พราวรวีกลับมาถึงบ้านเกือบบ่ายโมง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและทานอาหารที่แวะซื้อจากร้านของพี่เจนนี่ก่อนเข้ามา
เธอมองนาฬิกาที่ผนัง ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเลิกงานของญาดา หญิงสาวเก็บจานชามล้างจนสะอาด ดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะขับรถญี่ปุ่นคันเล็กออกจากบ้าน ตรงไปยังสำนักพิมพ์ที่ญาดาทำงานอยู่
“เอางานมาส่งพี่เหรอคะน้องพราว ไม่เห็นต้องมาเองเลยนะคะ ส่งทางเมลแบบเดิมก็ได้”
“เปล่าค่ะพี่ดา พราวมีเรื่องจะถาม”
“ถามเรื่องอะไร ท่าทางเครียดเชียว”
“พราวอยากได้เบอร์โทรของผู้ชายที่พี่ดาจ้างไปให้พราวเมื่อคืนค่ะ”
“อะไรนะ ใครจ้างใคร พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
พราวรวีเล่าเหตุการณ์ที่ชายคนนั้นแนะนำตัวเองกับเธอให้กับบรรณาธิการรุ่นพี่ฟังอย่างไม่มีปิดบัง
“พี่ไม่ได้จ้างใครไปจริงๆ นะ พี่จะทำอย่างนั้นทำไม”
“แต่ผู้ชายคนนั้นเขารู้จักกับพี่”
“ผู้ชายที่ว่าชื่ออะไรหน้าตาเป็นยังไงไหนลองบอกพี่สิ” ญาดามีลางสังหรว่าผู้ชายคนที่นักเขียนสาวพูดถึงจะเป็นคนเดียวกับญาติของเธอ
“ตัวสูง ใบหน้าคม คิ้วเข้ม รวมๆ แล้วก็หล่อค่ะ เขาบอกว่าชื่อวัธน์” เธอตอบไปตามที่ได้รู้มา แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่เพราะตอนนั้นเธอสติไม่ค่อยจะเต็มร้อยเท่าไหร่
ใบหน้าของญาดาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น หญิงสาวรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที
“พราว รอพี่ตรงนี้จะ พี่ขอไปคุยธุระเดี๋ยว”
เดินออกมาจากห้องก็ตรงไปยังห้องประชุมเล็กที่ตอนนี้ไม่มีใครใช้งาน พอดีกับคนปลายสายกดรับ
“พี่วัธน์ บอกดามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่วัธน์เอาชื่อดาไปอ้างไปหลอกพราวใช่ไหม”
“เดี๋ยว ดา ใจเย็นก่อนดาพูดเรื่องอะไร”
“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ วันนี้พราวมาหาดาที่บริษัท มาขอเบอร์โทรพี่วัธน์”
“ก็ให้เธอไปสิครับ”
“บอกดามาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
กวีวัธน์บอกว่าเขาแค่เข้าไปทักทายพราวรวีที่กำลังเมาและจะออกไปกับคนแปลกหน้า และที่ต้องอ้างชื่อของญาดาก็เพราะอยากให้เธอไว้ใจ ชายหนุ่มเล่าแค่นั้นเพราะไม่อยากเธอเสียหายไปมากกว่านี้
“แค่นั้นแน่ใช่ไหมพี่วัธน์”
“ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ไปถามคุณพราวเองสิว่าแค่นั้นหรือเปล่า” เขาได้แต่ภาวนาว่าขอให้พราวรวีไม่ได้เล่าเรื่องราวลึกซึ้งที่เกิดขึ้นให้กับญาติผู้น้องฟัง
วางสายจากกวีวัธน์แล้วญาดาก็กลับมาห้องทำงานของตนเองอีกครั้ง
“ตงลงยังไงคะพี่ดา”
“พี่ไม่ได้จ้างจริงๆ นะ”
“พี่ดา เขาบอกรู้จักพี่นะคะ”
“อือ เขาเป็นญาติห่างๆ ของพี่เอง เขาบอกว่าจำพราวได้เพราะเคยเห็นรูปที่พราวถ่ายกับพี่ในเฟซบุ๊ก”
“แค่นั้นเหรอคะ” หญิงสาวพยายามคาดคั้นเอาคำตอบ
“แค่นั้นจริงๆ พราวมีอะไรหรือเปล่าหรือพี่วัธน์ทำอะไรพราว”
“เปล่าค่ะ พราวแค่อยากได้เบอร์เขาอยากคุยกับเขาเรื่องเมื่อคืนนิดหน่อย”
“ไม่มีอะไรแน่นะ” เธอถามนักเขียนสาวอีกครั้ง
“แน่ค่ะ”
เมื่อได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ชายคนนั้นแล้วพราวรวีก็ขอตัวกลับ
พราวรวีกลับมาถึงรถของตัวเองหญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยและสตาร์ทเครื่อง แต่ยังไม่ยอมเหยียบคันเร่ง เธอลังเลว่าจะโทรศัพท์หาเขาตอนนี้หรือจะรอเวลาครบสองสัปดาห์แล้วค่อยไปเจอะเลือดที่โรงพยาบาลตามที่อ่านมาจากอินเทอร์เน็ต
กว่าหญิงสาวจะตัดสินใจได้ก็ผ่านไปเกือบสิบนาที เธอคิดว่าโทรไปถามเขาตอนนี้ดีกว่าปล่อยเวลาผ่านไปแล้วตัวเองก็จมอยู่กับความเครียดอีกสองสัปดาห์
มือเรียวกดหมายเลขสิบตัวที่ได้มาจากญาดา ทวนตัวเลขจนครบแล้วกดโทรออก
เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนออกกำลังกายอย่างหนัก รู้สึกได้ว่าการรอคอยมันช่างทรมานเหลือเกิน
“คุณกวีวัธน์ใช่ไหมคะ” เสียงหวานรีบถามทันทีเมื่ออีกฝ่ายกดรับ
“ครับ” เสียงตอบรับแบบงงๆ
“ฉันขอถามอะไรคุณหน่อย คุณตรวจเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ คุณมีโรคติดต่อร้ายแรงอะไรหรือเปล่า มีความสัมพันธ์คนอื่นโดยไม่ได้ป้องกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” หญิงสาวรัวคำถามยาวจนอีกคนอดหัวเราะไม่ได้
“ใจเย็นคุณ คุณเป็นใครครับ จู่ๆ ก็มาถามอะไรแบบนี้ผมงงไปหมดแล้ว”
“ฉัน..” เธอไม่รู้จะตอบเขายังไง
“ว่าไงครับ คุณเป็นใคร โทรผิดหรือเปล่าครับ” กวีวัธน์รู้แล้วว่าเธอคือพราวรวี เพราะเมื่อครู่ญาดาเพิ่งโทรมาบอกเขาว่าหญิงสาวอยากคุยด้วย แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไว้ก่อน
“ฉันพราวรวี”
“คุณพราวรวี อ้อ คุณคนคนเมื่อคืนสินะครับ โทรมาหาผมแบบนี้อย่าบอกนะครับว่าอยากเรียกใช้บริการผมอีก”
“พูดอะไรบ้าๆ” แม้จะอยู่คนเดียวในรถแต่หญิงสาวก็อายจนหน้าแดง
“ถ้าไม่ใช่เรื่องเมื่อคืน จะมีเรื่องอะไรที่เราจะคุยกันอีกล่ะ”
“คุณช่วยตอบคำถามที่ฉันถามไปเมื่อกี้ได้ไหม”
“คุณถามว่าอะไรบ้างนะผมฟังไม่ทัน”
พราวรวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะถามเขาไปอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปหญิงสาวก็เริ่มใจคอไม่ดี
“ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคหรอกครับ ผมว่าคุณควรกังวลเรื่องท้องดีกว่าไหม” น้ำเสียงเขาจริงจังขึ้นเพราะเมื่อเช้าอารมณ์ของเขามันรุนแรงจนหลงลืมที่จะป้องกัน แต่ถึงถ้าเขาอยากจะป้องกันก็คงทำไม่ได้เพราะถุงยางอนามัยถูกใช้หมดไปตั้งแต่ตอนกลางคืนแล้ว
“คุณมั่นใจใช่ไหมคะ ว่าคุณปลอดภัยดี”
“อืม ผมมั่นใจ”
“ค่อยโล่งอกไปที”
“ผมนึกว่าคุณจะโทรมาโวยวายเสียอีก”
“ฉันก็อยากทำอย่างนั้น แต่ถึงโวยวายไปมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ตอนนี้ขอแค่ไม่ติดโรคก็พอแล้ว” หญิงสาวคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะตอนนี้พราวรวีไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ยังเรียนไม่จบ แต่เธอโตมากพอที่จะรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้
“คุณไม่เสียใจเลยเหรอ ที่คนแรกของคุณไม่ใช่แฟนหรือคู่รัก”
“เสียใจสิ แต่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ฉันไม่ใช่สาวน้อยอ่อนต่อโลกที่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอกนะ”
“พูดอย่างกับผ่านผู้ชายมาเยอะ” เขาแปลกใจกับความคิดของเธอเป็นอย่างมาก
“ไม่ต้องมาตอกย้ำหรอกน่า ถึงฉันจะไม่ได้ช่ำชองเรื่องบนเตียง แต่ก็มีความรู้มากพออยู่หรอก”
“อยากเก่งขึ้นไหมล่ะ”
“ไม่ล่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธ หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก
“จะไม่เรียกร้องให้ผมรับผิดชอบหน่อยเหรอครับ”
“อย่าเลยค่ะ”
“แต่ผมอยากรับผิดชอบนะครับ อยากเจอคุณอีก” กวีวัธน์ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป
ถ้าเธอให้เขารับผิดชอบขึ้นมาเขาจะรับผิดชอบอย่างที่พูดไหม เพราะตอนนี้หัวใจของเขามันเย็นชากับเรื่องความรัก เขายังไม่พร้อมจะรักใครเพราะรักครั้งก่อนทำให้เจ็บจนแทบกระอัก
“ผู้หญิงเขาไม่เรียกร้องให้รับผิดชอบ คุณควรจะดีใจนะคะ เรื่องท้องไม่ต้องกังวลหรอก อีกสองวันรอบเดือนฉันก็มาแล้ว เพราะฉะนั้นนี่ถือเป็นระยะปลอดภัยของฉัน”
กวีวัธน์ต้องอึ้งกับความคิดของเธออยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นคนอื่นอาจเรียกร้องให้เขารับผิดชอบหรือไม่ก็อาจจะอยากคบหากันต่อ แต่คุณนักเขียนกลับปฏิเสธเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร มันทำให้เขาอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้
“ผมชอบนะที่คุณเป็นคนพูดตรงๆ แบบนี้”
“ก็ไม่รู้จะอ้อมค้อมทำไม ฉันเองก็ต้องขอบคุณคุณนะคะที่ทำให้ฉันได้ประสบการณ์”
“ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม คุณพราวขอบคุณผม”
“ไม่ผิดหรอก ช่วงนี้ฉันเขียนนิยายไม่ออกเพราะไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละคร แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันคงเขียนมันได้แล้ว”
กวีวัธน์ต้องอึ้งอีกครั้ง นี่เขากลายเป็นตัวอะไรสำหรับเธอกันแน่ ที่เธอเรียกร้องให้เขานอนด้วยก็เป็นเพราะอยากหาประสบการณ์เท่านั้นเองหรอกเหรอ
“ผมว่า มันก็แค่ส่วนหนึ่งของประสบการณ์เองนะครับ มันยังไม่ได้ครึ่งของนิยายเรื่องแรกของคุณเลยนะครับคุณพราว”
พราวรวีเงียบ เธอไม่คิดว่าเขาจะอ่านนิยายของเธอด้วยโดยเฉพาะนิยายเรื่องแรกที่มีฉากอีโรติกอยู่เกือบครึ่งเรื่อง
“คุณอ่านนิยายของฉัน” พราวรวีไม่คิดมาก่อนว่าแฟนหนังสือของเธอจะมีผู้ชายด้วย
“ครับ ถ้าคุณอยากได้ตัวช่วยให้คุณเขียนนิยายได้ไหลลื่น ผมว่าผมยินดีช่วยคุณนะครับ ช่วยแบบฟรีๆ เลยก็ได้”
“ขอบคุณนะคะ แต่ฉันว่าคงไม่ต้องแล้ว” เธอไม่อยากถลำลึกมากไปกว่านี้ แค่ที่ทำลงไปเมื่อคืนก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว
“แสดงว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกเหรอครับ” เขาแอบเสียดายเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกหลังจากเลิกกับแฟนสาวและยังเป็นคนทำให้เขากลับมาเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัวอีกครั้ง
“ค่ะ ไม่มีเหตุผลที่เราต้องเจอกัน”
กวีวัธน์รู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบหน้าอย่างจัง และคนอย่างเขาก็ไม่ชอบให้ผู้หญิงเมินเสียด้วย
“ผมว่าเราคงได้เจอกันอีกแน่นอน” เขาพูดอย่างมั่นใจ ก่อนที่จะวางสายไป ยิ่งเธอปฏิเสธเขาก็ยิ่งอยากเข้าใกล้
พราวรวีรู้สึกโล่งใจที่เขายืนยันว่าตัวเองไม่มีโรคติดต่อ แต่เธอจะวางใจไม่ได้เพราะฉะนั้นถ้าครบสองสัปดาห์เธอคงต้องไปตรวจเลือดอีกครั้ง
กว่าจะประชุมเสร็จก็ถึงเวลาเลิกงานพอดี วันนี้กวีวัธน์รู้สึกอารมณ์ดีกว่าทุกวัน เพราะตอนนี้เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้วชายหนุ่มนัดเจอเพื่อนๆ ที่ผับหรูแห่งหนึ่งที่มักใช้เป็นที่สังสรรค์เป็นประจำ วันนี้เขามาถึงเป็นคนแรกเพราะออกจากที่ทำงานก็ตรงมาที่นี่เลยเพราะไม่อยากเสียเวลากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเขานั่งรอเพื่อนโดยมีสาวมาคอยบริการอยู่ไม่ห่าง กวีวัธน์เล็งเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เขาจะพาสาวน้อยคนไหนกลับไปสนุกกับเขาที่โรงแรมต่อ“เฮ้ย วัธน์ทำไมดูอารมณ์ดีจัง หรือว่าเรื่องนั้น” คุณหมออิศเรศที่มาถึงเป็นคนที่สองอดแปลกใจไม่ได้“อือ มันกลับมาเป็นปกติแล้ว”“ดีใจด้วยนะ ไปทำอีท่าไหนล่ะ”“อย่ารู้เลย เรื่องมันยาวเอาเป็นว่าตอนนี้ฉันปกติดีแล้ว”“อะไรปกติเหรอคุณวัธน์” ภากรเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงถามขึ้น“สงสัยน้องชายมันกลับมาทำงานได้แล้ว” ฐากูรเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายพูดขึ้นอย่างรู้ทัน“จริงเหรอ”“อือ”พอทุกคนมาครบแล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกนาน กวีวัธน์ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้มาก่อน ร่างกายที่เคยห่อเหี่ยวกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งเขาอยู่พูดคุยกับเพื่อนจนเที่ยงคืนก็ขอตัวกลับโดยพาสาวสวยกลับไปด้วยถึงสองคน“อย่าหนัก
พราวรวีนั่งทำงานต่อจนเกือบเที่ยงคืน ช่วงอีโรติกที่เอามาแก้ไขช่วงแรกเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หญิงสาวรีบส่งอีเมลไปให้ญาดา จากนั้นก็เตรียมตัวเข้านอนแม้ว่าจะเหลืออีกหลายช่วงที่ต้องแก้ไข แต่ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้างเพราะหลังจากมีประสบการณ์บนเตียงเกินขึ้นกับตัวเองแล้วเธอก็มองภาพได้ชัดขึ้นไม่รู้ว่านิยายเรื่องแรกเธอไปเอาความคิดคำพูดและความรู้สึกของตัวละครมาจากไหน แต่คิดว่าคงเป็นเพราะอ่านมามากเลยจำของนักเขียนท่านอื่นมาปรับใช้ แต่พอเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวก็ไม่ค่อยได้ศึกษางานของคนอื่น เนื่องจากอยากมีงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์จึงไม่อ่านงานของคนอื่นอีกเลยแต่ผลที่ตามมาก็คืองานสองเล่มล่าสุดยอดขายมีเพียงแค่หยิบมือ เพราะฉะนั้นเล่มที่กำลังเขียนอยู่นี้พราวรวีจึงต้องทำให้ดีที่สุด เธอคงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน แค่นี้ก็เกรงใจพี่ญาดามากพอตัวอยู่แล้ว เพราะญาดาเป็นคนรับหน้ากับเจ้าของสำนักพิมพ์แทนเธอมาตลอดแสงทองของเช้าวันใหม่จับที่เส้นขอบฟ้า พราวรวีบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอนกว้าง มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เธอจะต้องตื่นแต่เช้า เพราะงานที่ทำอยู่ไม่มีใครบังคับว่าจะต้องตื่นเวลาไหน แต่หญิงสาวอยากสร้างวินัยให้ตน
กวีวัธน์ขับรถออกจากบ้านของคุณนักเขียนสาว ยังไม่ทันถึงหน้าหมู่บ้าน จู่ๆ ฝนก็ตกอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังไปทั่ว แล้วสองข้างทางก็มืดลงบ้านทุกหลังที่ขับรถผ่านมืดสนิท เขาไม่รู้ว่าไฟฟ้าจะดับนานแค่ไหน แล้วพราวรวีจะอยู่คนเดียวได้หรือเปล่า ใจหนึ่งอยากขับรถกลับไปแต่อีกใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้ถึงแม้จะตกลงเป็นเพียงแค่คู่นอน แต่เขาก็คงไม่ใจร้ายทิ้งให้เธออยู่ท่ามกลางความมืดตามลำพังในคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ชายหนุ่มกลับรถที่หน้าหมู่บ้านก่อนจะขับกลับมายังบ้านหลังเดิม เจ้าของบ้านไม่ได้ล็อกประตูรั้ว เธอประมาทเกินไปแล้ว เพราะคนสมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเตือนเธอสักหน่อยขายาววิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาในบริเวณบ้าน ทั่วบริเวณยังคงมืดสนิท เขาเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ สายตาคมมองหาเจ้าของบ้านไปทั่ว“พราว ส่งเสียงหน่อย คุณอยู่ไหน” เขาตะโกนแข่งกับสายฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆเรียกอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงขานรับ กวีวัธน์เดินตรงไปยังห้องนอนทั้งที่ตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน แสงไฟสาดไปทั่วห้องนอนก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง“พราว เป็นอะไร” เขาเดินเข้าไปใกล้ หญิงสาวรีบขยับตัวหนีด้วยความตกใจ“ผมเอง
พราวรวีรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งตัว เธอพยายามฝืนลุกขึ้นมาอย่างเงียบที่สุด อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโตอย่างเคย หญิงสาวเอาชุดที่กวีวัธน์ใส่ไว้ในตะกร้าเข้าเครื่องปั่น จากนั้นก็นั่งเขียนนิยายต่อ เพราะใช้พลังงานไปมากเช้านี้เธอเลยไม่มีแรงฝึกโยคะ “คุณตื่นเช้าจัง” ชายหนุ่มเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอน เขาสวมเพียงผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเพราะชุดของตัวเองทิ้งไว้ห้องรับแขกตั้งแต่เมื่อคืน พราวรวีเงยหน้ามองแล้วก็ต้องรีบหลบเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นร่างกายของเขาชัดเจนแบบนี้ รูปร่างของเขาไม่ได้บึกบึนอย่างคนออกกำลังกายอย่างหนักหรือคนที่ชอบเล่นกล้าม แต่มันดูลีนและสุขภาพดีจนเธออดชื่นชมไม่ได้ ไหล่กว้าง สะโพกสอบ ช่วงลำตัวมีกล้ามแค่เล็กน้อย ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อคิดว่าถ้าได้เอื้อมมือไปสัมผัสจะให้ความรู้สึกแบบไหน “ไปแต่งตัวก่อนไหม มาเดินโป๊อยู่กลางบ้านแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวรีบปราบ “ก็ผมออกมาเอาชุด จำได้ว่าเมื่อคืนถอดทิ้งไว้แถวโซฟา” “ฉันเอาไปแขวนไว้ในห้องน้ำ ส่วนชุดที่เปียกกำลังอบอยู่เดี๋ยวคงเสร็จ คุณจะไปอาบน้ำรอเลยก็ได้ ถ
กว่าจะถึงบ้านก็บ่ายคล้อย พราวรวีทำความสะอาดบ้านและจัดของที่ซื้อมากว่าจะเรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี เธอสั่งกับข้าวจากร้านประจำและหุงข้าวระหว่างรออาหารมาส่ง เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือเลยออกมากวาดเศษใบไม้ที่ร่วงหล่อนจากแรงของพายุเมื่อคืนที่ผ่านมา แล้วใจเจ้ากรรมก็เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ต้องขอบคุณกวีวัธน์ที่ขับรถกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธออีกครั้ง ถ้าหากไม่มีเขา เธอก็คงอยู่อย่างหวาดระแวงไปนานนับชั่วโมง พราวรวีมีความทรงจำไม่ค่อยดีเกี่ยวกับความมืดโดยเฉพาะตอนฝนกำลังตกเธอก็ยิ่งหวาดกลัว เพราะตอนที่ตัวเองยังเด็กและอยู่บ้านคนเดียว ฝนตกหนัก ไฟก็ดับมืดไปทั้งบริเวณ บิดากับมารดาซึ่งทำงานเป็นครูยังกลับมาไม่ถึงบ้านเพราะเจอกับพายุฝนอย่างหนักเธอต้องอยู่ท่ามกลางความมืดคนเดียวจนดึก จำได้ดีว่ามันมืด หนาวและน่ากลัวมากแค่ไหน ยิ่งได้ยินเสียงลมพัดกระทบใบไม้เธอก็ยิ่งหวาดผวา แม้ตอนนี้จะโตแล้วแต่ก็ยังกลัวอยู่เหมือนเดิม ถ้าแค่ไฟดับก็ไม่เท่าไหร่เพราะยังพอคลำหาไฟฉายหรือใช้แสงจากโทรศัพท์มือถือได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีทั้งฝนตก ลมพัดแรงและไฟดับพร้อมกันล่ะก็เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ไ
จักรยานยนต์จอดหน้ารั้ว คนตัวโตก็เดินไปเปิดอย่างรู้งาน พอล็อกประตูเสร็จก็เดินตามเข้ามาในบ้านหลักเล็กอย่างคุ้นเคย “ผมค้างที่นี่ได้ใช่ไหม” “ถามจริงหรือแค่ถามเป็นมารยาทคะ ฉันเห็นคุณเอากระเป๋ามาแล้ว” กวีวัธน์หัวเราะเมื่อหญิงสาวพูดอย่างรู้ทัน เขารีบเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บในห้องนอน จัดการแขวนชุดตัวเองในตู้เสื้อผ้าอีกฝั่งที่ยังพอมีพื้นที่ว่างจากนั้นอาบน้ำจนรู้สึกสดชื่นก็ออกมาหาเจ้าของบ้านที่ห้องรับแขก “อ่านอะไรอยู่เหรอครับ” ชายหนุ่มยื่นหน้าเขามาใกล้จนได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่เธอใช้ประจำ “ห้ามดูนะคะ” หญิงสาวรีบถอยห่างพร้อมเก็บเอกสารในมือเข้าแฟ้ม “ความลับเหรอครับ” “ประมาณนั้นค่ะ” “มันจะเป็นความลับได้ยังไง อีกหน่อยคุณก็ต้องพิมพ์ออกมาขายมาใช่เหรอครับ” “ไม่ใช่นิยายค่ะ มีงานอื่นนิดหน่อย” “อ้อ” เขาพยักหน้าบอกว่าตัวเองเข้าใจ “ปกตินอนดึกไหม” “ไม่เกินเที่ยงคืนค่ะ” กวีวัธน์มองนาฬิกาที่ผนังเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมง “ผมขอนั่งทำงานได้ไหม ถ้าคุณจะนอนก็บอกผมนะ”
กวีวัธน์ออกจากบาร์ในเวลาเที่ยงคืน รถหรูจอดติดไฟแดง สมองกำลังประมวลผลอย่างหนัก ถ้าตรงไปเขาก็จะกลับบ้านตัวเองแต่ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปบ้านของพราวรวีพอสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวข้อมือของเขาก็หักพวงมาลัยไปทางขวาโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างว่าแต่ขอแค่ได้นอนกอดเข้าก็มีความสุขแล้วชายหนุ่มจอดรถที่หน้ารั้วบ้าน เพราะด้านในจอดรถแค่คันเดียว เขามีกุญแจที่แอบเอาไปปั๊มไว้เป็นของตัวเอง ในวันที่เจ้าของบ้านบอกว่าวันนี้ทั้งวันเธอจะไม่ออกไปไหนเสียงเปิดประตูหน้าบ้านดึงสมาธิของพราวรวีออกจากเอกสารสัญญาตรงหน้า เธอรีบเก็บทุกอย่างลงแฟ้มก่อนจะเดินมาดู เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดเข้ามาเป็นใครก็ตกใจอยู่ไม่น้อย“อ้าว คุณวัธน์ ไหนว่าจะไม่มาไงคะ”“ผมกลัวว่าคุณจะคิดถึงผมจนนอนไม่หลับ” พูดพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี“ใครจะคิดถึงกัน ว่าแต่คุณเข้ามาได้ยังไงฉันล็อกประตูหมดแล้วนะคะ ทั้งที่รั้วและประตูบ้าน”“ผมมีกุญแจ” เขาชูกุญแจในมือให้เธอดู ก่อนจะบอกกับเธอว่าเขาแอบเอาไปปั๊มไว้ตั้งแต่วันก่อน“มากเกินไปไหมคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำอย่างนี้มันรุกล้ำความเป็นส่วนตัวกันเกินไปแล้ว” ใบหน้าหวานงอง้ำเพราะไม่ชอบสิ่งที่เขาทำอยู
ในเวลาเที่ยงของวันเสาร์บ้านหลังเล็กของพราวรวีก็ยังคงเงียบสนิท เจ้าของบ้านสาวยังคงนอนขดอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายตัวโตที่ตอนนี้กำลังเปิดแอปพลิเคชั้นสำหรับสั่งอาหาร เพราะคิดว่าถ้าคนที่นอนหลับใหลอยู่ตื่นขึ้นมาคงได้หิวจนตาลายแน่ๆเมื่อคืนทั้งเขาและเธอใช้พลังงานไปเยอะกว่าทุกครั้ง ยิ่งได้สัมผัสใกล้ชิดไร้ปราการขวางกันก็ยิ่งรู้สึกดีจนแทบอยากจะหยุดเวลาไว้ เขามั่นใจว่าตัวเองสะอาดปราศจากโรคติดต่อและก็มั่นใจว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดก็ไม่เคยมีใครอื่นนอกจากเขาการได้เป็นผู้ชายคนแรกมันรู้สึกอิ่มเอมใจ รู้สึกหวงแหนแต่เพราะเผลอไปบอกเธอว่าอยากให้เธอเป็นแค่คู่นอนก็เลยต้องมาคิดหนัก ความรู้สึกของเขาเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด พราวรวีไม่เหมือนคนอื่นที่เขาเคยเจอ คงเพราะการเริ่มต้นที่ข้ามขั้นตอนทุกอย่างไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องคอยเอาใจ เธอก็ทำตัวสบายๆ กับเขา การพูดคุยในแต่ละวันเลยเหมือนพูดคุยกับเพื่อน เขาจะกลับดึก หรือบอกว่าจะไปไม่กลับมาเธอก็ไม่เคยบ่นหรือถามถึงเหตุผล แต่ตัวเขาเองต่างหากที่อยากจะกลับมาค้างกับเธอทุกวัน อยากนอนหลับไปด้วยกันและตื่นมาเจอหน้ากันแบบนี้ทุกเช้า ถ้าครบสามเดือนแล้วความรู้สึกนี้ยังอยู่เขาคิดว