Share

บทที่ 0006

Author: อันอี่หราน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
หลายวันต่อมา หลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่ “เลียบๆ เคียงๆ” ถามความเห็นลู่สิงหว่านอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้นางในนามว่า “หย่งอัน”

“เมิ่งฉวนเต๋อ ประกาศไปยังวังหลังทั้งหกตำหนัก องค์หญิงเก้ามีชื่อบรรดาศักดิ์ว่า “หย่งอัน” ครบเดือนเมื่อไหร่จะมีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ” ในเมื่อทรงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แก่ลู่สิงหว่านแล้ว ก่อนอื่นก็คือประกาศให้ทุกคนได้รู้กันทั่ว

[ว้าว เสด็จพ่อช่างรักลูกเหลือเกิน เป็นลูกสาวของเสด็จพ่อช่างมีความสุขนัก]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินความในใจของบุตรสาวเช่นนี้ จึงได้ลูบใบหน้าน้อย ๆ ของนางอย่างมีความสุข และเห็นฮ่องเต้ก็มองดูลู่สิงหว่านด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

พระสนมเฉินเฟยรู้สึกแปลกใจยิ่ง เป็นความประหลาดใจเหลือจะกล่าว หมู่นี้ฮ่องเต้ชักจะมีรอยยิ้มมากไปเสียแล้ว ฮ่องเต้ที่สีหน้าเย็นชาในอดีตหายไปไหน?

นางหันไปมองดูหวานหว่านที่อยู่ในเปล หรือจะเป็นเพราะลูกคนนี้?

ทันทีที่มีราชโองการออกไป วังหลังก็เริ่มมีคนนั่งไม่ติดแล้ว

รุ่งขึ้นวันที่สอง ได้ยินว่าฮ่องเต้เลิกประตูได้เสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นอีก พระสนมเต๋อเฟยก็รู้สึกโกรธยิ่งนัก นับแต่ลู่สิงหว่านเกิดมา นางไม่ได้เจอหน้าฝ่าบาทเกือบครึ่งเดือนเข้าให้แล้ว ต่อให้ไปดักรอที่นอกห้องทรงอักษร ก็ถูกเมิ่งฉวนเต๋อขับไล่ไปอีก

เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางจังสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย “ไปเชิญองค์ชายสาม องค์ชายห้าและองค์หญิงหกมาที่นี่”

ถูกต้อง พระสนมเต๋อเฟยมีลูกทั้งสิ้นสามคน

เหตุที่นางเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ นอกจากเพราะเป็นบุตรสาวของเสนาบดีชุยแล้ว ยังเป็นเพราะว่า...นางคลอดลูกเก่ง

ฮ่องเต้ต้าฉู่มีลูกชายเพียงแค่ห้าคน ซึ่งนางคนเดียวก็ให้กำเนิดแล้วสอง

องค์หญิงหกอยู่ใกล้กว่า ย่อมจะมาถึงเร็วกว่าใคร “เสด็จแม่ให้ลูกมาพบด่วน มีเรื่องอะไรหรือเพคะ ลูกกำลังฝึกทำว่าวกระดาษอยู่เลย!”

พระสนมเต๋อเฟยเห็นลูกสาวมาแล้วก็ลูบศีรษะนางเบา ๆ พลางกล่าวด้วยความเอ็นดู “วัน ๆ เจ้าก็ห่วงแต่เล่น คิดดูสิตั้งแต่หย่งอันเกิดมา เสด็จพ่อเจ้าเคยมาเยี่ยมเจ้าสักครั้งหรือเปล่า?”

“ท่านแม่ นั่นเป็นเพียงทารกเท่านั้น” องค์หญิงหกไม่ยอมแพ้

“น้องหกพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก” องค์ชายสามซึ่งบัดนี้มีอายุสิบแปดปี เข้ามาห้องด้านใน หลังจากถวายบังคมแล้วจึงได้กล่าวต่อ “น้องหญิงเก้าผู้นั้นเพิ่งเกิดมาก็ได้รับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อ วันหน้ามิยิ่งแล้วกันใหญ่หรอกหรือ?”

กล่าวจบก็หันไปมององค์ชายห้าที่อยู่ด้านข้าง “แล้วน้องห้าเห็นว่ายังไงล่ะ?”

ปกติองค์ชายห้ามักตกเป็นเบี้ยล่างองค์ชายสามกับองค์หญิงหกอยู่เสมอ จึงกลายเป็นคนมีนิสัยกล้า ๆ กลัว ๆ และได้กล่าวตอบ “วันที่หย่งอันเกิดมา ฟ้าก็ประทานฝน เห็นทีว่าคงจะเป็นลางดี...”

“พอที” พระสนมเต๋อเฟยห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ เพราะบุตรชายคนเล็กผู้นี้ ปกติมักไม่ค่อยมีหัวคิด จนวันนี้ยังไปเข้าข้างคนนอกอีก “งั้นพวกเจ้าก็ตามข้าไปเยี่ยมนังเด็ก...หย่งอันเถอะ”

เกือบได้หลุดปากคำว่า “นังเด็กกาลกิณี” ออกไปเสียแล้ว

กล่าวจนก็ยืนตัวตรงขึ้น สั่งสาวใช้ให้ดูแลเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย จากนั้นก็เชิดหน้าเดินออกไป

องค์ชายสามที่อยู่ด้านหลังมองหน้าองค์ชายห้าพร้อมกับหัวเราะ รีบตามพระสนมเต๋อเฟยออกไปทันที

ที่ตำหนักชิงอวิ๋น

ฮ่องเต้ต้าฉู่เสด็จมาตำหนักชิงอวิ๋นทุกวัน ก็เพื่อหวังให้หวานหว่านบอกเล่าความลับให้ฟังเยอะ ๆ คราวก่อนเพราะนางตักเตือน ตนจึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหรงอ๋อง

เพียงแต่ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หวานหว่านก็ไม่ยอมพูดอะไรอีก

แต่มีลูกน้อยน่ารักอยู่เป็นเพื่อนเช่นนี้ ก็ทำให้ฮ่องเต้คลายความเหนื่อยล้าไปได้มาก

“น้องหญิงเฉินเฟย” เสียงพระสนมเต๋อเฟยมาก่อนจะเห็นตัว “ข้ามาช้าไปแล้วล่ะ”

เมื่อมาถึงและเห็นฮ่องเต้ประทับอยู่ด้วย นางจึงเสแสร้งทำเป็นตกใจพร้อมคารวะ “ที่แท้ฝ่าบาทมาประทับอยู่นี่เองเพคะ มิน่าหลายวันนี้หม่อมฉันไปห้องทรงอักษรจึงไม่ได้พบฝ่าบาทเลย”

“ลำบากพี่หญิงเต๋อเฟยแล้ว” ในวังหลวง พระสนมเฉินเฟยเป็นคนอ่อนโยนที่สุด ไม่เคยแก่งแย่งชิงดีกับใคร

“เราต่างเป็นพี่น้องกัน เจ้าอย่าได้เกรงใจเลย” พระสนมเต๋อเฟยสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือ “เพราะลูก ๆ ต่างก็รบเร้า ได้ยินว่าวันที่องค์หญิงหย่งอันเกิดมาพร้อมกับเรื่องประหลาด จึงเกิดความสนใจ รบเร้าให้ข้าพามาเยี่ยมน้องหญิงให้ได้ ข้าจึงต้องมารบกวนเจ้าแล้ว”

[ว้าว ๆ ๆ คนนี้ก็คือพระสนมเต๋อเฟย ลูกชายนางช่างร้ายกาจนัก ในนิทานบอกว่าหลังจากเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ ลูกชายนางก็อ้างว่าหรงอ๋องครองราชย์โดยไม่ชอบธรรม สั่งปลดหรงอ๋องซะ แล้วตัวเองก็เป็นฮ่องเต้แทน]

[มาใกล้หน่อย ๆ ให้ข้าดูสิว่าหน้าตาเป็นยังไง?]

ลู่สิงหว่านอยู่ในเปลยกมือยกเท้า คล้ายกับอยากจะลุกขึ้น

“ให้เด็ก ๆ ดูใกล้หน่อยก็ได้!” ฮ่องเต้ต้าฉู่รับสั่งไปยังพระสนมเต๋อเฟย

พระสนมเฉินเฟยมองหน้าฮ่องเต้ด้วยความแปลกใจ หากไม่เพราะเห็นสีหน้านิ่งเฉย นางคงสงสัยว่าฮ่องเต้จะได้ยินเสียงพูดในใจของหวานหว่านด้วยหรือเปล่า

แต่คำพูดของหวานหว่านเมื่อครู่นี้ ก็น่าตกใจเสียเหลือเกิน

ไม่ทันรอให้ทุกคนมาเข้าใกล้ ก็มีเสียงเด็กน้อยดังอ้อแอ้ออกมาอีก

[ช่างเถอะ ไม่ต้องดูหรอก ก็แค่ผู้หญิงใจร้ายคนหนึ่ง ลูกชายนางก็ไม่เอาไหน ไม่นานเดี๋ยวก็ถูกพระเอกเล่นงาน จนราชวงศ์ล่มสลาย]

[ถ้าเสด็จพ่อยังอยู่ต่อ แคว้นต้าฉู่ก็จะได้ยั่งยืนยาวนานกว่านี้]

ฮ่องเต้ต้าฉู่ตั้งสติครุ่นคิด เห็นทีว่าองค์ชายสามกับองค์ชายห้า อาจมีคนใดคนหนึ่งไม่เอาไหนก็เป็นได้

ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูบุตรชายทั้งสองคน เท่าที่สังเกต องค์ชายห้าก็ดูเรียบร้อยดี ส่วนองค์ชายสามยังไม่เห็นจะมีพิรุธอะไร คงต้องรอดูอีกสักพัก

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันขออุ้มน้องได้ไหมเพคะ?” จู่ๆ องค์หญิงหกก็เอ่ยปากขึ้น

[ไม่ ๆ ๆ อย่านะเสด็จพ่อ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจที่สุด ในนิทานบอกว่าหลังจากท่านแม่สูญเสียลูกไป นางก็คอยมาเย้ยหยันทุกวัน จนท่านแม่แทบกลายเป็นวิกลจริต และสุดท้ายก็ไปกระโดดบ่อน้ำเพราะการยั่วยุของนาง]

[ผู้หญิงใจร้าย ร้ายกาจนัก นางถูกพระสนมเต๋อเฟยบงการมาแน่ ๆ]

“อุแว๊ ๆ ๆ...” ลู่สิงหว่านนึกต่อต้านในใจ แต่พอเปล่งเสียงออกมาจริง ๆ ก็กลับกลายเป็นเสียงร้องไห้ซะงั้น

พระสนมเฉินเฟยรู้ดีว่าองค์หญิงหกเป็นคนดื้อรั้น แต่ไม่คิดว่าอายุยังน้อยจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ จึงไม่ยอมให้นางเข้าใกล้หวานหว่าน

ทันใดนั้นก็รีบเอ่ยปากห้าม “หวานหว่านคงจะหิวแล้ว อุ้มมาให้ข้าเถิด!”

องค์หญิงหกเห็นเสด็จพ่อเป็นห่วงน้องเล็กเช่นนี้ พลันเกิดความคิดเลวร้ายขึ้นในใจ หากตนอุ้มนางขึ้นมา แล้วไม่ระวังทำหลุดมือไป อย่างมากก็เป็นความพลั้งเผลอที่ไม่ตั้งใจเท่านั้น เสด็จพ่อคงไม่คิดประหารตนเพื่อชดเชยให้นางกระมัง

ไม่นึกว่ากลับถูกพระสนมเฉินเฟยขวางไว้

“พระสนมเฉินเฟยใจแคบจริง ๆ นะเพคะ หม่อมฉันก็แค่อยากอุ้มน้องเท่านั้น” องค์หญิงหกลืมไปว่าฮ่องเต้ต้าฉู่ก็อยู่ด้วย จึงเอ่ยปากกล่าวอย่างประชด

“บังอาจ!” ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินองค์หญิงหกกล่าวเช่นนี้ บวกกับเมื่อครู่ได้ยินเสียงพูดในใจของหวานหว่าน ที่เป็นห่วงพระสนมเฉินเฟย จึงยิ่งกริ้วหนักขึ้น “ใครให้เจ้าเสียมารยาทต่อพระสนมเฉินเฟยเช่นนี้!”

กล่าวจบก็ยังไม่พอใจอีก ชี้หน้าไปทางพระสนมเต๋อเฟย “เพราะเจ้าให้ท้ายลูกจนเหลิง”

“กลับไปคัดบทบัญญัติแห่งหญิงมาให้ข้าสิบรอบ และหลายวันนี้ให้อยู่แต่ในตำหนักห้ามออกมาข้างนอก” ฮ่องเต้มองไปทางองค์หญิงหกอีกครั้ง

องค์หญิงหกเห็นเสด็จพ่อกริ้วเช่นนี้ ก็เตรียมเอ่ยปากจะโต้เถียง

พระสนมเต๋อเฟยเห็นท่าไม่ดี จึงรีบปิดปากองค์หญิงหกเอาไว้ “เป็นความผิดของหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันจะพานางกลับไปเดี๋ยวนี้ เฉินเฟยอย่าได้ถือสาเลยนะ”

หลังจากพระสนมเต๋อเฟยพาลูก ๆ ออกไปแล้ว ลู่สิงหว่านจึงค่อยดูดนมในอ้อมแขนของพระสนมเฉินเฟย จากนั้นก็ผล็อยหลับไป

โดยไม่ได้ยินรับสั่งของฮ่องเต้ต้าฉู่ถัดจากนั้น “เฉินเฟย ติ้งกั๋วโหวได้มาขออนุญาต พรุ่งนี้เขากับฮูหยินโหวจะเข้าวังมาเยี่ยมเจ้า”

Related chapters

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0007

    ส่วนทางพระสนมเต๋อเฟยเมื่อกลับถึงตำหนักฉางชิว ก็ได้ขว้างปาเครื่องกระเบื้องไปหลายชิ้น จึงค่อยหายโกรธบ้าง“พระสนมใยต้องโกรธเช่นนี้ด้วยล่ะเพคะ” สาวใช้คนสนิทไป๋จื่อทุบไหล่ให้นางพลาง พร้อมกับกล่าวปลอบใจ “คนที่ตำหนักชิงอวิ๋นให้เป็นที่โปรดปรานเพียงไหน นางก็มีลูกสาวแค่คนเดียว ส่วนพระสนมน่ะมีองค์ชายตั้งสองคนนะเพคะ นางจะมาเทียบได้ยังไง?”พระสนมเต๋อเฟยได้ยินดังนี้แต่ไม่เห็นชอบด้วย “ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อนาง นางจะต้องกังลวไม่มีลูชายไปทำไมกัน? และตระกูลเดิมนางก็เป็นติ้งกั๋วโหวด้วย”ไป๋เวยอยู่ด้านข้างรีบเดินมา “ติ้งกั๋วโหวเป็นเพียงขุนนางบู๊ แต่ตระกูลเดิมของพระสนมเป็นถึงเสนาบดี ทั้งยังเป็นที่ไว้วางพระทัยของฝ่าบาทอีกนะเพคะ”“พวกเจ้าสองคนเอาใจข้าเก่งนัก” ภายใต้การปลอบโยนของสาวใช้ พระสนมเต๋อเฟยก็ค่อยหายขุ่นเคืองบ้างแต่พอนึกถึงเรื่องสนมโหรวกุ้ยเหรินเมื่อหลายวันก่อน นางก็รู้สึกไม่สบายใจอีก จึงให้ไป๋จื่อส่งข่าวถึงบิดา ว่าเลิกประชุมเมื่อไหร่ให้มาตำหนักฉางชิวสักครั้งไต้เท้าชุยรับจดหมายจากไป๋จื่อ เลิกประชุมจึงรีบมาทันที“ท่านพ่อ จัดการคนในครอบครัวของโหรวกุ้ยเหรินไปแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?” พระสนมเต๋

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0008

    ครึ่งเดือนถัดมา งานเลี้ยงครบเดือนขององค์หญิงหย่งอันก็ถูกจัดขึ้นเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่คิดจัดเป็นงานใหญ่ แต่ถูกพระสนมเฉินเฟยห้ามไว้ เหตุเพราะตำแหน่งของติ้งกั๋วโหว บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างตนกับรัชทายาท นางรู้สึกว่าฐานะล่อแหลม เป็นที่จับจ้องของทุกฝ่าย จึงอย่าให้เอิกเกริกจะดีกว่าเดิมฮ่องเต้ก็ไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็พ่ายให้แก่ความยืนกรานของพระสนมเฉินเฟย จึงตัดสินใจไม่เชื้อเชิญเหล่าขุนนางทั้งหลาย แค่ปิดตำหนักฉลองก็เพียงพอวันนี้อากาศไม่สู้ดีนัก เดิมทีพระสนมเฉินเฟยคิดจะไปคนเดียว ที่ไหนได้ขณะออกจากตำหนัก หูก็ได้ยินเสียงบ่นอ้อแอ้ของเด็กน้อย[วันนี้เป็นวันครบเดือนของเรา ซ้ำยังมีพิธีแต่งตั้งอีก ทำไมไม่พาเราไปด้วย ท่านแม่ไม่รักเราแล้วหรือ ฮือ ๆ ๆ...]พระสนมเฉินเฟยได้ยินดังนี้ ก็หยุดชะงักที่หน้าประตู หันหน้ามามองลู่ซิงหว่าน พร้อมกับถอนหายใจ “พาหวานหว่านไปด้วยก็ได้มั้ง เพราะเป็นพิธีแต่งตั้งของนางเอง”[เย้ ท่านแม่น่ารักที่สุดในโลกเลย!” ]พระสนมเฉินเฟยยิ้มอย่างอ่อนใจ แต่ก็มีความสุขนักในวันนี้ ลู่ซิงหว่านในฐานะเจ้าของงาน ย่อมได้รับของขวัญมากมายหลายชิ้นถึงคราวที่พระสนมเต๋อเฟยจะให้ของขวัญ ลู่ซิงหว่านดูแล้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0009

    “ชิงเหยียน ข้ายังมีธุระต้องขอตัว” ภายใต้คำเตือนของลู่ซิงหว่าน ฮ่องเต้ต้าฉู่เริ่มตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างเหยียนหลินจือกับเสนาบดีชุย เมื่อคิดได้ดังนี้ ก็รีบเสด็จออกจากตำหนักชิงอวิ๋น ตรงไปยังห้องทรงอักษรทันที“อิ่งอี เจ้าไปสืบเสนาบดีชุยกับองค์ชายสาม” ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่คาดคิดว่า ราชสำนักของตนจะวุ่นวายถึงเพียงนี้ เริ่มจากหรงอ๋องสมคบศัตรูหวังก่อกบฏ จนมาถึงลูกชายของตนที่คิดปองร้ายต่อพี่น้องหากเป็นดั่งที่หวานหว่านพูดจริง ตนก็น่าจะอยู่ได้อีกไม่เกินสามปีบัดนี้เรื่องหรงอ๋องยังไม่ทันสะสาง ก็มีเรื่ององค์ชายสามโผล่มาอีก ช่างน่าปวดหัวจริงๆหากเป็นส่วนตัวยังพอว่า แต่แคว้นต้าฉู่ถ้าไปอยู่ในมือหรงอ๋องหรือไม่ก็องค์ชายสาม คงจะประสบกับความหายนะเป็นแน่ที่แล้วมาหรงอ๋องถูกเสด็จแม่ตามใจจนเสียคน วัน ๆ เอาแต่ดื่มสุราเคล้านารี พูดให้น่าเกลียดหน่อยก็คือลูกล้างผลาญดี ๆ นั่นเองในขณะที่องค์ชายสามนิสัยเหี้ยมโหด ความสามารถไม่ถึงแต่ทะเยอทะยาน หากแผ่นดินไปอยู่ในมือเขา ก็คงไม่ได้ยั่งยืนแน่นอนถึงตอนนั้น เกิดศึกสงครามรอบด้าน ที่รับเคราะห์คงไม่พ้นเหล่าราษฎร ยังไม่รู้ว่าจะบาดเจ็บล้มตายอีกเท่าไหร่ไม่ถึงครึ่งวัน อิ่งอีก

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0010

    ไม่กี่วันต่อมา ไทเฮาก็เสด็จกลับวัง ฮ่องเต้ต้าฉู่ทรงนำนางสนมกลุ่มหนึ่งมารอที่ประตูพระราชวังแต่เช้า ราชรถอันวิจิตรงดงามค่อยๆ สะท้อนสู่สายตาของทุกคนอย่างช้าๆอีกด้านของราชรถ เป็นปกติที่จะมีนางข้าหลวงข้างกายและขันทีคอยรับใช้ไทเฮาอีกด้านหนึ่งคือองค์ชายรองลู่จินหยู่ที่ร่วมเดินทางกับไทเฮาไปวัดหมิงจิ้งเพื่อขอพร รวมถึงเผยฉู่เยี่ยนซื่อจื่อน้อยของจวนอันกั๋วกงไทเฮานั้นมีแม่นมซูผู้เป็นแม่นมข้างกายคอนปรนนิบัติตอนลงจากราชรถ ฮ่องเต้ต้าฉู่รีบก้าวเดินมาด้านหน้าอย่างรวดเร็วและช่วยประคองไทเฮา “เสด็จแม่ เสด็จไปวัดหมิงจิ้งงลำบากพระองค์แล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ”เนื่องจากภัยแล้งรุนแรงในแคว้นต้าฉู่เป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน เป็นผลให้ในฤดูใบไม้ผลิประชาชนไม่สามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้ แค่มองก็รู้ว่าผู้คนตกอยู่ในความทุกข์ยาก เป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้ามีความอดอยากในทุกหนทุกแห่งอีกทั้งในวังหลังก็ไม่มีฮองเฮานั่งบัญชาการ ไทเฮาจึงเสด็จไปที่วัดหมิงจิ้งงวัดประจำแคว้นต้าฉู่เป็นการส่วนตัวเพื่ออธิษฐานขอพรแก่แคว้น เหล่าสนมไม่จำเป็นต้องไปด้วย จึงแค่เลือกองค์ชายรองติดตามไปด้วยเท่านั้นไทเฮาตบไปที่มือฮ่องเต้ต้าฉู่ กล่าวอย่างชื่นใจว่า “

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0011

    เมื่อองค์ชายสามมาถึงตำหนักฉางชิว ฮ่องเต้นั้นก็แค่ทดสอบบทเรียนบางอย่างแก่องค์ชายสาม จากนั้นก็เรียกมาอยู่ข้างเขาตอนนี้จิ่นเฉินก็โตขึ้นแล้วควรค่อย ๆ คลุกคลีกับเรื่องการเมืองบ้าง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็ติดตามพี่ใหญ่และพี่รองของเจ้าไปประชุมเช้าด้วยเถอะ” ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยน“จริงหรือพะยะค่ะ?” องค์ชายสามเดิมทีก็เป็นคนเปิดเผยความคิดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินที่ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าว ก็เป็นธรรมดาที่จะมีความสุข “ลูกขอบคุณเสด็จพ่อพะยะค่ะ”พระสนมเต๋อเฟยรีบกล่าวยับยั้ง “ฝ่าบาท จิ่นเฉินเพิ่งจะอายุสิบสามปีนะเพคะ ยังเป็นแค่เด็กอยู่เลย จะเข้าร่วมประชุมเช้ได้ยังไงกันเพคะ นอกจากนี้ตอนนี้ก็ยังมีองค์รัชทายาทคอย...”ฮ่องเต้ต้าฉู่ขัดจังหวะนาง “ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เต๋อเฟย ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความอีก”หลังจากพูดจบแล้วก็ชี้ไปที่พระสนมเต๋อ “อีกอย่าง จิ่นเฉินร่ำเรียนได้ไม่เลว เจ้าเลี้ยงดูได้ดีมาก”“ขอบพระทัยสำหรับคำชมเพคะ ฝ่าบาท” เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระสนมเต๋อก็รีบแสดงกล่าวคำขอบคุณ“เมิ่งฉวนเต๋อ แจ้งเหล่าสนมด้วยว่าพระสนมเต๋อได้รับการเลื่อนยศเป็นพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแล้ว” หลังจากพูดจบก็ชี้ไปที่พระสนมเต๋อ “คืน

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0012

    ขณะที่พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังจะยื่นมือไปรับลู่ซิงหว่านมานั้น ทันใดนั้นลู่ซิงหว่านก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมา[ไม่นะท่านแม่ ข้าไม่อยากให้ผู้หญิงร้ายอุ้ม ไม่เอา ไม่เอา]พระสนมเฉินกุ้ยเฟยแสร้งทำเป็นตำหนิจิ่นอวี้ "ยังไม่รีบอุ้มองค์หญิงไปอีก หากทำชุดของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเปื้อนข้าลงโทษเจ้าแน่"พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยได้ยินก็เข้าใจการปฏิเสธของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว บัดนี้จิ่นเฉินคงจะอยู่ในห้องกับหรงเหวินเมี่ยวสองต่อสองแล้ว ถ้าหากให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไปบังเอิญเจอเข้าพอดีคงจะช่วยลดปัญหาของตนได้มากทีเดียวนางจึงยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยปาก "ถ้าเช่นนั้นน้องหญิงเฉินก็รีบไปเถิด"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นท่าทางเมินเฉยของนาง ในใจก็ยิ่งเป็นกังวล รีบสาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปทันทีโดยไม่สนใจระเบียบมารยาทวังหลวงอะไรแล้วลู่ซิงหว่านที่ยังอยู่ในอ้อมอกของจิ่นอวี้ก็ดีใจไปด้วย[ท่านแม่รีบวิ่งเร็วเข้า ท่านแม่สู้ ๆ ต้องช่วยพี่สาวตระกูลหรงให้ได้นะ!]เมื่อพระสนมเฉินเฟยไปถึงก็เห็นสาวใช้นางหนึ่งถูกผลักล้มลงกับพื้นที่หน้าประตูห้อง ประตูห้องถูกเปิดกว้างพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมองจากที่ไกล ๆ ในใจก็ยิ่งตะลึงใจจึงรีบเอ่ยปากถาม "นี่มันเ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0013

    เมื่อผู้คนกลับไปกันหมด หรงเหวินเมี่ยวก็แอบมาอยู่ข้างพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแล้วย่อกายลงเล็กน้อย "เรื่องวันนี้ต้องขอบพระคุณพระสนมมากด้วยเพคะ"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับไม่ใส่ใจมาก "คุณหนูหรงไม่ต้องคิดมาก ข้าแค่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้หว่านหว่านแล้วบังเอิญพบเข้าเท่านั้น เรื่องวันนี้รอดพ้นได้เพราะคุณหนูหรงฉลาดมีไหวพริบต่างหาก"หรงเหวินเมี่ยวเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดแบบนี้ก็กระจ่างในใจ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้มีความคิดที่จะทวงคืนบุญคุณแต่อย่างใดจึงเก็บเรื่องนี้นี้เอาไว้ในใจทุกคนต่างรู้ว่า พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเป็นน้าสาวแท้ ๆ ขององค์รัชทายาท และนางก็ไม่มีทายาทดังนั้นจึงต้องช่วยองค์รัชทายาทปูทางเป็นธรรมดา หากวันนี้ตนรอดพ้นจากแผนขององค์ชายสามแล้วเข้าไปพัวพันกับองค์รัชทายาทอีกก็จะเป็นการทำลายชื่อเสียงอันดีของท่านพ่อได้ดังนั้นจึงกล่าวขอบคุณ ทำความเคารพและออกจากวังไปพร้อมท่านแม่หรงเหวินเมี่ยวกลับบ้านเล่าเรื่องนี้ให้กับท่านพ่อและท่านแม่ ใต้เท้าหรงทั้งบ้านชื่นชมพระสนมเฉินกุ้ยเฟย และชื่นชอบองค์รัชทายาทมากขึ้น บอกว่าขอแค่องค์รัชทายาทไม่มีความคิดที่ไม่ดีจะตอบแทนอย่างดีแต่ว่า มันก็เป็นเรื่องของอนาคตขณะเดียวกัน ณ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0014

    เมื่อลู่จิ่นเหยาลงจากรถม้ามาถึงตรงหน้าทั้งสอง เสิ่นเป่าซวงที่กำลังเหยียดหยามหานซีเยว่ไม่หยุดถึงได้เห็นเขา"องค์รัชทายาท" เสิ่นเป่าซวงรีบก้าวมาข้างหน้า เดินมาหาลู่จิ่นเหยา ย่อกายเล็กน้อยแล้วแสร้งทำท่าทางอ่อนโยน "ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ ช่างบังเอิญเสียจริงที่ได้พบท่านที่นี่"ลู่จิ่นเหยาพยักหน้า ไม่ได้ตอบกลับหานซีเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ ก้าวขึ้นมาทำความเคารพให้องค์รัชทายาทด้วยแต่องค์รัชทายาทกลับตอบนาง "คุณหนูหาน พระสนมเฉินเห็นว่าเจ้าอยู่ที่นี่จึงเรียกเจ้าไปหาน่ะ"หานซีเยว่อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองลู่จิ่นเหยา องค์รัชทายาทมาเพื่อช่วยนางอย่างนั้นหรือ?เสิ่นเป่าซวงทนไม่ได้ที่เห็นพวกเขาส่งสายตากันไปมา จึงก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าวแทรกระหว่างสองคนแล้วมององค์รัชทายาท "งานเลี้ยงครั้งก่อนไม่ได้เจอพระสนมกุ้ยเฟยเลย โปรดรบกวนองค์รัชทายาทช่วยพาหม่อมฉันไปแนะนำด้วยนะเพคะ"แต่ลู่จิ่นเหยาไม่อยากยุ่งกับนางจึงเอ่ยปากตอบ "บัดนี้พระสนมเฉินอยากพบแค่คุณหนูหาน หรือคุณหนูเสิ่นคิดจะขัดคำสั่งหรือ?"คำพูดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชาเสิ่นเป่าซวงเห็นองค์ราชทายาทเป็นเช่นนี้ก็รีบย่อกายขออภัย และมองทั้งสองคนเดินไปเป

Latest chapter

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0619

    คิดในใจ ลู่ซิงหว่านจึงใช้ทั้งมือและเท้าเดินกลับไปหาหานซีเยว่อีกครั้ง แล้วประคองโต๊ะเล็กให้ลุกขึ้นตอนนี้หานซีเยว่เปิดกล่องนั้นแล้ว เป็นกําไลหยกที่โปร่งใสซ่งชิงเหยียนถึงยิ้มแล้วพูดต่อ “ไม่ถือว่าเป็นกําไลที่ดีอะไรหรอก แต่เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้”ลู่ซิงหว่านเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือของหานซีเยว่ที่ถือกําไลนั้นถึงกับสั่นนางวางกําไลนั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วผลักไปตรงหน้าซ่งชิงเหยียน “พระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารับไว้จริงๆ”ซ่งชิงเหยียนกลับยิ้มพลางยืนขึ้น หยิบกําไลหยกนั้นไว้ในมือ เดินไปตรงหน้าหานซีเยว่ แล้วสวมแทนนาง “การแต่งงานของเจ้ากับองค์รัชทายาท พวกข้าพอใจมาก ฮองเฮาองค์ก่อนก็ต้องพอใจมากเช่นกัน”ตอนนี้เมื่อซ่งชิงเหยียนพูดถึงซ่งชิงหย่าอีกครั้ง นางก็รู้สึกสงบมากขึ้นกว่าเดิม“กําไลวงนี้เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้ บอกว่าจะมอบให้ว่าที่ลูกสะใภ้ “น่าเสียดายที่นางเองไม่มีโอกาสได้มอบมันให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องให้น้องสาวอย่างข้าทําแทน”“เดิมทีจะมอบให้เจ้าในพิธีปักปิ่นของเจ้า แต่วันที่เจ้าเข้าพิธีปักปิ่นนั้น ข้าเกรงว่าจะมีธุระไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ ดังนั้นจึ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0618

    หลังจากได้ยินคําพูดของซ่งชิงเหยียน ฉยงหัวก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ“จะได้หรือ?” คําพูดของฉยงหัวแฝงความหมายหยั่งเชิงอยู่บ้าง นางย่อมยินยอมไปหลายวันมานี้นางก็คิดได้แล้ว ดีชั่วตอนนี้ตนเองสูญเสียพลังจิตวิญญาณไปแล้ว แทนที่จะมัวยึดติดกับการตามหาหวานหว่าน สู้สงบจิตสงบใจ เสพสุขกับชีวิตในตอนนี้จะดีกว่าบางทีหลังจากที่อาจารย์ของหวานหว่านออกจากการเก็บตัวแล้ว เห็นว่าตัวเองก็ไม่อยู่แล้ว ย่อมมาช่วยเองอยู่แล้ว“แน่นอน ข้าจะไปถามความหมายของฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”“คิดว่าฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธแน่ ฝีมือการรักษาของแม่นางฉยงหัวยอดเยี่ยมมาก หากได้แม่นางฉยงหัวมาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย นั่นคงจะดีไม่น้อย”แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของซ่งชิงเหยียนเท่านั้น ที่นางอยากพาฉยงหัวออกไปก็เพราะหวานหว่านหวานหว่านชอบพี่ฉยงหัวขนาดนี้ ย่อมต้องอยากอยู่กับนางตลอดไปอยู่แล้วจิ่นซินและจิ่นอวี้เก็บข้าวของเกือบทั้งคืน พวกนางเอาเข้าไป ซ่งชิงเหยียนเอาออกมา แบบนี้ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็ทิ้งกล่องใหญ่สองใบไว้ซ่งชิงเหยียนประนีประนอมแล้วนางพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ให้คนขับรถม้าของฝ่าบาทเหนื่อยหน่อยละกัน!ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องสําคั

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0617

    ต้องบอกว่าของข้างนอกอร่อยกว่าของในวังจริงๆในนิทานล้วนบอกว่าชีวิตของพระสนมหวงกุ้ยเฟยในวังนั้นงดงามและสบายแค่ไหน แต่ลู่ซิงหว่านกลับรู้สึกว่า ไม่ได้สบายอยู่ข้างนอก[ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็คงดีไม่น้อย ยังไงก็มีเงิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย][อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย สามารถกินอาหารที่พ่อครัวทําได้มากมาย พ่อครัวทำขนมในวังเหล่านี้ ข้ากินจนเบื่อแล้ว][เสด็จย่ากินมาตั้งหลายปี ยังกินไม่เบื่ออีกหรือ?]ซ่งชิงเหยียนบ่นในใจว่า เบื่อสิ แน่นอนว่านางกินจนเบื่อแล้ว ขนมที่องค์หญิงใหญ่นํามาจากหอฝูหม่านครั้งที่แล้ว ไทเฮาพูดตรงๆ เลยว่าอร่อยตอนนี้ซิงรั่วเกือบจะส่งคนมาส่งที่วังทุกสองวันก็ถือว่ามีใจแล้วจริงๆ เมื่อซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่ ฉยงหัวก็มาหานางมองท่าทางของจิ่นซินและจิ่นอวี้ที่กําลังยุ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง"พระสนมหวงกุ้ยเฟยนี่คือ..."คําพูดที่เหลือฉยงหัวไม่กล้าพูดออกมา ถูกโจรปล้นหรือ?“พี่ฉยงหัว!” ลู่ซิงหว่านพูดพลางพลิกตัวลงจากเตียง แล้ววิ่งไปหาฉยงหัวซ่งชิงเหยียนมองท่าทางคล่องแคล่วของลู่ซิงหว่านแล้วก็ตกตะลึงนางรู้ว่าหวานหว่านชอบพี่สาวฉยงหัวคนนี้มาก แต่เตียงนุ่มที่สูงขนาดนี้ น

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0616

    คิดถึงตรงนี้ องค์หญิงหกก็เงยหน้ามองไปยังทิศทางของฮ่องเต้ต้าฉู่อีกครั้ง ในใจเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นณ ตําหนักข้างของตําหนักเหวินอิงในเวลานี้ สนมเยว่กุ้ยเหรินก็กําลังพบท่านแม่ของตนเช่นกัน“เดิมคิดว่าเจ้าเป็นเพียงกุ้ยเหรินเล็กๆ ข้าไม่มีโอกาสเข้าวัง” ตอนนี้ฮูหยินเจิ้ง แม่ของสนมเยว่กุ้ยเหรินกําลังอยู่ในตําหนักของสนมเยว่กุ้ยเหริน มองสิ่งของในวังของนางไปๆมาๆ สัมผัสไปๆมาๆ ในใจรู้สึกน่าทึ่งเป็นมาก“ของในวังนี้ดีจริงๆ ทุกชิ้นประณีตขนาดนี้”เพราะรู้พฤติกรรมของแม่ตัวเอง สนมเยว่กุ้ยเหรินจึงไล่สาวใช้ข้างกายออกไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางแค่นั่งอยู่บนตั่งนุ่ม มองใบหน้าละโมบของแม่ตัวเองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เดิมทีนางก็ไม่อยากเจอแม่ของตัวเองอยู่แล้วแม่ของคนอื่นๆ เข้าวังด้วยความห่วงใยและสงสารลูกสาวของพวกเขาแล้วแม่ของตัวเองล่ะเอาแต่โทษตัวเองที่ไร้ประโยชน์ โทษตัวเองที่แย่งความรักไม่เป็น โทษตัวเองที่ให้กําเนิดลูกไม่ได้เมื่อสนมเยว่กุ้ยเหรินคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินเจิ้งพลันหันหน้ามา เดินมาข้างกายนางอย่างลึกลับ ล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของตัวเอง แล้วยัดใส่มือสนมเยว่กุ้ยเหริน“เจ้าเป็นคนที่ไม่เอาไห

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0615

    เดิมคิดว่าเสด็จพ่อจะให้รางวัลตัวเอง แต่การไปเรียนหนังสือจะถือเป็นรางวัลอะไรได้เมื่อก่อนนางเคยได้ยินลู่ซิงยุ่นบ่นว่าอาจารย์คนนี้เข้มงวดขนาดไหน ยังต้องทําการบ้านอีก นั่นไม่แตกต่างจากการคัดลอกพระคัมภีร์ในตําหนักเหยียนหัวของนางหรอกหรือนางไม่อยากไปหรอก!เมื่อเห็นท่าทางของลู่ซิงหุย ลู่ซิงหว่านก็อดหัวข้าะคิกคักไม่ได้[เสด็จพ่อ ดูเหมือนว่าลูกสาวของท่านดูเหมือนจะไม่ชอบเรียนหนังสือนะ][แต่ก็ใช่ เด็กบ้านไหนชอบเรียนหนังสือกัน เดิมคิดว่าเสด็จพ่อจะให้รางวัลอะไรแก่นาง การเรียนหนังสือนี้นับเป็นรางวัลอะไรได้]ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ไม่สนใจ ในฐานะที่เป็นองค์หญิง ไม่เรียนหนังสือย่อมไม่ได้อยู่แล้วองค์หญิงทุกคนล้วนถูกส่งไปที่ห้องเรียนเมื่ออายุหกขวบ แม้ว่าจะแตกต่างจากเหล่าองค์ชาย แต่ก็มีอาจารย์สอนพิเศษฮ่องเต้ต้าฉู่หันไปมองพระสนมเหวินเฟยอีกครั้ง “ตอนนี้ซิงเหยียนอยู่ข้างกายเจ้า รู้สึกสบายใจกว่าเมื่อก่อนมากนะ”“เพียงแต่ตอนนี้ต้องพาเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้มาด้วย ลําบากเจ้าแล้วจริงๆ”เด็กๆ มีความสุขหรือไม่นั้น มักจะมองปราดเดียวก็รู้แล้วลู่ซิงเหยียนเป็นเพียงเด็กอายุสามขวบเท่านั้น เมื่อก่อนสนมซูผินดูแลเองไม่มาก

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0614

    ครั้งนี้ลู่ซิงหว่านเดาผิดแล้วที่ลู่ซิงหุยพูดประจบด้วยเป็รเรื่องจริง นางกลัวที่จะไปคัดลอกหนังสือธรรมมะที่ตําหนักเหยียนหัวแล้วจริงๆ จึงไม่กล้าทะเลาะกับพี่น้องของตนอย่างโจ่งแจ้งอีกแล้วเพราะพอเสด็จพ่อทรงกริ้วขึ้นมา มันน่ากลัวมากเลยเพราะว่าเมื่อก่อนสนมซูผินปฏิบัติต่อองค์หญิงเจ็ดเพียงแค่เป็นของเล่นเท่านั้น ไม่ได้ใส่ใจนางมากนักพูดตามคําพูดขององค์หญิงรอง เสด็จแม่ของพวกนางเลี้ยงดูพวกนางสองพี่น้อง ก็ไม่มีอะไรมากไปแค่ให้มีกินมีใส่ ขอเพียงไม่อดตายก็พอแล้วดังนั้นหลังจากที่องค์หญิงเจ็ดมาถึงข้างกายของพระสนมเหวินเฟยแล้ว จึงสามารถไปเที่ยวที่อุทยานหลวงได้บ่อยๆ และแน่นอนว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นลู่ซิงหุยนางชี้ไปที่ลู่ซิงและพึมพําว่า"พี่สาวคนสวย"[ตาบอดตั้งแต่อายุยังน้อย][ฮึ่ม ข้าจะไม่เล่นกับเจ้าอีกแล้ว เจ้าเด็กขี้ประจบ]ประโยคนี้ขององค์หญิงเจ็ดทําให้ลู่ซิงหุยพอใจจริงๆ ลู่ซิงหุยจึงย่อตัวลงทันทีและเข้าไปใกล้หน้าองค์หญิงเจ็ด “ซิงเหยียนเป็นเด็กดี”เป็นเด็กดีมากเมื่อเทียบกับไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านนั่นต้องบอกว่าวันนี้ลู่ซิงหุยโชคดีมาก ในขณะที่นางเล่นกับลู่ซิงเหยียน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เดินผ่านส

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0613

    [ว้าว ชิงช้า]ทันทีที่ลู่ซิงหว่านเห็นชิงช้า ดวงตาของนางก็เปล่งประกาย นางวิ่งไปที่ชิงช้าทันทีขณะที่กําลังจะเดินไปข้างชิงช้านั้น กลับถูกเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าขวางทางไว้ก็คือองค์หญิงเจ็ดลู่ซิงเหยียนนั่นเองลู่ซิงเหยียนไม่ถือว่าสูงนักไม่รู้ว่านางเตี้ยเกินไปหรือลู่ซิงหว่านสูงเกินไป เด็กสองคนที่อายุห่างกันแค่สองสามขวบกลับสูงห่างกันแค่ครึ่งหัวเท่านั้นในเวลานี้ ลู่ซิงเหยียนมองลู่ซิงหว่านที่น่ารักตรงหน้าแล้ว ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กอดหัวนางไว้ แล้วจุ๊บแก้มนางทีหนึ่งลู่ซิงหว่านถอยหลังไปสองก้าวแล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้นจิ่นอวี้กลั้นยิ้มแล้วก้าวเข้าไปประคององค์หญิงของตนให้ลุกขึ้น ส่วนพระสนมเหวินเฟยและสาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ทางนั้นก็รีบเดินเข้ามา“หวานหว่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” พระสนมเหวินเฟยถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากองค์หญิงเจ็ดเห็นพระสนมเหวินเฟยแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มกว้าง “เสด็จแม่ น้องหญิงหอมจังเลยเพคะ”ลู่ซิงหว่านมองคนตรงหน้าอย่างหมดคําพูด ที่จริงในใจรู้สึกรังเกียจมาก[คนดีๆ ที่ไหนจู่ๆ ก็มาหอมคนอื่นกลางทางแบบนี้][คนไม่รู้ว่าสงสัยคงนึกว่าเป็นเด็

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0612

    แต่สาวใช้ของนางกลับไม่กล้าส่งเสียงใดๆ เพียงแค่ฟังเจ้านายของตนบ่น ส่วนนางเองก็เก็บเศษซากที่ตกแตกอย่างเชื่อฟังอาจเป็นเพราะฝ่าบาททรงเมตตา เพราะพระสนมหวงกุ้ยเฟยและสนมเยว่กุ้ยเหรินต้องเดินทางไกล ดังนั้นก่อนออกเดินทางจึงอนุญาติให้พบครอบครัวได้เป็นกรณีพิเศษทางด้านจวนติ้งกั๋วโหว แน่นอนว่าฮูหยินติ้งกั๋วโหวนางเซียวมาด้วยตัวเอง และครั้งนี้ก็เช่นกัน ข้างกายนางมีคนมาด้วยคนหนึ่งแต่สิ่งที่ซ่งชิงเหยียนคาดไม่ถึงก็คือ คนนี้ไม่ใช่พี่สะใภ้ของนาง แต่เป็นอาสะใภ้รองของนาง กัวหยูหลังจากทั้งสองทําความเคารพซ่งชิงเหยียนด้วยความเคารพแล้วซ่งชิงเหยียนก็ให้ทั้งสองนั่งลงนางเซียวนั้นนั่งลงไปแล้วแต่กัวหยูกลับเดินไปข้างหน้าและคุกเข่าลงด้วยเสียงดัง"ตุบ"ทําให้ซ่งชิงเหยียนตกใจ แม้ว่านางจะไม่ชอบอาสะใภ้คนนี้ แต่พูดไปแล้ว หลายปีที่ผ่านมา นางเองก็ไม่ง่ายเลยเพราะเข้าใจความยากลําบากของนาง ดังนั้นนางจึงไม่ได้ถึงขั้นรังเกียจอะไรดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นและช่วยพยุงนางขึ้น แต่กัวหยูกลับยืนกรานที่จะคุกเข่าอยู่ที่นั่นและพูดว่า "หม่อมฉันขออภัยต่อพระสนมหวงกุ้ยเฟยและองค์รัชทายาทแทนพี่ชายของหม่อมฉันด้วยเพคะ"หลายวันก่อนได้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0611

    ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมมีเรื่องจะกําชับฮองเฮาเช่นกัน “หลังจากข้าจากไปแล้ว งานแต่งงานของจิ่นเหยาต้องพึ่งพาเจ้าให้มาก หากต้องการความช่วยเหลือ เจ้าก็ไปหาหลานเฟยให้ช่วยเจ้าได้เลย ไม่จําเป็นต้องแบกรับไว้คนเดียว”“เรื่องอื่นๆ ในวัง เจ้าก็สามารถปรึกษากับเสด็จแม่หรือหลานเฟยได้”“นางสนมคนอื่นๆ ในวังที่ตั้งครรภ์ก็ต้องรบกวนเจ้าดูแลให้มากๆ ด้วย”พูดจบฮ่องเต้ต้าฉู่ก็หันไปมองไทเฮาอีกครั้ง “สําหรับเรื่องการคัดตัว เสด็จแม่กับฮองเฮาก็จัดการกันเองเถอะ ดูหญิงคัดตัวว์ล่วงหน้าบ้างก็ดี”เพื่อปลอบขวัญฮองเฮา คืนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงไปเสวยพระกระยาหารที่ตําหนักจิ่นซิ่ว และค้างคืนที่ตําหนักจิ่นซิ่วหลังจากจบการร่วมรัก เสิ่นหนิงก็พลิกตัวลงจากเตียง เยว่หรานรีบเข้ามาทำความสะอาดให้พระมเหสีของตนนายบ่าวมองหน้ากันโดยปราศจากคำพูดใดๆเสิ่นหนิงมองผ่านกระจกทองแดงไปยังฮ่องเต้ต้าฉู่ที่กําลังหลับสนิทอยู่บนเตียง ให้เยว่หรานแนบหูมา พูดด้วยน้ำเสียงที่ที่ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น “บอกเขาว่า แผนการทั้งหมดหยุดชั่วคราว ข้ามีแผนการอื่น”ในเมื่อฮ่องเต้ต้าฉู่จะเสด็จลงใต้ เช่นนั้นก็สามารถวางแผนอื่นได้แล้วเรื่องที่ฮ่องเต้ต้าฉู่จะพาพ

DMCA.com Protection Status