[เสด็จพ่อก็คงนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายขนาดนี้ขึ้นในวัง เริ่มแรกพระสนมฟางกุ้ยเหรินบ้าคลั่งฆ่าพระสนมเต๋อเฟย ต่อมามีคนคิดจะปีนขึ้นเตียงพี่รัชทายาท แต่ปีนขึ้นเตียงพี่รัชทายาทจะมีประโยชน์อะไร เขาก็แค่รัชทายาทคนหนึ่งเท่านั้น] [มิสู้ปีนขึ้นเตียงเสด็จพ่อยังดูเป็นไปได้มากกว่า เผื่อเสด็จพ่ออารมณ์ดี แต่งตั้งให้เป็นกุ้ยเหริน จะไม่เฟื่องฟูขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียวหรอกหรือ] ฮ่องเต้ต้าฉู่มองบนในใจ บุตรสาวตนนี้ สมเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขาจริงๆ มีเรื่องอะไรก็มาหาเสด็จพ่อ เสด็จพ่อก็คือสวรรค์ของนาง ลู่ซิงหว่านไม่รู้ความคิดภายในใจฮ่องเต้ต้าฉู่ ก่อนจะเปลี่ยนความคิดอีกครั้ง[ไม่ใช่ๆ นังคนนี้ไม่ได้คิดแต่จะปีนขึ้นเตียงอย่างเดียว นางเป็นคนโง่ และถูกคนอื่นหลอกใช่ก็เท่านั้น][จุดประสงค์ของคนที่หลอกใช่นางไม่ใช่ให้นางเป็นพระสนม แต่เพื่อให้นางวางยาพิษพี่ชายใหญ่ของข้า โชคดีที่วันนี้เสด็จแม่ไปพบเข้าพอดี][ไม่เช่นนั้นพี่รัชทายาทคงถูกวางยาพิษตายเหมือนในหนังสือแล้ว]ฮ่องเต้ต้าฉู่ประหลาดใจอย่างมากทันที ที่แท้นางข้าหลวงคนนั้นคิดจะวางยาพิษรัชทายาท?เขาโกรธเกรี้ยวขึ้นทันใด “ไม่คิดเลยว่าวังหลังในตอนนี้จะวุ
ทว่าลู่ซิงหว่านกลับไม่สนใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครช่วยตัวเอง ก็ใช้มือน้อยของตัวเองยันขึ้นนั่ง[องครักษ์เงามังกรไม่ใช่องครักษ์ลึกลับที่สุดข้างกายเสด็จพ่อหรอกหรือ? ถึงกับให้เสด็จแม่เห็นเช่นนี้เลย? เสด็จพ่อไว้ใจเสด็จแม่ขนาดนั้นเลยหรือ?][โว้วๆ หน้าตาพอใช้ได้! คล้ายกับองครักษ์เงามังกรที่บรรยายไว้ในหนังสือเลย]เมื่อได้ยินเสียงในใจของลู่ซิงหว่าน ฮ่องเต้ต้าฉู่อดแสยะปากขึ้นมาไม่ได้ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าข้านั้นให้ความสำคัญกับเสด็จแม่เจ้ามาก เพียงแต่หลายวันมานี้ยุ่งไปหน่อยก็เลยไม่ได้ไปที่ตำหนักชิงอวิ๋นฮ่องเต้ต้าฉู่มองไปที่อิ่งอีด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึม “เจ้าไปที่ตำหนักชิงอวิ๋น นำตัวนางข้าหลวงที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกักขังไว้มาไต่สวนและตรวจสอบให้ข้า”“พะย่ะค่ะ” อิ่งอีรับบัญชา เขาไม่พูดอะไรมาก เมื่อออกประตูไปก็ตรงไปยังตำหนักชิงอวิ๋นทันทีเมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับไปถึงตำหนักชิงอวิ๋น อิ่งอีก็ได้นำตัวอวี้หลันไปแล้ว“คุณหนู” เมื่อเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับมา เหมยหยิ่งก็ก้าวไปหา ในมือถือจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ ก่อนมอบให้นาง “จดหมายจากหลานอิ่งเจ้าค่ะ”“เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?” พระสนมเฉินกุ
“เรื่องนี้ เมื่อเทียบกับในสนามรบเมื่อก่อนมันเบากว่ามาก” เหมยหยิ่งอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ตอนนี้มีเรื่องให้ทำก็ดีเช่นกันพะย่ะค่ะ”คืนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว แต่รัชทายาทกลับมาที่ตำหนักชิงอวิ๋นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเพิ่งจะกล่อมลู่ซิงหว่านนอนหลับไป และตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียงยาว ครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในไม่กี่วันมานี้ ทว่าจิ่นอวี้กลับค่อยๆ ย่องเข้ามา “พระสนม องค์รัชทายาทมาพะย่ะค่ะ”แม้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจะมึนงงไปชั่วขณะ กระนั้นก็ให้จิ่นอวี้เชิญรัชทายาทเข้ามา“วันนี้รบกวนเสด็จป้าแล้ว” เนื่องจากลู่ซิงหว่านหลับไปแล้ว พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงพบรัชทายาทที่ห้องโถงด้านข้าง“เจ้าพูดอะไรกัน ในวังนี้ ข้าไม่คุ้มครองเจ้าแล้วจะคุ้มครองใคร!” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยแสร้งทำเป็นกล่าวด้วยความโกรธ “เพียงแต่ข้างกายเจ้าควรมีคนมากกว่านี้อีกหน่อย”“วันนี้ฉู่เยี่ยนบอกข้าแล้วว่าจะย้ายองครักษ์เงาที่บิดาเขาทิ้งไว้ให้เขามาให้เจ้าสี่คน” ครั้นเห็นว่ารัชทายาทกำลังจะเปิดปากปฏิเสธ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่มีทางให้โอกาสนี้แก่เขา “เพลานี้มีเรื่องให้กลุ้มมากมาย เจ้าไม่จำเป็นต้องปฏิเสธหรอก พรุ่งนี้สี่คนนั้นจะเขาวังมา ถึงครานั้นเจ้าก็จัดแจงใ
เพียงแต่เข้าวังครั้งนี้มีแค่ต้วนอวิ๋นอีไปคนเดียวเท่านั้น“คารวะพระสนมเฉินกุ้ยเฟย” เข้าวังหนนี้ ต้วนอวิ๋นอีไม่เขินอายเหมือนครั้งแรกที่เข้าวังอีกแล้ว เพราะนางคุ้นเคยกับพระบรมมหาราชวังอย่างมาก “พระสนม สองสามวันก่อนท่านแม่ได้กลับไปเมืองอวิ๋นเฉิงแล้ว จึงมิอาจมาได้”“เร่งรีบเช่นนี้เชียว? ไหนๆ ก็มาแล้ว ไยไม่พักอยู่อีกหน่อยเล่า?” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับไม่เข้าใจ“เป็นเพราะ…”ต้วนอวิ๋นอีอ้ำอึ้งขึ้นมาขณะกล่าว“เป็นเพราะท่านแม่ได้ยินข่าวลือบางอย่างมา และปล่อยวางไม่ได้ จึงตั้งใจมาดูหม่อมฉันพะย่ะค่ะ”‘เสด็จแม่ ท่านได้ยินหรือไม่ ได้ยินข่าวลือบางอย่าง ท่านลองเดาดูว่าเป็นข่าวลืออะไร?’‘ก็ต้องเป็นข่าวลือของท่านกับก่วนหลางสือน่ะสิ! ข้าเดาว่าที่จวนโหวกวงฉินเลือกนางจากเมืองหยุนโจว ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้’‘แม้จวนโหวกวงฉินจะไม่เลว แต่กลับตกต่ำลง แม้คนในเมืองหลวงจะชอบยึดติดกับผู้มีอำนาจ แต่ก็รู้สึกเสียใจแทนลูกสาว ใครจะตัดใจให้ลูกสาวแต่งกับผู้ชายที่มีคนอื่นอยู่ในใจกัน!’‘ทว่าเรื่องเช่นนี้จะปิดมันไว้ด้อย่างไร!’อันดับแรกพระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้สึกเสียใจที่ได้ยินเสียงใจของลู่ซิงหว่าน ปกติเด็กคนนี้มักจะชอบหยอกล้
เมื่อมาถึงห้องโถงด้านข้าง ก็เห็นหลานอิ่งกับจวี๋อิ่งกำลังยืนอยู่ด้านล่างไกลๆ “คุณหนู เราคิดว่าพระองค์คงเป็นห่วงท่านโหว หม่อมฉันกับจวี๋อิ่งจึงเข้ามาทั้งที่ยังไม่ได้จัดแจงตัวเอง”แต่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับไม่สนใจ รีบให้พวกนางนั่งลง และรินน้ำชาให้ “พวกเจ้าลำบากมาตลอดทางแล้ว ยังราบรื่นดีอยู่หรือไม่?”“ตลอดทางปลอดภัยมาก” องครักษ์เงาเหล่านี้หลบซ่อนได้ดี นอกจากฝ่าบาทแล้วน่าจะไม่มีใครรู้ ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าพวกนางจะไปสืบอะไร ก็ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้ยากหลานอิ่งไม่สนการทักทายใดๆ เริ่มรายงานเรื่องในค่ายใหญ่ทางทิศตะวันตกทันที “คุณหนูโปรดวางใจ ตอนนี้ค่ายใหญ่ทางทิศตะวันตกเป็นไปด้วยดี หลังจากที่ข้าน้อยแจ้งเรื่องการตายของพระสนมฟางกุ้ยเหรินแก่จ้าวหานยวนไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะระเบิดโทสะออกมาทันที”“เขาว่า…”หลานอิ่งกล่าวมาถึงตรงนี้ ก็เกิดความลังเลเล็กน้อยแต่จวี๋อิ่งกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ นางกล่าวต่อทันที “เจ้าจ้าวหานยวนคนนั้นไม่รู้จักชั่วดีจริงๆ ถึงได้ระเบิดโทสะใส่ท่านโหว บอกว่าคุณหนูมิอาจปกป้องพระสนมฟางกุ้ยเหรินให้ดีได้”“ท่านโหวเองก็ไม่ยอมเขา ตบโต๊ะลงตรงนั้นทันที และกล่าวว่าจ้าวหานยวนผู้นี้ไม
เมื่อหญิงสาวคนนั้นเข้ามาในห้องโถงด้านข้าง ไม่รอให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเอ่ยปาก ทันใดนั้นลู่ซิงหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ร้องขึ้นมาอย่างเสียงดัง“อ๊า อ๊า อ๊า...” แต่ก็เป็นเพียงการดิ้นรนที่ไร้ประโยชน์ของเด็กน้อย เกือบจะตกจากเก้าอี้ โชคดีที่จิ่นซินที่อยู่ข้าง ๆ มองเห็นและคว้านางไว้ได้ทัน“ท่านพี่ฉยงหัว เป็นท่านพี่ฉยงหัวของข้า ท่านพี่ฉยงหัวพี่คงคิดถึงข้ามากใช่ไหม ดังนั้นจึงมาหาข้าใช่หรือไม่?”“ฮือ ฮือ ฮือ ต้องใช่แน่ ๆ ท่านพี่ฉยงหัวห่วงใยข้าที่สุดแล้ว”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้สึกประหลาดใจ นางเคยได้ยินหวานหว่านพูดถึงท่านพี่ฉยงหัวคนนี้มาก่อน น่าจะเป็นญาติหรือเพื่อนของนางในโลกเซียน ก่อนหน้านี้หวานหว่านยังเคยบอกว่านางชอบขนมที่ท่านพี่ฉยงหัวทำอีกด้วย!หรือว่า นี่จะเป็นท่านพี่ฉยงหัวของนางจริง ๆ ?เมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมองมา ลู่ซิงหว่านถึงกับร้องไห้ออกมา“ฮือ ฮือ ฮือ ท่านแม่ นี่คือท่านพี่ฉยงหัวของข้าในโลกเซียน นอกจากอาจารย์แล้ว ท่านพี่ฉยงหัวคือคนที่ดีกับข้าที่สุด”“ฮือ ฮือ ฮือ ท่านแม่ยังไม่รู้เลยว่าข้าเป็นนางฟ้าน้อยที่มาจากโลกเซียน”แต่หญิงสาวคนนั้นเพียงมองมาอย่างเรียบเฉยแล้วกล่าวว่า “ขอถวายบังคมพระส
“ก็เป็นโชคดีของพี่หญิงเองด้วย” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจับมือพระสนมหลานเฟยแล้วกระซิบเบาๆ “เรื่องที่พี่หญิงถูกวางยาพิษ ข้าไม่ได้กราบทูลฝ่าบาท เพราะระยะนี้ในวังมีเรื่องวุ่นวายมาก ข้าคิดว่าถ้าเราสืบเรื่องนี้อย่างเงียบๆ คงจะดีกว่า”พระสนมหลานเฟยก็พูดเบาๆ เช่นกันว่า “การตัดสินใจของเจ้าย่อมเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง”พูดจบก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “ข้าพึ่งนึกขึ้นได้ มีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเจ้า เจ้ายังจำสาวใช้สองคนที่เคยอยู่กับพระสนมเต๋อเฟยได้หรือไม่?”“สาวใช้สองคนนั้นชื่อไป๋จื่อกับไป๋เวยใช่หรือไม่?” พระสนมเฉินกุ้ยแฟยจำพวกนางได้ดี ภาพที่ไป๋จื่อเคยมาโต้เถียงกับนางยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ “พวกนางเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์จริงๆ”“เมื่อวานนี้องค์ชายสามไปขอฝ่าบาทด้วยตนเอง บอกว่าต้องการรำลึกถึงพระมารดาของตนเอง อยากให้สาวใช้สองคนนั้นกลับไปปรนนิบัติที่ตำหนักฉางชิว”“หืม?” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด บัดนี้ไม่ว่าองค์ชายสามจะทำอะไร นางกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย “จิ่นเฉินเป็นลูกกตัญญูจริงๆ” “น้องหญิง?” ในเมื่อพระสนมหลานเฟยกล่าวถึงเรื่องนี้ แน่นอนว่ารู้สึกมีปัญหาอยู่บ้าง จึงคิดจะปรึกษากับพระสนมเฉ
รถม้าเดินทางต่อไปอีกครู่หนึ่ง จากระยะไกลก็ได้เห็นสวนของตระกูลฉินที่องค์หญิงใหญ่กล่าวถึงเห็นประตูสวนเรียบง่ายมาก ใช้เพียงป้ายไม้ธรรมดาและมีตัวอักษร “ฉิน” เขียนไว้เท่านั้นแต่ถ้าสังเกตดูอย่างละเอียด จะรู้ว่าประตูนี้ไม่ธรรมดา ป้ายไม้นั้นทำจากไม้จันทน์ชั้นดี และตัวอักษร “ฉิน” นั้นก็เป็นลายมือของฮ่องเต้ต้าฉู่นั่นเองเดิมองค์หญิงใหญ่ได้เตรียมเสลี่ยงเล็ก ๆ ไว้ให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยและพระสนมหลานเฟย เพียงแค่เปลี่ยนเป็นเสลี่ยงเล็กที่หน้าประตูเท่านั้นพระสนมหลานเฟยเห็นว่าทิวทัศน์ที่นี่งดงามมาก และตัวเองก็ไม่ได้ออกมาเสียนาน จึงปรึกษากับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยว่าให้ละทิ้งเสลี่ยง แล้วเดินชมสวนนี้ดีกว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เห็นด้วยในสวนนี้ ต้นไม้และพืชพรรณต่าง ๆ ล้วนมาจากธรรมชาติ แม้แต่ภูเขาจำลองก็ยังคงรักษารูปทรงดั้งเดิมไว้ ทำให้มีเสน่ห์เฉพาะตัวเมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและคณะเข้ามาในสวนที่จัดงานประจำวันนี้ เหล่าคุณชายคุณหนูคนอื่น ๆ ก็มาถึงได้สักพักแล้วลู่ซิงหว่านเบนตัวจากจิ่นซินแล้วมองไป เห็นว่าเป็นคนที่นางรู้จักเสียส่วนใหญ่ มีพี่น้องตระกูลหานสองคน คือ หานซีสือและหานซีเยว่ ตอนนี้ยืนอยู่กับพี่น้องตร