ครั้งนี้ถึงคราวลู่ซิงหว่านตกตะลึงบ้าง[เสนาบดีชุยไปทำอะไรกับหนิงซวี่กันแน่ หรือว่าเขาจะโดนคุณไสย? ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่า จะมีคนยอมปกป้องนายจนทำได้ถึงเพียงนี้][ช่างร้ายกาจจริงๆ เสนาบดีชุยผู้นี้ อย่างไรก็อดชมเชยไม่ได้ ลูกสาวเขาเป็นคนโง่ หลานก็โง่เช่นกัน ครอบครัวเขาทั้งบ้านมีเพียงเสนาบดีที่ร้ายกาจเพียงผู้เดียว][แต่ถึงร้ายกาจเพียงไหนก็เปล่าประโยชน์ สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องตายอยู่ดี]จู๋อิ่งเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่พูดจา จึงได้เอ่ยปากถาม “จะให้กำจัดเจิ้งจงหรือไม่เจ้าคะ?”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยส่ายหน้า “อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เจิ้งจงไม่ใช่คนสำคัญอะไร”“คุณหนูพูดถูกแล้ว บ่าวยังสืบไปถึงความเคลื่อนไหวของเขาในหลายวันนี้ พบว่าเจิ้งจงมักติดต่อกับคนชื่อ ‘ซิ่นเทียน’ อยู่เนืองๆ และคนผู้นี้ก็คอยวางแผนให้องค์ชายสามอยู่เบื้องหลังด้วย”“เพียงแต่การติดต่อระหว่างพวกเขาจะใช้จดหมายเสียส่วนใหญ่ ทั้งองค์ชายสามและเจิ้งจงเกรงว่าอาจไม่เคยเห็นโฉมหน้าจริงของคนผู้นี้เสียด้วยซ้ำ”“และคนผู้นี้มีวิชาตัวเบาล้ำเลิศ แม้แต่เหมยอิ่งก็ยากจะตามทัน”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยักหน้า หากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับเผยพิรุธออกมา วันหน้าจะจับผ
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เห็นด้วยกับคำพูดของลู่ซิงหว่าน “ไม่นึกว่าจ้าวหานยวนจะเป็นคนวางแผนเก่งถึงเพียงนี้ เจ้าอย่าลืมส่งจดหมายถึงพ่อข้า เตือนให้เขาระวังจ้าวหานยวนหน่อย”เหมยอิ่งพยักหน้า หมดเรื่องรายงานแต่เพียงเท่านี้ ทุกคนล่าถอยออกไปพระสนมเฉินกุ้ยเฟยยืนขึ้นบิดเอว หลายวันนี้มีแต่เรื่องราวประเดประดังเข้ามา ทำให้นางเหน็ดเหนื่อยเสียยิ่งกว่าสมัยไปออกรบอีกหลังจากมองดูลู่ซิงหว่านแล้วก็อดบ่นไม่ได้ “หวานหว่าน แม่รู้สึกเหนื่อยนัก แม่กลับชอบสมัยก่อนที่เป็นเพียงสนมเฉินเฟยมากกว่า อยู่ในวังคนเดียวเงียบๆ”ลู่ซิงหว่านหันหน้ามามองมารดา ในใจเต็มไปด้วยความห่วงใย พร้อมเดินขึ้นหน้ามา กอดน่องของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไว้[น่าเห็นใจท่านแม่นัก ขอหอมท่านแม่หนึ่งที ตำแหน่งฮองเฮาบ้าบออะไรนั่น ปล่อยให้พระสนมหนิงเฟยเป็นไปเถอะนะ][แม้ลูกจะรู้สึกไม่ค่อยชอบนาง แต่ก็ดีเหมือนกัน เรื่องปวดหัวทั้งหลายเหล่ก็ปล่อยให้นางไปดูแลเอง ท่านแม่เพียงอยู่สบายในวังหลังก็พอแล้ว][ส่วนเสด็จพ่อก็ให้สละตำแหน่งเสีย ยกบัลลังก์ให้พี่ชายรัชทายาทไป เช่นนี้ข้าจะได้พาท่านแม่ออกจากวังแล้ว][ยังมีพี่ฉยงหัวของข้า และยังมีจิ่นซินกับจิ่นอวี้ ยังมีเหมย
พูดประโยคนี้จบ องค์หญิงรองก็เงยหน้ามองพระสนมเฉินกุ้ยเฟย แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ"พวกเจ้ายังเป็นแค่เด็ก ข้าจะคิดจริงจังกับพวกเจ้าได้อย่างไร?" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นนางเป็นแบบนี้ก็อดที่จะปลอบใจไม่ได้ "อีกอย่างก็เป็นเรื่องอดีตที่ผ่านไปแล้วจะพูดถึงมันทำไมอีก?"แต่องค์หญิงรองกลับส่ายหัว "พระสนมเฉินไม่รู้หรอกว่า เรื่องนี้เป็นปมในใจข้าเสมอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เสด็จพี่ทำเรื่องผิดบาปมากมาย เดิมทีข้าคิดว่า ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นเสด็จแม่ของข้า การที่ข้าช่วยนางปกปิดเป็นสิ่งที่คนเป็นลูกสมควรทำอยู่แล้ว""แต่เมื่อวานตอนที่ข้ามายังตำหนักชิงอวิ๋นและได้ฟังสิ่งที่เสด็จแม่พูดแล้ว ในสายตานาง ข้าคงเป็นแค่เครื่องมือที่ใช้รักษาอำนาจของนางมาตั้งแต่แรกเลยกระมัง!"ลู่ซิงหว่านที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดที่จะอุทานไม่ได้[ดูสิ! ตาสว่างอีกคนแล้ว สุดท้ายเจ้าก็คิดได้สักทีสินะองค์หญิงท่านนี้][ท่านแม่ของเจ้าน่ะเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายอำมหิตมาก ตอนนั้นที่ข้าอ่านนิทาน ตอนแรกคิดว่าการที่นางส่งเจ้าไปแคว้นเยว่เฟิงนั้นเพื่อให้เจ้ามีอนาคตที่ดี แต่ไม่คิดว่าต่อมากลับผลักน้องสาวแท้ ๆ ของเจ้าตกทะเลสาบเพื่อที่จะใส่ร้ายผู้อื่น ถึงแ
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับมององค์หญิงรองอย่างสงสัยเมื่อองค์หญิงรองเห็นก็รีบอธิบายทันที "พระสนมเฉินไม่เชื่อข้าหรือ?"แต่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับส่ายหัว "เจ้ารู้ไหม หากเรื่องนี้โยงเกี่ยวเข้ากับเสด็จแม่ของเจ้า ชีวิตของนางอาจไม่รอดก็ได้?"องค์หญิงรองได้ยินก็ก้มหน้าอย่างพ่ายแพ้ "ข้ารู้ แต่ข้าคิดว่าหากข้าเปิดโปงเรื่องนี้แก่พระสนมเฉิน ตอนนี้พระสนมเฉินยังสามารถสอบสวนเสด็จแม่ของข้าได้ทัน และสามารถให้โอกาสนางทำความดีชดเชยความผิด"พูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วคุกเข่าลงไป "ขอพระสนมเฉินเห็นแก่ที่ข้าเปิดโปงเรื่องนี้ไว้ชีวิตเสด็จแม่ของข้าด้วยเถิด"และเหมือนกลัวพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจะไม่ตกลกจึงส่ายหัว "ไม่ต้องการตำแหน่งอำนาจอะไรทั้งสิ้น ขอแค่นางมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว"ตอนนี้สมองของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยวุ่นวายมาก อ้าปากจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออกสักคำผ่านไปนานสักพัก นางก็เข้าไปพยุงองค์หญิงรองให้ลุกขึ้น "ซิงเสวี่ย ในเมื่อเจ้าเอ่ยปากแล้วข้าจะช่วยเสด็จแม่ของเจ้าแน่นอน""ขอบพระคุณพระสนมเฉินกุ้ยเฟย" เมื่อครู่องค์หญิงรองตกใจกลัวจนน้ำตาไหล แต่ตอนนี้น้ำตาที่ไหลนั้นมาจากความดีใจขณะที่มององค์หญิงรองเดินออกจากตำหนักชิงอวิ๋น
แทนที่จะบอกว่าตนปกป้องนาง ควรบอกว่านางปกป้องตนมาโดยตลอดแต่เรื่องเสื้อผ้านี้เป็นปมในใจซ่งชิงเหยียนมาโดยตลอด นางมักจะนึกถึงเรื่องนี้ในกลางดึก จากนั้นก็โทษตัวเองว่าเป็นเพราะตน ทำให้พี่สาวไม่ได้ใส่ชุดที่คนรักมอบให้ในพิธีปักปิ่นต่อมาเมื่อพี่สาวจากไปนางก็มักจะคิดอยู่เสมอว่า เป็นเพราะตนทำเสื้อผ้าชุดนั้นเปื้อนใช่ไหมที่ทำให้พี่สาวของตนไม่ได้ครองรักกับคนที่รักจนแก่เฒ่าแต่ตอนนี้มีคนบอกนางว่า อาจจะมีคนทำให้พี่สาวตายแล้วจะให้นางรับได้อย่างไร?พี่สาวเป็นคนที่แสนดีขนาดนั้น แต่คนพวกนี้กลับคร่าชีวิตนางเพียงเพื่อตำแหน่งและอำนาจเมื่อคิดถึงตรงนี้ น้ำตาของซ่งชิงเหยียนก็ไหลลงมาตามแก้มจิ่นซินและจิ่นอวี้รู้ว่า ตลอดหลายปีมานี้พระสนมฝังในกับการตายของคุณหนูใหญ่มาโดยตลอด ตอนนี้จะให้ไม่เสียใจได้อย่างไร?นิ่งเงียบนานสักพักพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ลุกขึ้น ในเมื่อมีคนยื่นมีดมาถึงมือตนแล้ว ทำไมตนจะไม่รับเอาไว้"จิ่นซิน ไปเรียกเหมยหยิ่งกับจู๋อิ่งมา"ไม่นาน เหมยหยิ่งและจู๋อิ่งก็เข้ามาในตำหนักพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่พูดพร่ำทำเพลง เอ่ยปากสั่งทันที "บัดนี้สนมซูผินถูกกักบริเวณที่ตำหนักจูหัว พวกเจ้าไปสอบสวนสนมซูผิน ถา
สนมซูผินขยับกายเล็กน้อยแล้วถอนหายใจพูด "ซิงเสวี่ย เจ้าต้องเข้าใจเสด็จแม่สิ เสด็จแม่แค่คิดว่ารัชทายาทเหอเหลียนเป็นถึงรัชทายาทแห่งแคว้น เจ้าแต่งเข้าไปก็จะได้เป็นพระชายา และได้เป็นฮองเฮาในอนาคต มันคือการแต่งงานที่ดีที่สุดแล้ว"แต่องค์หญิงรองกลับส่ายหัว ราวกับว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก "ลูกสาวมีเรื่องหนึ่งเรื่องที่ไม่เข้าใจ อยากขอเสด็จแม่ช่วยอธิบายให้ที"แต่ไม่ได้รอให้สนมซูผินถามก็เอ่ยปากพูดต่อ "เหตุใดเสด็จแม่ต้องพุ่งเป้าหาเรื่องพระสนมเฉินแบบนั้นด้วย? เป็นเพราะพระสนมเฉินมีตำหน่งสูงกว่าท่านแค่นั้นหรือ?"เมื่อสนมซูผินเห็นว่านางจู่ ๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นก็ปรากฏความเลิ่กลั่กขึ้นในแววตาแต่กลับแสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วกล่าว "นางเข้าวังมาแค่ห้าปี ไม่ได้เป็นสนมคนโปรดอะไร แค่อาศัยครอบครัวของนางแค่นั้น แค่มีลูกสาวคนเดียวก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นพระสนมกุ้ยเฟยแล้ว แบบนี้หมายความว่าอะไร?""คงไม่ใช่เพราะว่าเสด็จแม่" องค์หญิงรองมองสนมซูผินอย่างแน่วแน่ ความอ่อนโยนในนัยน์ตาถูกความเย็นชาเข้าแทนที่ "เสด็จแม่ร่วมมือกับพระสนมเต๋อเฟยทำให้ฮองเฮาองค์ก่อนตาย และมีหลักฐานอยู่ในมือของพระสนมเต๋อเฟยจึงจำเป็นต้องพุ่งเป้าหา
[แต่ท่านแม่ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยสิ เสด็จป้าเป็นพี่สาวของท่านแม่ก่อนถึงค่อนเป็นภรรยา ค่อยเป็นฮองเฮา และค่อยเป็นแม่คน เสด็จป้าต้องอยากให้ท่านแม่มีชีวิตอย่างสบายใจแน่นอน][มีอิสระเหมือนท่านตอนเยาว์วัย]พระสนมเฉินกุ้ยเฟินอุ้มลู่ซิงหว่านอย่างอดไม่ได้ ส่วนลู่ซิงหว่านก็แค่นึกว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกำลังเสียใจส่วนพระสนมเฉินกุ้ยเฟยห็ซาบซึ้งในคำพูดของลู่ซิงหว่าน ต้องบอกเลยว่าหวานหว่านนี่ปลอบคนเก่งจริง ๆ แน่นอนว่าตนต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี ไม่ใช่เพื่อจวนติ้งกั๋วโหว ไม่ใช่เพื่อฮ่องเต้ต้าฉู่ และไม่ใช่เพราะเด็ก ๆ พวกนี้ แต่เพื่อตัวเองต่างหาก เพื่อให้ซ่งชิงเหยียนสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างอิสระสบายใจขณะที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกำลังซาบซึ้ง จิ่นซินก็เคาะประตูเข้ามา"พระสนม พระสนมหนิงเฟยทรงพระครรภ์แล้วเพคะ" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ้าว้างแต่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับยิ้มอย่างไม่สนใจ "พระสนมหนิงเฟยเข้าวังมานานขนาดนี้แล้ว และยังได้รับควาฒโปรดปรานจากฝ่าบาทอีกก็ควรท้องได้แล้ว"แต่จิ่นซินกลับอดที่จะบ่นไม่ได้ "พระสนมยังยิ้มได้อีกหรือเพคะ! ตอนนี้พระสนมหนิงเฟยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทมาก ถ้าให้กำเนิดองค์ช
เมื่อเห็นฉยงหัวถามเช่นนั้น พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็รู้ว่าเรื่องนี้น่าเชื่อถือ จึงรีบนั่งตัวตรงและถามอย่างใคร่รู้ “สามารถแยกแยะได้อย่างนั้นเชียวหรือ?”พูดจบก็ชี้ไปทางด้านข้าง “เจ้านั่งลงก่อนเถอะ แล้วค่อยๆ เล่าให้พวกเราฟังได้หรือไม่?”นางนึกถึงจิ่นซินและจิ่นอวี้ที่อยู่ข้างๆ “พวกเจ้าสองคนก็นั่งลงด้วย ถึงอย่างไรวันนี้พวกเราก็ว่างอยู่แล้ว มิเช่นนั้นฟังคุณหนูแม่นางฉยงหัวเล่าให้พวกเราฟังดีกว่า”“เอ๊ะไม่ถูก จิ่นซินรินน้ำชาให้แม่นางฉยงหัวด้วย”เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉยงหัวก็รู้สึกว่าตนเองเลือกนายไม่ผิด นางเป็นคนที่สดใสและใจกว้างอย่างที่ผู้คนพูดถึงจริงๆ ไม่เหมือนกับพระสนมกุ้ยเฟยในนิยายที่เย่อหยิ่งจองหองเลยนางจึงหัวเราะเบาๆ “พระสนมวางใจเถอะเพคะ เพียงแค่ทำให้ร่างกายของพระสนมดูอ่อนแอเล็กน้อย และเมื่อหมอหลวงมาจับชีพจร ก็จะมีอาการตรงกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วพระสนมแข็งแรงดีมากเพคะ”“อัศจรรย์ถึงเพียงนี้เลยหรือ” จิ่นซินที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นเมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็เปล่งประกาย มองฉยงหัวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “หากเช่นนั้น...ข้าจะป่วยสักสามถึงห้าวันก่อน! ดูสถานการณ