“วันนี้เป็นงานพระราชสมภพของไทเฮา ขอให้ฮูหยินและคุณหนูทุกท่านสงบเสงี่ยมเจียมตัวด้วย” สายตาของนางคล้ายมีคล้ายลอยมาทางเหออวิ๋นเหยา ในดวงตาเต็มไปด้วยคําเตือนนางหลินก็ตกใจกับการกระทําของเหออวิ๋นเหยาเช่นกัน จึงดึงมือนาง “หุบปาก!”เหออวิ๋นเหยาเกลียดเหออวี่เหยามากยิ่งขึ้นเห็นทุกคนเงียบกริบ แม่นมคนนั้นจึงหันตัวกลับไปนั่งที่เดิมด้วยบทเรียนครั้งนี้ ขบวนก็เงียบลงในทันที บรรดาฮูหยินและคุณหนูต่างเข้าแถวเข้าวังอย่างเชื่อฟัง กลัวว่าจะล่วงเกินขุนนางชั้นสูงในวังทางตําหนักชิงอวิ๋นเนื่องจากเรื่องของซ่งจั๋วก่อนหน้านี้ ซ่งชิงเหยียนจึงใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระหว่างทางไปตําหนักหรงเล่อ มีสีหน้าเหม่อลอยอยู่บ้างนางเข้าใจยากจริงๆ เพียงแค่พบกันครั้งเดียว จั๋วเอ๋อร์ดูแล้วก็ตกหลุมรักแม่นางฉยงหัวอย่างลึกซึ้งได้อย่างไร?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งชิงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ลู่ซิงหว่านที่อยู่ในใจของจิ่นหรือนี่จะเป็นรักแรกพบที่ร่ำลือกันเมื่อซ่งชิงเหยียนมาถึงตำหนักหรงเล่อ ฮองเฮาก็มาถึงเช่นกันนางรีบเข้าไปทําความเคารพไทเฮาอย่างเรียบร้อย“หม่อมฉันถวายบังคมพระพันปี ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี”“ที
“ยังดีที่ตอนนี้ร่างกายของข้ามีหมอหญิงข้างกายชิงเหยียนดูแลอยู่ ไม่จําเป็นต้องรบกวนเจ้า”ฮองเฮาก็ตอบอย่างประหลาดใจว่า “ข้าได้ยินจากสาวใช้ข้างกายว่า ข้างกายหวงกุ้ยเฟยมีหมอหญิงคนหนึ่ง เก่งกาจมาก”“หม่อมฉันไม่เหมือนพระมเหสี ยังมีความรู้ด้านการแพทย์อยู่บ้าง ฝ่าบาททรงเป็นห่วงสุขภาพของหวานหว่าน ดังนั้นจึงสั่งให้ท่านพ่อหาหมอหญิงมาปรนนิบัติที่ตำหนัก” ซ่งชิงเหยียนต้องอธิบายความเป็นมาของฉยงหัวต่อหน้าไทเฮาให้ชัดเจน เพื่อวันหน้าเสิ่นหนิงจะได้ไม่ก่อเรื่องอีกเมื่อพูดถึงฉยงหัว สีหน้าของฮองเฮาก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นึกถึงพิษที่ตัวเองปลูกก่อนงานเลี้ยงในวันนั้นซ่งชิงเหยียนไม่สนใจและสั่งให้จินหยูเอากล่องไม้ในมือออกมามองไปทางไทเฮาท่าทางเขินอาย“หมอหญิงในตำหนักของข้า ได้ยินมาว่างานพระราชสมภพของไทเฮากําลังใกล้เข้ามา หลายวันมานี้จึงรีบเร่งทํายาให้ไทเฮา”“แม้ว่าจะไม่ใช่ของมีค่าอะไร แต่ฉยงหัวกลับบอกว่า รู้สึกขอบท่านไทเฮาที่คอยดูแล ต้องแสดงน้ำใจของตัวเองบ้างถึงจะดี”ไทเฮาย่อมยินดีปรีดาเมื่อได้ยินยาเม็ดที่ทําโดยนางกํานัลน้อยในตำหนักของเจ้าใช้ดีมาก ต้องขอบใจนางมากแล้วแม่นมซูที่อยู่ข้างๆ ก็รีบก้าวเข้าไ
ไทเฮากลับยิ้มพลางถอนหายใจ “เมื่อวานข้าตั้งใจให้แม่นมซูไปแจ้งที่ตำหนักทีละคน วันนี้ไม่ต้องมาทําความเคารพที่ตำหนักของข้า ไปร่วมงานเลี้ยงที่ตำหนักเซวียนฝูโดยตรงก็ได้แล้ว”แม่นมซูก้าวเข้าไปยกน้ำชาถ้วยหนึ่งให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ จากนั้นก็ยิ้มพลางพูดว่า “ฝ่าบาทก็ทรงทราบว่า ไทเฮาชอบความสงบที่สุด อีกทั้งมีฮองเฮาและพระสนมหวงกุ้ยเฟยอยู่เป็นเพื่อนคุยด้วย ไทเฮาก็รู้สึกสบายใจมากเพคะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็พยักหน้า เขารู้จักเสด็จแม่ของตัวเองดีเมื่อมองดูความเงียบสงบในห้องนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีคนหายไป หลังจากมองไปรอบๆ เขาก็มองไปที่ซ่งชิงเหยียนและถามว่า “ทําไมไม่เห็นหวานหว่านล่ะ? วันนี้ไม่ได้พานางมาหรือ?”ซ่งชิงเหยียนรู้สึกอับอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินคําถามของฮ่องเต้ต้าฉู่“เมื่อครู่หวานหว่านมากับข้า อยู่ใกล้ตําหนักซิงหยาง จู่ๆ หวานหว่านก็ดิ้นรนจะไปที่ตําหนักซิงหยาง...”“อาจเพราะอยากพบเหล่าพี่ชายของนาง”ลู่ซิงหว่านแค่อยากเห็นปฏิกิริยาของซ่งจั๋วเท่านั้นพูดถึงตรงนี้ ซ่งชิงเหยียนก็มองไปทางไทเฮาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “แต่คิดว่าอีกสักครู่พวกองค์รัชทายาทก็จะมาถวายบังคมไทเฮาที่ตําหนักหรงเล่อด้ว
ทุกคนหันไปมองลู่ซิงหว่านทันที และรอดูปฏิกิริยาของไทเฮาไทเฮากลับหัวเราะเบาๆ “หย่งอันนี่กำลังฉลองวันเกิดให้ข้าด้วยวิธีของตัวเองสินะ!”[เสด็จย่าดูออกจริงๆ ด้วยหรือเนี่ย! เสด็จย่าสุดยอดไปเลย!] [หวานหว่านชอบเสด็จย่าจัง หวังว่าเสด็จย่าจะมีความสุขและมีสุขภาพแข็งแรงทุกวันตลอดไป]ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่านก็อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้ “หวานหว่านของเรารู้ความแล้ว”ในห้องโถงเต็มไปด้วยความสุขขณะนั้นเอง นางกํานัลที่อยู่ข้างนอกก็เข้ามารายงานว่า “ทูลไทเฮา คุณหนูตระกูลหานและคุณหนูตระกูลหรงมาแล้วเพคะ”ลู่ซิงหว่านได้ยินดังนั้นก็อดมองไปทางองค์รัชทายาทและองค์ชายรองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ได้[เสด็จย่าคงไม่ได้จะสร้างโอกาสให้กับคู่รักหนุ่มสาวเหล่านี้หรอกนะ][ที่แท้ในกระดูกของเสด็จย่าก็เป็นท่านแม่สื่อนี่เอง! มาแย่งงานของท่านแม่ซะแล้ว]หานซีเยว่และหรงเหวินเมี่ยวเดินเข้ามาในห้องโถงหลักอย่างเรียบร้อย จากนั้นทำความเคารพไทเฮาจนกระทั่งไทเฮาสั่งให้จัดที่นั่ง ทั้งสองจึงนั่งลงอย่างเรียบร้อยลู่ซิงหว่านอดชื่นชมในใจไม่ได้[ยังไงก็เป็นคุณหนูที่ได้รับการอบรมจากตระกูลชั้นสูง ขนาดท่านั่งยังเรียบร้อยขน
คนทั้งกลุ่มพูดคุยกันอีกเล็กน้อย แล้วไทเฮาก็ให้รางวัลแก่หานซีเยว่และหรงเหวินเมี่ยวตามลําดับ ก่อนจะเอ่ยปากว่า “พวกหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนพวกเราที่นี่แล้วล่ะ ไปเดินเล่นข้างนอกเถอะ”“ตอนนี้ทิวทัศน์ข้างนอกก็กําลังดี ดอกไม้ในอุทยานหลวงก็กำลังบานสะพรั่งเช่นกัน” ไทเฮาจู่ๆ ก็สั่งองค์รัชทายาท “รัชทายาท เจ้าพาพระชายาที่ยังไม่ได้แต่งเข้ามาของเจ้าไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงสักหน่อยสิ”“พวกเจ้านานๆ ทีถึงได้พบหน้ากันสักครั้ง”ใบหน้าของหานซีเยว่พลันแดงก่ำ แต่กลับเพียงขอบคุณอย่างนอบน้อมหรงเหวินเมี่ยวกําลังมองหานซีเยว่ด้วยสีหน้าหยอกเย้า แต่ทันใดนั้นก็ถูกไทเฮาเรียกชื่อ “คุณหนูหรงไม่คุ้นเคยในวัง จิ่นอวี้ เจ้าส่งคุณหนูหรงกลับตำหนักเซวียนฝูสิ!”พอไทเฮากล่าวเช่นนี้ ทุกคนย่อมเข้าใจความหมายของนางในวังแห่งนี้มีขันทีและนางกํานัลมากมาย ทําไมถึงต้องให้องค์ชายรองอย่างลู่จิ่นอวี้ไปนําทางให้คุณหนูตระกูลหรงคนนี้ด้วยล่ะไทเฮาคงกำลังจับคู่ให้ทั้งสองคนล่ะสิไม่ว่า[โอ๊ะ พี่ชายรองหน้าแดงแล้ว!][ไม่เห็นสง่าผ่าเผยเท่าหรงเหวินเมี่ยวเลย]ฮ่องเต้ต้าฉู่มองตามสายตาของลู่ซิงหว่านไป หรงเหวินเมี่ยวเพียงขอบค
"นอกจากนี้ความเข้าใจผิดเมื่อสองสามวันก่อนก็อธิบายอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ? จิ่นเฉินแค่คิดถึงเรื่องเก่าๆ ไปหน่อย ถึงถูกหญิงรับใช้ผู้นั้นหลอกใช้เอาได้”ไทเฮาถึงได้คลายคิ้วออก มองไปทางซ่งชิงเหยียนแล้วยิ้มพระสนมหลานเฟยก็เอ่ยปากในเวลาที่เหมาะสมเช่นกัน “หม่อมฉันพอใจคุณหนูตระกูลหรงผู้นั้นมากเลยเพคะ หากพระพันปีเห็นว่าเหมาะสม ขอให้พระพันปีช่วยจัดการให้จิ่นอวี้ด้วยเพคะ”“ดีดีดี” สายตาที่ไทเฮามองพระสนมหลานเฟยก็เต็มไปด้วยความปลื้มปีติ ตอนนี้บรรดาวังหลังของฮ่องเต้ล้วนเป็นคนรู้ความ ทําให้ฮ่องเต้ประหยัดพระทัยไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียวลู่ซิงหว่านที่นั่งอยู่ข้างซ่งชิงเหยียนตอนนี้ก็ตระหนักในใจเช่นกัน[คิดไม่ถึงเลยว่า แม้ว่าเรื่องราวจะพัฒนาแตกต่างจากไปจากนิทาน แต่วนไปวนมา ยังคงเป็นคนเดิมที่อยู่ด้วยกันอยู่ดี][พี่ชายรัชทายาทกําลังจะแต่งงานกับพี่หญิงตระกูลหานแล้ว][พี่ชายรองและพี่หญิงตระกูลหรงก็ถูกพระพันปีจูงมาอยู่ด้วยกัน][ประโยคนั้นเรียกว่าอะไรนะ ใช่แล้ว มีวาสนาพันลี้ยังพบพานกันได้][คิดๆ ดูแล้ว นี่คงเป็นวาสนาสินะ!][แต่ตอนนี้ยังมีเวลาอีกสามปีกว่าๆ กว่าที่พี่หญิงหรงจะถึงวัยปักปิ่น ใครจะรู้ว่าสาม
คนผู้นี้ก็คือไป๋หลิงที่อยู่ในวังจิ่นซิ่วไป๋หลิงมองแผ่นหลังขององค์รัชทายาท แล้วหันไปมองหานซีเยว่ที่อยู่อีกทิศทางหนึ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังพระสนมของตนถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในตําหนักเย็น บุตรทั้งสามของพระสนมก็ถูกฝ่าบาททอดทิ้งเช่นกันแต่ลูกของซ่งชิงหยานานั่นกลับกําลังจะแต่งงานยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์แล้วตนจะไม่ยอมให้พวกเขาได้สมหวังดั่งใจแน่นอนหลังจากแยกกับหานซีเยว่แล้ว รัชทายาทก็อ้อมผ่านเส้นทางเล็กๆ ที่ด้านข้าง มุ่งหน้าไปยังตําหนักเซวียนฝูตนยังต้องกําชับกําชาผู้คุ้มกันหน้าประตูถึงจะได้แต่คิดไม่ถึงว่าจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบกับองค์ชายสามพอดี“เสด็จพี่ไม่ได้ไปเที่ยวชมอุทยานกับคุณหนูตระกูลหานอยู่หรอกเหรอ” องค์ชายสามประสานมือคํานับองค์รัชทายาทอย่างนอบน้อม “เหตุใดจึงมาถึงที่นี่ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”พูดพลางมองไปด้านหลังองค์รัชทายาท ยิ้มพลางพูดหยอกว่า “เสด็จพี่คงไม่ได้ทิ้งคุณหนูตระกูลหานไว้ในอุทยานหลวงคนเดียวหรอกกระมังนะ?”รัชทายาทยิ้มอ่อนโยน “น้องสามเข้าใจผิดแล้ว ข้าทําตามที่เสด็จย่ารับสั่ง ส่งคุณหนูหานออกจากตําหนักหรงเล่อแล้ว”“แม้ว่าข้ากับแม่น
นางแต่งตัวเลียนแบบการแต่งตัวของฉยงหัวในวันนั้น แต่เนื้อผ้าของเสื้อผ้าต้องดีกว่าฉยงหัวแน่นอนเมื่อได้ยินคําพูดนี้ ใบหน้าของหลินอินก็ยิ้มเล็กน้อย “น้องหญิงอวิ๋นเหยาพูดอะไรน่ะ!”ในเวลานี้เหออวี่เหยาและ เผยฉู่เยี่ยนกําลังยืนคุยกัน “เจ้าอยู่ในวังสบายดีไหม?” เผยฉู่เยี่ยนพยักหน้า “ตอนนี้ข้าอยู่ในวัง พระสนมหวงกุ้ยเฟยดูแลข้าเป็นอย่างดี แล้วข้ามักจะไปพูดคุยกับยรรดาองค์ชายในตําหนักไท่กงบ่อยๆ ด้วย พี่หญิงไม่ต้องกังวล ว่าแต่ท่าน...”เหออวี่เหยารู้ว่า เผยฉู่เยี่ยนกําลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ จึงรีบตบแขนเขาเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า แม้ว่า เผยฉู่เยี่ยนจะอายุน้อยกว่าเหออวี่เหยาสามปี แต่รูปร่างของเขากลับสูงกว่าเหออวี่เหยาหนึ่งศีรษะแล้ว“น้องชายไม่ต้องเป็นห่วงข้า ตอนนี้ข้ามีย่าคอยปกป้อง คนเหล่านั้นไม่กล้าทําอะไรข้าหรอก” ขณะที่พูด สายตาของเหอยวี่เหยาก็มองไปที่เหออวิ๋นเหยา เผยฉู่เยี่ยนพูดกับเหอยวี่เหยาไปพลาง และมองออกไปทางนอกประตูด้วยหน้าที่ที่องค์รัชทายาทมอบให้เขาในวันนี้ก็คือเฝ้าประตูตําหนักนี้ให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้มีมือสังหารบุกเข้ามาเรื่องนี้สําคัญมาก จะประมาทไม่ได้เหออวิ๋นเหยาดูเห