียงกับผู้หญิงที่อยู่บนปกนิยายมากที่สุด
แต่แล้วทุกอย่างมันก็พังไม่เป็นท่า ไม่ว่าเด็กที่เรียกมาจะพยายามมากแค่ไหนทุกอย่างก็ไม่เป็นผล สุดท้ายกวีวัธน์ก็เลยจ่ายค่าเสียเวลาบวกกับค่าปิดปากให้กับผู้หญิงคนนั้นอีกจำนวนหนึ่ง
เขาขับรถกลับมาถึงบ้านในเวลาตีหนึ่ง สายตาคมมองไปทั่วห้องหวังว่าวันนี้ป้าอุ่นจะลืมหนังสือไว้อย่างเดิม
แล้วเขาก็ถอนหายใจเมื่อหาจนทั่วก็ไม่เจอหนังสือเล่มนั้น เขาจำได้ว่าป้าอิ่มพูดถึงเพจนักเขียนที่ชื่อพริบพราว ชายหนุ่มหยิบไอแพดขึ้นมาค้นหาจนเจอเพจที่ว่า
นับว่าเป็นเรื่องดีที่หนังสือของพริบพราวมีแบบอีบุ๊กด้วย แต่กวีวัธน์ก็รู้สึกผิดหวังเพราะเล่มที่เขาอ่านเมื่อวานไม่มีจำหน่ายในรูปแบบอีบุ๊ก แต่ก็ยังดีที่มีเล่มอื่นให้อ่านบ้าง
ความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเมื่อวานกลับมาอีกครั้ง แต่เพราะเป็นเวลาดึกมากแล้วเขาเลยต้องช่วยตัวเองไปก่อน และวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้จะเรียกเด็กมาอีกสักครั้งและจะไม่ลืมเอาไอแพดไปด้วยอย่างแน่นอน
“พี่วัธน์ขา น้องเอยรออยู่นะคะ”เสียงหวานของน้องเอยปลุกชายหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ให้หันมามองหน้าเธออีกครั้ง เมื่อครู่เธอทำให้เขาได้ปลดปล่อยไปแล้วด้วยปากเล็กๆ ของเธอ และมันถึงเวลาที่เขาควรจะเดินหน้าต่อ แต่แล้วเจ้าน้องชายของเขากลับไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด“ขอโทษนะครับ น้องเอย พอดีพี่นึกได้ว่ามีธุระด่วน”“พี่วัธน์จะมาทิ้งกันไว้อย่างนี้ไม่ได้นะคะ” หญิงสาวออดอ้อนด้วยเสียงหวานพลางเข้ามาเบียดกายนุ่มกับท่อนเอ็นที่หลับใหลไปแล้วอย่างยั่วยวน“ไม่ต้องกังวลนะครับ เดี๋ยวจ่ายพิเศษให้ พี่ต้องไปจริงๆ ครับ”เอาโอนเงินให้กับเด็กสาวตามราคาที่โมเดลลิ่งแจ้งบวกกับค่าเสียเวลาอีกเท่าตัว ก่อนที่จะรีบสวมเสื้อผ้าแล้วกลับออกมาอย่างคนหัวเสียเมื่อครู่ที่เขาได้ปลดปล่อยมันไม่ใช่เพราะเธอทำให้เขามีความสุข แต่เพราะตอนนั้นเขาเพิ่งอ่านนิยายอีโรติกก่อนที่เธอจะเข้ามาหากวีวัธน์ไม่รู้ว่าอาการที่เป็นอยู่นี้มันเพราะอะไร ทำไมเขาถึงมีอารมณ์กับการอ่านหนังสือเท่านั้นชายหนุ่มรีบโทรศัพท์ไปปรึกษากับอิศเรศโดยไม่สนใจว่าเวลานี้เจ้าตัวจะกำลังพักผ่อนอยู่หรือเปล่า“เรื่องด่วนเหรอวัธน์โทรมาดึกเลยนะ”“ขอเวลาคุยด้วยหน่อยว่างไหม”“ว่าง
เกือบสัปดาห์ที่งานของพราวรวีไม่คืบหน้าเลยสักนิด งานแปลที่รับมาก่อนหน้านั้นเสร็จเรียบร้อยและส่งให้ผู้ว่าจ้างจนได้เงินมานอนอยู่ในกระเป๋า แต่งานส่วนตัวที่ต้องแก้ไขและส่งยังไม่ได้เริ่มลงมือเลยตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอพยายามอ่านนิยายของนักเขียนท่านอื่นเพื่อหาแนวทางมาปรับเข้ากับงานของตัวเองแต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะทุกคนก็มีสไตล์ของตัวเอง ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปงานของคงไม่ได้ตีพิมพ์ตามกำหนดแน่ๆสมองตันแล้วใครมีไอเดียดีๆ มาเสนอได้นะคะพราวรวีโพสต์ไปที่หน้าเพจของตัวเอง จากนั้นก็มีแฟนคลับตามมาให้กำลังใจกันอย่างมากมาย‘สู้นะคะคุณไรท์’ ‘ส่งกำลังใจให้นะคะ’ ‘ไรท์คะ หาแฟนสักคนสิคะเผื่อจะได้ไอเดีย’ ‘ไรท์อย่ามีแฟนนะคะ มีแล้วปวดหัว แค่ Onenight ก็พอค่ะ’ ‘แนะนำ FWB ค่ะ’ ‘เปลี่ยนบรรยากาศค่ะไรท์ ออกนั่งชิลๆ เดี๋ยวผู้ก็มาเองค่ะ’ ‘อย่าให้รอนานนะคะ หยอดกระปุกรอแล้วจ้า’ พราวรวีอ่านแล้วก็ยิ้มตาม แม้ตอนนี้ตัวเองจะโดดเดี่ยวแต่ก็ยังมีบรรดานักอ่านทั้งหลายคอยให้กำลังใจ ในเมื่อยังมีคนรอคอยงานเขียนของเธอ“คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ยายพราว” หญิงสาวพูดให้กำลังใจตัวเองหญิงสาวกำลังคิดถึง One Night Stand ( ความส
“คุณหล่อเหมือนพระเอกนิยายของฉันมาก” ใบหน้าหวานยื่นเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นผสมไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ“ผมไม่ใช่พระเอกในนิยาย ผมมีตัวตนจริงๆ”“ฉันรู้ ฉันถึงอยากให้คุณนอนกับฉัน ถ้าคุณไม่รังเกียจ” ใบหน้าสวยแดงระเรื่อไปจนถึงใบหูไม่รู้เพราะว่าเมาหรือเพราะเธอกำลังอายกันแน่คนที่นกเขาไม่ขันมานานกลับรู้สึกถึงความตื่นตัวจนแทบจะกระโจนเข้าใส่กวีวัธน์จุมพิตแผ่วเบาไปบนเรียวปากอิ่ม ปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากที่เผยอรับเขาเมื่อถูกเขาปลุกเร้า ด้วยความชำนาญ ฝ่ามือหนาเคลื่อนไปตามร่างระหงก่อนจะถอดเดรสสีหวานออกโดยที่อีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีหญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายของตนเองร้อนขึ้นทีละนิด ทุกจุดที่มือหนาเลื่อนผ่านสร้างความเสียวซ่านในแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน“คุณสวยมากนะพราว” เขากระซิบเสียงแหบพร่าฝ่ามือเคลื่อนนวดคลึงสองเต้าขนาดพอเหมาะ บีบเคล้นราวกับเป็นเจ้าของ ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปปลดตะขอชั้นในแบบเกาะอกออกแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี“อื้อ ดีจัง”เสียงหวานใสร้องครางเมื่อเขาลากลิ้นเปียกชื้นไปบนยอดเต้างาม ก่อนจะครอบครองด้วยปากร้อน ดูดดึงอย่างเร่าร้อน“แบบนี้นี่เอง คุณเก่งจัง เรื่องต่อไปฉั
พราวรวีกลับมาถึงบ้านเกือบบ่ายโมง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและทานอาหารที่แวะซื้อจากร้านของพี่เจนนี่ก่อนเข้ามาเธอมองนาฬิกาที่ผนัง ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเลิกงานของญาดา หญิงสาวเก็บจานชามล้างจนสะอาด ดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะขับรถญี่ปุ่นคันเล็กออกจากบ้าน ตรงไปยังสำนักพิมพ์ที่ญาดาทำงานอยู่“เอางานมาส่งพี่เหรอคะน้องพราว ไม่เห็นต้องมาเองเลยนะคะ ส่งทางเมลแบบเดิมก็ได้”“เปล่าค่ะพี่ดา พราวมีเรื่องจะถาม”“ถามเรื่องอะไร ท่าทางเครียดเชียว”“พราวอยากได้เบอร์โทรของผู้ชายที่พี่ดาจ้างไปให้พราวเมื่อคืนค่ะ”“อะไรนะ ใครจ้างใคร พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”พราวรวีเล่าเหตุการณ์ที่ชายคนนั้นแนะนำตัวเองกับเธอให้กับบรรณาธิการรุ่นพี่ฟังอย่างไม่มีปิดบัง“พี่ไม่ได้จ้างใครไปจริงๆ นะ พี่จะทำอย่างนั้นทำไม”“แต่ผู้ชายคนนั้นเขารู้จักกับพี่”“ผู้ชายที่ว่าชื่ออะไรหน้าตาเป็นยังไงไหนลองบอกพี่สิ” ญาดามีลางสังหรว่าผู้ชายคนที่นักเขียนสาวพูดถึงจะเป็นคนเดียวกับญาติของเธอ“ตัวสูง ใบหน้าคม คิ้วเข้ม รวมๆ แล้วก็หล่อค่ะ เขาบอกว่าชื่อวัธน์” เธอตอบไปตามที่ได้รู้มา แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่
กว่าจะประชุมเสร็จก็ถึงเวลาเลิกงานพอดี วันนี้กวีวัธน์รู้สึกอารมณ์ดีกว่าทุกวัน เพราะตอนนี้เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้วชายหนุ่มนัดเจอเพื่อนๆ ที่ผับหรูแห่งหนึ่งที่มักใช้เป็นที่สังสรรค์เป็นประจำ วันนี้เขามาถึงเป็นคนแรกเพราะออกจากที่ทำงานก็ตรงมาที่นี่เลยเพราะไม่อยากเสียเวลากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเขานั่งรอเพื่อนโดยมีสาวมาคอยบริการอยู่ไม่ห่าง กวีวัธน์เล็งเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เขาจะพาสาวน้อยคนไหนกลับไปสนุกกับเขาที่โรงแรมต่อ“เฮ้ย วัธน์ทำไมดูอารมณ์ดีจัง หรือว่าเรื่องนั้น” คุณหมออิศเรศที่มาถึงเป็นคนที่สองอดแปลกใจไม่ได้“อือ มันกลับมาเป็นปกติแล้ว”“ดีใจด้วยนะ ไปทำอีท่าไหนล่ะ”“อย่ารู้เลย เรื่องมันยาวเอาเป็นว่าตอนนี้ฉันปกติดีแล้ว”“อะไรปกติเหรอคุณวัธน์” ภากรเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงถามขึ้น“สงสัยน้องชายมันกลับมาทำงานได้แล้ว” ฐากูรเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายพูดขึ้นอย่างรู้ทัน“จริงเหรอ”“อือ”พอทุกคนมาครบแล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกนาน กวีวัธน์ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้มาก่อน ร่างกายที่เคยห่อเหี่ยวกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งเขาอยู่พูดคุยกับเพื่อนจนเที่ยงคืนก็ขอตัวกลับโดยพาสาวสวยกลับไปด้วยถึงสองคน“อย่าหนัก
พราวรวีนั่งทำงานต่อจนเกือบเที่ยงคืน ช่วงอีโรติกที่เอามาแก้ไขช่วงแรกเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หญิงสาวรีบส่งอีเมลไปให้ญาดา จากนั้นก็เตรียมตัวเข้านอนแม้ว่าจะเหลืออีกหลายช่วงที่ต้องแก้ไข แต่ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้างเพราะหลังจากมีประสบการณ์บนเตียงเกินขึ้นกับตัวเองแล้วเธอก็มองภาพได้ชัดขึ้นไม่รู้ว่านิยายเรื่องแรกเธอไปเอาความคิดคำพูดและความรู้สึกของตัวละครมาจากไหน แต่คิดว่าคงเป็นเพราะอ่านมามากเลยจำของนักเขียนท่านอื่นมาปรับใช้ แต่พอเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวก็ไม่ค่อยได้ศึกษางานของคนอื่น เนื่องจากอยากมีงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์จึงไม่อ่านงานของคนอื่นอีกเลยแต่ผลที่ตามมาก็คืองานสองเล่มล่าสุดยอดขายมีเพียงแค่หยิบมือ เพราะฉะนั้นเล่มที่กำลังเขียนอยู่นี้พราวรวีจึงต้องทำให้ดีที่สุด เธอคงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน แค่นี้ก็เกรงใจพี่ญาดามากพอตัวอยู่แล้ว เพราะญาดาเป็นคนรับหน้ากับเจ้าของสำนักพิมพ์แทนเธอมาตลอดแสงทองของเช้าวันใหม่จับที่เส้นขอบฟ้า พราวรวีบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอนกว้าง มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เธอจะต้องตื่นแต่เช้า เพราะงานที่ทำอยู่ไม่มีใครบังคับว่าจะต้องตื่นเวลาไหน แต่หญิงสาวอยากสร้างวินัยให้ตน
กวีวัธน์ขับรถออกจากบ้านของคุณนักเขียนสาว ยังไม่ทันถึงหน้าหมู่บ้าน จู่ๆ ฝนก็ตกอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังไปทั่ว แล้วสองข้างทางก็มืดลงบ้านทุกหลังที่ขับรถผ่านมืดสนิท เขาไม่รู้ว่าไฟฟ้าจะดับนานแค่ไหน แล้วพราวรวีจะอยู่คนเดียวได้หรือเปล่า ใจหนึ่งอยากขับรถกลับไปแต่อีกใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้ถึงแม้จะตกลงเป็นเพียงแค่คู่นอน แต่เขาก็คงไม่ใจร้ายทิ้งให้เธออยู่ท่ามกลางความมืดตามลำพังในคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ชายหนุ่มกลับรถที่หน้าหมู่บ้านก่อนจะขับกลับมายังบ้านหลังเดิม เจ้าของบ้านไม่ได้ล็อกประตูรั้ว เธอประมาทเกินไปแล้ว เพราะคนสมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเตือนเธอสักหน่อยขายาววิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาในบริเวณบ้าน ทั่วบริเวณยังคงมืดสนิท เขาเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ สายตาคมมองหาเจ้าของบ้านไปทั่ว“พราว ส่งเสียงหน่อย คุณอยู่ไหน” เขาตะโกนแข่งกับสายฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆเรียกอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงขานรับ กวีวัธน์เดินตรงไปยังห้องนอนทั้งที่ตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน แสงไฟสาดไปทั่วห้องนอนก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง“พราว เป็นอะไร” เขาเดินเข้าไปใกล้ หญิงสาวรีบขยับตัวหนีด้วยความตกใจ“ผมเอง
พราวรวีรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งตัว เธอพยายามฝืนลุกขึ้นมาอย่างเงียบที่สุด อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโตอย่างเคย หญิงสาวเอาชุดที่กวีวัธน์ใส่ไว้ในตะกร้าเข้าเครื่องปั่น จากนั้นก็นั่งเขียนนิยายต่อ เพราะใช้พลังงานไปมากเช้านี้เธอเลยไม่มีแรงฝึกโยคะ “คุณตื่นเช้าจัง” ชายหนุ่มเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอน เขาสวมเพียงผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเพราะชุดของตัวเองทิ้งไว้ห้องรับแขกตั้งแต่เมื่อคืน พราวรวีเงยหน้ามองแล้วก็ต้องรีบหลบเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นร่างกายของเขาชัดเจนแบบนี้ รูปร่างของเขาไม่ได้บึกบึนอย่างคนออกกำลังกายอย่างหนักหรือคนที่ชอบเล่นกล้าม แต่มันดูลีนและสุขภาพดีจนเธออดชื่นชมไม่ได้ ไหล่กว้าง สะโพกสอบ ช่วงลำตัวมีกล้ามแค่เล็กน้อย ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อคิดว่าถ้าได้เอื้อมมือไปสัมผัสจะให้ความรู้สึกแบบไหน “ไปแต่งตัวก่อนไหม มาเดินโป๊อยู่กลางบ้านแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวรีบปราบ “ก็ผมออกมาเอาชุด จำได้ว่าเมื่อคืนถอดทิ้งไว้แถวโซฟา” “ฉันเอาไปแขวนไว้ในห้องน้ำ ส่วนชุดที่เปียกกำลังอบอยู่เดี๋ยวคงเสร็จ คุณจะไปอาบน้ำรอเลยก็ได้ ถ