เมื่อนึกถึงสิ่งที่สัญญากับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไว้ก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงให้หัวหน้าฝ่ายพิธีการจัดงานขี้ม้าตีคลีอย่างจริงจังเดิมทีไทเฮาไม่อยากเข้าร่วม แต่ก็แพ้ลูกตื้อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่ไปเชิญหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายจึงตกลงความตั้งใจของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็คือให้ไทเฮาเข้าร่วมงานที่คึกคัก เพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของร่างกายให้ดีขึ้นแต่ว่าพระสนมหนิงเฟยไม่ใช่คนที่ชอบกีฬาขี้ม้าตีคลีและไม่ชอบงานที่คึกคักครื้นเครงด้วย นางบอกว่าสู้อยู่อ่านตำราแพทย์ในวังสักสองสามเล่มจะดีกว่าดังนั้นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงไม่ได้บังคับ เพียงแต่กำชับให้นางกำนัลดูแลพระสนมหนิงเฟยให้ดีเท่านั้นงานขี้ม้าตีคลีครั้งนี้ ฝ่ายพิธีการได้เลือกให้สนามขี้ม้าตีคลีส่วนพระองค์ แน่นอนว่าได้รับอนุญาติจากฮ่องเต้ต้าฉู่แล้ว และได้เชิญบรรดาครอบครัวของขุนนางตั้งแต่ระดับสามขึ้นไปมาเข้าร่วมเพราะกลัวว่าทุกคนจะรู้สึกเบื่อ ในงานขี้ม้าตีคลีจึงไม่เพียงแต่จัดให้มีมีการแข่งขันขี้ม้าตีคลีเท่านั้น แต่ยังมีงานประชันโคลงกลอนอีกด้วย และในงานก็ไม่แยกชายหญิงเป็นอันคึกคักมากทีเดียวเมื่อคณะของไทเฮามาถึง เป็นธรรมดาว่าเหล่าบบรรดาขุนนางต่างๆ และครอบคร
[ทําไมข้าถึงรู้ชัดเจนขนาดนี้น่ะหรือ? เพราะข้าอ่านหนังสือนิทานมาแล้ว มุมมองของพระเจ้าไงล่ะ!][แล้วเหออวิ๋นเหยาก็มักจะรังแกเหออวี่เหยาเสมอ ตอนนี้ไม่ต้องดูและรู้ว่านางกําลังร่วมมือกับพี่ชายของนางรังแกเหออวี่เหยาอยู่อย่างแน่นอน][ส่วนคุณชายตระกูลหรงนั้น แน่นอนเขามีความรักอย่างลึกซึ้งต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลเหอ][เหออวี่เหยาเป็นเพื่อนสนิทของนางเอก และก็คุ้นเคยกันดีกับพี่ชายของนางตามธรรมดา คุณชายตระกูลหรงเดิมเห็นว่านางไม่มีแม่เลยสงสารนาง ทำไปทำมาก็หลงรักนางเข้า][ตระกูลที่ดีเช่นตระกูลหรง ภรรยาใหม่ของใต้เท้าเหอก็อยากให้ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองได้แต่งเข้า เหมือนว่าเหออวิ๋นเหยาก็ชอบคุณชายหรงมากด้วย][ต่อจากนั้นข้าก็จําไม่ค่อยได้แล้ว แต่ยังไงเหออวี่เหยาก็ได้แต่งงานกับคุณชายหรง แล้วสองคนก็เคียงคู่กันไปตลอดชีวิต ทำเอาทุกคนต่างพากันอิจฉา]ลู่ซิงหว่านพึมพำในใจไปเรื่อย และก็ค่อยๆ ลืมตาไม่ขึ้น คอพับและหลับไปทับตัวพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่อยู่ข้างๆทำให้เอาไทเฮาและคนอื่นหัวเราะกันทั่วพระสนมเฉินกุ้ยเฟยคิดในใจว่า ลูกสาวของข้านี่ดีจริงๆ เล่าเรื่องให้แม่ฟังยังรู้ว่ามีบทนำบทสรุปพูดจบแล้วก็มองไปที่คนในสนาม ยิ่ง
ชายในชุดธรรมดาคนนี้ เป็นลูกชายคนโตของกวงฉินโหว กวนหลางสือ ตอนนี้มีตําแหน่งเป็นจางวางกรมหรมสอบสวนเรื่องนี้จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยตั้งแต่สมัยวัยสาวแล้วซ่งชิงเหยียนเกิดในจวนติ้งกั๋วโหว ในเวลานั้นพี่สาวของนางได้แต่งงานกับฮ่องเต้ต้าฉู่ซึ่งตอนนั้นยังเป็นองค์รัชทายาทอยู่ แน่นอนว่านี่เป็นสถานะที่ดีที่สุดในเมืองหลวงแล้วซ่งชิงเหยียนกับลูกชายคนโตของกว่างฉินโหวโตมาด้วยกันเป็นคู่หมายกันมาตั้งแต่เด็ก ชาวเมืองหลวงต่างก็รู้กันดีแต่ในเวลานั้นกว่างฉินโหวไม่มีตําแหน่งขุนนางแล้ว ดังนั้นแล้วจะว่าไปก็ไม่เหมาะสมกับตระกูลติ้งกั๋วโหวเท่าไหร่ แต่ครอบครัวติ้งกั๋วโหวกลับไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก ทั้งสองครอบครัวก็เข้ากันได้ดีมากซ่งชิงเหยียนตามพ่อและพี่ชายไปสนามรบตั้งแต่เล็ก ตอนนั้นเพราะไปออกรบอยู่ข้างนอกหลายปี เลยทำให้เรื่องความรักของทั้งสองต้องล่าช้าพอกลับเมืองหลวงซ่งชิงเหยียนอายุ 20 ปีแล้วตอนนั้นกวนหลางสือก็อายุ 23 ปีแล้วแม้ว่าจะอายุจะไม่น้อยแล้ว แต่นางก็ยังปฏิเสธที่เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลอื่น และเฝ้ารอให้ซ่งชิงเหยียนกลับมาเมืองหลวงเพื่อจะได้แต่งงานกันเพียงแต่ในปีนั้นซ่งชิงหย่
พูดจบก็ไม่รอให้กวนหลางสือตอบ แต่พาสาวใช้ขึ้นไปบนที่นั่งผู้ชมที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอยู่เลยตอนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงคนรับใช้ที่ใกล้ชิดไม่กี่คน จิ่นซินกําลังประคบยาให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมีคนส่งสารมาจากข้างล่างว่า แม่นางต้วนจากจวนจางวางกรมกรมสอบสวนมาขอพบพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแม้ว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจะประหลาดใจในใจ นางก็ไม่รู้จักจางวางกรมกรมสอบสวนและไม่เคยเจอแม่นางต้วนที่ไหนด้วย แต่ก็ยังเชิญให้เข้ามาตามมารยาทแม่นางต้วนทำความเคารพฮ่องเต้ต้าฉู่และพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเสร็จแล้วก็เอ่ยปากว่า "สามีของข้าน้อยคือจางวางกรมกรมสอบสวนกวนหลางสือ ข้าน้อยพื้นเพเป็นคนหยุนโจว เห็นว่าพระสนมได้รับบาดเจ็บจึงนำยาสมานแผลมาถวายเพคะ"แวบแรกที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยฟังชื่อกวนหลางสือ นางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าต่อมาจะรู้ว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด แต่ชีวิตมันก็กลับย้อนไปไม่ได้อีกแล้วตั้งแต่นั้นมานางก็ไม่ค่อยสืบข่าวเกี่ยวกับตระกูลกว่างฉินโหวแล้วจึงไม่รู้เลยว่าตอนนี้กวนหลางสือได้เป็นจางวางกรมกรมสอบสวนแล้วแต่แค่ไม่กี่อึดใจนางก็ได้สติกลับมาและตอบด้วยรอยยิ้
เมื่อต้วนหยุนอี้กลับไปที่กวนหลางสือ กลับเห็นกวนหลางสือนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์นางจึงรีบเดินเข้าไปหา "ท่านพี่ ข้าว่า..."แต่กลับถูกกวนหลางสือขัดจังหวะ "ข้าไมรู้เลยนะว่าเจ้าพูดจาเก่งขนาดนี้ ถึงขนาดกล้าเล่นลิ้นกับฮ่องเต้"ต้วนหยุนอี้ได้ยินกวนหลางสือพูดแบบนี้ แสดงว่าเขารู้เรื่องเมื่อกี้แล้วจึงรีบเอ่ยปากอธิบายว่า "ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่อยากให้พระสนมรู้ว่าท่านยังคงคำนึงถึงนางอยู่""ทําไมข้าต้องคำนึงนางด้วย " กวนหลางสือเงยหน้ามองต้วนหยุนอี เหมือนกําลังถามนางอยู่ และก็เหมือนกําลังถามตัวเองด้วยหลังจากนั้นไม่นานกวนหลางสือก็พาภรรยาต้วนหยุนอีออกจากสนามขี้ม้าตีคลีไปส่วนทางด้านพระสนมเฉินกุ้ยเฟย แม้ว่าเมื่อกี้จะถูกรบกวนจิตใจอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับมาสงบดังเดิมตอนไปออกรบอยู่ในค่ายทหาร ท่านพ่อก็เคยกล่าวไว้ว่า ตั้งแต่โบราณมาในสนามรบมีทั้งแพ้ทั้งชนะ ถ้าแพ้ก็แค่สรุปมาเป้นประสบการณ์ก็พอแล้ว อย่าติดอยู่กับอารมณ์จากความล้มเหลว ทุกอย่างต้องมองไปข้างหน้าเมื่อพิจารณาดูแล้วว่าไทเฮาเพิ่งจะหายเป็นปกติ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงบอกฮ่องเต้ต้าฉู่แล้วมาหาไทเฮา"ไทเฮา ฝ่าบาททรงเป็น
หลังจากกลับบ้านไปก็โดนท่านแม่สั่งสอน บอกว่าหานซีเยว่เป็นลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ทหารม้า เป็นคนที่ตระกูลเสิ่นของนางไม่อาจไม่มีเรื่องด้วยได้ต่อมาในงานเลี้ยงที่พระราชวัง หลังจากที่หานซีเยว่ได้รับพระราชทานสมรสให้กับองค์รัชทายาท เสิ่นเป่าซวงก็กลับบ้านไปอาละวาดยกใหญ่ฮูหยินเสิ่นก็สอนนางอีกว่า ในเมื่อตำแหน่งพระชายาเอกขององค์รัชทายาทไม่มีหวังแล้ว สู้ไปสนใจอย่างอื่นดีกว่าเพียงแต่ชาวเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าเสิ่นเป่าซวงคนนี้ชอบองค์รัชทายาทมาเป็นเวลาหลายปี นางประกาศกร้าวว่าถ้าชีวิตนางไม่สามารถแต่งงานกับองค์รัชทายาทได้ สู้โกนผมไปเป็นแม่ชีจะดีเสียกว่าฮูหยินเสิ่นจนใจ เลยต้องออกความคิดให้นางไปตีสนิทกับคุณหนูหาน เผื่อจะได้มีโอกาสได้พบกับองค์รัชทายาทบ่อยๆต่อไปภายหน้าถ้าได้แต่งตั้งเป็นชายารองขององค์รัชทายาท เมื่อใดที่ที่เขาเสด็จขึ้นครองราชย์นางได้เป็นผินเฟยก็ยังดีนางถึงยอมแบกหน้ามาเกาะแกะหานซีเยว่เมื่อเห็นหานซีเยว่ไม่ตอบ เสิ่นเป่าซวงก็พูดต่อว่า "ครั้งที่แล้วที่ข้าไปก่อกวนท่านที่หน้าร้านขายเสื้อผ้าสําเร็จรูป ท่านพี่หานยังโกรธข้าอยู่หรือ? "หานซีเยว่หยุดเดินแล้วมองเสิ่นเป่าซวง คุณรองตระกูลเสิ่นแห่งเม
เห็นเสิ่นเป่าซวงที่อยู่ไกลๆ เป็นแบบนี้ หานซีเยว่ก็ถอนหายใจอีกครั้ง "นางตามเกาะแกะข้า จะตามข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ด้วยกัน นางคิดอะไรอยู่ ทําไมข้าจะไม่รู้ ข้าล่ะอารมณ์เสียมากจริงๆ"หรงเหวินเมี่ยวกลับเข้าใกล้หานซีเยว่ด้วยท่าทางอารมณ์ดี "ตอนนี้พี่เยว่ของเราเป็นว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทแล้ว คนที่สูงสง่าเช่นองค์รัชทายาทต้องเป็นหมายปองของสาวๆ หลายคนอยู่แล้ว ต่อไปคงยังต้องรับมืออีกเยอะ"พวกเขาหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่พักใหญ่ จึงลบความอารมณ์เสียเมื่อกี้ไปได้เห็นว่าหานซีเยว่กําลังจะไปเข้าเฝ้าพระสนมเฉินกุ้ยเฟย หรงเหวินเมี่ยวนึกถึงที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเคยช่วยเหลือในงานเลี้ยงที่วังเมื่อครั้งก่อน จึงก็เอ่ยปากขอไปเข้าเฝ้าด้วยกันเหออวี่เหยาเดิมกําลังจะกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง แต่ถูกหรงเหวินเมี่ยวพามาที่ที่นั่งของฮ่องเต้ต้าฉู่และพระสนมเฉินกุ้ยเฟยด้วยกัน"ถวายพระพรแด่ฝ่าบาท ถวายพระพรแด่พระสนม" ทั้งสามทำความเคารพตามมารยาทอย่างเรียบร้อย พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ก็รีบบอกให้พวกนางลุกขึ้น"ตอนนี้พวกเด็กๆ ก็โตกันหมดแล้ว ข้าชักจำไม่ค่อยได้แล้วสิ" ฮ่องเต้ต้าฉู่ยิ้มใจดี แต่นั่นกลับทำให้คนรอบข้างประหลาดใจฮ่องเต้ต้าฉู่เป็
ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับหัวเราะนาง "ตอนนี้เจ้าก็ยังสาวอยู่ อย่าหาข้ออ้างให้ตัวเองหน่อยเลย"เสียงหัวเราะของพวกเขาดังมา ลู่ซิงหว่านยืดตัวบิดขี้เกียจและตื่นขึ้นมา[ท่านแม่ก็เหนื่อยอยู่ในวังหลังของท่านนั้นแหละ แม้ว่าตอนนี้จะอายุยังไม่สามสิบ แต่ผมหงอกก็ขึ้นมามากแล้ว]ฮ่องเต้ต้าฉู่เคยชินกับ "การไม่เคารพ" ของลู่ซิงหว่านแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจเมื่อเห็นลู่ซิงหว่านตื่นขึ้นมาแล้ว หรงเหวินเมี่ยวก็รีบชะโงกหน้ามาดู "นี่คือองค์หญิงหย่งอันใช่ไหมเพคะ"นางเป็นคนที่นิสัยไม่เคร่งครัดตามกฎระเบียบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จากครั้งที่แล้วที่นางหาเรื่องเต๋อเฟย ก็พอจะรู้ได้ แต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ชอบนิสัยแบบนี้ของนางมากพระสนมเฉินกุ้ยเฟยอุ้มลู่ซิงหว่านมานั่งบนตักตัวเองและตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ใช่แล้ว"หรงเหวินเมี่ยวยิ่งอยากรู้อยากเห็นกว่าเดิม "ได้ยินว่าเมื่อองค์หญิงหย่งอันประสูติ บังเอิญฝนตกหนักช่วยแก้ปัญหาความแห้งแล้งของแคว้นต้าฉู่เราที่ดำเนินมาต่อเนื่องหลายเดือน"หานซีเยว่ก็เอ่ยปากว่า "แล้วยังมีคนบอกอีกนะว่าฮ่องเต้ทรงเห็นดอกบัวสีทองอร่ามตกลงมาในตำหนักชิงอวิ๋นด้วยพระเนตรของพระองค์เอง และองค์หญิงน้อยก็มีดอกบัวที่แขนด้วย"หลังจาก
ซ่งชิงเหยียนมองไปที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ สีหน้าของเขาดูไม่ดีจริงๆ จากนั้นก็หันหน้าไปตบมือสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ “เป็นเรื่องในอดีตแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้วล่ะ”“เจ้าสนิทกับเล่อกุ้ยเหรินได้ดีที่สุด ตอนนี้ครรภ์ของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”ต้องบอกว่าความกังวลของสนมเล่อกุ้ยเหรินนั้นไม่ผิด สนมเยว่กุ้ยเหรินถือได้ว่าเป็นคนที่ปากไม่มีหูรูดจริงๆ แต่ก็เป็นคนที่ไม่คิดมากสําหรับเรื่องที่ซ่งชิงเหยียนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นางไม่สนใจแม้แต่น้อย รับเรื่องไว้แล้วก็พูดต่อจุดแรกของพวกเขาอยู่ที่ตําหนักนอกเมืองแห่งหนึ่งที่ชานเมืองฮ่องเต้ต้าฉู่เตรียมที่จะเก็บสัมภาระบางส่วนที่นี่ แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของพ่อค้าทั่วไป ค่อยเดินทางลงใต้ต่อไปทางด้านลู่ซิงหว่านอาจอยากลงใต้เพื่อไปเที่ยวเล่น แต่ถึงอย่างไรฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เป็นฮ่องเต้ ความคิดของเขาคืออยากดูว่าการเก็บเกี่ยวของราษฎรในปีนี้เป็นอย่างไร ชีวิตเป็นอย่างไรมากกว่ากลยุทธ์การช่วยเหลือราษฎรที่นําโดยองค์รัชทายาทก่อนหน้านี้ได้บรรลุผลจริงหรือไม่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราษฎรสงบสุข ใต้หล้านี้ถึงจะสงบสุขได้หลังจากเดินทางอย่างเรียบง่ายแล้ว ความเร็วของรถม้าก็เร็วขึ้น
“คุณหนูเดินทางลงใต้ในครั้งนี้ จึงให้หลานอิ่งและจวี๋อิ่งติดตามไปตลอดทาง” เพราะทุกครั้งที่ซ่งชิงเหยียนออกจากวัง นางมักจะถูกลอบสังหารเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าอย่างฮ่องเต้ต้าฉู่ เหม่ยอิ่งจึงไม่วางใจ“ส่วนข้าน้อยก็อยู่ในวัง คอยจับตาดูอยู่ในวังแทนคุณหนู” แทนที่จะบอกว่าจับตาในวัง ไม่สู้บอกว่าจับตาฮองเฮาจะดีกว่า “ไม่ว่าเรื่องอะไร ข้าน้อยจะแจ้งให้คุณหนูทราบทันที”พูดถึงตรงนี้เหมยอิ่งก็หันไปมองจู๋อิ่งอีกครั้ง “สําหรับจู๋อิ่ง เรื่องที่เผยซื่อจื่อถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ ยังคงหาเบาะแสไม่ได้ ถือโอกาสนี้ให้จู๋อิ่งเดินทางไปยังแคว้นต้าหลี่ด้วยตนเอง”ซ่งชิงเหยียนพยักหน้าและพอใจมากกับการจัดการของเหมยอิ่ง[ว้าว เหมยหลานจู๋จวี๋ที่อยู่ข้างกายท่านแม่นี่สิถึงเป็นสี่มหาพิทักษ์][ท่านแม่บอกมาสิว่า สหายเคียงบ่าที่เก่งกาจแบบนี้มีจุดจบหนึ่งศพสองชีวิตในนิทานได้ยังไงล่ะเนี่ย][แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว! ตอนนี้พวกเราเก่งมากเลย!]สองวันต่อมาในตอนฟ้าเพิ่งจะสาง รถของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูวังแล้วพระสนมทั้งหลายย่อมต้องมาส่ง แม้แต่สนมเล่อกุ้ยเหรินและสนมเหยาผินที่กําลังตั้งครรภ์ก็ม
สืบไปสืบมา กลับไม่ได้ผลอะไรเลยทางฝั่งตระกูลหาน ไม่ว่าจะเป็นตําหนักชิงอวิ๋น หรือตำหนักหลงเซิง แม้กระทั่งตําหนักจิ่นซิ่วของฮองเฮา ก็ยังส่งของขวัญมากมายไปให้หานซีเยว่ถึงอย่างไรหานซีเยว่ก็เกิดเรื่องในวังหลวง และก็เพื่อซ่งชิงเหยียนด้วยเนื่องจากไม่วางใจ ซ่งชิงเหยียนจึงให้จิ่นอวี้พาฉยงหัวไปที่จวนตระกูลหานอีกครั้ง อย่างไรก็ต้องดูว่าอาการบาดเจ็บของหานซีเยว่หายดีเป็นเช่นไร นางถึงจะวางใจ“ขอบพระทัยในความห่วงใยของพระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ” ตอนนี้หานซีเยว่ไม่เป็นอะไรแล้ว สีหน้าฮูหยินหานก็ดีขึ้นมากแล้ว “บุตรสาวข้าแค่บาดเจ็บทางผิวหนังเท่านั้น ไม่จําเป็นต้องให้พระสนมก่อความวุ่นวายเช่นนี้”แต่จิ่นอวี้ต้องทําตามคําสั่งของซ่งชิงเหยียน จึงให้ฉยงหัวตรวจดูหานซีเยว่อีกครั้งตอนนี้ทั้งในวังและนอกวังต่างก็รู้ว่าข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟยมีหมอหญิงที่มีความสามารถคนหนึ่ง ฝีมือการรักษายอดเยี่ยมมาก ฮูหยินหานย่อมปรารถนาเป็นอย่างยิ่งไม่นาน ฉยงหัวก็ออกมาจากห้องด้านใน มองไปทางฮูหยินหาน “ตอนนี้คุณหนูหานไม่เป็นอะไรแล้ว แม้มีดสั้นจะปักเข้าไปแล้ว แต่ยังดีที่เส้นเอ็นและกระดูกไม่บาดเจ็บ แค่ครึ่งเดือนนี้ พยายามอย่าให้คุ
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก