แชร์

6.ช่วยแบบฟรีๆ

 พราวรวีกลับมาถึงบ้านเกือบบ่ายโมง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและทานอาหารที่แวะซื้อจากร้านของพี่เจนนี่ก่อนเข้ามา

เธอมองนาฬิกาที่ผนัง ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเลิกงานของญาดา หญิงสาวเก็บจานชามล้างจนสะอาด ดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะขับรถญี่ปุ่นคันเล็กออกจากบ้าน ตรงไปยังสำนักพิมพ์ที่ญาดาทำงานอยู่

“เอางานมาส่งพี่เหรอคะน้องพราว ไม่เห็นต้องมาเองเลยนะคะ ส่งทางเมลแบบเดิมก็ได้”

“เปล่าค่ะพี่ดา พราวมีเรื่องจะถาม”

“ถามเรื่องอะไร ท่าทางเครียดเชียว”

“พราวอยากได้เบอร์โทรของผู้ชายที่พี่ดาจ้างไปให้พราวเมื่อคืนค่ะ”

“อะไรนะ ใครจ้างใคร พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

พราวรวีเล่าเหตุการณ์ที่ชายคนนั้นแนะนำตัวเองกับเธอให้กับบรรณาธิการรุ่นพี่ฟังอย่างไม่มีปิดบัง

“พี่ไม่ได้จ้างใครไปจริงๆ นะ พี่จะทำอย่างนั้นทำไม”

“แต่ผู้ชายคนนั้นเขารู้จักกับพี่”

“ผู้ชายที่ว่าชื่ออะไรหน้าตาเป็นยังไงไหนลองบอกพี่สิ” ญาดามีลางสังหรว่าผู้ชายคนที่นักเขียนสาวพูดถึงจะเป็นคนเดียวกับญาติของเธอ

“ตัวสูง ใบหน้าคม คิ้วเข้ม รวมๆ แล้วก็หล่อค่ะ เขาบอกว่าชื่อวัธน์” เธอตอบไปตามที่ได้รู้มา แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่เพราะตอนนั้นเธอสติไม่ค่อยจะเต็มร้อยเท่าไหร่

ใบหน้าของญาดาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น หญิงสาวรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที

“พราว รอพี่ตรงนี้จะ พี่ขอไปคุยธุระเดี๋ยว”

เดินออกมาจากห้องก็ตรงไปยังห้องประชุมเล็กที่ตอนนี้ไม่มีใครใช้งาน พอดีกับคนปลายสายกดรับ

“พี่วัธน์ บอกดามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่วัธน์เอาชื่อดาไปอ้างไปหลอกพราวใช่ไหม”

“เดี๋ยว ดา ใจเย็นก่อนดาพูดเรื่องอะไร”

“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ วันนี้พราวมาหาดาที่บริษัท มาขอเบอร์โทรพี่วัธน์”

“ก็ให้เธอไปสิครับ”

“บอกดามาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

กวีวัธน์บอกว่าเขาแค่เข้าไปทักทายพราวรวีที่กำลังเมาและจะออกไปกับคนแปลกหน้า และที่ต้องอ้างชื่อของญาดาก็เพราะอยากให้เธอไว้ใจ ชายหนุ่มเล่าแค่นั้นเพราะไม่อยากเธอเสียหายไปมากกว่านี้

“แค่นั้นแน่ใช่ไหมพี่วัธน์”

“ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ไปถามคุณพราวเองสิว่าแค่นั้นหรือเปล่า” เขาได้แต่ภาวนาว่าขอให้พราวรวีไม่ได้เล่าเรื่องราวลึกซึ้งที่เกิดขึ้นให้กับญาติผู้น้องฟัง

วางสายจากกวีวัธน์แล้วญาดาก็กลับมาห้องทำงานของตนเองอีกครั้ง

“ตงลงยังไงคะพี่ดา”

“พี่ไม่ได้จ้างจริงๆ นะ”

“พี่ดา เขาบอกรู้จักพี่นะคะ”

“อือ เขาเป็นญาติห่างๆ ของพี่เอง เขาบอกว่าจำพราวได้เพราะเคยเห็นรูปที่พราวถ่ายกับพี่ในเฟซบุ๊ก”

“แค่นั้นเหรอคะ” หญิงสาวพยายามคาดคั้นเอาคำตอบ

“แค่นั้นจริงๆ พราวมีอะไรหรือเปล่าหรือพี่วัธน์ทำอะไรพราว”

“เปล่าค่ะ พราวแค่อยากได้เบอร์เขาอยากคุยกับเขาเรื่องเมื่อคืนนิดหน่อย”

“ไม่มีอะไรแน่นะ” เธอถามนักเขียนสาวอีกครั้ง

“แน่ค่ะ”

เมื่อได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ชายคนนั้นแล้วพราวรวีก็ขอตัวกลับ

พราวรวีกลับมาถึงรถของตัวเองหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยและสตาร์ทเครื่อง แต่ยังไม่ยอมเหยียบคันเร่ง เธอลังเลว่าจะโทรศัพท์หาเขาตอนนี้หรือจะรอเวลาครบสองสัปดาห์แล้วค่อยไปเจอะเลือดที่โรงพยาบาลตามที่อ่านมาจากอินเทอร์เน็ต

กว่าหญิงสาวจะตัดสินใจได้ก็ผ่านไปเกือบสิบนาที เธอคิดว่าโทรไปถามเขาตอนนี้ดีกว่าปล่อยเวลาผ่านไปแล้วตัวเองก็จมอยู่กับความเครียดอีกสองสัปดาห์

มือเรียวกดหมายเลขสิบตัวที่ได้มาจากญาดา ทวนตัวเลขจนครบแล้วกดโทรออก

เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนออกกำลังกายอย่างหนัก รู้สึกได้ว่าการรอคอยมันช่างทรมานเหลือเกิน

“คุณกวีวัธน์ใช่ไหมคะ” เสียงหวานรีบถามทันทีเมื่ออีกฝ่ายกดรับ

“ครับ” เสียงตอบรับแบบงงๆ

“ฉันขอถามอะไรคุณหน่อย คุณตรวจเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ คุณมีโรคติดต่อร้ายแรงอะไรหรือเปล่า มีความสัมพันธ์คนอื่นโดยไม่ได้ป้องกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” หญิงสาวรัวคำถามยาวจนอีกคนอดหัวเราะไม่ได้

“ใจเย็นคุณ คุณเป็นใครครับ จู่ๆ ก็มาถามอะไรแบบนี้ผมงงไปหมดแล้ว”

“ฉัน..” เธอไม่รู้จะตอบเขายังไง

“ว่าไงครับ คุณเป็นใคร โทรผิดหรือเปล่าครับ” กวีวัธน์รู้แล้วว่าเธอคือพราวรวี เพราะเมื่อครู่ญาดาเพิ่งโทรมาบอกเขาว่าหญิงสาวอยากคุยด้วย แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไว้ก่อน

“ฉันพราวรวี”

“คุณพราวรวี อ้อ คุณคนคนเมื่อคืนสินะครับ โทรมาหาผมแบบนี้อย่าบอกนะครับว่าอยากเรียกใช้บริการผมอีก”

“พูดอะไรบ้าๆ” แม้จะอยู่คนเดียวในรถแต่หญิงสาวก็อายจนหน้าแดง

“ถ้าไม่ใช่เรื่องเมื่อคืน จะมีเรื่องอะไรที่เราจะคุยกันอีกล่ะ”

“คุณช่วยตอบคำถามที่ฉันถามไปเมื่อกี้ได้ไหม”

“คุณถามว่าอะไรบ้างนะผมฟังไม่ทัน”

พราวรวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะถามเขาไปอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปหญิงสาวก็เริ่มใจคอไม่ดี

“ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคหรอกครับ ผมว่าคุณควรกังวลเรื่องท้องดีกว่าไหม” น้ำเสียงเขาจริงจังขึ้นเพราะเมื่อเช้าอารมณ์ของเขามันรุนแรงจนหลงลืมที่จะป้องกัน แต่ถึงถ้าเขาอยากจะป้องกันก็คงทำไม่ได้เพราะถุงยางอนามัยถูกใช้หมดไปตั้งแต่ตอนกลางคืนแล้ว

“คุณมั่นใจใช่ไหมคะ ว่าคุณปลอดภัยดี”

“อืม ผมมั่นใจ”

“ค่อยโล่งอกไปที”

“ผมนึกว่าคุณจะโทรมาโวยวายเสียอีก”

“ฉันก็อยากทำอย่างนั้น แต่ถึงโวยวายไปมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ตอนนี้ขอแค่ไม่ติดโรคก็พอแล้ว” หญิงสาวคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะตอนนี้พราวรวีไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ยังเรียนไม่จบ แต่เธอโตมากพอที่จะรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้

“คุณไม่เสียใจเลยเหรอ ที่คนแรกของคุณไม่ใช่แฟนหรือคู่รัก”

“เสียใจสิ แต่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ฉันไม่ใช่สาวน้อยอ่อนต่อโลกที่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอกนะ”

“พูดอย่างกับผ่านผู้ชายมาเยอะ” เขาแปลกใจกับความคิดของเธอเป็นอย่างมาก

“ไม่ต้องมาตอกย้ำหรอกน่า ถึงฉันจะไม่ได้ช่ำชองเรื่องบนเตียง แต่ก็มีความรู้มากพออยู่หรอก”

“อยากเก่งขึ้นไหมล่ะ”

“ไม่ล่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธ หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก

“จะไม่เรียกร้องให้ผมรับผิดชอบหน่อยเหรอครับ”

“อย่าเลยค่ะ”

“แต่ผมอยากรับผิดชอบนะครับ อยากเจอคุณอีก” กวีวัธน์ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป

ถ้าเธอให้เขารับผิดชอบขึ้นมาเขาจะรับผิดชอบอย่างที่พูดไหม เพราะตอนนี้หัวใจของเขามันเย็นชากับเรื่องความรัก เขายังไม่พร้อมจะรักใครเพราะรักครั้งก่อนทำให้เจ็บจนแทบกระอัก

“ผู้หญิงเขาไม่เรียกร้องให้รับผิดชอบ คุณควรจะดีใจนะคะ เรื่องท้องไม่ต้องกังวลหรอก อีกสองวันรอบเดือนฉันก็มาแล้ว เพราะฉะนั้นนี่ถือเป็นระยะปลอดภัยของฉัน”

กวีวัธน์ต้องอึ้งกับความคิดของเธออยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นคนอื่นอาจเรียกร้องให้เขารับผิดชอบหรือไม่ก็อาจจะอยากคบหากันต่อ แต่คุณนักเขียนกลับปฏิเสธเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร มันทำให้เขาอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้

“ผมชอบนะที่คุณเป็นคนพูดตรงๆ แบบนี้”

“ก็ไม่รู้จะอ้อมค้อมทำไม ฉันเองก็ต้องขอบคุณคุณนะคะที่ทำให้ฉันได้ประสบการณ์”

“ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม คุณพราวขอบคุณผม”

“ไม่ผิดหรอก ช่วงนี้ฉันเขียนนิยายไม่ออกเพราะไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละคร แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันคงเขียนมันได้แล้ว”

กวีวัธน์ต้องอึ้งอีกครั้ง นี่เขากลายเป็นตัวอะไรสำหรับเธอกันแน่ ที่เธอเรียกร้องให้เขานอนด้วยก็เป็นเพราะอยากหาประสบการณ์เท่านั้นเองหรอกเหรอ

“ผมว่า มันก็แค่ส่วนหนึ่งของประสบการณ์เองนะครับ มันยังไม่ได้ครึ่งของนิยายเรื่องแรกของคุณเลยนะครับคุณพราว”

พราวรวีเงียบ เธอไม่คิดว่าเขาจะอ่านนิยายของเธอด้วยโดยเฉพาะนิยายเรื่องแรกที่มีฉากอีโรติกอยู่เกือบครึ่งเรื่อง

“คุณอ่านนิยายของฉัน” พราวรวีไม่คิดมาก่อนว่าแฟนหนังสือของเธอจะมีผู้ชายด้วย

“ครับ ถ้าคุณอยากได้ตัวช่วยให้คุณเขียนนิยายได้ไหลลื่น ผมว่าผมยินดีช่วยคุณนะครับ ช่วยแบบฟรีๆ เลยก็ได้”

“ขอบคุณนะคะ แต่ฉันว่าคงไม่ต้องแล้ว” เธอไม่อยากถลำลึกมากไปกว่านี้ แค่ที่ทำลงไปเมื่อคืนก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว

“แสดงว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกเหรอครับ” เขาแอบเสียดายเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกหลังจากเลิกกับแฟนสาวและยังเป็นคนทำให้เขากลับมาเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัวอีกครั้ง

“ค่ะ ไม่มีเหตุผลที่เราต้องเจอกัน”

กวีวัธน์รู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบหน้าอย่างจัง และคนอย่างเขาก็ไม่ชอบให้ผู้หญิงเมินเสียด้วย

“ผมว่าเราคงได้เจอกันอีกแน่นอน” เขาพูดอย่างมั่นใจ ก่อนที่จะวางสายไป ยิ่งเธอปฏิเสธเขาก็ยิ่งอยากเข้าใกล้

พราวรวีรู้สึกโล่งใจที่เขายืนยันว่าตัวเองไม่มีโรคติดต่อ แต่เธอจะวางใจไม่ได้เพราะฉะนั้นถ้าครบสองสัปดาห์เธอคงต้องไปตรวจเลือดอีกครั้ง 

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status