คนผู้นี้ก็คือไป๋หลิงที่อยู่ในวังจิ่นซิ่วไป๋หลิงมองแผ่นหลังขององค์รัชทายาท แล้วหันไปมองหานซีเยว่ที่อยู่อีกทิศทางหนึ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังพระสนมของตนถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในตําหนักเย็น บุตรทั้งสามของพระสนมก็ถูกฝ่าบาททอดทิ้งเช่นกันแต่ลูกของซ่งชิงหยานานั่นกลับกําลังจะแต่งงานยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์แล้วตนจะไม่ยอมให้พวกเขาได้สมหวังดั่งใจแน่นอนหลังจากแยกกับหานซีเยว่แล้ว รัชทายาทก็อ้อมผ่านเส้นทางเล็กๆ ที่ด้านข้าง มุ่งหน้าไปยังตําหนักเซวียนฝูตนยังต้องกําชับกําชาผู้คุ้มกันหน้าประตูถึงจะได้แต่คิดไม่ถึงว่าจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบกับองค์ชายสามพอดี“เสด็จพี่ไม่ได้ไปเที่ยวชมอุทยานกับคุณหนูตระกูลหานอยู่หรอกเหรอ” องค์ชายสามประสานมือคํานับองค์รัชทายาทอย่างนอบน้อม “เหตุใดจึงมาถึงที่นี่ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”พูดพลางมองไปด้านหลังองค์รัชทายาท ยิ้มพลางพูดหยอกว่า “เสด็จพี่คงไม่ได้ทิ้งคุณหนูตระกูลหานไว้ในอุทยานหลวงคนเดียวหรอกกระมังนะ?”รัชทายาทยิ้มอ่อนโยน “น้องสามเข้าใจผิดแล้ว ข้าทําตามที่เสด็จย่ารับสั่ง ส่งคุณหนูหานออกจากตําหนักหรงเล่อแล้ว”“แม้ว่าข้ากับแม่น
นางแต่งตัวเลียนแบบการแต่งตัวของฉยงหัวในวันนั้น แต่เนื้อผ้าของเสื้อผ้าต้องดีกว่าฉยงหัวแน่นอนเมื่อได้ยินคําพูดนี้ ใบหน้าของหลินอินก็ยิ้มเล็กน้อย “น้องหญิงอวิ๋นเหยาพูดอะไรน่ะ!”ในเวลานี้เหออวี่เหยาและ เผยฉู่เยี่ยนกําลังยืนคุยกัน “เจ้าอยู่ในวังสบายดีไหม?” เผยฉู่เยี่ยนพยักหน้า “ตอนนี้ข้าอยู่ในวัง พระสนมหวงกุ้ยเฟยดูแลข้าเป็นอย่างดี แล้วข้ามักจะไปพูดคุยกับยรรดาองค์ชายในตําหนักไท่กงบ่อยๆ ด้วย พี่หญิงไม่ต้องกังวล ว่าแต่ท่าน...”เหออวี่เหยารู้ว่า เผยฉู่เยี่ยนกําลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ จึงรีบตบแขนเขาเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า แม้ว่า เผยฉู่เยี่ยนจะอายุน้อยกว่าเหออวี่เหยาสามปี แต่รูปร่างของเขากลับสูงกว่าเหออวี่เหยาหนึ่งศีรษะแล้ว“น้องชายไม่ต้องเป็นห่วงข้า ตอนนี้ข้ามีย่าคอยปกป้อง คนเหล่านั้นไม่กล้าทําอะไรข้าหรอก” ขณะที่พูด สายตาของเหอยวี่เหยาก็มองไปที่เหออวิ๋นเหยา เผยฉู่เยี่ยนพูดกับเหอยวี่เหยาไปพลาง และมองออกไปทางนอกประตูด้วยหน้าที่ที่องค์รัชทายาทมอบให้เขาในวันนี้ก็คือเฝ้าประตูตําหนักนี้ให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้มีมือสังหารบุกเข้ามาเรื่องนี้สําคัญมาก จะประมาทไม่ได้เหออวิ๋นเหยาดูเห
เหออวิ๋นเหยาดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่หลินอินคิด รีบก้าวไปข้างหน้าและจับแขนของหลินอิน พูดเบาๆว่า "พี่หญิงกําลังมองหาคุณชายซ่งอยู่หรือเจ้าคะ?"หลินอินตบนางอย่างเขินอาย “น้องหญิงอย่าล้อข้าเล่นสิ”เหออวิ๋นเหยาเห็นลูกพี่ลูกน้องยิ้มให้ตนในที่สุด ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เมื่อครู่ตอนเข้าวังข้าเห็นคุณชายตระกูลซ่งแล้ว เขาตามฮูหยินโหวไปที่ตําหนักชิงอวิ๋น ตอนนี้เกรงว่าคงอยู่กับองค์รัชทายาทแล้ว!”จริงๆ แล้วคนที่หลินอินตามหาไม่ใช่ซ่งจั๋ว แต่เมื่อเห็นเหออวิ๋นเหยาพูดแบบนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกคิดๆ ดูคงเป็นบุตรสาวของขุนนางเล็กๆ สักคน วันนี้ก็เลยเข้าวังมาไม่ได้หลังจากคิดเรื่องนี้ตก รอยยิ้มที่ประสบความสําเร็จก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินอินจวนติ้งกั๋วโหวที่เป็นตระกูลใหญ่โตเช่นนี้ ต่อให้ฮูหยินโหวไม่ถือสาหาความอะไร แต่จะให้สตรีที่เป็นแค่บุตรสาวของขุนนางเล็กๆ คนหนึ่งแต่งเข้าจวนโหวได้อย่างไรกัน?ขณะที่ทั้งสองคนกําลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็เห็นองค์หญิงสองและองค์หญิงสามเดินเข้ามาพร้อมกันบรรดาฮูหยินและคุณหนูต่างลุกขึ้นทําความเคารพ“ถวายบังคมองค์หญิงรอง”“ถวายบังคมองค์หญิงสาม”เนื่องจากองค์หญิงรองมีอายุมา
หลินอินตกตะลึงอยู่ไม่ไกลคาดไม่ถึงว่าเหอหยูเหยาจะจับองค์หญิงสามได้? นางคบกับองค์หญิงสามได้อย่างไรกัน?“พี่หญิง นี่คือเหออวิ๋นเหยา ลูกสาวภรรยาเอกของราชเลขากรมแรงงานใต้เท้าเหอ” องค์หญิงสามแนะนําเหออวิ๋นเหยาให้กับองค์หญิงสองอย่างมีความสุขเมื่อก่อนนางไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าตระกูลขุนนางในเมืองหลวง เสด็จแม่มักจะพูดอยู่เสมอว่าต้องรักษาความรู้สึกลึกลับไว้ เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องพูดกับตัวเองว่าเป็นตระกูลที่ดีแน่นอนแต่หลังจากเสด็จแม่ไปแล้ว การแต่งงานของตัวเองอาจจะตกอยู่กับฮองเฮา และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ อาจจะตกอยู่กับพระสนมหวงกุ้ยเฟยเมื่อคิดถึงตรงนี้ องค์หญิงสามก็ต้องวางแผนเพื่อตัวเองแล้วตลาดกลางคืนก่อนหน้านี้เป็นการเปิดตัวครั้งแรกของนางนึกไม่ถึงว่าจะมีสตรีจากสกุลสูงศักดิ์มาพัวพันกับตนจริงๆ ทั้งยังเป็นบุตรสาวสายตรงของราชเลขากรมแรงงานอีกด้วยองค์หญิงรองมองคนตรงหน้าแวบหนึ่ง ในใจก็กระจ่างแจ้งแล้ว แต่กลับจงใจขัดใจพวกนางสองคน “ข้ารู้จักเจ้า แม่เจ้าเป็นอาแท้ๆ ของเผยซื่อจื่อ เมื่อครู่ตอนมายังเห็นเผยซื่อจื่ออยู่ข้างนอกอยู่ เจ้าไปคุยกับญาติผู้น้องของเจ้าหรือยังล่ะ?”พอองค์หญิงรองพูดเช่นนี้
เมื่อเห็นเงาของต้าฉู่ตี้เดินไปไกลแล้ว อวิ๋นหลานก็บ่นพึมพําอย่างไม่พอใจ“ฝ่าบาททรงตรัสอย่างชัดเจนว่าจะเสด็จมาเที่ยวอุทยานกับพระมเหสี แล้วจะมาทิ้งพระมเหสีไว้ที่นี่คนเดียวได้อย่างไรกันเพคะ”พูดจบก็มองไปที่สีหน้าของฮองเฮา กลัวว่านางจะไม่พอใจคิดไม่ถึงว่า ฮองเฮายังไม่ทันเอ่ยปาก กลับเป็นแม่นางเยว่หรานที่อยู่ข้างๆ เอ่ยตําหนิว่า “วันหน้าหากเจ้ายังพูดมากเช่นนี้อีก ก็อย่าตามฮองเฮาออกมาอีกเลย”คําพูดที่ดุร้ายของเยว่หรานทําให้อวิ๋นหลานตกใจทันใดนั้นก็มองแผ่นหลังของฮองเฮาอย่างคับข้องใจฮองเฮาทรงคาดถึงเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว หันกลับไปมองอวิ๋นหลานที่น้อยเนื้อต่ำใจ ยิ้มให้นาง แล้วหันไปมองเยว่หราน “เจ้าก็อย่าดุนางเช่นนี้เลย”“ถึงอย่างไรอวิ๋นหลานก็ผ่านช่วงเวลาที่ยากลําบากนี้มากับข้า นางก็แค่ทําตัวตามอําเภอใจไปหน่อย เจ้าสอนนางให้ดีก็พอแล้ว”“เพคะ พระมเหสี” เยว่หรานเป็นคนที่รู้กฎมากที่สุดเสมอและไม่เคยละเลยเลยแม้แต่ครึ่งก้าวเมื่ออวิ๋นหลานได้ยินคําพูดของฮองเฮา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจฮองเฮาก็หันมามองนางเช่นกัน “เจ้าก็ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเยว่หรานแล้ว ตอนนี้นางดูแลตําหนักจิ่นซิ่วแห่งนี้ ไม่
พูดจบก็ย่อกายลงต่อหน้าทุกคน แล้วพาหญิงรับใช้เดินเข้าไปในตําหนักเซวียนฝูองค์ชายสามกลับเหม่อลอยอยู่บ้างแม้ว่าซ่งจั๋วจะไม่เข้าใจเรื่องชายหญิง แต่ก็มองออกถึงความไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าฝ่ายชายมีใจเองเพียงแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้น คุณหนูตระกูลกัวผู้นี้คงไม่ได้มีใจให้องค์ชายสามเลยหลังจากเดินไปอีกไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นเผยฉู่เยี่ยนที่อยู่นอกประตูตั้งแต่ไกลซ่งจั๋วกล่าวอําลาทั้งสองและเดินไปหาเผยฉู่เยี่ยนวันนี้องค์รัชทายาทก็ได้กําชับมาแล้วว่า งานพระราชสมภพครั้งนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังมีทูตต่างประเทศอยู่ ต้องปกป้องความปลอดภัยของฮ่องเต้ต้าฉู่ให้ดีนอกจากทหารองครักษ์หลวงที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว องค์รัชทายาทยังยังสั่งให้เว่ยเฉิง ผู้บัญชาการทหารองครักษ์หลวงนําคนไปลาดตระเวนรอบพระราชตำหนักเซวียนฝูด้วยตนเองและในเมืองหลวง รองผู้บัญชาการก็ส่งกําลังคนเพิ่มมาเช่นกันยังมีองครักษ์ลับที่องค์รัชทายาทแต่งตั้งด้วยตัวเองอีก คิดดูแล้วคงจะปลอดภัยไร้ข้อผิดพลาดก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่ม ซ่งชิงเหยียนได้รับข่าวจากเหมยอิ่งเหมยอิ่งได้รับคําสั่งจากซ่งชิงเหยียนให้ไปสืบข่าวของตู้เยว่หราน แต่ไม่พบ
หลังจากเต้นรําเสร็จ เมิ่งเฉวียนเต๋อยืนอยู่ข้างฮ่องเต้ต้าฉู่ “ขุนนางผู้จงรักภักดีขอมอบของขวัญพ่ะย่ะค่ะ”เขาหยิบรายการของขวัญวันเกิดยาวๆ ออกมาและเริ่มอ่าน“เสนาบดีหลินส่งต้นโถงดอกเบญจมาศอัญมณีโมราหนึ่งต้น”“ราชเลขากรมขุนนางมอบดอกไม้ลายมังกรคู่หินโมราสีแดงและสีขาวหนึ่งคู่”......จากนั้นเป็นการมอบของขวัญจากทุกคนในวังหลัง“องค์หญิงรองส่งอัญมณีฝังทองคําฝังอัญมณีมงคลทั้งแปดหนึ่งชิ้น”“องค์รัชทายาทส่งแกะสลักหยกขาวลูกท้อชิ้นหนึ่ง”“องค์ชายสามส่ง หนึ่งชิ้น”......พูดถึงตรงนี้ ไทเฮาก็ขัดจังหวะเมิ่งเฉวียนเต๋อด้วยความประหลาดใจว่า "ใช่ภาพ ของควางหยวนฮุยหรือไม่?”เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมององค์ชายสามองค์ชายสามยืนขึ้นอย่างนอบน้อมและทําความเคารพต่อไทเฮา “ทูลเสด็จย่า เป็นฝีมือของควางหยวนฮุยพ่ะย่ะค่ะ”“เร็วๆเข้า รีบเปิดให้ข้าดูหน่อย” ไทเฮาเคยอ่าน ในสมุดภาพมาก่อน นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นกับตาตัวเองเมิ่งเฉวียนเต๋อรีบก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และคลี่ภาพวาดออกพร้อมกับขันทีน้อยคนนั้น
ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงสั่งให้เมิ่งเฉวียนเต๋อมอบรางวัลเหล่านี้ให้กับบุตรชายและบุตรสาวของเขาทีละคนก็นับเป็นคําอวยพรจากไทเฮาแก่เด็กๆ แล้วหลังจากได้รับของขวัญแล้ว องค์หญิงน้อยทั้งหลายก็รวมตัวกัน มองดูของขวัญของกันและกัน ต่างก็รู้สึกอิจฉามากลู่ซิงหว่านมองท่าทางของพวกนางแล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้[มักเป็นกลุ่มเด็กๆ ที่ชอบเปรียบเทียบกันมากที่สุด][ของคนอื่นคือสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ]ซ่งชิงเหยียนแอบบ่นในใจว่า เจ้าต่างหากที่เป็นลูกคนสุดท้องของฝ่าบาท ยังจะมาพูดถึงเด็กคนอื่นที่นี่อีก!ทุกคนรับประทานอาหารอย่างมีความสุข แต่มักจะมีคนที่ไม่รู้ประสีประสาออกมา“เมื่อครู่ได้ยินรายการของขวัญที่เมิ่งกงกงอ่าน ทําไมไม่เห็นพี่หญิงใหญ่ส่งของขวัญให้เสด็จย่าเลย?” องค์หญิงสามฟังของขวัญที่พี่สาวและน้องสาวของนางมอบให้อย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะถูกเปรียบเทียบกลับไม่คิดว่า กลับได้รับผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิดนึกไม่ถึงว่าพี่หญิงใหญ่ไม่ได้ส่งของขวัญให้เสด็จย่า“หรือว่าพี่หญิงกําลังยุ่งอยู่กับทารกในครรภ์ของตัวเอง เลยลืมเตรียมของขวัญวันเกิดให้เสด็จย่าหรือ?” องค์หญิงสามมองท่าทางขององค์หญิงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยาะเย้