เผยฉู่เยี่ยนรู้สึกว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ปล่อยให้ลู่ซิงหว่านตัวน้อยต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ เขาเฝ้าอยู่ข้างเตียงลู่ซิงหว่านทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมพักผ่อนผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วแต่ลู่ซิงหว่านก็ยังไข้สูงไม่ลดวันรุ่งขึ้นพอฟ้าสว่างสนมหนิงผินก็มาเพราะว่าสนมหนิงผินเพิ่งเข้าวังมาได้ไม่นาน พระสนมเฉินกุ้ยเฟยยังไม่ค่อยรู้จักนางเท่าไหร่ จึงเกิดความระแวงเล็กน้อย เลยทำตัวให้สดชื่นไปต้อนรับนาง“พระสนมกุ้ยเฟย" สนมหนิงผินกล่าวหลังจากคุกเข่าลงทำความเคารพพระสนมเฉินกุ้ยเฟย “หม่อมฉันได้ยินมาว่าองค์หญิงหย่งอันเป็นผื่นและเป็นไข้อยู่”พูดจบก็มองไปที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเหมือนจะดูท่าทีจากนั้นก็พูดด้วยความจริงใจว่า “หม่อมฉันเคยเรียนวิชาแพทย์มาบ้าง ลองให้หม่อมฉันช่วยดูอาการองค์หญิงให้ดีไหมเพคะ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการเพิ่มทางรักษา”แต่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับลังเลสนมหนิงผินดูเหมือนเล็งเห็นความกังวลของพระสนมกุ้ยเฉินจึงเอ่ยปากว่า “อย่างนั้นพระสนมเชิญหมอหลวงจ้าวมาก็ได้นะเพคะ ถ้าหม่อมฉันขาดตกบกพร่องตรงไหนจะได้ให้หมอหลวงจ้าวช่วยชี้แนะให้ได้ทันเวลา”เมื่อเห็นสนมหนิงผินพูดดังนี้ พระสนมเฉิ
"เพียงแต่ว่า..." สนมหนิงผินลังเลพระสนมเฉินกุ้ยเฟยคิดว่าสนมหนิงผินมีเรื่องจะข้อร้อง จึงรีบเอ่ยปากว่า "สนมหนิงผิน เจ้ามีเรื่องอะไรก็บอกมาได้เลยแค่ ขอแค่ข้าทำให้ได้..."แต่นางยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกสนมหนิงผินขัดจังหวะขึ้นมาก่อนว่า "ครั้งนี้องค์หญิงไม่ได้แพ้อะไร แต่ว่าโดนวางยาพิษ พิษนี่ต้องมีต้นตอ ต้องตรวจสอบให้ละเอียดถึงจะได้นะเพคะ"เผยฉู่เยี่ยนที่เฝ้าอยู่ข้าง ๆ มาตลอดจึงเอ่ยปากว่า "พระสนม กระหม่อมจะไปเองพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นนางว่าแบบนี้ก็ได้แต่พยักหน้ารับ ถ้ามันสามารถทำให้ซื่อจื่อเผยสบายใจได้ ให้เขาไปตรวจสอบก็ใช่ว่าจะไม่ได้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยขอบคุณสนมหนิงผินครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่นางกลับไปแล้ว ถึงเรียกเหมยหยิ่งและหลานหยิ่งเข้ามา บอกให้ทั้งสองไปตรวจสอบเรื่องพิษที่หว่านหว่านโดนด้วยกัน เสร็จแล้วจึงกลับไปที่ห้องด้านในตอนนี้ลู่ซิงหว่านหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว สองวันนี้พิษทำเอานางเหนื่อยมาก ตอนนี้พอสบายตัวแล้วจึงหลับลึกส่วนพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เฝ้านางอยู่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังจากข้างนอก ดังจนลู่ซิงหว่านตื่นจิ่นซินวิ่งเข้
เมื่อเห็นเผยฉู่เยี่ยนกล่าวหาตัวเอง องค์หญิงลู่ซิงหุยก็ตวาดเถียงทันที "เจ้าใส่ร้ายข้า เจ้าเป็นแค่ข้าราชบริพาร เสด็จพ่อเห็นว่าเจ้าพ่อแม่เสียชีวิตทั้งคู่ จึงสงสารเจ้า..."องค์หญิงหกพูดมาถึงตรงนี้ ก็ถูกองค์รัชทายาทขัดจังหวะ "ซิงหุย!"องค์รัชทายาทเป็นคนอ่อนโยนมาโดยตลอด ลู่ซิงหุยไม่เคยเห็นองค์รัชยาทที่พูดจาแข็งกร้าวแบบนี้มาก่อนเลย จึงตกตะลึงชะงักงันองค์รัชทายาทยังคงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ระวังคําพูดด้วย"แม้แต่องค์ชายสองก็ยังอดไม่ได้ต้องหันไปมององค์รัชทายาท เป็นที่ทราบกันดีว่าองค์รัชยาทมีนิสัยอ่อนโยนเป็นที่สุด ขาดความเด็ดขาดแบบที่องค์ชายควรมีด้วยซ้ำ เขาไม่เคยเห็นองค์รัชทายาทเป็นแบบนี้มาก่อนบางที เขาอาจจะประเมินองค์รัชทายาทต่ำเกินไป"พี่ชายองค์รัชทายาท" พอองค์หญิงหกกลับตั้งสติกลับมาได้ก็มองไปที่องค์รัชทายาทแล้วร้องไห้ "ไม่ว่ายังไง เขาก็ลากหม่อมฉันมาตลอดทางแบบนี้ไม่ได้ หม่อมฉันเป็นองค์หญิงนะเพคะ!"เผยฉู่เยี่ยนที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นมาอย่างใจเย็นว่า “เช่นนั้น ขอถามองค์หญิงหกหน่อยพ่ะย่ะค่ะว่า การวางแผนทำร้ายน้อง สาวแท้ๆ ของตัวเอง ควรต้องโทษยังไงพ่ะค่ะค่ะ?”ลู่ซิงหว่านเผลอมองไปที่เผยฉู่
องค์หญิงหกเป็นเพียงเด็กอายุห้าขวบ เมื่อถูกข่มขู่แบบนี้ไม่นานก็สารภาพหมดเปลือกลู่ซิงหว่านอึ้ง[ทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายขนาดนี้ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตระกูลชุยจะทำร้ายเราและท่านแม่ของเรา พอมาถึงปากเจ้า ทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้าเป็นคนทำร้ายตระกูลชุยนั่นซะงั้นล่ะ][ยังบอกว่าคนรับใช้ในวังให้มาอีก เกรงว่าเจ้าคงพยายามอย่างหนักเพื่อหามันมามากกว่า][ยังไงข้าก็เป็นคนที่อยู่มาตั้งหลายร้อยปีแล้ว แค่กลอุบายตื้น ๆ แบบนี้ เอาไปหลอกเด็กอย่างว่า แต่จะมาหลอกข้างั้นหรือ? เหอะ]แต่องค์รัชทายาทกลับจับประเด็นได้ว่า "คนในวังที่ว่าอยู่ที่ไหน?"องค์หญิงหกเงยหน้าขึ้นมององค์รัชทายาทน้ำตาคลอเบ้า "หม่อมฉันไม่รู้เพคะ"เผยฉู่เยี่ยนกลับไม่หลงเชื่อ เขาทำเสียงเหอะ "ถ้ากระหม่อมให้สารหนูแก่องค์หญิงหก บอกแค่ว่านี่คือน้ำตาลทราย องค์หญิงก็จะกินเข้าไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""ในเมื่อองค์หญิงเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แล้วทำไมถึงกล้าเอามาใช้กับองค์หญิงหย่งอัน ถ้ามันทำให้นางตายขึ้นมาจริงล่ะพ่ะย่ะค่ะ ยังกล้าบอกว่าตัวเองไม่ได้มีเจตนาร้ายอยู่หรือ"องค์หญิงหกเห็นท่าทางโกรธมากของเผยฉู่เยี่ยน ก็เถียงไม่ออกชั่วขณะนั้นเหตุการณ์ทุกอย่า
เมื่อเห็นไทเฮาเข้ามา อ๋องหรงก็รีบร้อนนั่งตัวตรง พยายามพุ่งเข้าไปหาไทเฮา แต่โดนจูกู่ซานจับไว้เมื่อฮ่องเต้ต้าฉู่ส่งสัญญาณ จูกู่ซานก็นําเศษผ้าออกจากปากของอ๋องหรง พอผ้าถูกดึงออกอ๋องหรงก็ร้องไห้กับไทเฮา"เสด็จแม่ เสด็จพี่จะฆ่ากระหม่อม เสด็จแม่ช่วยกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"อ๋องหรงรู้ว่าไทเฮาลำเอียงเข้าข้างตัวเองมาตั้งแต่เด็ก วันนี้นางจะต้องไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ก่อกรรมอย่างแน่นอนแต่ฮ่องเฮากลับพูดอย่างช้าๆ ว่า "เจ้าต่างหากที่คิดฆ่าพี่ชายของเจ้า"เมื่อเห็นว่าไทเฮาเย็นชาเช่นนี้ อ๋องหรงก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็กลับมาตั้งสติได้ "เสด็จแม่อย่าฟังเสด็จพี่พูดมั่วๆ นะพะยะค่ะ กระหม่อมเปล่า...""รองหัวหน้ากองจูออกไปเถอะ" มาถึงตอนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงเอ่ยปากจูกู่ซานกลับเป็นห่วงความปลอดภัยของฮ่องเต้ต้าฉู่ จึงลังเลไม่กล้าออกไป แต่เมื่อเห็นสายตาที่แน่วแน่ของฮ่องเต้ต้าฉู่ ถึงได้ทูลลาแล้วออกไปตอนนี้อ๋องหรงถูกมัดไว้แน่นหนา ตัวเองเฝ้าอยู่หน้าประตู ถ้าคอยระวังให้ดีก็คงสามารถปกป้องฮ่องเต้ได้"แล้วชุดมังกรนี้ล่ะ" ฮ่องเต้ต้าฉู่ชี้ไปที่เสื้อคลุมมังกรที่วางอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างไทเฮาและอ๋องหรงเลยเพิ่
พูดจบเขาก็มองไปทางไทเฮา "เสด็จแม่ กระหม่อมยอมให้ได้มากที่สุดเท่านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ไทเฮาพยักหน้าไม่พูดอะไรต่อไปในเวลาเพียงไม่กี่วัน สมาชิกที่ร่วมคิดการกบฏกับอ๋องหรงก็ถูกจับเข้าคุกตาม ๆ กันไปอ๋องหรง ถือว่าโชคดีที่ยังรอดชีวิตคนอื่น ๆ กลับไม่ได้โชคดีแบบนั้นหลังจากอ๋องหรงถูกจับแล้ว เรือนรับรองที่คณะทูตอาศัยอยู่ก็ยังคงมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้าอยู่ไม่มีเสรีภาพแม้แต่น้อยสิ่งนี้ทําให้เหอเหลียนเหรินซินยิ่งกังวลมากขึ้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่ตรวจสอบไปถึงขั้นไหนแล้ว และจดหมายตอบกลับจากเสด็จพ่อก็ยังมาไม่ถึงสีกที ถ้าฮ่องเต้ต้าฉู่ต้องการจะจัดการตัวเองจริง ๆ ก็คงจะรอดชีวิตได้ยากเสด็จพ่อเลอะเลือนจริง ๆ มีอย่างที่ไหนส่งองค์รัชทายาทของแคว้นเป็นฑูตมาเจริญสัมพันธไมตรีในแดนศัตรูเมื่อเห็นว่าเรื่องของอ๋องหรงสิ้นสุดลงแล้ว องค์รัชทายาทจึงเสด็จไปทูลฮ่องเต้ต้าฉู่เรื่องที่หวานหว่านไม่สบาย พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังอย่างละเอียดยิบฮ่องเต้ต้าฉู่ฟังจบก็หัวเราะเสียงดัง "ซื่อจื่อเผยคนนี้น่าสนใจจริง ๆ เสด็จแม่เลือกเขาเป็นองครักษ์ให้หวานหว่าน ถือว่าเลือกคนถูกแล้ว"เมื่อได้ยินฮ่องเต้ต้าฉู่
และตั้งแต่เรื่องของหรงอ๋องสิ้นสุดลง ไทเฮาก็ล้มป่วยนอนซมตามกฎแล้วนางสนมทุกคนที่มีตำแหน่งตั้งแต่ตำแหน่งผินขึ้นไปจะต้องผลัดกันเฝ้าไข้แต่เนื่องจากสนมหนิงผินมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง และนางเองไม่ได้ยุ่งอะไร จึงมักจะอยู่ปรนนิบัติในตำหนักหรงเล่อเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าไทเฮาจะไล่นางไปหลายครั้ง แต่นางก็มาทุกวันวันนี้ตอนที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพาหวานหว่านมาที่ตำหนังหรงเล่อ ก็เป็นนางสนมหนิงผินที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ"ข้าว่าสีหน้าของไทเฮาดูดีขึ้นมากแล้วนะ ต้องขอบใจน้องหนิงผินมากนะ" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดพลางประคองไทเฮาให้ลุกขึ้นพูดจบก็สั่งจิ่นอวี้ว่า “จิ่นอวี้ให้หวานหว่านไปเยี่ยมเสด็จย่าหน่อย”ไทเฮากลับรีบปฏิเสธทันที "ไม่ได้ ๆ หย่งอันยังเล็กอยู่ เดี๋ยวนางจะติดเชื้อเอาได้"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับไม่สนใจ "ไทเฮานี่เป็นเพียงป่วยใจ จะติดเชื้อที่ไหนกันล่ะเพคะ"สนมหนิงผินก็หัวเราะและพูดว่า "พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดถูกอย่างยิ่งเพคะ ไทเฮาต้องทำใจให้สบายถึงจะหาย"ไทเฮาหยอกล้อลู่ซิงหว่านและเอ่ยปากว่า "พวกเจ้าแต่ละคนชอบล้อข้าเล่นทั้งนั้น"[เสด็จย่าต้องมีชีวิตยืนนานนะเพคะ แม้ว่าในหนังสือนิทานจะไม่บอกเรื่องนี้
นางสนมที่เพิ่งเข้าวังได้เพียงเดือนเศษ แค่เพิ่งได้ร่วมหอไม่กี่ครั้ง กลับถูกแต่งตั้งเป็นพระสนมขั้นเฟยนำหน้าตัวเองไปแล้ว แล้วจะให้นางทนได้อย่างไรแน่นอนว่าคนที่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลไม่ได้มีแค่ไม่กี่คนนี้เท่านั้นเพียงแต่เรื่องดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้ต้าฉู่ จึงย่อมไม่มีใครกล้าโต้แย้งณ ขณะนี้คนของศาลต้าหลี่และกรมสอบสวน ก็จัดเรียงคำสารภาพของอ๋องหรงเสร็จเรียบร้อยและนำมาถวายให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ต้าฉู่รู้เรื่องการสมคบคิดกบฏของอ๋องหรงมาจากหวานหว่าน แต่รายละเอียดยังไม่ทราบชัดเจนตอนนี้พอได้มาเห็นบันทึกนี้แล้วก็ก็ต้องโกรธจนเลือดขึ้นหน้าน้องชายแท้ ๆ ของตัวเองไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเลยจริง ๆ หมายจะเอาชีวิตตนนั้นยังไม่เท่าไร แต่ไม่สนใจความปลอดภัยของประชาชนต้าฉู่เลยสักนิดนี่สิจึงสั่งให้เสนาบดีหลินที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่เขียนจดหมายฉบับหนึ่งไปยังแคว้นเยว่เฟิงในจดหมายบอกเพียงว่าตอนนี้เรื่องที่อ๋องหรงสมคบคิดกับองค์รัชทายาทแคว้นเยว่เฟิงก่อกบฏถูกเปิดเผยแล้ว ให้ฮ่องเต้แคว้นเยว่เฟิงให้คําอธิบายด้วยในขณะนี้ติ้งกั๋วโหวได้มาถึงชายแดนแคว้นเยว่เฟิงนานแล้ว