Share

บทที่ 0003

Author: อันอี่หราน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
หืม?

ขณะที่พบว่าเสียงดังกล่าวนี้ดังขึ้นในสมองของตน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ตกตะลึงพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อย

[ว้าว! ไอ้ท่ายักคิ้วนี่ ช่างดูเท่ห์ยิ่งนัก อะไรคือความเท่ห์เหลือใจ ก็คือประมาณนี้แหละ! สมแล้วที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงเสน่ห์ในนิทานเรื่องนี้!]

[เพียงแต่ไม่รู้ว่า ฮ่องเต้แบบนี้ จะหลงลูกสาวตัวเองจนเป็นทาสลูกสาวหรือเปล่า?]

นิทาน?

ทาสลูกสาว?

ฮ่องเต้ต้าฉู่มีสีหน้านิ่งเฉย ก้มหน้าลงไปดูทารกในอ้อมแขน

ดังนั้น เสียงที่อยู่ในสมองนี้ ก็คือเสียงของลูกสาวเขาหรือ?

ฮ่องเต้ต้าฉู่เหลียวมองพระสนมเฉินเฟย เห็นนางมีสีหน้าปกติ ไม่มีอาการอื่นใด ก็แสดงว่าเสียงพูดในใจขององค์หญิงน้อยมีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยิน

ว่าแล้วเชียว การที่ตนสามารถเจอสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นพวกนี้ได้ คงเพราะตนเป็นโอรสแห่งสวรรค์แน่นอน

จากนั้นจึงได้เบิ่งตาพิจารณามองดูทารกน้อยที่ยกสองมือขึ้น ยังพยายามที่จะสัมผัสใบหน้าของตนอย่างไม่ยอมแพ้

ฮ่องเต้ต้าฉู่เหยียดริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย พลางยกตัวนางขึ้นสูง และปล่อยให้นางสัมผัสใบหน้าตนตามอำเภอใจ

ไม่ผิดจากที่คิด ใบหน้ากลมแป้นเล็ก ๆ เหยียดปาก พร้อมผุดรอยยิ้มที่ไร้ฟันออกมา

[อุ๊ยตาย! ลูบได้แล้ว! ลูบได้แล้วจริง ๆ ด้วย! ในแคว้นต้าฉู่นี้ คนที่สามารถลูบหน้าเสด็จพ่อของเราแบบนี้ได้ ก็คงมีแต่เราคนเดียวล่ะมั้ง!]

[ยิ่งหน้าตาของเสด็จพ่อด้วยแล้ว ช่างสมกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่นักประพันธ์บรรยายซะยืดยาวจริง ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา บุคลิก ไหนจะรูปร่างอันผึ่งผาย ล้วนแต่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติทั้งนั้น!]

[มิน่าวังหลังถึงมีผู้หญิงหลายคนชิงดีชิงเด่นเพื่อจะเอาใจเขา จนแม้แต่เรา ยังเกือบตกเป็นเหยื่อการแก่งแย่งของพวกนางเลย!]

[ว่าแต่ว่า คนที่ติดสินบนแม่นมทำคลอดเพื่อจะให้เราตายในท้อง ก็คือสนมโหรวกุ้ยเหรินที่เพิ่งได้ถวายตัวให้เสด็จพ่อไม่นานมานี้นี่นา]

[ใครเลยจะไปนึกว่าสนมโหรวกุ้ยเหรินอายุเพียงสิบกว่าปี จะมีน้ำมือเหี้ยมโหดถึงปานนี้ ขนาดเด็กทารกที่ไร้เดียงสา ยังเข่นฆ่าได้ลงคอ!]

พระสนมเฉินเฟยที่แอบฟังเสียงพูดในใจของลู่ซิงหว่าน เดิมทียังอกสั่นขวัญที่ได้ยินนางกล่าวชมหน้าตาของฮ่องเต้ต้าฉู่อย่างเปิดเผย

ในขณะที่รู้สึกโล่งอก ที่มีนางเพียงผู้เดียวที่ได้ยินเสียงนี้ มิฉะนั้นความผิดฐานพูดเท็จต่อเบื้องสูงคงหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน

แต่ทันใดนั้น เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของนาง สีหน้าของพระสนมก็เปลี่ยนไป ที่แท้คนที่ติดสินบนแม่นมหลี่ก็คือสนมโหรวกุ้ยเหรินนั่นเอง

แถมสนมโหรวกุ้ยเหรินผู้นี้ได้เข้าวังมาก็ด้วยเส้นสายตระกูลซ่งของนาง

ปกติพบเจอกันทุกครั้ง ยังเรียกพี่เรียกน้องอย่างสนิทสนม ที่ไหนได้ คนที่คิดปองร้ายนางกับลูก ก็คือนังแพศยาคนนี้นี่เอง

พระสนมเฉินเฟยรู้สึกโกรธยิ่งนัก แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากบอกเรื่องแม่นมหลี่ให้ฮ่องเต้ได้รับรู้

ก็ได้ยินฮ่องเต้ต้าฉู่พูดขึ้นมาก่อนว่า “เฉินเฟย เมื่อครู่ตอนเข้าตำหนักมา เห็นข้างนอกจับแม่นมไว้คนหนึ่ง มีเรื่องอะไรกันเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่รอให้พระสนมเฉินเฟยได้เอ่ยปาก จิ่นซินก็รีบคุกเข่าลงพื้นเสียงดัง ร่ำไห้พูดตอบฮ่องเต้

“ขอฝ่าบาททรงให้ความเป็นธรรมแก่พระสนมด้วยเพคะ หากไม่เพราะพระสนมดวงแข็ง ป่านนี้คงถูกแม่นมหลี่ปองร้ายจนเสียชีวิต พร้อมกับองค์หญิงเก้าไปแล้วเพคะ”

[ใช่ ๆ ถ้าไม่เพราะในครรภ์ของท่านแม่มีเซียนอย่างข้ามาเกิด ป่านนี้คงถูกแม่นมอะไรนั่นเล่นงานจนตายไปแล้ว]

[ถึงตอนนั้น ท่านแม่ก็มีแต่จะตรอมใจจนไปโดดบ่อน้ำตาย มีจุดจบอย่างน่าอนาถ!]

ฮ่องเต้ต้าฉู่จับใจความคำพูดของลู่ซิงหว่านได้เพียงว่า “เซียนอย่างข้า” ได้ก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

เห็นไหมล่ะ องค์หญิงเก้าของเขา ก็คือเซียนบนสวรรค์มาจุติจริง ๆ ด้วย

พระสนมเฉินเฟยก็เช่นกัน แทบไม่อาจหักห้ามความตื่นเต้นดีใจได้ ลูกสาวของนางคือเซียนมาจุติ ช่างวิเศษเหลือเกิน!

เคราะห์ยังดี!

ที่ลูกรักเป็นเซียนมาจุติ มิฉะนั้นนางคงเป็นอย่างที่ลูกพูด

ลูกสาวถูกแม่นมหลี่ปองร้ายจนตาย นางก็ตรอมใจจนคิดสั้น

ทั้งคู่ล้วนเป็นผู้มีเหลี่ยมคูในใจ จึงต่างระงับความรู้สึกของตนไว้ เพื่อจะฟังว่าลู่ซิงหว่านจะพูดอะไรออกมาอีก

เห็นเพียงนางอ้าปากอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็หาวออกมา พร้อมกับนอนหลับสนิทไป

ฮ่องเต้ต้าฉู่โมโหมากกับเหตุการณ์ที่องค์หญิงน้อยถูกปองร้าย แต่เพื่อเห็นแก่ทารกที่หลับปุ๋ยในอ้อมแขน จึงได้แต่ระงับอารมณ์ไว้ก่อน

แม้ว่าไม่อยากปล่อยมือ แต่ก็ต้องมอบให้จิ่นซินอย่างระมัดระวัง และหันไปพูดกับพระสนมเฉินเฟยว่า “เฉินเฟย ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องนี้ ข้าจะให้คำตอบที่เจ้าพอใจแน่นอน”

พระสนมเฉินเฟยต้องคลอดก่อนกำหนดเนื่องจากหกล้ม หากไม่เพราะได้รับพลังจิตจากลู่ซิงหว่านช่วยพยุงไว้ ป่านนี้คงทรุดไปนานแล้ว

เมื่อได้ยินฮ่องเต้พูดเช่นนี้ จึงได้วางใจปล่อยเรื่องนี้ให้เขาไปจัดการ

“พาคนเข้ามาเดี๋ยวนี้”

อิ่งเหมยรับคำสั่งพร้อมนำตัวแม่นมหลี่เข้ามา

แม่นมหลี่รู้ว่าเรื่องถูกเปิดโปง ก็ได้หวาดกลัวจนตัวสั่นนานแล้ว ยิ่งมาเห็นฮ่องเต้ต้าฉู่มาไต่สวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ก็ยิ่งอ่อนแรงจนกองไปกับพื้นทันที

เพียงคำพูดสั้น ๆ ก็สารภาพความจริงออกมาจนหมดสิ้น

“ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตด้วยเพคะ พระสนมเฉินเฟยโปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยเถิดเพคะ เพราะโหรวกุ้ยเหรินเพคะ นางสั่งให้ข้าน้อยทำเช่นนี้”

“สนมโหรวกุ้ยเหรินให้ข้าน้อยโรยหินกลมในที่ที่พระสนมเฉินเฟยมักไปเดินเล่นบ่อย ๆ เพื่อให้พระสนมลื่นล้มเพคะ”

“รอจนพระสนมมีอาการคลอดก่อนกำหนด ค่อยทำให้เด็กเสียชีวิตในครรภ์ จากนั้นก็อ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีร่องรอยให้สืบสวนเพคะ”

“ครอบครัวของข้าน้อยอยู่ในมือโหรวกุ้ยเหรินทั้งสิ้น ข้าน้อยจึงไม่กล้าขัดคำสั่งของนางเพคะ!”

หลังจากฟังคำให้การของแม่นมหลี่ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็สีหน้าบึ้งตึง

“ใครก็ได้ ไปพาตัวโหรวกุ้ยเหรินมา!”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เมิ่งฉวนเต๋อรีบรับบัญชา พาคนไปจับโหรวกุ้ยเหรินด้วยตัวเอง

เห็นได้ชัดว่าสนมโหรวกุ้ยเหรินคาดคิดไม่ถึงว่า แผนการที่แนบเนียนยิ่งแบบนี้ เหตุใดจึงได้ล้มเหลวไปได้

พอถูกนำตัวมายังตำหนักชิงอวิ๋น ก็ร้องห่มร้องไห้ ดิ้นรนขัดขืนเป็นการใหญ่

ทำเอาลู่ซิงหว่านที่เพิ่งนอนหลับไป ถูกกวนจนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

พอลืมตาขึ้น ก็คิดเอ่ยปากด่าว่าสักหน่อย

แต่พอออกเสียง ก็กลายเป็นเสียงร้องไห้ของทารกน้อยซะงั้น

ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของนาง พระสนมเฉินเฟยกับฮ่องเต้ก็ลนลานเป็นอย่างมาก รีบมาอุ้มพร้อมกับขับกล่อม

จิ่นซินเห็นทั้งสองคนมีอาการลนลานคล้ายทำอะไรไม่ถูก จึงได้กล่าวอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทเพคะ พระสนม องค์หญิงเก้าจะหิวนมหรือเปล่าเพคะ?”

“ใช่ๆ ๆ ลูกคงหิวแล้ว รีบให้แม่นมมาเร็ว ๆ เข้า” ฮ่องเต้รีบกวักมือ

เพียงไม่นาน แม่นมที่ได้เตรียมไว้ก็มาเข้าเฝ้า พร้อมรับตัวลู่ซิงหว่านไปป้อนนม

ลู่ซิงหว่านเห็นหน้าตา ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ [หา? ไม่นะ ไม่ ข้าไม่ต้องการแม่นมคนนี้ป้อนนมนะ]

ทั้งฮ่องเต้ต้าฉู่และพระสนมต่างก็ตกใจ หรือว่าแม่นมคนนี้ก็มีปัญหาด้วยเหมือนกัน?

[แม่นมคนนี้มีกลิ่นตัวแรง ข้าต้องการท่านแม่ที่ตัวหอม...]

ได้ยินดังนี้ ทั้งคู่ก็ค่อยถอนหายใจ พลางยิ้มด้วยความเหนื่อยใจ

พระสนมเฉินเฟยยื่นมือออกไปพร้อมกล่าวต่อ “ฝ่าบาทเพคะ ลูกร้องไห้งอแง คงไม่อยากให้แม่นมป้อน ถ้ายังไงให้หม่อมฉันป้อนเองจะดีกว่านะเพคะ!”

สีหน้าฮ่องเต้ค่อยหายตึงเครียด แอบคิดในใจว่าเฉินเฟยช่างรู้ใจนัก ไม่ต้องให้เขาเอ่ยปากด้วยความลำบากใจ

“ถ้าเช่นนั้น คงต้องลำบากเจ้าหน่อยแล้วล่ะ!”

“หม่อมฉันป้อนนมให้แก่ลูกของหม่อมฉันกับฝ่าบาท มีแต่ความอิ่มเอิบใจ ไม่ลำบากหรอกเพคะ”

พระสนมเฉินเฟยยิ้มอ่อนโยน พลางรับตัวลู่ซิงหว่านมา อุ้มนางไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง และเริ่มป้อนนมให้

[อุ๊ย! น่าอายจัง! แต่ว่า อึ้ม...ช่างหอมหวานเหลือเกิน]

ลู่ซิงหว่านแม้จะขัดขืนอยู่ในใจ แต่ด้วยสัญชาติญาณของทารก เมื่อได้กลิ่นหอมของน้ำนม ก็รีบดูดเอา ๆ โดยไม่รีรอ
Comments (1)
goodnovel comment avatar
คุณป้า ฆ่าไม่ตาย
ดีดีมาก อ่านดีน่าติดตาม
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0004

    ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูลู่ซิงหว่านที่ชูกำปั้นน้อยสองข้างใบหน้ากลมปุ๊กพร้อมกับผิวเนียนใส แต่เพราะดูดนมเร็วเกินไปจึงมีอาการสะอึกเล็กน้อย ท่วงท่าน่ารักจนใครเห็นก็หัวใจแทบละลายทั้ง ๆ ที่เขามีลูกตั้งสิบกว่าคนแล้ว แต่ยังรู้สึกราวกับเพิ่งเป็นพ่อคนครั้งแรก สายตาจ้องมองลู่ซิงหว่านอย่างหลงใหล ประหนึ่งนอกจากนางแล้ว สิ่งอื่นใดในโลกก็ล้วนไม่อยู่ในสายตาอีกโหรวกุ้ยเหรินคุกเข่าลงที่พื้น จับตาทุกอิริยาบถของฮ่องเต้ต้าฉู่ แววตาเต็มไปด้วยความริษยาและโกรธแค้นเมิ่งฉวนเต๋อซึ่งสั่งให้ปิดปากโหรวกุ้ยเหรินเสีย เพราะเกรงว่าจะรบกวนลู่ซิงหว่านอีก มองเห็นแววตาของนางเข้า รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก รีบเตือนฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ โหรวกุ้ยเหรินผู้นี้...”ฮ่องเต้ต้าฉู่หันหน้ามา แววตาอ่อนโยนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ลากตัวผู้หญิงคนนี้ออกไปแล้วโบยให้ตายซะ ส่วนตระกูลเดิมของนางให้ปลดเป็นไพร่ เนรเทศไปอยู่หอหนิงกู่!”“ฮือ ๆ ๆ...”สนมโหรวกุ้ยเหรินเบิกตาโพลงคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และถูกลากตัวออกไปในสภาพที่ปิดปากสนิทแบบนั้น[ว้าว! เสด็จพ่อทรงเท่ห์มากเลย!][แต่ว่า ในนิทานไม่ได้เขียนแบบนี้นี่นา โหรวกุ้ยเหริน

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0005

    “ฝ่าบาท ฟ้าประทานหยาดฝน สายรุ้งเรืองรอง นี่คือประกาศิตจากสวรรค์ ว่าการถือกำเนิดขององค์หญิงเก้า คือวาสนาของแคว้นต้าฉู่เรานะพ่ะย่ะค่ะ!”เมิ่งฉวนเต๋อมองดูปรากฏการณ์เบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง พร้อมเอ่ยปากทูล มหาขันทีผู้ชาญฉลาด ไม่รู้ว่าจะพูดจริงหรือไม่ แต่ความรักที่ฮ่องเต้ต้าฉู่มีแต่ลู่ซิงหว่าน เป็นสิ่งที่เขาเห็นกับตาอยู่ ในยามนี้ พูดแต่เรื่องน่าฟัง ย่อมจะถูกใจคนฟังมากกว่า“ฮ่าๆๆ ถูกต้อง การเกิดมาของหวานหว่าน คือความเมตตาที่สวรรค์มีต่อข้าจริง ๆ!”ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมเห็นด้วยกับคำพูดของเมิ่งฉวนเต๋ออยู่แล้ว ด้วยดีใจเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยปากต่อ “สั่งการลงไป คนในตำหนักชิงอวิ๋นทุกคน แจกรางวัลตอบแทนอย่างงามให้หมดทุกคน!”“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”ความอารมณ์ดีของฮ่องเต้ต้าฉู่ ยังคงมีต่อเนื่องจนไปถึงหน้าห้องทรงอักษรเท่านั้นแต่แล้วความปลาบปลื้มยินดีที่หวานหว่านนำมาให้เขาก็แทบจะหายไปทันที เมื่อมองเห็นร่างที่ยืนอยู่ในห้องทรงอักษร“ถวายบังคมเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ!”หรงอ๋องคุกเข่าลงพื้นพร้อมคำนับฮ่องเต้ตามธรรมเนียม“ลุกขึ้นเถิด!” ฮ่องเต้ต้าฉู่สีหน้าไม่สู้ดีนัก พร้องเดินเข้าห้องทรงอักษร ตรัสถามหรงอ๋

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0006

    หลายวันต่อมา หลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่ “เลียบๆ เคียงๆ” ถามความเห็นลู่สิงหว่านอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้นางในนามว่า “หย่งอัน”“เมิ่งฉวนเต๋อ ประกาศไปยังวังหลังทั้งหกตำหนัก องค์หญิงเก้ามีชื่อบรรดาศักดิ์ว่า “หย่งอัน” ครบเดือนเมื่อไหร่จะมีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ” ในเมื่อทรงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แก่ลู่สิงหว่านแล้ว ก่อนอื่นก็คือประกาศให้ทุกคนได้รู้กันทั่ว[ว้าว เสด็จพ่อช่างรักลูกเหลือเกิน เป็นลูกสาวของเสด็จพ่อช่างมีความสุขนัก]พระสนมเฉินเฟยได้ยินความในใจของบุตรสาวเช่นนี้ จึงได้ลูบใบหน้าน้อย ๆ ของนางอย่างมีความสุข และเห็นฮ่องเต้ก็มองดูลู่สิงหว่านด้วยรอยยิ้มเช่นกันพระสนมเฉินเฟยรู้สึกแปลกใจยิ่ง เป็นความประหลาดใจเหลือจะกล่าว หมู่นี้ฮ่องเต้ชักจะมีรอยยิ้มมากไปเสียแล้ว ฮ่องเต้ที่สีหน้าเย็นชาในอดีตหายไปไหน?นางหันไปมองดูหวานหว่านที่อยู่ในเปล หรือจะเป็นเพราะลูกคนนี้?ทันทีที่มีราชโองการออกไป วังหลังก็เริ่มมีคนนั่งไม่ติดแล้วรุ่งขึ้นวันที่สอง ได้ยินว่าฮ่องเต้เลิกประตูได้เสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นอีก พระสนมเต๋อเฟยก็รู้สึกโกรธยิ่งนัก นับแต่ลู่สิงหว่านเกิดมา นางไม่ได้เจอหน้าฝ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0007

    ส่วนทางพระสนมเต๋อเฟยเมื่อกลับถึงตำหนักฉางชิว ก็ได้ขว้างปาเครื่องกระเบื้องไปหลายชิ้น จึงค่อยหายโกรธบ้าง“พระสนมใยต้องโกรธเช่นนี้ด้วยล่ะเพคะ” สาวใช้คนสนิทไป๋จื่อทุบไหล่ให้นางพลาง พร้อมกับกล่าวปลอบใจ “คนที่ตำหนักชิงอวิ๋นให้เป็นที่โปรดปรานเพียงไหน นางก็มีลูกสาวแค่คนเดียว ส่วนพระสนมน่ะมีองค์ชายตั้งสองคนนะเพคะ นางจะมาเทียบได้ยังไง?”พระสนมเต๋อเฟยได้ยินดังนี้แต่ไม่เห็นชอบด้วย “ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อนาง นางจะต้องกังลวไม่มีลูชายไปทำไมกัน? และตระกูลเดิมนางก็เป็นติ้งกั๋วโหวด้วย”ไป๋เวยอยู่ด้านข้างรีบเดินมา “ติ้งกั๋วโหวเป็นเพียงขุนนางบู๊ แต่ตระกูลเดิมของพระสนมเป็นถึงเสนาบดี ทั้งยังเป็นที่ไว้วางพระทัยของฝ่าบาทอีกนะเพคะ”“พวกเจ้าสองคนเอาใจข้าเก่งนัก” ภายใต้การปลอบโยนของสาวใช้ พระสนมเต๋อเฟยก็ค่อยหายขุ่นเคืองบ้างแต่พอนึกถึงเรื่องสนมโหรวกุ้ยเหรินเมื่อหลายวันก่อน นางก็รู้สึกไม่สบายใจอีก จึงให้ไป๋จื่อส่งข่าวถึงบิดา ว่าเลิกประชุมเมื่อไหร่ให้มาตำหนักฉางชิวสักครั้งไต้เท้าชุยรับจดหมายจากไป๋จื่อ เลิกประชุมจึงรีบมาทันที“ท่านพ่อ จัดการคนในครอบครัวของโหรวกุ้ยเหรินไปแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?” พระสนมเต๋

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0008

    ครึ่งเดือนถัดมา งานเลี้ยงครบเดือนขององค์หญิงหย่งอันก็ถูกจัดขึ้นเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่คิดจัดเป็นงานใหญ่ แต่ถูกพระสนมเฉินเฟยห้ามไว้ เหตุเพราะตำแหน่งของติ้งกั๋วโหว บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างตนกับรัชทายาท นางรู้สึกว่าฐานะล่อแหลม เป็นที่จับจ้องของทุกฝ่าย จึงอย่าให้เอิกเกริกจะดีกว่าเดิมฮ่องเต้ก็ไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็พ่ายให้แก่ความยืนกรานของพระสนมเฉินเฟย จึงตัดสินใจไม่เชื้อเชิญเหล่าขุนนางทั้งหลาย แค่ปิดตำหนักฉลองก็เพียงพอวันนี้อากาศไม่สู้ดีนัก เดิมทีพระสนมเฉินเฟยคิดจะไปคนเดียว ที่ไหนได้ขณะออกจากตำหนัก หูก็ได้ยินเสียงบ่นอ้อแอ้ของเด็กน้อย[วันนี้เป็นวันครบเดือนของเรา ซ้ำยังมีพิธีแต่งตั้งอีก ทำไมไม่พาเราไปด้วย ท่านแม่ไม่รักเราแล้วหรือ ฮือ ๆ ๆ...]พระสนมเฉินเฟยได้ยินดังนี้ ก็หยุดชะงักที่หน้าประตู หันหน้ามามองลู่ซิงหว่าน พร้อมกับถอนหายใจ “พาหวานหว่านไปด้วยก็ได้มั้ง เพราะเป็นพิธีแต่งตั้งของนางเอง”[เย้ ท่านแม่น่ารักที่สุดในโลกเลย!” ]พระสนมเฉินเฟยยิ้มอย่างอ่อนใจ แต่ก็มีความสุขนักในวันนี้ ลู่ซิงหว่านในฐานะเจ้าของงาน ย่อมได้รับของขวัญมากมายหลายชิ้นถึงคราวที่พระสนมเต๋อเฟยจะให้ของขวัญ ลู่ซิงหว่านดูแล้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0009

    “ชิงเหยียน ข้ายังมีธุระต้องขอตัว” ภายใต้คำเตือนของลู่ซิงหว่าน ฮ่องเต้ต้าฉู่เริ่มตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างเหยียนหลินจือกับเสนาบดีชุย เมื่อคิดได้ดังนี้ ก็รีบเสด็จออกจากตำหนักชิงอวิ๋น ตรงไปยังห้องทรงอักษรทันที“อิ่งอี เจ้าไปสืบเสนาบดีชุยกับองค์ชายสาม” ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่คาดคิดว่า ราชสำนักของตนจะวุ่นวายถึงเพียงนี้ เริ่มจากหรงอ๋องสมคบศัตรูหวังก่อกบฏ จนมาถึงลูกชายของตนที่คิดปองร้ายต่อพี่น้องหากเป็นดั่งที่หวานหว่านพูดจริง ตนก็น่าจะอยู่ได้อีกไม่เกินสามปีบัดนี้เรื่องหรงอ๋องยังไม่ทันสะสาง ก็มีเรื่ององค์ชายสามโผล่มาอีก ช่างน่าปวดหัวจริงๆหากเป็นส่วนตัวยังพอว่า แต่แคว้นต้าฉู่ถ้าไปอยู่ในมือหรงอ๋องหรือไม่ก็องค์ชายสาม คงจะประสบกับความหายนะเป็นแน่ที่แล้วมาหรงอ๋องถูกเสด็จแม่ตามใจจนเสียคน วัน ๆ เอาแต่ดื่มสุราเคล้านารี พูดให้น่าเกลียดหน่อยก็คือลูกล้างผลาญดี ๆ นั่นเองในขณะที่องค์ชายสามนิสัยเหี้ยมโหด ความสามารถไม่ถึงแต่ทะเยอทะยาน หากแผ่นดินไปอยู่ในมือเขา ก็คงไม่ได้ยั่งยืนแน่นอนถึงตอนนั้น เกิดศึกสงครามรอบด้าน ที่รับเคราะห์คงไม่พ้นเหล่าราษฎร ยังไม่รู้ว่าจะบาดเจ็บล้มตายอีกเท่าไหร่ไม่ถึงครึ่งวัน อิ่งอีก

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0010

    ไม่กี่วันต่อมา ไทเฮาก็เสด็จกลับวัง ฮ่องเต้ต้าฉู่ทรงนำนางสนมกลุ่มหนึ่งมารอที่ประตูพระราชวังแต่เช้า ราชรถอันวิจิตรงดงามค่อยๆ สะท้อนสู่สายตาของทุกคนอย่างช้าๆอีกด้านของราชรถ เป็นปกติที่จะมีนางข้าหลวงข้างกายและขันทีคอยรับใช้ไทเฮาอีกด้านหนึ่งคือองค์ชายรองลู่จินหยู่ที่ร่วมเดินทางกับไทเฮาไปวัดหมิงจิ้งเพื่อขอพร รวมถึงเผยฉู่เยี่ยนซื่อจื่อน้อยของจวนอันกั๋วกงไทเฮานั้นมีแม่นมซูผู้เป็นแม่นมข้างกายคอนปรนนิบัติตอนลงจากราชรถ ฮ่องเต้ต้าฉู่รีบก้าวเดินมาด้านหน้าอย่างรวดเร็วและช่วยประคองไทเฮา “เสด็จแม่ เสด็จไปวัดหมิงจิ้งงลำบากพระองค์แล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ”เนื่องจากภัยแล้งรุนแรงในแคว้นต้าฉู่เป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน เป็นผลให้ในฤดูใบไม้ผลิประชาชนไม่สามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้ แค่มองก็รู้ว่าผู้คนตกอยู่ในความทุกข์ยาก เป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้ามีความอดอยากในทุกหนทุกแห่งอีกทั้งในวังหลังก็ไม่มีฮองเฮานั่งบัญชาการ ไทเฮาจึงเสด็จไปที่วัดหมิงจิ้งงวัดประจำแคว้นต้าฉู่เป็นการส่วนตัวเพื่ออธิษฐานขอพรแก่แคว้น เหล่าสนมไม่จำเป็นต้องไปด้วย จึงแค่เลือกองค์ชายรองติดตามไปด้วยเท่านั้นไทเฮาตบไปที่มือฮ่องเต้ต้าฉู่ กล่าวอย่างชื่นใจว่า “

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0011

    เมื่อองค์ชายสามมาถึงตำหนักฉางชิว ฮ่องเต้นั้นก็แค่ทดสอบบทเรียนบางอย่างแก่องค์ชายสาม จากนั้นก็เรียกมาอยู่ข้างเขาตอนนี้จิ่นเฉินก็โตขึ้นแล้วควรค่อย ๆ คลุกคลีกับเรื่องการเมืองบ้าง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็ติดตามพี่ใหญ่และพี่รองของเจ้าไปประชุมเช้าด้วยเถอะ” ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยน“จริงหรือพะยะค่ะ?” องค์ชายสามเดิมทีก็เป็นคนเปิดเผยความคิดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินที่ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าว ก็เป็นธรรมดาที่จะมีความสุข “ลูกขอบคุณเสด็จพ่อพะยะค่ะ”พระสนมเต๋อเฟยรีบกล่าวยับยั้ง “ฝ่าบาท จิ่นเฉินเพิ่งจะอายุสิบสามปีนะเพคะ ยังเป็นแค่เด็กอยู่เลย จะเข้าร่วมประชุมเช้ได้ยังไงกันเพคะ นอกจากนี้ตอนนี้ก็ยังมีองค์รัชทายาทคอย...”ฮ่องเต้ต้าฉู่ขัดจังหวะนาง “ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เต๋อเฟย ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความอีก”หลังจากพูดจบแล้วก็ชี้ไปที่พระสนมเต๋อ “อีกอย่าง จิ่นเฉินร่ำเรียนได้ไม่เลว เจ้าเลี้ยงดูได้ดีมาก”“ขอบพระทัยสำหรับคำชมเพคะ ฝ่าบาท” เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระสนมเต๋อก็รีบแสดงกล่าวคำขอบคุณ“เมิ่งฉวนเต๋อ แจ้งเหล่าสนมด้วยว่าพระสนมเต๋อได้รับการเลื่อนยศเป็นพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแล้ว” หลังจากพูดจบก็ชี้ไปที่พระสนมเต๋อ “คืน

Latest chapter

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0619

    คิดในใจ ลู่ซิงหว่านจึงใช้ทั้งมือและเท้าเดินกลับไปหาหานซีเยว่อีกครั้ง แล้วประคองโต๊ะเล็กให้ลุกขึ้นตอนนี้หานซีเยว่เปิดกล่องนั้นแล้ว เป็นกําไลหยกที่โปร่งใสซ่งชิงเหยียนถึงยิ้มแล้วพูดต่อ “ไม่ถือว่าเป็นกําไลที่ดีอะไรหรอก แต่เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้”ลู่ซิงหว่านเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือของหานซีเยว่ที่ถือกําไลนั้นถึงกับสั่นนางวางกําไลนั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วผลักไปตรงหน้าซ่งชิงเหยียน “พระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารับไว้จริงๆ”ซ่งชิงเหยียนกลับยิ้มพลางยืนขึ้น หยิบกําไลหยกนั้นไว้ในมือ เดินไปตรงหน้าหานซีเยว่ แล้วสวมแทนนาง “การแต่งงานของเจ้ากับองค์รัชทายาท พวกข้าพอใจมาก ฮองเฮาองค์ก่อนก็ต้องพอใจมากเช่นกัน”ตอนนี้เมื่อซ่งชิงเหยียนพูดถึงซ่งชิงหย่าอีกครั้ง นางก็รู้สึกสงบมากขึ้นกว่าเดิม“กําไลวงนี้เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้ บอกว่าจะมอบให้ว่าที่ลูกสะใภ้ “น่าเสียดายที่นางเองไม่มีโอกาสได้มอบมันให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องให้น้องสาวอย่างข้าทําแทน”“เดิมทีจะมอบให้เจ้าในพิธีปักปิ่นของเจ้า แต่วันที่เจ้าเข้าพิธีปักปิ่นนั้น ข้าเกรงว่าจะมีธุระไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ ดังนั้นจึ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0618

    หลังจากได้ยินคําพูดของซ่งชิงเหยียน ฉยงหัวก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ“จะได้หรือ?” คําพูดของฉยงหัวแฝงความหมายหยั่งเชิงอยู่บ้าง นางย่อมยินยอมไปหลายวันมานี้นางก็คิดได้แล้ว ดีชั่วตอนนี้ตนเองสูญเสียพลังจิตวิญญาณไปแล้ว แทนที่จะมัวยึดติดกับการตามหาหวานหว่าน สู้สงบจิตสงบใจ เสพสุขกับชีวิตในตอนนี้จะดีกว่าบางทีหลังจากที่อาจารย์ของหวานหว่านออกจากการเก็บตัวแล้ว เห็นว่าตัวเองก็ไม่อยู่แล้ว ย่อมมาช่วยเองอยู่แล้ว“แน่นอน ข้าจะไปถามความหมายของฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”“คิดว่าฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธแน่ ฝีมือการรักษาของแม่นางฉยงหัวยอดเยี่ยมมาก หากได้แม่นางฉยงหัวมาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย นั่นคงจะดีไม่น้อย”แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของซ่งชิงเหยียนเท่านั้น ที่นางอยากพาฉยงหัวออกไปก็เพราะหวานหว่านหวานหว่านชอบพี่ฉยงหัวขนาดนี้ ย่อมต้องอยากอยู่กับนางตลอดไปอยู่แล้วจิ่นซินและจิ่นอวี้เก็บข้าวของเกือบทั้งคืน พวกนางเอาเข้าไป ซ่งชิงเหยียนเอาออกมา แบบนี้ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็ทิ้งกล่องใหญ่สองใบไว้ซ่งชิงเหยียนประนีประนอมแล้วนางพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ให้คนขับรถม้าของฝ่าบาทเหนื่อยหน่อยละกัน!ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องสําคั

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0617

    ต้องบอกว่าของข้างนอกอร่อยกว่าของในวังจริงๆในนิทานล้วนบอกว่าชีวิตของพระสนมหวงกุ้ยเฟยในวังนั้นงดงามและสบายแค่ไหน แต่ลู่ซิงหว่านกลับรู้สึกว่า ไม่ได้สบายอยู่ข้างนอก[ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็คงดีไม่น้อย ยังไงก็มีเงิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย][อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย สามารถกินอาหารที่พ่อครัวทําได้มากมาย พ่อครัวทำขนมในวังเหล่านี้ ข้ากินจนเบื่อแล้ว][เสด็จย่ากินมาตั้งหลายปี ยังกินไม่เบื่ออีกหรือ?]ซ่งชิงเหยียนบ่นในใจว่า เบื่อสิ แน่นอนว่านางกินจนเบื่อแล้ว ขนมที่องค์หญิงใหญ่นํามาจากหอฝูหม่านครั้งที่แล้ว ไทเฮาพูดตรงๆ เลยว่าอร่อยตอนนี้ซิงรั่วเกือบจะส่งคนมาส่งที่วังทุกสองวันก็ถือว่ามีใจแล้วจริงๆ เมื่อซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่ ฉยงหัวก็มาหานางมองท่าทางของจิ่นซินและจิ่นอวี้ที่กําลังยุ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง"พระสนมหวงกุ้ยเฟยนี่คือ..."คําพูดที่เหลือฉยงหัวไม่กล้าพูดออกมา ถูกโจรปล้นหรือ?“พี่ฉยงหัว!” ลู่ซิงหว่านพูดพลางพลิกตัวลงจากเตียง แล้ววิ่งไปหาฉยงหัวซ่งชิงเหยียนมองท่าทางคล่องแคล่วของลู่ซิงหว่านแล้วก็ตกตะลึงนางรู้ว่าหวานหว่านชอบพี่สาวฉยงหัวคนนี้มาก แต่เตียงนุ่มที่สูงขนาดนี้ น

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0616

    คิดถึงตรงนี้ องค์หญิงหกก็เงยหน้ามองไปยังทิศทางของฮ่องเต้ต้าฉู่อีกครั้ง ในใจเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นณ ตําหนักข้างของตําหนักเหวินอิงในเวลานี้ สนมเยว่กุ้ยเหรินก็กําลังพบท่านแม่ของตนเช่นกัน“เดิมคิดว่าเจ้าเป็นเพียงกุ้ยเหรินเล็กๆ ข้าไม่มีโอกาสเข้าวัง” ตอนนี้ฮูหยินเจิ้ง แม่ของสนมเยว่กุ้ยเหรินกําลังอยู่ในตําหนักของสนมเยว่กุ้ยเหริน มองสิ่งของในวังของนางไปๆมาๆ สัมผัสไปๆมาๆ ในใจรู้สึกน่าทึ่งเป็นมาก“ของในวังนี้ดีจริงๆ ทุกชิ้นประณีตขนาดนี้”เพราะรู้พฤติกรรมของแม่ตัวเอง สนมเยว่กุ้ยเหรินจึงไล่สาวใช้ข้างกายออกไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางแค่นั่งอยู่บนตั่งนุ่ม มองใบหน้าละโมบของแม่ตัวเองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เดิมทีนางก็ไม่อยากเจอแม่ของตัวเองอยู่แล้วแม่ของคนอื่นๆ เข้าวังด้วยความห่วงใยและสงสารลูกสาวของพวกเขาแล้วแม่ของตัวเองล่ะเอาแต่โทษตัวเองที่ไร้ประโยชน์ โทษตัวเองที่แย่งความรักไม่เป็น โทษตัวเองที่ให้กําเนิดลูกไม่ได้เมื่อสนมเยว่กุ้ยเหรินคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินเจิ้งพลันหันหน้ามา เดินมาข้างกายนางอย่างลึกลับ ล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของตัวเอง แล้วยัดใส่มือสนมเยว่กุ้ยเหริน“เจ้าเป็นคนที่ไม่เอาไห

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0615

    เดิมคิดว่าเสด็จพ่อจะให้รางวัลตัวเอง แต่การไปเรียนหนังสือจะถือเป็นรางวัลอะไรได้เมื่อก่อนนางเคยได้ยินลู่ซิงยุ่นบ่นว่าอาจารย์คนนี้เข้มงวดขนาดไหน ยังต้องทําการบ้านอีก นั่นไม่แตกต่างจากการคัดลอกพระคัมภีร์ในตําหนักเหยียนหัวของนางหรอกหรือนางไม่อยากไปหรอก!เมื่อเห็นท่าทางของลู่ซิงหุย ลู่ซิงหว่านก็อดหัวข้าะคิกคักไม่ได้[เสด็จพ่อ ดูเหมือนว่าลูกสาวของท่านดูเหมือนจะไม่ชอบเรียนหนังสือนะ][แต่ก็ใช่ เด็กบ้านไหนชอบเรียนหนังสือกัน เดิมคิดว่าเสด็จพ่อจะให้รางวัลอะไรแก่นาง การเรียนหนังสือนี้นับเป็นรางวัลอะไรได้]ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ไม่สนใจ ในฐานะที่เป็นองค์หญิง ไม่เรียนหนังสือย่อมไม่ได้อยู่แล้วองค์หญิงทุกคนล้วนถูกส่งไปที่ห้องเรียนเมื่ออายุหกขวบ แม้ว่าจะแตกต่างจากเหล่าองค์ชาย แต่ก็มีอาจารย์สอนพิเศษฮ่องเต้ต้าฉู่หันไปมองพระสนมเหวินเฟยอีกครั้ง “ตอนนี้ซิงเหยียนอยู่ข้างกายเจ้า รู้สึกสบายใจกว่าเมื่อก่อนมากนะ”“เพียงแต่ตอนนี้ต้องพาเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้มาด้วย ลําบากเจ้าแล้วจริงๆ”เด็กๆ มีความสุขหรือไม่นั้น มักจะมองปราดเดียวก็รู้แล้วลู่ซิงเหยียนเป็นเพียงเด็กอายุสามขวบเท่านั้น เมื่อก่อนสนมซูผินดูแลเองไม่มาก

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0614

    ครั้งนี้ลู่ซิงหว่านเดาผิดแล้วที่ลู่ซิงหุยพูดประจบด้วยเป็รเรื่องจริง นางกลัวที่จะไปคัดลอกหนังสือธรรมมะที่ตําหนักเหยียนหัวแล้วจริงๆ จึงไม่กล้าทะเลาะกับพี่น้องของตนอย่างโจ่งแจ้งอีกแล้วเพราะพอเสด็จพ่อทรงกริ้วขึ้นมา มันน่ากลัวมากเลยเพราะว่าเมื่อก่อนสนมซูผินปฏิบัติต่อองค์หญิงเจ็ดเพียงแค่เป็นของเล่นเท่านั้น ไม่ได้ใส่ใจนางมากนักพูดตามคําพูดขององค์หญิงรอง เสด็จแม่ของพวกนางเลี้ยงดูพวกนางสองพี่น้อง ก็ไม่มีอะไรมากไปแค่ให้มีกินมีใส่ ขอเพียงไม่อดตายก็พอแล้วดังนั้นหลังจากที่องค์หญิงเจ็ดมาถึงข้างกายของพระสนมเหวินเฟยแล้ว จึงสามารถไปเที่ยวที่อุทยานหลวงได้บ่อยๆ และแน่นอนว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นลู่ซิงหุยนางชี้ไปที่ลู่ซิงและพึมพําว่า"พี่สาวคนสวย"[ตาบอดตั้งแต่อายุยังน้อย][ฮึ่ม ข้าจะไม่เล่นกับเจ้าอีกแล้ว เจ้าเด็กขี้ประจบ]ประโยคนี้ขององค์หญิงเจ็ดทําให้ลู่ซิงหุยพอใจจริงๆ ลู่ซิงหุยจึงย่อตัวลงทันทีและเข้าไปใกล้หน้าองค์หญิงเจ็ด “ซิงเหยียนเป็นเด็กดี”เป็นเด็กดีมากเมื่อเทียบกับไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านนั่นต้องบอกว่าวันนี้ลู่ซิงหุยโชคดีมาก ในขณะที่นางเล่นกับลู่ซิงเหยียน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เดินผ่านส

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0613

    [ว้าว ชิงช้า]ทันทีที่ลู่ซิงหว่านเห็นชิงช้า ดวงตาของนางก็เปล่งประกาย นางวิ่งไปที่ชิงช้าทันทีขณะที่กําลังจะเดินไปข้างชิงช้านั้น กลับถูกเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าขวางทางไว้ก็คือองค์หญิงเจ็ดลู่ซิงเหยียนนั่นเองลู่ซิงเหยียนไม่ถือว่าสูงนักไม่รู้ว่านางเตี้ยเกินไปหรือลู่ซิงหว่านสูงเกินไป เด็กสองคนที่อายุห่างกันแค่สองสามขวบกลับสูงห่างกันแค่ครึ่งหัวเท่านั้นในเวลานี้ ลู่ซิงเหยียนมองลู่ซิงหว่านที่น่ารักตรงหน้าแล้ว ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กอดหัวนางไว้ แล้วจุ๊บแก้มนางทีหนึ่งลู่ซิงหว่านถอยหลังไปสองก้าวแล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้นจิ่นอวี้กลั้นยิ้มแล้วก้าวเข้าไปประคององค์หญิงของตนให้ลุกขึ้น ส่วนพระสนมเหวินเฟยและสาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ทางนั้นก็รีบเดินเข้ามา“หวานหว่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” พระสนมเหวินเฟยถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากองค์หญิงเจ็ดเห็นพระสนมเหวินเฟยแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มกว้าง “เสด็จแม่ น้องหญิงหอมจังเลยเพคะ”ลู่ซิงหว่านมองคนตรงหน้าอย่างหมดคําพูด ที่จริงในใจรู้สึกรังเกียจมาก[คนดีๆ ที่ไหนจู่ๆ ก็มาหอมคนอื่นกลางทางแบบนี้][คนไม่รู้ว่าสงสัยคงนึกว่าเป็นเด็

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0612

    แต่สาวใช้ของนางกลับไม่กล้าส่งเสียงใดๆ เพียงแค่ฟังเจ้านายของตนบ่น ส่วนนางเองก็เก็บเศษซากที่ตกแตกอย่างเชื่อฟังอาจเป็นเพราะฝ่าบาททรงเมตตา เพราะพระสนมหวงกุ้ยเฟยและสนมเยว่กุ้ยเหรินต้องเดินทางไกล ดังนั้นก่อนออกเดินทางจึงอนุญาติให้พบครอบครัวได้เป็นกรณีพิเศษทางด้านจวนติ้งกั๋วโหว แน่นอนว่าฮูหยินติ้งกั๋วโหวนางเซียวมาด้วยตัวเอง และครั้งนี้ก็เช่นกัน ข้างกายนางมีคนมาด้วยคนหนึ่งแต่สิ่งที่ซ่งชิงเหยียนคาดไม่ถึงก็คือ คนนี้ไม่ใช่พี่สะใภ้ของนาง แต่เป็นอาสะใภ้รองของนาง กัวหยูหลังจากทั้งสองทําความเคารพซ่งชิงเหยียนด้วยความเคารพแล้วซ่งชิงเหยียนก็ให้ทั้งสองนั่งลงนางเซียวนั้นนั่งลงไปแล้วแต่กัวหยูกลับเดินไปข้างหน้าและคุกเข่าลงด้วยเสียงดัง"ตุบ"ทําให้ซ่งชิงเหยียนตกใจ แม้ว่านางจะไม่ชอบอาสะใภ้คนนี้ แต่พูดไปแล้ว หลายปีที่ผ่านมา นางเองก็ไม่ง่ายเลยเพราะเข้าใจความยากลําบากของนาง ดังนั้นนางจึงไม่ได้ถึงขั้นรังเกียจอะไรดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นและช่วยพยุงนางขึ้น แต่กัวหยูกลับยืนกรานที่จะคุกเข่าอยู่ที่นั่นและพูดว่า "หม่อมฉันขออภัยต่อพระสนมหวงกุ้ยเฟยและองค์รัชทายาทแทนพี่ชายของหม่อมฉันด้วยเพคะ"หลายวันก่อนได้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0611

    ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมมีเรื่องจะกําชับฮองเฮาเช่นกัน “หลังจากข้าจากไปแล้ว งานแต่งงานของจิ่นเหยาต้องพึ่งพาเจ้าให้มาก หากต้องการความช่วยเหลือ เจ้าก็ไปหาหลานเฟยให้ช่วยเจ้าได้เลย ไม่จําเป็นต้องแบกรับไว้คนเดียว”“เรื่องอื่นๆ ในวัง เจ้าก็สามารถปรึกษากับเสด็จแม่หรือหลานเฟยได้”“นางสนมคนอื่นๆ ในวังที่ตั้งครรภ์ก็ต้องรบกวนเจ้าดูแลให้มากๆ ด้วย”พูดจบฮ่องเต้ต้าฉู่ก็หันไปมองไทเฮาอีกครั้ง “สําหรับเรื่องการคัดตัว เสด็จแม่กับฮองเฮาก็จัดการกันเองเถอะ ดูหญิงคัดตัวว์ล่วงหน้าบ้างก็ดี”เพื่อปลอบขวัญฮองเฮา คืนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงไปเสวยพระกระยาหารที่ตําหนักจิ่นซิ่ว และค้างคืนที่ตําหนักจิ่นซิ่วหลังจากจบการร่วมรัก เสิ่นหนิงก็พลิกตัวลงจากเตียง เยว่หรานรีบเข้ามาทำความสะอาดให้พระมเหสีของตนนายบ่าวมองหน้ากันโดยปราศจากคำพูดใดๆเสิ่นหนิงมองผ่านกระจกทองแดงไปยังฮ่องเต้ต้าฉู่ที่กําลังหลับสนิทอยู่บนเตียง ให้เยว่หรานแนบหูมา พูดด้วยน้ำเสียงที่ที่ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น “บอกเขาว่า แผนการทั้งหมดหยุดชั่วคราว ข้ามีแผนการอื่น”ในเมื่อฮ่องเต้ต้าฉู่จะเสด็จลงใต้ เช่นนั้นก็สามารถวางแผนอื่นได้แล้วเรื่องที่ฮ่องเต้ต้าฉู่จะพาพ

DMCA.com Protection Status