เกือบสัปดาห์ที่งานของพราวรวีไม่คืบหน้าเลยสักนิด งานแปลที่รับมาก่อนหน้านั้นเสร็จเรียบร้อยและส่งให้ผู้ว่าจ้างจนได้เงินมานอนอยู่ในกระเป๋า แต่งานส่วนตัวที่ต้องแก้ไขและส่งยังไม่ได้เริ่มลงมือเลย
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอพยายามอ่านนิยายของนักเขียนท่านอื่นเพื่อหาแนวทางมาปรับเข้ากับงานของตัวเองแต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะทุกคนก็มีสไตล์ของตัวเอง ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปงานของคงไม่ได้ตีพิมพ์ตามกำหนดแน่ๆ
สมองตันแล้วใครมีไอเดียดีๆ มาเสนอได้นะคะ
พราวรวีโพสต์ไปที่หน้าเพจของตัวเอง จากนั้นก็มีแฟนคลับตามมาให้กำลังใจกันอย่างมากมาย
‘สู้นะคะคุณไรท์’
‘ส่งกำลังใจให้นะคะ’
‘ไรท์คะ หาแฟนสักคนสิคะเผื่อจะได้ไอเดีย’
‘ไรท์อย่ามีแฟนนะคะ มีแล้วปวดหัว แค่ Onenight ก็พอค่ะ’
‘แนะนำ FWB ค่ะ’
‘เปลี่ยนบรรยากาศค่ะไรท์ ออกนั่งชิลๆ เดี๋ยวผู้ก็มาเองค่ะ’
‘อย่าให้รอนานนะคะ หยอดกระปุกรอแล้วจ้า’
พราวรวีอ่านแล้วก็ยิ้มตาม แม้ตอนนี้ตัวเองจะโดดเดี่ยวแต่ก็ยังมีบรรดานักอ่านทั้งหลายคอยให้กำลังใจ ในเมื่อยังมีคนรอคอยงานเขียนของเธอ
“คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ยายพราว” หญิงสาวพูดให้กำลังใจตัวเอง
หญิงสาวกำลังคิดถึง One Night Stand ( ความสัมพันธ์แบบข้ามคืน ) หรือ FWB (ความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมหลับนอนกับเพื่อน เป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้โดยไม่ผูกมัด) ความสัมพันธ์ทั้งสองแบบนี้ค่อนข้างอันตรายสำหรับคนไร้ประสบการณ์อย่างเธอ
“หรือจะไปบาร์โฮสต์ดีนะ” หญิงสาวกำลังสับสนและเธอก็ไม่กล้าไปปรึกษาเรื่องนี้กับใคร เพราะมันดูไม่ดีเท่าไหร่สำหรับสาวโสดอย่างเธอ แต่เพราะอยากทำงานออกมาให้ดีที่สุดพราวรวีก็เลยต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง
แล้วหญิงสาวก็ตัดสินใจไปนั่งชิล เผื่อว่าสมองที่กำลังตื้อๆ อยู่นั้นจะดีขึ้น
เมื่อตัดสินใจได้แล้วพราวรวีก็ขับรถมายังโรงแรมหรูย่านชาญเมือง เลือกโรงแรมที่ผู้เข้าพักส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเพราะกลัวว่าจะเจอคนรู้จัก
เธอเช็กอินในเวลาหนึ่งทุ่ม จากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะลงมายังผับกึ่งบาร์ซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรมหรู
หญิงสาวเลือกนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ริมสุด เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจของคนอื่นจนเกินไป
“รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มถาม
“แนะนำหน่อยสิคะ”
“ขอบแบบไหนครับ”
“ขอแบบเบาๆ ก่อนแล้วกันค่ะ”
“รอสักครู่นะครับ”
จากนั้นบาร์เทนเดอร์ก็หันไปเทส่วนผสมลงในกระบอกเชก รอไม่นานเครื่องดื่มสีสวยก็มาเสิร์ฟตรงหน้า
“เหล้ารัมผสมกับผลไม้ครับ ไม่แรงมากหวังว่าคุณผู้หญิงคงชอบนะครับ”
หญิงสาวรับมาดื่มแล้วรู้สึกถึงความสดชื่นอย่างที่บาร์เทนเดอร์บอก เธอจิบแล้วมองไปรอบๆ บริเวณ วันนี้เป็นวันธรรมดาคนเลยไม่ค่อยมากเท่าไหร่ และส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติและมากันเป็นคู่
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
“ค่ะ” พราวรวีตอบรับและขยับให้เขาเล็กน้อย
ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอโดยเว้นเก้าอี้ไว้หนึ่งตัว นั้นทำให้เธอไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป เขาหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ด้วยท่าทางสนิทสนม ก่อนจะหันมาชวนเธอคุยอีกครั้ง
“มาคนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ปกติมาดื่มคนเดียวแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ก็ประมาณหนึ่งค่ะ” พราวรวีจะให้เขารู้ไม่ได้ว่าเธอเพิ่งเคยมาสถานที่แบบนี้คนเดียวเป็นครั้งแรก
พอมีเพื่อนคุยหญิงสาวก็รู้สึกสนุกขึ้น เธอสั่งเครื่องดื่มมาอีกหลายแก้ว ดื่มไปด้วยคุยไปด้วยจนตอนนี้ประคองสติแทบไม่อยู่
ทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว และพอเห็นว่าหญิงสาวเริ่มจะเมาเขาก็ย้ายที่นั่งมาประกบเธออีกด้าน
“เรากลับกันดีไหมครับ คุณพักที่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยในตอนแรกเอ่ยชวน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจองห้องไว้แล้วกลับคนเดียวได้สบายมากค่ะ” เธอรีบปฏิเสธเพราะถ้าเขาตามขึ้นไปส่งมันคงไม่จบแค่ไปส่งอย่างเดียวแน่แม้อยากมีความสัมพันธ์กับใครสักคนแต่ต้องไม่ใช่ในสภาพที่เธอไม่ค่อยมีสติแบบนี้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงเอาไปเขียนลงในนิยายไม่ได้แน่ๆ
“ให้ผมไปส่งเถอะครับผมว่าคุณคงเดินไปไม่ถึงห้องแน่ๆ” ชายคนเดิมพยายามเซ้าซี้
“คุณพราว ผมว่าคุณเมาแล้วนะครับ” เสียงเข้มของใครอีกคนทำให้พราวรวีหันไปมองอย่างสงสัยว่าเขาเป็นใครและรู้จักเธอได้ยังไง
“รู้จักชื่อฉันได้ยังไงคะ”
“งอนทีไรหนีมาดื่มคนเดียวทุกทีนะครับ ผมขอโทษคุณด้วยที่เธอรบกวนเวลาส่วนตัวของคุณ ผมคงต้องพาเธอกลับก่อน”
“แน่ใจนะครับว่าคุณรู้จักเธอ” ชายคนแรกถาม เขากำลังได้เหยื่อแล้วเชียวแต่ผู้ชายคนนี้ก็เข้ามาขวาง
“ก็ถามเธอสิครับ ว่าเธอชื่อพราวรวี โยธินกุลหรือเปล่า”
“โอ๊ะ รู้จักทั้งชื่อทั้งนามสกุลของฉันด้วย” พราวรวีมองหน้าเขาอย่างสงสัย เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยรู้จักเขาหรือเปล่า
“รู้จักดีเลยล่ะ กลับกันได้แล้ว ถ้ายังไม่กลับผมจะอุ้มคุณไปจริงๆ นะ”
“เรารู้จักกันเหรอ”
“ถ้าคุณคือพราวรวี โยธินกุล หรือพริบพราว เพื่อนรุ่นน้องของญาดา เราก็รู้จักกัน” เขารีบพูดออกไป แต่ในใจก็กลัวเธอจะไม่เชื่อ
“อ้อ รู้จักทั้งพริบพราวและพี่ดาด้วย งั้นเราก็คงรู้จักกันสินะ”
พอรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ารู้จักกับเพื่อนรุ่นพี่เธอจึงเดินตามเขาออกมาด้วยสติที่ไม่ค่อยเต็มร้อยเท่าไหร่นัก
“พักห้องไหนครับ”
พราวรวียื่นกุญแจห้องให้เขาแทนคำตอบ ตอนนี้หญิงสาวทรงตัวแทบไม่อยู่จนชายหนุ่มต้องคอยประคอง
พอเข้ามาในลิฟต์เธอก็โถมทั้งตัวเข้ามาจนเขาต้องกอดประคองไว้เพราะไม่อย่างนั้นคงได้คว่ำหน้าลงไปแน่ๆ
คนตัวสูงก้มมองใบหน้าขาวเนียนที่แต่งแต้มสีสันไว้เพียงนิด แล้วรู้สึกว่าตัวเองหัวใจเต้นแรงขึ้น กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นกายหอมกระตุ้นประสาทสัมผัสของเขาให้ตื่นตัวอย่างง่ายดาย ใบหน้าคมก้มลงกดจมูกไปบนแก้มอย่างฉวยโอกาส
ติ๊ง
เสียงลิฟต์ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบยืนตัวตรงอีกครั้ง
“คุณพราวครับ เดินไหวไหม” เขากระซิบข้างหูเบาๆ
“ไหวค่ะ ขอบคุณนะคะ”
คนที่บอกว่าไหวเดินไปเพียงแค่ก้าวเดียวก็สะดุดขาตัวเองจนเกือบจะล้ม ยังดีที่เขาคว้าเอาไว้ได้ทัน
ชายหนุ่มรวบเธอเข้ามาอุ้มไว้ก่อนจะเดินไปตามหมายเลขห้องบนกุญแจที่เธอยื่นให้
“อุ่นจัง แบบนี้หรือเปล่านะที่พระเอกอุ้มนางเอง” คนเมาพึมพำเบาๆ แต่เพราะใกล้ขนาดนี้คนตัวโตเลยได้ยินทั้งหมด
กว่าเขาจะเปิดห้องได้ก็เกือบแย่ เพราะคนที่เมานั้นเอาแต่เกาะคอเขาไม่ยอมปล่อย
ชายหนุ่มอุ้มเธอมาวางบนเตียงในห้องนอนแล้วหันหลังกลับแต่ข้อมือเล็กๆ ก็คว้าไว้จนเขาล้มลงทับไปบนร่างนั้นอย่างไม่ตั้งใจ
“จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ครับ”
“อยู่ก่อนได้ไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยากรบกวนคุณ”
“เท่าไหร่” คนถามมองเขาด้วยตาปรือจนแทบจะปิด
“อะไรครับ”
“พี่ดาจ้างคุณมาเท่าไหร่”
“พูดอะไรผมไม่เข้าใจ”
“ฉันรู้พี่ดาคงจ้างคุณมาใช่ไหม คงกลัวฉันเขียนอีโรติกไม่ได้อารมณ์ล่ะสิ ไม่เป็นไร Onenight สักครั้งก็ดีเหมือนกันนะ”
“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ไม่มีใครจ้างผมมาทั้งนั้น” ชายหนุ่มรีบดันตัวเองลุกขึ้น เขารีบเข้าไปยังห้องน้ำเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กออกมาเช็ดใบหน้าและท่อนขาของคนเธอ เผื่อว่าความเย็นจะช่วยให้เธอหายเมาได้บ้าง
หญิงสาวที่ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำ ทำให้เธอทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
เรียวปากอิ่มประกบไปบนริมฝีปากหยักของผู้ชายตัวโต เพียงสัมผัสเขาก็รู้สึกตื่นตัวจนควบคุมตัวเองได้อย่างลำบาก
“นอนกับฉันได้ไหม” เสียงคนเมาพูดเหมือนกำลังละเมอ
“ทำแบบนี้จะไม่เสียใจแน่นะ” เขากระซิบถาม
“ไม่เลย ฉันอยากนอนกับใครสักคน อยากรู้ว่ามันจะรู้สึกดีไหม อยากรู้ว่ามันดียังไง” เสียงนั้นฟังดูจริงจังจนเขาต้องยอมปล่อยไปให้ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์ปรารถนา
“คุณหล่อเหมือนพระเอกนิยายของฉันมาก” ใบหน้าหวานยื่นเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นผสมไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ“ผมไม่ใช่พระเอกในนิยาย ผมมีตัวตนจริงๆ”“ฉันรู้ ฉันถึงอยากให้คุณนอนกับฉัน ถ้าคุณไม่รังเกียจ” ใบหน้าสวยแดงระเรื่อไปจนถึงใบหูไม่รู้เพราะว่าเมาหรือเพราะเธอกำลังอายกันแน่คนที่นกเขาไม่ขันมานานกลับรู้สึกถึงความตื่นตัวจนแทบจะกระโจนเข้าใส่กวีวัธน์จุมพิตแผ่วเบาไปบนเรียวปากอิ่ม ปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากที่เผยอรับเขาเมื่อถูกเขาปลุกเร้า ด้วยความชำนาญ ฝ่ามือหนาเคลื่อนไปตามร่างระหงก่อนจะถอดเดรสสีหวานออกโดยที่อีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีหญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายของตนเองร้อนขึ้นทีละนิด ทุกจุดที่มือหนาเลื่อนผ่านสร้างความเสียวซ่านในแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน“คุณสวยมากนะพราว” เขากระซิบเสียงแหบพร่าฝ่ามือเคลื่อนนวดคลึงสองเต้าขนาดพอเหมาะ บีบเคล้นราวกับเป็นเจ้าของ ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปปลดตะขอชั้นในแบบเกาะอกออกแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี“อื้อ ดีจัง”เสียงหวานใสร้องครางเมื่อเขาลากลิ้นเปียกชื้นไปบนยอดเต้างาม ก่อนจะครอบครองด้วยปากร้อน ดูดดึงอย่างเร่าร้อน“แบบนี้นี่เอง คุณเก่งจัง เรื่องต่อไปฉั
พราวรวีกลับมาถึงบ้านเกือบบ่ายโมง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและทานอาหารที่แวะซื้อจากร้านของพี่เจนนี่ก่อนเข้ามาเธอมองนาฬิกาที่ผนัง ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเลิกงานของญาดา หญิงสาวเก็บจานชามล้างจนสะอาด ดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะขับรถญี่ปุ่นคันเล็กออกจากบ้าน ตรงไปยังสำนักพิมพ์ที่ญาดาทำงานอยู่“เอางานมาส่งพี่เหรอคะน้องพราว ไม่เห็นต้องมาเองเลยนะคะ ส่งทางเมลแบบเดิมก็ได้”“เปล่าค่ะพี่ดา พราวมีเรื่องจะถาม”“ถามเรื่องอะไร ท่าทางเครียดเชียว”“พราวอยากได้เบอร์โทรของผู้ชายที่พี่ดาจ้างไปให้พราวเมื่อคืนค่ะ”“อะไรนะ ใครจ้างใคร พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”พราวรวีเล่าเหตุการณ์ที่ชายคนนั้นแนะนำตัวเองกับเธอให้กับบรรณาธิการรุ่นพี่ฟังอย่างไม่มีปิดบัง“พี่ไม่ได้จ้างใครไปจริงๆ นะ พี่จะทำอย่างนั้นทำไม”“แต่ผู้ชายคนนั้นเขารู้จักกับพี่”“ผู้ชายที่ว่าชื่ออะไรหน้าตาเป็นยังไงไหนลองบอกพี่สิ” ญาดามีลางสังหรว่าผู้ชายคนที่นักเขียนสาวพูดถึงจะเป็นคนเดียวกับญาติของเธอ“ตัวสูง ใบหน้าคม คิ้วเข้ม รวมๆ แล้วก็หล่อค่ะ เขาบอกว่าชื่อวัธน์” เธอตอบไปตามที่ได้รู้มา แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่
กว่าจะประชุมเสร็จก็ถึงเวลาเลิกงานพอดี วันนี้กวีวัธน์รู้สึกอารมณ์ดีกว่าทุกวัน เพราะตอนนี้เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้วชายหนุ่มนัดเจอเพื่อนๆ ที่ผับหรูแห่งหนึ่งที่มักใช้เป็นที่สังสรรค์เป็นประจำ วันนี้เขามาถึงเป็นคนแรกเพราะออกจากที่ทำงานก็ตรงมาที่นี่เลยเพราะไม่อยากเสียเวลากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเขานั่งรอเพื่อนโดยมีสาวมาคอยบริการอยู่ไม่ห่าง กวีวัธน์เล็งเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เขาจะพาสาวน้อยคนไหนกลับไปสนุกกับเขาที่โรงแรมต่อ“เฮ้ย วัธน์ทำไมดูอารมณ์ดีจัง หรือว่าเรื่องนั้น” คุณหมออิศเรศที่มาถึงเป็นคนที่สองอดแปลกใจไม่ได้“อือ มันกลับมาเป็นปกติแล้ว”“ดีใจด้วยนะ ไปทำอีท่าไหนล่ะ”“อย่ารู้เลย เรื่องมันยาวเอาเป็นว่าตอนนี้ฉันปกติดีแล้ว”“อะไรปกติเหรอคุณวัธน์” ภากรเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงถามขึ้น“สงสัยน้องชายมันกลับมาทำงานได้แล้ว” ฐากูรเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายพูดขึ้นอย่างรู้ทัน“จริงเหรอ”“อือ”พอทุกคนมาครบแล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกนาน กวีวัธน์ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้มาก่อน ร่างกายที่เคยห่อเหี่ยวกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งเขาอยู่พูดคุยกับเพื่อนจนเที่ยงคืนก็ขอตัวกลับโดยพาสาวสวยกลับไปด้วยถึงสองคน“อย่าหนัก
พราวรวีนั่งทำงานต่อจนเกือบเที่ยงคืน ช่วงอีโรติกที่เอามาแก้ไขช่วงแรกเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หญิงสาวรีบส่งอีเมลไปให้ญาดา จากนั้นก็เตรียมตัวเข้านอนแม้ว่าจะเหลืออีกหลายช่วงที่ต้องแก้ไข แต่ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้างเพราะหลังจากมีประสบการณ์บนเตียงเกินขึ้นกับตัวเองแล้วเธอก็มองภาพได้ชัดขึ้นไม่รู้ว่านิยายเรื่องแรกเธอไปเอาความคิดคำพูดและความรู้สึกของตัวละครมาจากไหน แต่คิดว่าคงเป็นเพราะอ่านมามากเลยจำของนักเขียนท่านอื่นมาปรับใช้ แต่พอเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวก็ไม่ค่อยได้ศึกษางานของคนอื่น เนื่องจากอยากมีงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์จึงไม่อ่านงานของคนอื่นอีกเลยแต่ผลที่ตามมาก็คืองานสองเล่มล่าสุดยอดขายมีเพียงแค่หยิบมือ เพราะฉะนั้นเล่มที่กำลังเขียนอยู่นี้พราวรวีจึงต้องทำให้ดีที่สุด เธอคงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน แค่นี้ก็เกรงใจพี่ญาดามากพอตัวอยู่แล้ว เพราะญาดาเป็นคนรับหน้ากับเจ้าของสำนักพิมพ์แทนเธอมาตลอดแสงทองของเช้าวันใหม่จับที่เส้นขอบฟ้า พราวรวีบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอนกว้าง มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เธอจะต้องตื่นแต่เช้า เพราะงานที่ทำอยู่ไม่มีใครบังคับว่าจะต้องตื่นเวลาไหน แต่หญิงสาวอยากสร้างวินัยให้ตน
กวีวัธน์ขับรถออกจากบ้านของคุณนักเขียนสาว ยังไม่ทันถึงหน้าหมู่บ้าน จู่ๆ ฝนก็ตกอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังไปทั่ว แล้วสองข้างทางก็มืดลงบ้านทุกหลังที่ขับรถผ่านมืดสนิท เขาไม่รู้ว่าไฟฟ้าจะดับนานแค่ไหน แล้วพราวรวีจะอยู่คนเดียวได้หรือเปล่า ใจหนึ่งอยากขับรถกลับไปแต่อีกใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้ถึงแม้จะตกลงเป็นเพียงแค่คู่นอน แต่เขาก็คงไม่ใจร้ายทิ้งให้เธออยู่ท่ามกลางความมืดตามลำพังในคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ชายหนุ่มกลับรถที่หน้าหมู่บ้านก่อนจะขับกลับมายังบ้านหลังเดิม เจ้าของบ้านไม่ได้ล็อกประตูรั้ว เธอประมาทเกินไปแล้ว เพราะคนสมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเตือนเธอสักหน่อยขายาววิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาในบริเวณบ้าน ทั่วบริเวณยังคงมืดสนิท เขาเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ สายตาคมมองหาเจ้าของบ้านไปทั่ว“พราว ส่งเสียงหน่อย คุณอยู่ไหน” เขาตะโกนแข่งกับสายฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆเรียกอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงขานรับ กวีวัธน์เดินตรงไปยังห้องนอนทั้งที่ตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน แสงไฟสาดไปทั่วห้องนอนก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง“พราว เป็นอะไร” เขาเดินเข้าไปใกล้ หญิงสาวรีบขยับตัวหนีด้วยความตกใจ“ผมเอง
พราวรวีรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งตัว เธอพยายามฝืนลุกขึ้นมาอย่างเงียบที่สุด อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโตอย่างเคย หญิงสาวเอาชุดที่กวีวัธน์ใส่ไว้ในตะกร้าเข้าเครื่องปั่น จากนั้นก็นั่งเขียนนิยายต่อ เพราะใช้พลังงานไปมากเช้านี้เธอเลยไม่มีแรงฝึกโยคะ “คุณตื่นเช้าจัง” ชายหนุ่มเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอน เขาสวมเพียงผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเพราะชุดของตัวเองทิ้งไว้ห้องรับแขกตั้งแต่เมื่อคืน พราวรวีเงยหน้ามองแล้วก็ต้องรีบหลบเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นร่างกายของเขาชัดเจนแบบนี้ รูปร่างของเขาไม่ได้บึกบึนอย่างคนออกกำลังกายอย่างหนักหรือคนที่ชอบเล่นกล้าม แต่มันดูลีนและสุขภาพดีจนเธออดชื่นชมไม่ได้ ไหล่กว้าง สะโพกสอบ ช่วงลำตัวมีกล้ามแค่เล็กน้อย ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อคิดว่าถ้าได้เอื้อมมือไปสัมผัสจะให้ความรู้สึกแบบไหน “ไปแต่งตัวก่อนไหม มาเดินโป๊อยู่กลางบ้านแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวรีบปราบ “ก็ผมออกมาเอาชุด จำได้ว่าเมื่อคืนถอดทิ้งไว้แถวโซฟา” “ฉันเอาไปแขวนไว้ในห้องน้ำ ส่วนชุดที่เปียกกำลังอบอยู่เดี๋ยวคงเสร็จ คุณจะไปอาบน้ำรอเลยก็ได้ ถ
กว่าจะถึงบ้านก็บ่ายคล้อย พราวรวีทำความสะอาดบ้านและจัดของที่ซื้อมากว่าจะเรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี เธอสั่งกับข้าวจากร้านประจำและหุงข้าวระหว่างรออาหารมาส่ง เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือเลยออกมากวาดเศษใบไม้ที่ร่วงหล่อนจากแรงของพายุเมื่อคืนที่ผ่านมา แล้วใจเจ้ากรรมก็เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ต้องขอบคุณกวีวัธน์ที่ขับรถกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธออีกครั้ง ถ้าหากไม่มีเขา เธอก็คงอยู่อย่างหวาดระแวงไปนานนับชั่วโมง พราวรวีมีความทรงจำไม่ค่อยดีเกี่ยวกับความมืดโดยเฉพาะตอนฝนกำลังตกเธอก็ยิ่งหวาดกลัว เพราะตอนที่ตัวเองยังเด็กและอยู่บ้านคนเดียว ฝนตกหนัก ไฟก็ดับมืดไปทั้งบริเวณ บิดากับมารดาซึ่งทำงานเป็นครูยังกลับมาไม่ถึงบ้านเพราะเจอกับพายุฝนอย่างหนักเธอต้องอยู่ท่ามกลางความมืดคนเดียวจนดึก จำได้ดีว่ามันมืด หนาวและน่ากลัวมากแค่ไหน ยิ่งได้ยินเสียงลมพัดกระทบใบไม้เธอก็ยิ่งหวาดผวา แม้ตอนนี้จะโตแล้วแต่ก็ยังกลัวอยู่เหมือนเดิม ถ้าแค่ไฟดับก็ไม่เท่าไหร่เพราะยังพอคลำหาไฟฉายหรือใช้แสงจากโทรศัพท์มือถือได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีทั้งฝนตก ลมพัดแรงและไฟดับพร้อมกันล่ะก็เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ไ
จักรยานยนต์จอดหน้ารั้ว คนตัวโตก็เดินไปเปิดอย่างรู้งาน พอล็อกประตูเสร็จก็เดินตามเข้ามาในบ้านหลักเล็กอย่างคุ้นเคย “ผมค้างที่นี่ได้ใช่ไหม” “ถามจริงหรือแค่ถามเป็นมารยาทคะ ฉันเห็นคุณเอากระเป๋ามาแล้ว” กวีวัธน์หัวเราะเมื่อหญิงสาวพูดอย่างรู้ทัน เขารีบเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บในห้องนอน จัดการแขวนชุดตัวเองในตู้เสื้อผ้าอีกฝั่งที่ยังพอมีพื้นที่ว่างจากนั้นอาบน้ำจนรู้สึกสดชื่นก็ออกมาหาเจ้าของบ้านที่ห้องรับแขก “อ่านอะไรอยู่เหรอครับ” ชายหนุ่มยื่นหน้าเขามาใกล้จนได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่เธอใช้ประจำ “ห้ามดูนะคะ” หญิงสาวรีบถอยห่างพร้อมเก็บเอกสารในมือเข้าแฟ้ม “ความลับเหรอครับ” “ประมาณนั้นค่ะ” “มันจะเป็นความลับได้ยังไง อีกหน่อยคุณก็ต้องพิมพ์ออกมาขายมาใช่เหรอครับ” “ไม่ใช่นิยายค่ะ มีงานอื่นนิดหน่อย” “อ้อ” เขาพยักหน้าบอกว่าตัวเองเข้าใจ “ปกตินอนดึกไหม” “ไม่เกินเที่ยงคืนค่ะ” กวีวัธน์มองนาฬิกาที่ผนังเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมง “ผมขอนั่งทำงานได้ไหม ถ้าคุณจะนอนก็บอกผมนะ”
คุณอนงค์รีบเข้ามายังบริษัทหลังจากมีคนส่งข่าวว่าวันนี้กวีวัธน์เข้ามาทำงานและกำลังร่วมประชุมวางแผนสำหรับโครงการใหญ่ที่บริษัทกำลังยื่นซองประมูล“คิดถึงผมเหรอครับแม่” ชายหนุ่มทักทายมารดาที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก“ใครจะคิดถึงลูกไม่รักดีกัน”“อ้าว แล้วมาทำไมครับ”“ก็จะมาดูว่าแกมาทำงานหรือเปล่า”“วันนี้ผมมาทำงานที่นี่ก็เพราะพราวขอร้อง แต่แม่อย่าลืมขอตกลงที่ให้กับเธอนะครับ”“ทวงจริงเลยนะกลัวไม่ได้แต่งหรือยังไง”“คนที่กลัวไม่ได้แต่งคือผมครับไม่ใช่พราว”“เชอะ เบื่อพวกหลงผิด”“แม่ครับ ผมว่าแม่ยอมให้เราแต่งงานกันเถอะห้ามเราเลย ถ้าไม่อย่างนั้นผมกับพราวคง...”“จะทำอะไรอีก แม่ก็ยอมแล้วไง”“ผมไม่แน่ใจว่าแม่จะยอมจริงไหม ถ้าแม่ประกาศว่าเราสองคนจะแต่งงานกันในงานวันเกิดคุณแม่ที่จะถึงในสัปดาห์หน้าผมถึงจะเชื่อครับ”“อย่ามาบังคับแม่นะ”“ผมไม่ได้บังคับ ผมแค่อยากให้มาทำตามสัญญา วันประมูลโครงการสร้างศูนย์ราชการที่ผมเพิ่งประชุมไปเมื่อกี้คือหลังวันเกิดคุณแม่สองวันนะครับ แล้วตอนนี้ตัวเลขทั้งหมดก็อยู่ในมือผม”“นี่แกกล้าขู่แม่”“เปล่าครับ ผมแค่ทวงสัญญาเท่านั้น แม่ครับ คนที่จะแต่งงานและอยู่กับพราวคือผมนะครับ คนอื่นก
คุณอนงค์กลับมาถึงบ้านก็เด็กรับใช้ช่วยยกหนังสือทั้งหมดเขาไปในห้องหนังสือ เธอสั่งไม่ให้ใครเข้ามายุ่งระหว่างที่เธอกำลังอ่านหนังสือหญิงสูงวัยอ่านหนังสือไปได้เพียงไม่กี่หน้าก็ต้องรีบวางเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มันเกินกว่าที่เธอคิดไว้จากที่คิดจะเปิดใจให้กับว่าที่ลูกสะใภ้ก็ต้องเปลี่ยนใจ เธอเชื่อว่าคนที่เขียนแบบนี้ได้ก็คงผ่านประสบการณ์เรื่องแบบนั้นมาอย่างโชกโชนและด้วยเหตุผลนี้กวีวัธน์ถึงได้หลงผู้หญิงคนนี้อย่างหัวปักหัวปำเรื่องนี้คงต้องเรียกลูกชายมาคุยอีกครั้ง เธอจะไม่บังคับให้เขาแต่งงานกับณัฐณิชา แต่ก็ไม่ยอมให้แต่งงานกับพราวรวีเพราะอับอายเกินกว่าจะมีลูกสะใภ้จัดจ้านแบบนั้นกวีวัธน์พาคนรักมาทานอาหารเย็นที่บ้านของมารดาตามคำชวน วันนี้พี่ชาย พี่สะใภ้และหลานสาวทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงค่อนข้างเงียบและดุอึดอัดกว่าทุกครั้งหลังทานอาหารท่านเรียกให้ทั้งสองคนเข้ามาที่ห้องหนังสือ พราวรวีมองกองหนังสือบนโต๊ะแล้วก็หน้าซีด เธอไม่คิดว่ามารดาของคนรักจะอ่านหนังสือของตัวเอง“แม่มีอะไรจะคุยกับเราเหรอครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะวันนี้ดูท่าทางมารดาของตนเองเครียดอยู่ไม่น้อย“เรื่องแต่งงาน”“ค
คำว่ารอบเดียวไม่เคยมีจริงสำหรับคู่รักที่เร่าร้อนทั้งสองคน กว่าสงครามตัณหาจะสงบก็เกือบจะเที่ยง“เราไปทานข้าวกันก่อนดีไหมครับ แล้วพี่ค่อยไปส่งพราว”“ได้ค่ะ”ทั้งสองคนมาร้านอาหารที่อยู่ระหว่างทางกลับบ้าน นั่งทานจนอิ่มขณะกำลังจะออกจากร้านชายหนุ่มก็รับโทรศัพท์จากเลขาแจ้งว่ามีเอกสารเร่งด่วนที่ต้องรีบเข้าไปเซ็น“พราวนั่งแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง”“ตรงนี้แท็กซี่ไม่ค่อยผ่าน ถึงจะเรียกรถจากแอปก็คงต้องรออีกหลายนาที พี่ว่าพราวไปกับพี่ก่อนได้ไหม พอถึงบริษัทแล้วก็เอารถพี่กลับบ้านก็ได้”หญิงสาวไม่อยากให้เขาต้องกังวลจึงยอมตามไปที่บริษัทด้วย“ไหนๆ ก็มาถึงแล้วขึ้นไปข้างบนหน่อยไหม”“ไม่ดีกว่าค่ะ พี่ยังต้องทำงาน”“พี่ชักน้อยใจแล้วนะครับทำไมพราวทำเหมือนไม่อยากไปไหนกับพี่ ไม่อยากเข้ามาในโลกของพี่”“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่ไม่อยากกวนเวลางาน”“ไม่ได้กวนอะไรเลย นะครับที่รักขึ้นไปด้วยกันนะ”แล้วเขาก็ทำให้พราวรวีใจอ่อนยอมเดินตามเขาไปในบริษัทพราวรวีเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นเธอมาในฐานะล่าม แต่ครั้งนี้มันเปลี่ยนไปเพราะกวีวัธน์จับมือเธอไปตลอดทาง หญิงสาวจึงกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนอย่างเลี
กวีวัธน์อุ้มคนรักเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท เขาวางเธอลงบนโซฟาเพราะตอนนี้เขาเองก็เหนื่อยจนเดินต่อไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองไม่ไหวรอจนเริ่มดีขึ้นก็เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาส่งให้คนรัก ในขณะที่ร่างกายยังเปลือยเปล่าอากาศเย็นจากฝนที่ตกอย่างหนักทำให้พราวรวีเริ่มหนาว ยิ่งได้ดื่มน้ำเย็นเข้าไปเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว“พี่วัธน์คะ พราวหนาว เราขึ้นข้างบนกับเธอค่ะ”“เดินไหวแน่นะครับ ให้พี่อุ้มไหม”“ไหวค่ะ”“มองเห็นไหมให้พี่เปิดไฟดีหรือเปล่า”“ไม่ต้องค่ะ” หญิงสาวรีบร้องห้ามเพราะตอนนี้เธอกับเขาต่างไม่มีเสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาเสื้อคลุมมาให้พราวนอนรอตรงนี้ก่อนนะครับ”“พี่วัธน์ พราวไม่อยากอยู่คนเดียว” เธอขยับเข้าใกล้จนความนุ่มหยุ่นสัมผัสกับท่อนแขนของอีกคน“ขอโทษครับ พี่ลืมว่าพราวไม่ค่อยชอบความืด พี่มีวิธีคลายหนาว”กวีวัธน์พลิกให้พราวรวีขึ้นมานั่งบนตัก ร่างที่เปลือยเปล่าแนบชิดอีกครั้ง ท่อนเอ็นร้อนขยายตัวทีละนิดจนพราวรวีรู้สึกว่ามันกำลังดันบั้นท้ายของเธอ“พี่วัธน์ นี่ห้องรับแขก”“จะกลัวอะไรล่ะครับ บ้านของเรามีแค่เรา ในโรงรถก็เคยมาแล้ว”“พี่วัธน์จะหื่นไปถึงเมื่อไหร่”“หื่นจนกว่า
เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะดูหนังเรื่องไหนพราวรวีก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าไปในโรงหนังพอดี“ทำไมไม่ดูโรงธรรมดาค่ะ”พราวรวีบอกคนข้างที่เลือกโรงหนังแบบวีไอพีซึ่งทีที่นั่งแบบโซฟาตัวโตที่ปรับเอนได้ถึง 180 องศาเพราะเธอคิดว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ“พี่อยากนั่งแบบสบายๆ นี่ครับ” กวีวัธน์รีบบอกอากาศในโรงหนังค่อนข้างเย็นพราวรวีไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมมาด้วยจึงได้แต่นั่งกอดแขนตัวเองเพราะความหนาวกวีวัธน์เลยถอดเสื้อตัวนอกมาคลุม ให้และจับมือเธอส่งผ่านไออุ่นจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเพราะเป็นหนังรักโรแมนติก พระนางของเรื่องจึงแสดงความรักต่อกันมากกว่าปกติ มือที่จับอยู่กระชับแน่นมากขึ้น เขาอยากให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงพอบีบมือเธอแน่นขึ้นหญิงสาวก็หันมามองหน้าเขา เธอขยับเข้าใกล้ก่อนกระซิบเบาๆ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“พราวพี่อยากจูบ” เขากระซิบกลับ“นี่มันในโรงหนังนะคะ”“พี่รู้ แต่แถวที่เรานั่งไม่มีใครเลย ข้างหลังก็ไม่มี นะครับขอจูบนิดเดียว”“แต่ อื้ม”เสียงค้านถูกกลืนหายไปเมื่อเขาบดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ลิ้นสอดเข้ามาหยอกล้อ พราวรวีตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ พอจูบจนหนำใจเขาก็ป
กวีวัธน์รีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวรวีหลังจากที่มารดาของตนเองกลับไปได้ไม่นาน“พี่วัธน์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะมันยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน“คิดถึงครับ” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอที่หน้าโซฟา พิงศีรษะลงบนไหล่ แขนโอบเอวบางพลางหอมแก้มคนรักอีกฟอดใหญ่“บอกพราวมาเถอะค่ะ เรื่องคุณแม่ใช่ไหมคะ”“ครับ”“ทะเลาะกับท่านมาหรือเปล่า พราวขอโทษนะคะที่ทำให้พี่กับแม่มีปัญหากัน”“ขอโทษทำไมครับ พี่กับแม่เข้าใจกันดีแล้ว”“จริงเหรอคะ” หญิงสาวดีใจที่ได้ยินแบบนั้น“จริงสิครับ พี่ถึงรีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวไง”“โทรมาบอกก็ได้ไม่เห็นจะต้องเสียเวลามาเลยนี่ค่ะ”“ไม่เสียเวลาเลยพี่จะมารับพราวออกไปข้างนอกด้วยกัน”“ไปไหนคะ”“ไม่พาไปขายหรอกครับ”“รอแป๊บนะคะ พราวขอไปเปลี่ยนชุดก่อน ใส่กางเกงยีนได้ไหมคะ” เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหนเธอจึงต้องถาม อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติคนที่จะไปเจอหรือสถานที่“แต่งตัวตามสบายครับ” กวีวัธน์มองคนรักที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนด้วยสายตารักใคร่ เขาไม่เคยรักใครมากเท่าพราวรวีมาก่อน แม้กระทั่งพรลภัสเขาไม่ได้รับมากขนาดนี้ ชายหนุ่มแอบขอบคุณอดีตคนรักที่ทิ้งเขาไปในวันนี้ เพราะถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับพร
เช้าวันรุ่งขึ้นกวีวัธน์ก็ไปทำงานตั้งแต่เช้าเหมือนเคย เขานั่งทำงานได้ไม่ถึงชั่วโมงประตูห้องก็เปิดออกทั้งที่ยังไม่ได้ยินเสียงเคาะ“แม่ มาได้ยังไงครับ แล้วมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาแต่เช้าแบบนี้“แม่ว่าเราต้องคุยกันนะวัธน์”“เรื่องอะไรครับ ค่อยคุยกันตอนเย็นได้ไหม ผมว่าจะพาพราวไปทานข้าวที่บ้านพอดีเลย”“แม่ถามเลขาแล้ว เช้านี้เราไม่มีงานด่วนอะไรทั้งนั้น” คุณอนงค์รู้ว่าลูกชายจะต้องเอางานมาอ้างเธอจึงถามเลขาก่อนจะเข้ามาพบเขา“แม่ครับ”“ไปโรงพยาบาลกับแม่เดี๋ยวนี้เลยนะ”“แม่ไม่สบายเหรอครับ” เขาวางแฟ้มในมือแล้วรับเดินเข้ามาหามารดาที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานอย่างร้อนใจ“เปล่า แม่จะพาเราไปหาหมอ ไปตรวจให้แน่จะว่าเป็นอย่างที่หนูเนยพูดหรือเปล่า”“น้องเนยไปพูดอะไรกับแม่ล่ะครับ”“น้องบอกว่าลูกเสื่อมสมรรถภาพ มันไม่จริงใช่ไหมวัธน์” สีหน้าเธอดูหนักใจอย่างเห็นได้ชัด“แม่ครับ ผมว่าเรานั่งคุยกันก่อนดีกว่าไหม” เขาพามารดามานั่งยังมุมรับแขกที่อยู่ในห้องทำงานกวีวัธน์บอกมารดาว่าสิ่งที่ญัฐณิชาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด“ไปหาหมอกันดีไหม รีบรักษาเผื่อมันจะหายนะ แม่อยากอุ้มหลาน”“แม่ก็มีน้องแพรกับน้องไหมแล้วนี่ค
ขณะที่พราวรวีนั่งกระวนกระวายอยู่นั้นณัฐณิชาก็เดินกลับเข้ามายังโซฟาที่พวกเธอนั่งอยู่“คุณเนยหายเมาแล้วเหรอครับ” ภากรถามพลางยกแก้วขึ้นดื่มปิดบังรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่“ค่ะ เนยขอตัวก่อนนะคะ”“จะกลับยังไงครับ ไม่รอไอ้วัธน์ก่อนเหรอ” อิศเรศถามบ้าง“ไม่ละค่ะ ลาก่อนนะคะ”หญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือของตัวเองแล้วสะบัดหน้า ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ากำลังหนีอะไรบางอย่างพอเธอออกไปได้ไม่นานกวีวัธน์ก็เดินกลับเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มอย่างผู้ชนะ เขานั่งลงข้างพราวรวีดึงคนรักให้เขามานั่งชิดแขนแกร่งโอบลงบนไหล่เปลือยเปล่า“เกิดอะไรขึ้นค่ะพี่วัธน์ พี่ทำอะไรเธอหรือเปล่า” พราวรวีถามอยากไม่ไว้ใจเพราะทั้งสองหายไปด้วยกัน แต่อีกกลับมาก่อนและรีบกลับด้วยท่าทางที่รีบร้อนจนเห็นได้ชัด“นั่นสิ ดูเธออารมณ์เสียมากเลยนะ บอกว่าเมาแต่เดินตัวตรงเชียว” ฐากูรอดขำกับท่าทางของณัฐณิชาที่ตอนแรกเมาจนต้องให้เพื่อนของเขาประคอง แต่พอกลับมาอีกทีดูยังไงก็ไม่เหมือนคนเมาเลยสักนิด“พวกมึงก็น่าจะเดาออกนะ” กวีวัธน์หันมาตอบเพื่อน“อย่าบอกนะว่ามันไม่ขัน” ภากรมองเพื่อนแล้วทำสีหน้าตกใจ“อือ” กวีวัธน์พยักหน้าพลางหัวเราะร่วน นึกไม่ถึงว่
กวีวัธน์กับณัฐณิชาสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม เขามักจะพาเธอไปช้อปปิง ไปทานอาหารอยู่หลายครั้ง จนหญิงสาวคิดว่ายังไงเสียชายหนุ่มก็คงต้องยอมหมั้นกับเธออย่างแน่นอนมีคนบอกณัฐณิชาว่ากวีวัธน์มีผู้หญิงอีกคนซ่อนอยู่ที่บ้าน แต่พอเธอมาที่บ้านของเขา ก็ไม่เจอใครเลยนอกจากป้าอุ่นเท่านั้น เธอจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่ากวีวัธน์มีเธอเพียงแค่คนเดียวแม้จะออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้งแต่เธอกับเขาก็ยังไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง กวีวัธน์อยากรอเวลาอีกนิดเพื่อจะทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้“พี่วัธน์ขา ทำไมต้องสนิทกันขนาดนั้นด้วยล่ะคะ”พราวรวีไม่ค่อยสบายใจที่เห็นคนรักทำตัวสนิทสนมกับคนที่มารดาจะให้แต่งงานด้วย แม้จะมั่นใจว่าเขารักเธอแต่การใกล้ชิดกันก็อาจทำหลงลืมตัวได้“อย่ากลัวเลยครับ พี่กำลังทำตามแผนอยู่”“นานเป็นเดือนแล้วนะคะ พราวไม่เห็นว่าน้องเนยจะถอยห่างจากพี่เลย”“ที่รักหึงเหรอครับ”“ถ้าพราวไปสนิทกับผู้ชายแบบนั้นบ้างพี่จะหึงไหมล่ะคะ”“ไม่หึงครับ”“พี่วัธน์” พราวรวีหน้าบึ้งเมื่อได้ฟังคำตอบชายหนุ่มรีบเข้ามากอดประจบก่อนจะพูดต่อ“ที่บอกไม่หึงเพราะพี่ไม่มีทางยอมให้พราวของพี่ไปสนิทกับผู้ชายคนอื่นแบบนั้น”“แต่พี่ก็ยอมให้พราวอ