องค์หญิงหกเป็นเพียงเด็กอายุห้าขวบ เมื่อถูกข่มขู่แบบนี้ไม่นานก็สารภาพหมดเปลือกลู่ซิงหว่านอึ้ง[ทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายขนาดนี้ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตระกูลชุยจะทำร้ายเราและท่านแม่ของเรา พอมาถึงปากเจ้า ทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้าเป็นคนทำร้ายตระกูลชุยนั่นซะงั้นล่ะ][ยังบอกว่าคนรับใช้ในวังให้มาอีก เกรงว่าเจ้าคงพยายามอย่างหนักเพื่อหามันมามากกว่า][ยังไงข้าก็เป็นคนที่อยู่มาตั้งหลายร้อยปีแล้ว แค่กลอุบายตื้น ๆ แบบนี้ เอาไปหลอกเด็กอย่างว่า แต่จะมาหลอกข้างั้นหรือ? เหอะ]แต่องค์รัชทายาทกลับจับประเด็นได้ว่า "คนในวังที่ว่าอยู่ที่ไหน?"องค์หญิงหกเงยหน้าขึ้นมององค์รัชทายาทน้ำตาคลอเบ้า "หม่อมฉันไม่รู้เพคะ"เผยฉู่เยี่ยนกลับไม่หลงเชื่อ เขาทำเสียงเหอะ "ถ้ากระหม่อมให้สารหนูแก่องค์หญิงหก บอกแค่ว่านี่คือน้ำตาลทราย องค์หญิงก็จะกินเข้าไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""ในเมื่อองค์หญิงเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แล้วทำไมถึงกล้าเอามาใช้กับองค์หญิงหย่งอัน ถ้ามันทำให้นางตายขึ้นมาจริงล่ะพ่ะย่ะค่ะ ยังกล้าบอกว่าตัวเองไม่ได้มีเจตนาร้ายอยู่หรือ"องค์หญิงหกเห็นท่าทางโกรธมากของเผยฉู่เยี่ยน ก็เถียงไม่ออกชั่วขณะนั้นเหตุการณ์ทุกอย่า
เมื่อเห็นไทเฮาเข้ามา อ๋องหรงก็รีบร้อนนั่งตัวตรง พยายามพุ่งเข้าไปหาไทเฮา แต่โดนจูกู่ซานจับไว้เมื่อฮ่องเต้ต้าฉู่ส่งสัญญาณ จูกู่ซานก็นําเศษผ้าออกจากปากของอ๋องหรง พอผ้าถูกดึงออกอ๋องหรงก็ร้องไห้กับไทเฮา"เสด็จแม่ เสด็จพี่จะฆ่ากระหม่อม เสด็จแม่ช่วยกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"อ๋องหรงรู้ว่าไทเฮาลำเอียงเข้าข้างตัวเองมาตั้งแต่เด็ก วันนี้นางจะต้องไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ก่อกรรมอย่างแน่นอนแต่ฮ่องเฮากลับพูดอย่างช้าๆ ว่า "เจ้าต่างหากที่คิดฆ่าพี่ชายของเจ้า"เมื่อเห็นว่าไทเฮาเย็นชาเช่นนี้ อ๋องหรงก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็กลับมาตั้งสติได้ "เสด็จแม่อย่าฟังเสด็จพี่พูดมั่วๆ นะพะยะค่ะ กระหม่อมเปล่า...""รองหัวหน้ากองจูออกไปเถอะ" มาถึงตอนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงเอ่ยปากจูกู่ซานกลับเป็นห่วงความปลอดภัยของฮ่องเต้ต้าฉู่ จึงลังเลไม่กล้าออกไป แต่เมื่อเห็นสายตาที่แน่วแน่ของฮ่องเต้ต้าฉู่ ถึงได้ทูลลาแล้วออกไปตอนนี้อ๋องหรงถูกมัดไว้แน่นหนา ตัวเองเฝ้าอยู่หน้าประตู ถ้าคอยระวังให้ดีก็คงสามารถปกป้องฮ่องเต้ได้"แล้วชุดมังกรนี้ล่ะ" ฮ่องเต้ต้าฉู่ชี้ไปที่เสื้อคลุมมังกรที่วางอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างไทเฮาและอ๋องหรงเลยเพิ่
พูดจบเขาก็มองไปทางไทเฮา "เสด็จแม่ กระหม่อมยอมให้ได้มากที่สุดเท่านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ไทเฮาพยักหน้าไม่พูดอะไรต่อไปในเวลาเพียงไม่กี่วัน สมาชิกที่ร่วมคิดการกบฏกับอ๋องหรงก็ถูกจับเข้าคุกตาม ๆ กันไปอ๋องหรง ถือว่าโชคดีที่ยังรอดชีวิตคนอื่น ๆ กลับไม่ได้โชคดีแบบนั้นหลังจากอ๋องหรงถูกจับแล้ว เรือนรับรองที่คณะทูตอาศัยอยู่ก็ยังคงมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้าอยู่ไม่มีเสรีภาพแม้แต่น้อยสิ่งนี้ทําให้เหอเหลียนเหรินซินยิ่งกังวลมากขึ้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่ตรวจสอบไปถึงขั้นไหนแล้ว และจดหมายตอบกลับจากเสด็จพ่อก็ยังมาไม่ถึงสีกที ถ้าฮ่องเต้ต้าฉู่ต้องการจะจัดการตัวเองจริง ๆ ก็คงจะรอดชีวิตได้ยากเสด็จพ่อเลอะเลือนจริง ๆ มีอย่างที่ไหนส่งองค์รัชทายาทของแคว้นเป็นฑูตมาเจริญสัมพันธไมตรีในแดนศัตรูเมื่อเห็นว่าเรื่องของอ๋องหรงสิ้นสุดลงแล้ว องค์รัชทายาทจึงเสด็จไปทูลฮ่องเต้ต้าฉู่เรื่องที่หวานหว่านไม่สบาย พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังอย่างละเอียดยิบฮ่องเต้ต้าฉู่ฟังจบก็หัวเราะเสียงดัง "ซื่อจื่อเผยคนนี้น่าสนใจจริง ๆ เสด็จแม่เลือกเขาเป็นองครักษ์ให้หวานหว่าน ถือว่าเลือกคนถูกแล้ว"เมื่อได้ยินฮ่องเต้ต้าฉู่
และตั้งแต่เรื่องของหรงอ๋องสิ้นสุดลง ไทเฮาก็ล้มป่วยนอนซมตามกฎแล้วนางสนมทุกคนที่มีตำแหน่งตั้งแต่ตำแหน่งผินขึ้นไปจะต้องผลัดกันเฝ้าไข้แต่เนื่องจากสนมหนิงผินมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง และนางเองไม่ได้ยุ่งอะไร จึงมักจะอยู่ปรนนิบัติในตำหนักหรงเล่อเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าไทเฮาจะไล่นางไปหลายครั้ง แต่นางก็มาทุกวันวันนี้ตอนที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพาหวานหว่านมาที่ตำหนังหรงเล่อ ก็เป็นนางสนมหนิงผินที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ"ข้าว่าสีหน้าของไทเฮาดูดีขึ้นมากแล้วนะ ต้องขอบใจน้องหนิงผินมากนะ" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดพลางประคองไทเฮาให้ลุกขึ้นพูดจบก็สั่งจิ่นอวี้ว่า “จิ่นอวี้ให้หวานหว่านไปเยี่ยมเสด็จย่าหน่อย”ไทเฮากลับรีบปฏิเสธทันที "ไม่ได้ ๆ หย่งอันยังเล็กอยู่ เดี๋ยวนางจะติดเชื้อเอาได้"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับไม่สนใจ "ไทเฮานี่เป็นเพียงป่วยใจ จะติดเชื้อที่ไหนกันล่ะเพคะ"สนมหนิงผินก็หัวเราะและพูดว่า "พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดถูกอย่างยิ่งเพคะ ไทเฮาต้องทำใจให้สบายถึงจะหาย"ไทเฮาหยอกล้อลู่ซิงหว่านและเอ่ยปากว่า "พวกเจ้าแต่ละคนชอบล้อข้าเล่นทั้งนั้น"[เสด็จย่าต้องมีชีวิตยืนนานนะเพคะ แม้ว่าในหนังสือนิทานจะไม่บอกเรื่องนี้
นางสนมที่เพิ่งเข้าวังได้เพียงเดือนเศษ แค่เพิ่งได้ร่วมหอไม่กี่ครั้ง กลับถูกแต่งตั้งเป็นพระสนมขั้นเฟยนำหน้าตัวเองไปแล้ว แล้วจะให้นางทนได้อย่างไรแน่นอนว่าคนที่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลไม่ได้มีแค่ไม่กี่คนนี้เท่านั้นเพียงแต่เรื่องดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้ต้าฉู่ จึงย่อมไม่มีใครกล้าโต้แย้งณ ขณะนี้คนของศาลต้าหลี่และกรมสอบสวน ก็จัดเรียงคำสารภาพของอ๋องหรงเสร็จเรียบร้อยและนำมาถวายให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ต้าฉู่รู้เรื่องการสมคบคิดกบฏของอ๋องหรงมาจากหวานหว่าน แต่รายละเอียดยังไม่ทราบชัดเจนตอนนี้พอได้มาเห็นบันทึกนี้แล้วก็ก็ต้องโกรธจนเลือดขึ้นหน้าน้องชายแท้ ๆ ของตัวเองไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเลยจริง ๆ หมายจะเอาชีวิตตนนั้นยังไม่เท่าไร แต่ไม่สนใจความปลอดภัยของประชาชนต้าฉู่เลยสักนิดนี่สิจึงสั่งให้เสนาบดีหลินที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่เขียนจดหมายฉบับหนึ่งไปยังแคว้นเยว่เฟิงในจดหมายบอกเพียงว่าตอนนี้เรื่องที่อ๋องหรงสมคบคิดกับองค์รัชทายาทแคว้นเยว่เฟิงก่อกบฏถูกเปิดเผยแล้ว ให้ฮ่องเต้แคว้นเยว่เฟิงให้คําอธิบายด้วยในขณะนี้ติ้งกั๋วโหวได้มาถึงชายแดนแคว้นเยว่เฟิงนานแล้ว
เรื่องสงครามภายในของแคว้นเยว่เฟิงปล่อยไว้อย่างนั้นก่อน ตอนนี้คดีที่หรงหวังก่อกบฏได้รับการจัดการเกือบเรียบร้อยดีแล้ว วันนี้หลังจากว่าราชการช่วงเช้าเสร็จ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เสด็จไปที่ตำหนักชิงอวิ๋น"ข้าไม่ได้เจอหวานหว่านนานแล้ว" ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าวด้วยอารมณ์ปลงๆพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับยิ้มตอบเขาว่า "ในบรรดาองค์หญิงทั้งหมด หวานหว่านได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้มากที่สุดแล้ว"[ช่วงนี้เสด็จพ่อคงเหนื่อยแย่! ตอนนี้ก็จัดการเรื่องอ๋องหรงเสร็จแล้ว เรื่องเสนาบดีชุยก็สืบรู้แล้ว ตอนนี้ราชสำนักก็สะอาดสดใจขึ้นเยอะ ][แต่ในหัวข้อนี้ไม่มีในหนังสือนิทาน หรือว่าเป็นเพราะข้าและท่านแม่รอดชีวิตจึงเป็นตัวแปรให้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้?]ในใจของฮ่องเต้ต้าฉู่และพระสนมเฉินกุ้ยเฟยต่างคิดว่า ใช่ เป็นเพราะเจ้าฮ่องเต้ต้าฉู่เผลอกล่าวถึงเรื่องในราชสำนักต่อหน้าลู่ซิงหว่านอีกแล้วตอนนี้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเองก็ชินแล้ว จึงไม่พูดอะไรอีกแล้ว เพียงแต่รับฟังอย่างเงียบๆ"แคว้นเยว่เฟิงเกิดเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง" ฮ่องเต้ต้าฉู่เล่าเรื่องความวุ่นวายภายในของแคว้นเยว่เฟิงให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยฟังพระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่
การประชุมราชสำนักในเช้าวันต่อมา ย่อมต้องตกลงกันว่าจะจัดการกับเหอเหลียนเหรินซินและเหอเหลียนจูลี่อย่างไรและแน่นอนมีเสนาบดีกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกว่าแผนการที่เหอเหลียนเหิงซินเสนอมานั้นเยี่ยมยอด ประหารเหอแหลียนจูลี่เพื่อแสดงบารมีของแคว้นต้าฉู่ และเพื่อรับประกันว่าแคว้นเยว่เฟิงจะยอมจำนนอยู่ใต้แคว้นต้าฉู่ตลอดไป ให้เก็บอดีตรัชทายาทเหอเหลียนเหรินซินไว้เป็นเชลยในแคว้นต้าฉู่เพื่อยึดต่อรองกับเหอเหลียนเหิงซินส่วนอีกกลุ่มหนึ่งกลับเห็นว่า เหอเหลียนเหิงซินนั้นโหดร้ายมาก ตอนนี้เพียงแต่แกล้งจงรักภักดีอย่างจอมปลอมเท่านั้น ที่เขาเสนอข้อเรียกร้องดังกล่าวก็เพื่อต้องการให้แคว้นต้าฉู่จัดการเหอเหลียนจูลี่และเหอเหลียนเหรินซินแทนเขา เขาประหารอดีตไทเฮาแม่ผู้ให้กำเนิดของสองคนนี้ เขาก็กลัวว่าถ้าสองคนนี้กลับไปจะก่อให้เกิดกระแสได้สู้ส่งสองคนนี้กลับไปที่แคว้นเยว่เฟิงและปล่อยให้พวกเขากัดกันเองดีกว่าหลังจากฟังเสียงความคิดของลู่ซิงหว่านแล้ว แน่นอนว่าฮ่องเต้ต้าฉู่จะไม่เห็นด้วยกับแผนแรกแน่นอนแต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือแผนการที่สองถูกเสนอโดยองค์รัชทายาทตอนนี้องค์รัชทายาทมีอุปนิสัยที่กษัตริย์พึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่สัญญากับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไว้ก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงให้หัวหน้าฝ่ายพิธีการจัดงานขี้ม้าตีคลีอย่างจริงจังเดิมทีไทเฮาไม่อยากเข้าร่วม แต่ก็แพ้ลูกตื้อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่ไปเชิญหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายจึงตกลงความตั้งใจของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็คือให้ไทเฮาเข้าร่วมงานที่คึกคัก เพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของร่างกายให้ดีขึ้นแต่ว่าพระสนมหนิงเฟยไม่ใช่คนที่ชอบกีฬาขี้ม้าตีคลีและไม่ชอบงานที่คึกคักครื้นเครงด้วย นางบอกว่าสู้อยู่อ่านตำราแพทย์ในวังสักสองสามเล่มจะดีกว่าดังนั้นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงไม่ได้บังคับ เพียงแต่กำชับให้นางกำนัลดูแลพระสนมหนิงเฟยให้ดีเท่านั้นงานขี้ม้าตีคลีครั้งนี้ ฝ่ายพิธีการได้เลือกให้สนามขี้ม้าตีคลีส่วนพระองค์ แน่นอนว่าได้รับอนุญาติจากฮ่องเต้ต้าฉู่แล้ว และได้เชิญบรรดาครอบครัวของขุนนางตั้งแต่ระดับสามขึ้นไปมาเข้าร่วมเพราะกลัวว่าทุกคนจะรู้สึกเบื่อ ในงานขี้ม้าตีคลีจึงไม่เพียงแต่จัดให้มีมีการแข่งขันขี้ม้าตีคลีเท่านั้น แต่ยังมีงานประชันโคลงกลอนอีกด้วย และในงานก็ไม่แยกชายหญิงเป็นอันคึกคักมากทีเดียวเมื่อคณะของไทเฮามาถึง เป็นธรรมดาว่าเหล่าบบรรดาขุนนางต่างๆ และครอบคร
ซ่งชิงเหยียนมองไปที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ สีหน้าของเขาดูไม่ดีจริงๆ จากนั้นก็หันหน้าไปตบมือสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ “เป็นเรื่องในอดีตแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้วล่ะ”“เจ้าสนิทกับเล่อกุ้ยเหรินได้ดีที่สุด ตอนนี้ครรภ์ของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”ต้องบอกว่าความกังวลของสนมเล่อกุ้ยเหรินนั้นไม่ผิด สนมเยว่กุ้ยเหรินถือได้ว่าเป็นคนที่ปากไม่มีหูรูดจริงๆ แต่ก็เป็นคนที่ไม่คิดมากสําหรับเรื่องที่ซ่งชิงเหยียนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นางไม่สนใจแม้แต่น้อย รับเรื่องไว้แล้วก็พูดต่อจุดแรกของพวกเขาอยู่ที่ตําหนักนอกเมืองแห่งหนึ่งที่ชานเมืองฮ่องเต้ต้าฉู่เตรียมที่จะเก็บสัมภาระบางส่วนที่นี่ แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของพ่อค้าทั่วไป ค่อยเดินทางลงใต้ต่อไปทางด้านลู่ซิงหว่านอาจอยากลงใต้เพื่อไปเที่ยวเล่น แต่ถึงอย่างไรฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เป็นฮ่องเต้ ความคิดของเขาคืออยากดูว่าการเก็บเกี่ยวของราษฎรในปีนี้เป็นอย่างไร ชีวิตเป็นอย่างไรมากกว่ากลยุทธ์การช่วยเหลือราษฎรที่นําโดยองค์รัชทายาทก่อนหน้านี้ได้บรรลุผลจริงหรือไม่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราษฎรสงบสุข ใต้หล้านี้ถึงจะสงบสุขได้หลังจากเดินทางอย่างเรียบง่ายแล้ว ความเร็วของรถม้าก็เร็วขึ้น
“คุณหนูเดินทางลงใต้ในครั้งนี้ จึงให้หลานอิ่งและจวี๋อิ่งติดตามไปตลอดทาง” เพราะทุกครั้งที่ซ่งชิงเหยียนออกจากวัง นางมักจะถูกลอบสังหารเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าอย่างฮ่องเต้ต้าฉู่ เหม่ยอิ่งจึงไม่วางใจ“ส่วนข้าน้อยก็อยู่ในวัง คอยจับตาดูอยู่ในวังแทนคุณหนู” แทนที่จะบอกว่าจับตาในวัง ไม่สู้บอกว่าจับตาฮองเฮาจะดีกว่า “ไม่ว่าเรื่องอะไร ข้าน้อยจะแจ้งให้คุณหนูทราบทันที”พูดถึงตรงนี้เหมยอิ่งก็หันไปมองจู๋อิ่งอีกครั้ง “สําหรับจู๋อิ่ง เรื่องที่เผยซื่อจื่อถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ ยังคงหาเบาะแสไม่ได้ ถือโอกาสนี้ให้จู๋อิ่งเดินทางไปยังแคว้นต้าหลี่ด้วยตนเอง”ซ่งชิงเหยียนพยักหน้าและพอใจมากกับการจัดการของเหมยอิ่ง[ว้าว เหมยหลานจู๋จวี๋ที่อยู่ข้างกายท่านแม่นี่สิถึงเป็นสี่มหาพิทักษ์][ท่านแม่บอกมาสิว่า สหายเคียงบ่าที่เก่งกาจแบบนี้มีจุดจบหนึ่งศพสองชีวิตในนิทานได้ยังไงล่ะเนี่ย][แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว! ตอนนี้พวกเราเก่งมากเลย!]สองวันต่อมาในตอนฟ้าเพิ่งจะสาง รถของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูวังแล้วพระสนมทั้งหลายย่อมต้องมาส่ง แม้แต่สนมเล่อกุ้ยเหรินและสนมเหยาผินที่กําลังตั้งครรภ์ก็ม
สืบไปสืบมา กลับไม่ได้ผลอะไรเลยทางฝั่งตระกูลหาน ไม่ว่าจะเป็นตําหนักชิงอวิ๋น หรือตำหนักหลงเซิง แม้กระทั่งตําหนักจิ่นซิ่วของฮองเฮา ก็ยังส่งของขวัญมากมายไปให้หานซีเยว่ถึงอย่างไรหานซีเยว่ก็เกิดเรื่องในวังหลวง และก็เพื่อซ่งชิงเหยียนด้วยเนื่องจากไม่วางใจ ซ่งชิงเหยียนจึงให้จิ่นอวี้พาฉยงหัวไปที่จวนตระกูลหานอีกครั้ง อย่างไรก็ต้องดูว่าอาการบาดเจ็บของหานซีเยว่หายดีเป็นเช่นไร นางถึงจะวางใจ“ขอบพระทัยในความห่วงใยของพระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ” ตอนนี้หานซีเยว่ไม่เป็นอะไรแล้ว สีหน้าฮูหยินหานก็ดีขึ้นมากแล้ว “บุตรสาวข้าแค่บาดเจ็บทางผิวหนังเท่านั้น ไม่จําเป็นต้องให้พระสนมก่อความวุ่นวายเช่นนี้”แต่จิ่นอวี้ต้องทําตามคําสั่งของซ่งชิงเหยียน จึงให้ฉยงหัวตรวจดูหานซีเยว่อีกครั้งตอนนี้ทั้งในวังและนอกวังต่างก็รู้ว่าข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟยมีหมอหญิงที่มีความสามารถคนหนึ่ง ฝีมือการรักษายอดเยี่ยมมาก ฮูหยินหานย่อมปรารถนาเป็นอย่างยิ่งไม่นาน ฉยงหัวก็ออกมาจากห้องด้านใน มองไปทางฮูหยินหาน “ตอนนี้คุณหนูหานไม่เป็นอะไรแล้ว แม้มีดสั้นจะปักเข้าไปแล้ว แต่ยังดีที่เส้นเอ็นและกระดูกไม่บาดเจ็บ แค่ครึ่งเดือนนี้ พยายามอย่าให้คุ
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก