“ก็เป็นโชคดีของพี่หญิงเองด้วย” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจับมือพระสนมหลานเฟยแล้วกระซิบเบาๆ “เรื่องที่พี่หญิงถูกวางยาพิษ ข้าไม่ได้กราบทูลฝ่าบาท เพราะระยะนี้ในวังมีเรื่องวุ่นวายมาก ข้าคิดว่าถ้าเราสืบเรื่องนี้อย่างเงียบๆ คงจะดีกว่า”พระสนมหลานเฟยก็พูดเบาๆ เช่นกันว่า “การตัดสินใจของเจ้าย่อมเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง”พูดจบก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “ข้าพึ่งนึกขึ้นได้ มีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเจ้า เจ้ายังจำสาวใช้สองคนที่เคยอยู่กับพระสนมเต๋อเฟยได้หรือไม่?”“สาวใช้สองคนนั้นชื่อไป๋จื่อกับไป๋เวยใช่หรือไม่?” พระสนมเฉินกุ้ยแฟยจำพวกนางได้ดี ภาพที่ไป๋จื่อเคยมาโต้เถียงกับนางยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ “พวกนางเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์จริงๆ”“เมื่อวานนี้องค์ชายสามไปขอฝ่าบาทด้วยตนเอง บอกว่าต้องการรำลึกถึงพระมารดาของตนเอง อยากให้สาวใช้สองคนนั้นกลับไปปรนนิบัติที่ตำหนักฉางชิว”“หืม?” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด บัดนี้ไม่ว่าองค์ชายสามจะทำอะไร นางกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย “จิ่นเฉินเป็นลูกกตัญญูจริงๆ” “น้องหญิง?” ในเมื่อพระสนมหลานเฟยกล่าวถึงเรื่องนี้ แน่นอนว่ารู้สึกมีปัญหาอยู่บ้าง จึงคิดจะปรึกษากับพระสนมเฉ
รถม้าเดินทางต่อไปอีกครู่หนึ่ง จากระยะไกลก็ได้เห็นสวนของตระกูลฉินที่องค์หญิงใหญ่กล่าวถึงเห็นประตูสวนเรียบง่ายมาก ใช้เพียงป้ายไม้ธรรมดาและมีตัวอักษร “ฉิน” เขียนไว้เท่านั้นแต่ถ้าสังเกตดูอย่างละเอียด จะรู้ว่าประตูนี้ไม่ธรรมดา ป้ายไม้นั้นทำจากไม้จันทน์ชั้นดี และตัวอักษร “ฉิน” นั้นก็เป็นลายมือของฮ่องเต้ต้าฉู่นั่นเองเดิมองค์หญิงใหญ่ได้เตรียมเสลี่ยงเล็ก ๆ ไว้ให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยและพระสนมหลานเฟย เพียงแค่เปลี่ยนเป็นเสลี่ยงเล็กที่หน้าประตูเท่านั้นพระสนมหลานเฟยเห็นว่าทิวทัศน์ที่นี่งดงามมาก และตัวเองก็ไม่ได้ออกมาเสียนาน จึงปรึกษากับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยว่าให้ละทิ้งเสลี่ยง แล้วเดินชมสวนนี้ดีกว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เห็นด้วยในสวนนี้ ต้นไม้และพืชพรรณต่าง ๆ ล้วนมาจากธรรมชาติ แม้แต่ภูเขาจำลองก็ยังคงรักษารูปทรงดั้งเดิมไว้ ทำให้มีเสน่ห์เฉพาะตัวเมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและคณะเข้ามาในสวนที่จัดงานประจำวันนี้ เหล่าคุณชายคุณหนูคนอื่น ๆ ก็มาถึงได้สักพักแล้วลู่ซิงหว่านเบนตัวจากจิ่นซินแล้วมองไป เห็นว่าเป็นคนที่นางรู้จักเสียส่วนใหญ่ มีพี่น้องตระกูลหานสองคน คือ หานซีสือและหานซีเยว่ ตอนนี้ยืนอยู่กับพี่น้องตร
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดที่จะหัวเราะอย่างเขินอายไม่ได้[พระสนมหลานเฟยเป็นคนฉลาดมากจริง ๆ ข้าเองก็จะดูว่าท่านแม่จะทำตัวเป็นแม่สื่อหรือไม่][วันหลังก็จะให้ท่านแม่ของข้ามาพูดเรื่องแต่งงานกับพี่รองด้วย คุณหนูตระกูลหรง อื้ม คุณหนูตระกูลหรงเป็นอย่างไรดีล่ะ?][อย่างไรก็ตามเดิมทีคุณหนูตระกูลหรงและพี่รองก็จับคู่อย่างเป็นทางการอยู่แล้ว ให้พวกเขาสองคนคบกันก็จะดีมาก]ตามคําพูดของลู่ซิงหว่าน พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเองก็มองหาจากตรงนั้น แต่สิ่งที่ได้เห็นในครั้งนี้ กลับเป็นอีกฉากหนึ่งที่กลมกลืน จึงหัวเราะออกมา พระสนมหลานเฟยกลับมองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยด้วยความสงสัยและไม่รอให้นางเอ่ยถาม พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงเอ่ยตอบว่า "ท่านพี่มองทางนั้นสิ"ขณะพูดได้พลางชี้ไปอีกทิศทางหนึ่งของสวน คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คือหรงเหวินโจวและหรงเหวินเมี่ยวพี่น้องตระกูลหรง รวมถึงเหออวี่เหยาและเหออวิ๋นเหยาพี่น้องตระกูลเหอ "ยังจำพี่สาวหรงเหวินเมี่ยวคนนั้นได้ไหม?" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมองพระสนมหลานเฟยด้วยใบหน้าสํารวจพระสนมหลานเฟยเห็นนางแบบนั้น ก็หัวเราะเบา ๆ "ใช่บุตรสาวของใต้เท้าหรงใต้เท้าผู้ตรวจการแผ่นดินหรือไม่? ในพิธีแต่งตั้งของเจ้าและพระส
ยังไม่รอให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้พูดอะไรกับพระสนมหลานเฟยอีก องค์หญิงใหญ่มองเห็นกลุ่มคนทางฝั่งนี้ จึงรีบเดินเข้ามา เนื่องจากเห็นว่าองค์หญิงใหญ่กําลังตั้งครรภ์อยู่ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงรีบเดินขึ้นหลายก้าว เดินไปข้างหน้าเพื่อประคองนาง ขณะที่มองท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของนาง พร้อมกล่าวว่า "บัดนี้เจ้าเป็นคนที่กําลังตั้งครรภ์ จะเดินเหินก็ต้องระมัดระวังหน่อย อย่าทําให้ทารกในครรภ์ต้องเจ็บปวด"พูดจบก็หันไปมองคนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างหลังองค์หญิงใหญ่อีกสองสามคน "ครั้งที่แล้วข้าได้บอกกับพวกเจ้าว่าให้ปรนนิบัติดูแลองค์หญิงให้ดี บัดนี้พวกเจ้ากลับประมาทเลินเล่อเช่นนี้หรือ?"องค์หญิงใหญ่กลับขัดขวางการตําหนิของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่ต่อว่าสาวใช้เหล่านั้นและยิ้มอย่างงดงาม "ข้าเปราะบางแบบนั้นที่ไหนกันเล่า ข้าเคยได้ยินว่า ตอนที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยตั้งท้องหวานหว่านอยู่นั้น ยังเคยปีนขึ้นไปบนต้นไม้ด้วย!""ข้าเคยทำแบบนั้นที่ไหนกัน..." พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเบี่ยงหน้าไปข้าง ๆ อย่างเขินอาย[ท่านแม่เคยปีนขึ้นไปบนต้นไม้จริงหรือ? สมแล้วที่เป็นท่านแม่ของข้า ท่านแม่ ท่านคือเทพของหวานหว่าน!]เมื่อองค์หญิงใหญ่เห็นว่านางไม่ได้พูด
พูดจบก็หันไปยิ้มให้กับพระสนมหลานเฟยพระสนมหลานเฟยจึงเอ่ยกล่าวเช่นกันว่า "น้องเฉินพูดถูก ทุกคนทำตัวตามสบายหน่อย"ทันที่ที่ทุกคนได้ยินดังนั้นก็รีบทำความเคารพขอบคุณ จากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างต่อเนื่องและทันใดนั้นเองในพระบรมมหาราชวัง ฮ่องเต้ต้าฉู่ที่เพิ่งออกมาจากท้องพระโรงตอนช่วงเช้าก็ตรงดิ่งไปที่ตำหนักหรงเล่อของไทเฮาเนื่องจากฮ่องเต้ต้าฉู่มีงานราชการที่ยุ่ง ไทเฮาไม่ได้เจอฮ่องเต้ต้าฉู่มานานมากแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าคิดว่าบัดนี้เขาจะแอบหาเวลาว่างมาที่ตำหนักหรงเล่อ"ถ้าฮ่องเต้มีงานราชการที่ยุ่ง ก็ไม่จําเป็นต้องมาหาข้า บัดนี้มีชิงเหยียนดูแลอยู่ ข้าสบายดีมาก"ไทเฮารู้ดีว่าฮ่องเต้ต้าฉู่เป็นคนกตัญญูเสมอมา จึงเอ่ยปลอบโยนเขาก่อนจากนั้นก็ได้ยินไทเฮาเอ่ยถึงชื่อของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ในใจของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็รู้สึกผิดมาก "ชิงเหยียนทําได้ดีมากจริง ๆ รบกวนนางแล้ว"หลังจากที่พูดคำนี้จบก็ทรงนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน ไทเฮาเห็นฮ่องเต้ต้าฉู่ที่เป็นเช่นนี้ จึงทราบธุระที่เขามาหา ทันใดนั้นแม่มมที่อยู่ข้างกายก็ถอยจากไปทันที พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"ทันใดนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่ถอนหายใ
รัชทายาทให้ความสําคัญกับน้องสาวที่เป็นมารดาเดียวกันของตนมาโดยตลอด ดังนั้นหลังจากจบการประชุมตอนเช้า ก็ไม่ได้ล่าช้ามาก เพียงแค่จัดการธุระเล็กน้อย ก็มุ่งตรงมาที่งานชุมนุมกวีทันทีเนื่องจากเกิดเรื่องเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้องค์รัชทายาทจึงระมัดระวังมากขึ้น ข้างกายนอกจากมีจงผิงคอยปรนนิบัติแล้ว ยังมีองครักษ์อีกสี่คนย่อมมีองครักษ์ลับสองคนคอยคุ้มกันอยู่รัชทายาทเพิ่งก้าวเข้ามาในลานบ้านนี้ หรงเหวินเมี่ยวและคนอื่น ๆ ก็หยอกล้อหานซีเยว่ขึ้นมา “องค์รัชทายาทยุ่งขนาดนี้ถึงกับมาแล้ว คิดว่าคงมาเพื่อพี่หาน”หานซีเยว่ถูกหลายคนพูดจนหน้าแดงทันที “งานชุมนุมบทกวีที่องค์หญิงใหญ่จัด องค์ชายต้องปรากฏตัวแน่นอน พวกคุณอย่าพูดเหลวไหล”และตั้งแต่รัชทายาทเข้าประตูมาก็ตรงดิ่งไปหาพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและคนอื่น ๆ เมื่อมาถึงตรงหน้าก็อุ้มลู่ซิงหว่านขึ้นมา“ถวายบังคมพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและหลันพระสนม กระหม่อมก็ไม่ได้เห็นหวานหว่านมานานแล้ว”ลู่ซิงหว่านก็ทําปากจู๋อย่างอดไม่ได้[ข้าไม่ได้พบเสด็จพี่รัชทายาทนานแล้วจริงๆ ก็ไม่ใช่ เป็นเสด็จพี่รัชทายาทที่ไม่ได้อุ้มมาช้านานต่างหาก]องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นและเดินไปข้าง ๆ รัชทา
พูดจบก็มองไปทางพระสนมหลานเฟยอย่างจนใจ “ถึงอย่างไรก็อายุมากแล้ว สมองใช้การไม่ได้แล้ว”พระสนมหลานเฟยก็ยิ้มอย่างจนใจเช่นกันหรงเหวินเมี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดเช่นนี้ ก็รีบเอ่ยปากรับคําว่า “พระสนมกำลังล้อเล่นอยู่เพคะ หม่อมข้าเห็นพระสนมตอนนี้ยังสาวและงดงาม และก็ดูไม่ต่างจากหญิงสาวอายุสิบกว่าปีเลยนะเพคะ”[พี่หญิงหรง คําพูดนี้ของท่านก็น่าสงสัยว่าจะประจบสอพลอแล้ว ว่าที่แม่สามีของท่านคือพระสนมหลานเฟย ท่านควรประจบสอพลอพระสนมหลานเฟยให้มากหน่อยถึงจะถูกนะ][แต่สิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้อง แม่ของข้ายังเด็กและสวยงาม เมื่อเทียบกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างพวกท่านก็ไม่เลวเลย]เมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินเช่นนี้ หางตาของนางกลับยกขึ้นเบา ๆ และยิ้มอย่างใจเย็น"เด็ก ๆ อย่างพวกเจ้าก็ชอบล้อข้าเล่นเหมือนกัน"เสิ่นเป่าซวงเคยรู้จักกับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาก่อน ถือว่าเข้าใจนิสัยของนางไม่มากก็น้อย เห็นนางถามเช่นนี้ ก็นึกถึงเรื่องที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยบอกว่าจะส่งพิธีปักปิ่นให้พี่สาวตนรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “พระสนมทรงจําดีมากเพคะ อีกไม่เกินห้าวันพี่สาวของข้าก็จะถึงวัยปักปิ่นแล้ว เมื่อก่อนพระสนมยั
พระสนมหลานเฟยกระเถิบเข้ามาหาพระสนมเฉินกุ้ยเฟย "ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด คุณหนูรองตระกูลเสิ่นตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ข้าว่าดูแล้วก็เป็นคนสดใสดี""ท่านพี่พูดถูก ข้าก็ชอบเด็กคนนี้เหมือนกัน" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดนึกถึงตอนจบของเสิ่นเป่าซวงที่ลู่ซิงหว่านเคยเล่าให้ฟังไม่ได้ คิดก็รู้สึกปลงแต่ตอนนี้ในวังกลับเกิดเรื่องขึ้นมากมายหลังจากเซียงอวิ๋นนั้นถูกนางสนมชูผินขอตัวไป เพราะทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางสนมชูผินกับอวิ๋นกุ้ยเหรินในอดีต แถมอวิ๋นกุ้ยเหรินก็เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เจ้านายของตัวเองต้องตาย นางจึงรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยแต่ไม่คิดว่านางสนมชูผินจะส่งคนมาเรียกนางเข้าไปหาที่ห้องชั้นใน แถมน้ำเสียงที่พูดก็นุ่มนวล "ก่อนหน้านี้เจ้าติดตามรับใช้สนมฟางกุ้ยเหรินคงลำบากน่าดู"เมื่อเซียงอวิ๋นเห็นท่าทางของสนมชูผินเช่นนี้ ก็ยิ่งกระวนกระวายใจกว่าเดิม นางตอบว่า "ขอบพระคุณสนมที่ห่วงใย ""ข้าถามเจ้าหน่อยว่าสนมฟางกุ้ยเหรินฆ่าพระสนมเต๋อเฟยจริงหรือ?" แม้ว่าน้ำเสียงของนางสนมจะนุ่มนวล แต่ก็เต็มไปด้วยความหนักแน่น เซียงอวิ๋นคุกเข่าลงทันทีด้วยความกลัว นางรู้ว่าที่สนมชูผินขอตัวนางมา ไม่ใช่เพียงเพราะขาดนางกำนัลแค่นั้นแน