Share

บทที่ 0005

“ฝ่าบาท ฟ้าประทานหยาดฝน สายรุ้งเรืองรอง นี่คือประกาศิตจากสวรรค์ ว่าการถือกำเนิดขององค์หญิงเก้า คือวาสนาของแคว้นต้าฉู่เรานะพ่ะย่ะค่ะ!”

เมิ่งฉวนเต๋อมองดูปรากฏการณ์เบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง พร้อมเอ่ยปากทูล

มหาขันทีผู้ชาญฉลาด ไม่รู้ว่าจะพูดจริงหรือไม่ แต่ความรักที่ฮ่องเต้ต้าฉู่มีแต่ลู่ซิงหว่าน เป็นสิ่งที่เขาเห็นกับตาอยู่ ในยามนี้ พูดแต่เรื่องน่าฟัง ย่อมจะถูกใจคนฟังมากกว่า

“ฮ่าๆๆ ถูกต้อง การเกิดมาของหวานหว่าน คือความเมตตาที่สวรรค์มีต่อข้าจริง ๆ!”

ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมเห็นด้วยกับคำพูดของเมิ่งฉวนเต๋ออยู่แล้ว ด้วยดีใจเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยปากต่อ “สั่งการลงไป คนในตำหนักชิงอวิ๋นทุกคน แจกรางวัลตอบแทนอย่างงามให้หมดทุกคน!”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”

ความอารมณ์ดีของฮ่องเต้ต้าฉู่ ยังคงมีต่อเนื่องจนไปถึงหน้าห้องทรงอักษรเท่านั้น

แต่แล้วความปลาบปลื้มยินดีที่หวานหว่านนำมาให้เขาก็แทบจะหายไปทันที เมื่อมองเห็นร่างที่ยืนอยู่ในห้องทรงอักษร

“ถวายบังคมเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ!”

หรงอ๋องคุกเข่าลงพื้นพร้อมคำนับฮ่องเต้ตามธรรมเนียม

“ลุกขึ้นเถิด!” ฮ่องเต้ต้าฉู่สีหน้าไม่สู้ดีนัก พร้องเดินเข้าห้องทรงอักษร ตรัสถามหรงอ๋องที่ตามหลังเข้ามา “น้องพี่มาวันนี้ มีธุระอะไรหรือ?”

“เสด็จพี่ ที่กระหม่อมมานี่ เพราะเรื่องที่เรายังขาดหัวหน้ากองลาดตระเวนอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

หรงอ๋องไม่ทันสังเกตความเย็นชาในสายตาฮ่องเต้ต้าฉู่ จึงได้ทูลเปิดเผยไปตามปกติ

“อ๋อ? น้องพี่คิดว่ามีผู้ที่เหมาะกับตำแหน่งหรือไม่?”

ฮ่องเต้ต้าฉู่แอบยิ้มหยันในใจ พร้อมเอ่ยปากถาม

“กระหม่อมเห็นว่า จั่วจุ้นอวี่นับเป็นคนที่เหมาะสมมากพ่ะย่ะค่ะ”

หรงอ๋องไม่คิดระแวงเป็นอื่น จึงได้พูดความคิดของตนออกมาตามตรง

ได้ยินดังนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้น

จั่วจุ้นอวี่ผู้นี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นคนของจวนหรงอ๋องโดยตรง

ตำแหน่งหัวหน้ากองลาดตระเวนสำคัญเพียงไหน นั่นคือดูแลความปลอดภัยของวังหลวงทั้งหมด

หรงอ๋องคิดเอาตำแหน่งนี้มอบให้แก่คนของตน จุดประสงค์ไม่ต้องบอกก็คงรู้

หากเป็นก่อนหน้านี้ ด้วยความรักและเชื่อมั่นที่ฮ่องเต้มีต่อหรงอ๋อง เพียงแค่ตำแหน่งหัวหน้ากองลาดตระเวนเล็ก ๆ ฮ่องเต้ต้าฉู่คงไม่คิดอะไรมาก มีแต่เห็นชอบโดยพลันมากกว่า

แต่บัดนี้ เพิ่งรู้จากปากของหวานหว่านมา เกี่ยวกับทิศทางอนาคตของเขา ฮ่องเต้ก็ย่อมไม่คิดเช่นนั้นอีก

เมื่อนึกถึงหวานหว่าน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็อดยิ้มไม่ได้ นางช่างเป็นเซียนที่สวรรค์ประทานมาให้ตน เพื่อคุ้มครองรากฐานของแคว้นต้าฉู่ไว้โดยแท้

หวานหว่าน [เสด็จพ่อคิดมากไปแล้ว ใจจริงข้าก็ไม่อยากมาหรอก]

หรงอ๋องเห็นท่าทีของฮ่องเต้ต้าฉู่ ในใจก็อดนึกขำไม่ได้ เสด็จพี่ของตนองค์นี้ ดูเผินๆ คล้ายกับฉลาดหลักแหลม แต่แท้จริงโง่เขลายิ่ง เสด็จพ่อ คอยดูไปเถอะ ท่านมอบบัลลังก์ให้เสด็จพี่แล้วจะมีประโยชน์อะไร แผ่นดินนี้ช้าเร็วก็ต้องเป็นของข้าอยู่ดี

แต่ทว่า...

“ในเมื่อน้องพี่กล่าวเช่นนี้ งั้นตำแหน่งหัวหน้ากองลาดตระเวน ก็ให้จั่วจุ้นอวี่รับแทนชั่วคราวก่อนละกัน!”

ได้ยินดังนี้ หรงอ๋องก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “เสด็จพี่ปราดเปรื่องยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากบรรลุเป้าหมาย หรงอ๋องก็ไม่คิดอยู่นานอีก พูดยกยอฮ่องเต้ไม่กี่คำ จากนั้นก็ขออำลา

มองดูแผ่นหลังของน้องชายที่ออกไปอย่างดีใจ ฮ่องเต้ต้าฉู่หรี่ตาอย่างเย็นชา

“อิ่งอี!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” มีเงาหนึ่งคล้ายดั่งภูตผี ปรากฏขึ้นที่ห้องทรงอักษร

“เจ้าไปสืบดูความเคลื่อนไหวระยะนี้ของหรงอ๋อง ดูว่าเขาไปที่ไหนบ้าง ติดต่อกับใครที่น่าสงสัยหรือเปล่า”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

อิ่งอีรับคำสั่ง ทันใดนั้น เงาก็หายวูบไปทันที ไม่ปรากฏร่องรอยดั่งเช่นตอนมา

เขาเป็นองครักษ์เงามังกรของฮ่องเต้ต้าฉู่ มีความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก ฝีมือยิ่งหาคู่ต่อสู้ได้ยาก

ให้องครักษ์เงามังกรไปสืบสวน เพียงไม่นาน ความเคลื่อนไหวล่าสุดของหรงอ๋อง ก็มาอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้ต้าฉู่ทั้งหมด

ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูเอกสารลับที่มาอยู่เบื้องหน้า แม้ในใจจะคิดไว้ก่อนแล้ว ก็ยังอดโมโหไม่ได้เมื่อเห็นหลักฐานการทรยศของหรงอ๋อง

“เจ้าเดรัจฉานคนนี้! ข้ายังดีต่อเขาไม่พออีกหรือ? จึงได้ทำกับข้าเช่นนี้?”

“ทุกวันนี้ฐานะของเขาอยู่ใต้หนึ่งคนอยู่เหนือนับหมื่น จนแม้แต่รัชทายาทยังนับถือเขามาก ด้วยปัญญาอย่างเขา ต่อให้ยกบัลลังก์ให้จริง ตำแหน่งที่ได้มาด้วยวิธีสกปรก เขาจะรักษาไว้ได้นานหรือ?”

“ทำไมต้องรีบร้อนให้ข้าสละบัลลังก์ให้เขาล่ะ!”

“ข้าจะดูสิว่า ในราชสำนักนี้ ยังมีพวกพ้องของเขาอยู่เท่าไหร่ น้องชายข้าคนนี้ จะมีความสามารถสักเพียงไหน!”

ฮ่องเต้แม้ว่าจะทรงกริ้วแต่ก็ไม่ได้สั่งจับหรงอ๋องในทันที

แต่สั่งให้อิ่งอีไปตามดูความเคลื่อนไหวของหรงอ๋องต่อไป

หรงอ๋องแทบไม่รู้เลยว่า การกระทำของตนทุกอย่าง ได้ตกอยู่ในสายตาฮ่องเต้ต้าฉู่หมดสิ้นแล้ว

หลังจากประสบความสำเร็จ ได้ตำแหน่งหัวหน้ากองลาดตระเวนมาเป็นของตน เขายิ่งรู้สึกว่าบัลลังก์ฮ่องเต้ใกล้เข้ามาอีกคืบหนึ่งแล้ว

จึงยิ่งเกิดความฮึกเหิม ติดต่อเหล่าขุนนางให้มาเป็นสมัครพรรคพวกมากขึ้น

หลังจากนั้นไม่นาน ราชสำนักก็เริ่มเกิดความปั่นป่วน

เทียบกับความวุ่นวายของราชสำนักแล้ว วังหลังก็ใช่ว่าจะสงบนัก

เวลาตกฟากของลู่ซิงหว่านเกิดปรากฏการณ์บนท้องฟ้า เป็นสิ่งที่หลายคนต่างก็เห็นอยู่

ว่าไปลู่ซิงหว่านก็ช่างดวงแข็งนัก สนมโหรวกุ้ยเหรินอุตส่าห์วางแผนอย่างแนบเนียน สุดท้ายพระสนมเฉินเฟยก็ยังคลอดนางออกมาจนได้ ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นลูกรักของฝ่าบาทเสียอีก

ส่วนเรื่องที่สนมโหรวกุ้ยเหรินถูกโบยจนตายนั้น ไม่นานก็เป็นข่าวใหญ่ในวังหลวง ว่ากันว่าฮ่องเต้ไม่ได้ฟังนางอธิบายเลยสักคำ จนแม้แต่ตระกูลเดิมก็หนีไม่พ้นคราวเคราะห์ แม้ว่าทุกคนต่างชินกับนิสัยเกรี้ยวกราดของฮ่องเต้อยู่แล้ว ก็ยังอดรู้สึกใจหายไม่ได้

แต่การกระทำของฮ่องเต้เช่นนี้ ก็ส่งผลต่อเหล่าสนมไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่หมายปองตำแหน่งฮองเฮาอยู่ ต่างก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก

ด้วยเหตุนี้ พระสนมเฉินเฟยจึงได้อยู่ไฟอย่างราบรื่น

และความโปรดปรานที่ฮ่องเต้มีต่อลู่ซิงหว่าน ก็ย่อมไม่อาจพ้นสายตาของเหล่าสนมทั้งหลายไปได้

เพราะฮ่องเต้เลิกจากการประชุมคราวใด เป็นต้องวิ่งไปตำหนักชิงอวิ๋นของพระสนมเฉินเฟยทุกครั้งไป

ต่อให้สนมเฉินเฟยไม่อาจถวายการปรนนิบัติได้ ฮ่องเต้ก็เพียงพูดคุยกับนาง และเล่นกับลู่ซิงหว่านก็พอแล้ว

ฮ่องเต้ต้าฉู่แม้จะโปรดปรานสนมเฉินเฟยเพียงไหน แต่ก็ใช่ว่าจะโปรดนางเพียงผู้เดียว เพียงแต่พระธิดาองค์นี้เป็นเซียนมาจุติ ก็ต้องใส่ใจให้มากหน่อย

ในขณะที่ลู่ซิงหว่าน ก็ยินดีรับด้วยความเต็มใจ

[เกิดเป็นมนุษย์ช่างดีแท้ มีท่านแม่ที่สวยงาม ส่วนเสด็จพ่อก็เป็นฮ่องเต้ ชีวิตที่สุขสบายเช่นนี้ ดีกว่าตอนบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนหลายเท่านัก ช่างมีความสุขเหลือเกิน!]

ลู่ซิงหว่านนอนอยู่ในเปลทารก มองดูเสด็จพ่อและท่านแม่มาหยอกล้อกับตน พลางยกขาน้อยๆ ขึ้น สบายใจเป็นอย่างมาก

“เฉินเฟย ข้าคิดจะแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แก่หวานหว่าน เจ้าเห็นว่ายังไง?” ฮ่องเต้ต้าฉู่ยังจับขาน้อยของลู่ซิงหว่านอยู่ พร้อมกับเอ่ยปากถามพระสนมเฉินเฟย

พระสนมเฉินเฟยเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แล้ว เมื่อได้ยินรับสั่งดังนี้ จึงได้รีบเอ่ยปากห้ามปราม “องค์หญิงทั้งแปดองค์ก่อนหน้าหวานหว่านยังไม่มีบรรดาศักดิ์ หากทรงมอบให้แก่หวานหว่านคนเดียวอาจจะ...”

ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ได้ใส่พระทัยเรื่องนี้ “ลูกสาวของข้า ข้าคิดทำยังไงก็ได้”

ลู่ซิงหว่านอยู่ในเปลอดไม่ได้ที่จะชูมือขึ้น

[ช่างสมเป็นเสด็จพ่อของเซียนอย่างเราจริง ๆ มีความอหังการยิ่งนัก]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินเสียงพูดของนาง จึงแอบคิดในใจ ลูกคนนี้นี่...

ในขณะที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ได้ยินเช่นกัน กลับยิ่งพอใจมากกว่า พร้อมกับรีบโบกมือ “เอาตามนี้แหละ เจ้าเองก็ช่วยคิดว่าจะมอบบรรดาศักดิ์ให้ลูกยังไงดี”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status