เมื่อเห็นสนมหลินผินพูดมาแบบนี้ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เงียบขรึมไปทันที "เจ้าคิดน้อยไปแล้ว..."พูดจบก็ประคองนางขึ้นมา "เจ้านั่งลงก่อน ค่อย ๆ เล่าให้ข้าฟัง"ขณะนั้น เสียงเล็ก ๆ ของลู่ซิงหว่านก็ดังขึ้นอย่างรื่นเริง[ท่านแม่อยากฟังเรื่องซุบซิบนินทาใช่ไหมเนี่ย!]ในใจพระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดที่จะแย้งไม่ได้ : หวานหว่าน แม่กำลังทำเรื่องจริงจังอยู่ เรื่องจริงจัง!สนมหลินผินจึงเช็ด น้ำตาหยุดร้องไห้แล้วค่อย ๆ เล่าเมื่อเห็นลู่ซิงหว่านตื่นมาแล้วแต่ไม่ได้ร้องไห้งอแง พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เลยไม่ได้ไปสนใจนาง ภายในห้องเงียบสงบมีเพียงแค่เสียงพูดของสนมหลินผิน"ช่วงปีที่พระสนมเพิ่งเข้าวังมาใหม่ ๆ ไม่ค่อยออกจากตำหนักชิงอวิ๋นเท่าไหร่ ดังนั้นพระสนมจึงไม่รู้เรื่องนี้""พระสนมเต๋อเฟยติดตามฝ่าบาทมาตั้งแต่ก่อนที่พระองค์จะขึ้นครองราชย์แล้ว นอกจากฮองเฮาองค์ก่อนแล้ว ฝ่าบาทก็ทรงโปรดปรานนางที่สุด จึงทำให้นางวางอำนาจบาตรใหญ่ในวัง""ตอนนั้นครอบครัวของพระสนมเต๋อเฟยยิ่งใหญ่ตระกูลเดียว เมื่อฮองเฮาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ไป พระสนมเต๋อเฟยก็อยากได้ตำแหน่งฮองเฮาเป็นอย่างมาก แต่ว่านางก็ไม่ได้ใจกว้างให้ลูกของคนอื่นเกิดมา""พระสนมดูใน
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรีบหยุดนางเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปิติยินดี “หากเอ่ยว่าครั้งนี้เป็นเจ้าที่ทำเรื่องผิดพลาดลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วนางกำนัลผู้นั้นเล่า ? นางอายุยังน้อย และเป็นเพียงแค่ผู้ที่ถ่ายทอดคำพูดเท่านั้น แล้วเหตุใดถึงจะต้องไปรังแกผู้บริสุทธิ์ ? ” “หม่อมฉัน…หม่อมฉันได้ยินว่าพระสนมเต๋อเฟยสิ้นพระชนม์แล้วถึงได้ร้อนรนใจขึ้นมา และหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ถึงได้…ถึงได้ส่งตัวของนางกำนัลผู้นั้นออกไปจากวัง และคิดว่าการที่ให้ไปหลบซ่อนเอาไว้ก็คงจะดี” สนมหลินผินเอ่ยพร้อมดึงมือของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย “แต่เมื่อนางออกไปแล้วหม่อมก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวจึงได้ให้คน…แต่ว่าพระสนมทรงวางพระทัยได้เพคะหม่อมฉันได้นำเงินก้อนหนึ่งไปมอบให้แก่ครอบครัวของนางกำนัลผู้นั้นแล้ว และเพียงพอที่จะให้พวกเขามีอาหาร และเสื้อผ้าใช้ไปตลอดชีวิตอย่างไม่ต้องเป็นกังวล”แม้ว่าจะบีบบังคับให้ตนเองเคยชินกับโลกแห่งนี้แล้ว แต่การที่ไม่สนใจชีวิตของผู้อื่นเช่นนี้กลับทำให้ลู่ชิงหว่านนั้นรู้สึกรับไม่ไหว[หรือไม่ข้าก็นำเงินมามอบให้เจ้าสองหมื่นตำลึงทองจากนั้นก็ตัดศีรษะของเจ้า ดีไหมล่ะ?][พวกที่มีพละกำลัง และอำนาจอย่างพวกเจ้านั้นเอ่ยอะ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน องค์หญิงใหญ่ก็เข้าวังมาเพื่อคารวะ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยถึงได้ไปที่ตำหนังของไท่เฮาพร้อม ๆ กันกับนาง“พวกเจ้าก็ล้วนแต่มีเรื่องของตนเองให้ทำไม่จำเป็นต้องมาหายายแก่อย่างข้าทุกวันเช่นนี้” ไทเฮาเห็นว่าพวกนางมา แน่นอนว่านางนั้นก็ดีใจเพียงแต่ปากกลับเอ่ยบอกปัดออกมาอย่างนั้น“มาทุกวันเสียที่ไหนกันล่ะเพคะ” องค์หญิงใหญ่ยกน้ำชาแก้วหนึ่งมาให้ไทเฮาแล้วนำไปวางลงที่เบื้องหน้าของไทเฮาเบา ๆ “หรือว่าเสด็จย่าทรงรังเกียจหลาน ? ”“เจ้าดูเจ้าเด็กคนนี้” ไทเฮาแตะไปที่ศีรษะขององค์หญิงใหญ่เบา ๆ แล้วมองไปที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยด้วยดวงตาที่โค้งราวกลับพระจันทร์เสี้ยว “เริ่มมีนิสัยเหมือนเด็กน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยยิ้มเอ่ย “ยามนี้ไทเฮาก็ยอมนางสักหน่อยเถิดเพคะ ยามนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ และเป็นแก้วตาดวงใจของฝ่าบาทเลยนะเพคะ ! ”“ดูแล้วพระสนมเฉินกุ้ยเฟยคงจะหึงแล้วล่ะเพคะ ! ” องค์หญิงใหญ่กรอกตาแล้วยิ้มพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแกล้งทำเป็นโกรธเคืองแล้วมองไปที่ไทเฮา “ไทเฮาก็ดูเด็กคนนี้เถิดเพคะหม่อมฉันจัดการกับนางไม่ไหวแล้ว”จากนั้นพวกนางก็หัวเราะกันขึ้นมา และแม้แต่ลู่ชิงหว่านที่นั่งอยู่ข้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไทเฮาก็ตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มตาหยีอย่างมีความสุข “ซิงรั่วของพวกเรากำลังจะได้เป็นแม่คนแล้วสินะ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ” พลางยื่นมือออกไปตบไหล่องค์หญิงใหญ่เบาๆ องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอียงตัวซบแขนไทเฮาด้วยท่าทางเขินอาย พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เสด็จย่า~”“หลินจื่อโจวเป็นใครหรือ?” ไทเฮาหันไปถามพระสนมเฉินกุ้ยเฟย“เป็นหลานชายของราชครูหลินเพคะ ปีนี้อายุเข้าสิบเจ็ดปีแล้ว อายุอานามกำลังพอดีเลยเพคะ!”“อ๋อ~” ไทเฮาลากเสียงยาว ราวกับนึกอะไรออก “ข้าเคยเห็นเด็กคนนั้นมาก่อน หน้าตาดีทีเดียว เหมาะสมกับซิงเสวี่ยของพวกเรายิ่งนัก”เห็นไทเฮาทำสีหน้าพึงพอใจ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ยิ้มตาม “ในเมื่อไทเฮาเองก็ทรงเห็นว่าดี เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะไปถามความเห็นจากฝ่าบาทดูเพคะ หากฝ่าบาทเห็นชอบด้วย หม่อมฉันก็จะให้คนไปสอบถามทางตระกูลหลินเพคะ”“ดี” ไทเฮาตบมือองค์หญิงใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ เบา ๆ แล้วหันไปมองพระสนมเฉินกุ้ยเฟย “เจ้าช่างเป็นคนรอบคอบอยู่เสมอเลย”ทว่าองค์หญิงใหญ่กลับลังเลพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นท่าทางเช่นนั้นจึงเอ่ยถาม “ซิงรั่วดูท่าทางอึกอักเช่นนี้เป็นอะไรไปอย่างนั้นหรือ?”“เพียงแต่ว่าสว
เมื่อได้ยินว่ามีคนสามารถรักษาอาการป่วยของพระสนมหลานเฟยได้ องค์ชายรองก็ลงมือทันที เช้าวันรุ่งขึ้นก็เตรียมของกำนัลล่วงหน้าไปยังจวนกว่างฉินโหวจวนกว่างฉินโหวที่สืบทอดบรรดาศักดิ์มาหลายชั่วอายุคนจนถึงรุ่นนี้ก็ดูจะซบเซาลงไปบ้าง แต่ไม่คาดคิดว่าช่วงนี้กลับมีคนจากวังหลวงมาเยือนอยู่บ่อยครั้งเพราะสะใภ้ของตระกูล ฮูหยินกว่างฉินโหวจึงรู้สึกชอบสะใภ้คนนี้มากขึ้นในทันทีก่วนหลางสือยังไม่กลับจากการประชุมในตอนเช้า จึงเป็นกว่างฉินโหวที่ต้อนรับองค์ชายรองก่อนที่กว่างฉินโหวจะทันได้คำนับ องค์ชายรองก็ก้าวเข้าไปประคองเขาขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นคำนับทันที “ที่ข้ามาในครั้งนี้เพราะมีเรื่องจะขอร้อง จึงไม่ขอพูดอ้อมค้อมกับท่านโหวแล้ว”กว่างฉินโหวมองออกถึงความเร่งรีบขององค์ชายรอง จึงกลืนคำพูดที่กำลังจะถามไถ่ทิ้งไป แล้วคำนับกล่าวว่า “หากองค์ชายมีอะไรที่จวนกว่างฉินโหวของกระหม่อมจะช่วยได้ ขอเพียงบอกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าได้ยินว่ามารดาของฮูหยินก่วนมาที่นี่ เสด็จแม่ของข้าป่วยหนักลุกไม่ได้มาหลายวันแล้ว จึงอยากขอให้ท่านหมออูช่วยตรวจอาการ เสด็จแม่ของข้าสักหน่อยเถิด”“พระสนมหลานเฟยทรงประชวรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” กว่างฉินโหวได้ยินเช
พูดจบก็หันไปมองพระสนมหลานเฟยที่นอนอยู่บนเตียงคราวนี้พระสนมหลานเฟยเป็นฝ่ายเอ่ยปาก “แม่นางอูมาถึงที่นี่ได้ ถือว่ารบกวนท่านแล้ว”แม่นางอูเห็นพระสนมหลานเฟยท่าทางอ่อนแรง จึงรีบเดินเข้าไปใกล้ มองพระสนมหลานเฟยแล้วกล่าว “เช่นนั้นหม่อมฉันขอตรวจอาการพระสนมสักหน่อยนะเพคะ”คนอื่น ๆ ต่างถอยออกไปด้านข้าง ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากรบกวนพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเพียงพยักหน้าให้ต้วนอวิ๋นอี ไม่ได้พูดอะไรอีก มองแม่นางอูด้วยสายตาเต็มไปด้วยความพอใจบิดาของแม่นางอูเคยเป็นหัวหน้าหมอหลวง มีทักษะทางการแพทย์สูงส่ง ภายหลังแม้จะเกษียณกลับบ้านเกิด แต่ก็ไม่ได้อยู่เฉย กลับเปิดสถานพยาบาลในท้องถิ่น บางครั้งรักษาคนยากจนโดยไม่คิดค่ารักษา นับเป็นแพทย์ผู้มีจิตเมตตาอย่างแท้จริงแม้ท่านหมออูจะมีบุตรธิดาหลายคน ทว่ามีเพียงธิดาคนนี้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาการแพทย์จากเขา เพียงแต่หลังแต่งงานแม่นางอูก็แทบไม่ได้ออกมาตรวจรักษาผู้ป่วย ช่างน่าเสียดายวิชาแพทย์ที่มีติดตัวเสียจริง ๆเมื่อครู่เห็นนางมองพระสนมหลานเฟยด้วยสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย ก็รู้ว่าแม่นางอูคงมีนิสัยเหมือนบิดาครู่ต่อมา แม่นางอูจึงลุกขึ้นยืน หันไปมององค์ชายรอง แล้วหันกลับมา
ณ ตำหนักชิงอวิ๋น เมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับมา องค์ชายรองก็รออยู่ที่นั่นแล้วพระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้ดีว่าเขามาด้วยเรื่องอะไร จึงสั่งให้จิ่นซินและจิ่นอวี้ถอยออกไป แล้ววางลู่ซิงหว่านลงบนเตียง ยัดของเล่นให้นางก่อนจะหันไปทักทายองค์ชายรอง “พระสนมเฉินกุ้ยเฟย” องค์ชายรองมาด้วยเรื่องที่พระสนมหลานเฟยถูกวางยาพิษ เขาเคยชินกับการพึ่งพาตัวเองมาตลอด แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น คิดว่าควรหาคนปรึกษา จึงเดินมาที่ตำหนักชิงอวิ๋นโดยไม่รู้ตัว“จิ่นอวี้ไม่ต้องกังวล หลังเจ้าออกจากวังไป ข้าจะคอยดูแลมารดาเจ้าในวังเอง” เห็นเขาไม่พูดอะไร พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงทำลายความเงียบองค์ชายรองส่ายหน้า ผ่านไปครู่หนึ่งคล้ายนึกได้ว่าไม่ถูกต้อง จึงพยักหน้า แล้วถอนหายใจก่อนเอ่ยว่า “พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้ดี เสด็จแม่ของข้าเป็นคนระมัดระวังที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกวางยาพิษได้”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยนึกถึงคำที่แม่นางอูบอก ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรกับองค์ชายรองแทนที่จะให้เขากังวล ไม่สู้สืบสวนให้กระจ่างก่อนค่อยบอกเขาเสียดีกว่า“ปู่ของข้าจากไปตั้งแต่เยาว์วัย เสด็จแม่ข้าจึงไม่มีญาติฝ่ายมารดาคอยพึ่งพามาตั้งนานแล้ว บัดนี้อาศ
แต่ในวังหลังนี้ ไม่เคยสงบสุขมาก่อน ต่อไปภายภาคหน้า ตนเองยังต้องคอยดูแลหวานหว่านอย่างดีจึงจะได้ลู่ซิงหว่านก็ตื่นขึ้นมาในเวลานี้ ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็สบเข้ากับสายตาของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่มองมาที่ตน พลันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายขึ้นมา[ว้าว เสด็จแม่ของข้าช่างงดงามจริง ๆ!][อายจัง เสด็จแม่จ้องมองหวานหว่าน หวานหว่านอายไปหมดแล้ว]เมื่อคิดในใจเช่นนั้นนั้น จึงเริ่มมุดเข้าไปในอ้อมกอดของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย เห็นนางเป็นเช่นนั้น พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ยิ่งรู้สึกดีใจ รีบกอดลู่ซิงหว่านแล้วจูบหนึ่งทีจึงจะยอมปล่อยสองแม่ลูกลุกขึ้นแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหาร พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเกิดความคิดขึ้นมา จึงสั่งให้จิ่นซินและจิ่นอวี้พาไปที่ตำหนักองค์รัชทายาท เมื่อเข้าไปในตำหนักซิงหยางขององค์รัชทายาท ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้วลู่ซิงหว่านมาที่ตำหนักซิงหยางเป็นครั้งแรก จึงหมุนไปมาในอ้อมแขนของจิ่นซินด้วยความตื่นเต้น[ที่แท้นี่ก็คือตำหนักของพี่ชายใหญ่ ช่างมีกลิ่นอายของบัณฑิตจริง ๆ!][ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดว่า พี่ชายใหญ่ที่สุภาพนุ่มนวลเช่นนี้ จะชอบสภาพแวดล้อมแบบไหนกัน ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง...]พระสนมเฉ
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก
คิดในใจ ลู่ซิงหว่านจึงใช้ทั้งมือและเท้าเดินกลับไปหาหานซีเยว่อีกครั้ง แล้วประคองโต๊ะเล็กให้ลุกขึ้นตอนนี้หานซีเยว่เปิดกล่องนั้นแล้ว เป็นกําไลหยกที่โปร่งใสซ่งชิงเหยียนถึงยิ้มแล้วพูดต่อ “ไม่ถือว่าเป็นกําไลที่ดีอะไรหรอก แต่เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้”ลู่ซิงหว่านเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือของหานซีเยว่ที่ถือกําไลนั้นถึงกับสั่นนางวางกําไลนั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วผลักไปตรงหน้าซ่งชิงเหยียน “พระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารับไว้จริงๆ”ซ่งชิงเหยียนกลับยิ้มพลางยืนขึ้น หยิบกําไลหยกนั้นไว้ในมือ เดินไปตรงหน้าหานซีเยว่ แล้วสวมแทนนาง “การแต่งงานของเจ้ากับองค์รัชทายาท พวกข้าพอใจมาก ฮองเฮาองค์ก่อนก็ต้องพอใจมากเช่นกัน”ตอนนี้เมื่อซ่งชิงเหยียนพูดถึงซ่งชิงหย่าอีกครั้ง นางก็รู้สึกสงบมากขึ้นกว่าเดิม“กําไลวงนี้เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้ บอกว่าจะมอบให้ว่าที่ลูกสะใภ้ “น่าเสียดายที่นางเองไม่มีโอกาสได้มอบมันให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องให้น้องสาวอย่างข้าทําแทน”“เดิมทีจะมอบให้เจ้าในพิธีปักปิ่นของเจ้า แต่วันที่เจ้าเข้าพิธีปักปิ่นนั้น ข้าเกรงว่าจะมีธุระไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ ดังนั้นจึ
หลังจากได้ยินคําพูดของซ่งชิงเหยียน ฉยงหัวก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ“จะได้หรือ?” คําพูดของฉยงหัวแฝงความหมายหยั่งเชิงอยู่บ้าง นางย่อมยินยอมไปหลายวันมานี้นางก็คิดได้แล้ว ดีชั่วตอนนี้ตนเองสูญเสียพลังจิตวิญญาณไปแล้ว แทนที่จะมัวยึดติดกับการตามหาหวานหว่าน สู้สงบจิตสงบใจ เสพสุขกับชีวิตในตอนนี้จะดีกว่าบางทีหลังจากที่อาจารย์ของหวานหว่านออกจากการเก็บตัวแล้ว เห็นว่าตัวเองก็ไม่อยู่แล้ว ย่อมมาช่วยเองอยู่แล้ว“แน่นอน ข้าจะไปถามความหมายของฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”“คิดว่าฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธแน่ ฝีมือการรักษาของแม่นางฉยงหัวยอดเยี่ยมมาก หากได้แม่นางฉยงหัวมาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย นั่นคงจะดีไม่น้อย”แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของซ่งชิงเหยียนเท่านั้น ที่นางอยากพาฉยงหัวออกไปก็เพราะหวานหว่านหวานหว่านชอบพี่ฉยงหัวขนาดนี้ ย่อมต้องอยากอยู่กับนางตลอดไปอยู่แล้วจิ่นซินและจิ่นอวี้เก็บข้าวของเกือบทั้งคืน พวกนางเอาเข้าไป ซ่งชิงเหยียนเอาออกมา แบบนี้ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็ทิ้งกล่องใหญ่สองใบไว้ซ่งชิงเหยียนประนีประนอมแล้วนางพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ให้คนขับรถม้าของฝ่าบาทเหนื่อยหน่อยละกัน!ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องสําคั
ต้องบอกว่าของข้างนอกอร่อยกว่าของในวังจริงๆในนิทานล้วนบอกว่าชีวิตของพระสนมหวงกุ้ยเฟยในวังนั้นงดงามและสบายแค่ไหน แต่ลู่ซิงหว่านกลับรู้สึกว่า ไม่ได้สบายอยู่ข้างนอก[ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็คงดีไม่น้อย ยังไงก็มีเงิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย][อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย สามารถกินอาหารที่พ่อครัวทําได้มากมาย พ่อครัวทำขนมในวังเหล่านี้ ข้ากินจนเบื่อแล้ว][เสด็จย่ากินมาตั้งหลายปี ยังกินไม่เบื่ออีกหรือ?]ซ่งชิงเหยียนบ่นในใจว่า เบื่อสิ แน่นอนว่านางกินจนเบื่อแล้ว ขนมที่องค์หญิงใหญ่นํามาจากหอฝูหม่านครั้งที่แล้ว ไทเฮาพูดตรงๆ เลยว่าอร่อยตอนนี้ซิงรั่วเกือบจะส่งคนมาส่งที่วังทุกสองวันก็ถือว่ามีใจแล้วจริงๆ เมื่อซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่ ฉยงหัวก็มาหานางมองท่าทางของจิ่นซินและจิ่นอวี้ที่กําลังยุ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง"พระสนมหวงกุ้ยเฟยนี่คือ..."คําพูดที่เหลือฉยงหัวไม่กล้าพูดออกมา ถูกโจรปล้นหรือ?“พี่ฉยงหัว!” ลู่ซิงหว่านพูดพลางพลิกตัวลงจากเตียง แล้ววิ่งไปหาฉยงหัวซ่งชิงเหยียนมองท่าทางคล่องแคล่วของลู่ซิงหว่านแล้วก็ตกตะลึงนางรู้ว่าหวานหว่านชอบพี่สาวฉยงหัวคนนี้มาก แต่เตียงนุ่มที่สูงขนาดนี้ น