“ก็เป็นโชคดีของพี่หญิงเองด้วย” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจับมือพระสนมหลานเฟยแล้วกระซิบเบาๆ “เรื่องที่พี่หญิงถูกวางยาพิษ ข้าไม่ได้กราบทูลฝ่าบาท เพราะระยะนี้ในวังมีเรื่องวุ่นวายมาก ข้าคิดว่าถ้าเราสืบเรื่องนี้อย่างเงียบๆ คงจะดีกว่า”พระสนมหลานเฟยก็พูดเบาๆ เช่นกันว่า “การตัดสินใจของเจ้าย่อมเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง”พูดจบก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “ข้าพึ่งนึกขึ้นได้ มีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเจ้า เจ้ายังจำสาวใช้สองคนที่เคยอยู่กับพระสนมเต๋อเฟยได้หรือไม่?”“สาวใช้สองคนนั้นชื่อไป๋จื่อกับไป๋เวยใช่หรือไม่?” พระสนมเฉินกุ้ยแฟยจำพวกนางได้ดี ภาพที่ไป๋จื่อเคยมาโต้เถียงกับนางยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ “พวกนางเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์จริงๆ”“เมื่อวานนี้องค์ชายสามไปขอฝ่าบาทด้วยตนเอง บอกว่าต้องการรำลึกถึงพระมารดาของตนเอง อยากให้สาวใช้สองคนนั้นกลับไปปรนนิบัติที่ตำหนักฉางชิว”“หืม?” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด บัดนี้ไม่ว่าองค์ชายสามจะทำอะไร นางกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย “จิ่นเฉินเป็นลูกกตัญญูจริงๆ” “น้องหญิง?” ในเมื่อพระสนมหลานเฟยกล่าวถึงเรื่องนี้ แน่นอนว่ารู้สึกมีปัญหาอยู่บ้าง จึงคิดจะปรึกษากับพระสนมเฉ
รถม้าเดินทางต่อไปอีกครู่หนึ่ง จากระยะไกลก็ได้เห็นสวนของตระกูลฉินที่องค์หญิงใหญ่กล่าวถึงเห็นประตูสวนเรียบง่ายมาก ใช้เพียงป้ายไม้ธรรมดาและมีตัวอักษร “ฉิน” เขียนไว้เท่านั้นแต่ถ้าสังเกตดูอย่างละเอียด จะรู้ว่าประตูนี้ไม่ธรรมดา ป้ายไม้นั้นทำจากไม้จันทน์ชั้นดี และตัวอักษร “ฉิน” นั้นก็เป็นลายมือของฮ่องเต้ต้าฉู่นั่นเองเดิมองค์หญิงใหญ่ได้เตรียมเสลี่ยงเล็ก ๆ ไว้ให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยและพระสนมหลานเฟย เพียงแค่เปลี่ยนเป็นเสลี่ยงเล็กที่หน้าประตูเท่านั้นพระสนมหลานเฟยเห็นว่าทิวทัศน์ที่นี่งดงามมาก และตัวเองก็ไม่ได้ออกมาเสียนาน จึงปรึกษากับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยว่าให้ละทิ้งเสลี่ยง แล้วเดินชมสวนนี้ดีกว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เห็นด้วยในสวนนี้ ต้นไม้และพืชพรรณต่าง ๆ ล้วนมาจากธรรมชาติ แม้แต่ภูเขาจำลองก็ยังคงรักษารูปทรงดั้งเดิมไว้ ทำให้มีเสน่ห์เฉพาะตัวเมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและคณะเข้ามาในสวนที่จัดงานประจำวันนี้ เหล่าคุณชายคุณหนูคนอื่น ๆ ก็มาถึงได้สักพักแล้วลู่ซิงหว่านเบนตัวจากจิ่นซินแล้วมองไป เห็นว่าเป็นคนที่นางรู้จักเสียส่วนใหญ่ มีพี่น้องตระกูลหานสองคน คือ หานซีสือและหานซีเยว่ ตอนนี้ยืนอยู่กับพี่น้องตร
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดที่จะหัวเราะอย่างเขินอายไม่ได้[พระสนมหลานเฟยเป็นคนฉลาดมากจริง ๆ ข้าเองก็จะดูว่าท่านแม่จะทำตัวเป็นแม่สื่อหรือไม่][วันหลังก็จะให้ท่านแม่ของข้ามาพูดเรื่องแต่งงานกับพี่รองด้วย คุณหนูตระกูลหรง อื้ม คุณหนูตระกูลหรงเป็นอย่างไรดีล่ะ?][อย่างไรก็ตามเดิมทีคุณหนูตระกูลหรงและพี่รองก็จับคู่อย่างเป็นทางการอยู่แล้ว ให้พวกเขาสองคนคบกันก็จะดีมาก]ตามคําพูดของลู่ซิงหว่าน พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเองก็มองหาจากตรงนั้น แต่สิ่งที่ได้เห็นในครั้งนี้ กลับเป็นอีกฉากหนึ่งที่กลมกลืน จึงหัวเราะออกมา พระสนมหลานเฟยกลับมองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยด้วยความสงสัยและไม่รอให้นางเอ่ยถาม พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงเอ่ยตอบว่า "ท่านพี่มองทางนั้นสิ"ขณะพูดได้พลางชี้ไปอีกทิศทางหนึ่งของสวน คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คือหรงเหวินโจวและหรงเหวินเมี่ยวพี่น้องตระกูลหรง รวมถึงเหออวี่เหยาและเหออวิ๋นเหยาพี่น้องตระกูลเหอ "ยังจำพี่สาวหรงเหวินเมี่ยวคนนั้นได้ไหม?" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมองพระสนมหลานเฟยด้วยใบหน้าสํารวจพระสนมหลานเฟยเห็นนางแบบนั้น ก็หัวเราะเบา ๆ "ใช่บุตรสาวของใต้เท้าหรงใต้เท้าผู้ตรวจการแผ่นดินหรือไม่? ในพิธีแต่งตั้งของเจ้าและพระส
ยังไม่รอให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้พูดอะไรกับพระสนมหลานเฟยอีก องค์หญิงใหญ่มองเห็นกลุ่มคนทางฝั่งนี้ จึงรีบเดินเข้ามา เนื่องจากเห็นว่าองค์หญิงใหญ่กําลังตั้งครรภ์อยู่ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงรีบเดินขึ้นหลายก้าว เดินไปข้างหน้าเพื่อประคองนาง ขณะที่มองท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของนาง พร้อมกล่าวว่า "บัดนี้เจ้าเป็นคนที่กําลังตั้งครรภ์ จะเดินเหินก็ต้องระมัดระวังหน่อย อย่าทําให้ทารกในครรภ์ต้องเจ็บปวด"พูดจบก็หันไปมองคนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างหลังองค์หญิงใหญ่อีกสองสามคน "ครั้งที่แล้วข้าได้บอกกับพวกเจ้าว่าให้ปรนนิบัติดูแลองค์หญิงให้ดี บัดนี้พวกเจ้ากลับประมาทเลินเล่อเช่นนี้หรือ?"องค์หญิงใหญ่กลับขัดขวางการตําหนิของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่ต่อว่าสาวใช้เหล่านั้นและยิ้มอย่างงดงาม "ข้าเปราะบางแบบนั้นที่ไหนกันเล่า ข้าเคยได้ยินว่า ตอนที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยตั้งท้องหวานหว่านอยู่นั้น ยังเคยปีนขึ้นไปบนต้นไม้ด้วย!""ข้าเคยทำแบบนั้นที่ไหนกัน..." พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเบี่ยงหน้าไปข้าง ๆ อย่างเขินอาย[ท่านแม่เคยปีนขึ้นไปบนต้นไม้จริงหรือ? สมแล้วที่เป็นท่านแม่ของข้า ท่านแม่ ท่านคือเทพของหวานหว่าน!]เมื่อองค์หญิงใหญ่เห็นว่านางไม่ได้พูด
พูดจบก็หันไปยิ้มให้กับพระสนมหลานเฟยพระสนมหลานเฟยจึงเอ่ยกล่าวเช่นกันว่า "น้องเฉินพูดถูก ทุกคนทำตัวตามสบายหน่อย"ทันที่ที่ทุกคนได้ยินดังนั้นก็รีบทำความเคารพขอบคุณ จากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างต่อเนื่องและทันใดนั้นเองในพระบรมมหาราชวัง ฮ่องเต้ต้าฉู่ที่เพิ่งออกมาจากท้องพระโรงตอนช่วงเช้าก็ตรงดิ่งไปที่ตำหนักหรงเล่อของไทเฮาเนื่องจากฮ่องเต้ต้าฉู่มีงานราชการที่ยุ่ง ไทเฮาไม่ได้เจอฮ่องเต้ต้าฉู่มานานมากแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าคิดว่าบัดนี้เขาจะแอบหาเวลาว่างมาที่ตำหนักหรงเล่อ"ถ้าฮ่องเต้มีงานราชการที่ยุ่ง ก็ไม่จําเป็นต้องมาหาข้า บัดนี้มีชิงเหยียนดูแลอยู่ ข้าสบายดีมาก"ไทเฮารู้ดีว่าฮ่องเต้ต้าฉู่เป็นคนกตัญญูเสมอมา จึงเอ่ยปลอบโยนเขาก่อนจากนั้นก็ได้ยินไทเฮาเอ่ยถึงชื่อของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ในใจของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็รู้สึกผิดมาก "ชิงเหยียนทําได้ดีมากจริง ๆ รบกวนนางแล้ว"หลังจากที่พูดคำนี้จบก็ทรงนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน ไทเฮาเห็นฮ่องเต้ต้าฉู่ที่เป็นเช่นนี้ จึงทราบธุระที่เขามาหา ทันใดนั้นแม่มมที่อยู่ข้างกายก็ถอยจากไปทันที พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"ทันใดนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่ถอนหายใ
รัชทายาทให้ความสําคัญกับน้องสาวที่เป็นมารดาเดียวกันของตนมาโดยตลอด ดังนั้นหลังจากจบการประชุมตอนเช้า ก็ไม่ได้ล่าช้ามาก เพียงแค่จัดการธุระเล็กน้อย ก็มุ่งตรงมาที่งานชุมนุมกวีทันทีเนื่องจากเกิดเรื่องเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้องค์รัชทายาทจึงระมัดระวังมากขึ้น ข้างกายนอกจากมีจงผิงคอยปรนนิบัติแล้ว ยังมีองครักษ์อีกสี่คนย่อมมีองครักษ์ลับสองคนคอยคุ้มกันอยู่รัชทายาทเพิ่งก้าวเข้ามาในลานบ้านนี้ หรงเหวินเมี่ยวและคนอื่น ๆ ก็หยอกล้อหานซีเยว่ขึ้นมา “องค์รัชทายาทยุ่งขนาดนี้ถึงกับมาแล้ว คิดว่าคงมาเพื่อพี่หาน”หานซีเยว่ถูกหลายคนพูดจนหน้าแดงทันที “งานชุมนุมบทกวีที่องค์หญิงใหญ่จัด องค์ชายต้องปรากฏตัวแน่นอน พวกคุณอย่าพูดเหลวไหล”และตั้งแต่รัชทายาทเข้าประตูมาก็ตรงดิ่งไปหาพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและคนอื่น ๆ เมื่อมาถึงตรงหน้าก็อุ้มลู่ซิงหว่านขึ้นมา“ถวายบังคมพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและหลันพระสนม กระหม่อมก็ไม่ได้เห็นหวานหว่านมานานแล้ว”ลู่ซิงหว่านก็ทําปากจู๋อย่างอดไม่ได้[ข้าไม่ได้พบเสด็จพี่รัชทายาทนานแล้วจริงๆ ก็ไม่ใช่ เป็นเสด็จพี่รัชทายาทที่ไม่ได้อุ้มมาช้านานต่างหาก]องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นและเดินไปข้าง ๆ รัชทา
พูดจบก็มองไปทางพระสนมหลานเฟยอย่างจนใจ “ถึงอย่างไรก็อายุมากแล้ว สมองใช้การไม่ได้แล้ว”พระสนมหลานเฟยก็ยิ้มอย่างจนใจเช่นกันหรงเหวินเมี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดเช่นนี้ ก็รีบเอ่ยปากรับคําว่า “พระสนมกำลังล้อเล่นอยู่เพคะ หม่อมข้าเห็นพระสนมตอนนี้ยังสาวและงดงาม และก็ดูไม่ต่างจากหญิงสาวอายุสิบกว่าปีเลยนะเพคะ”[พี่หญิงหรง คําพูดนี้ของท่านก็น่าสงสัยว่าจะประจบสอพลอแล้ว ว่าที่แม่สามีของท่านคือพระสนมหลานเฟย ท่านควรประจบสอพลอพระสนมหลานเฟยให้มากหน่อยถึงจะถูกนะ][แต่สิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้อง แม่ของข้ายังเด็กและสวยงาม เมื่อเทียบกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างพวกท่านก็ไม่เลวเลย]เมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินเช่นนี้ หางตาของนางกลับยกขึ้นเบา ๆ และยิ้มอย่างใจเย็น"เด็ก ๆ อย่างพวกเจ้าก็ชอบล้อข้าเล่นเหมือนกัน"เสิ่นเป่าซวงเคยรู้จักกับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาก่อน ถือว่าเข้าใจนิสัยของนางไม่มากก็น้อย เห็นนางถามเช่นนี้ ก็นึกถึงเรื่องที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยบอกว่าจะส่งพิธีปักปิ่นให้พี่สาวตนรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “พระสนมทรงจําดีมากเพคะ อีกไม่เกินห้าวันพี่สาวของข้าก็จะถึงวัยปักปิ่นแล้ว เมื่อก่อนพระสนมยั
พระสนมหลานเฟยกระเถิบเข้ามาหาพระสนมเฉินกุ้ยเฟย "ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด คุณหนูรองตระกูลเสิ่นตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ข้าว่าดูแล้วก็เป็นคนสดใสดี""ท่านพี่พูดถูก ข้าก็ชอบเด็กคนนี้เหมือนกัน" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดนึกถึงตอนจบของเสิ่นเป่าซวงที่ลู่ซิงหว่านเคยเล่าให้ฟังไม่ได้ คิดก็รู้สึกปลงแต่ตอนนี้ในวังกลับเกิดเรื่องขึ้นมากมายหลังจากเซียงอวิ๋นนั้นถูกนางสนมชูผินขอตัวไป เพราะทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางสนมชูผินกับอวิ๋นกุ้ยเหรินในอดีต แถมอวิ๋นกุ้ยเหรินก็เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เจ้านายของตัวเองต้องตาย นางจึงรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยแต่ไม่คิดว่านางสนมชูผินจะส่งคนมาเรียกนางเข้าไปหาที่ห้องชั้นใน แถมน้ำเสียงที่พูดก็นุ่มนวล "ก่อนหน้านี้เจ้าติดตามรับใช้สนมฟางกุ้ยเหรินคงลำบากน่าดู"เมื่อเซียงอวิ๋นเห็นท่าทางของสนมชูผินเช่นนี้ ก็ยิ่งกระวนกระวายใจกว่าเดิม นางตอบว่า "ขอบพระคุณสนมที่ห่วงใย ""ข้าถามเจ้าหน่อยว่าสนมฟางกุ้ยเหรินฆ่าพระสนมเต๋อเฟยจริงหรือ?" แม้ว่าน้ำเสียงของนางสนมจะนุ่มนวล แต่ก็เต็มไปด้วยความหนักแน่น เซียงอวิ๋นคุกเข่าลงทันทีด้วยความกลัว นางรู้ว่าที่สนมชูผินขอตัวนางมา ไม่ใช่เพียงเพราะขาดนางกำนัลแค่นั้นแน
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก
คิดในใจ ลู่ซิงหว่านจึงใช้ทั้งมือและเท้าเดินกลับไปหาหานซีเยว่อีกครั้ง แล้วประคองโต๊ะเล็กให้ลุกขึ้นตอนนี้หานซีเยว่เปิดกล่องนั้นแล้ว เป็นกําไลหยกที่โปร่งใสซ่งชิงเหยียนถึงยิ้มแล้วพูดต่อ “ไม่ถือว่าเป็นกําไลที่ดีอะไรหรอก แต่เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้”ลู่ซิงหว่านเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือของหานซีเยว่ที่ถือกําไลนั้นถึงกับสั่นนางวางกําไลนั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วผลักไปตรงหน้าซ่งชิงเหยียน “พระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารับไว้จริงๆ”ซ่งชิงเหยียนกลับยิ้มพลางยืนขึ้น หยิบกําไลหยกนั้นไว้ในมือ เดินไปตรงหน้าหานซีเยว่ แล้วสวมแทนนาง “การแต่งงานของเจ้ากับองค์รัชทายาท พวกข้าพอใจมาก ฮองเฮาองค์ก่อนก็ต้องพอใจมากเช่นกัน”ตอนนี้เมื่อซ่งชิงเหยียนพูดถึงซ่งชิงหย่าอีกครั้ง นางก็รู้สึกสงบมากขึ้นกว่าเดิม“กําไลวงนี้เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้ บอกว่าจะมอบให้ว่าที่ลูกสะใภ้ “น่าเสียดายที่นางเองไม่มีโอกาสได้มอบมันให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องให้น้องสาวอย่างข้าทําแทน”“เดิมทีจะมอบให้เจ้าในพิธีปักปิ่นของเจ้า แต่วันที่เจ้าเข้าพิธีปักปิ่นนั้น ข้าเกรงว่าจะมีธุระไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ ดังนั้นจึ
หลังจากได้ยินคําพูดของซ่งชิงเหยียน ฉยงหัวก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ“จะได้หรือ?” คําพูดของฉยงหัวแฝงความหมายหยั่งเชิงอยู่บ้าง นางย่อมยินยอมไปหลายวันมานี้นางก็คิดได้แล้ว ดีชั่วตอนนี้ตนเองสูญเสียพลังจิตวิญญาณไปแล้ว แทนที่จะมัวยึดติดกับการตามหาหวานหว่าน สู้สงบจิตสงบใจ เสพสุขกับชีวิตในตอนนี้จะดีกว่าบางทีหลังจากที่อาจารย์ของหวานหว่านออกจากการเก็บตัวแล้ว เห็นว่าตัวเองก็ไม่อยู่แล้ว ย่อมมาช่วยเองอยู่แล้ว“แน่นอน ข้าจะไปถามความหมายของฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”“คิดว่าฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธแน่ ฝีมือการรักษาของแม่นางฉยงหัวยอดเยี่ยมมาก หากได้แม่นางฉยงหัวมาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย นั่นคงจะดีไม่น้อย”แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของซ่งชิงเหยียนเท่านั้น ที่นางอยากพาฉยงหัวออกไปก็เพราะหวานหว่านหวานหว่านชอบพี่ฉยงหัวขนาดนี้ ย่อมต้องอยากอยู่กับนางตลอดไปอยู่แล้วจิ่นซินและจิ่นอวี้เก็บข้าวของเกือบทั้งคืน พวกนางเอาเข้าไป ซ่งชิงเหยียนเอาออกมา แบบนี้ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็ทิ้งกล่องใหญ่สองใบไว้ซ่งชิงเหยียนประนีประนอมแล้วนางพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ให้คนขับรถม้าของฝ่าบาทเหนื่อยหน่อยละกัน!ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องสําคั
ต้องบอกว่าของข้างนอกอร่อยกว่าของในวังจริงๆในนิทานล้วนบอกว่าชีวิตของพระสนมหวงกุ้ยเฟยในวังนั้นงดงามและสบายแค่ไหน แต่ลู่ซิงหว่านกลับรู้สึกว่า ไม่ได้สบายอยู่ข้างนอก[ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็คงดีไม่น้อย ยังไงก็มีเงิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย][อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย สามารถกินอาหารที่พ่อครัวทําได้มากมาย พ่อครัวทำขนมในวังเหล่านี้ ข้ากินจนเบื่อแล้ว][เสด็จย่ากินมาตั้งหลายปี ยังกินไม่เบื่ออีกหรือ?]ซ่งชิงเหยียนบ่นในใจว่า เบื่อสิ แน่นอนว่านางกินจนเบื่อแล้ว ขนมที่องค์หญิงใหญ่นํามาจากหอฝูหม่านครั้งที่แล้ว ไทเฮาพูดตรงๆ เลยว่าอร่อยตอนนี้ซิงรั่วเกือบจะส่งคนมาส่งที่วังทุกสองวันก็ถือว่ามีใจแล้วจริงๆ เมื่อซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่ ฉยงหัวก็มาหานางมองท่าทางของจิ่นซินและจิ่นอวี้ที่กําลังยุ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง"พระสนมหวงกุ้ยเฟยนี่คือ..."คําพูดที่เหลือฉยงหัวไม่กล้าพูดออกมา ถูกโจรปล้นหรือ?“พี่ฉยงหัว!” ลู่ซิงหว่านพูดพลางพลิกตัวลงจากเตียง แล้ววิ่งไปหาฉยงหัวซ่งชิงเหยียนมองท่าทางคล่องแคล่วของลู่ซิงหว่านแล้วก็ตกตะลึงนางรู้ว่าหวานหว่านชอบพี่สาวฉยงหัวคนนี้มาก แต่เตียงนุ่มที่สูงขนาดนี้ น