ยังไม่รอให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้พูดอะไรกับพระสนมหลานเฟยอีก องค์หญิงใหญ่มองเห็นกลุ่มคนทางฝั่งนี้ จึงรีบเดินเข้ามา เนื่องจากเห็นว่าองค์หญิงใหญ่กําลังตั้งครรภ์อยู่ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงรีบเดินขึ้นหลายก้าว เดินไปข้างหน้าเพื่อประคองนาง ขณะที่มองท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของนาง พร้อมกล่าวว่า "บัดนี้เจ้าเป็นคนที่กําลังตั้งครรภ์ จะเดินเหินก็ต้องระมัดระวังหน่อย อย่าทําให้ทารกในครรภ์ต้องเจ็บปวด"พูดจบก็หันไปมองคนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างหลังองค์หญิงใหญ่อีกสองสามคน "ครั้งที่แล้วข้าได้บอกกับพวกเจ้าว่าให้ปรนนิบัติดูแลองค์หญิงให้ดี บัดนี้พวกเจ้ากลับประมาทเลินเล่อเช่นนี้หรือ?"องค์หญิงใหญ่กลับขัดขวางการตําหนิของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่ต่อว่าสาวใช้เหล่านั้นและยิ้มอย่างงดงาม "ข้าเปราะบางแบบนั้นที่ไหนกันเล่า ข้าเคยได้ยินว่า ตอนที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยตั้งท้องหวานหว่านอยู่นั้น ยังเคยปีนขึ้นไปบนต้นไม้ด้วย!""ข้าเคยทำแบบนั้นที่ไหนกัน..." พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเบี่ยงหน้าไปข้าง ๆ อย่างเขินอาย[ท่านแม่เคยปีนขึ้นไปบนต้นไม้จริงหรือ? สมแล้วที่เป็นท่านแม่ของข้า ท่านแม่ ท่านคือเทพของหวานหว่าน!]เมื่อองค์หญิงใหญ่เห็นว่านางไม่ได้พูด
พูดจบก็หันไปยิ้มให้กับพระสนมหลานเฟยพระสนมหลานเฟยจึงเอ่ยกล่าวเช่นกันว่า "น้องเฉินพูดถูก ทุกคนทำตัวตามสบายหน่อย"ทันที่ที่ทุกคนได้ยินดังนั้นก็รีบทำความเคารพขอบคุณ จากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างต่อเนื่องและทันใดนั้นเองในพระบรมมหาราชวัง ฮ่องเต้ต้าฉู่ที่เพิ่งออกมาจากท้องพระโรงตอนช่วงเช้าก็ตรงดิ่งไปที่ตำหนักหรงเล่อของไทเฮาเนื่องจากฮ่องเต้ต้าฉู่มีงานราชการที่ยุ่ง ไทเฮาไม่ได้เจอฮ่องเต้ต้าฉู่มานานมากแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าคิดว่าบัดนี้เขาจะแอบหาเวลาว่างมาที่ตำหนักหรงเล่อ"ถ้าฮ่องเต้มีงานราชการที่ยุ่ง ก็ไม่จําเป็นต้องมาหาข้า บัดนี้มีชิงเหยียนดูแลอยู่ ข้าสบายดีมาก"ไทเฮารู้ดีว่าฮ่องเต้ต้าฉู่เป็นคนกตัญญูเสมอมา จึงเอ่ยปลอบโยนเขาก่อนจากนั้นก็ได้ยินไทเฮาเอ่ยถึงชื่อของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ในใจของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็รู้สึกผิดมาก "ชิงเหยียนทําได้ดีมากจริง ๆ รบกวนนางแล้ว"หลังจากที่พูดคำนี้จบก็ทรงนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน ไทเฮาเห็นฮ่องเต้ต้าฉู่ที่เป็นเช่นนี้ จึงทราบธุระที่เขามาหา ทันใดนั้นแม่มมที่อยู่ข้างกายก็ถอยจากไปทันที พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"ทันใดนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่ถอนหายใ
รัชทายาทให้ความสําคัญกับน้องสาวที่เป็นมารดาเดียวกันของตนมาโดยตลอด ดังนั้นหลังจากจบการประชุมตอนเช้า ก็ไม่ได้ล่าช้ามาก เพียงแค่จัดการธุระเล็กน้อย ก็มุ่งตรงมาที่งานชุมนุมกวีทันทีเนื่องจากเกิดเรื่องเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้องค์รัชทายาทจึงระมัดระวังมากขึ้น ข้างกายนอกจากมีจงผิงคอยปรนนิบัติแล้ว ยังมีองครักษ์อีกสี่คนย่อมมีองครักษ์ลับสองคนคอยคุ้มกันอยู่รัชทายาทเพิ่งก้าวเข้ามาในลานบ้านนี้ หรงเหวินเมี่ยวและคนอื่น ๆ ก็หยอกล้อหานซีเยว่ขึ้นมา “องค์รัชทายาทยุ่งขนาดนี้ถึงกับมาแล้ว คิดว่าคงมาเพื่อพี่หาน”หานซีเยว่ถูกหลายคนพูดจนหน้าแดงทันที “งานชุมนุมบทกวีที่องค์หญิงใหญ่จัด องค์ชายต้องปรากฏตัวแน่นอน พวกคุณอย่าพูดเหลวไหล”และตั้งแต่รัชทายาทเข้าประตูมาก็ตรงดิ่งไปหาพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและคนอื่น ๆ เมื่อมาถึงตรงหน้าก็อุ้มลู่ซิงหว่านขึ้นมา“ถวายบังคมพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและหลันพระสนม กระหม่อมก็ไม่ได้เห็นหวานหว่านมานานแล้ว”ลู่ซิงหว่านก็ทําปากจู๋อย่างอดไม่ได้[ข้าไม่ได้พบเสด็จพี่รัชทายาทนานแล้วจริงๆ ก็ไม่ใช่ เป็นเสด็จพี่รัชทายาทที่ไม่ได้อุ้มมาช้านานต่างหาก]องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นและเดินไปข้าง ๆ รัชทา
พูดจบก็มองไปทางพระสนมหลานเฟยอย่างจนใจ “ถึงอย่างไรก็อายุมากแล้ว สมองใช้การไม่ได้แล้ว”พระสนมหลานเฟยก็ยิ้มอย่างจนใจเช่นกันหรงเหวินเมี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดเช่นนี้ ก็รีบเอ่ยปากรับคําว่า “พระสนมกำลังล้อเล่นอยู่เพคะ หม่อมข้าเห็นพระสนมตอนนี้ยังสาวและงดงาม และก็ดูไม่ต่างจากหญิงสาวอายุสิบกว่าปีเลยนะเพคะ”[พี่หญิงหรง คําพูดนี้ของท่านก็น่าสงสัยว่าจะประจบสอพลอแล้ว ว่าที่แม่สามีของท่านคือพระสนมหลานเฟย ท่านควรประจบสอพลอพระสนมหลานเฟยให้มากหน่อยถึงจะถูกนะ][แต่สิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้อง แม่ของข้ายังเด็กและสวยงาม เมื่อเทียบกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างพวกท่านก็ไม่เลวเลย]เมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินเช่นนี้ หางตาของนางกลับยกขึ้นเบา ๆ และยิ้มอย่างใจเย็น"เด็ก ๆ อย่างพวกเจ้าก็ชอบล้อข้าเล่นเหมือนกัน"เสิ่นเป่าซวงเคยรู้จักกับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาก่อน ถือว่าเข้าใจนิสัยของนางไม่มากก็น้อย เห็นนางถามเช่นนี้ ก็นึกถึงเรื่องที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยบอกว่าจะส่งพิธีปักปิ่นให้พี่สาวตนรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “พระสนมทรงจําดีมากเพคะ อีกไม่เกินห้าวันพี่สาวของข้าก็จะถึงวัยปักปิ่นแล้ว เมื่อก่อนพระสนมยั
พระสนมหลานเฟยกระเถิบเข้ามาหาพระสนมเฉินกุ้ยเฟย "ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด คุณหนูรองตระกูลเสิ่นตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ข้าว่าดูแล้วก็เป็นคนสดใสดี""ท่านพี่พูดถูก ข้าก็ชอบเด็กคนนี้เหมือนกัน" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดนึกถึงตอนจบของเสิ่นเป่าซวงที่ลู่ซิงหว่านเคยเล่าให้ฟังไม่ได้ คิดก็รู้สึกปลงแต่ตอนนี้ในวังกลับเกิดเรื่องขึ้นมากมายหลังจากเซียงอวิ๋นนั้นถูกนางสนมชูผินขอตัวไป เพราะทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางสนมชูผินกับอวิ๋นกุ้ยเหรินในอดีต แถมอวิ๋นกุ้ยเหรินก็เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เจ้านายของตัวเองต้องตาย นางจึงรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยแต่ไม่คิดว่านางสนมชูผินจะส่งคนมาเรียกนางเข้าไปหาที่ห้องชั้นใน แถมน้ำเสียงที่พูดก็นุ่มนวล "ก่อนหน้านี้เจ้าติดตามรับใช้สนมฟางกุ้ยเหรินคงลำบากน่าดู"เมื่อเซียงอวิ๋นเห็นท่าทางของสนมชูผินเช่นนี้ ก็ยิ่งกระวนกระวายใจกว่าเดิม นางตอบว่า "ขอบพระคุณสนมที่ห่วงใย ""ข้าถามเจ้าหน่อยว่าสนมฟางกุ้ยเหรินฆ่าพระสนมเต๋อเฟยจริงหรือ?" แม้ว่าน้ำเสียงของนางสนมจะนุ่มนวล แต่ก็เต็มไปด้วยความหนักแน่น เซียงอวิ๋นคุกเข่าลงทันทีด้วยความกลัว นางรู้ว่าที่สนมชูผินขอตัวนางมา ไม่ใช่เพียงเพราะขาดนางกำนัลแค่นั้นแน
จิ่นซินและจิ่นอวี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกนางต้องติดตามพระสนมใกล้ชิดอยู่แล้วตอนนี้ในตำหนักจึงเงียบเหงา ฉยงหัวจึงมีเวลาว่างเดินเล่นในตำหนักชิงอวิ๋นที่ใหญ่โตครั้งนี้ลู่ซิงหว่านเดาไม่ผิดจริง ๆ ฉยงหัวคนนี้ก็คือปี่ฉยงหัว ซึ่งก็คือพี่ฉยงหัวที่คอยดูลู่ซิงหว่านหลายอย่างตอนที่นางอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรคราวนี้ลู่ซิงหว่านทะยานขึ้นฟ้าถูกคนลอบทำร้าย อาจารย์เป็นห่วงนางมาก แต่เขาไม่สามารถออกจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรได้ ฉยงหัวเสนอตัวเดินทางมาแทนอาจารย์ของลู่ซิงหว่านแม้ว่าจะทํานายตำแหน่งของ,ซิงหว่านมาจากโลกแห่งการบําเพ็ญเพียรแล้ว แต่เมื่อพอลงมายังโลกมนุษย์ก็ยังคงไปลงผิดตำแหน่ง ไปโผล่ที่ชายแดนของแคว้นต้าฉู่ทั้งที่ตำแหน่งที่ทำนายไว้ควรเป็นเมืองหลวงของแคว้นต้าฉู่แถมตัวเองก็สูญเสียพลังวิญญาณไปหมดตัว นี่มัน... โชคร้ายสุด ๆ ไปเลยตอนนี้นอกจากจะมาผิดที่แล้วยังสูญเสียพลังวิญญาณ และยังเกือบจะถูกพวกเจ้าเล่ห์หลอกไปขายอีกโชคดีที่ทหารองครัก์ของติ้งกั๋วโหวช่วยตัวเองไว้ จึงรอดพ้นจากภัยนี้มาได้โลกมนุษย์อันตรายถึงเพียงนี้ ขนาดนางเป็นผู้ใหญ่ยังขนาดนี้ สงสารก็แต่หวานหว่าน ไม่รู้ว่าตอนนี้จะไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหนโ
หลังจากเซียงอวิ๋นออกจากตำหนักจูหัวแล้ว สนมชูผินจึงหันไปถามอวี้ซิ่วที่อยู่ข้าง ๆ ว่า "ยานั้นไม่มีปัญหาแน่นะ?""สนมวางใจได้" อวี้ซิ่วบีบไหล่ให้สนมชูผินพลางพูดเบา ๆ "เดิมทีก็ทำเพื่อทดสอบเซียงอวิ๋นเท่านั้น จะเป็นพิษจริงได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ"สนมชูผินพยักหน้าสบายใจแต่ในที่ที่สนมชูผินมองไม่เห็น อวี้ซิ่วกลับแสดงสีหน้าชั่วร้ายออกมาในเวลานี้ในตำหนักชิงอวิ๋น เซียงอวิ๋นเห็นว่ามีนางกำนัลตําหนิตัวเอง ในใจก็ตื่นตระหนก แต่หันไปมองแล้วเห็นว่าไม่ใช่นางกำนัลที่มีหน้ามีตาในตำหนักชิงอวิ๋น และวันนี้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ออกจากวังไปเข้าร่วมงานกวีนิพนธ์ จะตั้งใจทิ้งคนไว้เฝ้าที่ตำหนักได้อย่างไร?ทันใดนั้นใจนางก็สงบลงอีกครั้ง นางมองไปที่หญิงสาวคนนั้น "พระสนมกุ้ยเฟยให้ข้ากลับมาส่งของ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?""ของอะไร" ฉยงหัวจะไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ แน่เซียงอวิ๋นก็หยิบของในมือให้ฉยงหัวดูอย่างใจเย็น แต่ไม่ได้วางไว้ในมือที่นางยื่นออก "นี่เป็นธูปที่พระสนมกุ้ยเฟยขอจากองค์หญิงใหญ่เมื่อหลายวันก่อน ให้ข้าส่งกลับมาให้ก่อน"ฉยงหัวกลับไม่เชื่อนาง จึงก้าวไปข้างหน้าและห้ามนางไว้ "ไม่ได้ ก่อนที่พระสนมจะกลับมา ใครก็เข้าไปไม่ได้"พวกนา
เพราะเรื่องที่องค์หญิงสองแต่งงานจึงทำให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ชอบสนมซูผิน และน้ำเสียงก็มีแต่เพียงความเรียบนิ่ง “ในเมื่อเป็นเจ้าที่สั่งสอน แล้วเหตุใดถึงได้วิ่งมาที่ตำหนังชิงอวิ๋นเล่า ?”แม้ว่าน้ำเสียงจะเรียบนิ่ง แต่ดวงตาทั้งสองกลับมองไปที่สนมซูผินจนทำให้สนมซูผินรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา“ไม่รู้ว่านางกำนัลคนนี้มาจากที่ใดถึงได้กล้ามาทำตัวกำเริบอยู่ที่ตำหนักชิงอวิ๋น และถูกหม่อมฉันชนเข้าพอดี” แม้ว่าสนมซูผินจะกลัวแต่ก็พยายามทำให้จิตใจมั่นคงฉยงหัวเห็นว่าฮ่องเต้ต้าฉู่เข้ามาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลย ดูจากน้ำเสียงของสนมซูผินบุรุษผู้นี้คงจะเป็นฮ่องเต้ของโลกนี้จึงไม่ได้ไปทำตัวอ่อนแออีก แล้วเอ่ยพูด “หม่อมฉันเป็นนางกำนัลข้างกายของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย เป็น…”ฉยงหัวกลับรู้สึกว่าว่าท่าทางของตัวเองในตอนนี้ไม่ง่ายที่จะแสดงท่าทางออกมา “เป็น” ทิศทางนี้จึงเริ่มเอ่ยเปลี่ยนเป็นคำอื่นแล้วใช้คางชี้ไปยังทิศทางของเซียงอวิ๋น “นางกำนัลผู้นั้นต้องการที่จะบุกเข้าไปยังห้องด้านในของพระสนมกุ้ยเฟย หม่อมฉันจะยอมให้นางสมหวังไม่ได้เพคะ”เอ่ยจบก็ใช่คางชี้ไปทางสนมซูผิน “ส่วนที่สนมซูผินเอ่ยว่าหม่อมฉันตีนางกำนัลของนาง เป็นนางกำนัลของนางผู้น