ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับหัวเราะนาง "ตอนนี้เจ้าก็ยังสาวอยู่ อย่าหาข้ออ้างให้ตัวเองหน่อยเลย"เสียงหัวเราะของพวกเขาดังมา ลู่ซิงหว่านยืดตัวบิดขี้เกียจและตื่นขึ้นมา[ท่านแม่ก็เหนื่อยอยู่ในวังหลังของท่านนั้นแหละ แม้ว่าตอนนี้จะอายุยังไม่สามสิบ แต่ผมหงอกก็ขึ้นมามากแล้ว]ฮ่องเต้ต้าฉู่เคยชินกับ "การไม่เคารพ" ของลู่ซิงหว่านแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจเมื่อเห็นลู่ซิงหว่านตื่นขึ้นมาแล้ว หรงเหวินเมี่ยวก็รีบชะโงกหน้ามาดู "นี่คือองค์หญิงหย่งอันใช่ไหมเพคะ"นางเป็นคนที่นิสัยไม่เคร่งครัดตามกฎระเบียบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จากครั้งที่แล้วที่นางหาเรื่องเต๋อเฟย ก็พอจะรู้ได้ แต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ชอบนิสัยแบบนี้ของนางมากพระสนมเฉินกุ้ยเฟยอุ้มลู่ซิงหว่านมานั่งบนตักตัวเองและตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ใช่แล้ว"หรงเหวินเมี่ยวยิ่งอยากรู้อยากเห็นกว่าเดิม "ได้ยินว่าเมื่อองค์หญิงหย่งอันประสูติ บังเอิญฝนตกหนักช่วยแก้ปัญหาความแห้งแล้งของแคว้นต้าฉู่เราที่ดำเนินมาต่อเนื่องหลายเดือน"หานซีเยว่ก็เอ่ยปากว่า "แล้วยังมีคนบอกอีกนะว่าฮ่องเต้ทรงเห็นดอกบัวสีทองอร่ามตกลงมาในตำหนักชิงอวิ๋นด้วยพระเนตรของพระองค์เอง และองค์หญิงน้อยก็มีดอกบัวที่แขนด้วย"หลังจาก
เหออวี่เหยาคิดว่านางไม่ได้ติดต่อกับลูกพี่ลูกน้องมาตั้งหลายปีแล้ว น้องน่าจะไม่สนใจนาง ไม่คิดว่าเขาจะจำวันครบรอบของท่านแม่ได้ จึงรีบเอ่ยปากว่า "ที่อารามหมิงจิ้ง"ฮ่องเต้ต้าฉู่พยักหน้า "เป็นสิ่งที่สมควร อันกั๋วกงตายเพื่อแคว้นต้าฉู่ ข้าก็ควรแสดงน้ำใจ จิ่นเหยา เดี๋ยวถึงวันนั้นเจ้าก็ไปกับฉู่เยี่ยนด้วยสิ"องค์รัชทายาทรีบลุกขึ้นตอบรับองค์ชายสองก็ลุกขึ้นตามไปด้วย "เสด็จพ่อ พวกเขาไปกันหมดแบบนี้ ให้กระหม่อมไปด้วยนะพะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้ต้าฉู่เห็นลูกชายคนที่สองชอบตามติดองค์รัชทายาท เขามีท่าทางเชื่อฟังองค์รัชทายาทเอามากๆ เขาชอบพี่น้องสองคนนี้รักใคร่กลมเกลียว จึงตอบตกลงเหออวี่เหยาซาบซึ้งใจ นางรีบคุกเข่าลงขอบพระทัยหรงเหวินเมี่ยวและหานซีเยว่ที่อยู่ข้างๆ ก็มองหน้ากัน ทั้งคู่สบตากัน แน่นอนว่ากำลังดีใจแทนอวี่เหยาลู่ซิงหว่านเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มพึมพำ[ดูผู้มีความสามารถคู่นี้สิ พี่ชายรัชทายาทและพี่สาวตระกูลหาน ตอนนี้ได้รับพระราชทานสมรสจากเสด็จพ่อแล้ว เดี๋ยวหลังจากพี่สาวตระกูลหานครบสิบห้าแล้ว ไม่นานก็คงจะแต่งงานกัน][ตามในหนังสือนิทาน หรงเหวินเมี่ยวก็ช่วยพี่สองต่อสู้เพื่อความถูกต้อง หลังจาก
หรงเหวินโจวหันมองท่านแม่และลองหยั่งเชิงว่า "ท่านแม่ขอรับ ข้าไปนะขอรับ""ไปเถอะๆ คนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าควรรวมตัวกันเล่นสนุกดีแล้ว" ฮูหยินหรงย่อมรู้ความคิดของหรงเหวินโจวแม้ว่านางจะไม่ชอบใต้เท้าเหอและนางหลินภรรยาปัจจุบันของเขา แต่เมื่อสมันสาวๆ นางเคยได้พบกับเผยเสียนลูกสาวของอันกั๋วกงอยู่หลายครั้ง เผยเสียนมีชื่อเสียงดีงามในหมู่เพื่อนสนิทของนาง แต่ไม่รู้ทําไมนางถึงแต่งงานกับคนตระกูลเหอนั่นได้ทุกวันนี้ลูกสาวของนางแม้จะโดนนางหลินกดขี่ข่มเหง แต่ก็เด็กคนนั้นเป็นเด็กสาวที่มุงมั่น ตัวเองชอบนางมากฟังนางหลินพูดก็รู้ว่านางคิดอะไร นางอยากจะจับคู่กับพี่โจวและเหออวิ๋นเหยาลูกสาวแท้ๆ ของนางมากกว่า แต่แน่นอนว่านางก็ไม่เต็มใจตัวนางก็เข้าใจความหมายของลูกสาวเช่นกัน ดังนั้นพอสาวใช้ของลูกสาวมา นางก็รู้ทันทีว่าคิดจะทำอะไรมองพวกองค์ชายคนเดินไปจากระยะไกล นอกจากเสิ่นเป่าซวงแล้ว คนที่ไม่พอใจก็ยังมีเหออวิ๋นเหยาด้วยไม่รู้ว่าพี่สาวของตัวเองไปกล่อมพี่เหวินโจวยังใง เขาถึงมาช่วยในการแข่งขันขี้ม้าตีคลีวันนี้ ทำให้นางต้องพ่ายแพ้ตอนนี้ก็ไปเกี่ยวข้องกับพวกองค์รัชทายาทอีก มันน่าหงุดหงิดจริง ๆตอนนี้นางจึงไม่ได
เหออวิ๋นเหยาโมโหมาจากงานขี้ม้าตีคลี เดี๋ยวกลับถึงจวนก็ต้องไปบ่นกับท่านแม่"ท่านพ่อ ท่านแม่ วันนี้พี่ทำให้ข้าอายที่งานขี้ม้าตีคลี อย่างไรก็จะเอาให้รู้แพ้รู้ชนะให้ได้" เหออวิ๋นเหยพูดพลางเข้าหานางหลินและร้องไห้ฟูมฟายเมื่อตอนที่นางหลินเพิ่งแต่งเข้าจวนเหอใหม่ๆ ก็ยังแสร้งทำเป็นแม่ที่มีเมตตาแต่ดังคำกล่าวที่ว่าเมื่อมีแม่เลี้ยงพ่อก็จะกลายเป็นพ่อเลี้ยงไปด้วยและเนื่องจากตอนนี้จวนอันกั๋วได้ก็ไม่มีอยู่แล้วด้วย ราชเลขาเหอจึงไม่สนใจลูกสาวคนโตของเขาอีกต่อไปนางหลินเห็นว่าราชเลขาเหอเป็นแบบนี้ ก็เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนางออกมา รังแกเหออวี่เหยาอย่างโจ่งแจ้งเมื่อเห็นเหออวิ๋นเหยาทำแบบนี้ เหออวี่เหยากลับไม่พูดอะไร เพียงแต่ยืนอยู่ในมุมห้องโถงและมองดูพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูก"เจ้าลูกทรพี ทำวงตระกูลต้องขายหน้า" ราชเลขาเหอตำาหนิเหออวี่เหยาโดยไม่สนใจความจริงใดๆ ทั้งนั้นนางก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับท่านพ่อ พูดแต่เพียงว่า วันนี้ข้าได้ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้กับพระสนมมา ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งเกี่ยวกับวันครบรอบการตายของท่านแม่ ว่าให้องค์รัชทายาทไปไหว้หลุมศพท่านแม่ที่อารามหมิงจิ้ง"หึ..." นางหลินกลับเยาะเย้ยว่า "สถานที
ถ้าลู่ซิงหว่านได้รู้ ก็คงจะพูดประมาณว่า [ท่านแม่ ขอบคุณท่านจริงๆ แต่ข้าไม่อยากไปตากแดดตากลมที่ค่ายทหาร เพียงอยากอยู่ในวังเป็นดอกไม้งามเล็กๆ ก็พอแล้ว]เมื่อนึกถึงเสียงในใจของหวานหว่าน พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงได้ตระหนักถึงอีกเรื่องหนึ่งจึงรีบเปิดผ้าม่านรถ มองไปทางจิ่นซินซึ่งอยู่ด้านนอก “จิ่นซิน เจ้าพาคนไปที่จวนราชเลขากรมแรงงานใต้เท้าเหอ บอกเขาว่าอีกสี่วันข้างหน้าครบรอบวันเสียชีวิตของเหอฮูหยิน องค์ชายรัชทายาทจะไปร่วมงานด้วย”จิ่นซินมองหน้าเฉินกุ้ยเฟยด้วยความแปลกใจ คำพูดนี้เมื่อครู่ก็ได้กล่าวกับคุณหนูเหอไปแล้ว เหตุใดจึงต้องไปอีกครั้งหนึ่งจิ่นอวี้อยู่ข้างๆ พูดแทรก “พระสนมคิดจะให้กำลังใจคุณหนูเหอหรือเจ้าคะ”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยักหน้า “จิ่นซินเป็นเด็กโง่นัก หากไม่มีข้า ดูซิเจ้ายังจะอยู่ในวังหลวงได้ยังไง”จิ่นซินใช้คำพูดเง้างอดซึ่งมีแต่พวกนางที่ฟังออก “หากไม่มีพระสนม จ้างให้ข้าก็ไม่มาอยู่ในวังหลวงหรอกเจ้าค่ะ”จิ่นซินรับบัญชาจากพระสนมเฉินกุ้ยเฟย เรียกตัวบ่าวไพร่บางคน ตามกันไปจวนตระกูลเหอและการมาถึงของจิ่นซิน ก็ทันได้ยับยั้งมิให้เหออวี๋เหยาถูกตบหน้าเข้าบ่าวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องโถง ไม่ท
รอจนเหออวี่เหยามาถึงห้องโถงหน้า ใต้เท้าเหอก็ชักสีหน้าบึ้งตึงพร้อมด่าว่าอีก “ทำไมออกมาชักช้านัก ปล่อยให้ผู้อื่นต้องรอนานน่ะ”เหออวี่เหยาไม่คิดกล่าวตอบ แต่หันไปคารวะจิ่นซิน “จิ่นซินกูกูรอนานแล้ว”จิ่นซินรีบพยุงนางขึ้น “คุณหนูเหออย่าได้เกรงใจ พระสนมให้บ่าวมาเรียนคุณหนู ว่าอีกสี่วันข้างหน้าครบรอบวันตายของอดีตเหอฮูหยิน องค์ชายรัชทายาทกับองค์ชายรองจะมาร่วมงานด้วย รบกวนคุณหนูเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไม่ให้เสียงานใหญ่”เหออวี่เหยารู้สึกซาบซึ้งในความเมตตา จึงได้พยักหน้าตอบรับใต้เท้าเหอได้ยินเข้าก็ตกตะลึง เมื่อครู่ธิดาคนโตบอกว่าวันครบรอบวันตายของเผยเสียน องค์ชายรัชทายาทจะเสด็จมาเซ่นไหว้ เขายังไม่เชื่อด้วยซ้ำ ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องจริงแอบปรายตาไปทางนางหลินโดยไม่ตั้งใจ ทั้งคู่สบสายตากันนางหลินรีบเดินมากล่าวยิ้มแย้ม “ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยังต้องรบกวนให้กูกูมาด้วยตนเองอีก”กล่าวจบก็ให้สาวใช้ข้างกายมอบซองแดงให้จิ่นซินหนึ่งใบจิ่นซินปฏิเสธไม่รับ “เราเป็นคนของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ไม่เคยมีธรรมเนียมเช่นนี้ รบกวนฮูหยินเก็บไว้เถอะ”จิ่นซินหันไปมองเหออวี่เหยา พร้อมดึงมือนางไว้ “พระสนมยังกล่าว
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับดูไม่เดือดร้อน “พวกเจ้าลองบอกซิว่า คนที่ปล่อยข่าวลือ มีจุดประสงค์เพื่ออะไร”จิ่นซินและจิ่นอี้ต่างสบสายตากัน จิ่นซินกล่าวตอบ “ย่อมเป็นการสร้างปัญหาให้พระสนม และทำให้ฝ่าบาททรงเกิดความระแวง”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับตอบยิ้มๆ “ในเมื่อนางคิดสร้างปัญหาให้ข้า แล้วข้ายังจะไปข้องแวะด้วยทำไม ปล่อยพวกนางไปก็สิ้นเรื่อง”“แต่ว่าพระสนม...”จิ่นอวี้คิดจะพูดต่อ กลับถูกพระสนมเฉินกุ้ยเฟยขัดจังหวะ “เราบริสุทธิ์ใจก็พอ ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ใดๆ”ลู่ซิงหว่านอดไม่ได้ที่จะชื่นชม[สมแล้วที่เป็นธิดาในตระกูลแม่ทัพ อีกทั้งเคยผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน จิตใจกว้างขวางยิ่งนัก]ทันใดนั้นเอง สุรเสียงของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็แว่วเข้ามา “ชิงเหยียนพูดถูกต้อง ขอเพียงเราบริสุทธิ์ใจ”ทุกคนต่างพากันถวายบังคมต่อฮ่องเต้ฮ่องเต้ต้าฉู่ตรงเข้าพยุงพระสนมเฉินกุ้ยเฟย “ข้าได้ยินข่าวนี้แล้ว แต่ยังไงก็เชื่อใจเจ้า”ลู่ซิงหว่านอดไม่ได้ที่จะแบะปากเล็กน้อย[จริงหรือ? ท่านเชื่อใจท่านแม่แน่นะ ในใจก็ต้องมีความระแวงบ้างล่ะ][เพียงแต่ไม่อยากเสียเกียรติของฮ่องเต้ อยากให้ท่านแม่มองว่าท่านใจกว้าง จึงได้พูดเช่นนี้กระมัง][หากเชื่อ
วันรุ่งขึ้น เหล่าสนมต่างไปเข้าเฝ้าไทเฮาที่ตำหนักหรงเล่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไปถึงไม่นับว่าเร็ว แต่ก็ไม่นับว่าสาย เพียงแต่เมื่อนางไปถึงนั้น สนมส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในตำหนักก่อนแล้วเมื่อเห็นว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาช้า ก็ย่อมมีคนทำสีหน้าแปลกๆ และคนแรกที่เอ่ยปาก ก็คือสนมซูผินที่คราวก่อนถูกพระสนมเฉินกุ้ยเฟยตำหนิ “บัดนี้พระสนมได้ถือตราหงส์แล้ว จะมาเข้าเฝ้าไทเฮาก็ย่อมจะชักช้าบ้าง”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยหาได้โกรธเคืองไม่ มีเพียงเอ่ยปากโต้ตอบ “ความหมายของซูผินก็คือ ข้าดูแลวังหลังหกตำหนักจึงไม่เคารพไทเฮางั้นหรือ? ไม่รู้ว่าไทเฮาจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ ประเดี๋ยวคงต้องทูลถามดู หรือจะให้มอบอำนาจประมุขแห่งวังหลวงแก่ซูผินก็ย่อมได้”“ท่าน...” ซูผินไม่คิดว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจะกล้าย้อนกลับอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ จึงได้หุบปากลงตรงข้ามกับหนิงเฟยซึ่งอยู่ข้างๆ ถึงขั้นหัวเราะออกมาซูผินถูกตอกจนหน้าหงาย ย่อมไม่กล้าเอ่ยปากใดๆ อีกส่วนอวิ๋นกุ้ยเหรินซึ่งสนิทกับซูผินมานานกลับเอ่ยปากแทน “พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้...”ซ่งชิงเหยียนไม่คิดจะไว้หน้าใครอีกแล้ว เพราะตอนนี้ตนเหมือนคนตาสว่าง ไหนๆ คนเหล่านี้ก็ไม่พอใจตนมา
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก
คิดในใจ ลู่ซิงหว่านจึงใช้ทั้งมือและเท้าเดินกลับไปหาหานซีเยว่อีกครั้ง แล้วประคองโต๊ะเล็กให้ลุกขึ้นตอนนี้หานซีเยว่เปิดกล่องนั้นแล้ว เป็นกําไลหยกที่โปร่งใสซ่งชิงเหยียนถึงยิ้มแล้วพูดต่อ “ไม่ถือว่าเป็นกําไลที่ดีอะไรหรอก แต่เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้”ลู่ซิงหว่านเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือของหานซีเยว่ที่ถือกําไลนั้นถึงกับสั่นนางวางกําไลนั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วผลักไปตรงหน้าซ่งชิงเหยียน “พระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารับไว้จริงๆ”ซ่งชิงเหยียนกลับยิ้มพลางยืนขึ้น หยิบกําไลหยกนั้นไว้ในมือ เดินไปตรงหน้าหานซีเยว่ แล้วสวมแทนนาง “การแต่งงานของเจ้ากับองค์รัชทายาท พวกข้าพอใจมาก ฮองเฮาองค์ก่อนก็ต้องพอใจมากเช่นกัน”ตอนนี้เมื่อซ่งชิงเหยียนพูดถึงซ่งชิงหย่าอีกครั้ง นางก็รู้สึกสงบมากขึ้นกว่าเดิม“กําไลวงนี้เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้ บอกว่าจะมอบให้ว่าที่ลูกสะใภ้ “น่าเสียดายที่นางเองไม่มีโอกาสได้มอบมันให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องให้น้องสาวอย่างข้าทําแทน”“เดิมทีจะมอบให้เจ้าในพิธีปักปิ่นของเจ้า แต่วันที่เจ้าเข้าพิธีปักปิ่นนั้น ข้าเกรงว่าจะมีธุระไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ ดังนั้นจึ
หลังจากได้ยินคําพูดของซ่งชิงเหยียน ฉยงหัวก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ“จะได้หรือ?” คําพูดของฉยงหัวแฝงความหมายหยั่งเชิงอยู่บ้าง นางย่อมยินยอมไปหลายวันมานี้นางก็คิดได้แล้ว ดีชั่วตอนนี้ตนเองสูญเสียพลังจิตวิญญาณไปแล้ว แทนที่จะมัวยึดติดกับการตามหาหวานหว่าน สู้สงบจิตสงบใจ เสพสุขกับชีวิตในตอนนี้จะดีกว่าบางทีหลังจากที่อาจารย์ของหวานหว่านออกจากการเก็บตัวแล้ว เห็นว่าตัวเองก็ไม่อยู่แล้ว ย่อมมาช่วยเองอยู่แล้ว“แน่นอน ข้าจะไปถามความหมายของฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”“คิดว่าฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธแน่ ฝีมือการรักษาของแม่นางฉยงหัวยอดเยี่ยมมาก หากได้แม่นางฉยงหัวมาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย นั่นคงจะดีไม่น้อย”แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของซ่งชิงเหยียนเท่านั้น ที่นางอยากพาฉยงหัวออกไปก็เพราะหวานหว่านหวานหว่านชอบพี่ฉยงหัวขนาดนี้ ย่อมต้องอยากอยู่กับนางตลอดไปอยู่แล้วจิ่นซินและจิ่นอวี้เก็บข้าวของเกือบทั้งคืน พวกนางเอาเข้าไป ซ่งชิงเหยียนเอาออกมา แบบนี้ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็ทิ้งกล่องใหญ่สองใบไว้ซ่งชิงเหยียนประนีประนอมแล้วนางพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ให้คนขับรถม้าของฝ่าบาทเหนื่อยหน่อยละกัน!ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องสําคั
ต้องบอกว่าของข้างนอกอร่อยกว่าของในวังจริงๆในนิทานล้วนบอกว่าชีวิตของพระสนมหวงกุ้ยเฟยในวังนั้นงดงามและสบายแค่ไหน แต่ลู่ซิงหว่านกลับรู้สึกว่า ไม่ได้สบายอยู่ข้างนอก[ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็คงดีไม่น้อย ยังไงก็มีเงิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย][อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย สามารถกินอาหารที่พ่อครัวทําได้มากมาย พ่อครัวทำขนมในวังเหล่านี้ ข้ากินจนเบื่อแล้ว][เสด็จย่ากินมาตั้งหลายปี ยังกินไม่เบื่ออีกหรือ?]ซ่งชิงเหยียนบ่นในใจว่า เบื่อสิ แน่นอนว่านางกินจนเบื่อแล้ว ขนมที่องค์หญิงใหญ่นํามาจากหอฝูหม่านครั้งที่แล้ว ไทเฮาพูดตรงๆ เลยว่าอร่อยตอนนี้ซิงรั่วเกือบจะส่งคนมาส่งที่วังทุกสองวันก็ถือว่ามีใจแล้วจริงๆ เมื่อซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่ ฉยงหัวก็มาหานางมองท่าทางของจิ่นซินและจิ่นอวี้ที่กําลังยุ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง"พระสนมหวงกุ้ยเฟยนี่คือ..."คําพูดที่เหลือฉยงหัวไม่กล้าพูดออกมา ถูกโจรปล้นหรือ?“พี่ฉยงหัว!” ลู่ซิงหว่านพูดพลางพลิกตัวลงจากเตียง แล้ววิ่งไปหาฉยงหัวซ่งชิงเหยียนมองท่าทางคล่องแคล่วของลู่ซิงหว่านแล้วก็ตกตะลึงนางรู้ว่าหวานหว่านชอบพี่สาวฉยงหัวคนนี้มาก แต่เตียงนุ่มที่สูงขนาดนี้ น
คิดถึงตรงนี้ องค์หญิงหกก็เงยหน้ามองไปยังทิศทางของฮ่องเต้ต้าฉู่อีกครั้ง ในใจเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นณ ตําหนักข้างของตําหนักเหวินอิงในเวลานี้ สนมเยว่กุ้ยเหรินก็กําลังพบท่านแม่ของตนเช่นกัน“เดิมคิดว่าเจ้าเป็นเพียงกุ้ยเหรินเล็กๆ ข้าไม่มีโอกาสเข้าวัง” ตอนนี้ฮูหยินเจิ้ง แม่ของสนมเยว่กุ้ยเหรินกําลังอยู่ในตําหนักของสนมเยว่กุ้ยเหริน มองสิ่งของในวังของนางไปๆมาๆ สัมผัสไปๆมาๆ ในใจรู้สึกน่าทึ่งเป็นมาก“ของในวังนี้ดีจริงๆ ทุกชิ้นประณีตขนาดนี้”เพราะรู้พฤติกรรมของแม่ตัวเอง สนมเยว่กุ้ยเหรินจึงไล่สาวใช้ข้างกายออกไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางแค่นั่งอยู่บนตั่งนุ่ม มองใบหน้าละโมบของแม่ตัวเองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เดิมทีนางก็ไม่อยากเจอแม่ของตัวเองอยู่แล้วแม่ของคนอื่นๆ เข้าวังด้วยความห่วงใยและสงสารลูกสาวของพวกเขาแล้วแม่ของตัวเองล่ะเอาแต่โทษตัวเองที่ไร้ประโยชน์ โทษตัวเองที่แย่งความรักไม่เป็น โทษตัวเองที่ให้กําเนิดลูกไม่ได้เมื่อสนมเยว่กุ้ยเหรินคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินเจิ้งพลันหันหน้ามา เดินมาข้างกายนางอย่างลึกลับ ล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของตัวเอง แล้วยัดใส่มือสนมเยว่กุ้ยเหริน“เจ้าเป็นคนที่ไม่เอาไห
เดิมคิดว่าเสด็จพ่อจะให้รางวัลตัวเอง แต่การไปเรียนหนังสือจะถือเป็นรางวัลอะไรได้เมื่อก่อนนางเคยได้ยินลู่ซิงยุ่นบ่นว่าอาจารย์คนนี้เข้มงวดขนาดไหน ยังต้องทําการบ้านอีก นั่นไม่แตกต่างจากการคัดลอกพระคัมภีร์ในตําหนักเหยียนหัวของนางหรอกหรือนางไม่อยากไปหรอก!เมื่อเห็นท่าทางของลู่ซิงหุย ลู่ซิงหว่านก็อดหัวข้าะคิกคักไม่ได้[เสด็จพ่อ ดูเหมือนว่าลูกสาวของท่านดูเหมือนจะไม่ชอบเรียนหนังสือนะ][แต่ก็ใช่ เด็กบ้านไหนชอบเรียนหนังสือกัน เดิมคิดว่าเสด็จพ่อจะให้รางวัลอะไรแก่นาง การเรียนหนังสือนี้นับเป็นรางวัลอะไรได้]ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ไม่สนใจ ในฐานะที่เป็นองค์หญิง ไม่เรียนหนังสือย่อมไม่ได้อยู่แล้วองค์หญิงทุกคนล้วนถูกส่งไปที่ห้องเรียนเมื่ออายุหกขวบ แม้ว่าจะแตกต่างจากเหล่าองค์ชาย แต่ก็มีอาจารย์สอนพิเศษฮ่องเต้ต้าฉู่หันไปมองพระสนมเหวินเฟยอีกครั้ง “ตอนนี้ซิงเหยียนอยู่ข้างกายเจ้า รู้สึกสบายใจกว่าเมื่อก่อนมากนะ”“เพียงแต่ตอนนี้ต้องพาเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้มาด้วย ลําบากเจ้าแล้วจริงๆ”เด็กๆ มีความสุขหรือไม่นั้น มักจะมองปราดเดียวก็รู้แล้วลู่ซิงเหยียนเป็นเพียงเด็กอายุสามขวบเท่านั้น เมื่อก่อนสนมซูผินดูแลเองไม่มาก
ครั้งนี้ลู่ซิงหว่านเดาผิดแล้วที่ลู่ซิงหุยพูดประจบด้วยเป็รเรื่องจริง นางกลัวที่จะไปคัดลอกหนังสือธรรมมะที่ตําหนักเหยียนหัวแล้วจริงๆ จึงไม่กล้าทะเลาะกับพี่น้องของตนอย่างโจ่งแจ้งอีกแล้วเพราะพอเสด็จพ่อทรงกริ้วขึ้นมา มันน่ากลัวมากเลยเพราะว่าเมื่อก่อนสนมซูผินปฏิบัติต่อองค์หญิงเจ็ดเพียงแค่เป็นของเล่นเท่านั้น ไม่ได้ใส่ใจนางมากนักพูดตามคําพูดขององค์หญิงรอง เสด็จแม่ของพวกนางเลี้ยงดูพวกนางสองพี่น้อง ก็ไม่มีอะไรมากไปแค่ให้มีกินมีใส่ ขอเพียงไม่อดตายก็พอแล้วดังนั้นหลังจากที่องค์หญิงเจ็ดมาถึงข้างกายของพระสนมเหวินเฟยแล้ว จึงสามารถไปเที่ยวที่อุทยานหลวงได้บ่อยๆ และแน่นอนว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นลู่ซิงหุยนางชี้ไปที่ลู่ซิงและพึมพําว่า"พี่สาวคนสวย"[ตาบอดตั้งแต่อายุยังน้อย][ฮึ่ม ข้าจะไม่เล่นกับเจ้าอีกแล้ว เจ้าเด็กขี้ประจบ]ประโยคนี้ขององค์หญิงเจ็ดทําให้ลู่ซิงหุยพอใจจริงๆ ลู่ซิงหุยจึงย่อตัวลงทันทีและเข้าไปใกล้หน้าองค์หญิงเจ็ด “ซิงเหยียนเป็นเด็กดี”เป็นเด็กดีมากเมื่อเทียบกับไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านนั่นต้องบอกว่าวันนี้ลู่ซิงหุยโชคดีมาก ในขณะที่นางเล่นกับลู่ซิงเหยียน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เดินผ่านส