แชร์

บทที่ 0002

[ท่านแม่โปรดวางใจเถิด เดิมข้าควรจะถือกำเนิดนานแล้ว แต่เพราะแม่นมทำคลอดนั้นพยายามจะดันตัวข้าเข้าไปข้างในอยู่ตลอด ข้าจึงยังไม่ได้เกิดเสียที]

[แต่ตอนนี้แม่นมคนนั้นถูกจับไปแล้ว ไม่มีคนชั่วมาขัดขวาง ข้าคงจะได้เกิดซักที!]

ในสมองของพระสนมเฉินได้ยินเสียงพูดอ้อแอ้อย่างมีความสุข ก็ถอนหายใจยาว พร้อมกล่าวกับจิ่นซินว่า “ไม่เป็นไร ลูกใกล้จะคลอดออกมาแล้ว เจ้ารีบไปเตรียมผ้าห่อตัว แล้วมาช่วยทำคลอดก็พอ”

ลู่ซิงหว่านส่งกระแสจิตไปด้านนอก พบว่าจิ่นซินได้เตรียมการพร้อมแล้ว จึงตะโกนในใจด้วยความยินดี [ท่านแม่ เตรียมตัวอีกประเดี๋ยว เราใกล้จะได้พบกันแล้ว]

......

ในเวลาเดียวกันนี้ ที่ท้องพระโรง ฮ่องเต้ต้าฉู่กำลังรับฟังรายงานจากขุนนางเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยแล้ง สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งนัก

แคว้นต้าฉู่ไม่มีฝนตกมาเกือบปีแล้ว ทุกหนแห่งล้วนแต่แห้งผากไปหมด

ต่อให้เป็นดินแดนทางใต้ที่ได้ชื่อว่าล่ำซำ พืชผลทางการเกษตรก็เผชิญกับภาวะน่าเศร้าที่ไร้ผลเก็บเกี่ยว

ถ้ายังไม่มีฝนตกอีก คาดว่าปีหน้าแคว้นต้าฉู่ คงต้องเผชิญกับความอดอยากหิวโหยที่น่ากลัวยิ่ง

แต่สวรรค์จะประทานฝนหรือไม่ ก็ใช่ว่าฮ่องเต้อย่างเขาจะกำหนดได้นี่นา

ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงได้แต่โบกมือให้เหล่าขุนนางออกไปก่อนอย่างจนปัญญา

ส่วนตัวเองนั่งซึมเซาอยู่นาน จากนั้นเดินไปยังวังหลัง

จิ่นอวี้รออยู่นานเมื่อเห็นฮ่องเต้มา จึงรีบคุกเข่าถวายรายงาน “ฝ่าบาทเพคะ เมื่อเช้าพระสนมเฉินเฟยไม่ทันระวังหกล้มเข้า และมีเลือด ตอนนี้ใกล้จะคลอดแล้วเพคะ!”

ได้ยินจิ่นอวี้พูดดังนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที “อะไรกัน? พวกเจ้าดูแลยังไงกัน ทำไมปล่อยให้พระสนมหกล้มได้?”

จิ่นอวี้ก้มหน้าไม่กล้าพูดจาใด ๆ ทั้งสิ้น

“ยังไม่รีบไปอีก!”

ฮ่องเต้ต้าฉู่เห็นสีหน้านาง มีหรือจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังยังมีความนัยแอบแฝงอยู่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาเอาเรื่อง

บัดนี้แคว้นต้าฉู่เกิดภัยแล้งทุกหนแห่ง ผู้คนต่างอยู่อย่างยากลำบาก ส่วนฟ่านอ๋องนั้นก็มีแต่คิดจะก่อกบฏ ดังนั้น ความสำคัญของฐานันดรติ้งกั๋วโหวนั้นมีมากเพียงใด ไม่ต้องบอกก็รู้ ๆ กัน

หากว่าเวลานี้ เฉินเฟยเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ติ้งกั๋วโหวจะยังมีแก่ใจห่วงใยบ้านเมืองที่ไหนอีก?

ขณะที่ฮ่องเต้ต้าฉู่กำลังเร่งรีบไปตำหนักชิงอวิ๋นอันเป็นที่ประทับของพระสนมเฉินเฟยอยู่นั้น

เบื้องหน้ากลับเห็นภาพ ๆ หนึ่ง จนต้องเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตาตนเอง

ภาพเบื้องหน้านั้น เหนือตำหนักชิงอวิ๋นขึ้นไป จู่ ๆ ก็มีรัศมีเรืองรองจากฟากฟ้าสาดส่องลงมายังตัวตำหนัก

และท่ามกลางรัศมีนั้น ยังมีดอกบัวพุทธบูชาดอกหนึ่งเปล่งประกายระยิบระยับงามตาค่อย ๆ ลอยลงมาจงถึงด้านในของตำหนักชิงอวิ๋น จากนั้นหายไปพริบตา

ทว่าภาพที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเช่นนี้นั้น แต่เหล่าข้าราชบริพารกลับดูเหมือนไม่ได้เห็นสิ่งใดเลย

ฮ่องเต้ต้าฉู่พยายามอดกลั้นความตื้นตันในใจ พลางหันไปมองมหาขันทีเมิ่งฉวนเต๋อซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าเห็นอะไรหรือไม่”

“กระหม่อมโง่เขลา ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงหมายถึงสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมิ่งฉวนเต๋อตกตะลึง ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ฝ่าบาททรงเห็นอะไรเข้างั้นหรือ?

มีอะไรที่เขาควรเห็น แต่มองข้ามไปหรือไงกัน?

“ไปกันเถอะ!”

ฮ่องเต้ต้าฉู่สีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ในใจกลับตื้นตันยิ่งนัก

นั่นก็แสดงว่า รัศมีเรืองรองและดอกบัวพุทธบูชานั้น มีเพียงตนผู้เดียวเท่านั้นที่เห็น?

แต่ก็อย่างว่า ตนเป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ สิ่งปาฏิหาริย์แบบนั้นย่อมไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าของมนุษย์ธรรมดา

วันนี้เฉินเฟยมีกำหนดคลอด และรัศมีเรืองรองก็ปรากฏขึ้น

มิเป็นการบ่งบอกว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์ของนาง เป็นดอกบัวพุทธบูชามาจุติหรอกหรือ?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ยิ่งเร่งฝีเท้าตรงไปยังตำหนักชิงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว

“คลอดแล้ว! พระสนมคลอดแล้ว! เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ!”

เพิ่งย่างเข้าตำหนักชิงอวิ๋น ก็ได้ยินเสียงทารกแรกเกิดร้องขึ้นอย่างกังวาน

และถัดจากเสียงร้องของทารก ก็เป็นเสียงฟ้าร้องคำราม จากนั้นฝนเทกระหน่ำลงมา

“นี่มัน...”

“สวรรค์คุ้มครองประเทศต้าฉู่เราแล้ว!”

“นี่คือ...สิริมงคลที่องค์หญิงน้อยนำพามาให้หรือ?!”

“องค์หญิงเก้าพาฝนมาให้พวกเรา องค์หญิงเก้าคือผู้นำโชคของแคว้นต้าฉู่เราโดยแท้!”

เหล่าข้าราชบริพารที่อยู่ด้านข้างต่างดีอกดีใจที่เห็นฝนตกลงมา

แคว้นต้าฉู่ร้างฝนมาแรมปี ฝนนี้ เท่ากับช่วยชีวิตชาวบ้านมากมายนัก!

ไม่มีใครสงสัยว่าฝนนี้ไม่ได้เกิดเพราะการถือกำเนิดขององค์หญิงเก้า เพราะว่ามันช่างบังเอิญยิ่งนัก

ทันทีที่เสียงอุแว้ขององค์หญิงน้อยดังขึ้น ฝนก็เทตามเสียงคำรามของฟ้าด้วย

ฮ่องเต้ต้าฉู่ดีใจเป็นอย่างมาก รีบมุ่งตรงไปยังห้องนอนของพระสนมเฉินเฟย

และในเวลานี้ ลู่ซิงหว่านที่เกิดมาได้สำเร็จนั้นก็เพิ่งถูกจิ่นซินเช็ดตัวทำความสะอาดเสร็จ เอาผ้ามาห่อหุ้มไว้ และส่งไปยังข้างกายพระสนมเฉินเฟย

ทันทีที่เห็นใบหน้างดงามอ่อนโยนนั่น ลู่ซิงหว่านก็ตาสว่างขึ้น

[ว้าว! ช่างสมเป็นพระสนมเฉินเฟยผู้เลอโฉม ผู้เป็นที่โปรดปรานยิ่งในวังหลังจริง ๆ หน้าตางดงามไม่มีที่ติ มีแม่ที่สวยขนาดนี้ อีกหน่อยโตขึ้นเราก็ต้องเป็นหญิงงามเหมือนกัน!]

พระสนมเฉินเฟยมองดูทารกในอ้อมแขน ซึ่งมีนัยน์ตากลมโตดำขลับกำลังจ้องมองตนอยู่เช่นกัน พร้อมกับได้ยินเสียงบ่นพึมพำที่อยู่ในสมองด้วย

นางรู้แต่ว่าในยามนี้หัวใจเปี่ยมล้นด้วยความสุข

แม้จะไม่รู้เพราะเหตุใด นางจึงได้ยินเสียงพูดของบุตรสาว

แต่ก็โชคดีที่เป็นเพราะเหตุนี้ นางจึงไม่ได้ถูกแม่นมหลี่ปองร้าย

เมื่อนึกถึงความเหี้ยมโหดที่แม่นมหลี่คิดทำร้ายบุตรสาวของตนแล้ว พระสนมเฉินเฟยก็อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้

นางมองดูใบหน้าน่ารักของลู่ซิงหว่าน แล้วแนบศีรษะไปหอมแก้มน้อยด้วยความรักอันสุดซึ้ง

“ลูกรัก ไม่ต้องห่วงนะ แม่จะปกป้องเจ้าอย่างเต็มที่ ไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ้าเด็ดขาด”

“ฝ่าบาทเสด็จมา!”

ที่ด้านนอก เสียงของเมิ่งฉวนเต๋อดังขึ้นมา

เมื่อได้ยินดังนี้ ทุกคนในตำหนักชิงอวิ๋นก็พากันคุกเข่าลง

“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ!”

ฮ่องเต้ต้าฉู่โบกมือสื่อความหมายให้ทุกคนลุกขึ้นตามสบาย ส่วนตัวเองก็เดินจ้ำอ้าวมาถึงข้างกายเฉินเฟยที่เตรียมจะลุกขึ้น

“เฉินเฟย ลำบากเจ้าแล้วล่ะ ข้ามาช้าไปหน่อย”

“ฝ่าบาท ทรงตรากตรำกับราชกิจ หม่อมฉันมีทายาทให้พระองค์ ก็ถือเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันอยู่แล้วเพคะ”

พระสนมเฉินเฟยหลุบตามองดูลู่ซิงหว่านในอ้อมแขน พลางกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ฝ่าบาท หม่อมฉันได้พระธิดาองค์น้อยเพคะ...”

ฮ่องเต้ต้าฉู่ปีนี้มีอายุสามสิบกว่าปีแล้ว มีทายาทมากมาย

แต่ส่วนใหญ่เป็นองค์หญิงหมด มีองค์ชายเพียงห้าคนเท่านั้น

ซึ่งบัดนี้ลู่ซิงหว่านก็คือองค์หญิงคนที่เก้า

“เป็นองค์หญิงหรือ? องค์หญิงก็ดีนะ! ข้าชอบนัก!”

ขณะที่พระสนมเฉินเฟยคิดว่า ฮ่องเต้ต้าฉู่อาจไม่พอใจที่ตนได้พระธิดา กลับเห็นเขาอุ้มทารกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของตน พร้อมมองด้วยสายตาเอ็นดูรักใคร่

“องค์หญิงน้อยของข้า องค์หญิงเก้าของข้า หน้าตาน่ารักน่าชังเสียจริง!”

หากเขาดูไม่ผิดละก็ ขณะที่รัศมีเรืองรองและดอกบัวพุทธบูชาบังเกิดขึ้น องค์หญิงเก้าผู้นี้ก็ได้เกิดตามมาด้วย หรือนางก็คือดอกบัวพุทธบูชานั้นมาจุติ

ในขณะที่เกิดความคิดนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เห็นทารกน้อยในอ้อมแขนยกมือมาทางเขา คล้ายต้องการจะลูบใบหน้าของเขา

ทันใดนั้นก็เห็นที่แขนเล็ก มีรอยปานแดงคล้ายกับดอกบัวพุทธบูชาปรากฏอยู่

ทันทีที่เห็นปานนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็แทบสิ้นความสงสัยในบัดดล

ตื้นตันเสียจนอดไม่ได้ที่จะจุมพิตที่หน้าผากของลู่ซิงหว่าน

[คนนี้ก็คือฮ่องเต้แห่งต้าฉู่ เสด็จพ่อของเราหรือนี่? ว้าว! ช่างสมเป็นโอรสแห่งสวรรค์ มีบุคลิกน่าเกรงขามจริงๆ!]

[เสด็จพ่อหอมเราด้วย ตายแล้ว! รอยจุมพิตที่อ่อนโยนของฮ่องเต้ หัวใจจะวายแล้วเรา!]

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย ดังขึ้นในสมองของฮ่องเต้ต้าฉู่

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status