“คุณจำคำพูดของตัวเองไม่ได้เหรอคะ ตอนที่พูดกับเพื่อนคุณบอกว่ายังไง ถ้าม่านท้องขึ้นมาคุณจะหย่ากับม่าน และสัญญาของม่านกับคุณมันก็สิ้นสุดลงแล้วด้วย”
“ม่าน…” เพียงเขาอ้าปากเรียกชื่อเธอ ม่านทิวาก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ยอมให้โอกาสคนใจร้ายอย่างเขาได้พูดอธิบายสักคำ
“ที่คุณทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการแก้แค้นให้ยัยวิเจ็บใจแล้วก็เอาชนะเดิมพันเพื่อนของคุณ” เธอยอกย้อนเสียงราบเรียบ แต่มันกลับบาดลึกเข้าไปในหัวใจของชายหนุ่มจนเจ็บปวด
“ฉัน...” รณพีร์กำลังจะเอ่ยค้าน แต่ก็ถูกม่านทิวาพูดดักคอเอาไว้เสียก่อน
“อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกนะคะ เพราะการหลอกลวงให้ ผู้หญิงคนหนึ่งรักคุณจนหมดใจ แต่คุณกลับตอบแทนเขาด้วยความเจ็บช้ำ มันจะทำให้ ผู้หญิงคนนั้นหมดความหวัง ความศรัทธา ความเชื่อใจในความรักจนหมดสิ้น” เสียงสั่นเครือของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มอยากจะกอดปลอบ แต่เธอคงไม่ต้องการ
“ม่าน...ฉันขอโทษ”
---------------------------------------------------------------------------------------------------
เสน่หาสามีลวงใจ
ประพันธ์ ญาดาพัชร์
ออกแบบปก คนวาดสีเทา
หมวดนิยาย นิยายโรมานซ์
วันที่ตีพิมพ์ 9 กรกฏาคม 2564
จำนวนหน้า 489 หน้า
ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 ห้ามให้ผู้ใดละเมิด มิให้คัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์
---------------------------------------------------------------------------------------------------
จากใจนักเขียน
สวัสดีนักอ่านที่น่ารักในปี 2564 ค่ะ ครึ่งปีแล้วที่ไม่ได้เจอกันเลย วันนี้พาผลงานเรื่องล่าสุดมาฝากค่ะ กับเสน่หาสามีลวงใจ นิยายเรื่องนี้มีฉากหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัว ตอนที่เขียนเรื่อง เมียนอกสถานะ อยู่นั้น เกี่ยวกับความหลอกลวงของ รณพีร์ ที่ดึงเอา ม่านทิวา คนที่ไม่เคยแม้แต่จะรู้จักเข้ามาในชีวิต เพื่อแผนการบางอย่างของพระเอก ทำทุกอย่างที่ต้องการจะเอาชนะ แต่กว่าจะรู้ว่ารักก็เกือบสายเกินไป
ขอบคุณนักอ่านที่รอนิยายเรื่องนี้มานาน ไม่รู้ว่านักอ่านทุกท่านที่ได้อ่านเรื่องของพี่สองกับน้องม่านไปแล้วจะชอบกันบ้านหรือเปล่า
สุดท้ายขอบคุณพี่ ๆ น้อง ๆ นักเขียนทุกคนที่คอยให้กำลังใจ ในช่วงที่เขียนเรื่องนี้นะคะ ท้อมากแต่ก็ไม่หยุดเขียน ดึงกำลังใจของทุกคนมาเขียนต่อจนจบ และขอขอบคุณทุกคนที่คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณพี่ Noomeaw.siri ที่คอยดูความสมเหตุสมผลของนิยายเรื่องนี้ให้จนจบด้วยค่ะ
แต่ยังไงก็ขอให้อ่านกันให้สนุกนะคะ. แล้วเจอกันใหม่ในเรื่องต่อไปค่ะ
ด้วยรัก...ญาดาพัชร์
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย...ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมา นอกจากชาวต่างชาติที่กำลังเดินทางเข้าออกประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้ว ยังมีชายหนุ่มชาวไทยรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวดูมีออราที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอก สวมทับด้วยเสื้อแจ็กเกตแขนยาวกับกางเกงสแล็กส์สีดำเข้าชุด เดินปะปนมากับผู้คนเหล่านั้นด้วยนัยน์ตาคมกริบของชายหนุ่มถูกบดบังด้วยแว่นตากันแดดสีดำราคาแพง แต่ไม่ได้ช่วยอำพรางความหล่อเหลาของเขาได้แม้แต่น้อย ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับดูเงียบขรึมราวกับว่าเขานั้นมีเรื่องหนักใจให้ขบคิดระหว่างทางที่เดินออกมาจากประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ ความสูงโปร่ง หล่อเหลาและดูดีของชายหนุ่มเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่ไม่น้อย ใคร ๆ ต่างมองตามด้วยความสนอกสนใจว่าชายหนุ่มรูปงามคนนี้คือใครกันแต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจผู้คนเหล่านั้นเลย ตั้งหน้าลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำพร้อมกับซุกมืออีกข้างลงในกระเป๋ากางเกง เดินตรงไปยังจุดบริการแท็กซี่ของทางสนามบินเพื่อเดินทางไปยังบ้านหลังใหญ่ที่แสนอบอุ่นของเขา ซึ่งชายหนุ่มตั้งใจที่จะกลับมาเซอร์ไพรซ์ไม่ยอมบอกใครแม้แต่คนเดียว“ให้ข
ร่างสูงของรณพีร์นั่งลงบนเตียงนุ่มกว้างพลางคิดถึงเรื่องที่เขาได้รับรู้มาก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเขาและหล่อนจะคบหาดูใจกันมาเพียงไม่นาน แต่ลึก ๆ ในจิตใจของเขากลับหลงใหลอยากแต่งงานสร้างครอบครัวกับหล่อนมากที่สุด เขาตัดสินใจที่จะกลับมาขอหล่อนแต่งงานแต่จำเป็นต้องยกเลิกกะทันหัน เพราะหล่อนโพสต์รูปคู่ลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับผู้ชายคนอื่นมันเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับที่เพื่อนสนิทของเขาได้ส่งภาพนั้นมาให้ดูพอดี เขาไม่เชื่อจึงกลับมาดูเพื่อให้เห็นกับตาตัวเองจนรู้ว่าหล่อนนั้นคบหาอยู่กับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เขาจึงตัดสินใจอยู่ดูแลงานที่ต่างประเทศต่ออีกหนึ่งปีเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านและลืมผู้หญิงทรยศคนนั้นให้หมดใจชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สลัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัวเพื่อไม่ให้นึกถึงเรื่องราวของผู้หญิงทรยศคนนั้นอีก ถ้าหากวันใดเขาได้เจอเธออีกครั้ง แน่นอนว่าเขาจะเอาคืนให้เจ็บปวดมากกว่าที่เขาเจ็บเป็นร้อยเท่าพันเท่าไม่นานชายหนุ่มก็ตรงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายแล้วออกมานอนพักผ่อน เพื่อให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหลายชั่วโมงวันนี้เขาต้องการพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อไม่ใ
“นังม่าน แกจะรีบไปไหน”เสียงขุ่นมัวดังขึ้น ใบหน้าสวยหวานจึงเงยขึ้นมามองคนตรงหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหน วรรณา สมุทรธารา แม่เลี้ยงของเธอนั่นเอง“ไปทำงานค่ะน้าวรรณ” ม่านทิวาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวานละมุนก่อนจะเดินผละออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อวรรณาตวาดเรียกเธอเอาไว้อีกครั้ง“เดี๋ยว!”คนตัวเล็กชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบคนตรงหน้า “มีอะไรอีกคะน้าวรรณ”“ก่อนที่แกจะออกไปเอาเงินมาให้ฉันก่อน ฉันจะเอาไปจ่ายค่าเช่าบ้านกับใช้หนี้ให้พ่อแก” นางว่าพร้อมกับแบมือขอต่อหน้าหญิงสาว“ม่านเพิ่งให้น้าวรรณกับวิไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่คะ” ม่านทิวาสงสัยไม่น้อยกับการใช้จ่ายที่ดูจะฟุ่มเฟือยของแม่เลี้ยงที่ให้เท่าไรก็ไม่เคยพอ“มันก็ต้องกินต้องใช้ทุกวันไหมยะ” วรรณาตวาดว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหญิงสาวเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเล็กหยิบเงินจำนวนหนึ่งยื่นให้นาง “ตอนนี้ม่านมีให้แค่นี้ค่ะ น้าวรรณช่วย…”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยจบประโยค เสียงเล็กแหลมก็ดังขึ้นขัดมาแต่ไกล ม่านทิวาหันกลับไปมองทางด้านหลังของตนก็พบกับ รวิดา สมุทรธารา ลูกสาวของวรรณาที่รีบลงบันไดตรงมาหาเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึง“แล้วของฉันล่ะ”“วิเพิ่งขอไปเมื่อวาน หมดแล้วเหรอ”“แ
ม่านทิวากำลังเดินไปรอรถประจำทางเพื่อที่จะกลับบ้าน อยู่ ๆ ก็มีชายร่างสูงกำยำในชุดสีดำสองคนมายืนดักหน้าเธอเอาไว้ คนตัวเล็กสั่นสะท้านด้วยความกลัวว่าตนจะตกอยู่ในอันตราย“รีบไปไหน เมื่อไรมึงจะใช้หนี้ฮะ!” หนึ่งในสองคนนั้นจู่โจมถามน้ำเสียงกระชากม่านทิวาถึงกับนิ่วหน้าสงสัยว่าเธอนั้นไปติดหนี้พวกมันตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเป็นหนี้สินของบิดาเธอจ่ายให้กับธนาคารจนจะหมดอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ชายสองคนนี้พูดมามันคือหนี้ส่วนไหน“เงินอะไรของพวกคุณฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่เคยติดหนี้ใคร!” ม่านทิวาตอบอย่างมั่นใจ สายตาจ้องมองมันอย่างระแวงระวังกลัวว่าตัวเองจะถูกทำร้าย“เงินห้าหมื่นที่แม่เธอติดเสี่ยอู๋เอาไว้ เมื่อไรจะคืน”“แม่เหรอ?” ม่านทิวาทวนคำพลางครุ่นคิดในใจ ‘น้าวรรณ!’ ต้องเป็นน้าวรรณแน่ ๆ ที่ก่อเรื่องให้เธอ พวกมันถึงได้เจาะจงมาทวงหนี้ที่เธอแบบนี้“ห้าหมื่นฉันไม่มีหรอก”“ถ้าไม่มี...” สายตาของมันทั้งสองกวาดมองร่างงามตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำให้หญิงสาวต้องรีบถอยหนีโดยสัญชาตญาณแต่ถูกคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน “...ก็ต้องเอาอย่างอื่นไปใช้หนี้แทนเงิน”“ช่วยด้วย...ช่วยด้วยค่ะ ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวร้องตะโกนเสียงดังหวังว่าจะมีคนมาช่วย
ในหนึ่งวันของม่านทิวาหมดไปกับงานจนไม่มีเวลาหันมาสนใจเรื่องราวของวรรณากับรวิดาเลย เธอรู้เพียงแค่เรื่องเดียวคือหนี้สินที่น้าวรรณาภรรยาใหม่ของบิดาไปก่อเอาไว้หลังจากที่ท่านเสียไป นางติดเงินพนัน แต่ก็ไม่รู้ไปหยิบยืมเอามาจากใครบ้าง เท่าที่ได้ยินกับหูก็มีเสี่ยอู๋อะไรนั่นแหละคนหนึ่ง คนที่ส่งลูกน้องสองคนมาดักทวงหนี้ห้าหมื่นบาทกับเธอนั่นแล้วถ้าคนของเสี่ยอู๋ย้อนกลับมาทวงหนี้ที่เธออีกล่ะ เธอจะเอาเงินที่ไหนมาคืนให้พวกมันตั้งห้าหมื่น!พอสองแม่ลูกออกจากบ้านไปแล้ว คนตัวเล็กก็ออกจากบ้านไปจ่ายตลาด เกือบสองชั่วโมงที่หญิงสาวอยู่นอกบ้านเพราะจับจ่ายซื้อของใช้เข้าบ้านยังไม่ครบ ระหว่างที่เลือกซื้อของอยู่นั้นเธอมีลางสังหรณ์แปลก ๆ แวบเข้ามาในใจเหมือนกับว่าที่บ้านกำลังมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น หญิงสาวจึงตัดสินใจกลับจากตลาดทั้ง ๆ ที่ยังซื้อของไม่ครบม่านทิวาแทบจะเป็นลมเมื่อเดินเข้ามาถึงทางเข้าหน้าบ้าน เพราะประตูบ้านที่ล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาถูกงัดออก อีกทั้งยังได้ยินเสียงดังโครมครามมาจากด้านใน แต่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าข้างในนั้นเป็นใครมีอาวุธปืนหรือไม่ได้หรือ เธอจึงมองหาสิ่งของเอาไว้ป้องกันตั
นับจากวันที่รณพีร์กลับจากต่างประเทศโดยไม่บอกคนในครอบครัวให้รับรู้ล่วงหน้าแม้แต่คนเดียว บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มมักจะได้ยินคำถามจากบิดาและมารดาอยู่เสมอว่าเมื่อไรเขาจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนพี่ชายคนโตเสียที เพราะตอนนี้รณวีร์มีครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูกไปแล้ว นั่นคงเป็นเพราะว่าเขาถูกอดีตคนรักทำร้ายจึงไม่ยอมเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตอีกตลอดเวลาที่ผ่านมามารดามักจะต่อว่าเขาที่ชอบควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ถ้าหากนางเห็นหรือได้ยินคนอื่นพูดเรื่องที่เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอีกละก็ นางจะหาผู้หญิงที่เหมาะสมมาแต่งงานกับเขาให้รู้แล้วรู้รอดแต่สมัยนี้มันหมดยุคจับคลุมถุงชนไปแล้ว ปีนี้ก็ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเข้าไปแล้วมารดายังคิดจะทำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้อยู่ได้“เฮ้อ!”เสียงถอนหายใจหนักหน่วงของรณพีร์ดังขึ้น เมื่อเห็นว่ามารดากำลังเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางดูเบิกบานราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ ทำให้เป็นสุขใจ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องดี ๆ ของมารดาก็โปรดจงรู้เอาไว้ว่ามันต้องเป็นเรื่องหายนะสำหรับเขาแน่นอน“อะไรกันตาสอง เห็นหน้าแม่แล้วทำไมต้องถอนหายใจแรง ๆ แบบนั้นด้วย” นางว่าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
เวลาบ่ายคล้อยรณพีร์กลับลงมาอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบย่อม เดินตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวโดยไม่สนใจคนในบ้านแม้แต่น้อย แต่ยังไม่ทันก้าวข้ามธรณีประตูก็ต้องชะงัก เมื่อบิดาที่กำลังนั่งดูข่าวอยู่ในห้องนั่งเล่นส่งเสียงเรียกรั้งไว้ ชายหนุ่มจึงต้องหยุดแล้วเดินกลับมาหาบิดา“ครับพ่อ”“จะไปไหน?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามพลางลดสายตามองดูกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมือบุตรชายคนเล็กด้วยความสงสัย“ไปรีสอร์ตของไอ้หนึ่งที่กระบี่ครับคุณพ่อ” ร่างสูงตอบไปตามความจริงดังที่ตั้งใจจะไป เหตุผลที่จะไปก็เพื่อหลบหลีกการไปดูตัวตามที่มารดาต้องการ“ผมไปนะครับ” สายตาคมกริบของรณพีร์มองผ่านไปยังด้านหลังของบิดา เขาเห็นมารดาเดินออกมาจากในครัวจึงรีบขอตัวออกไปทันที“เดี๋ยวเจ้าสอง ก่อนไปเอาซองเอกสารนี่ติดมือไปด้วย แม่แกเตรียมเอาไว้ให้น่ะ” พูดจบก็ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้บุตรชายคนเล็ก“อะไรครับพ่อ” ชายหนุ่มรับซองเอกสารจากบิดามาพลิกดูกลับไปกลับมาก่อนเอ่ยถามอย่างงุนงงสงสัย“เอาไปเถอะน่า เปิดดูก็รู้เอง” คุณอนันต์บอกบุตรชายเพียงอ้อม ๆ กลัวว่ารู้ความจริงแล้วจะไม่ยอมเอาไปด้วย“ถ้างั้นผมไปนะครับ” เอ่ยลาแล้วรีบออกจากบ้านไปด้วยความรวดเร็ว ไม่สนใจเ
สายตาคมกริบปะทะเข้ากับร่างเล็กบอบบางในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้น รวบผมไว้กลางศีรษะที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมงานบางอย่าง มือเล็กเรียวกำลังจัดของ ริมฝีปากบางกระจับพลางขยับโต้ตอบกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน พลันสายตาของเขาสะดุดเข้ากับรอยยิ้มหวาน ท่าทางน่ารักสดใส แต่เหตุใดดวงตาสวยหวานคู่นั้นถึงแฝงไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่าเธอกำลังมีเรื่องทุกข์ใจเหลือแสนที่ไม่สามารถบอกกับใครได้ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรง ๆ ขับไล่เรื่องไร้สาระของคนที่ไม่รู้จักออกจากสมองให้หมด ผละออกมาจากระเบียงเข้าไปจัดการอาบน้ำอาบท่า ออกมาสั่งอาหารเช้ารับประทานระหว่างรอลูกน้องคนสนิทเอางานลงมาให้ที่กระบี่ ถึงแม้ว่าจะมาพักผ่อน แต่คนอย่างรณพีร์ก็ขาดงานไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว เพราะเขาไม่ชอบเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานจนทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทหลายนาทีต่อมาเสียงของเหล่าสาว ๆ ยังคงวุ่นวายและดังไม่หยุด ในบางครั้งก็ออกความเห็น บางครั้งก็ทะเลาะกันเป็นครั้งคราวไป ร่างสูงของรณพีร์เดินออกมายังระเบียงห้องพักอีกครั้งพร้อมกับถ้วยกาแฟหอมกรุ่นรสชาติโปรดปราน จิบไปพลางชื่นชมบรรยากาศท้องทะเล สายลมและแสงแดดตรงหน้าไปเรื่อย ๆ บางครั้ง
ธาริกาตอบกลับพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนคนที่เพิ่งจะจบการสนทนาเมื่อครู่ด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนหันไปหาม่านทิวาและชวนเข้าไปในห้องด้วยกัน เธอไม่ค่อยไว้ใจให้เพื่อนยืนรอหน้าห้องเท่าไร เพราะมีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินวนเวียนอยู่ไม่ห่าง"สวัสดีค่ะคุณนที" น้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจและรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่ได้เห็นของเลขานุการสาวนอกเวลางาน…เอ่ยทักเจ้านายทันทีที่มาถึง ทำให้สี่หนุ่มที่นั่งสังสรรค์พร้อมกับสาว ๆ ข้างกายเงยหน้าขึ้นมามองเป็นตาเดียว"สายไปห้านาที" นทีต่อว่าด้วยความเขี้ยว"ฉันก็มีธุระของฉันนี่คะ คุณนทีรีบเซ็นเอกสารเถอะค่ะ ฉันจะได้รีบไป" หญิงสาวย่อตัวลงวางเอกสารให้เจ้านายหนุ่มเซ็นแต่นทีกลับไม่ยอมทำตาม อีกทั้งถามกลับเสียงแข็ง "ไปไหน""ไปไหนไม่สำคัญค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบก่อนหันไปหาม่านทิวาที่สะกิดเรียก"หือ..มีอะไร?""ฉันกลับไปรอที่ห้องนะ" ม่านทิวาบอกกับเพื่อนสาว ทั้ง ๆ ที่สายตาของเธอจ้องมองไปยังร่างสูงของรณพีร์ที่กำลังกอดผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วยวนข้างกายธาริกาพยักหน้าอนุญาตแล้วหันกลับมามองเอกสารสำคัญที่เจ้านายหนุ่มเพิ่งจรดปากกาเซ็นช
เวลาสามทุ่มกว่าของคืนวันเดียวกัน ภายในสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานผสมผสานเคล้าคลอกับเครื่องดื่มชั้นดีที่ธาริกาจัดมาให้เพื่อน หญิงสาวเลือกโต๊ะที่มีความเป็นส่วนตัวเพราะไม่อยากให้ใครมารบกวน"โต๊ะที่คุณผู้หญิงจองไว้ทางร้านจัดให้เรียบร้อยแล้วครับ" พนักงานชายของร้านบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ"ขอบคุณค่ะ อย่าลืมของที่สั่งไว้นะคะ"ธาริกาย้ำเตือนกับพนักงานแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาถ่ายรูปโต๊ะที่จองไว้ ส่งให้เพื่อนในไลน์กรุปทันทีจะได้ไม่เสียเวลาเดินออกไปรับ ไม่นานนักเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอัญญ์ : ถึงแล้ว กำลังจะเข้าไปธาริกา : โอเค รีบมาฉันรออยู่อัญญ์ส่งสติกเกอร์ยิ้มแฉ่งแข่งตะวันมาให้ธาริกาธาริกา : แล้วคนอื่นล่ะ? ยัยวีวี่ ยัยปอ ยัยม่านถ้าแกไม่มาฉันจะโกรธจริง ๆ ด้วยม่านทิวาส่งสติกเกอร์การ์ตูนรูปหน้าผู้หญิงหัวเราะชอบใจเป็นการตอบกลับวีรพล : กำลังจะเข้าไปปอแก้ว : กำลังถึงเช่นกันจ้า รอแป๊บน
“ไม่ใช่ครับ แต่มีเรื่องจะถามนิดหน่อย” ตอบพร้อมกับมองหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยความสงสัย “บัญชีงบประมาณที่คุณทำอยู่เสร็จหมดหรือยังครับ”“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”“เดือนหน้าคุณม่านไม่ต้องมาทำงานแล้วนะครับ”“ทำไมคะ?” หญิงสาวถามเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนเหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างสงสัยว่าน่าจะเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้“พอดีสามีคุณทำเรื่องลาออกให้เรียบร้อยแล้วครับ” ม่านทิวาตกใจพอ ๆ กับพนักงานหลายคนที่ได้ยินเรื่องน่าตกใจของเธอในคราวเดียวกันถ้าเดือนหน้าไม่ต้องมาทำงาน เช่นนั้นเธอจะเหลือเวลาทำงานที่บริษัทแห่งนี้เพียงสามวันเท่านั้น…สายตาหวานมองไปรอบ ๆ สายตาพนักงานคนอื่นต่างมองมาที่เธอรณพีร์! นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไงกัน!“ขอบคุณคุณหิรัญมากนะครับที่อนุมัติให้ภรรยาผมลาออกอย่างกะทันหัน” รณพีร์หันไปคุยกับหิรัญโดยไม่สนสายตาขุ่น ๆ ของม่านทิวาเลย“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” หิรัญตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”ชายหนุ่มผู้เป็นสามีของม่านทิวาขอตัวกลับ เขาเดินผ่านคนตัวเล
เกือบ ๆ สี่เดือนที่ผ่านมา...ในยามเช้าของต้นสัปดาห์ซึ่งเป็นวันทำงานของใครหลาย ๆ คน เช่นเดียวกันกับม่านทิวาและรณพีร์ สองร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียง ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่าย ๆใบหน้าสวยหวานกะพริบตาเล็กน้อยเพื่อหลีกหนีแสงสว่างที่สาดส่องผ่านผ้าม่านโปร่งแสงสีเทาเข้ามา ก่อนเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาดูก็ต้องตกใจกับเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ร่างเล็กรีบดีดกายออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของคนที่นอนกอดทันที คว้าผ้าขนหนูมาพันกายในจังหวะที่จะเดินเข้าห้องน้ำ"จะรีบตื่นไปไหน" รณพีร์ยกศีรษะขึ้นมาถามคนที่กำลังเร่งรีบเมื่อครู่"ไปทำงานค่ะ" ร่างเล็กตอบกลับโดยไม่หันมามอง"เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง…จะรีบตื่นทำไม" คนตัวโตยันกายขึ้นนั่งพิงหัวเตียง สองมือรองที่ท้ายทอยถามด้วยท่าทางสบายใจไม่ได้เร่งร้อนใจเหมือนม่านทิวา"ฉันจะลงไปช่วยป้าเจียมเตรียมอาหารเข้า และฉันก็ไม่อยากไปทำงานสายค่ะ" บอกอย่างเร่งรีบก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวของตนรณพีร์ยกยิ้มมุมปากบาง ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะสะบัดผ้าห่มที่คลุมกายออก จากนั้นคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืน
ม่านทิวาส่ายหน้าเป็นคำตอบ เธออยากกลับไปพักผ่อนมากกว่า ทั้งสองคนจึงพากันกลับบ้านทันที กว่าจะถึงบ้านก็เวลาราว ๆ สองทุ่ม"กลับมากันแล้วเหรอ" รณวีร์ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยถามคนเป็นน้องชายตอบรับในลำคอเท่านั้น ส่วนคนที่เดินตามหลังมาพยักหน้าเป็นคำตอบเช่นกัน"ตาสองกับหนูม่าน...มาทานอาหารเย็นด้วยกันสิลูก"คุณนายสรวงสุดาเดินออกมาจากครัวเอ่ยชวน วันนี้นางเป็นคนลงมือเข้าครัวเองเพราะอยากทดลองทำอาหารเมนูใหม่ ๆ เอาใจสามี และให้บุตรชายกับลูกสะใภ้ได้ลิ้มลอง"คุณแม่ทานเลยครับ ผมเพิ่งทานมาเมื่อกี้นี้เอง" รณพีร์ตอบอย่างถนอมน้ำใจมารดา"แล้วหนูม่านล่ะลูก" นางหันไปถามลูกสะใภ้คนเล็กด้วยความเป็นห่วง"ทานพร้อมคุณสองมาแล้วค่ะคุณแม่" หญิงสาวตอบกลับแม่สามีด้วยความเกรงใจไม่ต่างกัน"ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ" ชายหนุ่มบอกกับมารดาก่อนเดินขึ้นชั้นสองไปม่านทิวากำลังจะก้าวเท้าขึ้นตามคนที่เป็นสามีไป อยู่ ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของน้องพายก็ดังขึ้นพร้อมกับวิ่งมากอดขาเรียวของเธอ"อาม่านมาแล้ว" น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความดีใจทำเอาม่านทิวายิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"อะไรก็ได้ค่ะ…แล้วแต่คุณสองเลยค่ะ"ม่านทิวาไม่อยากเรื่องมากกับเขา และการรับประทานอาหารมื้อนี้เป็นอีกมื้อที่เราสองคนรับประทานกันอย่างเงียบ ๆ ถึงแม้รอบกายจะมีเสียงดังรบกวนไม่น้อยสายตาของม่านทิวาเหลือบมองไปเห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมามอง เธอตกใจไม่น้อย...ไม่คิดว่าจะได้พบรวิดาที่นี่"วิ!" ม่านทิวาอุทานเรียกเบา ๆ ราวละเมอ"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะพี่ม่าน"น้ำเสียงกระแนะกระแหนของรวิดาดังขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้มใส่หน้าพี่สาวนอกไส้ทันที ก่อนหันไปมองรณพีร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับม่านทิวา"สวัสดีค่ะพี่สอง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีไหม" รวิดาหันมาถามรณพีร์อย่างสนิทสนมเป็นการจงใจทำให้ม่านทิวาเข้าใจผิด"สบายดี" รณพีร์ตอบอย่างไร้เยื่อใยใบหน้านิ่งขรึม ไม่ใส่ใจรวิดาเท่าที่ควร"ไม่คิดเลยนะคะว่าจะมาเจอกันที่นี่ พี่ม่านมีเงินกินของหรู ๆ แพง ๆ แบบนี้ด้วยเหรอคะ" เสียงค่อนแคะที่ค่อนข้างดังทำให้คนภายในร้านจ้องมองมาที่โต๊ะของรณพีร์ทันทีรณพีร์กำลังจะอ้าปากตอบคำถามของคนรักเก่าแทนม่านทิวา แต่ไม่ทันเพราะหญิงสา
ม่านทิวาเดินตามหลังชายหนุ่มโดยเว้นระยะห่างตามที่เขาเคยสั่งเธอไว้ คนตัวเล็กมองรอบบ้านที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราน่าอยู่ โทนสีขาวตัดกับสีเทาให้ความสุขุมนุ่มลึกตามแบบฉบับของเจ้าของบ้าน เท้าเรียวเดินมาหยุดยืนอยู่มุมหนึ่งของบ้าน ไม่ได้เดินตามเขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยแต่อย่างใดมันไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่ถ้าเดินตามเขาเข้าไปชายหนุ่มคงไม่พอใจเธอแน่ ๆ และยังคงจดจำข้อตกลงของเขาได้เป็นอย่างดี เธอรออยู่ตรงนี้น่าจะเป็นการดีที่สุดเวลาผ่านไปม่านทิวาจึงเดินมานั่งบนโซฟาหรูที่ยังคงห่อหุ้มด้วยพลาสติกอย่างถือวิสาสะ ในใจยังกังวลว่าเจ้าของบ้านเห็นเข้าจะต่อว่าเอาได้ แต่เธอนั้นเมื่อยขาเกินกว่าที่จะยืนไหว นั่งไม่นานก็เผลอหลับไปอีกครั้งด้วยความเพลียจับใจ"งั้นรบกวนคุณจัดการแก้ไขและเปลี่ยนตามที่ผมบอกด้วยนะครับ" ชายหนุ่มบอกกับคนที่เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านและอินทีเรียที่เป็นพนักงานในบริษัทของเขาเอง"ได้ครับคุณรณพีร์ เดี๋ยวพวกผมจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อย ไม่เกินหนึ่งเดือนครับ""ครับ" เจ้าของบ้านหนุ่มหล่อพยักหน้ารับอย่างขอบคุณตอนนี้ก็เวลาราว ๆ สี่โม
ม่านทิวาถูกร่างสูงของสามีกึ่งลากกึ่งจูงออกมาจากร้านกาแฟที่ชายหนุ่มให้ลูกน้องคนสนิทตามมาดูว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน หลังจากที่เขาจัดการงานของตนเองเสร็จเรียบร้อยจึงตามออกมา ในจังหวะที่เขาเข้ามาในร้านก็ได้ยินม่านทิวากำลังพูดเรื่องลับ ๆ ระหว่างเราอยู่พอดี ใจก็อยากจะเข้าไปกระชากตัวหญิงสาวออกมาจากตรงนั้นก่อนที่เรื่องนี้จะมีคนรู้มากกว่าที่ควรแต่ไม่รู้เหตุใดทำไมเขาถึงกลับใจยืนหลบมุมคอยฟังว่าสาวเจ้าจะพูดอะไรบ้าง จะรักษาคำพูดที่เคยให้ไว้หรือไม่ แต่แล้วเธอก็ทำแบบนั้นจริง ๆ บอกกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพียงนิดหนึ่งแล้วก็ปิดบังความจริงส่วนใหญ่เอาไว้ตามสัญญา"คุณสอง...ปล่อยฉันค่ะ ฉันเจ็บนะ” คนตัวเล็กอ้อนวอนและพยายามบิดข้อมือออกจากมือหนาทันทีที่เดินมาถึงรถยนต์คันหรู ชายหนุ่มเปิดประตูและผลักหญิงสาวให้เข้าไปนั่งในรถทันที พร้อมกำชับว่าหากลงมา ‘โดนดีแน่’ม่านทิวาจึงอยู่นิ่ง ๆ บนรถตามคำขู่ของคนใจร้าย และนั่งนิ่งอยู่ภายในรถด้วยความร้อนอกร้อนใจ"ทำไมเธอไม่ถอดแหวนแต่งงานออกตามที่ฉันสั่ง" ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวทันทีที่เข้ามานั่งเบาะฝั่งคนขับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้า
ม่านทิวาส่ายหน้าให้กับคำตอบของเพื่อนก่อนหันไปจ่ายค่าเครื่องดื่มให้กับพนักงาน"ฉันง่วงไม่ไหวแล้วอะ ขอกลับก่อนนะ"ม่านทิวาบอกกับเพื่อนเสียงงัวเงียทางอ่อนเพลีย เธอขอตัวกลับทันทีเพราะตอนนี้เริ่มจะง่วงขึ้นมาอีกแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเสียมารยาทมากแค่ไหนที่เธอนั้นมาทีหลังยังจะขอกลับก่อน"แล้วจะกลับยังไง ให้พวกฉันไปส่งไหม"วีรพลขันอาสาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ถ้าง่วงแบบนี้ให้กลับเองไม่ดีแน่ ทว่าอีกใจคืออยากเห็นบ้านสามีเพื่อนด้วยนั่นแหละ ว่าบ้านสามีของเพื่อนสาวจะใหญ่อลังการหรือเปล่า ในจังหวะที่ม่านทิวากำลังจะตอบกลับ เสียงเข้มของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ“ถ้าง่วงก็กลับบ้าน"ม่านทิวาที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ต้องชะงัก เงยหน้าขึ้นมาดูว่าเสียงนั้นใช่คนที่เธอคิดไว้หรือไม่ใช่...เขาคือคนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด นั่นก็คือรณพีร์ แต่จะว่าไปเขามาอยู่อะไรที่นี่"คุณสอง""ฉันมารับกลับบ้าน" ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงเข้มก่อนหันมาบอกเพื่อนของเธอ "ขอตัวพาภรรยากลับบ้านก่อนนะครับ" พูดจบก็คว้ามือเรียวของคนตัวเล็กออกจากร้านท่ามกลางความมึนงงของสาว