เมื่อเข้ามาในตำหนักก็พบว่ารัชทายาทกำลังฟุบอยู่กับโต๊ะ ท่าทางเหมือนไม่สบายมากและเริ่มฉีกเสื้อผ้าของตนเองออกจิ่นอวี้อดที่จะะหันไปมองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้แต่กลับเห็นสีหน้าของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยนิ่งเย็นชาราวน้ำแข็ง ชำเลืองมองนางกำนัลแต่ก่อนพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเคยร่วมรบในสนามรบมาก่อน เพียงแค่สายตาเดียวรังสีอำมหิตก็พลุ่งพล่านออกมาทันที จนนางกำนัลตกใจกลัวจนไม่กล้าส่งเสียง เพียงแค่หมอบลงอยู่กับที่ ตัวสั่นระริกในอ้อมอกของจิ่นซินอุ้มลู่ซิงหว่านไว้อยู่ แล้วรู้สึกว่าภาพเหตุการ์ณแบบนี้ไม่สมควรให้เด็กเห็น จึงปิดตานางทันทีแต่ลู่ซิงหว่านไม่ใช่คนว่านอนสอนง่าย จึงขยับซ้ายทีขวาทีเพื่อต้องการที่จะเห็นให้ชัดจิ่นซินสู้นางไม่ได้จึงไม่ปิดตานางอีกแล้วปล่อยนางไป เพราะองค์หญิงน้อยผู้นี้ก็เคยเห็นอะไรที่หนักกว่านี้มาแล้วลู่ซิงหว่านถึงค่อยอยู่นิ่ง ๆส่วนพระะสนมเฉินกุ้ยเฟยก็หันกลับมาอุ้มลู่ซิงหว่านจากจิ่นซิน และกระซิบบอกนางเสียงเบา "ไปเชิญหมอหลวงจ้าวมา ด่วน อย่าอึกทึกครึกโครม บอกแค่ว่าข้าอยู่ที่ตำหนักของรัชทายาทแล้วไม่สบายกะทันหัน"เมื่อจิ่นซินได้รับคำสั่งก็รีบหมุนตัวจะออกไป แต่กลับถูกพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเ
เผยฉู่เยี่ยนอึ้งไปทันที ตนเป็นปค่องครักษ์ไม่ใช่หรือ? องครักษ์ยังต้องทำหน้าที่เป็นแม่นมด้วยหรือ?แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ในเมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยยัดองค์หญิงใส่ในอ้อมอกของตนแล้วจะให้ตนทิ้งนางหรอกหรือส่วนลู่ซิงหว่านก็อึ้งกับการกระทำของท่านแม่เหมือนกัน[ท่านแม่ เขาอายุแค่แปดขวบ เขาอุ้มข้าได้เหรอ?][น่ากลัวจังเลย น่ากลัวจังเลย ข้าต้องระวังหน่อยแล้วล่ะ ท่านแม่ ท่านดูท่าทางของเขาสิอุ้มข้าได้ที่ไหนเล่า!]จากนั้นก็มองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่กำลังเป็นห่วงมาก[ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ วันนี้ท่านแม่ยุ่งขนาดนี้ยอมให้เจ้าเด็กนี่อุ้มข้าครั้งหนึ่งก็ได้]ขณะนั้นเอง จงผิงคนรับใช้คนสนิทของรัชทายาทก็รีบวิ่งเข้ามาในตำหนักซิงหยาง วิ่งตรงปรี่มายังตำหนักหลักอย่างเร่งรีบ สายตาของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่มองเขาแฝงไปด้วยความไม่พอใจจงผิงกำลังจะอ้าปากอธิบายก็ถูกพระสนมเฉินกุ้ยเฟยตัดบทเพราะร่างกายของรัชทายาทสำคัญที่สุด พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้กล่าวโทษ ณ ตรงนั้นเลยทันทีเพียงแค่สั่งจงผิง "เจ้าพาองค์รัชทายาทของเจ้าไปอาบน้ำเย็นก่อน มีอะไรค่อยพูดทีหลัง"เมื่อครู่ที่จงผิงเข้ามาในตหนักก็สังดกตเห็นรัชทายาทที่เหมือนจะไม่สบ
เหมยหยิ่งก้าวเข้าไปเพียงแค่หยิบแขนของนางกำนัลคนนั้นขึ้นอย่างง่ายดาย แล้วออกแรงบีบข้อมือนางเล็กน้อย นางกำนัลคนนั้นก็เจ็บจนทนไม่ไหวทันทีจนร้องออกมาเสียงดัง จิ่นอวี้ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นทีก็กลัวจะรบกวนองค์รัชทายาทจึงรีบยัดผ้าอ้อมอันเมื่อครู่กลับไปทันทีแต่ผ่านไปไม่นาน นางกำนัลคนนั้นก็ส่ายหัวสุดแรง ส่งเสียงร้องอู้อี้ มองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงได้ส่งสัญญาณให้เหมยหยิ่งหยุดลงแล้วถามนางกำคนคนนั้น "คิดดีแล้วใช่ไหม?"นางกำนัลคนนั้นพยักหน้ารัวสุดแรงและมีน้ำตาเล็ดเมื่อเห็นท่าทีของนางกำนัล พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ส่งสัญญาณให้จิ่นอวี้เอาผ้าอ้อมออกจากนั้นก็มองนางกำนัลคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา "เจ้าต้องคิดให้ดีนะ หากโกหกข้าอีกครั้งมันจะไม่ง่ายดังเช่นนี้แล้ว"นางกำนัลคนนั้นกลัวพระสนมเฉินกุ้ยเฟยสุดขีด รีบโขกหัวรัว ๆ "บ่าวไม่กล้าเพคะ บ่าวจะบอกทุกอย่างโดยไม่ปิดบังแน่นอน"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยชำเลืองมองนางกำนัลคนนั้นจากตำแหน่งที่สูงกว่า สายตาเต็มไปด้วยความนิ่งขรึมลุ่มลึกสายตานี้ทำให้นางกำนัลกลัวสุดขีดจนสะดุ้งโหยงอย่างห้ามไม่ได้นางรีบคลานเข้าไปคุกเข่าโขกหัวกับพื้
แต่มองกลับกันก็รู้สึกดีใจที่ตอนนี้ตนจับตัวคนร้ายที่ฆ่ารัชทายาทได้ด้วยความบังเอิญถ้าอย่างนั้นจิ่นเหยาก็มีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างปลอดภัยแล้วสิเมื่อคิดได้ดังนี้นางก็ลุกขึ้นพรวดทันที ถอนหายใจยาวออกมา "ไปเถอะ ไปห้องทรงอักษร""จิ่นอวี้และ..."ยังพูดไม่ทันจบก็เห็นจงผิงเข้ามาพระสนมเฉินกุ้ยเฟยถึงค่อยนึกได้ว่ายังมีเรื่องขันทีน้อยคนนี้ จึงถอนหายใจแล้วนั่งลงเหมือนเดิมเมื่อจงผิงเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยถอนหายใจก็รีบเข้าไปคุกเข่าลง "บ่าวมีความผิดพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าบอกมาสิว่าเจ้าผิดอะไร" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้โมโหแต่อย่างใด"วันนี้มีขันทีน้อยจากข้างนอกมาแจ้งว่า พระสนมกุ้ยเฟยบาดเจ็บตรงเท้าที่อุทยานหลวง เนื่องจากอยู่ใกล้ตำหนักของรัชทายาทก็เลยมาขอความช่วยเหลือที่ตำหนักซิงหยาง""เนื่องจากองค์รัชทายาทกำลังยุ่งอยู่ในห้องหนังสือ บ่าวก็ไม่ได้คิดอะไรมากจึงให้คนไปเตรียมเกี้ยวแล้วไปยังอุทยานหลวง""แต่บ่าวเดินหาในอุทยานหลวงตั้งนานก็ไม่พบพระสนมกุ้ยเฟย จึงคิดได้ว่าตนถูกแผนล่อเสือออกจากถ้ำเข้าแล้ว แต่เมื่อบ่าวกลับมาก็สายไปแล้ว"จงผิงพูดจบก็โขกหัวทันที "โชคดีที่วันนี้พระสนมกุ้ยเฟยปรากฏได้อย่างท่วงทัน มิเช่นนั้
เมื่อคุยกับเผยฉู่เยี่ยนเรื่ององครักษ์เงาเสร็จ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยถึงค่อยมีรับสั่ง "จิ่นอวี้และเผยฉู่เยี่ยนอยู่ช่วยดูแลรัชทายาทที่ตำหนักซิงหยาง ข้าจะพาจิ่นซินไปห้องทรงอักษร"พูดจบก็มองไปทางเผยฉู่เยี่ยน "ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ต้องให้ฝ่าบาททราบถึงจะดี"แววตาแฝงความทรงพลังและเด็ดเดี่ยวห้ามคัดค้านในใจเผยฉู่เยี่ยนอึ้งเล้กน้อย ปกติพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเป็นคนอ่อนโยนมาก แต่หากเรื่องเกี่ยวข้องกับพวกเด็กรุ่นหลังอย่างพวกเขาก็นางก็คล้ายกับ...แม่ไก่ที่กำลังปกป้องลูกไก่แม้จะบรรยายได้ไม่งามนักแต่ในใจเผยฉู่เยี่ยนคิดแบบนี้จากใจจริง พระสนมเฉินกุ้ยเฟยแบบนี้ทำให้เขารู้สึกว่า ในวังหลังที่เย็นชาไร้ความจริงใจนี้ยังพอมีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่บ้างเนื่องจากมีเรื่องในใจ ฝีเท้าของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงเร็วมาก ไม่นาน นางก็พาจิ่นซินมาถึงหน้าห้องทรงอักษรเมิ่งฉวนเต๋อเ็นว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาก็รีบเข้าไปคำนับ "พระสนมมาได้จังหวะพอดีเลย ฝ่าบาทเพิ่งเสวยมื้อเย็นจากที่พระสนมหนิงเฟยกลับมาเมื่อครู่"แม้เรื่องเมื่อครู่ยังติดอยู่ในใจของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย แต่นางยังคนฝืนยิ้มแล้วเดินตามเมิ่งฉวนเต๋อเข้าไปในห้องทรงอักษร"ฝ่าบาท" แม
[เสด็จพ่อก็คงนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายขนาดนี้ขึ้นในวัง เริ่มแรกพระสนมฟางกุ้ยเหรินบ้าคลั่งฆ่าพระสนมเต๋อเฟย ต่อมามีคนคิดจะปีนขึ้นเตียงพี่รัชทายาท แต่ปีนขึ้นเตียงพี่รัชทายาทจะมีประโยชน์อะไร เขาก็แค่รัชทายาทคนหนึ่งเท่านั้น] [มิสู้ปีนขึ้นเตียงเสด็จพ่อยังดูเป็นไปได้มากกว่า เผื่อเสด็จพ่ออารมณ์ดี แต่งตั้งให้เป็นกุ้ยเหริน จะไม่เฟื่องฟูขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียวหรอกหรือ] ฮ่องเต้ต้าฉู่มองบนในใจ บุตรสาวตนนี้ สมเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขาจริงๆ มีเรื่องอะไรก็มาหาเสด็จพ่อ เสด็จพ่อก็คือสวรรค์ของนาง ลู่ซิงหว่านไม่รู้ความคิดภายในใจฮ่องเต้ต้าฉู่ ก่อนจะเปลี่ยนความคิดอีกครั้ง[ไม่ใช่ๆ นังคนนี้ไม่ได้คิดแต่จะปีนขึ้นเตียงอย่างเดียว นางเป็นคนโง่ และถูกคนอื่นหลอกใช่ก็เท่านั้น][จุดประสงค์ของคนที่หลอกใช่นางไม่ใช่ให้นางเป็นพระสนม แต่เพื่อให้นางวางยาพิษพี่ชายใหญ่ของข้า โชคดีที่วันนี้เสด็จแม่ไปพบเข้าพอดี][ไม่เช่นนั้นพี่รัชทายาทคงถูกวางยาพิษตายเหมือนในหนังสือแล้ว]ฮ่องเต้ต้าฉู่ประหลาดใจอย่างมากทันที ที่แท้นางข้าหลวงคนนั้นคิดจะวางยาพิษรัชทายาท?เขาโกรธเกรี้ยวขึ้นทันใด “ไม่คิดเลยว่าวังหลังในตอนนี้จะวุ
ทว่าลู่ซิงหว่านกลับไม่สนใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครช่วยตัวเอง ก็ใช้มือน้อยของตัวเองยันขึ้นนั่ง[องครักษ์เงามังกรไม่ใช่องครักษ์ลึกลับที่สุดข้างกายเสด็จพ่อหรอกหรือ? ถึงกับให้เสด็จแม่เห็นเช่นนี้เลย? เสด็จพ่อไว้ใจเสด็จแม่ขนาดนั้นเลยหรือ?][โว้วๆ หน้าตาพอใช้ได้! คล้ายกับองครักษ์เงามังกรที่บรรยายไว้ในหนังสือเลย]เมื่อได้ยินเสียงในใจของลู่ซิงหว่าน ฮ่องเต้ต้าฉู่อดแสยะปากขึ้นมาไม่ได้ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าข้านั้นให้ความสำคัญกับเสด็จแม่เจ้ามาก เพียงแต่หลายวันมานี้ยุ่งไปหน่อยก็เลยไม่ได้ไปที่ตำหนักชิงอวิ๋นฮ่องเต้ต้าฉู่มองไปที่อิ่งอีด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึม “เจ้าไปที่ตำหนักชิงอวิ๋น นำตัวนางข้าหลวงที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกักขังไว้มาไต่สวนและตรวจสอบให้ข้า”“พะย่ะค่ะ” อิ่งอีรับบัญชา เขาไม่พูดอะไรมาก เมื่อออกประตูไปก็ตรงไปยังตำหนักชิงอวิ๋นทันทีเมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับไปถึงตำหนักชิงอวิ๋น อิ่งอีก็ได้นำตัวอวี้หลันไปแล้ว“คุณหนู” เมื่อเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับมา เหมยหยิ่งก็ก้าวไปหา ในมือถือจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ ก่อนมอบให้นาง “จดหมายจากหลานอิ่งเจ้าค่ะ”“เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?” พระสนมเฉินกุ
“เรื่องนี้ เมื่อเทียบกับในสนามรบเมื่อก่อนมันเบากว่ามาก” เหมยหยิ่งอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ตอนนี้มีเรื่องให้ทำก็ดีเช่นกันพะย่ะค่ะ”คืนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว แต่รัชทายาทกลับมาที่ตำหนักชิงอวิ๋นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเพิ่งจะกล่อมลู่ซิงหว่านนอนหลับไป และตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียงยาว ครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในไม่กี่วันมานี้ ทว่าจิ่นอวี้กลับค่อยๆ ย่องเข้ามา “พระสนม องค์รัชทายาทมาพะย่ะค่ะ”แม้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจะมึนงงไปชั่วขณะ กระนั้นก็ให้จิ่นอวี้เชิญรัชทายาทเข้ามา“วันนี้รบกวนเสด็จป้าแล้ว” เนื่องจากลู่ซิงหว่านหลับไปแล้ว พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงพบรัชทายาทที่ห้องโถงด้านข้าง“เจ้าพูดอะไรกัน ในวังนี้ ข้าไม่คุ้มครองเจ้าแล้วจะคุ้มครองใคร!” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยแสร้งทำเป็นกล่าวด้วยความโกรธ “เพียงแต่ข้างกายเจ้าควรมีคนมากกว่านี้อีกหน่อย”“วันนี้ฉู่เยี่ยนบอกข้าแล้วว่าจะย้ายองครักษ์เงาที่บิดาเขาทิ้งไว้ให้เขามาให้เจ้าสี่คน” ครั้นเห็นว่ารัชทายาทกำลังจะเปิดปากปฏิเสธ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่มีทางให้โอกาสนี้แก่เขา “เพลานี้มีเรื่องให้กลุ้มมากมาย เจ้าไม่จำเป็นต้องปฏิเสธหรอก พรุ่งนี้สี่คนนั้นจะเขาวังมา ถึงครานั้นเจ้าก็จัดแจงใ