Share

บทที่ 0006

หลายวันต่อมา หลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่ “เลียบๆ เคียงๆ” ถามความเห็นลู่สิงหว่านอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้นางในนามว่า “หย่งอัน”

“เมิ่งฉวนเต๋อ ประกาศไปยังวังหลังทั้งหกตำหนัก องค์หญิงเก้ามีชื่อบรรดาศักดิ์ว่า “หย่งอัน” ครบเดือนเมื่อไหร่จะมีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ” ในเมื่อทรงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แก่ลู่สิงหว่านแล้ว ก่อนอื่นก็คือประกาศให้ทุกคนได้รู้กันทั่ว

[ว้าว เสด็จพ่อช่างรักลูกเหลือเกิน เป็นลูกสาวของเสด็จพ่อช่างมีความสุขนัก]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินความในใจของบุตรสาวเช่นนี้ จึงได้ลูบใบหน้าน้อย ๆ ของนางอย่างมีความสุข และเห็นฮ่องเต้ก็มองดูลู่สิงหว่านด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

พระสนมเฉินเฟยรู้สึกแปลกใจยิ่ง เป็นความประหลาดใจเหลือจะกล่าว หมู่นี้ฮ่องเต้ชักจะมีรอยยิ้มมากไปเสียแล้ว ฮ่องเต้ที่สีหน้าเย็นชาในอดีตหายไปไหน?

นางหันไปมองดูหวานหว่านที่อยู่ในเปล หรือจะเป็นเพราะลูกคนนี้?

ทันทีที่มีราชโองการออกไป วังหลังก็เริ่มมีคนนั่งไม่ติดแล้ว

รุ่งขึ้นวันที่สอง ได้ยินว่าฮ่องเต้เลิกประตูได้เสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นอีก พระสนมเต๋อเฟยก็รู้สึกโกรธยิ่งนัก นับแต่ลู่สิงหว่านเกิดมา นางไม่ได้เจอหน้าฝ่าบาทเกือบครึ่งเดือนเข้าให้แล้ว ต่อให้ไปดักรอที่นอกห้องทรงอักษร ก็ถูกเมิ่งฉวนเต๋อขับไล่ไปอีก

เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางจังสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย “ไปเชิญองค์ชายสาม องค์ชายห้าและองค์หญิงหกมาที่นี่”

ถูกต้อง พระสนมเต๋อเฟยมีลูกทั้งสิ้นสามคน

เหตุที่นางเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ นอกจากเพราะเป็นบุตรสาวของเสนาบดีชุยแล้ว ยังเป็นเพราะว่า...นางคลอดลูกเก่ง

ฮ่องเต้ต้าฉู่มีลูกชายเพียงแค่ห้าคน ซึ่งนางคนเดียวก็ให้กำเนิดแล้วสอง

องค์หญิงหกอยู่ใกล้กว่า ย่อมจะมาถึงเร็วกว่าใคร “เสด็จแม่ให้ลูกมาพบด่วน มีเรื่องอะไรหรือเพคะ ลูกกำลังฝึกทำว่าวกระดาษอยู่เลย!”

พระสนมเต๋อเฟยเห็นลูกสาวมาแล้วก็ลูบศีรษะนางเบา ๆ พลางกล่าวด้วยความเอ็นดู “วัน ๆ เจ้าก็ห่วงแต่เล่น คิดดูสิตั้งแต่หย่งอันเกิดมา เสด็จพ่อเจ้าเคยมาเยี่ยมเจ้าสักครั้งหรือเปล่า?”

“ท่านแม่ นั่นเป็นเพียงทารกเท่านั้น” องค์หญิงหกไม่ยอมแพ้

“น้องหกพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก” องค์ชายสามซึ่งบัดนี้มีอายุสิบแปดปี เข้ามาห้องด้านใน หลังจากถวายบังคมแล้วจึงได้กล่าวต่อ “น้องหญิงเก้าผู้นั้นเพิ่งเกิดมาก็ได้รับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อ วันหน้ามิยิ่งแล้วกันใหญ่หรอกหรือ?”

กล่าวจบก็หันไปมององค์ชายห้าที่อยู่ด้านข้าง “แล้วน้องห้าเห็นว่ายังไงล่ะ?”

ปกติองค์ชายห้ามักตกเป็นเบี้ยล่างองค์ชายสามกับองค์หญิงหกอยู่เสมอ จึงกลายเป็นคนมีนิสัยกล้า ๆ กลัว ๆ และได้กล่าวตอบ “วันที่หย่งอันเกิดมา ฟ้าก็ประทานฝน เห็นทีว่าคงจะเป็นลางดี...”

“พอที” พระสนมเต๋อเฟยห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ เพราะบุตรชายคนเล็กผู้นี้ ปกติมักไม่ค่อยมีหัวคิด จนวันนี้ยังไปเข้าข้างคนนอกอีก “งั้นพวกเจ้าก็ตามข้าไปเยี่ยมนังเด็ก...หย่งอันเถอะ”

เกือบได้หลุดปากคำว่า “นังเด็กกาลกิณี” ออกไปเสียแล้ว

กล่าวจนก็ยืนตัวตรงขึ้น สั่งสาวใช้ให้ดูแลเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย จากนั้นก็เชิดหน้าเดินออกไป

องค์ชายสามที่อยู่ด้านหลังมองหน้าองค์ชายห้าพร้อมกับหัวเราะ รีบตามพระสนมเต๋อเฟยออกไปทันที

ที่ตำหนักชิงอวิ๋น

ฮ่องเต้ต้าฉู่เสด็จมาตำหนักชิงอวิ๋นทุกวัน ก็เพื่อหวังให้หวานหว่านบอกเล่าความลับให้ฟังเยอะ ๆ คราวก่อนเพราะนางตักเตือน ตนจึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหรงอ๋อง

เพียงแต่ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หวานหว่านก็ไม่ยอมพูดอะไรอีก

แต่มีลูกน้อยน่ารักอยู่เป็นเพื่อนเช่นนี้ ก็ทำให้ฮ่องเต้คลายความเหนื่อยล้าไปได้มาก

“น้องหญิงเฉินเฟย” เสียงพระสนมเต๋อเฟยมาก่อนจะเห็นตัว “ข้ามาช้าไปแล้วล่ะ”

เมื่อมาถึงและเห็นฮ่องเต้ประทับอยู่ด้วย นางจึงเสแสร้งทำเป็นตกใจพร้อมคารวะ “ที่แท้ฝ่าบาทมาประทับอยู่นี่เองเพคะ มิน่าหลายวันนี้หม่อมฉันไปห้องทรงอักษรจึงไม่ได้พบฝ่าบาทเลย”

“ลำบากพี่หญิงเต๋อเฟยแล้ว” ในวังหลวง พระสนมเฉินเฟยเป็นคนอ่อนโยนที่สุด ไม่เคยแก่งแย่งชิงดีกับใคร

“เราต่างเป็นพี่น้องกัน เจ้าอย่าได้เกรงใจเลย” พระสนมเต๋อเฟยสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือ “เพราะลูก ๆ ต่างก็รบเร้า ได้ยินว่าวันที่องค์หญิงหย่งอันเกิดมาพร้อมกับเรื่องประหลาด จึงเกิดความสนใจ รบเร้าให้ข้าพามาเยี่ยมน้องหญิงให้ได้ ข้าจึงต้องมารบกวนเจ้าแล้ว”

[ว้าว ๆ ๆ คนนี้ก็คือพระสนมเต๋อเฟย ลูกชายนางช่างร้ายกาจนัก ในนิทานบอกว่าหลังจากเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ ลูกชายนางก็อ้างว่าหรงอ๋องครองราชย์โดยไม่ชอบธรรม สั่งปลดหรงอ๋องซะ แล้วตัวเองก็เป็นฮ่องเต้แทน]

[มาใกล้หน่อย ๆ ให้ข้าดูสิว่าหน้าตาเป็นยังไง?]

ลู่สิงหว่านอยู่ในเปลยกมือยกเท้า คล้ายกับอยากจะลุกขึ้น

“ให้เด็ก ๆ ดูใกล้หน่อยก็ได้!” ฮ่องเต้ต้าฉู่รับสั่งไปยังพระสนมเต๋อเฟย

พระสนมเฉินเฟยมองหน้าฮ่องเต้ด้วยความแปลกใจ หากไม่เพราะเห็นสีหน้านิ่งเฉย นางคงสงสัยว่าฮ่องเต้จะได้ยินเสียงพูดในใจของหวานหว่านด้วยหรือเปล่า

แต่คำพูดของหวานหว่านเมื่อครู่นี้ ก็น่าตกใจเสียเหลือเกิน

ไม่ทันรอให้ทุกคนมาเข้าใกล้ ก็มีเสียงเด็กน้อยดังอ้อแอ้ออกมาอีก

[ช่างเถอะ ไม่ต้องดูหรอก ก็แค่ผู้หญิงใจร้ายคนหนึ่ง ลูกชายนางก็ไม่เอาไหน ไม่นานเดี๋ยวก็ถูกพระเอกเล่นงาน จนราชวงศ์ล่มสลาย]

[ถ้าเสด็จพ่อยังอยู่ต่อ แคว้นต้าฉู่ก็จะได้ยั่งยืนยาวนานกว่านี้]

ฮ่องเต้ต้าฉู่ตั้งสติครุ่นคิด เห็นทีว่าองค์ชายสามกับองค์ชายห้า อาจมีคนใดคนหนึ่งไม่เอาไหนก็เป็นได้

ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูบุตรชายทั้งสองคน เท่าที่สังเกต องค์ชายห้าก็ดูเรียบร้อยดี ส่วนองค์ชายสามยังไม่เห็นจะมีพิรุธอะไร คงต้องรอดูอีกสักพัก

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันขออุ้มน้องได้ไหมเพคะ?” จู่ๆ องค์หญิงหกก็เอ่ยปากขึ้น

[ไม่ ๆ ๆ อย่านะเสด็จพ่อ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจที่สุด ในนิทานบอกว่าหลังจากท่านแม่สูญเสียลูกไป นางก็คอยมาเย้ยหยันทุกวัน จนท่านแม่แทบกลายเป็นวิกลจริต และสุดท้ายก็ไปกระโดดบ่อน้ำเพราะการยั่วยุของนาง]

[ผู้หญิงใจร้าย ร้ายกาจนัก นางถูกพระสนมเต๋อเฟยบงการมาแน่ ๆ]

“อุแว๊ ๆ ๆ...” ลู่สิงหว่านนึกต่อต้านในใจ แต่พอเปล่งเสียงออกมาจริง ๆ ก็กลับกลายเป็นเสียงร้องไห้ซะงั้น

พระสนมเฉินเฟยรู้ดีว่าองค์หญิงหกเป็นคนดื้อรั้น แต่ไม่คิดว่าอายุยังน้อยจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ จึงไม่ยอมให้นางเข้าใกล้หวานหว่าน

ทันใดนั้นก็รีบเอ่ยปากห้าม “หวานหว่านคงจะหิวแล้ว อุ้มมาให้ข้าเถิด!”

องค์หญิงหกเห็นเสด็จพ่อเป็นห่วงน้องเล็กเช่นนี้ พลันเกิดความคิดเลวร้ายขึ้นในใจ หากตนอุ้มนางขึ้นมา แล้วไม่ระวังทำหลุดมือไป อย่างมากก็เป็นความพลั้งเผลอที่ไม่ตั้งใจเท่านั้น เสด็จพ่อคงไม่คิดประหารตนเพื่อชดเชยให้นางกระมัง

ไม่นึกว่ากลับถูกพระสนมเฉินเฟยขวางไว้

“พระสนมเฉินเฟยใจแคบจริง ๆ นะเพคะ หม่อมฉันก็แค่อยากอุ้มน้องเท่านั้น” องค์หญิงหกลืมไปว่าฮ่องเต้ต้าฉู่ก็อยู่ด้วย จึงเอ่ยปากกล่าวอย่างประชด

“บังอาจ!” ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินองค์หญิงหกกล่าวเช่นนี้ บวกกับเมื่อครู่ได้ยินเสียงพูดในใจของหวานหว่าน ที่เป็นห่วงพระสนมเฉินเฟย จึงยิ่งกริ้วหนักขึ้น “ใครให้เจ้าเสียมารยาทต่อพระสนมเฉินเฟยเช่นนี้!”

กล่าวจบก็ยังไม่พอใจอีก ชี้หน้าไปทางพระสนมเต๋อเฟย “เพราะเจ้าให้ท้ายลูกจนเหลิง”

“กลับไปคัดบทบัญญัติแห่งหญิงมาให้ข้าสิบรอบ และหลายวันนี้ให้อยู่แต่ในตำหนักห้ามออกมาข้างนอก” ฮ่องเต้มองไปทางองค์หญิงหกอีกครั้ง

องค์หญิงหกเห็นเสด็จพ่อกริ้วเช่นนี้ ก็เตรียมเอ่ยปากจะโต้เถียง

พระสนมเต๋อเฟยเห็นท่าไม่ดี จึงรีบปิดปากองค์หญิงหกเอาไว้ “เป็นความผิดของหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันจะพานางกลับไปเดี๋ยวนี้ เฉินเฟยอย่าได้ถือสาเลยนะ”

หลังจากพระสนมเต๋อเฟยพาลูก ๆ ออกไปแล้ว ลู่สิงหว่านจึงค่อยดูดนมในอ้อมแขนของพระสนมเฉินเฟย จากนั้นก็ผล็อยหลับไป

โดยไม่ได้ยินรับสั่งของฮ่องเต้ต้าฉู่ถัดจากนั้น “เฉินเฟย ติ้งกั๋วโหวได้มาขออนุญาต พรุ่งนี้เขากับฮูหยินโหวจะเข้าวังมาเยี่ยมเจ้า”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status