เห็นเสิ่นเป่าซวงที่อยู่ไกลๆ เป็นแบบนี้ หานซีเยว่ก็ถอนหายใจอีกครั้ง "นางตามเกาะแกะข้า จะตามข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ด้วยกัน นางคิดอะไรอยู่ ทําไมข้าจะไม่รู้ ข้าล่ะอารมณ์เสียมากจริงๆ"หรงเหวินเมี่ยวกลับเข้าใกล้หานซีเยว่ด้วยท่าทางอารมณ์ดี "ตอนนี้พี่เยว่ของเราเป็นว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทแล้ว คนที่สูงสง่าเช่นองค์รัชทายาทต้องเป็นหมายปองของสาวๆ หลายคนอยู่แล้ว ต่อไปคงยังต้องรับมืออีกเยอะ"พวกเขาหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่พักใหญ่ จึงลบความอารมณ์เสียเมื่อกี้ไปได้เห็นว่าหานซีเยว่กําลังจะไปเข้าเฝ้าพระสนมเฉินกุ้ยเฟย หรงเหวินเมี่ยวนึกถึงที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเคยช่วยเหลือในงานเลี้ยงที่วังเมื่อครั้งก่อน จึงก็เอ่ยปากขอไปเข้าเฝ้าด้วยกันเหออวี่เหยาเดิมกําลังจะกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง แต่ถูกหรงเหวินเมี่ยวพามาที่ที่นั่งของฮ่องเต้ต้าฉู่และพระสนมเฉินกุ้ยเฟยด้วยกัน"ถวายพระพรแด่ฝ่าบาท ถวายพระพรแด่พระสนม" ทั้งสามทำความเคารพตามมารยาทอย่างเรียบร้อย พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ก็รีบบอกให้พวกนางลุกขึ้น"ตอนนี้พวกเด็กๆ ก็โตกันหมดแล้ว ข้าชักจำไม่ค่อยได้แล้วสิ" ฮ่องเต้ต้าฉู่ยิ้มใจดี แต่นั่นกลับทำให้คนรอบข้างประหลาดใจฮ่องเต้ต้าฉู่เป็
ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับหัวเราะนาง "ตอนนี้เจ้าก็ยังสาวอยู่ อย่าหาข้ออ้างให้ตัวเองหน่อยเลย"เสียงหัวเราะของพวกเขาดังมา ลู่ซิงหว่านยืดตัวบิดขี้เกียจและตื่นขึ้นมา[ท่านแม่ก็เหนื่อยอยู่ในวังหลังของท่านนั้นแหละ แม้ว่าตอนนี้จะอายุยังไม่สามสิบ แต่ผมหงอกก็ขึ้นมามากแล้ว]ฮ่องเต้ต้าฉู่เคยชินกับ "การไม่เคารพ" ของลู่ซิงหว่านแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจเมื่อเห็นลู่ซิงหว่านตื่นขึ้นมาแล้ว หรงเหวินเมี่ยวก็รีบชะโงกหน้ามาดู "นี่คือองค์หญิงหย่งอันใช่ไหมเพคะ"นางเป็นคนที่นิสัยไม่เคร่งครัดตามกฎระเบียบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จากครั้งที่แล้วที่นางหาเรื่องเต๋อเฟย ก็พอจะรู้ได้ แต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ชอบนิสัยแบบนี้ของนางมากพระสนมเฉินกุ้ยเฟยอุ้มลู่ซิงหว่านมานั่งบนตักตัวเองและตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ใช่แล้ว"หรงเหวินเมี่ยวยิ่งอยากรู้อยากเห็นกว่าเดิม "ได้ยินว่าเมื่อองค์หญิงหย่งอันประสูติ บังเอิญฝนตกหนักช่วยแก้ปัญหาความแห้งแล้งของแคว้นต้าฉู่เราที่ดำเนินมาต่อเนื่องหลายเดือน"หานซีเยว่ก็เอ่ยปากว่า "แล้วยังมีคนบอกอีกนะว่าฮ่องเต้ทรงเห็นดอกบัวสีทองอร่ามตกลงมาในตำหนักชิงอวิ๋นด้วยพระเนตรของพระองค์เอง และองค์หญิงน้อยก็มีดอกบัวที่แขนด้วย"หลังจาก
เหออวี่เหยาคิดว่านางไม่ได้ติดต่อกับลูกพี่ลูกน้องมาตั้งหลายปีแล้ว น้องน่าจะไม่สนใจนาง ไม่คิดว่าเขาจะจำวันครบรอบของท่านแม่ได้ จึงรีบเอ่ยปากว่า "ที่อารามหมิงจิ้ง"ฮ่องเต้ต้าฉู่พยักหน้า "เป็นสิ่งที่สมควร อันกั๋วกงตายเพื่อแคว้นต้าฉู่ ข้าก็ควรแสดงน้ำใจ จิ่นเหยา เดี๋ยวถึงวันนั้นเจ้าก็ไปกับฉู่เยี่ยนด้วยสิ"องค์รัชทายาทรีบลุกขึ้นตอบรับองค์ชายสองก็ลุกขึ้นตามไปด้วย "เสด็จพ่อ พวกเขาไปกันหมดแบบนี้ ให้กระหม่อมไปด้วยนะพะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้ต้าฉู่เห็นลูกชายคนที่สองชอบตามติดองค์รัชทายาท เขามีท่าทางเชื่อฟังองค์รัชทายาทเอามากๆ เขาชอบพี่น้องสองคนนี้รักใคร่กลมเกลียว จึงตอบตกลงเหออวี่เหยาซาบซึ้งใจ นางรีบคุกเข่าลงขอบพระทัยหรงเหวินเมี่ยวและหานซีเยว่ที่อยู่ข้างๆ ก็มองหน้ากัน ทั้งคู่สบตากัน แน่นอนว่ากำลังดีใจแทนอวี่เหยาลู่ซิงหว่านเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มพึมพำ[ดูผู้มีความสามารถคู่นี้สิ พี่ชายรัชทายาทและพี่สาวตระกูลหาน ตอนนี้ได้รับพระราชทานสมรสจากเสด็จพ่อแล้ว เดี๋ยวหลังจากพี่สาวตระกูลหานครบสิบห้าแล้ว ไม่นานก็คงจะแต่งงานกัน][ตามในหนังสือนิทาน หรงเหวินเมี่ยวก็ช่วยพี่สองต่อสู้เพื่อความถูกต้อง หลังจาก
หรงเหวินโจวหันมองท่านแม่และลองหยั่งเชิงว่า "ท่านแม่ขอรับ ข้าไปนะขอรับ""ไปเถอะๆ คนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าควรรวมตัวกันเล่นสนุกดีแล้ว" ฮูหยินหรงย่อมรู้ความคิดของหรงเหวินโจวแม้ว่านางจะไม่ชอบใต้เท้าเหอและนางหลินภรรยาปัจจุบันของเขา แต่เมื่อสมันสาวๆ นางเคยได้พบกับเผยเสียนลูกสาวของอันกั๋วกงอยู่หลายครั้ง เผยเสียนมีชื่อเสียงดีงามในหมู่เพื่อนสนิทของนาง แต่ไม่รู้ทําไมนางถึงแต่งงานกับคนตระกูลเหอนั่นได้ทุกวันนี้ลูกสาวของนางแม้จะโดนนางหลินกดขี่ข่มเหง แต่ก็เด็กคนนั้นเป็นเด็กสาวที่มุงมั่น ตัวเองชอบนางมากฟังนางหลินพูดก็รู้ว่านางคิดอะไร นางอยากจะจับคู่กับพี่โจวและเหออวิ๋นเหยาลูกสาวแท้ๆ ของนางมากกว่า แต่แน่นอนว่านางก็ไม่เต็มใจตัวนางก็เข้าใจความหมายของลูกสาวเช่นกัน ดังนั้นพอสาวใช้ของลูกสาวมา นางก็รู้ทันทีว่าคิดจะทำอะไรมองพวกองค์ชายคนเดินไปจากระยะไกล นอกจากเสิ่นเป่าซวงแล้ว คนที่ไม่พอใจก็ยังมีเหออวิ๋นเหยาด้วยไม่รู้ว่าพี่สาวของตัวเองไปกล่อมพี่เหวินโจวยังใง เขาถึงมาช่วยในการแข่งขันขี้ม้าตีคลีวันนี้ ทำให้นางต้องพ่ายแพ้ตอนนี้ก็ไปเกี่ยวข้องกับพวกองค์รัชทายาทอีก มันน่าหงุดหงิดจริง ๆตอนนี้นางจึงไม่ได
เหออวิ๋นเหยาโมโหมาจากงานขี้ม้าตีคลี เดี๋ยวกลับถึงจวนก็ต้องไปบ่นกับท่านแม่"ท่านพ่อ ท่านแม่ วันนี้พี่ทำให้ข้าอายที่งานขี้ม้าตีคลี อย่างไรก็จะเอาให้รู้แพ้รู้ชนะให้ได้" เหออวิ๋นเหยพูดพลางเข้าหานางหลินและร้องไห้ฟูมฟายเมื่อตอนที่นางหลินเพิ่งแต่งเข้าจวนเหอใหม่ๆ ก็ยังแสร้งทำเป็นแม่ที่มีเมตตาแต่ดังคำกล่าวที่ว่าเมื่อมีแม่เลี้ยงพ่อก็จะกลายเป็นพ่อเลี้ยงไปด้วยและเนื่องจากตอนนี้จวนอันกั๋วได้ก็ไม่มีอยู่แล้วด้วย ราชเลขาเหอจึงไม่สนใจลูกสาวคนโตของเขาอีกต่อไปนางหลินเห็นว่าราชเลขาเหอเป็นแบบนี้ ก็เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนางออกมา รังแกเหออวี่เหยาอย่างโจ่งแจ้งเมื่อเห็นเหออวิ๋นเหยาทำแบบนี้ เหออวี่เหยากลับไม่พูดอะไร เพียงแต่ยืนอยู่ในมุมห้องโถงและมองดูพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูก"เจ้าลูกทรพี ทำวงตระกูลต้องขายหน้า" ราชเลขาเหอตำาหนิเหออวี่เหยาโดยไม่สนใจความจริงใดๆ ทั้งนั้นนางก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับท่านพ่อ พูดแต่เพียงว่า วันนี้ข้าได้ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้กับพระสนมมา ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งเกี่ยวกับวันครบรอบการตายของท่านแม่ ว่าให้องค์รัชทายาทไปไหว้หลุมศพท่านแม่ที่อารามหมิงจิ้ง"หึ..." นางหลินกลับเยาะเย้ยว่า "สถานที
ถ้าลู่ซิงหว่านได้รู้ ก็คงจะพูดประมาณว่า [ท่านแม่ ขอบคุณท่านจริงๆ แต่ข้าไม่อยากไปตากแดดตากลมที่ค่ายทหาร เพียงอยากอยู่ในวังเป็นดอกไม้งามเล็กๆ ก็พอแล้ว]เมื่อนึกถึงเสียงในใจของหวานหว่าน พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงได้ตระหนักถึงอีกเรื่องหนึ่งจึงรีบเปิดผ้าม่านรถ มองไปทางจิ่นซินซึ่งอยู่ด้านนอก “จิ่นซิน เจ้าพาคนไปที่จวนราชเลขากรมแรงงานใต้เท้าเหอ บอกเขาว่าอีกสี่วันข้างหน้าครบรอบวันเสียชีวิตของเหอฮูหยิน องค์ชายรัชทายาทจะไปร่วมงานด้วย”จิ่นซินมองหน้าเฉินกุ้ยเฟยด้วยความแปลกใจ คำพูดนี้เมื่อครู่ก็ได้กล่าวกับคุณหนูเหอไปแล้ว เหตุใดจึงต้องไปอีกครั้งหนึ่งจิ่นอวี้อยู่ข้างๆ พูดแทรก “พระสนมคิดจะให้กำลังใจคุณหนูเหอหรือเจ้าคะ”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยักหน้า “จิ่นซินเป็นเด็กโง่นัก หากไม่มีข้า ดูซิเจ้ายังจะอยู่ในวังหลวงได้ยังไง”จิ่นซินใช้คำพูดเง้างอดซึ่งมีแต่พวกนางที่ฟังออก “หากไม่มีพระสนม จ้างให้ข้าก็ไม่มาอยู่ในวังหลวงหรอกเจ้าค่ะ”จิ่นซินรับบัญชาจากพระสนมเฉินกุ้ยเฟย เรียกตัวบ่าวไพร่บางคน ตามกันไปจวนตระกูลเหอและการมาถึงของจิ่นซิน ก็ทันได้ยับยั้งมิให้เหออวี๋เหยาถูกตบหน้าเข้าบ่าวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องโถง ไม่ท
รอจนเหออวี่เหยามาถึงห้องโถงหน้า ใต้เท้าเหอก็ชักสีหน้าบึ้งตึงพร้อมด่าว่าอีก “ทำไมออกมาชักช้านัก ปล่อยให้ผู้อื่นต้องรอนานน่ะ”เหออวี่เหยาไม่คิดกล่าวตอบ แต่หันไปคารวะจิ่นซิน “จิ่นซินกูกูรอนานแล้ว”จิ่นซินรีบพยุงนางขึ้น “คุณหนูเหออย่าได้เกรงใจ พระสนมให้บ่าวมาเรียนคุณหนู ว่าอีกสี่วันข้างหน้าครบรอบวันตายของอดีตเหอฮูหยิน องค์ชายรัชทายาทกับองค์ชายรองจะมาร่วมงานด้วย รบกวนคุณหนูเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไม่ให้เสียงานใหญ่”เหออวี่เหยารู้สึกซาบซึ้งในความเมตตา จึงได้พยักหน้าตอบรับใต้เท้าเหอได้ยินเข้าก็ตกตะลึง เมื่อครู่ธิดาคนโตบอกว่าวันครบรอบวันตายของเผยเสียน องค์ชายรัชทายาทจะเสด็จมาเซ่นไหว้ เขายังไม่เชื่อด้วยซ้ำ ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องจริงแอบปรายตาไปทางนางหลินโดยไม่ตั้งใจ ทั้งคู่สบสายตากันนางหลินรีบเดินมากล่าวยิ้มแย้ม “ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยังต้องรบกวนให้กูกูมาด้วยตนเองอีก”กล่าวจบก็ให้สาวใช้ข้างกายมอบซองแดงให้จิ่นซินหนึ่งใบจิ่นซินปฏิเสธไม่รับ “เราเป็นคนของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ไม่เคยมีธรรมเนียมเช่นนี้ รบกวนฮูหยินเก็บไว้เถอะ”จิ่นซินหันไปมองเหออวี่เหยา พร้อมดึงมือนางไว้ “พระสนมยังกล่าว
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับดูไม่เดือดร้อน “พวกเจ้าลองบอกซิว่า คนที่ปล่อยข่าวลือ มีจุดประสงค์เพื่ออะไร”จิ่นซินและจิ่นอี้ต่างสบสายตากัน จิ่นซินกล่าวตอบ “ย่อมเป็นการสร้างปัญหาให้พระสนม และทำให้ฝ่าบาททรงเกิดความระแวง”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับตอบยิ้มๆ “ในเมื่อนางคิดสร้างปัญหาให้ข้า แล้วข้ายังจะไปข้องแวะด้วยทำไม ปล่อยพวกนางไปก็สิ้นเรื่อง”“แต่ว่าพระสนม...”จิ่นอวี้คิดจะพูดต่อ กลับถูกพระสนมเฉินกุ้ยเฟยขัดจังหวะ “เราบริสุทธิ์ใจก็พอ ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ใดๆ”ลู่ซิงหว่านอดไม่ได้ที่จะชื่นชม[สมแล้วที่เป็นธิดาในตระกูลแม่ทัพ อีกทั้งเคยผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน จิตใจกว้างขวางยิ่งนัก]ทันใดนั้นเอง สุรเสียงของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็แว่วเข้ามา “ชิงเหยียนพูดถูกต้อง ขอเพียงเราบริสุทธิ์ใจ”ทุกคนต่างพากันถวายบังคมต่อฮ่องเต้ฮ่องเต้ต้าฉู่ตรงเข้าพยุงพระสนมเฉินกุ้ยเฟย “ข้าได้ยินข่าวนี้แล้ว แต่ยังไงก็เชื่อใจเจ้า”ลู่ซิงหว่านอดไม่ได้ที่จะแบะปากเล็กน้อย[จริงหรือ? ท่านเชื่อใจท่านแม่แน่นะ ในใจก็ต้องมีความระแวงบ้างล่ะ][เพียงแต่ไม่อยากเสียเกียรติของฮ่องเต้ อยากให้ท่านแม่มองว่าท่านใจกว้าง จึงได้พูดเช่นนี้กระมัง][หากเชื่อ