ชายในชุดธรรมดาคนนี้ เป็นลูกชายคนโตของกวงฉินโหว กวนหลางสือ ตอนนี้มีตําแหน่งเป็นจางวางกรมหรมสอบสวนเรื่องนี้จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยตั้งแต่สมัยวัยสาวแล้วซ่งชิงเหยียนเกิดในจวนติ้งกั๋วโหว ในเวลานั้นพี่สาวของนางได้แต่งงานกับฮ่องเต้ต้าฉู่ซึ่งตอนนั้นยังเป็นองค์รัชทายาทอยู่ แน่นอนว่านี่เป็นสถานะที่ดีที่สุดในเมืองหลวงแล้วซ่งชิงเหยียนกับลูกชายคนโตของกว่างฉินโหวโตมาด้วยกันเป็นคู่หมายกันมาตั้งแต่เด็ก ชาวเมืองหลวงต่างก็รู้กันดีแต่ในเวลานั้นกว่างฉินโหวไม่มีตําแหน่งขุนนางแล้ว ดังนั้นแล้วจะว่าไปก็ไม่เหมาะสมกับตระกูลติ้งกั๋วโหวเท่าไหร่ แต่ครอบครัวติ้งกั๋วโหวกลับไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก ทั้งสองครอบครัวก็เข้ากันได้ดีมากซ่งชิงเหยียนตามพ่อและพี่ชายไปสนามรบตั้งแต่เล็ก ตอนนั้นเพราะไปออกรบอยู่ข้างนอกหลายปี เลยทำให้เรื่องความรักของทั้งสองต้องล่าช้าพอกลับเมืองหลวงซ่งชิงเหยียนอายุ 20 ปีแล้วตอนนั้นกวนหลางสือก็อายุ 23 ปีแล้วแม้ว่าจะอายุจะไม่น้อยแล้ว แต่นางก็ยังปฏิเสธที่เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลอื่น และเฝ้ารอให้ซ่งชิงเหยียนกลับมาเมืองหลวงเพื่อจะได้แต่งงานกันเพียงแต่ในปีนั้นซ่งชิงหย่
พูดจบก็ไม่รอให้กวนหลางสือตอบ แต่พาสาวใช้ขึ้นไปบนที่นั่งผู้ชมที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอยู่เลยตอนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงคนรับใช้ที่ใกล้ชิดไม่กี่คน จิ่นซินกําลังประคบยาให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมีคนส่งสารมาจากข้างล่างว่า แม่นางต้วนจากจวนจางวางกรมกรมสอบสวนมาขอพบพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแม้ว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจะประหลาดใจในใจ นางก็ไม่รู้จักจางวางกรมกรมสอบสวนและไม่เคยเจอแม่นางต้วนที่ไหนด้วย แต่ก็ยังเชิญให้เข้ามาตามมารยาทแม่นางต้วนทำความเคารพฮ่องเต้ต้าฉู่และพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเสร็จแล้วก็เอ่ยปากว่า "สามีของข้าน้อยคือจางวางกรมกรมสอบสวนกวนหลางสือ ข้าน้อยพื้นเพเป็นคนหยุนโจว เห็นว่าพระสนมได้รับบาดเจ็บจึงนำยาสมานแผลมาถวายเพคะ"แวบแรกที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยฟังชื่อกวนหลางสือ นางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าต่อมาจะรู้ว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด แต่ชีวิตมันก็กลับย้อนไปไม่ได้อีกแล้วตั้งแต่นั้นมานางก็ไม่ค่อยสืบข่าวเกี่ยวกับตระกูลกว่างฉินโหวแล้วจึงไม่รู้เลยว่าตอนนี้กวนหลางสือได้เป็นจางวางกรมกรมสอบสวนแล้วแต่แค่ไม่กี่อึดใจนางก็ได้สติกลับมาและตอบด้วยรอยยิ้
เมื่อต้วนหยุนอี้กลับไปที่กวนหลางสือ กลับเห็นกวนหลางสือนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์นางจึงรีบเดินเข้าไปหา "ท่านพี่ ข้าว่า..."แต่กลับถูกกวนหลางสือขัดจังหวะ "ข้าไมรู้เลยนะว่าเจ้าพูดจาเก่งขนาดนี้ ถึงขนาดกล้าเล่นลิ้นกับฮ่องเต้"ต้วนหยุนอี้ได้ยินกวนหลางสือพูดแบบนี้ แสดงว่าเขารู้เรื่องเมื่อกี้แล้วจึงรีบเอ่ยปากอธิบายว่า "ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่อยากให้พระสนมรู้ว่าท่านยังคงคำนึงถึงนางอยู่""ทําไมข้าต้องคำนึงนางด้วย " กวนหลางสือเงยหน้ามองต้วนหยุนอี เหมือนกําลังถามนางอยู่ และก็เหมือนกําลังถามตัวเองด้วยหลังจากนั้นไม่นานกวนหลางสือก็พาภรรยาต้วนหยุนอีออกจากสนามขี้ม้าตีคลีไปส่วนทางด้านพระสนมเฉินกุ้ยเฟย แม้ว่าเมื่อกี้จะถูกรบกวนจิตใจอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับมาสงบดังเดิมตอนไปออกรบอยู่ในค่ายทหาร ท่านพ่อก็เคยกล่าวไว้ว่า ตั้งแต่โบราณมาในสนามรบมีทั้งแพ้ทั้งชนะ ถ้าแพ้ก็แค่สรุปมาเป้นประสบการณ์ก็พอแล้ว อย่าติดอยู่กับอารมณ์จากความล้มเหลว ทุกอย่างต้องมองไปข้างหน้าเมื่อพิจารณาดูแล้วว่าไทเฮาเพิ่งจะหายเป็นปกติ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงบอกฮ่องเต้ต้าฉู่แล้วมาหาไทเฮา"ไทเฮา ฝ่าบาททรงเป็น
หลังจากกลับบ้านไปก็โดนท่านแม่สั่งสอน บอกว่าหานซีเยว่เป็นลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ทหารม้า เป็นคนที่ตระกูลเสิ่นของนางไม่อาจไม่มีเรื่องด้วยได้ต่อมาในงานเลี้ยงที่พระราชวัง หลังจากที่หานซีเยว่ได้รับพระราชทานสมรสให้กับองค์รัชทายาท เสิ่นเป่าซวงก็กลับบ้านไปอาละวาดยกใหญ่ฮูหยินเสิ่นก็สอนนางอีกว่า ในเมื่อตำแหน่งพระชายาเอกขององค์รัชทายาทไม่มีหวังแล้ว สู้ไปสนใจอย่างอื่นดีกว่าเพียงแต่ชาวเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าเสิ่นเป่าซวงคนนี้ชอบองค์รัชทายาทมาเป็นเวลาหลายปี นางประกาศกร้าวว่าถ้าชีวิตนางไม่สามารถแต่งงานกับองค์รัชทายาทได้ สู้โกนผมไปเป็นแม่ชีจะดีเสียกว่าฮูหยินเสิ่นจนใจ เลยต้องออกความคิดให้นางไปตีสนิทกับคุณหนูหาน เผื่อจะได้มีโอกาสได้พบกับองค์รัชทายาทบ่อยๆต่อไปภายหน้าถ้าได้แต่งตั้งเป็นชายารองขององค์รัชทายาท เมื่อใดที่ที่เขาเสด็จขึ้นครองราชย์นางได้เป็นผินเฟยก็ยังดีนางถึงยอมแบกหน้ามาเกาะแกะหานซีเยว่เมื่อเห็นหานซีเยว่ไม่ตอบ เสิ่นเป่าซวงก็พูดต่อว่า "ครั้งที่แล้วที่ข้าไปก่อกวนท่านที่หน้าร้านขายเสื้อผ้าสําเร็จรูป ท่านพี่หานยังโกรธข้าอยู่หรือ? "หานซีเยว่หยุดเดินแล้วมองเสิ่นเป่าซวง คุณรองตระกูลเสิ่นแห่งเม
เห็นเสิ่นเป่าซวงที่อยู่ไกลๆ เป็นแบบนี้ หานซีเยว่ก็ถอนหายใจอีกครั้ง "นางตามเกาะแกะข้า จะตามข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ด้วยกัน นางคิดอะไรอยู่ ทําไมข้าจะไม่รู้ ข้าล่ะอารมณ์เสียมากจริงๆ"หรงเหวินเมี่ยวกลับเข้าใกล้หานซีเยว่ด้วยท่าทางอารมณ์ดี "ตอนนี้พี่เยว่ของเราเป็นว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทแล้ว คนที่สูงสง่าเช่นองค์รัชทายาทต้องเป็นหมายปองของสาวๆ หลายคนอยู่แล้ว ต่อไปคงยังต้องรับมืออีกเยอะ"พวกเขาหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่พักใหญ่ จึงลบความอารมณ์เสียเมื่อกี้ไปได้เห็นว่าหานซีเยว่กําลังจะไปเข้าเฝ้าพระสนมเฉินกุ้ยเฟย หรงเหวินเมี่ยวนึกถึงที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเคยช่วยเหลือในงานเลี้ยงที่วังเมื่อครั้งก่อน จึงก็เอ่ยปากขอไปเข้าเฝ้าด้วยกันเหออวี่เหยาเดิมกําลังจะกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง แต่ถูกหรงเหวินเมี่ยวพามาที่ที่นั่งของฮ่องเต้ต้าฉู่และพระสนมเฉินกุ้ยเฟยด้วยกัน"ถวายพระพรแด่ฝ่าบาท ถวายพระพรแด่พระสนม" ทั้งสามทำความเคารพตามมารยาทอย่างเรียบร้อย พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ก็รีบบอกให้พวกนางลุกขึ้น"ตอนนี้พวกเด็กๆ ก็โตกันหมดแล้ว ข้าชักจำไม่ค่อยได้แล้วสิ" ฮ่องเต้ต้าฉู่ยิ้มใจดี แต่นั่นกลับทำให้คนรอบข้างประหลาดใจฮ่องเต้ต้าฉู่เป็
ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับหัวเราะนาง "ตอนนี้เจ้าก็ยังสาวอยู่ อย่าหาข้ออ้างให้ตัวเองหน่อยเลย"เสียงหัวเราะของพวกเขาดังมา ลู่ซิงหว่านยืดตัวบิดขี้เกียจและตื่นขึ้นมา[ท่านแม่ก็เหนื่อยอยู่ในวังหลังของท่านนั้นแหละ แม้ว่าตอนนี้จะอายุยังไม่สามสิบ แต่ผมหงอกก็ขึ้นมามากแล้ว]ฮ่องเต้ต้าฉู่เคยชินกับ "การไม่เคารพ" ของลู่ซิงหว่านแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจเมื่อเห็นลู่ซิงหว่านตื่นขึ้นมาแล้ว หรงเหวินเมี่ยวก็รีบชะโงกหน้ามาดู "นี่คือองค์หญิงหย่งอันใช่ไหมเพคะ"นางเป็นคนที่นิสัยไม่เคร่งครัดตามกฎระเบียบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จากครั้งที่แล้วที่นางหาเรื่องเต๋อเฟย ก็พอจะรู้ได้ แต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ชอบนิสัยแบบนี้ของนางมากพระสนมเฉินกุ้ยเฟยอุ้มลู่ซิงหว่านมานั่งบนตักตัวเองและตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ใช่แล้ว"หรงเหวินเมี่ยวยิ่งอยากรู้อยากเห็นกว่าเดิม "ได้ยินว่าเมื่อองค์หญิงหย่งอันประสูติ บังเอิญฝนตกหนักช่วยแก้ปัญหาความแห้งแล้งของแคว้นต้าฉู่เราที่ดำเนินมาต่อเนื่องหลายเดือน"หานซีเยว่ก็เอ่ยปากว่า "แล้วยังมีคนบอกอีกนะว่าฮ่องเต้ทรงเห็นดอกบัวสีทองอร่ามตกลงมาในตำหนักชิงอวิ๋นด้วยพระเนตรของพระองค์เอง และองค์หญิงน้อยก็มีดอกบัวที่แขนด้วย"หลังจาก
เหออวี่เหยาคิดว่านางไม่ได้ติดต่อกับลูกพี่ลูกน้องมาตั้งหลายปีแล้ว น้องน่าจะไม่สนใจนาง ไม่คิดว่าเขาจะจำวันครบรอบของท่านแม่ได้ จึงรีบเอ่ยปากว่า "ที่อารามหมิงจิ้ง"ฮ่องเต้ต้าฉู่พยักหน้า "เป็นสิ่งที่สมควร อันกั๋วกงตายเพื่อแคว้นต้าฉู่ ข้าก็ควรแสดงน้ำใจ จิ่นเหยา เดี๋ยวถึงวันนั้นเจ้าก็ไปกับฉู่เยี่ยนด้วยสิ"องค์รัชทายาทรีบลุกขึ้นตอบรับองค์ชายสองก็ลุกขึ้นตามไปด้วย "เสด็จพ่อ พวกเขาไปกันหมดแบบนี้ ให้กระหม่อมไปด้วยนะพะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้ต้าฉู่เห็นลูกชายคนที่สองชอบตามติดองค์รัชทายาท เขามีท่าทางเชื่อฟังองค์รัชทายาทเอามากๆ เขาชอบพี่น้องสองคนนี้รักใคร่กลมเกลียว จึงตอบตกลงเหออวี่เหยาซาบซึ้งใจ นางรีบคุกเข่าลงขอบพระทัยหรงเหวินเมี่ยวและหานซีเยว่ที่อยู่ข้างๆ ก็มองหน้ากัน ทั้งคู่สบตากัน แน่นอนว่ากำลังดีใจแทนอวี่เหยาลู่ซิงหว่านเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มพึมพำ[ดูผู้มีความสามารถคู่นี้สิ พี่ชายรัชทายาทและพี่สาวตระกูลหาน ตอนนี้ได้รับพระราชทานสมรสจากเสด็จพ่อแล้ว เดี๋ยวหลังจากพี่สาวตระกูลหานครบสิบห้าแล้ว ไม่นานก็คงจะแต่งงานกัน][ตามในหนังสือนิทาน หรงเหวินเมี่ยวก็ช่วยพี่สองต่อสู้เพื่อความถูกต้อง หลังจาก
หรงเหวินโจวหันมองท่านแม่และลองหยั่งเชิงว่า "ท่านแม่ขอรับ ข้าไปนะขอรับ""ไปเถอะๆ คนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าควรรวมตัวกันเล่นสนุกดีแล้ว" ฮูหยินหรงย่อมรู้ความคิดของหรงเหวินโจวแม้ว่านางจะไม่ชอบใต้เท้าเหอและนางหลินภรรยาปัจจุบันของเขา แต่เมื่อสมันสาวๆ นางเคยได้พบกับเผยเสียนลูกสาวของอันกั๋วกงอยู่หลายครั้ง เผยเสียนมีชื่อเสียงดีงามในหมู่เพื่อนสนิทของนาง แต่ไม่รู้ทําไมนางถึงแต่งงานกับคนตระกูลเหอนั่นได้ทุกวันนี้ลูกสาวของนางแม้จะโดนนางหลินกดขี่ข่มเหง แต่ก็เด็กคนนั้นเป็นเด็กสาวที่มุงมั่น ตัวเองชอบนางมากฟังนางหลินพูดก็รู้ว่านางคิดอะไร นางอยากจะจับคู่กับพี่โจวและเหออวิ๋นเหยาลูกสาวแท้ๆ ของนางมากกว่า แต่แน่นอนว่านางก็ไม่เต็มใจตัวนางก็เข้าใจความหมายของลูกสาวเช่นกัน ดังนั้นพอสาวใช้ของลูกสาวมา นางก็รู้ทันทีว่าคิดจะทำอะไรมองพวกองค์ชายคนเดินไปจากระยะไกล นอกจากเสิ่นเป่าซวงแล้ว คนที่ไม่พอใจก็ยังมีเหออวิ๋นเหยาด้วยไม่รู้ว่าพี่สาวของตัวเองไปกล่อมพี่เหวินโจวยังใง เขาถึงมาช่วยในการแข่งขันขี้ม้าตีคลีวันนี้ ทำให้นางต้องพ่ายแพ้ตอนนี้ก็ไปเกี่ยวข้องกับพวกองค์รัชทายาทอีก มันน่าหงุดหงิดจริง ๆตอนนี้นางจึงไม่ได