นับจากวันที่รณพีร์กลับจากต่างประเทศโดยไม่บอกคนในครอบครัวให้รับรู้ล่วงหน้าแม้แต่คนเดียว บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มมักจะได้ยินคำถามจากบิดาและมารดาอยู่เสมอว่าเมื่อไรเขาจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนพี่ชายคนโตเสียที เพราะตอนนี้รณวีร์มีครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูกไปแล้ว นั่นคงเป็นเพราะว่าเขาถูกอดีตคนรักทำร้ายจึงไม่ยอมเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตอีก
ตลอดเวลาที่ผ่านมามารดามักจะต่อว่าเขาที่ชอบควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ถ้าหากนางเห็นหรือได้ยินคนอื่นพูดเรื่องที่เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอีกละก็ นางจะหาผู้หญิงที่เหมาะสมมาแต่งงานกับเขาให้รู้แล้วรู้รอด
แต่สมัยนี้มันหมดยุคจับคลุมถุงชนไปแล้ว ปีนี้ก็ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเข้าไปแล้วมารดายังคิดจะทำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้อยู่ได้
“เฮ้อ!”
เสียงถอนหายใจหนักหน่วงของรณพีร์ดังขึ้น เมื่อเห็นว่ามารดากำลังเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางดูเบิกบานราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ ทำให้เป็นสุขใจ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องดี ๆ ของมารดาก็โปรดจงรู้เอาไว้ว่ามันต้องเป็นเรื่องหายนะสำหรับเขาแน่นอน
“อะไรกันตาสอง เห็นหน้าแม่แล้วทำไมต้องถอนหายใจแรง ๆ แบบนั้นด้วย” นางว่าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ที่บุตรชายถอนหายใจแรง ๆ ใส่หน้ากัน
“เปล่าครับเปล่า…ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มเลือกที่จะปฏิเสธเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับมารดาจนกลายเป็นทะเลาะกันเปล่า ๆ
“แล้วไป...ว่าแต่วันอาทิตย์นี้ว่างไหมลูก”
คุณนายสรวงสุดาถามเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับฉีกยิ้มให้บุตรชายคนเล็ก รณพีร์เห็นแล้วเสียวสันหลังอย่างไรก็ไม่รู้
“คุณแม่ถามทำไมครับ” นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงมองมารดาที่ฉีกยิ้มผิดปกติมาให้อย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่วันอาทิตย์นี้แม่อยากให้แกไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
นี่แม่จะจับคู่ให้เขาจริง ๆ ใช่ไหม?
“เอ่อ...ไม่ว่างแล้วครับ” คนเป็นลูกทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนตอบมารดากลับไป
“พอพูดเรื่องนี้ไม่ว่างขึ้นมาทันทีเลยนะ ไม่คิดจะไปเจอหน้าน้องหน่อยเหรอ”
“คุณแม่ครับ ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่อยากแต่งงาน แล้วก็ไม่อยากไปเจอหน้าใครทั้งนั้น” ว่าจบก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นทันที แต่เสียงของมารดายังคงดังตามหลังมาไม่ขาดปาก
“ได้เลยตาสอง! ถ้าแกไม่ไปวันอาทิตย์ ฉันจะเลื่อนนัดมาเป็นวันพรุ่งนี้เลยคอยดูสิ”
ร่างสูงกลอกตามองบนแล้วลุกออกไปทันทีเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างมารดาพูดจริงทำจริง ค้านไปก็ไร้ประโยชน์ สู้ไปคิดหาทางหนีในวันพรุ่งนี้จะดีเสียกว่า
“เป็นอะไรคุณดา ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยวายลั่นบ้าน” คุณอนันต์เดินออกมาจากห้องหนังสือที่อยู่ชั้นล่างถามขึ้น ท่านเห็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากยื่นโมโหจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด
“ก็ตาสองน่ะสิคุณไม่ยอมไปดูตัว ฉันอุตส่าห์นัดเอาไว้ให้แล้ว”
“จับคู่ให้ลูกอีกแล้วหรือ คราวนี้เป็นลูกสาวคุณนายบ้านไหนอีกล่ะ” แต่ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นบุตรสาวของใครสักคนในกลุ่มคุณนายไฮโซเพื่อนของภรรยานั่นแหละ
“ไม่ใช่ลูกสาวคุณหญิงคุณนายที่ไหนหรอกค่ะ แต่เป็นคนที่เรารู้จักกันดีเลยล่ะคุณ”
ผู้เป็นภรรยาหันมาตอบสามี ทว่าสามีนิ่วหน้างวยงงนางจึงเฉลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“หนูม่านทิวาไงคะ ฉันอยากให้ตาสองแต่งงานกับหนูม่าน”
“หนูม่านคนขยันคนดีคนนั้นน่ะหรือ” คนเป็นสามีนึกออกทันที เพราะคนที่ชื่อ ‘ม่านทิวา’ ที่วนเวียนอยู่ในชีวิตของภรรยามีเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ใช่ค่ะ ฉันอยากให้ลูกแต่งงานกับคนดี หนูม่านขยันทำมาหากินแถมยังน่ารักเป็นแม่บ้านแม่เรือนด้วยนะคะ เรื่องฐานะฉันไม่สนใจหรอกค่ะ”
คุณนายสรวงสุดาสัมผัสมาแล้วว่าหญิงสาวเป็นคนดีแค่ไหน ซึ่งตลอดเวลาเกือบสามปีที่ผ่านมามีเพียงนางกับสามีเท่านั้นที่รู้จักกับเด็กสาวน่ารักคนนี้
“ถ้าเป็นหนูม่านผมเชียร์คุณเต็มที่ แต่ถ้าเป็นลูกสาวคุณนายไฮโซเพื่อนคุณน่ะผมขอผ่าน” ผู้เป็นสามีสนับสนุนเต็มกำลัง แต่ประโยคสุดท้ายนี่สิหมายความว่าอย่างไรกัน
“ลูกสาวเพื่อนฉันมันเป็นยังไงคะคุณอนันต์” นางมองค้อนใส่สามีพร้อมกับถามประชดประชันกลาย ๆ
“คุณก็น่าจะรู้ดีนะว่าเป็นยังไง ยังต้องให้ผมพูดอีกเหรอ”
อย่าหาว่าท่านว่าเลย บุตรสาวเพื่อน ๆ ของภรรยาน่ะไม่ชอบทำงาน งานบ้านงานเรือนก็ไม่ทำ เอาแต่แต่งตัวสวยไปวัน ๆ ตกเย็นก็ออกเที่ยวกลางคืน แม้แต่จะช่วยธุรกิจของครอบครัวสักนิดก็ไม่ได้ ผิดกับม่านทิวาที่ท่านเห็นมาตลอดว่าเป็นคนขยันสู้งาน หนักเอาเบาสู้ แม้ว่าเหนื่อยจากงานประจำแล้วก็ยังมาทำงานพิเศษเสริมเพื่อหาเงินไปจุนเจือครอบครัว กอปรกับเรื่องหนี้สินที่หญิงสาวไม่ได้ก่อที่ได้ฟังจากปากภรรยาแล้ว ม่านทิวาเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“แต่เราจะทำยังไงให้ลูกแต่งงานกับหนูม่านได้ล่ะคุณ” ผู้เป็นสามีจนหนทางเพราะรู้ว่าบุตรชายคนเล็กดื้อรั้นเหลือเกิน…ต้องไม่ยอมถูกบังคับแน่นอน
“ฉันยังไม่รู้เลยค่ะคุณ ลูกชายเรามันดื้อจะตายไป” คุณนายสรวงสุดาตอบกลับสามีพลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้รณพีร์ยินยอมแต่งงานแต่โดยดี ทว่ายังไม่ทันที่นางจะคิดออกก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
“ฮัลโหลหนูม่าน...ว่ายังไงลูก ไม่เป็นไร...ไม่ต้องคิดมาก หนูทำงานของหนูเถอะ เอาไว้วันหลังค่อยเจอกันก็ได้ลูก”
นางพูดโต้ตอบกับม่านทิวาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วกดวางสาย จากนั้นหันไปมองสามีที่ถามด้วยความสงสัยใคร่รู้เต็มที
“มีอะไรหรือเปล่าคุณ”
“วันอาทิตย์นี้คงต้องยกเลิกนัดแล้วล่ะค่ะ หนูม่านติดธุระกะทันหันมาไม่ได้” นางตอบก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยประโยคต่อมากับสามี “แต่พรุ่งนี้ฉันจะเอารูปหนูม่านให้ตาสองดู ฉันรู้ว่าลูกเราน่ะแพ้คนสวยเหมือนพ่อมันแหละ”
นางว่าแล้วก็ตวัดสายตามองสามีอย่างขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
“โธ่คุณ! มันเป็นอดีตไปแล้ว” ตอบพร้อมกับสวมกอดภรรยาอย่างออดอ้อน
“เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย”
พูดแล้วมันน่าโมโหนักเชียว ไม่ได้ดั่งใจเลยสักคนทั้งลูกทั้งผัว!
เวลาบ่ายคล้อยรณพีร์กลับลงมาอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบย่อม เดินตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวโดยไม่สนใจคนในบ้านแม้แต่น้อย แต่ยังไม่ทันก้าวข้ามธรณีประตูก็ต้องชะงัก เมื่อบิดาที่กำลังนั่งดูข่าวอยู่ในห้องนั่งเล่นส่งเสียงเรียกรั้งไว้ ชายหนุ่มจึงต้องหยุดแล้วเดินกลับมาหาบิดา“ครับพ่อ”“จะไปไหน?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามพลางลดสายตามองดูกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมือบุตรชายคนเล็กด้วยความสงสัย“ไปรีสอร์ตของไอ้หนึ่งที่กระบี่ครับคุณพ่อ” ร่างสูงตอบไปตามความจริงดังที่ตั้งใจจะไป เหตุผลที่จะไปก็เพื่อหลบหลีกการไปดูตัวตามที่มารดาต้องการ“ผมไปนะครับ” สายตาคมกริบของรณพีร์มองผ่านไปยังด้านหลังของบิดา เขาเห็นมารดาเดินออกมาจากในครัวจึงรีบขอตัวออกไปทันที“เดี๋ยวเจ้าสอง ก่อนไปเอาซองเอกสารนี่ติดมือไปด้วย แม่แกเตรียมเอาไว้ให้น่ะ” พูดจบก็ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้บุตรชายคนเล็ก“อะไรครับพ่อ” ชายหนุ่มรับซองเอกสารจากบิดามาพลิกดูกลับไปกลับมาก่อนเอ่ยถามอย่างงุนงงสงสัย“เอาไปเถอะน่า เปิดดูก็รู้เอง” คุณอนันต์บอกบุตรชายเพียงอ้อม ๆ กลัวว่ารู้ความจริงแล้วจะไม่ยอมเอาไปด้วย“ถ้างั้นผมไปนะครับ” เอ่ยลาแล้วรีบออกจากบ้านไปด้วยความรวดเร็ว ไม่สนใจเ
สายตาคมกริบปะทะเข้ากับร่างเล็กบอบบางในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้น รวบผมไว้กลางศีรษะที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมงานบางอย่าง มือเล็กเรียวกำลังจัดของ ริมฝีปากบางกระจับพลางขยับโต้ตอบกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน พลันสายตาของเขาสะดุดเข้ากับรอยยิ้มหวาน ท่าทางน่ารักสดใส แต่เหตุใดดวงตาสวยหวานคู่นั้นถึงแฝงไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่าเธอกำลังมีเรื่องทุกข์ใจเหลือแสนที่ไม่สามารถบอกกับใครได้ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรง ๆ ขับไล่เรื่องไร้สาระของคนที่ไม่รู้จักออกจากสมองให้หมด ผละออกมาจากระเบียงเข้าไปจัดการอาบน้ำอาบท่า ออกมาสั่งอาหารเช้ารับประทานระหว่างรอลูกน้องคนสนิทเอางานลงมาให้ที่กระบี่ ถึงแม้ว่าจะมาพักผ่อน แต่คนอย่างรณพีร์ก็ขาดงานไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว เพราะเขาไม่ชอบเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานจนทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทหลายนาทีต่อมาเสียงของเหล่าสาว ๆ ยังคงวุ่นวายและดังไม่หยุด ในบางครั้งก็ออกความเห็น บางครั้งก็ทะเลาะกันเป็นครั้งคราวไป ร่างสูงของรณพีร์เดินออกมายังระเบียงห้องพักอีกครั้งพร้อมกับถ้วยกาแฟหอมกรุ่นรสชาติโปรดปราน จิบไปพลางชื่นชมบรรยากาศท้องทะเล สายลมและแสงแดดตรงหน้าไปเรื่อย ๆ บางครั้ง
ตอนนี้วรรณาและรวิดาขาดการติดต่อไปเลย นับตั้งแต่พากันออกจากบ้านไปคราวก่อน เธอเองก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นพากันไปอยู่ที่ไหนถึงติดต่อไม่ได้ แต่ก็คงใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายตามประสาคนหัวสูง อยากได้อยากมีเกินฐานะของตนจนใช้ชีวิตธรรมดาสามัญอย่างคนอื่นเขาไม่เป็น การที่ม่านทิวาต้องคอยหาเงินทำงานหนักเพื่อเอามาจุนเจือครอบครัวไม่ขาด ก็เพราะว่าสองคนแม่ลูกไม่ยอมทำมาหากินช่วยเธอเลย วัน ๆ เอาแต่เข้าบ่อนเล่นการพนัน กู้หนี้ยืมสินเพื่อที่จะเอาเงินมาต่อทุนเดิมพันในการเล่นครั้งต่อไปส่วนรวิดาลูกสาวของนางวรรณานั้นชอบเที่ยวกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจและไม่ค่อยกลับบ้านอยู่บ่อยครั้ง และถ้าหากว่าเธอจำไม่ผิดละก็...เจ้าหล่อนเลิกรากับแฟนหนุ่มที่เคยคบหาดูใจกันตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศหลังจากกลับประเทศไทยเพราะต้องห่างกัน แล้วหันมาคบกับคนใหม่ที่คอยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายซื้อของแบรนด์เนมราคาแพงให้ใช้อยู่เสมอ แต่เธอเองก็ไม่เคยรู้จักหรือแม้แต่จะเคยเห็นหน้าค่าตาผู้ชายทั้งสองคนมาก่อนว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะทุกวันของเธอนั้นทำแต่งานตั้งแต่เช้าจรดค่ำไม่มีเวลามาสนใจคนรอบข้าง ทว่าสิ่งที่เธอรู้คร่าว ๆ ก็มาจากปากของแม่เลี้ยงและลูกสาวของนางน
ร่างสูงโปร่งของรณพีร์ออกมายืนยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบจากการนั่งทำงานอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่บริเวณริมระเบียงห้องนอนใกล้ทะเล สายตาคู่คมทอดมองไปยังท้องทะเลสีครามยาวสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับฟังเสียงคลื่นลมซัดสาดเข้ากับชายหาดเมื่อฟังเสียงคลื่นลมจากท้องทะเลจนรู้สึกผ่อนคลาย ชายหนุ่มเบนสายตาจากท้องทะเลไปยังลานจัดกิจกรรมยามค่ำคืนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสวยงาม เสียงเพลงดังต่อเนื่องมาร่วมชั่วโมงเห็นจะได้ มันไม่ได้ทำให้เขานั้นรู้สึกความรำคาญแม้แต่น้อย กลับกันเขารู้สึกสนุกสนานเมื่อเห็นผู้คนกำลังปาร์ตีกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในงานนับสิบคนหนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้เมื่อช่วงเย็นจากการโดนโจรวิ่งราวกระเป๋า รอยยิ้มของเธอนั้นไม่เหมือนคนที่พึ่งผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาแม้แต่น้อย กิริยาท่าทางของหญิงสาวที่เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามของเธอตกอยู่ในสายตาคู่คมของรณพีร์ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องและออกมาอีกครั้งพร้อมกับแล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ เตรียมที่จะนั่งทำงานอีกครั้งพร้อมกับดูผู้คนที่กำลังสนุกกับงานปาร์ตีไปด้วยใ
เธอพาผู้ชายคนนั้นเดินผ่านบ้านพักของเขาเพื่อไปยังบ้านพักถัดไปอีกสองหลัง รณพีร์เดินออกมาจากที่พักตรงไปยังทางเดินคอนกรีตเพื่อดูว่าเธอจะเดินกลับไปยังที่พักของตัวเองหรือไม่ เท่าที่เขามองดูเป็นระยะ ๆ เจ้าของร่างเล็กนั้นดื่มไปหลายแก้วซึ่งเป็นปริมาณที่มาก ใบหน้าสวยหวานจึงแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ และถ้าเขาจำไม่ผิด...ห้องของเธออยู่แถวๆ บริเวณที่จัดงานนี่แหละแต่จนแล้วจนลอดเธอก็ไม่ออกมาจากบ้านพักของผู้ชายคนนั้น ทำให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากคิดว่าเธอเข้าไปนอนค้างกับผู้ชายคนนั้น“หึ! ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด” ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้า สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเดินกลับเข้าที่พักด้วยอาการหัวเสียไม่น้อยช่วงเวลาราว ๆ แปดโมงเช้าในวันถัดมา เป็นเวลาที่ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวไปเก็บของเคลียร์สถานที่จัดงานเมื่อคืนให้เรียบร้อยก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ แต่เพื่อนของเธอนั้นยังไม่มีใครตื่นขึ้นมาสักคน เพราะแต่ละคนดื่มกันหนักเอามาก ๆ ขนาดเธอดื่มน้อยกว่านิดหน่อยยังมึนและปวดหัวเอาเรื่องอยู่เหมือนกันใบหน้าสวยหวานที่ยังตื่นไม่เต็มที่สะบัดไปมาให้คลายจากความมึนงง ก่อนลุกไปจัดการอาบน้ำและลง
"ขอโทษนะคะคุณ"พอเสียงหวานของม่านทิวาเอ่ยขึ้น คนที่ยืนเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลกว้างไกลสุดสายตาก็หลุดออกจากภวังค์ หันมามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยยากที่จะคาดเดาว่าเขารู้สึกเช่นไร"มีอะไร!" โทนเสียงราบเรียบเอ่ยถามทำให้ม่านทิวาทำตัวไม่ถูก เขาทำเหมือนไม่อยากพูดกับเธอ"เอ่อ…คือฉันจะมาขอบคุณคุณอีกครั้งน่ะค่ะ...ที่ช่วยฉันเอาไว้เมื่อวันก่อน" เธอบอกพลางส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ"อือ...แค่นี้ใช่ไหม" น้ำเสียงเย็นชากับใบหน้าเรียบเฉยของเขาทำเอาหญิงสาวหน้าเหวอทำตัวไม่ถูกมากกว่าเดิม"เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ว่าแต่คุณชื่อ..."ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยถามชื่อผู้มีพระคุณเลย ก็ถูกเสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นแทรกก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเขา"อาสองขา คุณแม่ให้มาตามไปทานข้าวค่า""ได้ครับ งั้นไปทานข้าวกันเนอะ"ชายหนุ่มย่อตัวลงไปหาร่างน้อยป้อม ๆ แล้วลูบศีรษะเบา ๆ ก่อนเดินจูงมือกันออกไปโดยไม่สนหญิงสาวหน้าหวานนัยน์ตาเศร้าแม้แต่น้อย ราวกับว่าเธอนั้นเป็นอากาศธาตุม่านทิวาเดินกลับมาหาเพื่อนสาวสองคนอย่างงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"เป็นอะไรยะ โดนผู้เทมาเหรอ?" วีรพลแซวเพื่อนที่เดินหน้าเหี่ยวแห้งกลับมาหา"ไม่รู้สิ ว
“เฮ้อ!”เสียงถอนหายใจอย่างหนักอกหนักใจทำให้คุณอนันต์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ หันมาถามภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากด้วยความเป็นห่วง เพราะท่านได้ยินเสียงถอนหายใจเช่นนี้ราว ๆ สามครั้งเห็นจะได้"เป็นอะไรไปคุณดา ผมได้ยินคุณนั่งถอนหายใจแบบนี้มานานแล้วนะ" คนเป็นสามีถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ก็ตาสองนี่สิ เมื่อไรจะเลิกนิสัยแบบนี้สักที ฉันละปวดหัว" นางว่าพร้อมทั้งเอานิ้วมือคลึงขมับของตนเองเบา ๆ"เรื่องที่ลูกไม่ยอมแต่งงาน แถมเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าใช่ไหม" สามีตอบอย่างรู้ทัน"ก็ใช่น่ะสิคะคุณ อายุก็สามสิบกว่าแล้วยังทำตัวเสเพลไม่เลิก ดูควงผู้หญิงแต่ละคนสิ โอ๊ย! ฉันรับไม่ได้" คุณนายสรวงสุดาส่ายศีรษะเอือมระอาเมื่อนึกถึงคู่ควงของบุตรชายแต่ละคน"อ้าวคุณ! ลูกมันโตแล้วก็แบบนี้แหละ ถ้าคุณไม่อยากให้มันมั่วไม่เลือกก็จับแต่งงานเสียสิ" คนเป็นสามีเสนอทางแก้ไขให้กับภรรยาหน้าตาย"แต่งงาน...กับผู้หญิงพวกนั้นเนี่ยนะ ไม่มีทาง!" นางหันมาเถียงสามีเสียงแข็งก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์หรี่แคบลง"จริงสิ...ฉันลืมคนนี้ไปได้ยังไง" คุณนายสรวงสุดาพูดขึ้นพร้อมกับแววตาโตเป็นประกายวาววาม เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนี้มาได้อย่างทันท่วงที
คุณนายสรวงสุดา : แกต้องแต่ง นี่คือคำขาดจากแม่ ผู้หญิงคนนี้เขาดีที่สุดสำหรับแกแล้วนะตาสองคุณนายสรวงสุดาตอบกลับข้อความแล้วส่งรูปภาพของผู้หญิงที่ว่าตามไปให้บุตรชายได้ดูอย่างเต็มตา ใบหน้าเธอนั้นเหมือนคนที่เขาเคยเจอตอนไปกระบี่เมื่อสองเดือนก่อนไม่มีผิดนี่มารดาจะเอาผู้หญิงเหลวแหลกพรรค์นั้นมาเป็นสะใภ้เหรอ นางชอบคนเรียบร้อยนิสัยดีทำไมถึงตาถั่วมาเลือกยัยนี่ได้รณพีร์ : คุณแม่อย่าเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้ให้มันมากเลยครับ ผมยังไม่เป็นอะไรสักหน่อย ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เพื่อแก้ชงบ้าบออะไรนั่นเลย ตอบกลับไม่นานก็ส่งประโยคต่อมาตามไปทันทีรณพีร์ : ถ้าผมจะแต่งงานจริง ๆ ผมแต่งกับคนอื่นดีกว่าแต่งกับผู้หญิงคนนี้คุณนายสรวงสุดา : อย่ามาโยกโย้ แกต้องแต่งงานกับหนูม่านเท่านั้น นี่คือคำขาดห้ามขัดคำสั่งแม่ จบนะพอสิ้นสุดข้อความเอาแต่ใจของมารดา รณพีร์ก็ถึงกับถอนหายใจหนักขึ้นไปอีก ก่อนจะเรียกให้ลูกน้องคนสนิทอย่างธันวาเข้ามาสั่งงาน"ธันวา เข้ามานี่หน่อย" ครู่หนึ่งลูกน้องหนุ่มคนสนิทที่หล่อสูสีกับเจ้านายก็เข้ามาภายในห้องทำงาน"ครับ มีเรื่องอะไรครับท่านรอง" ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามพร้อมรับคำสั่งการ"ไปส
ธาริกาตอบกลับพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนคนที่เพิ่งจะจบการสนทนาเมื่อครู่ด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนหันไปหาม่านทิวาและชวนเข้าไปในห้องด้วยกัน เธอไม่ค่อยไว้ใจให้เพื่อนยืนรอหน้าห้องเท่าไร เพราะมีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินวนเวียนอยู่ไม่ห่าง"สวัสดีค่ะคุณนที" น้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจและรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่ได้เห็นของเลขานุการสาวนอกเวลางาน…เอ่ยทักเจ้านายทันทีที่มาถึง ทำให้สี่หนุ่มที่นั่งสังสรรค์พร้อมกับสาว ๆ ข้างกายเงยหน้าขึ้นมามองเป็นตาเดียว"สายไปห้านาที" นทีต่อว่าด้วยความเขี้ยว"ฉันก็มีธุระของฉันนี่คะ คุณนทีรีบเซ็นเอกสารเถอะค่ะ ฉันจะได้รีบไป" หญิงสาวย่อตัวลงวางเอกสารให้เจ้านายหนุ่มเซ็นแต่นทีกลับไม่ยอมทำตาม อีกทั้งถามกลับเสียงแข็ง "ไปไหน""ไปไหนไม่สำคัญค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบก่อนหันไปหาม่านทิวาที่สะกิดเรียก"หือ..มีอะไร?""ฉันกลับไปรอที่ห้องนะ" ม่านทิวาบอกกับเพื่อนสาว ทั้ง ๆ ที่สายตาของเธอจ้องมองไปยังร่างสูงของรณพีร์ที่กำลังกอดผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วยวนข้างกายธาริกาพยักหน้าอนุญาตแล้วหันกลับมามองเอกสารสำคัญที่เจ้านายหนุ่มเพิ่งจรดปากกาเซ็นช
เวลาสามทุ่มกว่าของคืนวันเดียวกัน ภายในสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานผสมผสานเคล้าคลอกับเครื่องดื่มชั้นดีที่ธาริกาจัดมาให้เพื่อน หญิงสาวเลือกโต๊ะที่มีความเป็นส่วนตัวเพราะไม่อยากให้ใครมารบกวน"โต๊ะที่คุณผู้หญิงจองไว้ทางร้านจัดให้เรียบร้อยแล้วครับ" พนักงานชายของร้านบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ"ขอบคุณค่ะ อย่าลืมของที่สั่งไว้นะคะ"ธาริกาย้ำเตือนกับพนักงานแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาถ่ายรูปโต๊ะที่จองไว้ ส่งให้เพื่อนในไลน์กรุปทันทีจะได้ไม่เสียเวลาเดินออกไปรับ ไม่นานนักเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอัญญ์ : ถึงแล้ว กำลังจะเข้าไปธาริกา : โอเค รีบมาฉันรออยู่อัญญ์ส่งสติกเกอร์ยิ้มแฉ่งแข่งตะวันมาให้ธาริกาธาริกา : แล้วคนอื่นล่ะ? ยัยวีวี่ ยัยปอ ยัยม่านถ้าแกไม่มาฉันจะโกรธจริง ๆ ด้วยม่านทิวาส่งสติกเกอร์การ์ตูนรูปหน้าผู้หญิงหัวเราะชอบใจเป็นการตอบกลับวีรพล : กำลังจะเข้าไปปอแก้ว : กำลังถึงเช่นกันจ้า รอแป๊บน
“ไม่ใช่ครับ แต่มีเรื่องจะถามนิดหน่อย” ตอบพร้อมกับมองหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยความสงสัย “บัญชีงบประมาณที่คุณทำอยู่เสร็จหมดหรือยังครับ”“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”“เดือนหน้าคุณม่านไม่ต้องมาทำงานแล้วนะครับ”“ทำไมคะ?” หญิงสาวถามเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนเหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างสงสัยว่าน่าจะเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้“พอดีสามีคุณทำเรื่องลาออกให้เรียบร้อยแล้วครับ” ม่านทิวาตกใจพอ ๆ กับพนักงานหลายคนที่ได้ยินเรื่องน่าตกใจของเธอในคราวเดียวกันถ้าเดือนหน้าไม่ต้องมาทำงาน เช่นนั้นเธอจะเหลือเวลาทำงานที่บริษัทแห่งนี้เพียงสามวันเท่านั้น…สายตาหวานมองไปรอบ ๆ สายตาพนักงานคนอื่นต่างมองมาที่เธอรณพีร์! นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไงกัน!“ขอบคุณคุณหิรัญมากนะครับที่อนุมัติให้ภรรยาผมลาออกอย่างกะทันหัน” รณพีร์หันไปคุยกับหิรัญโดยไม่สนสายตาขุ่น ๆ ของม่านทิวาเลย“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” หิรัญตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”ชายหนุ่มผู้เป็นสามีของม่านทิวาขอตัวกลับ เขาเดินผ่านคนตัวเล
เกือบ ๆ สี่เดือนที่ผ่านมา...ในยามเช้าของต้นสัปดาห์ซึ่งเป็นวันทำงานของใครหลาย ๆ คน เช่นเดียวกันกับม่านทิวาและรณพีร์ สองร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียง ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่าย ๆใบหน้าสวยหวานกะพริบตาเล็กน้อยเพื่อหลีกหนีแสงสว่างที่สาดส่องผ่านผ้าม่านโปร่งแสงสีเทาเข้ามา ก่อนเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาดูก็ต้องตกใจกับเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ร่างเล็กรีบดีดกายออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของคนที่นอนกอดทันที คว้าผ้าขนหนูมาพันกายในจังหวะที่จะเดินเข้าห้องน้ำ"จะรีบตื่นไปไหน" รณพีร์ยกศีรษะขึ้นมาถามคนที่กำลังเร่งรีบเมื่อครู่"ไปทำงานค่ะ" ร่างเล็กตอบกลับโดยไม่หันมามอง"เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง…จะรีบตื่นทำไม" คนตัวโตยันกายขึ้นนั่งพิงหัวเตียง สองมือรองที่ท้ายทอยถามด้วยท่าทางสบายใจไม่ได้เร่งร้อนใจเหมือนม่านทิวา"ฉันจะลงไปช่วยป้าเจียมเตรียมอาหารเข้า และฉันก็ไม่อยากไปทำงานสายค่ะ" บอกอย่างเร่งรีบก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวของตนรณพีร์ยกยิ้มมุมปากบาง ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะสะบัดผ้าห่มที่คลุมกายออก จากนั้นคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืน
ม่านทิวาส่ายหน้าเป็นคำตอบ เธออยากกลับไปพักผ่อนมากกว่า ทั้งสองคนจึงพากันกลับบ้านทันที กว่าจะถึงบ้านก็เวลาราว ๆ สองทุ่ม"กลับมากันแล้วเหรอ" รณวีร์ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยถามคนเป็นน้องชายตอบรับในลำคอเท่านั้น ส่วนคนที่เดินตามหลังมาพยักหน้าเป็นคำตอบเช่นกัน"ตาสองกับหนูม่าน...มาทานอาหารเย็นด้วยกันสิลูก"คุณนายสรวงสุดาเดินออกมาจากครัวเอ่ยชวน วันนี้นางเป็นคนลงมือเข้าครัวเองเพราะอยากทดลองทำอาหารเมนูใหม่ ๆ เอาใจสามี และให้บุตรชายกับลูกสะใภ้ได้ลิ้มลอง"คุณแม่ทานเลยครับ ผมเพิ่งทานมาเมื่อกี้นี้เอง" รณพีร์ตอบอย่างถนอมน้ำใจมารดา"แล้วหนูม่านล่ะลูก" นางหันไปถามลูกสะใภ้คนเล็กด้วยความเป็นห่วง"ทานพร้อมคุณสองมาแล้วค่ะคุณแม่" หญิงสาวตอบกลับแม่สามีด้วยความเกรงใจไม่ต่างกัน"ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ" ชายหนุ่มบอกกับมารดาก่อนเดินขึ้นชั้นสองไปม่านทิวากำลังจะก้าวเท้าขึ้นตามคนที่เป็นสามีไป อยู่ ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของน้องพายก็ดังขึ้นพร้อมกับวิ่งมากอดขาเรียวของเธอ"อาม่านมาแล้ว" น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความดีใจทำเอาม่านทิวายิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"อะไรก็ได้ค่ะ…แล้วแต่คุณสองเลยค่ะ"ม่านทิวาไม่อยากเรื่องมากกับเขา และการรับประทานอาหารมื้อนี้เป็นอีกมื้อที่เราสองคนรับประทานกันอย่างเงียบ ๆ ถึงแม้รอบกายจะมีเสียงดังรบกวนไม่น้อยสายตาของม่านทิวาเหลือบมองไปเห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมามอง เธอตกใจไม่น้อย...ไม่คิดว่าจะได้พบรวิดาที่นี่"วิ!" ม่านทิวาอุทานเรียกเบา ๆ ราวละเมอ"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะพี่ม่าน"น้ำเสียงกระแนะกระแหนของรวิดาดังขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้มใส่หน้าพี่สาวนอกไส้ทันที ก่อนหันไปมองรณพีร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับม่านทิวา"สวัสดีค่ะพี่สอง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีไหม" รวิดาหันมาถามรณพีร์อย่างสนิทสนมเป็นการจงใจทำให้ม่านทิวาเข้าใจผิด"สบายดี" รณพีร์ตอบอย่างไร้เยื่อใยใบหน้านิ่งขรึม ไม่ใส่ใจรวิดาเท่าที่ควร"ไม่คิดเลยนะคะว่าจะมาเจอกันที่นี่ พี่ม่านมีเงินกินของหรู ๆ แพง ๆ แบบนี้ด้วยเหรอคะ" เสียงค่อนแคะที่ค่อนข้างดังทำให้คนภายในร้านจ้องมองมาที่โต๊ะของรณพีร์ทันทีรณพีร์กำลังจะอ้าปากตอบคำถามของคนรักเก่าแทนม่านทิวา แต่ไม่ทันเพราะหญิงสา
ม่านทิวาเดินตามหลังชายหนุ่มโดยเว้นระยะห่างตามที่เขาเคยสั่งเธอไว้ คนตัวเล็กมองรอบบ้านที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราน่าอยู่ โทนสีขาวตัดกับสีเทาให้ความสุขุมนุ่มลึกตามแบบฉบับของเจ้าของบ้าน เท้าเรียวเดินมาหยุดยืนอยู่มุมหนึ่งของบ้าน ไม่ได้เดินตามเขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยแต่อย่างใดมันไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่ถ้าเดินตามเขาเข้าไปชายหนุ่มคงไม่พอใจเธอแน่ ๆ และยังคงจดจำข้อตกลงของเขาได้เป็นอย่างดี เธอรออยู่ตรงนี้น่าจะเป็นการดีที่สุดเวลาผ่านไปม่านทิวาจึงเดินมานั่งบนโซฟาหรูที่ยังคงห่อหุ้มด้วยพลาสติกอย่างถือวิสาสะ ในใจยังกังวลว่าเจ้าของบ้านเห็นเข้าจะต่อว่าเอาได้ แต่เธอนั้นเมื่อยขาเกินกว่าที่จะยืนไหว นั่งไม่นานก็เผลอหลับไปอีกครั้งด้วยความเพลียจับใจ"งั้นรบกวนคุณจัดการแก้ไขและเปลี่ยนตามที่ผมบอกด้วยนะครับ" ชายหนุ่มบอกกับคนที่เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านและอินทีเรียที่เป็นพนักงานในบริษัทของเขาเอง"ได้ครับคุณรณพีร์ เดี๋ยวพวกผมจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อย ไม่เกินหนึ่งเดือนครับ""ครับ" เจ้าของบ้านหนุ่มหล่อพยักหน้ารับอย่างขอบคุณตอนนี้ก็เวลาราว ๆ สี่โม
ม่านทิวาถูกร่างสูงของสามีกึ่งลากกึ่งจูงออกมาจากร้านกาแฟที่ชายหนุ่มให้ลูกน้องคนสนิทตามมาดูว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน หลังจากที่เขาจัดการงานของตนเองเสร็จเรียบร้อยจึงตามออกมา ในจังหวะที่เขาเข้ามาในร้านก็ได้ยินม่านทิวากำลังพูดเรื่องลับ ๆ ระหว่างเราอยู่พอดี ใจก็อยากจะเข้าไปกระชากตัวหญิงสาวออกมาจากตรงนั้นก่อนที่เรื่องนี้จะมีคนรู้มากกว่าที่ควรแต่ไม่รู้เหตุใดทำไมเขาถึงกลับใจยืนหลบมุมคอยฟังว่าสาวเจ้าจะพูดอะไรบ้าง จะรักษาคำพูดที่เคยให้ไว้หรือไม่ แต่แล้วเธอก็ทำแบบนั้นจริง ๆ บอกกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพียงนิดหนึ่งแล้วก็ปิดบังความจริงส่วนใหญ่เอาไว้ตามสัญญา"คุณสอง...ปล่อยฉันค่ะ ฉันเจ็บนะ” คนตัวเล็กอ้อนวอนและพยายามบิดข้อมือออกจากมือหนาทันทีที่เดินมาถึงรถยนต์คันหรู ชายหนุ่มเปิดประตูและผลักหญิงสาวให้เข้าไปนั่งในรถทันที พร้อมกำชับว่าหากลงมา ‘โดนดีแน่’ม่านทิวาจึงอยู่นิ่ง ๆ บนรถตามคำขู่ของคนใจร้าย และนั่งนิ่งอยู่ภายในรถด้วยความร้อนอกร้อนใจ"ทำไมเธอไม่ถอดแหวนแต่งงานออกตามที่ฉันสั่ง" ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวทันทีที่เข้ามานั่งเบาะฝั่งคนขับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้า
ม่านทิวาส่ายหน้าให้กับคำตอบของเพื่อนก่อนหันไปจ่ายค่าเครื่องดื่มให้กับพนักงาน"ฉันง่วงไม่ไหวแล้วอะ ขอกลับก่อนนะ"ม่านทิวาบอกกับเพื่อนเสียงงัวเงียทางอ่อนเพลีย เธอขอตัวกลับทันทีเพราะตอนนี้เริ่มจะง่วงขึ้นมาอีกแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเสียมารยาทมากแค่ไหนที่เธอนั้นมาทีหลังยังจะขอกลับก่อน"แล้วจะกลับยังไง ให้พวกฉันไปส่งไหม"วีรพลขันอาสาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ถ้าง่วงแบบนี้ให้กลับเองไม่ดีแน่ ทว่าอีกใจคืออยากเห็นบ้านสามีเพื่อนด้วยนั่นแหละ ว่าบ้านสามีของเพื่อนสาวจะใหญ่อลังการหรือเปล่า ในจังหวะที่ม่านทิวากำลังจะตอบกลับ เสียงเข้มของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ“ถ้าง่วงก็กลับบ้าน"ม่านทิวาที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ต้องชะงัก เงยหน้าขึ้นมาดูว่าเสียงนั้นใช่คนที่เธอคิดไว้หรือไม่ใช่...เขาคือคนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด นั่นก็คือรณพีร์ แต่จะว่าไปเขามาอยู่อะไรที่นี่"คุณสอง""ฉันมารับกลับบ้าน" ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงเข้มก่อนหันมาบอกเพื่อนของเธอ "ขอตัวพาภรรยากลับบ้านก่อนนะครับ" พูดจบก็คว้ามือเรียวของคนตัวเล็กออกจากร้านท่ามกลางความมึนงงของสาว