“พี่วัธน์ขา น้องเอยรออยู่นะคะ”
เสียงหวานของน้องเอยปลุกชายหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ให้หันมามองหน้าเธออีกครั้ง เมื่อครู่เธอทำให้เขาได้ปลดปล่อยไปแล้วด้วยปากเล็กๆ ของเธอ และมันถึงเวลาที่เขาควรจะเดินหน้าต่อ แต่แล้วเจ้าน้องชายของเขากลับไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด
“ขอโทษนะครับ น้องเอย พอดีพี่นึกได้ว่ามีธุระด่วน”
“พี่วัธน์จะมาทิ้งกันไว้อย่างนี้ไม่ได้นะคะ” หญิงสาวออดอ้อนด้วยเสียงหวานพลางเข้ามาเบียดกายนุ่มกับท่อนเอ็นที่หลับใหลไปแล้วอย่างยั่วยวน
“ไม่ต้องกังวลนะครับ เดี๋ยวจ่ายพิเศษให้ พี่ต้องไปจริงๆ ครับ”
เอาโอนเงินให้กับเด็กสาวตามราคาที่โมเดลลิ่งแจ้งบวกกับค่าเสียเวลาอีกเท่าตัว ก่อนที่จะรีบสวมเสื้อผ้าแล้วกลับออกมาอย่างคนหัวเสีย
เมื่อครู่ที่เขาได้ปลดปล่อยมันไม่ใช่เพราะเธอทำให้เขามีความสุข แต่เพราะตอนนั้นเขาเพิ่งอ่านนิยายอีโรติกก่อนที่เธอจะเข้ามาหา
กวีวัธน์ไม่รู้ว่าอาการที่เป็นอยู่นี้มันเพราะอะไร ทำไมเขาถึงมีอารมณ์กับการอ่านหนังสือเท่านั้น
ชายหนุ่มรีบโทรศัพท์ไปปรึกษากับอิศเรศโดยไม่สนใจว่าเวลานี้เจ้าตัวจะกำลังพักผ่อนอยู่หรือเปล่า
“เรื่องด่วนเหรอวัธน์โทรมาดึกเลยนะ”
“ขอเวลาคุยด้วยหน่อยว่างไหม”
“ว่างแค่ครึ่งชั่วโมงนะคุยมาเลย”
กวีวัธน์เล่าอาการของตัวเองให้กับเพื่อนฟังอย่างไม่มีอะไรต้องอาย ทางด้านอิศเรศฟังแล้วก็ทั้งสงสารและทั้งขำที่เพื่อนของตัวเองกลายเป็นคนมีอารมณ์ตอนอ่านนิยายแต่พอขึ้นเตียงจริงๆ กลับปลุกเจ้าน้องชายไม่ขึ้น
“ฉันว่านายน่าจะลองไปเจอนักเขียนคนนี้ดูนะ เผื่อว่าเธอจะช่วยนายได้”
“จะให้ฉันเดินไปบอกเขายังไง คุณช่วยผมหน่อยนกเขาผมไม่ขันแต่มันขันตอนอ่านนิยายของคุณ เขาได้หาว่าฉันเป็นบ้าน่ะสิ”
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก ก็แค่ไปคุยด้วยตีสนิท จากนั้นก็ลองถามว่าเธอไปเอาเรื่องราวจากไหนถึงเขียนได้ดีขนาดนั้น”
“มันน่าอายจะตาย”
“ลองก่อนน่า บางทีนักเขียนเขาก็มีข้อมูลดี ๆ เยอะ ไม่ได้บอกให้ไปนอนกับเขาสักหน่อยแค่ไปลองคุยด้วย”
“ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เห็นแค่นามปากกากับเพจที่เขาคุยกับแฟนคลับของเขา”
“มันจะยากอะไรถามญาดาสิ” อิศเรศหมายถึงลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ทำงานเป็นบรรณาธิการอยู่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง
“นั้นสิ ลืมนึกไปเลย ขอบใจนะเดี๋ยวจะลองโทรถามยายดาดู”
พอวางสายจากเพื่อนไปแล้วเขาก็โทรศัพท์ไปหาญาติผู้น้องทันที
“พี่วัธน์คะ มันใช่เวลาไหม ดาจะนอนแล้วโทรมาอะไรตอนนี้”
“พี่มีเรื่องจะถาม ขอเวลาแค่ 5 นาที”
“เรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญนะน่าดู”
“สำคัญสิ มากด้วยถ้าดาช่วยพี่ สิ้นปีนี้เตรียมแพ็กกระเป๋าไปทัวร์ยุโรปได้เลย แถมพ็อกเก็ตมันนี่อีกให้อีกด้วย”
เมื่อได้ยินข้อเสนอคนปลายสายก็ตาโตทันที แต่พอได้ยินว่าชายหนุ่มต้องการอะไรเธอก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
“พี่วัธน์ ดาไม่รู้ว่าพี่อยากจะเอาข้อมูลนักเขียนไปทำไม”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกน่า พี่ก็แค่อยากรู้จัก พี่อ่านงานของเขาแล้วมันสนุกดี ป้าอุ่นก็เป็นแฟนคลับของเขา พี่ก็เลยอยากรู้จักเผื่อจะได้พาป้าอุ่นไปเจอตัวจริง”
“ให้ป้าอุ่นมาหาดาก็ได้ เดี๋ยวดาแนะนำให้รู้จักเองนะคะ”
“พูดแบบนี้แสดงว่าดาจะไม่ช่วยพี่”
“เหตุผลของพี่มันดูไม่ค่อยเมคเซ้นส์เท่าไหร่”
“พี่รู้ว่ามันไม่เมคเซ้นส์แต่เชื่อเถอะพี่อยากเจอเธอจริง ๆ อยากรู้จัก”
“จะจีบเธอเหรอคะ ดาบอกก่อนเลยรุ่นน้องคนนี้นิสัยดีและสวยมากถ้าพี่วัธน์คิดจะควงเล่นๆ อย่าหวังเลยว่าดาจะช่วย”
“พี่ไม่คิดอะไรแบบนั้นเลย ดาก็รู้ว่าพี่เพิ่งผิดหวังเรื่องความรักมานะ พี่ไม่อยากกลับไปเป็นแบบเดิมอีกแล้ว”
“หมายถึงจะอยู่เป็นโสดแบบนี้ตลอดเหรอคะ”
“เป็นโสดก็ดีไม่ใช่เหรอ”
“ดีตรงไหนคะ”
“ถ้าไม่ดีแล้วดาจะโสดมาจนถึงตอนนี้เหรอ” คนพูดหัวเราะร่วนเพราะเขาไม่เคยเห็นญาดามีแฟนเลยสักคน
“พูดแบบนี้ไม่อยากจะช่วยแล้ว”
“โอ๋ๆ คนเก่ง พี่ขอโทษ บอกมาเถอะนะว่าเธอเป็นใคร”
“ดาบอกพี่ก็ได้แต่สัญญาก่อนว่าจะไม่ทำอันตรายเธอจะไม่คุกคามเธอ”
“สัญญาเลยว่าแต่เธอสนิทกับดามากไหม”
“ค่ะ พราวเป็นเพื่อนรุ่นน้องของดา”
เมื่อได้คำตอบแล้วกวีวัธน์ก็รู้สึกว่าเรื่องมันง่ายกว่าที่คิด ถ้าเธอเป็นเพื่อนของญาดาเขากับเธอก็คงจะคุยกันได้ไม่ยาก
“นัดให้พี่หน่อยได้ไหม”
“ช่วงนี้ดาไม่ว่างเลยค่ะ แล้วพราวก็กำลังยุ่งเรื่องต้นฉบับอยู่ด้วย”
“งั้นพี่จะเจอเธอได้ตอนไหน”
“คงอีกสักพัก แต่ถ้าพี่รอไม่ไหวก็ติดตามเพจเธอไปก่อน”
“พี่ติดตามอยู่แต่ก็ไม่เห็นมีรูปหรือข้อมูลส่วนตัวเลย”
“ลองเข้าไปหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวสิ เดี๋ยวดาส่งลิงก์ให้”
“ขอบใจมาก”
พอวางสายจากญาดาแล้วเขาก็ส่งคำขอเป็นเพื่อนไป รอไม่นานฝ่ายนั้นก็กดรับเป็นเพื่อนคงเพราะเห็นว่ามีเพื่อนร่วมกันคือญาดาและรูปไปรไฟล์ที่เขาใช้ก็เป็นรูปหนังสือนิยายเล่มแรกของเธอ ซึ่งวันนั้นเขาถ่ายของป้าอุ่นเก็บไว้
กวีวัธน์ลังเลว่าจะทักทายเธอแล้วนัดเจอกับเธอเลยดีไหม แต่แล้วก็คิดว่ามันคงเร็วเกินไป เขาอยากทำความรู้จักกับเธออีกสักหน่อย
เขายอมรับตามตรงเลยว่านักเขียนที่ใช้นามปากกว่าว่าพริบพราวนั้นดูมีเสน่ห์และน่าค้นหา เขามองรูปถ่ายของเธออย่างไม่รู้เบื่อ มองใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโต ริมฝีปากอิ่ม และอดคิดไม่ได้ว่ามันจะรู้สึกดีแค่ไหนถ้าได้อยู่ใกล้ๆ สัมผัสปากอิ่มนั้น เพียงแค่คิดเลือดในการก็สูบฉีด อะไรที่เคยหลับใหลก็เหมือนมีแรงกระตุ้น กวีวัธน์ชักไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองเป็นอะไรกันแน่ เมื่อหัวค่ำมีหญิงสาวหุ่นเย้ายวนอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่รู้สึกอะไร แต่พอเห็นรูปคุณนักเขียนเขากลับรู้สึกถึงเรื่องอย่างว่าจนต้องพาตัวเองไปจัดการในห้องน้ำอีกครั้ง เรื่องนี้กวีวัธน์คงไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเพราะมันน่าอายเกินกว่าที่จะให้ใครรู้ ชายหนุ่มรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเหมือนคนโรคจิตไปทีละนิด
และคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่นอนหลับไปพร้อมกับนิยายของนักเขียนที่ชื่อพริบพราว
ชีวิตประจำวันของกวีวัธน์ไม่มีอะไรมาก ตื่นเช้าไปทำงาน ตกเย็นก็กลับบ้าน บางครั้งก็นัดสังสรรค์เพื่อนบ้างแล้วแต่ว่าใครจะว่างมานั่งดื่มกับเขาด้วย
ถ้าเป็นแต่ก่อนพอเลิกงานเขาก็จะออกไปทานข้าว ดูหนังฟังเพลงกับพรลภัสชีวิตช่วงนั้นมีความสุขจนไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องเลิกกันไปแบบนี้
เรื่องแฟนสาวนอกใจเขาเองก็พอรู้อยู่บ้างแต่คิดว่าคงเป็นแค่ข่าวลือ เพราะเธอเป็นคนมีเสน่ห์และมีเพื่อนมาก จึงไม่ได้ระแวงเลยว่าหนึ่งในเพื่อนที่เธอไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคู่นอนของเธอในวันที่เขาบอกว่าติดงานและไปหาเธอไม่ได้
เพราะความรักที่ผิดหวังทำให้กวีวัธน์ไม่คิดจะคบกับใครอีกแล้ว อยากทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่มากกว่า
ชายหนุ่มเป็นรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัว ซึ่งมีทั้งคอนโดมิเนียมหรู โครงการหมู่บ้านจัดสรรรวมไปถึงไปถึงที่ดินเปล่าอีกจำนวนมากที่บริษัทของเขาถือครองอยู่
“บอสอ่านนิยายด้วยเหรอคะ” ณิชามนเลขาสาวที่ทำงานกับเขามาสี่ปีถามด้วยความสงสัย เพราะปกติภาพที่ปรากฏบนหน้าจอไอแพดของเจ้านายจะเป็นกราฟหุ้นหรือไม่ก็ข่าวในแวดวงธุรกิจเท่านั้น
“ไม่เชิงครับ ช่วงนี้ผมเครียด ป้าอุ่นก็เลยแนะนำให้อ่านอะไรที่เบาสมอง” ชายหนุ่มแอบขอโทษป้าอุ่นอยู่ในใจที่เอาชื่อมาอ้าง
“อ้อ นินึกว่าบอสชอบอ่านงานของคุณพริบพราว”
“คุณก็อ่านงานของเธอเหรอครับ”
“ก็ต้องอ่านสิคะ ถ้าไม่อ่านเดี๋ยวเจ้าตัวก็จะงอนเอา”
“หือ” บอสหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“เธอเป็นเพื่อนนิค่ะ”
“อ้อ เหรอครับ”
“ค่ะ ถ้าป้าอุ่นของบอสอยากได้ลายเซ็นก็บอกนะคะ ฝากหนังสือมาให้ก็ได้ค่ะ”
“เดี๋ยวผมจะบอกป้าอุ่นให้นะครับ แกคงดีใจ”
“แล้วบอสล่ะคะ ไม่อยากรู้จักเพื่อนของนิบ้างเหรอคะ” เพราะเห็นว่าบอสเพิ่งโสดและเพื่อนตัวเองก็โสด ณิชามนเลยแอบจับคู่ให้เสียเลย
กวีวัธน์ไม่ได้ตอบเลขาสาวเพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าตัวเองกำลังสนใจนักเขียนคนนี้อยู่ ถ้าใกล้ตัวมากเกินไปก็กลัวความลับของตัวเองจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
เกือบสัปดาห์ที่งานของพราวรวีไม่คืบหน้าเลยสักนิด งานแปลที่รับมาก่อนหน้านั้นเสร็จเรียบร้อยและส่งให้ผู้ว่าจ้างจนได้เงินมานอนอยู่ในกระเป๋า แต่งานส่วนตัวที่ต้องแก้ไขและส่งยังไม่ได้เริ่มลงมือเลยตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอพยายามอ่านนิยายของนักเขียนท่านอื่นเพื่อหาแนวทางมาปรับเข้ากับงานของตัวเองแต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะทุกคนก็มีสไตล์ของตัวเอง ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปงานของคงไม่ได้ตีพิมพ์ตามกำหนดแน่ๆสมองตันแล้วใครมีไอเดียดีๆ มาเสนอได้นะคะพราวรวีโพสต์ไปที่หน้าเพจของตัวเอง จากนั้นก็มีแฟนคลับตามมาให้กำลังใจกันอย่างมากมาย‘สู้นะคะคุณไรท์’ ‘ส่งกำลังใจให้นะคะ’ ‘ไรท์คะ หาแฟนสักคนสิคะเผื่อจะได้ไอเดีย’ ‘ไรท์อย่ามีแฟนนะคะ มีแล้วปวดหัว แค่ Onenight ก็พอค่ะ’ ‘แนะนำ FWB ค่ะ’ ‘เปลี่ยนบรรยากาศค่ะไรท์ ออกนั่งชิลๆ เดี๋ยวผู้ก็มาเองค่ะ’ ‘อย่าให้รอนานนะคะ หยอดกระปุกรอแล้วจ้า’ พราวรวีอ่านแล้วก็ยิ้มตาม แม้ตอนนี้ตัวเองจะโดดเดี่ยวแต่ก็ยังมีบรรดานักอ่านทั้งหลายคอยให้กำลังใจ ในเมื่อยังมีคนรอคอยงานเขียนของเธอ“คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ยายพราว” หญิงสาวพูดให้กำลังใจตัวเองหญิงสาวกำลังคิดถึง One Night Stand ( ความส
“คุณหล่อเหมือนพระเอกนิยายของฉันมาก” ใบหน้าหวานยื่นเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นผสมไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ“ผมไม่ใช่พระเอกในนิยาย ผมมีตัวตนจริงๆ”“ฉันรู้ ฉันถึงอยากให้คุณนอนกับฉัน ถ้าคุณไม่รังเกียจ” ใบหน้าสวยแดงระเรื่อไปจนถึงใบหูไม่รู้เพราะว่าเมาหรือเพราะเธอกำลังอายกันแน่คนที่นกเขาไม่ขันมานานกลับรู้สึกถึงความตื่นตัวจนแทบจะกระโจนเข้าใส่กวีวัธน์จุมพิตแผ่วเบาไปบนเรียวปากอิ่ม ปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากที่เผยอรับเขาเมื่อถูกเขาปลุกเร้า ด้วยความชำนาญ ฝ่ามือหนาเคลื่อนไปตามร่างระหงก่อนจะถอดเดรสสีหวานออกโดยที่อีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีหญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายของตนเองร้อนขึ้นทีละนิด ทุกจุดที่มือหนาเลื่อนผ่านสร้างความเสียวซ่านในแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน“คุณสวยมากนะพราว” เขากระซิบเสียงแหบพร่าฝ่ามือเคลื่อนนวดคลึงสองเต้าขนาดพอเหมาะ บีบเคล้นราวกับเป็นเจ้าของ ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปปลดตะขอชั้นในแบบเกาะอกออกแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี“อื้อ ดีจัง”เสียงหวานใสร้องครางเมื่อเขาลากลิ้นเปียกชื้นไปบนยอดเต้างาม ก่อนจะครอบครองด้วยปากร้อน ดูดดึงอย่างเร่าร้อน“แบบนี้นี่เอง คุณเก่งจัง เรื่องต่อไปฉั
พราวรวีกลับมาถึงบ้านเกือบบ่ายโมง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและทานอาหารที่แวะซื้อจากร้านของพี่เจนนี่ก่อนเข้ามาเธอมองนาฬิกาที่ผนัง ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเลิกงานของญาดา หญิงสาวเก็บจานชามล้างจนสะอาด ดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะขับรถญี่ปุ่นคันเล็กออกจากบ้าน ตรงไปยังสำนักพิมพ์ที่ญาดาทำงานอยู่“เอางานมาส่งพี่เหรอคะน้องพราว ไม่เห็นต้องมาเองเลยนะคะ ส่งทางเมลแบบเดิมก็ได้”“เปล่าค่ะพี่ดา พราวมีเรื่องจะถาม”“ถามเรื่องอะไร ท่าทางเครียดเชียว”“พราวอยากได้เบอร์โทรของผู้ชายที่พี่ดาจ้างไปให้พราวเมื่อคืนค่ะ”“อะไรนะ ใครจ้างใคร พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”พราวรวีเล่าเหตุการณ์ที่ชายคนนั้นแนะนำตัวเองกับเธอให้กับบรรณาธิการรุ่นพี่ฟังอย่างไม่มีปิดบัง“พี่ไม่ได้จ้างใครไปจริงๆ นะ พี่จะทำอย่างนั้นทำไม”“แต่ผู้ชายคนนั้นเขารู้จักกับพี่”“ผู้ชายที่ว่าชื่ออะไรหน้าตาเป็นยังไงไหนลองบอกพี่สิ” ญาดามีลางสังหรว่าผู้ชายคนที่นักเขียนสาวพูดถึงจะเป็นคนเดียวกับญาติของเธอ“ตัวสูง ใบหน้าคม คิ้วเข้ม รวมๆ แล้วก็หล่อค่ะ เขาบอกว่าชื่อวัธน์” เธอตอบไปตามที่ได้รู้มา แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่
กว่าจะประชุมเสร็จก็ถึงเวลาเลิกงานพอดี วันนี้กวีวัธน์รู้สึกอารมณ์ดีกว่าทุกวัน เพราะตอนนี้เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้วชายหนุ่มนัดเจอเพื่อนๆ ที่ผับหรูแห่งหนึ่งที่มักใช้เป็นที่สังสรรค์เป็นประจำ วันนี้เขามาถึงเป็นคนแรกเพราะออกจากที่ทำงานก็ตรงมาที่นี่เลยเพราะไม่อยากเสียเวลากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเขานั่งรอเพื่อนโดยมีสาวมาคอยบริการอยู่ไม่ห่าง กวีวัธน์เล็งเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เขาจะพาสาวน้อยคนไหนกลับไปสนุกกับเขาที่โรงแรมต่อ“เฮ้ย วัธน์ทำไมดูอารมณ์ดีจัง หรือว่าเรื่องนั้น” คุณหมออิศเรศที่มาถึงเป็นคนที่สองอดแปลกใจไม่ได้“อือ มันกลับมาเป็นปกติแล้ว”“ดีใจด้วยนะ ไปทำอีท่าไหนล่ะ”“อย่ารู้เลย เรื่องมันยาวเอาเป็นว่าตอนนี้ฉันปกติดีแล้ว”“อะไรปกติเหรอคุณวัธน์” ภากรเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงถามขึ้น“สงสัยน้องชายมันกลับมาทำงานได้แล้ว” ฐากูรเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายพูดขึ้นอย่างรู้ทัน“จริงเหรอ”“อือ”พอทุกคนมาครบแล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกนาน กวีวัธน์ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้มาก่อน ร่างกายที่เคยห่อเหี่ยวกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งเขาอยู่พูดคุยกับเพื่อนจนเที่ยงคืนก็ขอตัวกลับโดยพาสาวสวยกลับไปด้วยถึงสองคน“อย่าหนัก
พราวรวีนั่งทำงานต่อจนเกือบเที่ยงคืน ช่วงอีโรติกที่เอามาแก้ไขช่วงแรกเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หญิงสาวรีบส่งอีเมลไปให้ญาดา จากนั้นก็เตรียมตัวเข้านอนแม้ว่าจะเหลืออีกหลายช่วงที่ต้องแก้ไข แต่ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้างเพราะหลังจากมีประสบการณ์บนเตียงเกินขึ้นกับตัวเองแล้วเธอก็มองภาพได้ชัดขึ้นไม่รู้ว่านิยายเรื่องแรกเธอไปเอาความคิดคำพูดและความรู้สึกของตัวละครมาจากไหน แต่คิดว่าคงเป็นเพราะอ่านมามากเลยจำของนักเขียนท่านอื่นมาปรับใช้ แต่พอเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวก็ไม่ค่อยได้ศึกษางานของคนอื่น เนื่องจากอยากมีงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์จึงไม่อ่านงานของคนอื่นอีกเลยแต่ผลที่ตามมาก็คืองานสองเล่มล่าสุดยอดขายมีเพียงแค่หยิบมือ เพราะฉะนั้นเล่มที่กำลังเขียนอยู่นี้พราวรวีจึงต้องทำให้ดีที่สุด เธอคงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน แค่นี้ก็เกรงใจพี่ญาดามากพอตัวอยู่แล้ว เพราะญาดาเป็นคนรับหน้ากับเจ้าของสำนักพิมพ์แทนเธอมาตลอดแสงทองของเช้าวันใหม่จับที่เส้นขอบฟ้า พราวรวีบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอนกว้าง มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เธอจะต้องตื่นแต่เช้า เพราะงานที่ทำอยู่ไม่มีใครบังคับว่าจะต้องตื่นเวลาไหน แต่หญิงสาวอยากสร้างวินัยให้ตน
กวีวัธน์ขับรถออกจากบ้านของคุณนักเขียนสาว ยังไม่ทันถึงหน้าหมู่บ้าน จู่ๆ ฝนก็ตกอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังไปทั่ว แล้วสองข้างทางก็มืดลงบ้านทุกหลังที่ขับรถผ่านมืดสนิท เขาไม่รู้ว่าไฟฟ้าจะดับนานแค่ไหน แล้วพราวรวีจะอยู่คนเดียวได้หรือเปล่า ใจหนึ่งอยากขับรถกลับไปแต่อีกใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้ถึงแม้จะตกลงเป็นเพียงแค่คู่นอน แต่เขาก็คงไม่ใจร้ายทิ้งให้เธออยู่ท่ามกลางความมืดตามลำพังในคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ชายหนุ่มกลับรถที่หน้าหมู่บ้านก่อนจะขับกลับมายังบ้านหลังเดิม เจ้าของบ้านไม่ได้ล็อกประตูรั้ว เธอประมาทเกินไปแล้ว เพราะคนสมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเตือนเธอสักหน่อยขายาววิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาในบริเวณบ้าน ทั่วบริเวณยังคงมืดสนิท เขาเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ สายตาคมมองหาเจ้าของบ้านไปทั่ว“พราว ส่งเสียงหน่อย คุณอยู่ไหน” เขาตะโกนแข่งกับสายฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆเรียกอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงขานรับ กวีวัธน์เดินตรงไปยังห้องนอนทั้งที่ตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน แสงไฟสาดไปทั่วห้องนอนก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง“พราว เป็นอะไร” เขาเดินเข้าไปใกล้ หญิงสาวรีบขยับตัวหนีด้วยความตกใจ“ผมเอง
พราวรวีรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งตัว เธอพยายามฝืนลุกขึ้นมาอย่างเงียบที่สุด อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโตอย่างเคย หญิงสาวเอาชุดที่กวีวัธน์ใส่ไว้ในตะกร้าเข้าเครื่องปั่น จากนั้นก็นั่งเขียนนิยายต่อ เพราะใช้พลังงานไปมากเช้านี้เธอเลยไม่มีแรงฝึกโยคะ “คุณตื่นเช้าจัง” ชายหนุ่มเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอน เขาสวมเพียงผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเพราะชุดของตัวเองทิ้งไว้ห้องรับแขกตั้งแต่เมื่อคืน พราวรวีเงยหน้ามองแล้วก็ต้องรีบหลบเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นร่างกายของเขาชัดเจนแบบนี้ รูปร่างของเขาไม่ได้บึกบึนอย่างคนออกกำลังกายอย่างหนักหรือคนที่ชอบเล่นกล้าม แต่มันดูลีนและสุขภาพดีจนเธออดชื่นชมไม่ได้ ไหล่กว้าง สะโพกสอบ ช่วงลำตัวมีกล้ามแค่เล็กน้อย ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อคิดว่าถ้าได้เอื้อมมือไปสัมผัสจะให้ความรู้สึกแบบไหน “ไปแต่งตัวก่อนไหม มาเดินโป๊อยู่กลางบ้านแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวรีบปราบ “ก็ผมออกมาเอาชุด จำได้ว่าเมื่อคืนถอดทิ้งไว้แถวโซฟา” “ฉันเอาไปแขวนไว้ในห้องน้ำ ส่วนชุดที่เปียกกำลังอบอยู่เดี๋ยวคงเสร็จ คุณจะไปอาบน้ำรอเลยก็ได้ ถ
กว่าจะถึงบ้านก็บ่ายคล้อย พราวรวีทำความสะอาดบ้านและจัดของที่ซื้อมากว่าจะเรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี เธอสั่งกับข้าวจากร้านประจำและหุงข้าวระหว่างรออาหารมาส่ง เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือเลยออกมากวาดเศษใบไม้ที่ร่วงหล่อนจากแรงของพายุเมื่อคืนที่ผ่านมา แล้วใจเจ้ากรรมก็เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ต้องขอบคุณกวีวัธน์ที่ขับรถกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธออีกครั้ง ถ้าหากไม่มีเขา เธอก็คงอยู่อย่างหวาดระแวงไปนานนับชั่วโมง พราวรวีมีความทรงจำไม่ค่อยดีเกี่ยวกับความมืดโดยเฉพาะตอนฝนกำลังตกเธอก็ยิ่งหวาดกลัว เพราะตอนที่ตัวเองยังเด็กและอยู่บ้านคนเดียว ฝนตกหนัก ไฟก็ดับมืดไปทั้งบริเวณ บิดากับมารดาซึ่งทำงานเป็นครูยังกลับมาไม่ถึงบ้านเพราะเจอกับพายุฝนอย่างหนักเธอต้องอยู่ท่ามกลางความมืดคนเดียวจนดึก จำได้ดีว่ามันมืด หนาวและน่ากลัวมากแค่ไหน ยิ่งได้ยินเสียงลมพัดกระทบใบไม้เธอก็ยิ่งหวาดผวา แม้ตอนนี้จะโตแล้วแต่ก็ยังกลัวอยู่เหมือนเดิม ถ้าแค่ไฟดับก็ไม่เท่าไหร่เพราะยังพอคลำหาไฟฉายหรือใช้แสงจากโทรศัพท์มือถือได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีทั้งฝนตก ลมพัดแรงและไฟดับพร้อมกันล่ะก็เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ไ