"ข้าเข้าใจแล้วขอรับ" จู๋อิ่งรับคําสั่งและกําลังจะจากไป จวี๋อิ่งก็เข้ามาจากข้างนอกพอดี ทั้งสองพอพบกันก็พยักหน้าให้กัน ถือว่าทักทายกันแล้วจากนั้นจู๋อิ่งก็บินจากไปและเริ่มภารกิจใหม่"บังเอิญจริง้ชียวจู๋อิ่งเพิ่งออกไปพอดี" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นจวี๋อิ่งมาทักทาย"ข้าได้เจอนางแล้ว" จวี๋อิ่งทำมือคำนับแล้วพูดต่อ "ข้าน้อยไปตรวจสอบบ้านเดิมของสนมฟางกุ้ยเหรินแล้ว พระสนมคงคิดไม่ถึงแน่ ๆ ว่าพ่อของนางคือจ้าวหานยวน""จ้าวหานยวน?" พอพระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินชื่อนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ "รองแม่ทัพที่อยู่กับท่านพ่อน่ะหรือ""ใช่เพคะ"จ้าวหานยวนคนนี้เป็นรองแม่ทัพที่ที่ใกล่ชิดกับติ้งกั๋วโหว ในความเป็นจริงในแง่ของความสามารถทางทหาร จ้าวหานยวนนี้ใช้ไม่ได้เท่าไหร่ เพียงแต่เขาติดตามติ่งกั๋วโหวมาเป็นเวลานาน จะไม่ให้ตําแหน่งอะไรแก่เขาเลยได้ก็คงไม่ได้จึงแต่งตั้งให้เป็นรองแม่ทัพ แต่ท่านพ่อก็ไม่ได้ใช้งานเขามากนักเพียงแต่ถ้าคนเรามีความสามารถไม่ตรงกับตำแหน่ง ก็จะเกิดเรื่องถูกผิดขึ้นมาบ้างในปีนั้นระหว่างสงครามกับแคว้นเยว่เฟิง ท่านพ่อให้จ้าวหานยวนนํากองกำลังเล็ก ๆ ไปตรวจสอบศัตรู แต่จ้าวหานยวนคนนี้บุกเข้ามาเพราะอยากไ
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยนิ่งเงียบเป็นเวลาสักพัก ทันใดนั้นในตำหนักก็จมอยู่ในความนิ่งขรึมทันที"นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมองจวี๋อิ่งอีกครั้ง "ต้องตามสืบจ้าวหานยวนให้ดีอีก ดูว่าช่วงนี้เขาไปมาหาสู่กับใครบ้าง""ท่านพ่อเชื่อใจเขามากเกินไปเกรงว่าข้าจะโน้มน้าวเขาไม่ได้ เจ้าไปสักหน่อยเมื่อไปถึงข้างกายท่านพ่อของข้าแล้วก็คอยสังเกตจ้าวหานยวนนั่นหน่อย ให้หลานอิ่งไปกับเจ้าด้วย"เมื่อจวี๋อิ่งออกไป จิ่นอวี้ก็เดินเข้ามาถามเสียงเบาทันที "พระสนมสงสัยองค์ชายสามหรือเพคะ?"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยกัหน้า "จิ่นเฉินเปลี่ยนแปลงไปกะทันหันเกินไป อดที่จะทำให้คนสงสัยไม่ได้"จิ่นอวี้พยักหน้า รินน้ำชาให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอีกแก้ว "แต่บัดนี้จวนชุยถูกดับสิ้นไปแล้ว องค์ชายสามไม่มีที่พึ่งแล้วไม่ใช่หรือเพคะ?"ลู่ซิงหว่านเข้ามามีส่วนร่วมกับการระดมความคิดนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้[องค์ชายสามไปบอกพระสนมเต๋อเฟยว่า ให้ดึงสนมฟางกุ้ยเหรินเป็นพรรคพวก อนาคตนางยังมีประโยชน์][พระสนมเต๋อเฟยจึงเริ่มใกล้ชิดกับสนมฟางกุ้ยเหริน แต่ไม่คิดว่าจู่ ๆ ก็มีนางกำนัลมาจากที่ไหนก็ไม่รู้มาบอกอะไรไม่รู้แก่สนมฟางกุ้ยเหริน แล้วส
[ก็เป็นแค่อนุสรณ์ถึงความรักที่ตายไปแล้วของเขา]พระสนมเฉินกุ้ยเฟยคิดว่าหวานหว่านของตนนั้นพูดสรุปได้ถึงใจมาก แต่แค่ไม่สามารถยกมาบอกรัชทายาททั้งประโยคเลยจึงไม่สนใจ "ช่างเถอะ พวกเราพูดเรื่องสำคัญกันดีกว่า""พระสนมเฉินเฟย พระสนมเต๋อเฟยกินของผิดสำแดงจริงหรือ?" องค์ชายรองหักห้ามความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่อยู่"วันนี้ที่ให้พวกเจ้ามาก็จะพูดเรื่องนี้แหละ" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "แต่แค่พวกเจ้าจำไว้ว่าเรื่องที่จะพูดใน เมื่อออกจากตำหนักชิงอวิ๋นไปพวกเจ้าต้องทำเป็นไม่เคยได้ยินอะไรทั้งนั้น"ทั้งสามคนเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดแบบนี้ก็รีบพยักหน้า"ข้าให้คนของข้าไปสืบอย่างละเอียดแล้ว พบว่าช่วงก่อนองค์ชายสามเคยไปตำหนักผู่เหวิน จากนั้นพระสนมเต๋อเฟยก็เริ่มใกล้ชิดกับสนมฟางกุ้ยเหริน เพื่อที่จะดึงเป็นพรรคพวกเดียวกัน""แล้วข้าก็ตามสืบสนมฟางกุ้ยเหริน พบว่าพ่อของสนมฟางกุ้ยเหรินเป็นรองแม่ทัพคนหนึ่งข้างกายท่านพ่อของข้า คนผู้นี้ทะเยอทะยาน แต่ไม่มีความสามารถเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงแต่ไม่รู้จักประเมินตนเอง""พระสนมเฉินสงสัยน้องชายสามงั้นหรือ?" องค์ชายรองเอ่ยปากถามพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยักหน้า "ก็มีความคิดแบ
องค์ชายรองรีบถามอย่างร้อนใจ "พระสนมเฉินยังไม่ได้บอกเลยว่า พระสนมเต๋อเฟยตายได้อย่างไร""สนมฟางกุ้ยเหรินฆ่าพระสนมเต๋อเฟย จากนั้นก็ฆ่าตัวตายตาม" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยตอบอย่างสงบแล้วองค์ชายรองก็เด้งตัวขึ้นทันที "อะไรนะ? สนมฟางกุ้ยเหริน?"รัชทายาทก็สับสนงุนงงเหมือนกัน "พระสนมเต๋อเฟยดึงสนมฟางกุ้ยเหรินเป็นพรรคพวกไม่สำเร็จ แต่กลับถูกสนมฟางกุ้ยเหรินฆ่าเนี่ยนะ?"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยักหน้า "เรื่องนี้ข้ากำลังตามสืบอยู่ ยังไม่ได้คำตอบสุดท้าย แต่สืบได้แค่เรื่องขององค์ชายสามจึงรีบเรียกพวกเจ้ามาทันที"เผยฉู่เยี่ยนที่นิ่งเงียบตั้งนานก็พูดขึ้นสักที "ขอบพระคุณความห่วงใยจากพระสนมมาก วันหลังกระหม่อมจะคอยระวังคนข้างกายให้ดี"เมื่อทั้งสามคนออกจากตำหนักชิงอวิ๋น เหมยหยิ่งก็กลับมาลู่ซิงหว่านอดที่จะรำพึงรำพันไม่ได้[วันนี้ท่านแม่ยุ่งมากเลย ฟังรายงานตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงตอนนี้ แล้วยังเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกพี่รัชทายาทพวกเขาอีก][ท่านแม่ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ตอนนี้พระสนมหลานเฟยล้มป่วย ท่านแม่ต้องห้ามล้มลงเด็ดขาดนะ]ลู่ซิงหว่านไม่รู้ว่า คำพูดของตนนั้นจะกลายเป็นคำทำนายที่เป็นจริงแน่นอนว่า นั่นคือเรื่องราวใ
แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับไม่สามารถขัดได้ "จิ่นอวี้ เจ้ากับจิ่นซินไปทำงานเถอะ ข้าและสนมหลินผินไม่ต้องการการดูแล"จิ่นซินจึงลากจิ่นอวี้เดินออกไป เมื่อออกจากตำหนักถึงค่อยพูด "ไม่เป็นไรหรอก พระสนมของเราเป็นคนอยู่ในสนามรบมานาน คนอย่างสนมหลินผินเข้าใกล้ท่านไม่ได้หรอก"แต่จิ่นซินกลับไม่ไว้ใจ ยังคงมองเข้าไปข้างในด้วยความกังวล "แต่ตอนที่พระสนมเรากำลังให้กำเนิดก็เกือบถูกปองร้ายไม่ใช่หรือ""เจ้าก็พูดเองไม่ใช่หรือว่าตอนนั้นกำลังให้กำเนิดอยู่" จิ่นอวี้รู้ว่าจิ่นซินเป็นคนขี้กลัว ดังนั้นจึงมีความกังวลมากหน่อย "พระสนมบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าปกติคลอดลูกก็ต้องเสี่ยงอันตรายเกือบตายอยู่แล้ว"แล้วก็เข้าไปกระซิบข้างหูจิ่นซิน "ถ้าพวกเราอยู่ สนมหลินผินกลัวเรื่องจะแพร่ออกไปไม่ยอมปริปากล่ะจะทำอย่างไร?"จิ่นซินถึงค่อยพยักหน้าแล้วเฝ้าอยู่หน้าตำหนักด้วยกันกับจิ่นอวี้ส่วนสนมหลินผินที่อยู่ในตำหนัก เมื่อเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยสั่งให้สาวใช้ติดตัวออกไป ใจที่เพิ่มวางลงก็เริ่มแขวนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ทำได้แค่เพียงฝืนยิ้มถาม "ทำไมวันนี้ไม่เห็นองค์หญิงหย่งอันล่ะ?""หย่งอันหลับไปแล้ว" แต่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับตอบอย่างเฉยเมย
เมื่อเห็นสนมหลินผินพูดมาแบบนี้ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เงียบขรึมไปทันที "เจ้าคิดน้อยไปแล้ว..."พูดจบก็ประคองนางขึ้นมา "เจ้านั่งลงก่อน ค่อย ๆ เล่าให้ข้าฟัง"ขณะนั้น เสียงเล็ก ๆ ของลู่ซิงหว่านก็ดังขึ้นอย่างรื่นเริง[ท่านแม่อยากฟังเรื่องซุบซิบนินทาใช่ไหมเนี่ย!]ในใจพระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดที่จะแย้งไม่ได้ : หวานหว่าน แม่กำลังทำเรื่องจริงจังอยู่ เรื่องจริงจัง!สนมหลินผินจึงเช็ด น้ำตาหยุดร้องไห้แล้วค่อย ๆ เล่าเมื่อเห็นลู่ซิงหว่านตื่นมาแล้วแต่ไม่ได้ร้องไห้งอแง พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เลยไม่ได้ไปสนใจนาง ภายในห้องเงียบสงบมีเพียงแค่เสียงพูดของสนมหลินผิน"ช่วงปีที่พระสนมเพิ่งเข้าวังมาใหม่ ๆ ไม่ค่อยออกจากตำหนักชิงอวิ๋นเท่าไหร่ ดังนั้นพระสนมจึงไม่รู้เรื่องนี้""พระสนมเต๋อเฟยติดตามฝ่าบาทมาตั้งแต่ก่อนที่พระองค์จะขึ้นครองราชย์แล้ว นอกจากฮองเฮาองค์ก่อนแล้ว ฝ่าบาทก็ทรงโปรดปรานนางที่สุด จึงทำให้นางวางอำนาจบาตรใหญ่ในวัง""ตอนนั้นครอบครัวของพระสนมเต๋อเฟยยิ่งใหญ่ตระกูลเดียว เมื่อฮองเฮาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ไป พระสนมเต๋อเฟยก็อยากได้ตำแหน่งฮองเฮาเป็นอย่างมาก แต่ว่านางก็ไม่ได้ใจกว้างให้ลูกของคนอื่นเกิดมา""พระสนมดูใน
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรีบหยุดนางเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปิติยินดี “หากเอ่ยว่าครั้งนี้เป็นเจ้าที่ทำเรื่องผิดพลาดลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วนางกำนัลผู้นั้นเล่า ? นางอายุยังน้อย และเป็นเพียงแค่ผู้ที่ถ่ายทอดคำพูดเท่านั้น แล้วเหตุใดถึงจะต้องไปรังแกผู้บริสุทธิ์ ? ” “หม่อมฉัน…หม่อมฉันได้ยินว่าพระสนมเต๋อเฟยสิ้นพระชนม์แล้วถึงได้ร้อนรนใจขึ้นมา และหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ถึงได้…ถึงได้ส่งตัวของนางกำนัลผู้นั้นออกไปจากวัง และคิดว่าการที่ให้ไปหลบซ่อนเอาไว้ก็คงจะดี” สนมหลินผินเอ่ยพร้อมดึงมือของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย “แต่เมื่อนางออกไปแล้วหม่อมก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวจึงได้ให้คน…แต่ว่าพระสนมทรงวางพระทัยได้เพคะหม่อมฉันได้นำเงินก้อนหนึ่งไปมอบให้แก่ครอบครัวของนางกำนัลผู้นั้นแล้ว และเพียงพอที่จะให้พวกเขามีอาหาร และเสื้อผ้าใช้ไปตลอดชีวิตอย่างไม่ต้องเป็นกังวล”แม้ว่าจะบีบบังคับให้ตนเองเคยชินกับโลกแห่งนี้แล้ว แต่การที่ไม่สนใจชีวิตของผู้อื่นเช่นนี้กลับทำให้ลู่ชิงหว่านนั้นรู้สึกรับไม่ไหว[หรือไม่ข้าก็นำเงินมามอบให้เจ้าสองหมื่นตำลึงทองจากนั้นก็ตัดศีรษะของเจ้า ดีไหมล่ะ?][พวกที่มีพละกำลัง และอำนาจอย่างพวกเจ้านั้นเอ่ยอะ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน องค์หญิงใหญ่ก็เข้าวังมาเพื่อคารวะ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยถึงได้ไปที่ตำหนังของไท่เฮาพร้อม ๆ กันกับนาง“พวกเจ้าก็ล้วนแต่มีเรื่องของตนเองให้ทำไม่จำเป็นต้องมาหายายแก่อย่างข้าทุกวันเช่นนี้” ไทเฮาเห็นว่าพวกนางมา แน่นอนว่านางนั้นก็ดีใจเพียงแต่ปากกลับเอ่ยบอกปัดออกมาอย่างนั้น“มาทุกวันเสียที่ไหนกันล่ะเพคะ” องค์หญิงใหญ่ยกน้ำชาแก้วหนึ่งมาให้ไทเฮาแล้วนำไปวางลงที่เบื้องหน้าของไทเฮาเบา ๆ “หรือว่าเสด็จย่าทรงรังเกียจหลาน ? ”“เจ้าดูเจ้าเด็กคนนี้” ไทเฮาแตะไปที่ศีรษะขององค์หญิงใหญ่เบา ๆ แล้วมองไปที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยด้วยดวงตาที่โค้งราวกลับพระจันทร์เสี้ยว “เริ่มมีนิสัยเหมือนเด็กน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยยิ้มเอ่ย “ยามนี้ไทเฮาก็ยอมนางสักหน่อยเถิดเพคะ ยามนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ และเป็นแก้วตาดวงใจของฝ่าบาทเลยนะเพคะ ! ”“ดูแล้วพระสนมเฉินกุ้ยเฟยคงจะหึงแล้วล่ะเพคะ ! ” องค์หญิงใหญ่กรอกตาแล้วยิ้มพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแกล้งทำเป็นโกรธเคืองแล้วมองไปที่ไทเฮา “ไทเฮาก็ดูเด็กคนนี้เถิดเพคะหม่อมฉันจัดการกับนางไม่ไหวแล้ว”จากนั้นพวกนางก็หัวเราะกันขึ้นมา และแม้แต่ลู่ชิงหว่านที่นั่งอยู่ข้า