กว่าจะประชุมเสร็จก็ถึงเวลาเลิกงานพอดี วันนี้กวีวัธน์รู้สึกอารมณ์ดีกว่าทุกวัน เพราะตอนนี้เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้ว
ชายหนุ่มนัดเจอเพื่อนๆ ที่ผับหรูแห่งหนึ่งที่มักใช้เป็นที่สังสรรค์เป็นประจำ วันนี้เขามาถึงเป็นคนแรกเพราะออกจากที่ทำงานก็ตรงมาที่นี่เลยเพราะไม่อยากเสียเวลากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน
เขานั่งรอเพื่อนโดยมีสาวมาคอยบริการอยู่ไม่ห่าง กวีวัธน์เล็งเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เขาจะพาสาวน้อยคนไหนกลับไปสนุกกับเขาที่โรงแรมต่อ
“เฮ้ย วัธน์ทำไมดูอารมณ์ดีจัง หรือว่าเรื่องนั้น” คุณหมออิศเรศที่มาถึงเป็นคนที่สองอดแปลกใจไม่ได้
“อือ มันกลับมาเป็นปกติแล้ว”
“ดีใจด้วยนะ ไปทำอีท่าไหนล่ะ”
“อย่ารู้เลย เรื่องมันยาวเอาเป็นว่าตอนนี้ฉันปกติดีแล้ว”
“อะไรปกติเหรอคุณวัธน์” ภากรเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงถามขึ้น
“สงสัยน้องชายมันกลับมาทำงานได้แล้ว” ฐากูรเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
“จริงเหรอ”
“อือ”
พอทุกคนมาครบแล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกนาน กวีวัธน์ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้มาก่อน ร่างกายที่เคยห่อเหี่ยวกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้ง
เขาอยู่พูดคุยกับเพื่อนจนเที่ยงคืนก็ขอตัวกลับโดยพาสาวสวยกลับไปด้วยถึงสองคน
“อย่าหนักเกินไปละ อย่าลืมว่าพรุ่งนี้ยังต้องทำงาน”
เสียงฐากูรตะโกนไล่หลัง
กวีวัธน์สนุกกับสองสาวจนถุงยางหมดกล่อง แต่ตัวเขาเองกลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด ในสมองเอาแต่จะคิดถึงใบหน้าและเสียงครางหวานของนักเขียนสาวจนรู้สึกโมโหตัวเอง
เขาออกมาจากโรงแรมในเวลาตีสาม พอมาถึงบ้านก็นอนไม่หลับ เขาจึงนั่งทำงานต่อจนถึงเช้า จากนั้นก็รีบแต่งตัวออกไปทำงานอย่างเคย
ตลอดทั้งวันกวีวัธน์แทบไม่มีสมาธิทำงาน เพราะเอาแต่คิดถึงพราวรวีจนแทบบ้า เขาเองก็ชักอยากจะรู้แล้วว่าเธอคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า
หลังเลิกงานชายหนุ่มขับรถมายังบ้านหลังเล็กของพราวรวี เขาได้ที่อยู่ของเธอจากการหลอกถามญาดาอีกที
เสียงออดที่หน้าประตูทำลายสมาธิของนักเขียนสาวอย่างมาก
“ทำไมไม่โทรมานะ” เธอบ่นกับตัวเอง เพราะคิดว่าคนที่กดออดน่าจะเป็นพนักงานส่งอาหารจากแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานเป็นประจำ
เพราะเอาแต่ก้มมองโทรศัพท์จึงไม่ทันสังเกตว่าที่หน้ารั้วไม่ใช่ไรด์เดอร์มาส่งอาหารอย่างที่คิด
“มาเร็วดีนะคะ” เธอพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
“รอผมอยู่เหรอ” กวีวัธน์ถามอย่างแปลกใจ
“คุณ มาได้ยังไง” นักเขียนสาวตกใจที่เห็นเขาอยู่หน้าบ้าน
“ขับรถมาครับ” เขาตอบอย่างยียวน
“ไม่ตลกค่ะ คุณรู้จักบ้านฉันได้ยังไง”
“ไม่เห็นยาก คุณนักเขียนคนดังขนาดนี้ใครก็รู้จัก”
“อย่ามั่ว ฉันไม่เคยให้ที่อยู่ใคร” เธอมั่นใจ ไม่มีแฟนคลับคนไหนรู้ที่อยู่ของเธอ เพราะถ้าจะติดต่อกันก็ผ่านทางเพจหรือถ้าจะฝากของให้ก็จะส่งไปที่สำนักพิมพ์
“คุณนัดใครไว้นะครับ” เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากตอบคำถามว่ารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เขาไม่อยากให้ญาดาเดือดร้อน
“ใช่ฉันนัดไว้ นั่นไงเขามาพอดี”
กวีวัธน์หันไปมองด้านหลังตัวเองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ไรด์เดอร์สวมเสื้อสีเขียว จอดมอเตอร์ไซค์และหยิบกล่องอาหารออกมาส่งให้กับเจ้าของบ้าน
“ผมกำลังหิวอยู่เลย” ชายหนุ่มถือวิสาสะเดินนำหน้าเจ้าของบ้านเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“นี่คุณ ออกไปจากบ้านฉันนะคะ คุณเข้าไปไม่ได้”
“ก็เห็นอยู่ว่าผมเข้ามาแล้ว”
“คุณกำลังบุกรุกบ้านฉันอยู่นะ ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ”
“แล้วแต่คุณเลย ต่อให้ตำรวจมากันทั้งโรงพักก็คงทำอะไรผมไม่ได้”
“มั่นใจจัง คุณคงเป็นคนใหญ่โตสินะ”
“คุณก็เคยเห็นแล้วนี่ครับว่าใหญ่ไหม” เขาตอบด้วยสีหน้านิ่งแต่แววตาดูเจ้าเล่ห์
“ทะลึ่ง” พราวรวีหน้าแดงไปจนถึงใบหู
“คุณคิดอะไรผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้นสักหน่อย”
“แบบนั้นแบบไหน” หญิงสาวรีบถามอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวค่อยคุยได้ไหม ผมหิวแล้ว ขอกินข้าวด้วยสักมื้อไม่ได้เหรอครับ”
“เรื่องอะไรมาขอข้าวบ้านคนอื่นกิน ฉันจะโทรแจ้งความจริงๆ นะ ให้เวลาคุณอีก 5 นาทีถ้ายังไม่ออกไปฉันโทรแน่ๆ” เธอย้ำด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจังจนกวีวัธน์อดขำไม่ได้
“เรื่องที่ควรจะรู้กันแค่สองคนก็คงต้องมีคนรู้เพิ่มสินะครับ สำหรับผมคงไม่เป็นไรเพราะไม่ใช่คนดังอะไร แต่ผมห่วงก็แต่คุณ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่สีหน้าดูเครียดขึ้นกว่าเดิม
“คุณพูดอะไร”
หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างสงสัย แล้วตาคู่สวยก็เบิกโพลงเมื่อกวีวัธน์บอกเธอว่าคืนนั้นเข้าเขาถ่ายคลิปที่เธออ้อนให้เขานอนด้วยไว้
“ฉันว่าคุณไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอก”
“ก็เพราะกลัวว่าพอตื่นมาตอนเช้าคุณจะโวยวายว่าผมปล้ำคุณน่ะสิ ผมเลยต้องถ่ายไว้เป็นหลักฐาน ถ้าเอาคลิปนี้ให้ตำรวจดู
แล้วบอกว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน เขาก็คงไม่อยากยุ่งจริงไหม”
“ฉันว่าคุณแค่ขู่”
“ถ้าอย่างนั้นก็โทรเลยสิครับ” เขาท้าทายเหมือนตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
พราวรวีมองหน้าเขาพลางใช้ความคิด เธอไม่ใช่คนใช้คนใจร้าย แล้วอาหารที่สั่งมาก็คงพอทานสำหรับสองคนเพราะเธอสั่งมาเผื่อสำหรับมื้อเช้าและเที่ยงของวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว
“กินแล้วต้องรีบกลับเลยนะ”
“ครับ กินแล้วจะรีบกลับ”
เมื่อเธออนุญาตเข้าก็เลยเดินตามเข้าในบ้านหลังเล็ก สายตามองไปรอบๆ ทุกอย่างที่นี่จัดไว้เรียบร้อยมาก เครื่องเรือนมีไม่กี่ชิ้น ตรงกลางห้องโถงมีชุดรับแขกตั้งอยู่ถัดไปเป็นห้องครัวเล็กๆ ที่มีเคาน์เตอร์บาร์กั้นแยกออกจากห้องรับแขกอีกที
“ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ นั่งรอที่โต๊ะเลย ห้องครัวมันแคบ”
เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะรับประทานอาหาร มองคนตัวเล็กที่เพิ่งเห็นชัดเต็มตาวันนี้กำลังเทแกงถุงใสชามอย่างคล่องแคล่ว
เขาเพิ่งสังเกตว่าพราวรวีเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างตัวเล็ก ความสูงคงไม่เกิน 165 มองจากด้านหลังเห็นว่าสะโพกของเธอกลมกลึง ยิ่งสวมกางเกงขาสั้นก็ยิ่งเน้นเรียวขาให้ดูยาวสวย
ผมที่ย้อมด้วยสีน้ำตาลอ่อน ดัดเป็นลอน ความยาวระต้นคอทำให้ดูเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยมากกว่าจะเป็นนักเขียนวัย 26 ปีอย่างที่รู้มา
“อาหารง่ายๆ คุณกินได้ไหม” เสียงของเขาทำให้คนที่เอาแต่จ้องสะดุ้ง
เขามองแกงส้มผักรวมกุ้งสด หมูผัดเปรี้ยวหวาน กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาและพะโล้ในชามแล้วก็กลืนน้ำลายลงคออย่างห้ามไม่อยู่
“ปกติคุณสั่งอาหารเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“ฉันสั่งมาเผื่อพรุ่งนี้เช้า รีบกินเถอะ” เธอตอบสั้นๆ ก่อนจะเริ่มทานโดยไม่สนใจผู้ชายตัวโตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ พราวรวีอยากให้เข้ารีบทานและรีบกลับเพราะตอนนี้เธอกำลังเขียนงานค้างไว้ สมองกำลังไหลลื่นจนกระทั่งเขามากดออด
หลังทานอาหารเสร็จเรียบร้อยกวีวัธน์ทำท่าจะยกจานไปเก็บ หญิงสาวจึงต้องรีบเอ่ยห้ามเพราะเห็นว่าไม่สมควรที่จะให้แขกทำแบบนี้
“ฉันว่าคุณรีบกลับเถอะค่ะ เดี๋ยวจานชามพวกนี้ฉันจัดการเอง”
“ผมอิ่มมาก คงขับรถไม่ไหวแน่ ขอนั่งต่ออีกแป๊บได้ไหม ให้อาหารย่อยสักนิดก็ยังดี” เขาต่อรอง
“งั้นไปรอที่ห้องรับแขกก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับงานของฉันนะ และก็ห้ามแอบอ่านด้วย”
“ผมไม่ใช่คนเสียมารยาทสักหน่อย” คนตัวโตพูดจบก็เดินไปยังห้องรับแขกที่อยู่ห่างออกไปแค่นิดเดียว
พราวรวีเก็บจานชามล้างจนสะอาดแล้ว กะว่าจะบอกให้เขากลับเพราะตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่มแล้วเธอเองก็อยากพักผ่อน
เดินกลับมายังห้องรับแขกคนที่บอกจะนั่งรอให้อาหารย่อยก็หลับอยู่บนโซฟา
“คุณ คุณวัธน์” หญิงสาวเรียกเบาๆ
“อือ” ชายหนุ่มขานรับแต่กลับพลิกตะแคงตัวหันหน้าเข้าไปอีกด้านเหมือนว่ารำคาญที่มีคนรับกวนเวลานอน
“คุณตื่นได้แล้วมานอนบ้านคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง ดึกแล้วกลับบ้านได้แล้วนะคะ”
“อือ ดึกแล้ว ง่วงแล้วขี้เกียจขับรถ”
“แต่คุณจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะคะ” เพราะเธอมักจะนั่งพิงโซฟาเวลานั่งพิมพ์งานตอนกลางคืน
“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม”
“ให้แค่ 20 นาทีนะคะ ถ้าครบแล้วคุณต้องตื่นมาล้างหน้าและกลับบ้านตกลงไหม”
พราวรวีนั่งทำงานของตัวเองไปเรื่อยจนครบเวลา 20 นาทีตามที่เขาขอ หญิงสาวก็ปลุกให้กวีวัธน์ตื่น ครั้งนี้เขาไม่อิดออดเท่าไหร่และยอมกลับแต่โดยดี
“ขอบคุณมากสำหรับอาหารเย็นนะครับ เอาไว้ผมจะแวะมาทานด้วยบ่อยๆ”
“ฉันว่าเราอย่าเจอกันอีกเลยจะดีกว่า”
“ทำไม”
“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอคะ”
“แน่นอนสิ ถ้าคุณไม่มีเหตุผลที่ดีพอ ผมจะถือว่าคุณเอาเปรียบผมนะ”
“ฉันเอาเปรียบคุณตอนไหน”
“ผมเห็นนะว่าคุณกำลังเขียนอะไรอยู่”
“คุณ ฉันบอกว่าห้ามอ่าน”
“คุณก็รู้นิสัยคนเรายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ”
พราวรวีไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาต่อว่าผู้ชายตรงหน้าดี
“ผมจะบอกให้นะ ไอ้ประสบการณ์ที่คุณได้ไปจากผมน่ะ มันแค่เศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เรื่องบนเตียงมันยังมีอะไรอีกเยอะที่คุณไม่รู้”
“ใครจะอยากรู้กัน”
“เอาน่า ไม่ต้องอาย ผมจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้คุณเองรับรองเลยว่าคุณเอาไปเขียนได้อีกเป็นสิบเรื่องเลย”
“ใครอยากได้กัน”
“วันนี้คุณอาจจะปฏิเสธ แต่วันหน้าถ้าเปลี่ยนใจก็บอกผมได้นะ ผมพร้อมเสมอเลย เบอร์ผมคุณก็มีแล้วนี่ครับ”
“กลับไปได้แล้วฉันจะพักผ่อน”
“เปลี่ยนใจโทรไปนะครับ หรือถ้าอายก็ไลน์ไปก็ได้รับรองว่าเรื่องนี้ผมไม่บอกใคร”
“กลับได้แล้ว” เธอย้ำอีกครั้ง
“โอเคครับ ผมกลับแล้ว ฝันดีนะครับคุณนักเขียน” กวีวัธน์โบกมือให้หญิงสาวก่อนที่จะเดินออกจากรั้วบ้านไปอย่างอารมณ์ดี
พราวรวีนั่งทำงานต่อจนเกือบเที่ยงคืน ช่วงอีโรติกที่เอามาแก้ไขช่วงแรกเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หญิงสาวรีบส่งอีเมลไปให้ญาดา จากนั้นก็เตรียมตัวเข้านอนแม้ว่าจะเหลืออีกหลายช่วงที่ต้องแก้ไข แต่ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้างเพราะหลังจากมีประสบการณ์บนเตียงเกินขึ้นกับตัวเองแล้วเธอก็มองภาพได้ชัดขึ้นไม่รู้ว่านิยายเรื่องแรกเธอไปเอาความคิดคำพูดและความรู้สึกของตัวละครมาจากไหน แต่คิดว่าคงเป็นเพราะอ่านมามากเลยจำของนักเขียนท่านอื่นมาปรับใช้ แต่พอเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวก็ไม่ค่อยได้ศึกษางานของคนอื่น เนื่องจากอยากมีงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์จึงไม่อ่านงานของคนอื่นอีกเลยแต่ผลที่ตามมาก็คืองานสองเล่มล่าสุดยอดขายมีเพียงแค่หยิบมือ เพราะฉะนั้นเล่มที่กำลังเขียนอยู่นี้พราวรวีจึงต้องทำให้ดีที่สุด เธอคงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน แค่นี้ก็เกรงใจพี่ญาดามากพอตัวอยู่แล้ว เพราะญาดาเป็นคนรับหน้ากับเจ้าของสำนักพิมพ์แทนเธอมาตลอดแสงทองของเช้าวันใหม่จับที่เส้นขอบฟ้า พราวรวีบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอนกว้าง มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เธอจะต้องตื่นแต่เช้า เพราะงานที่ทำอยู่ไม่มีใครบังคับว่าจะต้องตื่นเวลาไหน แต่หญิงสาวอยากสร้างวินัยให้ตน
กวีวัธน์ขับรถออกจากบ้านของคุณนักเขียนสาว ยังไม่ทันถึงหน้าหมู่บ้าน จู่ๆ ฝนก็ตกอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังไปทั่ว แล้วสองข้างทางก็มืดลงบ้านทุกหลังที่ขับรถผ่านมืดสนิท เขาไม่รู้ว่าไฟฟ้าจะดับนานแค่ไหน แล้วพราวรวีจะอยู่คนเดียวได้หรือเปล่า ใจหนึ่งอยากขับรถกลับไปแต่อีกใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้ถึงแม้จะตกลงเป็นเพียงแค่คู่นอน แต่เขาก็คงไม่ใจร้ายทิ้งให้เธออยู่ท่ามกลางความมืดตามลำพังในคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ชายหนุ่มกลับรถที่หน้าหมู่บ้านก่อนจะขับกลับมายังบ้านหลังเดิม เจ้าของบ้านไม่ได้ล็อกประตูรั้ว เธอประมาทเกินไปแล้ว เพราะคนสมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเตือนเธอสักหน่อยขายาววิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาในบริเวณบ้าน ทั่วบริเวณยังคงมืดสนิท เขาเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ สายตาคมมองหาเจ้าของบ้านไปทั่ว“พราว ส่งเสียงหน่อย คุณอยู่ไหน” เขาตะโกนแข่งกับสายฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆเรียกอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงขานรับ กวีวัธน์เดินตรงไปยังห้องนอนทั้งที่ตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน แสงไฟสาดไปทั่วห้องนอนก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง“พราว เป็นอะไร” เขาเดินเข้าไปใกล้ หญิงสาวรีบขยับตัวหนีด้วยความตกใจ“ผมเอง
พราวรวีรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งตัว เธอพยายามฝืนลุกขึ้นมาอย่างเงียบที่สุด อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโตอย่างเคย หญิงสาวเอาชุดที่กวีวัธน์ใส่ไว้ในตะกร้าเข้าเครื่องปั่น จากนั้นก็นั่งเขียนนิยายต่อ เพราะใช้พลังงานไปมากเช้านี้เธอเลยไม่มีแรงฝึกโยคะ “คุณตื่นเช้าจัง” ชายหนุ่มเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอน เขาสวมเพียงผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเพราะชุดของตัวเองทิ้งไว้ห้องรับแขกตั้งแต่เมื่อคืน พราวรวีเงยหน้ามองแล้วก็ต้องรีบหลบเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นร่างกายของเขาชัดเจนแบบนี้ รูปร่างของเขาไม่ได้บึกบึนอย่างคนออกกำลังกายอย่างหนักหรือคนที่ชอบเล่นกล้าม แต่มันดูลีนและสุขภาพดีจนเธออดชื่นชมไม่ได้ ไหล่กว้าง สะโพกสอบ ช่วงลำตัวมีกล้ามแค่เล็กน้อย ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อคิดว่าถ้าได้เอื้อมมือไปสัมผัสจะให้ความรู้สึกแบบไหน “ไปแต่งตัวก่อนไหม มาเดินโป๊อยู่กลางบ้านแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวรีบปราบ “ก็ผมออกมาเอาชุด จำได้ว่าเมื่อคืนถอดทิ้งไว้แถวโซฟา” “ฉันเอาไปแขวนไว้ในห้องน้ำ ส่วนชุดที่เปียกกำลังอบอยู่เดี๋ยวคงเสร็จ คุณจะไปอาบน้ำรอเลยก็ได้ ถ
กว่าจะถึงบ้านก็บ่ายคล้อย พราวรวีทำความสะอาดบ้านและจัดของที่ซื้อมากว่าจะเรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี เธอสั่งกับข้าวจากร้านประจำและหุงข้าวระหว่างรออาหารมาส่ง เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือเลยออกมากวาดเศษใบไม้ที่ร่วงหล่อนจากแรงของพายุเมื่อคืนที่ผ่านมา แล้วใจเจ้ากรรมก็เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ต้องขอบคุณกวีวัธน์ที่ขับรถกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธออีกครั้ง ถ้าหากไม่มีเขา เธอก็คงอยู่อย่างหวาดระแวงไปนานนับชั่วโมง พราวรวีมีความทรงจำไม่ค่อยดีเกี่ยวกับความมืดโดยเฉพาะตอนฝนกำลังตกเธอก็ยิ่งหวาดกลัว เพราะตอนที่ตัวเองยังเด็กและอยู่บ้านคนเดียว ฝนตกหนัก ไฟก็ดับมืดไปทั้งบริเวณ บิดากับมารดาซึ่งทำงานเป็นครูยังกลับมาไม่ถึงบ้านเพราะเจอกับพายุฝนอย่างหนักเธอต้องอยู่ท่ามกลางความมืดคนเดียวจนดึก จำได้ดีว่ามันมืด หนาวและน่ากลัวมากแค่ไหน ยิ่งได้ยินเสียงลมพัดกระทบใบไม้เธอก็ยิ่งหวาดผวา แม้ตอนนี้จะโตแล้วแต่ก็ยังกลัวอยู่เหมือนเดิม ถ้าแค่ไฟดับก็ไม่เท่าไหร่เพราะยังพอคลำหาไฟฉายหรือใช้แสงจากโทรศัพท์มือถือได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีทั้งฝนตก ลมพัดแรงและไฟดับพร้อมกันล่ะก็เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ไ
จักรยานยนต์จอดหน้ารั้ว คนตัวโตก็เดินไปเปิดอย่างรู้งาน พอล็อกประตูเสร็จก็เดินตามเข้ามาในบ้านหลักเล็กอย่างคุ้นเคย “ผมค้างที่นี่ได้ใช่ไหม” “ถามจริงหรือแค่ถามเป็นมารยาทคะ ฉันเห็นคุณเอากระเป๋ามาแล้ว” กวีวัธน์หัวเราะเมื่อหญิงสาวพูดอย่างรู้ทัน เขารีบเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บในห้องนอน จัดการแขวนชุดตัวเองในตู้เสื้อผ้าอีกฝั่งที่ยังพอมีพื้นที่ว่างจากนั้นอาบน้ำจนรู้สึกสดชื่นก็ออกมาหาเจ้าของบ้านที่ห้องรับแขก “อ่านอะไรอยู่เหรอครับ” ชายหนุ่มยื่นหน้าเขามาใกล้จนได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่เธอใช้ประจำ “ห้ามดูนะคะ” หญิงสาวรีบถอยห่างพร้อมเก็บเอกสารในมือเข้าแฟ้ม “ความลับเหรอครับ” “ประมาณนั้นค่ะ” “มันจะเป็นความลับได้ยังไง อีกหน่อยคุณก็ต้องพิมพ์ออกมาขายมาใช่เหรอครับ” “ไม่ใช่นิยายค่ะ มีงานอื่นนิดหน่อย” “อ้อ” เขาพยักหน้าบอกว่าตัวเองเข้าใจ “ปกตินอนดึกไหม” “ไม่เกินเที่ยงคืนค่ะ” กวีวัธน์มองนาฬิกาที่ผนังเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมง “ผมขอนั่งทำงานได้ไหม ถ้าคุณจะนอนก็บอกผมนะ”
กวีวัธน์ออกจากบาร์ในเวลาเที่ยงคืน รถหรูจอดติดไฟแดง สมองกำลังประมวลผลอย่างหนัก ถ้าตรงไปเขาก็จะกลับบ้านตัวเองแต่ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปบ้านของพราวรวีพอสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวข้อมือของเขาก็หักพวงมาลัยไปทางขวาโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างว่าแต่ขอแค่ได้นอนกอดเข้าก็มีความสุขแล้วชายหนุ่มจอดรถที่หน้ารั้วบ้าน เพราะด้านในจอดรถแค่คันเดียว เขามีกุญแจที่แอบเอาไปปั๊มไว้เป็นของตัวเอง ในวันที่เจ้าของบ้านบอกว่าวันนี้ทั้งวันเธอจะไม่ออกไปไหนเสียงเปิดประตูหน้าบ้านดึงสมาธิของพราวรวีออกจากเอกสารสัญญาตรงหน้า เธอรีบเก็บทุกอย่างลงแฟ้มก่อนจะเดินมาดู เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดเข้ามาเป็นใครก็ตกใจอยู่ไม่น้อย“อ้าว คุณวัธน์ ไหนว่าจะไม่มาไงคะ”“ผมกลัวว่าคุณจะคิดถึงผมจนนอนไม่หลับ” พูดพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี“ใครจะคิดถึงกัน ว่าแต่คุณเข้ามาได้ยังไงฉันล็อกประตูหมดแล้วนะคะ ทั้งที่รั้วและประตูบ้าน”“ผมมีกุญแจ” เขาชูกุญแจในมือให้เธอดู ก่อนจะบอกกับเธอว่าเขาแอบเอาไปปั๊มไว้ตั้งแต่วันก่อน“มากเกินไปไหมคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำอย่างนี้มันรุกล้ำความเป็นส่วนตัวกันเกินไปแล้ว” ใบหน้าหวานงอง้ำเพราะไม่ชอบสิ่งที่เขาทำอยู
ในเวลาเที่ยงของวันเสาร์บ้านหลังเล็กของพราวรวีก็ยังคงเงียบสนิท เจ้าของบ้านสาวยังคงนอนขดอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายตัวโตที่ตอนนี้กำลังเปิดแอปพลิเคชั้นสำหรับสั่งอาหาร เพราะคิดว่าถ้าคนที่นอนหลับใหลอยู่ตื่นขึ้นมาคงได้หิวจนตาลายแน่ๆเมื่อคืนทั้งเขาและเธอใช้พลังงานไปเยอะกว่าทุกครั้ง ยิ่งได้สัมผัสใกล้ชิดไร้ปราการขวางกันก็ยิ่งรู้สึกดีจนแทบอยากจะหยุดเวลาไว้ เขามั่นใจว่าตัวเองสะอาดปราศจากโรคติดต่อและก็มั่นใจว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดก็ไม่เคยมีใครอื่นนอกจากเขาการได้เป็นผู้ชายคนแรกมันรู้สึกอิ่มเอมใจ รู้สึกหวงแหนแต่เพราะเผลอไปบอกเธอว่าอยากให้เธอเป็นแค่คู่นอนก็เลยต้องมาคิดหนัก ความรู้สึกของเขาเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด พราวรวีไม่เหมือนคนอื่นที่เขาเคยเจอ คงเพราะการเริ่มต้นที่ข้ามขั้นตอนทุกอย่างไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องคอยเอาใจ เธอก็ทำตัวสบายๆ กับเขา การพูดคุยในแต่ละวันเลยเหมือนพูดคุยกับเพื่อน เขาจะกลับดึก หรือบอกว่าจะไปไม่กลับมาเธอก็ไม่เคยบ่นหรือถามถึงเหตุผล แต่ตัวเขาเองต่างหากที่อยากจะกลับมาค้างกับเธอทุกวัน อยากนอนหลับไปด้วยกันและตื่นมาเจอหน้ากันแบบนี้ทุกเช้า ถ้าครบสามเดือนแล้วความรู้สึกนี้ยังอยู่เขาคิดว
สายของวันจันทร์พราวรวีแต่งตัวออกจากบ้านและตรงมายังบริษัทที่ณิชามนทำงานอยู่ เพื่อเตรียมตัวอีกครั้ง“วันนี้เพื่อนนิสวยมากเลย”“ไม่ต้องมาชมเลย พราวเขินนะ ไม่ค่อยได้แต่ตัวแบบนี้มันดูทางการยังไงไม่รู้ นิว่าดูแก่ไปไหม”หญิงสาวหมุนตัวให้เพื่อนดู วันนี้เธอสวมสูทพอดีตัวสีเขียวมิ้นต์ กางเกงห้าส่วนแนบไปเรียวขาเล็กเสื้อด้านในเป็นเกาะอกสีขาวแต่งลายลูกไม้เล็กน้อยที่ช่วงอก ใบหน้าหวานแต่งด้วยเฉดสีอ่อน ขนตางอนปัดมาสคาร่าเน้นดวงตาให้ดูกลมโตมากขึ้น ริมฝีปากอิ่มแต้มสีนู้ดดูเรียบหรู ผมที่เคยปล่อยยาววันนี้ถักเปียและเกล้ามวยไว้บริเวณท้ายทอยติดกิ๊บลูกปัดสีขาวดูทันสมัย“แก่ตรงไหนสวยมากต่างหากล่ะ เดี๋ยวพราวรอตรงนี้นะ นิจะไปดูก่อนว่าบอสของนิมาหรือยังจะได้แนะนำให้รู้จักกันก่อน”“บอสของนิ ไม่ดุใช่ไหม”“ไม่ดูเลยสักนิด ทั้งหล่อทั้งใจดี ถ้านิยังไม่มีแฟนคงจะจีบไปแล้ว”“พราวชักอยากจะเจอแล้วสิ อยากรู้จังว่าเขาจะหล่อเหมือนพระเอกคนใหม่ของพราวไหม”ภาพใบหน้าหล่อเหลาของกวีวัธน์ก็แวบเข้ามา เธอต้องสลัดศีรษะเพื่อไล่เอาภาพเขาออกไป หมู่นี้ชักจะคิดถึงเขาบ่อยเกินไปแล้ว ทั้งที่นอนด้วยกันทุกคืนแต่พอกลางวันก็ยังคิดถึงเขาอยู่เรื่อย“บ
คุณอนงค์รีบเข้ามายังบริษัทหลังจากมีคนส่งข่าวว่าวันนี้กวีวัธน์เข้ามาทำงานและกำลังร่วมประชุมวางแผนสำหรับโครงการใหญ่ที่บริษัทกำลังยื่นซองประมูล“คิดถึงผมเหรอครับแม่” ชายหนุ่มทักทายมารดาที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก“ใครจะคิดถึงลูกไม่รักดีกัน”“อ้าว แล้วมาทำไมครับ”“ก็จะมาดูว่าแกมาทำงานหรือเปล่า”“วันนี้ผมมาทำงานที่นี่ก็เพราะพราวขอร้อง แต่แม่อย่าลืมขอตกลงที่ให้กับเธอนะครับ”“ทวงจริงเลยนะกลัวไม่ได้แต่งหรือยังไง”“คนที่กลัวไม่ได้แต่งคือผมครับไม่ใช่พราว”“เชอะ เบื่อพวกหลงผิด”“แม่ครับ ผมว่าแม่ยอมให้เราแต่งงานกันเถอะห้ามเราเลย ถ้าไม่อย่างนั้นผมกับพราวคง...”“จะทำอะไรอีก แม่ก็ยอมแล้วไง”“ผมไม่แน่ใจว่าแม่จะยอมจริงไหม ถ้าแม่ประกาศว่าเราสองคนจะแต่งงานกันในงานวันเกิดคุณแม่ที่จะถึงในสัปดาห์หน้าผมถึงจะเชื่อครับ”“อย่ามาบังคับแม่นะ”“ผมไม่ได้บังคับ ผมแค่อยากให้มาทำตามสัญญา วันประมูลโครงการสร้างศูนย์ราชการที่ผมเพิ่งประชุมไปเมื่อกี้คือหลังวันเกิดคุณแม่สองวันนะครับ แล้วตอนนี้ตัวเลขทั้งหมดก็อยู่ในมือผม”“นี่แกกล้าขู่แม่”“เปล่าครับ ผมแค่ทวงสัญญาเท่านั้น แม่ครับ คนที่จะแต่งงานและอยู่กับพราวคือผมนะครับ คนอื่นก
คุณอนงค์กลับมาถึงบ้านก็เด็กรับใช้ช่วยยกหนังสือทั้งหมดเขาไปในห้องหนังสือ เธอสั่งไม่ให้ใครเข้ามายุ่งระหว่างที่เธอกำลังอ่านหนังสือหญิงสูงวัยอ่านหนังสือไปได้เพียงไม่กี่หน้าก็ต้องรีบวางเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มันเกินกว่าที่เธอคิดไว้จากที่คิดจะเปิดใจให้กับว่าที่ลูกสะใภ้ก็ต้องเปลี่ยนใจ เธอเชื่อว่าคนที่เขียนแบบนี้ได้ก็คงผ่านประสบการณ์เรื่องแบบนั้นมาอย่างโชกโชนและด้วยเหตุผลนี้กวีวัธน์ถึงได้หลงผู้หญิงคนนี้อย่างหัวปักหัวปำเรื่องนี้คงต้องเรียกลูกชายมาคุยอีกครั้ง เธอจะไม่บังคับให้เขาแต่งงานกับณัฐณิชา แต่ก็ไม่ยอมให้แต่งงานกับพราวรวีเพราะอับอายเกินกว่าจะมีลูกสะใภ้จัดจ้านแบบนั้นกวีวัธน์พาคนรักมาทานอาหารเย็นที่บ้านของมารดาตามคำชวน วันนี้พี่ชาย พี่สะใภ้และหลานสาวทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงค่อนข้างเงียบและดุอึดอัดกว่าทุกครั้งหลังทานอาหารท่านเรียกให้ทั้งสองคนเข้ามาที่ห้องหนังสือ พราวรวีมองกองหนังสือบนโต๊ะแล้วก็หน้าซีด เธอไม่คิดว่ามารดาของคนรักจะอ่านหนังสือของตัวเอง“แม่มีอะไรจะคุยกับเราเหรอครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะวันนี้ดูท่าทางมารดาของตนเองเครียดอยู่ไม่น้อย“เรื่องแต่งงาน”“ค
คำว่ารอบเดียวไม่เคยมีจริงสำหรับคู่รักที่เร่าร้อนทั้งสองคน กว่าสงครามตัณหาจะสงบก็เกือบจะเที่ยง“เราไปทานข้าวกันก่อนดีไหมครับ แล้วพี่ค่อยไปส่งพราว”“ได้ค่ะ”ทั้งสองคนมาร้านอาหารที่อยู่ระหว่างทางกลับบ้าน นั่งทานจนอิ่มขณะกำลังจะออกจากร้านชายหนุ่มก็รับโทรศัพท์จากเลขาแจ้งว่ามีเอกสารเร่งด่วนที่ต้องรีบเข้าไปเซ็น“พราวนั่งแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง”“ตรงนี้แท็กซี่ไม่ค่อยผ่าน ถึงจะเรียกรถจากแอปก็คงต้องรออีกหลายนาที พี่ว่าพราวไปกับพี่ก่อนได้ไหม พอถึงบริษัทแล้วก็เอารถพี่กลับบ้านก็ได้”หญิงสาวไม่อยากให้เขาต้องกังวลจึงยอมตามไปที่บริษัทด้วย“ไหนๆ ก็มาถึงแล้วขึ้นไปข้างบนหน่อยไหม”“ไม่ดีกว่าค่ะ พี่ยังต้องทำงาน”“พี่ชักน้อยใจแล้วนะครับทำไมพราวทำเหมือนไม่อยากไปไหนกับพี่ ไม่อยากเข้ามาในโลกของพี่”“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่ไม่อยากกวนเวลางาน”“ไม่ได้กวนอะไรเลย นะครับที่รักขึ้นไปด้วยกันนะ”แล้วเขาก็ทำให้พราวรวีใจอ่อนยอมเดินตามเขาไปในบริษัทพราวรวีเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นเธอมาในฐานะล่าม แต่ครั้งนี้มันเปลี่ยนไปเพราะกวีวัธน์จับมือเธอไปตลอดทาง หญิงสาวจึงกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนอย่างเลี
กวีวัธน์อุ้มคนรักเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท เขาวางเธอลงบนโซฟาเพราะตอนนี้เขาเองก็เหนื่อยจนเดินต่อไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองไม่ไหวรอจนเริ่มดีขึ้นก็เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาส่งให้คนรัก ในขณะที่ร่างกายยังเปลือยเปล่าอากาศเย็นจากฝนที่ตกอย่างหนักทำให้พราวรวีเริ่มหนาว ยิ่งได้ดื่มน้ำเย็นเข้าไปเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว“พี่วัธน์คะ พราวหนาว เราขึ้นข้างบนกับเธอค่ะ”“เดินไหวแน่นะครับ ให้พี่อุ้มไหม”“ไหวค่ะ”“มองเห็นไหมให้พี่เปิดไฟดีหรือเปล่า”“ไม่ต้องค่ะ” หญิงสาวรีบร้องห้ามเพราะตอนนี้เธอกับเขาต่างไม่มีเสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาเสื้อคลุมมาให้พราวนอนรอตรงนี้ก่อนนะครับ”“พี่วัธน์ พราวไม่อยากอยู่คนเดียว” เธอขยับเข้าใกล้จนความนุ่มหยุ่นสัมผัสกับท่อนแขนของอีกคน“ขอโทษครับ พี่ลืมว่าพราวไม่ค่อยชอบความืด พี่มีวิธีคลายหนาว”กวีวัธน์พลิกให้พราวรวีขึ้นมานั่งบนตัก ร่างที่เปลือยเปล่าแนบชิดอีกครั้ง ท่อนเอ็นร้อนขยายตัวทีละนิดจนพราวรวีรู้สึกว่ามันกำลังดันบั้นท้ายของเธอ“พี่วัธน์ นี่ห้องรับแขก”“จะกลัวอะไรล่ะครับ บ้านของเรามีแค่เรา ในโรงรถก็เคยมาแล้ว”“พี่วัธน์จะหื่นไปถึงเมื่อไหร่”“หื่นจนกว่า
เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะดูหนังเรื่องไหนพราวรวีก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าไปในโรงหนังพอดี“ทำไมไม่ดูโรงธรรมดาค่ะ”พราวรวีบอกคนข้างที่เลือกโรงหนังแบบวีไอพีซึ่งทีที่นั่งแบบโซฟาตัวโตที่ปรับเอนได้ถึง 180 องศาเพราะเธอคิดว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ“พี่อยากนั่งแบบสบายๆ นี่ครับ” กวีวัธน์รีบบอกอากาศในโรงหนังค่อนข้างเย็นพราวรวีไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมมาด้วยจึงได้แต่นั่งกอดแขนตัวเองเพราะความหนาวกวีวัธน์เลยถอดเสื้อตัวนอกมาคลุม ให้และจับมือเธอส่งผ่านไออุ่นจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเพราะเป็นหนังรักโรแมนติก พระนางของเรื่องจึงแสดงความรักต่อกันมากกว่าปกติ มือที่จับอยู่กระชับแน่นมากขึ้น เขาอยากให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงพอบีบมือเธอแน่นขึ้นหญิงสาวก็หันมามองหน้าเขา เธอขยับเข้าใกล้ก่อนกระซิบเบาๆ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“พราวพี่อยากจูบ” เขากระซิบกลับ“นี่มันในโรงหนังนะคะ”“พี่รู้ แต่แถวที่เรานั่งไม่มีใครเลย ข้างหลังก็ไม่มี นะครับขอจูบนิดเดียว”“แต่ อื้ม”เสียงค้านถูกกลืนหายไปเมื่อเขาบดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ลิ้นสอดเข้ามาหยอกล้อ พราวรวีตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ พอจูบจนหนำใจเขาก็ป
กวีวัธน์รีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวรวีหลังจากที่มารดาของตนเองกลับไปได้ไม่นาน“พี่วัธน์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะมันยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน“คิดถึงครับ” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอที่หน้าโซฟา พิงศีรษะลงบนไหล่ แขนโอบเอวบางพลางหอมแก้มคนรักอีกฟอดใหญ่“บอกพราวมาเถอะค่ะ เรื่องคุณแม่ใช่ไหมคะ”“ครับ”“ทะเลาะกับท่านมาหรือเปล่า พราวขอโทษนะคะที่ทำให้พี่กับแม่มีปัญหากัน”“ขอโทษทำไมครับ พี่กับแม่เข้าใจกันดีแล้ว”“จริงเหรอคะ” หญิงสาวดีใจที่ได้ยินแบบนั้น“จริงสิครับ พี่ถึงรีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวไง”“โทรมาบอกก็ได้ไม่เห็นจะต้องเสียเวลามาเลยนี่ค่ะ”“ไม่เสียเวลาเลยพี่จะมารับพราวออกไปข้างนอกด้วยกัน”“ไปไหนคะ”“ไม่พาไปขายหรอกครับ”“รอแป๊บนะคะ พราวขอไปเปลี่ยนชุดก่อน ใส่กางเกงยีนได้ไหมคะ” เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหนเธอจึงต้องถาม อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติคนที่จะไปเจอหรือสถานที่“แต่งตัวตามสบายครับ” กวีวัธน์มองคนรักที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนด้วยสายตารักใคร่ เขาไม่เคยรักใครมากเท่าพราวรวีมาก่อน แม้กระทั่งพรลภัสเขาไม่ได้รับมากขนาดนี้ ชายหนุ่มแอบขอบคุณอดีตคนรักที่ทิ้งเขาไปในวันนี้ เพราะถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับพร
เช้าวันรุ่งขึ้นกวีวัธน์ก็ไปทำงานตั้งแต่เช้าเหมือนเคย เขานั่งทำงานได้ไม่ถึงชั่วโมงประตูห้องก็เปิดออกทั้งที่ยังไม่ได้ยินเสียงเคาะ“แม่ มาได้ยังไงครับ แล้วมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาแต่เช้าแบบนี้“แม่ว่าเราต้องคุยกันนะวัธน์”“เรื่องอะไรครับ ค่อยคุยกันตอนเย็นได้ไหม ผมว่าจะพาพราวไปทานข้าวที่บ้านพอดีเลย”“แม่ถามเลขาแล้ว เช้านี้เราไม่มีงานด่วนอะไรทั้งนั้น” คุณอนงค์รู้ว่าลูกชายจะต้องเอางานมาอ้างเธอจึงถามเลขาก่อนจะเข้ามาพบเขา“แม่ครับ”“ไปโรงพยาบาลกับแม่เดี๋ยวนี้เลยนะ”“แม่ไม่สบายเหรอครับ” เขาวางแฟ้มในมือแล้วรับเดินเข้ามาหามารดาที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานอย่างร้อนใจ“เปล่า แม่จะพาเราไปหาหมอ ไปตรวจให้แน่จะว่าเป็นอย่างที่หนูเนยพูดหรือเปล่า”“น้องเนยไปพูดอะไรกับแม่ล่ะครับ”“น้องบอกว่าลูกเสื่อมสมรรถภาพ มันไม่จริงใช่ไหมวัธน์” สีหน้าเธอดูหนักใจอย่างเห็นได้ชัด“แม่ครับ ผมว่าเรานั่งคุยกันก่อนดีกว่าไหม” เขาพามารดามานั่งยังมุมรับแขกที่อยู่ในห้องทำงานกวีวัธน์บอกมารดาว่าสิ่งที่ญัฐณิชาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด“ไปหาหมอกันดีไหม รีบรักษาเผื่อมันจะหายนะ แม่อยากอุ้มหลาน”“แม่ก็มีน้องแพรกับน้องไหมแล้วนี่ค
ขณะที่พราวรวีนั่งกระวนกระวายอยู่นั้นณัฐณิชาก็เดินกลับเข้ามายังโซฟาที่พวกเธอนั่งอยู่“คุณเนยหายเมาแล้วเหรอครับ” ภากรถามพลางยกแก้วขึ้นดื่มปิดบังรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่“ค่ะ เนยขอตัวก่อนนะคะ”“จะกลับยังไงครับ ไม่รอไอ้วัธน์ก่อนเหรอ” อิศเรศถามบ้าง“ไม่ละค่ะ ลาก่อนนะคะ”หญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือของตัวเองแล้วสะบัดหน้า ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ากำลังหนีอะไรบางอย่างพอเธอออกไปได้ไม่นานกวีวัธน์ก็เดินกลับเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มอย่างผู้ชนะ เขานั่งลงข้างพราวรวีดึงคนรักให้เขามานั่งชิดแขนแกร่งโอบลงบนไหล่เปลือยเปล่า“เกิดอะไรขึ้นค่ะพี่วัธน์ พี่ทำอะไรเธอหรือเปล่า” พราวรวีถามอยากไม่ไว้ใจเพราะทั้งสองหายไปด้วยกัน แต่อีกกลับมาก่อนและรีบกลับด้วยท่าทางที่รีบร้อนจนเห็นได้ชัด“นั่นสิ ดูเธออารมณ์เสียมากเลยนะ บอกว่าเมาแต่เดินตัวตรงเชียว” ฐากูรอดขำกับท่าทางของณัฐณิชาที่ตอนแรกเมาจนต้องให้เพื่อนของเขาประคอง แต่พอกลับมาอีกทีดูยังไงก็ไม่เหมือนคนเมาเลยสักนิด“พวกมึงก็น่าจะเดาออกนะ” กวีวัธน์หันมาตอบเพื่อน“อย่าบอกนะว่ามันไม่ขัน” ภากรมองเพื่อนแล้วทำสีหน้าตกใจ“อือ” กวีวัธน์พยักหน้าพลางหัวเราะร่วน นึกไม่ถึงว่
กวีวัธน์กับณัฐณิชาสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม เขามักจะพาเธอไปช้อปปิง ไปทานอาหารอยู่หลายครั้ง จนหญิงสาวคิดว่ายังไงเสียชายหนุ่มก็คงต้องยอมหมั้นกับเธออย่างแน่นอนมีคนบอกณัฐณิชาว่ากวีวัธน์มีผู้หญิงอีกคนซ่อนอยู่ที่บ้าน แต่พอเธอมาที่บ้านของเขา ก็ไม่เจอใครเลยนอกจากป้าอุ่นเท่านั้น เธอจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่ากวีวัธน์มีเธอเพียงแค่คนเดียวแม้จะออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้งแต่เธอกับเขาก็ยังไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง กวีวัธน์อยากรอเวลาอีกนิดเพื่อจะทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้“พี่วัธน์ขา ทำไมต้องสนิทกันขนาดนั้นด้วยล่ะคะ”พราวรวีไม่ค่อยสบายใจที่เห็นคนรักทำตัวสนิทสนมกับคนที่มารดาจะให้แต่งงานด้วย แม้จะมั่นใจว่าเขารักเธอแต่การใกล้ชิดกันก็อาจทำหลงลืมตัวได้“อย่ากลัวเลยครับ พี่กำลังทำตามแผนอยู่”“นานเป็นเดือนแล้วนะคะ พราวไม่เห็นว่าน้องเนยจะถอยห่างจากพี่เลย”“ที่รักหึงเหรอครับ”“ถ้าพราวไปสนิทกับผู้ชายแบบนั้นบ้างพี่จะหึงไหมล่ะคะ”“ไม่หึงครับ”“พี่วัธน์” พราวรวีหน้าบึ้งเมื่อได้ฟังคำตอบชายหนุ่มรีบเข้ามากอดประจบก่อนจะพูดต่อ“ที่บอกไม่หึงเพราะพี่ไม่มีทางยอมให้พราวของพี่ไปสนิทกับผู้ชายคนอื่นแบบนั้น”“แต่พี่ก็ยอมให้พราวอ