Share

เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน
เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน
ผู้แต่ง: อันอี่หราน

บทที่ 0001

เมื่อลู่ซิงหว่านตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยของเหลวอุ่น ๆ บางอย่าง และมีพลังบางอย่างกําลังผลักนางอยู่ในเวลาเดียวกันด้วย

นางมุดออกไปตามแรงนั้นโดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าที่หัวของนางนั้นมีมือข้างหนึ่งคอยผลักนางเข้าไปข้างใน

“โอ๊ย! เจ็บเหลือเกิน!”

ขณะเดียวกัน เสียงร้องด้วยเจ็บปวดที่อ่อนเพลียก็ดังขึ้น

จากนั้นก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาท "พระสนม! ออกแรงเร็วเพคะ”

“ข้าเหนื่อยมาก ข้าไม่มีแรงแล้วจริงๆ...”

"พระสนม ห้ามท้อใจเด็ดขาดนะเพคะ พระสนม รีบออกแรงสิเพคะ!”

ลู่ซิงหว่านถึงตระหนักถึงว่าตัวเองกลายเป็นทารกในครรภ์ไปแล้ว

เกิดอะไรขึ้น?

นางกําลังข้ามทัณฑ์สายฟ้าฟาดอยู่ไม่ใช่หรือ?

หรือนี่จะเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากทัณฑ์ด้านจิตใจของนาง?

แต่ว่า...

นางลองแกว่งกําปั้นเล็ก ๆ ทั้งสองข้างไปมา อีกทั้งความเจ็บปวดจากการถูกบีบศีรษะก็ล้วนบอกนางว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่นางกลายเป็นทารกในครรภ์ที่กําลังถูกคลอดออกมาจริง ๆ

เพราะฉะนั้น นางล้มเหลวในการข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าฟาดแล้วว่างั้นเถอะ

แต่นางเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ตัวเองถึงได้กลายเป็นทารกในครรภ์ที่กําลังจะเกิดแบบนี้

“พระสนมพระสนมเฉินเฟยเพคะ เด็กตัวโตเกินไป แถมยังไม่ยอมออกแรงอีก ท่านพยายามอีกหน่อยนะเพคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะคลอดออกมาไม่ได้ง่าย ๆ นะเพคะ”

เสียงของแม่นมคนหนึ่งดังเข้าหู ลู่ซิงหว่านได้ยินแบบนี้ก็รีบพยายามหมายจะมุดออกไป

แต่นึกไม่ถึงว่านางเพิ่งจะออกแรง มือที่อยู่บนศีรษะก็ดันนางเข้าไปข้างใน

“เด็กคนนี้ช่างซนจริง ๆ เลย พระสนมเพิ่งจะออกแรงคลอดนางออกมาเล็กน้อย นางก็มุดเข้าไปอีกแล้ว จะทํายังไงดีละเนี่ย?”

แม่นมทําคลอดปาดเหงื่อเย็นบนศีรษะโดยไม่รู้ตัว เมื่อครู่นางเสียสมาธิ เกือบจะทําให้เด็กคนนี้คลอดออกมาได้อย่างราบรื่นแล้วไหมล่ะ

ชีวิตของคนทั้งครอบครัวนางไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนอยู่ในกํามือของคนผู้นั้น หากวันนี้ไม่สามารถทำให้เด็กคนนี้ตายในครรภ์ ครอบครัวของนางคงต้องตายหมดแน่

“จิ่นซิน ฮ่องเต้เสด็จมาหรือยัง”

พระสนมพระสนมเฉินเฟยเจ็บจนหน้าซีด นางคลอดบุตรมาสองชั่วยามแล้ว แต่เด็กก็ไม่ยอมออกมาเสียที ฮ่องเต้ก็ไม่ปรากฏตัว

ตอนนี้นางคลอดจนหมดแรงแล้ว หรือว่าวันนี้จะเป็นคราวเคราะห์ของนาง?

“พระสนม ข้อน้อยได้กําชับแล้วเพคะ พอฝ่าบาทเสร็จจากประชุมเช้าก็จะเสด็จมาเพคะ”

จิ่นซินเห็นใบหน้าที่ไร้สีเลือดของพระสนมพระสนมเฉินเฟย ก็ร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา และรีบจับมือของนางไว้แน่นเพื่อให้กําลังใจ

“จวนติ้งกั๋วโหว ข้าน้อยก็ได้ให้คนไปแจ้งแล้ว เชื่อว่าฮูหยินจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ พระสนมต้องพยายามหน่อยนะเพคะ”

ลู่ซิงหว่านฟังบทสนทนาของทุกคนแล้ว ก็รู้สึกเพียงว่าบทสนทนาเหล่านี้ค่อนข้างคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

“ช่วงนี้ฝ่าบาททรงกังวลกับความแห้งแล้งของแคว้นต้าฉู่มาโดยตลอด ตอนนี้แคว้นต้าฉู่ไม่มีฝนสักหยดเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ถ้าฝนยังไม่ตกอีก เกรงว่าปีนี้ราษฎรจะไม่มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวแล้ว”

แคว้นต้าฉู่ ติ้งกั๋วโหว ภัยแล้งครั้งใหญ่ พระสนมเฉินเฟย เด็กที่ตายในครรภ์...

นี่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือหรือเนี่ย

ลู่ซิงหว่านนึกถึงตอนที่ตัวเองเบื่อ ๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ ได้แอบดูหนังสือนิทานของอาจารย์

พระสนมเฉินเฟยที่อยู่ข้างในนิทานนั้น เป็นเพราะหมอตำแยถูกพระสนมเต๋อเฟยซื้อตัวไว้ ทําให้ลูกของนางตายตั้งแต่ในครรภ์ และเป็นเหตุให้นางเสียใจจนเสียสติ วัน ๆ เอาแต่กอดหมอนใบหนึ่งคิดว่าเป็นทารกน้อยของตนเอง และสุดท้ายก็กระโดดลงบ่อฆ่าตัวตายในคืนหนึ่ง

และตระกูลเดิมของพระสนมเฉินเฟย ซึ่งก็คือจวนติ้งกั๋วโหวที่จงรักภักดียิ่งนัก กลับถูกพระสนมเต๋อเฟยใส่ร้ายป้ายสีว่าก่อกบฏ สุดท้ายก็จบลงด้วยการประหารทั้งชั่วโคตร

ดังนั้น...

ลู่ซิงหว่านกําหมัดแน่นในน้ำคร่ำ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ

ดังนั้นนางก็ทารกในครรภ์ที่กําลังจะถูกฆ่างั้นหรือ?

ไม่ได้!

ตอนแรกที่อ่านหนังสือนิทานนั้น นางก็โกรธมากแล้วที่ทารกในครรภ์คนนี้ตกเป็นเหยื่อของการต่อสู้ในวัง

ตอนนี้ตนเองกลายเป็นทารกดังกล่าวแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งรอความตายแบบนี้

คิดถึงตรงนี้ นางก็เริ่มโคจรพลังภายใน และเริ่มดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินที่อยู่รอบๆ

เมื่อพลังวิญญาณรอบ ๆ เข้าสู่ร่างกาย แขนขาที่อ่อนแรงของลู่ซิงหว่านก็เริ่มมีแรงมากขึ้น นางจึงเริ่มรวบรวมแรงเพื่อมุดออกไปอีกครั้ง แต่ในขณะที่ศีรษะของนางเพิ่งโผล่ออกมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้นแม่นมทําคลอดก็ผลักนางเข้าไปอีกครั้ง

ลู่ซิงหว่านโกรธจนสบถในใจ

[เจ้าแม่นมทําคลอดนี่สมควรตายจริง ๆ เลวทรามขนาดนี้ ทําร้ายทารกที่ยังอยู่ในท้อง ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไง?]

[ท่านแม่! ท่านรีบไล่แม่นมทําคลอดคนนี้ออกไปสิ!]

พระสนมเฉินเฟยที่กําลังเจ็บปวดจนตัวเกร็งเพราะการเคลื่อนไหวเมื่อครู่นั้น จู่ ๆ ในสมองกลับมีเสียงเล็ก ๆ ของเด็กดังขึ้นมา เสียงนั้นไม่คุ้นเคยเลยก็จริง แต่กลับทําให้นางรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

“ใคร?”

“ใครกําลังพูดอยู่?”

พระสนมเฉินเฟยถามขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“พระสนมเพคะ?” จิ่นซินสะดุ้งโหยง รีบถามว่า “พระสนม ท่านเป็นอะไรไปเพคะ”

พระสนมเฉินเฟยไม่ได้เปิดปากพูดอีก แต่“ฟัง” เสียงที่ปรากฏในสมองอย่างละเอียด

[ท่านแม่ หมอตําแยคนนี้เป็นคนเลว รีบไล่นางออกไปเถอะ ตราบใดที่ยังมีหมอมอคนนี้อยู่ ท่านก็อย่าคิดว่าจะให้กําเนิดข้าได้อย่างราบรื่นเลย...]

[อ๊ะ ร่างกายของท่านแม่ดูเหมือนจะอ่อนแอมาก ข้าต้องให้พลังวิญญาณแก่นาง เพื่อที่นางจะได้ฟื้นฟูแรงขึ้นมาบ้าง]

ครั้งนี้ พระสนมเฉินเฟยมั่นใจว่ามีคนกําลังพูดกับนางอยู่จริงๆ และคนนี้ก็เรียกนางว่าท่านแม่

ขณะเดียวกัน ความรู้สึกอบอุ่นก็แผ่ซ่านออกมาจากท้อง ทําให้นางที่เดิมทีใช้แรงกายจนหมด กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในชั่วพริบตา

พระสนมเฉินเฟยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที และนึกถึงคําพูดของลู่ซิงหว่านเมื่อครู่นี้...

นางหันไปมองแม่นมทําคลอดด้วยสายตาเย็นชา ส่วนแม่นมทําคลอดนั้นก็สบสายตากับนางอย่างไม่ตั้งใจ ทําเอานางตกใจจนหน้าถอดสี รีบเบี่ยงตาหนีอย่างรู้สึกผิด และไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

เมื่อเห็นเช่นนี้ พระสนมเฉินเฟยจะไม่เข้าใจได้อย่างไรอัก จึงออกคําสั่งทันที “ใครก็ได้ จับแม่นมหลี่ที!“

“พระสนม มีอะไรหรือเพคะ?”

จิ่นซินได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจทันที ไม่เข้าใจว่าทําไมพระสนมเฉินเฟยถึงตัดสินใจเช่นนี้

แต่ถึงแม้จะไม่เข้าใจ นางก็ยังมาขวางหน้าพระสนมเฉินเฟยทันที และมองด้วยสายตาหวาดระแวง

“เป็นนางที่ต้องการทําร้ายลูกของข้า จับนางไว้!”

พระสนมเฉินเฟยกอดท้องของนางด้วยมือทั้งสองข้างและจ้องมองที่แม่นมทําคลอดด้วยสายตาที่เย็นชา

ในสมอง เสียงของลู่ซิงหว่านดังขึ้นอีกครั้ง [เยี่ยมมาก! ในที่สุดท่านแม่ข้าก็พบว่าแม่นมทําคลอดมีปัญหาสักที! ข้าไม่ต้องตายแล้ว!]

[ดูเหมือนว่าท่านแม่คนนี้ก็ไม่ได้โง่มาก]

เห็นได้ชัดว่าแม่นมทําคลอดไม่ได้คิดเลยว่าพระสนมเฉินเฟยที่หมดแรงแล้วจู่ ๆ จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและค้นพบการกระทําของตัวเอง

นางจึงคิดจะหนีตามสัญชาตญาณ

แต่ผู้คุ้มกันหญิงทั้งสี่ เหมย หลาน จู๋ จวี๋ ที่อยู่นอกประตูนั้นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและจับนางไว้

“อุดปากแล้วนำตัวไป เฝ้าดูให้ดี ๆ ล่ะ รอให้พระสนมคลอดก่อน แล้วค่อยมาสอบปากคํา!”

จิ่นซินก็คิดไม่ถึงว่า แม่นมทําคลอดที่คัดเลือกอย่างพิถีพิถันจะเก็บซ่อนเจตนาร้ายไว้นานแล้ว

หากมิใช่เพราะสายตาอันเฉียบแหลมของพระสนม เกรงว่าคงจะถูกแม่นมหลี่ผู้นี้ลงมือไปแล้ว

“พระสนม ท่านคลอดก่อนกําหนดเพราะหกล้มกะทันหัน ดังนั้นข้างกายจึงมีเพียงแม่นมหลี่ซึ่งเป็นแม่นมทําคลอดเพียงคนเดียว”

“ตอนนี้แม่นมคนอื่นก็ไม่สามารถมาทันในเวลาอันสั้นได้ จะทําอย่างไรดีเพคะ?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status